Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง“รัก...ติดดิน”
CHAPTER 21 – คิมหันต์ผู้ชี้ทางสว่าง“อาทิตย์..ตื่น!”
“อืม”
“อืมแล้วก็ลุกสิ!!”
เด็กหนุ่มร่างสูงลืมตางัวเงีย พอเห็นหน้ามุ่ย ๆ ของอีกฝ่ายแต่เช้ามืดก็กางแขนสองข้างของตัวเองออกกว้างพร้อมส่งรอยยิ้มง่วงงุน... “ต้องทำไงก่อน?”
ปิ่นหยกยืนขมวดคิ้วไม่มีทีท่าว่าจะขยับ และพอเห็นว่าเป็นอย่างนั้นอาทิตย์ก็กลับสู่ดินแดนนิทราทั้งที่แขนยังกางอยู่ท่าเดิม
“...อาทิตย์”
นิ่งสนิท เขายกมือกุมขมับ สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหม
“......”
ที่นอนยวบลงด้วยน้ำหนักอีกคนที่เพิ่มขึ้นมา พร้อมกับความอุ่นซ่านจากร่างกายซึ่งสัมผัสได้ผ่านกอด
เด็กหนุ่มร่างสูงแอบหรี่ตามองก็เห็นแต่หัวยุ่ง ๆ สีน้ำตาลเข้มวางอยู่บนไหล่ซ้ายของเขา รู้สึกได้กระทั่งเสียง ตุบ..ตุบ...จากหน้าอกของอีกฝ่ายที่กระทบอยู่แถวหน้าท้อง ให้ตายเถอะ...น่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“รีบลุกมาทำงานทำการ...ก่อนฉันจะหมดความอดทน”
ได้ยินเสียงปิ่นหยกคำรามลอดไรฟัน แต่คำพูดคนละเรื่องกับการกระทำนั้นกลับทำให้อาทิตย์หน้าบานจนแก้มแทบปริ
“อรุณสวัสดิ์นะ”
เขาโน้มตัวขึ้นมา เกลี่ยปอยผมนุ่มนิ่มบนใบหน้าคนที่นอนเกยอยู่แล้วขโมยจูบบนหน้าผากไปทีหนึ่ง
เมื่อวานจูบปลายจมูก เมื่อวานซืนที่คาง สามวันที่แล้วตรงริมฝีปาก..เขากำลังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะเอาเป็นตรงไหนดีแล้วก็ถึงกับต้องใช้ความพยายามกลั้นยิ้มสุดชีวิต มากกว่านี้อีกนิดปากต้องฉีกแน่ ๆ ถึงปิ่นหยกจะเลิกโวยวายไปได้สองสามวันแล้ว อาจจะด้วยเหนื่อย เพลีย หรือเริ่มทำใจได้อะไรก็ตาม แต่อาการหน้าแดงและเงอะงะไปอีกพักใหญ่หลังเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้แต่ละครั้งก็ยิ่งชวนให้รู้สึกอยากทำแบบนี้บ่อย ๆ
‘เป็นแฟนกัน’ ...มันดีอย่างนี้เอง
....................................................................
.......................................
เสียงกระดิ่งจักรยานดังขึ้นหน้าร้าน ปิ่นหยกเหลือบมองนาฬิกาพลางรวบกระเป๋าหนังสือและแฟ้มรายงานหนาเตอะจากหลังเคาท์เตอร์ วิ่งออกมาก็เห็นอาทิตย์ยืนคร่อมจักรยานรออยู่ บนโครงสีเหลืองดำยังมีชื่อเจ้าของเขียนไว้ชัดเจน ส่วนชื่อเขาเองหลังจากบังคับไอ้คนเขียนให้มานั่งขัดแล้วขัดอีกก็ยังไม่ออกสักทีเหมือนเจ้าตัวไม่เต็มใจขัดเลยตัดปัญหาด้วยการเอาปากกาหมึกสีเดียวกันขีดฆ่าทิ้งไปเรียบร้อย
ปิ่นหยกกระโดดขึ้นที่นั่งคนซ้อน แลกกับการเข่าเปิงไปสองสามครั้งก่อนหน้านี้ด้วยฝีมือคนข้างหน้า เวลาผ่านไปหลายวันก็พอจะน่าไว้ใจขึ้นมาได้บ้างในที่สุด
“ซิ่งเลยไอ้ลูกเจี๊ยบ!”
เด็กหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะออกแรงถีบบันไดจักรยานไปข้างหน้า เป็นลูกเจี๊ยบของปิ่นหยกก็ไม่เลวนักหรอก.. โดยเฉพาะเวลาจักรยานส่ายไปมาเหมือนจะล้มแล้วสองมือคนข้างหลังก็ตะครุบหมับที่เอวเขาแบบนี้
“นิ่ง ๆ สิเว้ย ไหนว่าขี่แข็งแล้วไง!”
“นาน ๆ ทีก็มีเซกันบ้าง”
เขาอ้างไปเรื่อยเปื่อย จงใจส่ายหัวจักรยานไปมาอีกนิดหน่อยเรียกเสียงสรรเสริญบุพการีจากคนข้างหลังจนไปถึงเขตตึกร้างเก่า ๆ ที่เคยเดินตามปิ่นหยกมาเมื่อตอนเปิดเรียนวันแรก ผ่านกองเศษเหล็กคุ้นตาที่ยังสุมกันอยู่ที่เดิมแล้วก็พึมพำออกมา
“ตรงนี้จำได้เลย”
ปิ่นหยกหันหลังไปมองตามกองสนิมขนาดใหญ่จนลับสายตา ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังชัดเจนจนรู้สึกเหมือนเวลาเพิ่งผ่านมาเพียงไม่เท่าไร ทั้งที่ความสัมพันธ์วุ่นวายเลยเถิดมาขนาดนี้แล้วแท้ ๆ
มีแฟน.....เป็นผู้ชาย.... รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!
...................................................
....................................
ปิ่นหยกหยุดพักจากแบบฝึกหัดที่กำลังทำ สายตาเหลือบมองไปทางประตูห้องเรียน... ไม่มีวี่แววว่าอาทิตย์จะอยู่ตรงนั้น
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ นาน ๆ ครั้งจะได้แยกกันบ้าง ขอให้โดนอาจารย์ใช้งานต่อให้นาน ๆ ไปเลย! หันไปสนใจโต๊ะข้างเคียงก็เห็นคิมกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างยุกยิกลงในสมุดซึ่งเขามั่นใจว่าไม่ใช่สิ่งที่อาจารย์สั่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วปล่อยให้นั่งทำแบบฝึกหัดกันในคาบสุดท้ายแน่นอน
อืม...จังหวะกำลังดี...ตอนที่ไอ้ลูกเจี๊ยบไม่อยู่นี่แหละ
"…คิม...."
"หือ?"
"................" ปิ่นหยกขมวดคิ้วแน่น... จะพูดยังไงดีนะ
"เอ่อ....มีปากกาให้ยืมปะ"
"ปากกาแกก็อยู่ในมือที่เขียนยิก ๆ นั่นไง"
เด็กหนุ่มหัวเราะแห้ง ๆ "เออว่ะ...โทษที"
“........”
ผ่านไปหนึ่งนาที
"คิม"
"อะไร"
"...คือว่า...."
คิมพยักหน้ารอฟัง
"...แบบ.....แกว่าเย็นนี้ฝนจะตกไหม"
เด็กหนุ่มผมทองหรี่ตาจนแทบจะปิด "แดดเปรี้ยงขนาดนี้แกว่าจะตกไหมล่ะ"
"คิม"
"อะไรอีกวะ"
"...ฮ่า ๆ ๆ ลืมไปแล้ว"
"คิม"
"นี่คิม"
"....ไอ้คิม"
"มีอะไรก็พูดมาสิวะ!"ปิ่นหยกยิ้มแห้ง ๆ ทิ้งระยะให้คิมทึ้งหัวทอง ๆ ของตัวเองเล่นจนเสียงทรงอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมเอ่ยปากออกมาในที่สุด
"...คือ...มีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยว่ะ"
อีกฝ่ายเลิกคิ้วพร้อมกับส่ายหน้าระอาใจ... บอกมาแค่นี้ตั้งแต่แรกมันลำบากตรงไหนกัน
"เรื่องอะไร"
".......เรื่อง..." ปิ่นหยกอ้ำอึ้ง
จะอ้าปากพูดต่อก็ไม่รู้ควรเริ่มต้นตรงไหนดี กำลังคิดเปลี่ยนใจเก็บเอาไว้พูดวันหลังคิมก็แทรกขึ้นมาเหมือนอ่านเกมออก
"เรื่องไอ้คุณชายอาทิตย์?"
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง ใบหน้าร้อนฉ่าอย่างควบคุมไม่ได้ "แกเลี้ยงกุมารทองจริง ๆ ใช่ไหม!?"
เด็กหนุ่มผมทองแค่นหัวเราะ
อย่างที่คิดไม่มีผิด... กว่าจะยอมคายออกมาได้แทบต้องเอารองเท้าผ้าใบง้างปาก
"ฟายปิ่นเอ๊ย" คิมลุกขึ้นมากอดคอเพื่อนรักหมับ "ฉันไม่ได้เลี้ยงกุมาร แต่แกอะเลี้ยงนกเอี้ยงไว้บนไหล่รึเปล่าวะ ฮ่า ๆ ๆ"
"ไอ้เวร กรูไม่ใช่หุ่นไล่กา"
"จ้ะ ๆ" เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อย "ถือว่าด่าไม่เคลียร์ จะยกประโยชน์ให้ควายน้อยก็ได้"
"เลววว!!! ไม่ถามแล้วว้อย"
“โอย..ท่านปิ่นงอน กลัวแล้วครับ”
“ฉันซีเรียสนะเว้ย!”
คิมเกือบจะแซวต่อแล้ว แต่เห็นสีหน้ามู่ทู่แถมยังแดงไปทั้งหน้าของเพื่อนรักเลยยั้งปากเอาไว้ทัน เหลือเพียงเสียงหัวเราะหลุดออกมานิดหน่อยด้วยกลั้นไม่ไหวจริง ๆ
“....อุ...หึ ๆ ...โอเค..โทษทีว่ะ มีอะไรว่ามาเพื่อน”
ปิ่นหยกเหลือบตามองคนที่กำลังพยายามทำตัวขรึมตรงหน้า จะว่าไปก็เป็นเพื่อนกันมานาน แถมคิมก็หูไวตาไว เขาคิดว่าเพื่อนคนนี้อาจจะรู้จักเขาดียิ่งกว่าที่ตัวเองคิดเสียอีกเพียงแต่ว่าคิมจะพูดออกมาแค่ไหนเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็น่าจะปรึกษาได้ทุกเรื่อง
แม้แต่เรื่องน่าอายแบบนี้....ใช่ไหม?“.....คิม.......แกว่า.....อาทิตย์มันเป็นไง”
คิมทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย เขาตั้งใจเอาไว้ว่าน่าจะได้คำถามที่เด็ดกว่านี้สักหน่อย แต่อย่างว่า...อีกฝ่ายเป็นปิ่นหยก หลุดออกมาแค่นี้ก็ดีถมถืดแล้ว
“เป็นคุณชายมึน ๆ เรื่อยเฉื่อยไม่ค่อยสนใจโลก”
ปิ่นหยกพยักหน้า สมองคิดหาถ้อยคำจะถามอะไรไม่ให้ดูประเจิดประเจ้อเกินไปนัก
“แล้ว...มันเคยมีแฟนหรือคบ ๆ กับใครบ้างไหม”
เด็กหนุ่มผมทองกลอกตา เริ่มขี้เกียจจะสานต่อบทสนทนาอ้อมค้อมของปิ่นหยกเต็มที
“ก็มีเหมือนจะกิ๊กกับสาวบ้าง แต่ไม่จริงจัง ยังไม่ทันได้ควงเป็นแฟนก็เลิกยุ่ง”
“เหรอ...แล้ว....แบบ...นอกจากสาว ๆ ล่ะ”
“หมายถึง?”
“.....หมายถึง...แนวอื่น.....ที่ไม่ใช่.....ผู้หญิง”
เขากัดลิ้นตัวเอง ถามอย่างนี้ไปเรื่อยอีกนิดต้องเข้าตัวแน่ ๆ
“กำลังจะถามว่ามันเคยคบกับผู้ชายหรือเปล่างั้นสินะ?”
ถึงตรงนี้หัวใจกลับเต้นระรัวขึ้นมาบอกไม่ถูก แต่ละจังหวะที่สูบฉีดเลือดออกมาเขามั่นใจว่าต้องได้ยินไปถึงหูคิมแน่นอน เขาไม่มีเสียงจะตอบจึงเพียงแต่พยักหน้าโดยไม่ยอมสบตาคู่สนทนา ได้ยินเสียงคิมพ่นลมหายใจออกจมูกที่เดาเอาเองว่าคงเป็นอารมณ์กึ่งขำกึ่งเวทนาก่อนประโยคหลังจากนั้นจะทำเขาแทบล้มตึงลงไปกองกับพื้น
“มีแกคนแรกนี่แหละ”“ว่าไงนะ!!!?”คิมยักไหล่ “ฉันรู้แกได้ยินชัดเต็มสองรูหูแล้ว แต่ถ้าอยากฟังเน้น ๆ จะบอกให้อีกทีว่าแกนั่นแหละคู่เกย์คนแรกของมัน”
ชัดมากเพื่อนรัก คิมแม่มโคตรโหด เสียแรงอุตส่าห์พาคุยอ้อมโลกแทบตาย
เขาลากอีกฝ่ายมาหลบอยู่มุมห้องตรงที่ไกลผู้ไกลคน หันมองซ้ายขวาไม่มีใครจึงละล่ำละลักออกมาเสียงเบาหวิว
“....ถามจริง แกรู้อะไรแค่ไหนแล้ว”
ตาตี่ ๆ ปรายมองใบหน้าขึ้นสีระเรื่อของเพื่อนรักอย่างประเมินสถานการณ์ เลยไปจนถึงรอยแดงจางบนต้นคอที่วันดีคืนดีก็เพิ่มขึ้นมาใหม่เหมือนแบ่งตัวได้
“จะให้พูดตรง ๆ แกรับได้แค่ไหนล่ะ”
ปิ่นหยกแทบหลุดสะอื้นออกมา เขาควรดีใจหรือเสียใจดีที่มีเพื่อนรู้มากแบบนี้
เอาวะ... ไหน ๆ ก็ไหน ๆ จะได้ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว
“...มันบอกมันชอบฉัน”
คิมไม่มีทีท่าประหลาดใจสักนิด.. นิ่งสนิทเหมือนฟังเรื่องที่เห็นชัดเจนอยู่แล้ว มีแต่เขานี่เองที่จะปากสั่นใจสั่นอะไรนักหนาก็ไม่รู้
“.....ล....แล้วก็.........จูบ....”
“น่าจะหลายครั้งแล้วด้วยไม่ใช่เหรอ” อีกฝ่ายตั้งข้อสังเกต สีหน้ายังคงไร้ความตื่นเต้นตกใจใด ๆ แต่เดี๋ยวก่อน...
“แล้วก็....”
มีอีกอย่างที่คิมยังไม่รู้ และเขากำลังจะบอกด้วยเสียงแหบแห้ง...
“ฉันปล้ำมัน”“ห๊ะ!!!!”แม้จะอับอายขายขี้หน้าแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของคิมครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างคุ้มทีเดียว
“เมื่อกี้ว่าไงนะ!!?”
“อย่าให้ต้องพูดซ้ำได้ไหมวะ! กรูยังเหลือยางอายอยู่บ้าง”
“น้ำหน้าอย่างแกเนี่ยนะจะกดมันลง!” คิมผลักท้ายทอยเขาหัวทิ่มพร้อมเอ่ยคำสบประมาทแบบไม่ไว้หน้า
“หน่วยก้านอย่างงี้จะปล้ำน้องอุ่นกรูว่ายังไม่มีปัญญาเลย”
“เกี่ยวอะไรกับน้องอุ่นวะ”
เขายักไหล่ “แค่ยกตัวอย่างใกล้ตัว เอาเรื่องของแกก่อนเหอะ ไปคิดว่าได้กันอีท่าไหน”
“จำท่าไม่ได้หรอก เมา”
“ทีงี้กล้าเล่นนะเมิง!” เขาผลักเพื่อนรักหัวทิ่มอีกทีก่อนจะตามไปล็อคคอพาเข้ามุมแล้วกระซิบกระซาบชวนให้บรรยากาศดูลึกลับซ่อนเร้นยิ่งขึ้น
“เล่ามาดี ๆ ไอ้น้อง”
“...ก....ก็คืนนั้นที่ไปค้างชายทะเล...”
ปิ่นหยกเท้าความ แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว อับจนด้วยคำพูดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ จึงค้างไว้แค่นั้นเพื่อสงบสติอารมณ์จนถูกคิมถองเข้าทีหนึ่งตรงชายโครง เป็นวิธีใช้ความเจ็บปวดกลบความอับอายอย่างได้ผล
“เลว! เจ็บว้อย!”
...จากนั้นจึงเริ่มเล่าสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในหัว จงใจตกหล่นบางส่วนที่ไม่จำเป็นไปบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้ามองหน้าเพื่อนแสนรู้คนนี้ไปอีกนาน
......................................................
..............................
“สรุปว่าเรื่องก่อนนั้นแกจำไม่ได้”
“......จะว่างั้นก็ได้”
“ถุย! แล้วเอาอะไรมาเชื่อว่าไปปล้ำมันแล้วจริง ๆ”
“ก็มันบอก”
“แล้วเชื่อ!?”
“อ่า.....” ปิ่นหยกเริ่มเสียงแผ่ว “.......ประมาณนั้น”
คิมทำหน้าเหมือนกำลังคุยอยู่กับไอ้งั่งที่สุดในจักรวาล ซึ่งคงจะดีกว่านี้ถ้าไอ้งั่งคนนั้นไม่ใช่เขาเอง
“ฉันจะไม่ด่านะ...เพราะเดี๋ยวแกทำใจไม่ได้...แต่โอ๊ย! โง่บัดซบ! แล้วยังจะทำตัวแมนไปรับผิดชอบอีกนะ ทั้งโง่ทั้งแมน ไปเป็นพระเอกละครเหอะไอ้ปิ่น ละครไทยต้องการผู้ชายอย่างแกนี่แหละ”
“ไหนบอกจะไม่ด่าไงวะ” ปิ่นหยกบ่นหงุงหงิง เริ่มรู้สึกตัวเองโง่บัดซบเหมือนอย่างที่คิมว่าจริง ๆ
“แกลองคิดดูดี ๆ นะ ตื่นมาเช้านั้นเห็นร่องรอยอะไรบนตัวมันบ้างไหม ไอ้แบบที่ขึ้นเป็นจ้ำ ๆ บนคอแกเนี่ย”
ผู้ถูกพาดพิงสะดุ้งเฮือก ยกมือขึ้นกุมคอเสื้อโดยไม่รู้ตัวแม้จะไม่ทันแล้ว
“.....คือวันนั้นไม่กล้ามองตรง ๆ ว่ะ”
“โอย..งั้นเอาใหม่ บนเตียงล่ะ...ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน มีรอยอะไรน่าสงสัยบ้างรึเปล่า...คราบอะไรที่มันควรจะมีถ้าปั่มป๊ามกันแล้วจริง ๆ น่ะ”
เขาเม้มปากแน่น หัวคิ้วขมวดมุ่น ทั้งหน้าร้อนวูบไปหมด ไอ้คิมพูดตรงฉิบหาย...
“...ม..ไม่เห็น...มั้ง”
คิมกลอกตาไปมา ส่ายหน้าเบา ๆ กับความซื่อที่เกือบเข้าเกณฑ์บื้อของปิ่นหยก
“ทีนี้ตั้งสติคิดใหม่ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างนอกจากที่มันอ้าง แล้วดูไซส์แกซิ”
“ฉันก็ไม่เล็กนะ”
คิมตบเขาหัวทิ่มไร้ความปรานี “ทะลึ่งแล้วเมิง! เวลาอยู่กับไอ้คุณชายนั่นไม่เห็นได้อย่างนี้”
และปิ่นหยกหันไปโบกคืนหนึ่งทีอย่างคับแค้นใจ
“อารมณ์ขันอะ พ่อไม่ได้สอนมาเหรอ แกแม่มพูดแต่อะไรน่าอายมันก็ต้องมีเบรกมั่งสิ!”
เขากำลังจะอ้าปากพูดต่อหลังจากแลกกันไปคนละที คนที่อยู่ในบทสนทนาก็โผล่มาอยู่ข้างหลังพลางกอดคอเขาหมับแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“รอนานไหม..กลับกันยังปิ่นหยก”
ตายยากฉิบหาย! เห็นหน้าแล้วโคตรหมั่นไส้คิมหันมายักคิ้ว ส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้ลองนึกดูอีกทีแล้วเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยเขายืนมองผู้มาใหม่ขณะที่จมกับความคิดในหัว...
“กลับสิ"
เขาเอ่ยเสียงเย็นหลังจากปล่อยเวลาทิ้งขว้างไปครู่ใหญ่ พอจะนึกถึงความไม่สมเหตุสมผลของเรื่องที่ผ่านมาได้ราง ๆ
"กำลังรอเลย”
และเห็นทีน่าจะรีบกลับกันหน่อย
เพราะวันนี้คงมีเรื่องต้องคุยอีกยาวTo be continued…คุยกันท้ายเรื่องคิมช่างเป็นกัลยาณมิตร //เรอะ!? 5555
ก่อนไปขอแปะผลโหวตตัวละครที่ถามไป ก็เลยเอามานั่งนับคะแนนแล้ววาดรูปเล่น แฮ่ ๆ =w=

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ค่ะ

แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ^_^