Dormitory boys - สะดุดรัก หอพักอลเวง“รัก...ติดดิน”
CHAPTER 24 – สิ้นสุด..เริ่มต้น
หากจะเปรียบเทียบเหตุการณ์ตอนทำตัวเป็นแฟนจนมาถึงตอนที่เขาโดนต่อยเอา ๆ หลังจากปิ่นหยกรู้ความจริง เป็นความรู้สึกซึ่งแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
จูบปิดท้ายจากอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ ก็เหมือนเขาขึ้นยานอวกาศพุ่งจากก้นเหวทะลุเมฆออกนอกโลกไปเลย.
.
.
.
ปิ่นหยกไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน เขาคงลืมกระทั่งวิธีทรงตัวไปแล้วจึงได้รู้สึกโงนเงนแปลก ๆ ความผิดพลาดของเหตุการณ์นี้อาจจะอยู่ตรงที่พวกเขาทำตัวเหมือนเป็นคนรักกันนานเกินไป มีการสัมผัสทางกายภาพมากเกินไป ...และจูบกันบ่อยเกินไป
บ่อยเสียจนเผลอคิดไปเองว่าแค่เอาปากไปแตะกันเบา ๆ อีกสักครั้งเป็นการขอบคุณคงไม่เป็นไรซึ่งเขาพลาด(อีก)แล้ว
“สมน้ำหน้า”
ประโยคนั้นบ่งชี้ว่าเหตุการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากเขาต้องใช้ความพยายามสุดชีวิตในการทำเป็นไม่สนใจอาการยิ้มเล็กยิ้มน้อยของไอ้ตัวต้นเหตุ และยังเงอะงะอยู่อีกพักใหญ่กว่าจะจัดการกับสภาพใบหน้าร้อนฉ่าจนแทบส่งเสียงหวูดพร้อมกับพ่นควันออกมาทางหูของตัวเองได้
“...ขอโทษ”
คำขอโทษนั้นช่างชวนโมโห ปิ่นหยกเอาเท้าเตะหน้าแข้งคนที่นั่งปากเจ่อพิงประตูตู้เสื้อผ้าไปหนึ่งทีด้วยความแรงซึ่งน่าจะทำให้เกิดรอยเขียวได้ในเวลาอันใกล้
“ไอ้ตอแหล!”“...ผมขอโทษครับ”
อาทิตย์เอ่ยซ้ำ และเหมือนไปกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของเขาเข้า คราวนี้มาเป็นชุด
“ไม่ต้องทำเป็นพูดดีมีชาติตระกูล ไอ้สตรอเบอร์รี่!!!! หลอกลวงปลิ้นปล้อนกะล่อนแอ๊บแบ๊ว!!!! นรกเอ๊ย!!! ไอ้ลูกเจี๊ยบเฮงซวย! จับทำนักเก็ตแมร่ม!!!! ไอ้........ไอ้อะไรอีกดีวะ!?”
“ไอ้หล่อ” อีกฝ่ายช่วยเสริม แล้วก็โดนเตะอีกที... ทำไมปิ่นหยกมือหนักเท้าหนักอย่างนี้
“หน้าหนา หลงตัวเอง! หัดส่องกระจกมั่งเหอะ!!”
เด็กหนุ่มเหลือบมองปากเจ่อ ๆ ที่พูดจาชมตัวเองแบบไม่มีอายนั่น....เลยไปถึงจมูกโด่งเรียว...นัยน์ตาดำขลับใต้แพขนตาหนา คิ้วเข้มน่าอิจฉา.....เออ... หล่อจริงก็ได้วะ! หมั่นไส้ไปสามโลกเลย ต่อยอีกทีให้หน้าแหกซะนี่จะได้เลิกทำหน้าตาดีพร่ำเพรื่อ
“ยิ้มอย่างนั้นหายโกรธแล้วใช่ไหม”
ปิ่นหยกยกมือขึ้นตะครุบปากไม่รู้ตัว เขาว่าตัวเองไม่ได้ยิ้มนะ.. ก้มลงไปมองก็เห็นคำตอบอยู่บนใบหน้าอีกฝ่าย
...อาทิตย์ต่างหากที่กำลังยิ้ม....ยิ้มทั้งเลือดกบปากอย่างนั้นแหละ
ปิ่นหยกหลอกง่ายเหลือเชื่อ ซึ่งนั่นทำให้ยิ่งน่ารัก“ไอ้เวร!!! นี่ก็แหลอีกแล้ว!!?”และก่อนจะมีหมัดหรือลูกเตะอะไรจากคนที่กำลังเดือดปุด ๆ ตามมาอีก เขาก็จัดการเอาตัวเข้าแลกด้วยการรวบขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้หมับ ร่างโปร่งนั้นเกือบเสียหลักหัวทิ่มลงมาแต่เจ้าตัวคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่ายังไงก็ไม่ยอมล้มลงใส่คนที่นั่งกอดขาตัวเองอยู่ให้เปลืองเนื้อเปลืองตัวอีกเด็ดขาดเลยหันไปเอามือค้ำประตูตู้ไว้แทน
“แต่ที่บอกว่าชอบนาย ไม่ได้โกหกนะ”
อาทิตย์เอ่ยเสียงนุ่ม ...ลางสังหรณ์บางอย่างกระซิบข้างหูว่าโชคน่าจะเข้าข้างเขา
“เพราะงั้นเรายังเป็นแฟนกันอยู่?”
“......”
วันนั้นเขาโดนไปอีกสองหมัด
...โดยไม่มีจูบปิดท้าย
และเขาเริ่มไม่เชื่อใจลางสังหรณ์ของตัวเองเสียแล้ว.....................................................................
.............................................
.
.
.
.
นับจากเหตุการณ์ถึงขั้นลงไม้ลงมือครั้งนั้นก็เป็นอันว่าสถานะแฟนระหว่างพวกเขาสองคนจบสิ้นอย่างเป็นทางการ
อาทิตย์รู้สึกเหมือนถูกเทพเจ้าแห่งเงินตราของปิ่นหยกเตะกระเด็นให้มาตั้งต้นใหม่เป็นการลงโทษที่กล้าไปหลอกลวงแฟนคลับอันดับต้น ๆ ของท่านเทพ แต่กระนั้นก็ไม่ถึงกับต้องมานั่งนับหนึ่งเสียทีเดียว
อย่างน้อยเขาก็ขี่จักรยานคล่องแล้ว
“ซิ่งเลยพี่น้อง!! สายโคตร ๆ แล้ว ว้ากกก!!”
และมือที่เกาะเอวเขาอยู่นี่ก็เรียกได้ว่าไม่เลวเท่าไหร่
“อยากตื่นสายนี่ พี่เอมอุตส่าห์บอกว่าช่วงสอบไม่ต้องมาช่วยงานตอนเช้าแท้ ๆ”
“ตื่นสายเพราะเมื่อคืนมัวนั่งติวให้แกอยู่ไงไอ้เนรคุณ!!”
อา....ตามนั้นแหละ
ช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้บ้าเรียนอย่างปิ่นหยก ที่ผ่านมาใช้ชีวิตห้องบ๊วยแสนสงบสุขมาเนิ่นนานไม่เคยนึกอยากมาอยู่ห้องคิงเลยสักครั้งหากไม่ใช่เพราะความจำเป็นจริง ๆ เรียนบ้างหลับบ้างอย่างเขาหากผ่านมรสุมสอบกลางภาคนี้ไปได้จะยกความดีความชอบให้คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลังนี่ทั้งหมด... แถมทั้งตัวและหัวใจไปด้วยเลยรู้แล้วรู้รอด
ก็....ถ้าอีกฝ่ายจะรีบ ๆ รับไปเสียทีล่ะนะ....
.
.
“สิ้นสุดกันที....ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน......เท่านี้ก็สาแก่ใจ ซาบซึ้งทรวงในอกเราาาาาาาาา”
ใครสักคนครวญเพลงสมัยคุณพ่อยังแบเบาะด้วยน้ำเสียงรวดร้าวปานจะขาดใจอยู่หน้าห้องสอบที่เด็กนักเรียนเริ่มทยอยกันออกมาด้วยสีหน้าสารพัดรูปแบบ มีทั้งประเภทมั่นใจสุด ๆ และจิตตกสุด ๆ ปะปนกัน ปิ่นหยกเดินขยี้ตาออกมาเป็นคนเกือบสุดท้าย แม้จะทำเสร็จก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็นั่งทวนแล้วทวนอีกจนกระดาษคำตอบถูกอาจารย์เรียกเก็บ
ทันทีที่เดินพ้นประตูห้องสอบออกมาคิมก็พุ่งเข้าใส่ทันที
“ไอ้ปิ่นนนนนน!!!” เด็กหนุ่มตะโกนพลางกอดรัดฟัดเหวี่ยงเพื่อนรัก
“พลาดหลายข้อเลยว่ะ...ส่งคำตอบแล้วเพิ่งนึกได้...โว้ยยย ไม่น่ารีบออกเลย!!”
เขาเก็บเครื่องเขียนเข้ากระเป๋า ปล่อยให้อีกฝ่ายเอาแขนเกาะคอแล้วร้องโหยหวนจนพอใจแล้วจึงเอ่ยปิดท้าย
“ฉันด่าซ้ำนะ”
“ไอ้คนใจดำ!”
ยังไม่ทันจะได้เถียงกันไปมากกว่านั้น อาทิตย์ก็เดินเข้ามาทำหน้ามึนแกะมือคิมออกจากคอคนข้าง ๆ เหมือนเด็กหวงของเล่น เรียกให้สายตาสงสัยใคร่รู้ของคิมตวัดไปมองก่อนเจ้าตัวจะยักยิ้มที่มุมปาก
คุณชายลูกเจี๊ยบหวงแม่ไก่.... แผลปากแตกเพิ่งหายได้ไม่ทันไรแท้ ๆ ในหัวเกิดนึกอะไรน่าสนุกได้ขึ้นมา... นอกจากคิมจะไม่ปล่อยมือแล้วยังพาตัวเองเข้าไปเบียดกระแซะเพื่อนรักแนบแน่นเข้าไปอีก เป็นภาพซึ่งคนในห้องเห็นจนชินตาเพราะคิมก็ทำแบบนี้กับเพื่อนเกือบจะทุกคนอยู่แล้ว แต่สำหรับอาทิตย์ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน แม้จะรู้อย่างนั้นก็ยังไม่คิดอยากทำตัวคุ้นเคยกับมือไม้ปลาหมึกของเพื่อนกิมจิจำแลงเท่าไรนัก
“ฉลองสอบเสร็จ นี่เพิ่งบ่ายสองครึ่งเอง ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
คิมยื่นข้อเสนอกับปิ่นหยก แต่สายตากลับจับจ้องอากัปกิริยาของคุณชายร่างสูงก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคเด็ดที่เอาใจมนุษย์งกเงินไปเลยเต็ม ๆ
“เดี๋ยวเลี้ยง”
“จริงดิ!?”ถึงกับหูผึ่ง
เด็กหนุ่มผมทองแอบทำหน้าเอือม...ไอ้นี่ก็ตะกละจริง “เออ!” เขากัดฟันตอบรับเมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เคยแพ้พนันปิ่นหยกเรื่องคะแนนสอบจนต้องเลี้ยงข้าวอีกฝ่ายเสียกระเป๋าแทบฉีก ไอ้เพื่อนเห็นแก่กินทำหน้าบานเป็นกระด้ง แต่ตอนนี้เขาเห็นใครบางคนกำลังอยู่ไม่สุข
“นายไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันพาไปเลี้ยงเองก็ได้” อาทิตย์แทรก ลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเลี้ยงใครได้
“แกลบอยู่ไม่ใช่เหรอ” เด็กหนุ่มผมทองสวนทันควัน ส่งสายตาท้าทายซึ่งเห็นกันเพียงสองคนทั้งที่มือยังเกาะอยู่ที่เดิมเหนียวแน่น
เหมือนจะเกิดกระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็นแล่นเปรี๊ยะระหว่างสายตาของเด็กหนุ่มทั้งคู่“คิม”
ร่างสูงเอ่ยออกมาราบเรียบ เป็นความเรียบเกินกว่าระดับปกติของเจ้าตัวซึ่งนอกจากคิมอาจจะมีอีกเพียงไม่กี่คนที่พอจับสังเกตได้ และหนึ่งในนั้นไม่ใช่ปิ่นหยกซึ่งเลิกสนใจพวกเขาไปแล้ว สมองมัวแต่หมกมุ่นถึงเรื่องของฟรีบ่ายนี้ว่าจะเอาเป็นอะไรดีจนไม่ทันรู้เรื่องรู้ราวเมื่อแขนตัวเองถูกดึงด้วยแรงซึ่งเกือบจะเรียกได้ว่ากระชาก ร่างเซถลาหลุดจากมือเพื่อนซี้เสียหลักหน้าทิ่มลงไปบนไหล่กว้างของอาทิตย์
ตามด้วยเสียงทุ้มซึ่งทำให้เขาไม่คิดอยากเงยหน้าขึ้นมาสบตาชาวโลกซึ่งสุมหัวกันอยู่หน้าห้องสอบนี้อีกเลยชั่วชีวิต
“คนนี้ของฉัน”เต็มปากเต็มคำ ทำเอาปิ่นหยกสะดุ้งเฮือก
มันเล่นกรูแล้วสายตาหลายคู่หันมาจับจ้องพวกเขา แต่นั่นไม่แย่เท่าเสียงหัวเราะคิกคักหรือแม้กระทั่งเสียงรัวชัตเตอร์จากกล้องมือถือบางคน และหนึ่งในนั้นก็ช่างผ่านมาได้จังหวะพอดิบพอดี ที่ประคองอยู่นั้นไม่ใช่กล้องมือถือแบบคนอื่น แต่เป็นกล้อง DSLR สีดำตัวใหญ่ของลูกชายร้านถ่ายรูป
“บอมบ์”
เจ้าของชื่อยักคิ้วให้อาทิตย์ ก่อนจะเหลือบมองปิ่นหยกที่ก้มหน้าก้มตาเหมือนอยากทำตัวเป็นขอมดำดินอยู่ข้างอดีตเพื่อนร่วมห้องบ๊วย
...ข่าวที่ลือกันไปทั่วดูมีมูล ไอ้เพื่อนงี่เง่าของเขาท่าทางคงได้หักอกสาวนับสิบด้วยการไปคว้าตัวงกอันดับต้น ๆ ของโรงเรียนมาควงเข้าแล้ว ทำไมเขาไม่เอะใจตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัวเอาแต่ถามเรื่องปิ่นหยกอย่างนั้น ปิ่นหยกอย่างนี้ไม่หยุดหย่อนก็ไม่รู้
บอมบ์ชูกล้องในมือพร้อมกับพยักหน้าให้ อาศัยจังหวะที่สวนกันกระแทกไหล่อาทิตย์เบา ๆ
“เดี๋ยวอัดมาฝาก”
จากนั้นก็เดินหายไป ทิ้งเสียงหัวเราะที่ปิ่นหยกคงหลอนไปอีกนานแม้จะไม่รู้จักคนชื่อบอมบ์นั่นเลยสักนิด“ค..คิม..ฉันไม่กินแล้ว!!! วันนี้จะรีบกลับไปช่วยพี่เอม!”
“หืม?” คิมย้อนเสียงสูงหลังจากยืนเงียบสังเกตการณ์มานาน “ของฟรีเลยนะ?”
“งั้นแกติดฉัน เดี๋ยวจะมาทวง!”
ปิ่นหยกหันมาประกาศทั้งที่ยังหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ จากนั้นก็คว้ากระเป๋าวิ่งพรวดพราดออกไปโดยไม่หันกลับมามอง เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากอีกฝ่ายยกใหญ่ จะอายหรือตะกละก็ช่วยเลือกเอาสักอย่างสิวะไอ้นี่
อืม...ทีนี้ก็เหลืออะไรที่เขาอยากคุยกับเพื่อนร่างสูงซึ่งยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้า....อีกนิดหน่อย
อาทิตย์ก้มลงหยิบกระเป๋าตัวเองเตรียมวิ่งตามออกไป แต่ถูกเด็กหนุ่มผมทองคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน หันกลับมามองก็เห็นคิมทำหน้าขึงขังผิดไปจากทุกที
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“อย่าทำมันเสียใจ”
“....???”
เขาขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจประเด็นที่อีกฝ่ายต้องการสื่อเท่าไรนัก
“แค่เตือนไว้... ว่านั่นเพื่อนรักฉัน”
คิมยักไหล่แล้วเงยหน้าพูดต่อ ผมสีทองที่เคยปรกตาอยู่หล่นลงไปข้างหน้าผาก ไม่มีความขี้เล่นตามปกติอยู่ในแววตาคู่นั้นขณะที่เจ้าตัวจ้องตาอีกฝ่ายตรงไปตรงมา
“ถ้ากล้าทำอะไรมัน ถึงเป็นคุณชายจากไหนก็จะไม่ไว้หน้าทั้งนั้น”
อาทิตย์นิ่งไปครู่ใหญ่....ก่อนจะระบายยิ้มออกมาบาง ๆ
“ขอบใจนะ”
สิ้นคำ ฝ่ามือคู่สนทนาก็ฟาดลงบนหลังเขาดังพลั่ก สีหน้าคิมใกล้เคียงกับอาการยิ้ม แต่ยังไม่ใช่เสียทีเดียว
“ถ้าไม่ติดว่าไอ้เพื่อนเวรนั่นดูมีใจด้วยคงไม่ฝากฝังหรอก ไอ้พวกวิปริต ผู้หญิงตั้งมากมายไม่รู้จักมอง” เด็กหนุ่มส่ายหน้า เก็บหนังสือยัดเข้ากระเป๋า
ระเบียงหน้าห้องที่ผู้คนเริ่มบางตา เขาไม่ทันหันไปมองอาทิตย์ที่ฉีกยิ้มแก้มแทบปริ แต่ก็ยังได้ยินเสียงอีกฝ่ายทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งตามปิ่นหยกออกไป
“จะดูแลอย่างดี...เชื่อใจได้เลย”
คิมยิ้ม...บ่นพึมพำเบา ๆ แม้รู้ว่าไอ้ลูกเจี๊ยบของปิ่นหยกคงไม่ได้ยิน
“จำคำพูดนั้นไว้ให้ดีละกัน”............................................................................
.............................
.
.
.
.
“มะรืนนี้วันแม่”
ปิ่นหยกพยักหน้า เขาลากลับบ้านทุกวันแม่ เรื่องนี้พี่ใหญ่ของร้านจำได้แม่นยำ
“กลับพรุ่งนี้เช้าเลยดีไหม”
เขาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ช่วงนี้ได้หยุดพักตรงนั้นตรงนี้อยู่เรื่อย เดี๋ยวพี่เอมก็พาเด็ก ๆ ไปเที่ยวบ้าง ทำงานได้อีกไม่เท่าไรก็ติดสอบนู่นนี่ ถึงอีกฝ่ายจะใจดีอย่างไรก็ควรมีขอบเขตบ้าง
“วันเสาร์ลูกค้าเยอะ อยู่ทำงานก่อนก็ได้ครับ มืด ๆ ค่อยกลับ”
“ไม่หักเงินเดือนหรอก” เอมจิตหัวเราะ “พรุ่งนี้กริชบอกว่าจะมาช่วย ปิ่นกลับแต่เช้าเลยก็ได้ เป็นเด็กพี่ไม่อยากให้เดินทางกลางคืน”
“ปิ่นหยกจะไปไหน?”
ขาประจำ... ท่านชายอาทิตย์ตัวขัดจังหวะทุกสถานการณ์
“กลับบ้าน” เขาตอบอย่างเสียไม่ได้
“ไปด้วย”
“จะไปทำไม”
“ไปด้วย” อีกฝ่ายยืนยันคำเดิมเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
ชายหนุ่มส่งเสียงหึ ๆ ในลำคอ มองลูกจ้างวัยรุ่นสองคนตรงหน้าแล้วแทรกขึ้นมา
“ก็ไปด้วยกันสิ มีเพื่อนเดินทางไม่เหงาดี”
“พี่เอมอย่าตามใจมันสิครับ”
“เดี๋ยวอาทิตย์หาว่าพี่ลำเอียงให้ปิ่นลาได้คนเดียว”
“ไม่งั้นคนทำงานจะไม่พอนะครับ”
“อุ่นใจก็จะมาช่วย น้องแววอีกคน ไปเถอะ พักผ่อนหลังสอบ รวมหยุดชดเชยด้วยก็สามวันเลยนี่นา”
อาทิตย์พยักหน้าเออออห่อหมก ทำเอาปิ่นหยกเริ่มเหงื่อตก พี่เอมไม่น่าพลาดในการจับน้ำเสียงต่อรองของเขาว่าจุดประสงค์นอกจากเรื่องกลัวไม่มีคนช่วยงานร้านแล้วยังวิตกจริตกับคนที่ยืนกรานจะตามไปด้วยอยู่ไม่น้อย เขาชักรู้สึกเหมือนโดนพี่ใหญ่แกล้งปั่นหัวเล่นอย่างไรบอกไม่ถูก ไอ้หน้ามึนนี่ก็อีกคน.. คิดจะถามเขาสักคำไหมว่าอยากให้ไปด้วยหรือเปล่า บ้านช่องห้องหับใช่ว่าจะมีไว้ต้อนรับแขก มันน่าจับดัดหลังให้ตามไปด้วยกันแล้วปล่อยนอนกับหมาจรจัดหน้าบ้านนักเชียว
เขาปรายตามองอาการยิ้มกริ่มของร่างสูงอย่างเซ็ง ๆ ทำไมทุกคนต้องตามใจมันด้วย
“เออ! อยากไปก็ไป อย่าทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญละกัน!”
ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าเขานั่นแหละเป็นคนตามใจอีกฝ่ายที่สุดแล้วTo be continued…==================================
คุยกันท้ายเรื่องมาต่อช้ากว่าปกตินิดนึงค่ะ ช่วงนี้งานเข้ารัว ๆ ฟู่วววววว

เรารักน้องคิม >w<
ขออนุญาตตอบคอมเม้นต์บางส่วนค่ะ
ชอบเรื่องนี้จัง สัญญานะว่าจะเขียนจนจบ
สัญญาเลยค่ะ อาจจะอัพเร็วบ้างช้าบ้าง แต่ยังไงต้องเอาจนจบแน่นอน ^o^
ตอนอาทิตย์บอกชอบปิ่นหยกเมื่อเหตุการณ์เดตกันครั้งแรกรู้สึกว่าอาทิตย์จะใช้คำพูดที่เหมือนจะดิบเถื่อนหน่อยๆ
มันเหมือนไม่ใช่คุณชายลูกเจี๊ยบผู้อ่อนโยนที่ชอบพูดเพราะๆกับปิ่นหยกเลย
มันคงเป็นความรู้สึกแบบดิบที่ไม่ต้องกลั่นกรองอะไรเลยสินะ (หรือจะรู้สึกไปเอง)
ตามนั้นเลยค่ะ แล้วคุณชายก็จงใจเลือกภาษาพูดแบบเดียวกับที่ปิ่นหยกใช้ด้วย ประมาณว่าคิดไปเองว่าคงทำให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น (ฮา)
วาดเองจิงๆดิ? 
ใช้โปรแกรมอะไรลงสีบอกได้ป่ะคับ
ส่วนใหญ่แล้วใช้โปรแกรม SAI ในการวาดและลงสีค่ะ แล้วชอบเอามาปรับใน photoshop อีกที ^^
------------------------------
ขอบคุณมากจริง ๆ ทุกคอมเม้นต์เลยค่ะ ซึ้งใจบอกไม่ถูก มีแรงฮึดเขียนต่อฮึบ ๆ

แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ^^