Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”CHAPTER 42 – ลูกไก่ในกำมือเขาลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพื่อกล่าวอรุณสวัสดิ์กับความปวดร้าวทั่วสรรพางค์กายเป็นอย่างแรก
“......อ....โอย....”แสงแดดลอดผ้าม่านแยงเข้าตาบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรตื่นเป็นปกติ ปิ่นหยกรู้สึกปากคอแห้งผาก สมองประมวลผลช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ เขากะพริบตาซึ่งดูเหมือนกล้ามเนื้ออันทำให้เปลือกตาขยับขึ้นลงได้อย่างนี้จะเป็นส่วนเดียวในร่างที่ไม่เจ็บปวดเมื่อถูกใช้งาน เหตุการณ์เมื่อคืนค่อย ๆ ย้อนกลับมาทีละฉากเหมือนภาพยนตร์ขาวดำสมัยเดียวกับรถกระบะบุโรทั่งของกริชก่อนจะถูกย้อมด้วยสีสันชัดเจนขึ้นตามลำดับ
...กลิ่น....เสียง....ไอร้อน.....สัมผัส... และความรู้สึกผิดแปลกซึ่งยังตกค้างอยู่ในร่างกายทำเขาใจเต้นระรัวขึ้นมาอีกรอบ เลือดไหลสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าจนร้อนแทบระเบิดเมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุหน้าหล่อที่นอนอยู่ข้างกา—!?
....ไม่อยู่...?“.....!??”
ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดบนเตียงหรือกระทั่งในห้องนี้ ข้างตัวเขามีเพียงอากาศธาตุว่างเปล่า..
มันว่างเปล่าเสียจนเด็กหนุ่มทำใจหายไปพร้อมกับที่ว่างนั้นเรียบร้อย"......"
ความจริงแล้วเขาควรดีใจที่ตื่นมาเพียงลำพังเพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องทนแบกรับความอับอายสาหัสหากต้องสู้หน้าอีกฝ่ายเป็นคนแรกยามตื่น แต่เหตุใดซอกหลืบเล็ก ๆ ในใจกลับกระซิบน้ำเสียงโศกเศร้าใส่เขาว่าไม่ได้อยากลืมตาขึ้นมาเพื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนปวกเปียกสบตากับเพดานอยู่คนเดียวอย่างกับเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนไม่มีอะไรลึกซึ้งทางอารมณ์มากไปกว่านั้น
ขยับจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด พอคิดมากเข้าหัวหนักอึ้งเลยยิ่งพาลจะปวดตามขึ้นมาตุบ ๆ ...ทำแล้วชิ่ง..มันน่าตบให้กะโหลกร้าว
เขาเหลือบมองม่านซึ่งถูกดึงปิดไว้ แสงแดดซึ่งเขามองข้ามไปคราแรกเพราะสมองคล้ายยังตื่นไม่เต็มที่เรียกร้องให้เริ่มประมวลผลหาความหมายของปรากฏการณ์สุดแสนธรรมดานั้นอีกครั้ง แดดส่องแล้ว...เป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นจากมุมนี้เท่าไรนักเพราะเขาไม่ได้ตื่นสายมาเนิ่นนาน
ตื่นสาย...? เดี๋ยวก่อนสิ...ขอตั้งสติเรียบเรียงข้อมูลกระจัดกระจายในหัวและสิ่งที่ควรเริ่มทำเป็นอันดับแรกสักหน่อย
..วันนี้วันอาทิตย์
เขาเป็นลูกจ้างร้านเค้ก...วันอาทิตย์ร้านเค้กคนเยอะ
เขาเป็นลูกจ้างร้านเค้กวันอาทิตย์ร้านเค้กเปิดให้บริการตั้งแต่เก้าโมง แต่ตอนนี้นาฬิกาติดผนังปลายเตียงเข็มสั้นเข็มยาวพร้อมใจชี้ไปที่เลขสิบสองพอดีเป๊ะ
และเขาเป็นลูกจ้างร้านเค้ก!!!!เที่ยง!!! ฉิบหายตายโหงแล้ว!!!ร่างโปร่งทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างไม่เจียมสังขาร ความปวดร้าวแล่นพล่านจนเผลอร้องครางออกมาเบา ๆ ก่อนจะโงนเงนหงายหลังตึงลงไปจากอาการวิงเวียนซึ่งเข้าจู่โจมสายฟ้าแลบเหมือนรอจังหวะลุกนั่งฉับพลันนี้มานาน เขารู้แล้วว่าอาทิตย์หายไปไหน ป่านนี้คงวิ่งวุ่นอยู่ที่ร้านนั่นเอง แต่ที่ทำเอาจะประสาทกินคือเขาเองที่อู้อีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าต้องทำงานแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปลุกปล่อยให้นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้จนป่านนี้
ปิ่นหยกนอนหลับตานิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่จนแน่ใจว่าคงไม่มึนถึงขนาดลุกขึ้นนั่งแล้วหัวทิ่มอีกรอบก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นมาเชื่องช้า ผ้าห่มซึ่งร่วงหลุดจากไหล่ลงมาถึงช่วงเอวทำให้เห็นว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมอยู่เป็นชุดนอนลายทางคุ้นตาซึ่งหลวมโพรกเสียจนคอเสื้อคว้านไปเกือบถึงไหล่ส่วนแขนเสื้อก็ตกลงมาเลยข้อศอก เขาไม่เคยมีชุดนอนแบบนี้แต่ที่คุ้นนักหนาคงเพราะเห็นอยู่ประจำ...
...ชุดนอนของอาทิตย์พอรู้อย่างนี้ยิ่งวูบวาบไปหมดทั้งตัว ก้มลงมองผ่านคอเสื้อคว้านกว้างก็เห็นแผ่นอกมีหลักฐานเป็นรอยจูบแดงเรื่อตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด ยังทำใจก้มลงตรวจตราร่างกายตัวเองให้แน่ชัดไม่ได้แม้รู้ว่าคงมีร่องรอยอะไรที่ตกสำรวจไปอีกเยอะทีเดียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วจะทำเขาไม่กล้ามองหน้าอาทิตย์ตรง ๆ ไปอีกนาน ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าโคตรโชคดีแล้วที่ตื่นขึ้นมาเพียงลำพัง
แต่แล้วประตูห้องก็เปิดผางออกกะทันหันจนเผลอสะดุ้งสุดตัว
“ปิ่นหยก”
ถ้ามันจะไม่โผล่เข้ามาให้เขามองหน้าอย่างนี้ละก็นะ!“เป็นไงบ้าง”
สุ้มเสียงเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่รู้ว่าคนพูดรู้สึกอย่างนั้นจริงหรือเขาแค่คิดไปเองเล่นเอาแทบละลายตายไปตรงนั้น เพิ่งนึกอยู่หยก ๆ ว่าไม่กล้าสู้หน้าแล้วทำไมช่างโผล่มาได้จังหวะเหมือนตั้งใจจะพิสูจน์ความกล้ากันอย่างนี้ สมองเขาหมดแล้วซึ่งความสามารถในการประดิษฐ์ประดอยคำพูด ได้แต่ทิ้งความเงียบครอบครองพื้นที่ในห้องระหว่างที่ร่างสูงเดินตรงเข้ามาใกล้
สาวเท้ายาว ๆ เพียงไม่กี่ครั้งอาทิตย์ก็มาหยุดอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายก่อนจะย่อตัวลงนั่งตรงขอบเตียง สายตาจับจ้องปิ่นหยกที่ก้มหน้างุด มือไม้ออกอาการเงอะงะไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนอยู่ครู่หนึ่งความอดทนก็หมดลงจนต้องยื่นแขนไปกอดหมับไม่เปิดช่องให้ได้ตั้งตัว กดริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ “ยังตัวรุม ๆ อยู่เลยนะครับ”
“...ท...ทำไมไม่ปลุกวะ”
เขานั่งฟังปิ่นหยกเอ่ยตะกุกตะกัก คำแรกที่ทักทายกันหลังอะไรต่อมิอะไรเลยเถิดถึงขั้นนี้แล้วช่างขาดความโรแมนติกเสียจริง ๆ
“ยาที่เตรียมให้ ได้กินแล้วหรือยัง”
แล้วคนถูกถามก็ทำสีหน้างุนงงใส่เขา ท่าทางยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข้างเตียงมีทั้งยา แก้วน้ำ และกระดาษโน้ตวางอยู่
“ยาอะไร?”
นั่นปะไร.. ไม่เห็นจริง ๆ ด้วย
เขาทำหน้าจริงจัง สองมือประคองแก้มใสสีชมพูระเรื่อให้หันมาสบตาก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด “ยาคุมฉุกเฉิน”
สีหน้าตอนนี้ของปิ่นหยกเขายอมแลกด้วยเงินหมดบัญชีที่(เคย)มีเลย“ไปตายซะไอ้ลูกเจี๊ยบเล้วววว!!!” อีกฝ่ายสบถลั่นหน้าแดงแจ๋พร้อมกับหมัดฮุคพุ่งเข้าใส่ท้องเขาทันใด ขนาดเวลาอย่างนี้ก็ยังฤทธิ์เยอะไม่เปลี่ยน โชคดีเกร็งหน้าท้องรอไว้อยู่แล้วเลยไม่เจ็บมากมาย แต่คนต่อยนี่เองที่มานั่งทำหน้าเหยเกจนน่าสงสารก็ในเมื่อคืนก่อนผ่านศึกหนักมาตั้งขนาดนั้น เขาเองยังปวดเมื่อยทั่วตัวประสาอะไรกับคนตรงหน้าซึ่งด้วยตำแหน่งและบริบทอันไม่ขอกล่าวถึงคงทำให้ขยับตัวแต่ละทีน่าจะร้าวไปทั้งร่างยิ่งกว่าเขาแน่นอน
“ได้ครับ...แต่ขอตายในกำมือนายนะ” เขาคลี่ยิ้มละไม ก้มลงไปเอาจมูกซุกไซ้ข้างใบหู “บีบเบา ๆ ล่ะ เดี๋ยวศพไม่หล่อ”
พูดจบร่างสูงก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา ประพฤติตัวเป็นลูกไก่น้อยว่าง่ายด้วยการยอมให้ปิ่นหยกรัวหมัดใส่อีกสามสี่ทีพร้อมกับก่นด่าฟังไม่ได้ศัพท์ไปด้วยแบบไม่เจียมสังขารจนหมดแรงแล้วจึงฉวยโอกาสรวบตัวมาไว้แน่นในอ้อมแขนพากลิ้งบนเตียง เสื้อนอนเขาที่สวมอยู่บนร่างอีกฝ่ายก็ช่างคอกว้างเสียจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนด้วยความที่คนใส่ตัวเล็กกว่ามากจนดูวาบหวิวตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปลื้องออก
พาหมุนเล่นได้แค่รอบครึ่งก็ต้องหยุดอยู่แค่นั้นด้วยเป็นแค่เตียงเดี่ยวไม่ใช่สนามฝึกทหารสำหรับซ้อมกลิ้ง ตำแหน่งช่างเหมาะเจาะโดยมีปิ่นหยกนอนหงายอยู่ข้างล่างและตัวเขาเองนอนคว่ำเอาศอกค้ำไว้กับเตียงไม่ให้ทิ้งน้ำหนักใส่ร่างโปร่งเบื้องล่างจนช้ำไปกว่านี้ ท่าทางพอดิบพอดีราวกับเป็นภาคบังคับดึงให้สายตาสองคู่สบประสานกันโดยปริยาย
และต้องบอกอีกไหมว่าเขาชอบช่วงเวลาแบบนี้เสียจริงริมฝีปากเคลื่อนเข้าหากันด้วยแรงดึงดูดบางอย่างซึ่งมองไม่เห็น ปิ่นหยกไม่ได้เบือนหน้าหนี อาจด้วยพิษไข้หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มปรือลงช้า ๆ ตอนเรียวปากอุ่นชื้นสัมผัสกันแผ่วเบา..
ใครสักคนเคยบอกไว้ว่าหลังจากมีอะไรกันแล้วมักจะมีเสน่ห์บางอย่างเหมือนเป็นฟีโรโมนจากร่างกายชวนให้วาบหวามยามได้ชิดใกล้ ตอนนี้อาทิตย์รู้สึกเหมือนกำลังพิสูจน์คำกล่าวที่ว่าและค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าบางทีอาจไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น ในเมื่อเพียงจุมพิตแผ่วผิวกลับรสละมุนจนราวกับล่องลอยอยู่ในกระแสธารอุ่นเอื่อย ริมฝีปากบดเบียดกันนุ่มนวลอ่อนหวานโดยไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้นอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งความปวดหน่วงรุกเร้าทรมานเขาอยู่แถวท้องน้อย
สถานการณ์เช่นนี้ล่อแหลมเกินไป ..เขาไม่แน่ใจว่าหากปล่อยการกระทำตามแรงอารมณ์ไปไกลกว่านี้เขาจะยังสามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ล่วงล้ำร่างกายอีกฝ่ายได้อยู่หรือเปล่า
ทั้งที่บอกเอมจิตเรียบร้อยแล้วว่าจะขอขึ้นมาดูแลปิ่นหยกก่อนโดยมีกริชซึ่งเสนอตัวเองไปช่วยงานในร้านแทนตั้งแต่ยังไม่ทันได้ร้องขอ เวลาได้อยู่ด้วยกันมีเหลือเฟือแต่จะให้ทำอะไรอีกรอบดูท่าปิ่นหยกคงไม่ไหว และเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองสามารถถอยหลังง่าย ๆ หากลองได้เริ่มแล้ว เพราะฉะนั้นสมควรหยุดอยู่ตรงนี้ก่อนเลยเถิดไปไกลคงดีที่สุด
อาทิตย์ถอนริมฝีปากออกมาเชื่องช้าท่าทีแสนเสียดาย ใบหน้าใสซับสีเลือดเบื้องล่างไม่ช่วยให้การรั้งสติไว้กับเนื้อตัวง่ายขึ้นเลยสักนิด เสียงลมหายใจกระทบหูพร้อมกับไอร้อนคลอเคลียแถวปลายจมูกมีแต่จะปลุกปั่นให้ส่วนกลางร่างกายขยายตัวตามความต้องการโดยไม่สนใจเหตุผลห้ามปรามจากสมอง
เขาสูดหายใจเข้าลึก กดจูบบนหน้าผากมนเบื้องล่างอีกครั้งเป็นการส่งท้ายก่อนจะบังคับตัวเองให้ถอยออกมานั่งอยู่บนขอบเตียงเหมือนเดิมแล้วพยายามเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น
“หิวหรือเปล่า กินนมสักกล่องรองท้องก่อนดีไหมจะได้กินยา”
ปิ่นหยกนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าชวนมองยังปฏิเสธการช่วยทำให้เขาสงบจิตสงบใจง่ายลงบ้างด้วยการระบายลมหายใจหนัก ๆ ออกทางกลีบปากบางสีแดงระเรื่อน่ากัด อยากเตือนตรงไปตรงมาว่าช่วยทำตัวเซ็กซี่ให้น้อยลงหน่อยก็เดี๋ยวจะยิ่งมาหน้าแดงใส่ให้อารมณ์เตลิดเปิดเปิงอีกเลยตัดสินใจหันหนีไปหยิบนมกล่องจากในตู้ออกมาพร้อมกับยาลดไข้ที่เขาแกล้งโมเมไปว่าเป็นยาคุมฉุกเฉินก่อนหน้านี้
“..พี่เอมว่าไงมั่ง”
เขาหันไปมองหน้าคนถาม คิ้วขมวดมุ่นอยู่กลางหน้าผากบอกให้รู้ว่ายังกังวลเรื่องงานไม่เลิก
“บอกว่าให้กินยาแล้วพักผ่อน จะได้หายไว ๆ”
“แล้วแกไม่ไปทำงาน?”
เด็กหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้กับประโยคห้วน ๆ แล้งน้ำใจขัดกับสีหน้าคนพูดที่พยายามทำให้ดูเคร่งเครียดแต่ไม่สำเร็จ หากเปลี่ยนจากถ้อยคำกระโชกโฮกฮากนั้นเป็นประโยคออดอ้อนทำนองว่า
‘อยู่ด้วยกันก่อนได้ไหม’ หรือไม่ก็
‘ป้อนยาหน่อย’ อาจจะฟังดูเข้ากับอารมณ์บนใบหน้าตอนนี้มากกว่าเป็นไหน ๆ
“กริชไปทำแทนแล้ว” เขาเฉลยพร้อมรอยยิ้ม ไม่นึกสนใจอยากรู้เหตุผลว่าทำไมกริชถึงได้ชอบเสนอตัวเองมาช่วยทำงานนักแต่เอาไว้คงต้องตอบแทนกันบ้าง
“...ไอ้หมีใหญ่นั่นติดใจอะไรนักหนากับร้านนี้”
ปิ่นหยกบ่นพึมพำ ถูกบังคับกลาย ๆ ให้ต้องลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงโดยมีมือใหญ่ของอีกฝ่ายช่วยประคองเกินจำเป็น ความจริงลุกเองก็ไหวเพราะไข้ไม่ได้สูงอะไรมากมายเพียงแต่ปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเท่านั้น ทว่าขัดขืนตอนนี้ก็เหนื่อยแรงเปล่า เอาไว้รอฟอร์มดีค่อยมาต่อยตีกันใหม่
เขานั่งนิ่งมองนมกล่องหนึ่งถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เห็นอะไรที่กินได้แล้วจึงเพิ่งรู้ว่าตัวว่ากำลังหิวขนาดไหน
“จะกินเองหรือให้ป้อน”
เด็กหนุ่มเหลือบมองคนที่ถามเหมือนเขาเป็นเด็กสี่ขวบออกมาได้หน้าตาย แค่นมกล่องเนี่ยนะ...!?
“กินเอง ไม่ได้เป็นง่อย”
“แต่อยากป้อนนี่นา”
...ปวดหัวกับคุณชาย...แล้วจะถามหาสวรรค์วิมานอะไร เขาถอนหายใจยาวแล้วตัดสินใจทำสัญญาสงบศึกเป็นการเฉพาะกิจไว้สักวันไม่ให้ต้องเหนื่อยไปกว่านี้ “เออ จะป้อนก็ป้อนมาเร็ว ๆ”
“อ้าม...ม..ม.....”
เสียงทุ้มลากยาวได้น่าหมั่นไส้สุดขอบโลกพร้อมกับหลอดซึ่งโผล่พ้นจากกล่องนมยื่นเข้ามาใกล้ปาก จังหวะที่กำลังจะงับลงไปกล่องนมก็กลับเคลื่อนหนีไปอีกทางในจังหวะเหมาะเหม็ง
“...!!?”
เขาหน้าเหวอไปวูบหนึ่ง ก่อนจะส่งสายตาดุดันใส่คุณชายเพี้ยนร่างสูงที่เริ่มลากเสียงยาวขึ้นมาอีกครั้ง
“...เอ้า...อ้ามมม...ม....ม......”
แต่พอจะงับลงไปอีกก็พบว่ามีแต่เพียงอากาศเข้าปาก ส่วนลูกเจี๊ยบกลายพันธุ์ซึ่งทำเหมือนว่างมากจนมีเวลามาแกล้งคนอื่นแทนที่จะไปทำงานทำการก็กำลังยิ้มกริ่มราวกับเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานเต็มแก่
ปิ่นหยกขมวดคิ้ว...เขาจะให้โอกาสอีกแค่ครั้งเดียว...ครั้งสุดท้าย
“อ้าม...มมม....”
เริ่มการละเล่นสติเฟื่องยกที่สาม เขาพยายามไล่ตามหลอดและแน่นอนว่าล้มเหลวอีกครั้ง เรื่องมากนัก! ไม่ให้กินใช่ไหม?
“......”
อาทิตย์เบิกตากว้าง รูม่านตาขยายพร้อมกับเลือดในร่างซึ่งเหมือนจะพากันไหลไปกองอยู่ที่กลางลำตัวหลังจากเพิ่งเริ่มสงบได้ไม่นานแท้ ๆ ความร้อนรุ่มซึ่งถูกปลุกปั่นเมื่อครู่ควรจะเบาบางลงจนจางหายไปหากไม่ใช่เพราะปิ่นหยกชะโงกหน้าเข้ามาดูดเม้มยั่วยวนอยู่ที่ปากเขาอย่างนี้
กว่าจะได้สติครบถ้วนก็ตอนที่นมกล่องถูกดึงไปจากมือเรียบร้อยพร้อมกับร่างโปร่งของอีกฝ่ายซึ่งถอยออกไปนั่งก้มหน้าก้มตาสูบอึก ๆ สองสามเฮือกหมดกล่องจนหยดสุดท้ายโดยไม่คิดเงยขึ้นดูความเสียหายซึ่งตัวเองได้ก่อไว้
อาจตั้งใจหรือไม่รู้ตัว แต่ขยันยั่วจริง ๆ ให้ดิ้นตาย!เขายกมือขึ้นเสยผม ถูกสั่นคลอนทางจิตใจในระดับเก้าริกเตอร์บวกลบไม่เกินหนึ่ง จะหาว่าหื่นก็ได้แม้เขาคงเถียงขาดใจอยู่ดีในเมื่ออะไรที่คอยจะขยายตัวขึ้นแถวหว่างขานั้นไม่ได้ถูกฝึกมาให้อดทนกับพฤติกรรมเย้ายวนระดับนี้ของปิ่นหยก ถ้าตัดปัญหาด้านร่างกายอีกฝ่ายซึ่งไม่น่ารับไหวคงไม่ปล่อยนั่งเพลินโดยมีเสื้อผ้าติดตัวอยู่ครบได้อย่างนี้เป็นแน่
ร่างโปร่งนั่งคาบหลอดนมกล่องซึ่งบุบตามแรงดูดพลางหันมายักคิ้วให้เขาแสดงอาการยียวนอย่างผู้ชนะ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง เขาหายใจติดขัดจนอึดอัดไปหมด สิ่งที่เรียกร้องอยู่เบื้องล่างหากไม่ได้ปลดปล่อยออกมาบ้างท่าทางจะแย่
“หมดแล้วกินยาต่อนะครับ...อยู่ตรงหัวเตียง”
เสียงทุ้มเอ่ยรวบรัดจนปิ่นหยกเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และยิ่งทวีความน่าสงสัยยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อร่างสูงผลุนผลันลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีออกจากตรงนั้น เขาแทบเอามือตีแขนอีกข้างของตัวเองที่ดันไปคว้าข้อมืออาทิตย์เอาไว้ไม่ทันไตร่ตรอง แถมปากไวอย่างไรก็ไวอย่างนั้นจนพลั้งถามออกไปเรียบร้อยก่อนจะหาเหตุผลให้ตัวเองได้เสียอีกว่าอยากรู้ไปทำไม
“ไปไหน?”
"...."
อีกฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่กว่าจะยอมตอบกลับมาเสียงเนิบนาบ
“...ห้องน้ำ”
“..อ้อ”
ปิ่นหยกตอบรับในลำคอ ก็แค่ห้องน้ำ...คนเข้าห้องน้ำแปลกตรงไหน จะเข้าไปปลดทุกข์หรือนั่งขัดส้วมตอนเที่ยงวันก็ช่างหัวมันปะไร แต่คิ้วเข้มซึ่งขมวดน้อย ๆ บนใบหน้าหล่อเหลาทำให้เขาผิดสังเกต เผลอกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าจนมาสะดุดกับส่วนนูนขึ้นผิดปกติแถวเป้ากางเกง
“...!!”
เสียงพูดเขาช่างขยันเล่นซ่อนหา เดี๋ยวโผล่มาแล้วเดี๋ยวหายไปไม่บอกกล่าว แต่อาการหน้าร้อนวูบวาบกับใจเต้นตูมตามกลับมาสม่ำเสมอไม่เคยขาดตกบกพร่องบ้างเลย
“...ก็ปิ่นหยกไม่สบาย”
อีกฝ่ายเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นมาในที่สุดหลังจากรู้ตัวว่าถูกจับได้เข้าแล้ว มือเลื่อนมาแกะมือเขาออกเชื่องช้าหน้าหงอยเหมือนลูกหมาตัวโต ๆ เสียจนอดสงสารไม่ได้ แต่จะให้สังเวยร่างใส่พานถวายก็ใช่ที่ สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยมือด้วยห่วงสวัสดิภาพร่างกายตัวเองมากกว่า
“..ไม่อยากทำให้เจ็บ” ร่างสูงโน้มตัวลงเอาจมูกสูดเบา ๆ ที่แก้มเขา เอ่ยทิ้งท้ายอย่างกับจะลาตายพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “...รักนะครับ” แล้วหันหลังผละออกไป
และปิ่นหยกคงต้องตีมือตัวเองสักวันละหลาย ๆ รอบ
...เพราะคราวนี้เขาไม่ได้คว้าแค่ข้อมือ แต่ถึงกับคว้าเอวอีกฝ่ายเอาไว้ในวงแขนเลยทีเดียว“ทำให้ไหม”
อา...แถมตบปากตัวเองอีกสักทีด้วยก็ดี“ปิ่นหยก?”
“มานั่งดิ”
คุณชายหน้าหล่ออยู่ในอาการก้ำกึ่งระหว่างระริกระรี้กับไม่แน่ใจ ยืนค้างอยู่ที่เดิมเนิ่นนานจนเขาชักเริ่มหงุดหงิดเสียจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมดไม่ใช่ว่าจะเขินอายเพ้อเจ้อแต่อย่างใด...เชื่อเถอะ!
“แค่มือ! ไม่ต้องทำเป็นตื่นเต้น” เขารีบพูดดักคอไว้ก่อนจะโดนตีความเป็นอื่น จริงอยู่ที่ร่างกายคงไม่ไหว แต่ถ้าแค่มือก็....ไม่น่าเป็นอะไร “ชักช้าเดี๋ยวเปลี่ยนใจนะไอ้เวร!”
ไม่ต้องรอให้พูดจบประโยคเลย มนุษย์หน้ามึนพุ่งเข้ามาเร็วจี๋เป็นลูกเจี๊ยบเห็นข้าวเปลือก(สมมติว่าลูกเจี๊ยบเห็นข้าวเปลือกวิ่งเร็วมาก) กะพริบตาทีเดียวร่างสูงก็มานั่งขัดสมาธิอยู่ต่อหน้าเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับพร่ำเพ้ออะไร
‘น่ารัก ๆ’ สักอย่างที่เขาทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อรักษาหน้าตัวเองไม่ให้ระเบิดตูมออกมาด้วยความร้อนเกินผิวหนังจะทนไหว
“...แกถอดเอง!”
เขาสั่ง หลับหูหลับตาคิดเสียว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายแม้ตอนเห็นอีกฝ่ายทำตัวว่าง่ายจนน่าหมั่นไส้ ให้ถอดก็ถอด ถ้าเอานิสัยแบบนี้ไปเชื่อฟังกับเรื่องอื่นบ้างก็คงดี
หลังจากนั่งทำใจอยู่ชั่วระยะต้มมาม่าสุก ปิ่นหยกจึงตัดสินใจเอื้อมไปกุมส่วนนั้นไว้กล้า ๆ กลัว ๆ ในอุ้งมือ ผิวเนื้อส่วนที่สัมผัสกันร้อนผ่าวไปหมดให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างไรบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่มือหรือที่หน้าเขาจะร้อนมากกว่ากันแต่เขาไม่นึกอยากขุดคุ้ยหาความจริงแต่อย่างใด
ปัญหาต่อมาคือคิดเรื่องจะเอาตาไปหยุดอยู่ตรงไหนแทนดีกว่า เงยหน้าขึ้นก็ไปสบกับนัยน์ตาดำขลับเว้าวอนเข้า ก้มหนีลงมาพบอาทิตย์น้อยชี้หน้าเอาเป็นเอาตาย มองตรง ๆ ก็เจอต้นคอขาวอย่างกับแป้งซาลาเปาเต็มสองลูกตาแถมซาวด์เอฟเฟกต์สยิวหูเป็นเสียงทุ้มครางครือรับการเคลื่อนไหวจากปลายนิ้วเขา เกินกำลังจะทานทนกับทิวทัศน์ชวนสติหลุดเลยตัดสินใจหลับตามันเสียรู้แล้วรู้รอด ปล่อยหน้าที่เป็นของมือซึ่งเริ่มรู้งานขยับเป็นจังหวะอยู่เบื้องล่าง
ทั้งหมดนี้ควรเกิดขึ้นและจบลงโดยไม่มีใครอื่นรู้เห็น หลังจากนั้นเขาจะนอนพักผ่อน ปล่อยคุณชายซึ่งของขึ้นง่ายเหลือเชื่อไปทำงานทำการต่อ
ใช่แล้ว...มันควรเป็นอย่างนั้น
แต่ทุกครั้งที่คิดว่าอะไรควรจะเป็นแบบไหน ผลสุดท้ายมักจบลงไม่ตรงกับสิ่งที่คาดเท่าไรนัก เขาเพิ่งตระหนักถึงความจริงข้อนี้เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องถูกหมุนดัง
‘แกร๊ก’ใจหล่นวูบไปกองอยู่ตาตุ่ม แต่ไม่เป็นไร...อย่างน้อยประตูก็ล็อคอยู่
“ไอ้ปิ่น เห็นพี่เอมบอกแกไม่สบาย!?”
ประโยคทักทายนั้นฟังดูใกล้เกินไปจนน่าใจหาย และเสียงฝีเท้าที่ย้ายเข้ามาดังอยู่ในห้องก็ทำหัวใจเขาหลุดออกจากตาตุ่มร่วงดิ่งลงสู่แกนโลกในบัดดล
ฉิบหาย! คุณชายลูกเจี๊ยบไม่ได้ล็อคประตู!?To be continued…=================================
พอเป็นพ่อไก่แล้วก็เอาใหญ่ 5555
ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารักงาม ๆ ค่ะ มาถึงช่วงคุยท้ายตอนทุกครั้งก็จะโดนคนเขียนจับกอดทุกครั้ง นี่แน่ะ!

5555
//โดนเตะปลิว
แล้วพบกันตอนหน้า อย่าลืมของแถมรีพลายถัดไปเช่นเคยยยยยย XD
แก้ไข - ขอเปลี่ยนชื่อตอนนี้ เนื่องจากพบว่าชื่อนี้เข้ากับเนื้อเรื่องมากกว่าในหลาย ๆ ความหมายค่ะ *หัวเราะมีเลศนัย* 555
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***