CHAPTER 23 - ช่วงเวลาที่เป็นคนรัก(2)
“อย่าเซดิ! มันหวาดเสียว”
“งั้นก็เกาะเอวไว้แน่น ๆ”
“ไม่เกาะเว้ย”
ก่อนจักรยานจะสะดุดตกหลุมบนถนน ทำท่าเหมือนจะล้ม
“เว้ยยยยย!!!”ไม่เกาะหรอก...แต่กอดเลย บัดซบ!!! ฝีมือห่วยแตกหรือเมิงจงใจขี่ไปตกหลุมวะ!! เขารีบปล่อยทันทีที่รู้ตัวแล้วย้ายมือมาวางไว้บนเบาะอย่างสงบเสงี่ยม
แสงไฟสีหลากสีกระจุกกันอยู่ไม่ไกล เสียงแม่ค้าตะโกนดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ท่ามกลางผู้คนเดินไปมาขวั่กไขว่
“อาทิตย์ ๆ” เขาตีแขนคนข้างหน้าเบา ๆ “จอดดิ๊”
“มีอะไรรึเปล่า?”
“มาถึงนี่แล้ว ไปเดินตลาดโต้รุ่งกัน”
“ตลาดโต้รุ่ง?”
“เออดิ...จอดเร็ว เลี้ยวซ้ายตรงนั้นว่าง เร็วเว้ยเดี๋ยวโดนพี่มอ'ไซค์ข้างหลังแย่ง”
มือใหม่หัดขี่มัวแต่ชักช้าไม่ได้อย่างใจเขาเลยกระโจนลงมาทั้งที่ยังไม่ได้จอดแล้ววิ่งแซงไปกระโดดเหย็ง ๆ อยู่ริมถนนพร้อมกับโบกมือไปด้วย “ตรงนี้ ๆ”
อาทิตย์พาจักรยานเลียบไปตามที่ว่างซึ่งอีกฝ่ายยืนจองไว้อย่างว่าง่าย เสร็จเรียบร้อยก็โดนลากหายเข้าไปในฝูงชนที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังไม่หลับไม่นอน
จากที่โดนลากอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้คนเยอะเสียจนปิ่นหยกโดนดันไปอยู่ข้างหลัง อาทิตย์ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตลาดโต้รุ่งอะไรที่ว่าจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนขนาดนี้ โดยเฉพาะบริเวณข้างหน้าบางร้านซึ่งคนไปมุงกันอยู่อย่างกับแจกของฟรี เด็กหนุ่มร่างสูงหันกลับไปมองหาผู้โดยสารของเขา ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนยังเดินข้างกันมาอยู่ดี ๆ เผลอแผล็บเดียวโดนดันห่างออกไปตั้งสามสี่ช่วงตัวเสียแล้ว
เขาหยุดยืนรอให้อีกฝ่ายเบียดตัวแทรกผู้คนจนมายืนเหงื่อตกอยู่ข้างกันได้ในที่สุด
“ไม่ได้มานาน...คนเยอะฉิบหาย”
“นายเหงื่อชุ่มเลย”
อาทิตย์ยกมือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากคนตรงหน้า ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก
“ทำไรวะ!?”
เขาไม่ตอบ แต่ดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ๆ แล้วออกทำสั่งแทน
“อย่าเดินห่างนะ ยิ่งสวมแค่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นอย่างนี้อีก”
ปิ่นหยกก้มลงมองตัวเอง ก็เสื้อกล้าม...แล้วไง...? อาแปะที่นั่งขายโจ๊กอยู่ตรงนั้นก็สวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเหมือนกันไม่เห็นมีอะไรประหลาด
“เปียกเหงื่อแล้ววาบหวิวมาก..” อาทิตย์ขยายความ..
นั่นทำเขาหน้าร้อนฉ่าพอ ๆ กับหม้อต้มโจ๊กของอาแปะคนนั้นไปแล้ว เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนดันถอยร่นลงไปอีก... แถวนี้มันอะไรวะเนี่ย
อาทิตย์หยุดยืนรออีกครั้ง ปิ่นหยกสาวเท้าฉับ ๆ เบียดหนุ่มตี๋ร่างบึ้กคนหนึ่งที่ขวางทางอยู่แล้วไปยืนเหงื่อตกข้างอีกฝ่ายได้ในที่สุด เด็กหนุ่มเอามือคว้าชายเสื้อคนข้าง ๆ ไว้หมับ เรียกให้เจ้าตัวหันมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ขอยืมจับหน่อย..ขี้เกียจวิ่งตาม”
เขาลอบยิ้ม มองปิ่นหยกที่กำชายเสื้อเขาไว้แน่น พวงแก้มเป็นสีแดงระเรื่อที่ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรือว่าอะไร แต่เห็นแล้วอยากก้มลงไปเอาจมูกถูเล่นเป็นบ้าถ้าไม่ติดว่ายืนอยู่กลางตลาดอย่างนี้
“เอางี้นะ”
เขาแกะมืออีกฝ่ายออกจากเสื้อ นึกสนุกเมื่อเห็นปิ่นหยกทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเบิกตากว้าง ผิวหน้าขึ้นสีแดงเข้มเมื่อเขาสอดนิ้วมือของตัวเองประสานกับนิ้วที่เพิ่งแกะจากชายเสื้อของเขาออกมา
“แบบนี้ดีกว่าเยอะเลยว่าไหม?”
ปิ่นหยกไม่รู้แบบนี้ดีกว่าจริง ๆ หรือเปล่า... รู้แต่เห็นมันยิ้มแบบนี้พร้อมกับสอดนิ้วมือเข้ามาเสียแนบแน่นแล้วเขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม.. ไม่สิ...คงเป็นเพราะแถวนี้คนเยอะไปออกซิเจนจะใช้หายใจเลยมีน้อยแน่ ๆ ไม่ใช่ว่าหวั่นไหวหรืออะไรเลยสักนิดเดียว
“ไปตรงอื่นที่คนน้อย ๆ กันดีกว่า”
เขายังตั้งตัวไม่ติดเท่าไหร่เลยปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจูงมือนำออกไปเรื่อย ๆ จับมืออย่างนี้กลางที่สาธารณะอย่างกับเป็นแฟนกันเลยให้ตาย...!
....แต่คิดอีกที...ก็เป็นแฟนกันอยู่จริง ๆ นี่นะเด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกเชื่องช้า ไม่รู้จะพูดอะไรดีจึงได้แต่ก้มหน้านับจังหวะที่ก้าวออกไปของตัวเองและคนข้าง ๆ
.....ขวา..........
................ซ้าย..........
...................ขวา............ซ้าย...........
ขาเขาสั้นกว่านิดหน่อย...และอาทิตย์จงใจก้าวช้าลงจนจังหวะเดินเป็นไปพร้อมกัน
มันฟังดูบ้าที่อยู่ ๆ เขาก็ยิ้มออกมากับแค่นับก้าวเดินนั้น... มือที่กุมกันอยู่เผลอกระชับเสียแน่น
.....มันอุ่น.....เขาอยู่ตัวคนเดียวมาเนิ่นนาน เหงาบ้างอะไรบ้าง พอมีใครให้เดินกุมมือข้างกายแบบนี้
ทำไมความอบอุ่นจากมือมันถึงลามไปอุ่นในใจได้กันนะ.............................................................
.....................................
....โครกกก.....กก.....เสียงท้องร้องทำลายบรรยากาศหมดสิ้น ดึกดื่นออกมาเดินร่อนมันก็ต้องมีหิวกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แถมร้านรวงวางขายของกินคอยยั่วน้ำลายตลอดทางซะขนาดนี้จะให้ทนไหวไปได้สักกี่น้ำ
“ได้เอาเงินมาด้วยรึเปล่า”
ปิ่นหยกหันไปถามเมื่อเดินผ่านร้านน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ เขาหันมองตามจนเหลียวหลังและอาทิตย์ส่ายหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ แสงแห่งความหวังเป็นอันดับวูบ เวรกรรม...ออกมาข้างนอกไม่มีใครพกเงินมาสักบาท
เขาก้มลงมองพื้นรอบตัว แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับวัตถุสีเงินรูปร่างกลมแบนที่หล่นอยู่บนพื้น
เหรียญหนึ่งบาทไม่มีเจ้าของ
นี่คือของขวัญจากเทพเจ้าแห่งเงินตราใช่ไหมครับ...!?เขาก้มลงเก็บมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม จากนั้นจึงวิ่งถลาไปหน้าร้านน้ำเต้าหูปาท่องโก๋ที่ทำสัญญาใจกันเอาไว้เมื่อครู่
“ปาท่องโก๋บาทนึงครับ!”แม่ค้าทำหน้างงเหมือนเขาเพิ่งไปสู่ขอลูกสาวเธอแต่งงานด้วยเงินสินสอดหนึ่งบาท ก่อนจะตั้งตัวได้ในอึดใจถัดมาแล้วตอบเสียงเหี้ยมเกรียม
“ไม่ขาย!”อาทิตย์ที่โดนลากมาด้วยกระตุกมือเขาเบา ๆ ชี้ชวนให้ดูป้ายหน้าร้าน
‘ปาท่องโก๋ตัวละ 2 บาท’เขายิ้มแหย “....เอ่อ....เอาครึ่งตัวก็ได้...”
คุณป้าแม่ค้านิ่งไปเลยเด็กหนุ่มยืนรอ... ไม่รู้เธอคิดเลขไม่เป็นหรืออย่างไร ตัวละสองบาท ครึ่งตัวหนึ่งบาท ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อน เสียงท้องร้องดังขึ้นอีกครั้ง เขาทนความหิวไม่ไหวแล้ว!
ปิ่นหยกหยิบปาท่องโก๋ในถาดขึ้นมาหนึ่งตัว จับมันฉีกออกแล้ววางครึ่งหนึ่งกลับที่เดิมพร้อมกับเหรียญบาทหนึ่งเหรียญ จากนั้นรีบกระตุกแขนอาทิตย์ให้โกยอ้าวก่อนจะโดนด่าไปถึงบุพการีที่นอนอยู่บ้าน
“ไอ้เด็กเวรรรร!!” เขาได้ยินเสียงเธอเอ็ดตะโรตามหลัง แต่ ณ จุดนี้ช่างหัวมันแล้ว ไม่ได้ขโมยของเสียหน่อย เขาแค่ซื้อปลีกเท่านั้นเอง ทำโกรธเป็นสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนไปได้
อาทิตย์ดูจะยังงงกับเหตุการณ์อยู่ไม่น้อย... แต่ก็ยังจับมือพากันวิ่งเลยจากออกจากตลาดมาที่ริมถนน ปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนพัดมาปะทะใบหน้า พวกเขาออกมาไกลจนเสียงจ้อกแจ้กของผู้คนเงียบหายไปฝีเท้าจึงชะลอลงพร้อมกับเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ค่อยดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างชอบอกชอบใจของคุณชาย
“....หึ ๆ...”
“???”
“...ปิ่นหยกซื้อของได้เพี้ยนมาก....ฮ่า ๆ ๆ” เจ้าของชื่อหันขวับไปมองเตรียมจะโวย ถูกคนอย่างมันว่าเพี้ยนนี่ถือว่าหยาบคายมากทีเดียว แต่พอเห็นใบหน้าคมที่หัวเราะร่าเหมือนเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดาก็ทำเอาเขาด่าไม่ออกแถมยังหลุดหัวเราะตามไปด้วย... ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็เพิ่งเคยเห็นไอ้ลูกเจี๊ยบนี่หัวเราะเปิดเผยขนาดนี้ครั้งแรกนี่เอง ที่น่าสงสัยคือเขาเองทำไมจะต้องใจสั่นขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้
ต้องเป็นเพราะหิวมากแหง ๆ“เจ๋งปะล่ะ! ไม่เคยอะดิซื้อปาท่องโก๋ทีละครึ่งตัวอะ” เขาถือโอกาสอวดแล้วฉีกสินค้าที่เพิ่งซื้อปลีกมาแยกเป็นสองชิ้น
“เห็นหน้าคุณป้าแม่ค้าเมื่อกี้ปะ โคตรฮาเลย”
เขาเหลือบมองอาทิตย์ที่ยังหัวเราะร่าไม่หยุด เวลาทำหน้าแบบนี้ก็ดูเป็นลูกเจี๊ยบน้อยไร้พิษภัย ไม่รู้ตลกอะไรจะขนาดนั้น ทำเหมือนเด็กน้อยไม่เคยทะเลาะกับชาวบ้านร้านตลาดไปได้
แต่อย่างว่า...คุณชายขนาดนั้นก็คงไม่เคยจริง ๆ นั่นแหละ
“อะ..อันนี้แบ่ง”
เขายื่นปาท่องโก๋ที่ถูกฉีกออกเป็นสองส่วนเมื่อครู่ซึ่งผ่านการประเมินแล้วว่าชิ้นเล็กว่าของเขานิดหน่อยไปให้ “ขอบพระคุณท่านปิ่นผู้ใจบุญเพราะ ๆ เลย”
อาทิตย์หันมามอง แต่นอกจากไม่ขอบคุณแล้วยังจะออกคำสั่งอีก
“ป้อนสิ”
“ป้อนบ้าอะไร เดี๋ยวปั๊ดฟาดเรียบคนเดียวซะนี่!”
“กินไม่แบ่งจะแย่งจากปากเลยคอยดู”
เขาสะดุ้ง เสียวสันหลังวาบตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงก้นกบ เดี๋ยวนี้แม่มปีกกล้าขาแข็งมาก ตัดสินใจจับยัด ๆ ใส่ปากมันไปจบเรื่องจบราว “เอ้า ๆ พอใจยัง”
อีกฝ่ายยักยิ้ม ริมฝีปากอิ่มวนอยู่แถวปาท่องโก๋กับนิ้วเขา สีคล้าย ๆ กันอย่าได้กัดมาเชียวนะเมิง
ไม่ทันขาดคำ...
“เลว!!! กัดนิ้วทำพร่องงง!!”อาทิตย์ยักไหล่ “ก็หิวนี่”
“หิวแล้วมากินนิ้วกรูเนี่ยนะ!!”“กินได้ทั้งตัวก็กินไปแล้ว”
ตาย...ตายไปเลย....!! เขาเองนี่แหละไม่ใช่มัน...ร่างสูงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนอึ้งอยู่นาน เขาขยับเข้าไปใกล้ พิศมองใบหน้าที่เคยเฝ้าดูห่าง ๆ มานานนับปี แต่ก็ยังไม่รู้จักเบื่อ
...ริมถนนที่มีแสงไฟส้มวิบวับข้างทาง รถราซึ่งแล่นผ่านไปมาไม่มีใครหันมาสนใจเด็กหนุ่มมัธยมสองคนตรงนี้ พวกเขาเป็นแค่ฝุ่นผงเล็ก ๆ ของจักรวาล และตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาใครอื่น
เขาดึงแขนคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น โอบศีรษะร่างในอ้อมกอดแนบไว้กับตัวแล้วก้มลงฝังใบหน้าไปกับเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่ม หูของอีกฝ่ายน่าจะแนบอยู่ที่หน้าอกเขาพอดีและคงได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักแบบที่ไม่เคยเกิดกับคนอื่นมาก่อน ซึ่งคนฉลาดอย่างปิ่นหยกถ้าไม่ได้หลอกตัวเองอยู่ก็ควรจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นเพราะอะไร...
แต่ถ้ายังไม่เข้าใจเขาก็อยากจะบอกให้ชัดเจน...ด้วยภาษาแบบเดียวกับที่ปิ่นหยกใช้นั่นแหละ
“ฉันโคตรชอบนาย ชอบบัดซบ! ชอบแม่งฉิบหายวายป่วงหมดแล้ว!!” อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร
ทว่าก็ไม่ได้ขัดขืนจากมุมนี้เขามองไม่เห็นใบหน้าที่ซุกอยู่กับอกตัวเองอยู่ แต่วงแขนซึ่งกอดตอบกลับมาก็คงเป็นความหวังให้เขาได้บ้าง.....ใช่ไหม....?
“จะรอนะ”
เผื่อว่าบางที...ปิ่นหยกอาจจะเกิดถึงนึกถึงสัตว์คอยาว....มีลายสีน้ำตาลบนพื้นเหลือง และคิดได้ว่ามันคือยีราฟ.
.
.
.
.
.
.
.
เหตุการณ์เมื่อไม่กี่คืนก่อนหน้านั้นช่างแตกต่างกับตอนนี้ราวฟ้ากับเหว
เขาจำได้ชัดเจน คืนนั้นพวกเขาขี่รถเล่น เดินจูงมือ...จากนั้นก็หาอะไรกิน บอกชอบ.....ยืนมองแสงไฟวิบวับริมถนนทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน
ครบองค์ประกอบทุกอย่าง
เดทแรกนั้นโรแมนติกแบบติดดินน่าดู.
.
.
.
แต่ตอนนี้ปิ่นหยกท่าทางจะโกรธมากทีเดียว
“สรุปว่าคืนนั้นเราไม่ได้มีอะไรกัน?”เด็กหนุ่มถามเสียงนิ่ง จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ความรู้สึกกระอักกระอ่วนแน่นอยู่ในอกลามไปถึงท้องไส้ที่ราวกับกำลังบิดเป็นเกลียวขณะที่ยืนรอคำตอบ
...และอาทิตย์พยักหน้าออกมาในที่สุดพลั่ก!!!หน้าหล่อ ๆ จะเสียโฉมก็วันนี้เอง แรงจากหมัดเมื่อครู่ทำเขาถึงกับเซมากระแทกตู้เสื้อผ้าเสียงดังสนั่นแล้วร่วงลงไปทรุดกับพื้น ประตูตู้กระเด้งเปิดออกมาข้างหนึ่ง แรงสะเทือนมากเสียจนเสื้อผ้าสองสามชิ้นไหลออกมากองข้างนอก
“หมัดนี้สำหรับที่กล้าหลอกฉันเรื่องถูกปล้ำ”
อาทิตย์ยกหลังมือขึ้นเช็ดมุมปาก เลือดสด ๆ ซึมออกจากแผลติดมือมาไม่น้อยเลย
“ส่วนนี่...”
“อั่ก!!”อีกทีที่ลิ้นปี่... คราวนี้จุกจนพูดไม่ออก ได้แต่กุมท้องตัวงอแล้วสำลักออกมาเป็นน้ำลายปนกับเลือดที่แผลแตกในปากจากหมัดแรก
“สำหรับที่หลอกให้ทำตัวเป็นแฟนตั้งหลายวัน”
“อุ!...แค่ก ๆ!!!”“แล้วก็นี่...”
เขาหลับตา คราวนี้จะเป็นที่ไหนไม่รู้ แต่หากจะทำให้อีกฝ่ายหายโกรธได้เขาก็ยอมทั้งนั้น
"........"
ความเจ็บปวดจากแผลที่มุมปากแล่นริ้วขึ้นมาถึงสมอง กลิ่นคาวและรสเค็มปร่าของเลือดยังชัดเจนอยู่ที่ลิ้น แต่อย่างอื่นที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกเหมือนมีขนนกสัมผัสอ้อยอิ่งบนริมฝีปาก
อาทิตย์ลืมตาขึ้นเชื่องช้า
ในความพร่าเลือนที่ยังค้างอยู่ตั้งแต่โดนต่อยทีแรก เขาเห็นใบหน้าอีกฝ่ายอยู่ใกล้จนลมหายใจแทบจะหลอมรวมกัน และเวลาก็ผ่านไปหลายอึดใจกว่าจะตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มันเป็นจูบธรรมดาแค่เอาปากมาแตะกันเบา ๆ เท่านั้น แถมยังมีรสเลือดค้างอยู่ที่ปลายลิ้น
แต่เขากลับรู้สึกว่าจูบนั้นหวานที่สุดเท่าที่เคยมาในชีวิต
จูบที่ปิ่นหยกเป็นคนเริ่มก่อน“....อันนี้....ขอบคุณ...”
ดวงตาสีน้ำตาลที่เขาหลงใหลนักหนาหลุบลงต่ำ ริมฝีปากเอ่ยคำกระซิบแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“...ที่อยู่ข้างกัน”
อาทิตย์คลี่ยิ้มอ่อนโยนเขาแม่งโคตรชอบปิ่นหยกจริง ๆ นั่นแหละ..........................................................................
...............................................
To be continued…คุยกันท้ายเรื่อง อาทิตย์ : เริ่มรู้สึกยีราฟกับฉันแล้วใช่ไหม
ปิ่นหยก :
‘รู้สึกยีราฟ’ คือกร๊วกอะไรครับท่านชาย หรือเป็นศัพท์ชั้นสูงที่มนุษย์ติดดินอย่างผมไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอน
ยังพอจำทฤษฎียีราฟ(?)ของอาทิตย์เมื่อหลายตอนก่อนที่เพิ่งรู้ตัวว่าชอบปิ่นหยกกันได้ไหมคะ หนุ่มกรุ๊ปเอบีคนนี้อาจจะต้องทำใจเรื่องตรรกะแปลก ๆ เพ้อ ๆ ของพี่แกนิดนึง (ฮา)
ยาวมาก กะแบ่งลงทีละตอนก็ไม่อยากให้อารมณ์ค้าง เลยลงต่อกันไปเลย เล่นซะแทบหมดแรง 555
เราเขียนย้อนไปย้อนมา เพราะอยากเอาช่วงดี ๆ กับช่วงลูกเจี๊ยบโดนต่อยมารวมด้วยกัน (เหตุผลช่าง...) หวังว่าจะไม่ทำให้สับสนค่ะ ตอนนี้เกือบทั้งตอนเป็นเรื่องช่วงที่คบเป็นแฟนกัน ส่วนช่วงท้ายเป็นหลังจากที่ถามคิมมาแล้วนั่นเอง
ขอบคุณงาม ๆ ที่ช่วยตรวจคำผิดให้ด้วยค่ะ ^^
รักคนอ่านมากมาย แล้วพบกันตอนหน้านะคะ

ปล. แถมค่ะ เพิ่งไปวาดรูปเล่นมา


เจ้ว่าคุ้มนะลูกเจี๊ยบ =////=