Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”CHAPTER 45 – ด้านสีเทาของพี่สาวอันนากำลังรู้สึกสนุกสนาน
...เพียงแต่เธอไม่ได้หัวเราะออกมา.. หญิงสาวแสดงความรู้สึกที่ว่าในรูปของการกลั่นแกล้งน้องชายเพียงคนเดียวซึ่งทำให้เธอรู้สึกสนุก และความรู้สึกสนุกนั้นเธอแสดงออกด้วยการแกล้งเขามากขึ้น เกิดเป็นวงจรไม่รู้จบที่ทำให้อาทิตย์เข็ดขยาดมาตั้งแต่เล็กจนบัดนี้ เธอรู้ว่าตัวเองเป็นพี่สาวที่ซาดิสม์ใช้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะกำราบเจ้าเด็กหน้ามึนนี่อยู่หมัดได้อย่างไร
ปิ่นหยกเป็นเด็กน่ารักจริงอย่างคิมว่า เห็นครั้งแรกก็ยอมรับว่าถูกชะตาและรู้สึกว่าพ่อน้องชายหัวแก้วหัวแหวนรสนิยมดีใช้ได้ แต่ไม่ได้มากพอขนาดที่เธอจะพิศวาสเด็กหนุ่มซึ่งดูจะเป็นมากกว่าเพื่อนของอาทิตย์ถึงขั้นประกาศตัวว่า
‘ปิ่นหยกเป็นของผม’ จนถึงกับเอ่ยปากตั้งใจจะแย่งอย่างที่เพิ่งทำไปเมื่อครู่
เธอไม่ได้ปิ๊งคนง่ายอย่างนั้น ที่ทำไปจุดประสงค์เพื่อปั่นหัวอาทิตย์โดยเฉพาะ
อันนาไม่คิดต่อว่าเรื่องรสนิยมในการคบคนของน้องชาย ไม่รู้สึกรังเกียจอะไรหากน้องสะใภ้จะกลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มอย่างปิ่นหยกแทนที่จะเป็นสาวน้อยน่ารักซึ่งเคยมาเกาะแกะกับอาทิตย์ตั้งแต่วัยเด็กจนป่านนี้ไม่รู้ว่ายังประสบเหตุการณ์อย่างเดิมอยู่อีกไหม เพราะเธอก็ไม่ได้ชอบเหล่าคุณหนูเรื่องเยอะพวกนั้นเท่าไร ฟังจากปากคำของคิมซึ่งดูน่าเชื่อถือ(ยืนยันโดนสิสิรเพื่อนสาวของเธออีกที)ว่าปิ่นหยกเป็นเด็กฐานะยากจน ขี้งก ขี้โวยวาย มือหนัก ปากเสียเป็นครั้งคราว...และอะไรอีกนะ.......ช่างเถอะ ราว ๆ นี้แหละ
เอ..แล้วข้อดีคืออะไร...? ทำไมเธอนึกออกแต่ข้อเสียที่คิมพ่นใส่สนุกปาก
อ้อ...ขยัน ใจดี เรียนเด่น ถึก ซื่อ
และรักน้องชายของเธอมากที่อันนาสนใจคือข้อสุดท้ายนั่นเอง
น่าสงสัยว่ารักจริงหรือแค่หวังผลประโยชน์ ปิ่นหยกเองก็รูปร่างหน้าตาใช่จะแย่ ค่อนไปทางดูดีเสียด้วยซ้ำ จะหาคนรักเป็นผู้หญิงนั้นคงไม่ใช่เรื่องยาก คิมยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่มีวี่แววจะชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อน แล้วเหตุใดครั้งนี้จึงเป็นอาทิตย์ ข้อมูลซึ่งพ่วงมาด้วยว่าฐานะยากจนยิ่งทำให้ทวีความน่าสงสัย
ไม่ใช่เธอจะโหดร้ายตราหน้าปิ่นหยกว่ามาเกาะอาทิตย์หรืออะไรในเมื่อตอนนี้อาทิตย์มีสมบัติติดตัวที่ไหน แต่หากมองการณ์ไกลสักหน่อยจะรู้ว่าอยู่กับน้องชายเธอไว้คงคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน การออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังหลายปีสอนให้เธอรู้จักระแวดระวังตัวไว้ก่อนจนเกือบเข้าใกล้คำว่าระแวง กับอาทิตย์ที่เพิ่งเป็นเด็กมัธยมปลายก็โดนคุณพ่อดัดนิสัยเตะส่งออกมาแล้วจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนภายนอกขนาดไหนเชียว
อย่าหาว่าเธอเป็นพี่สาวใจร้ายกีดกันความรัก ทำตัวมีปัญหาไม่ยอมรับคนรักของน้องเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายด้วยกันหรือว่าฐานะยากจนอย่างนั้นอย่างนี้เลย นั่นมันเรื่องในละครน้ำเน่าทั้งเพ เธอแค่อยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่าอาทิตย์ไม่ได้กำลังถูกหลอก เพียงแต่วิธีของเธอออกจะ.....แสดงถึงความเอ็นดูต่อน้องชายไปหน่อยเท่านั้นเอง เธออาจแสดงบทบาทเป็นคุณพี่ใจร้ายมาถึงก็คัดค้านและจับสองคนนั้นแยกกันได้ไม่ยาก แต่อันนาไม่ชอบเล่นบทนางร้าย มาบทนี้เข้าท่าในความคิดเธอมากกว่าเป็นไหน ๆ แถมยังจะได้เห็นน้องชายตัวดีสยบให้เธอเหมือนที่เคยเป็นเมื่อครั้งอดีต
มันน่าสนุกกว่าตั้งเยอะ..“พี่อันไม่ได้เล็งไอ้ปิ่นจริง ๆ หรอกใช่ไหม”
เด็กหนุ่มผมทองผู้นั่งสวาปามเค้กอยู่ต่อหน้าถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ น้ำเสียงราวกับกำลังชวนพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่สายตาประหนึ่งอินทรีจ้องเหยื่อของเขานั้นไม่ใช่เลย
...แหม...เด็กเดี๋ยวนี้มันร้าย“จริงสิ” เธอยิ้ม เอาคางวางพาดไว้บนมือพร้อมกับแกว่งช้อนไปมาในถ้วยชา “น้องคิมสงสัยอะไรหรือ?”
คิมลอบยิ้มมุมปาก พี่อันนาไม่ใช่ผู้หญิงหน้ามึนไปวัน ๆ อย่างน้องชายเลยแม้สิ่งที่แสดงออกมาจะดูมึนพิมพ์เดียวกันมาก หากไอ้มนุษย์งกเงินเพื่อนรักของเขาฝ่าด่านพี่สาวไปฝากตัวเป็นสะใภ้บ้านวิจิตรนิรันดร์ได้จริง พวกมันสองสามีภรรยาควรต้องตอบแทนเขางาม ๆ และเชื่อเถอะว่าเขาจะเรียกคืนบุญคุณครั้งนี้ให้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มแน่นอน
“สายตาพี่ดูไม่ได้พิศวาสมันเท่าไหร่ ไม่เหมือนน้องชายพี่”
อันนามองคิมซึ่งยักไหล่เบา ๆ แล้วจ้วงเค้กที่เธอออกปากว่าจะเลี้ยงเองต่อเมามัน ท่าทางเห็นแล้วรู้สึกถึงความยียวนแทรกอยู่ทุกการเคลื่อนไหว สิสิรเพื่อนเธอคงสอนมาดี
“งั้นหรือ? แล้วสายตาอาทิตย์เป็นแบบไหน?”
เขายิ้ม รับรู้จากแววตาและน้ำเสียงหญิงสาวตรงหน้าว่าตัวเองสามารถดึงให้เธอมีความรู้สึกร่วมไปกับบทสนทนาได้สำเร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย และนั่นทำให้เขารู้สึกภูมิใจอยู่ลึก ๆ
“สายตาแบบจะกลืนกินไปทั้งตัวเลย”
โอ้...นั่นฟังดูอีโรติคมาก
คิมอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายยังเงียบพูดต่อ “พี่อันมีแฟนแล้วไม่ใช่หรือ ยังรักกันดีด้วยนี่นา” เป็นการบอกให้รู้กลาย ๆ ว่าเขามีข้อมูลอะไรมากกว่าที่เธอคิดทำหญิงสาวชะงักไปวูบหนึ่ง...ก่อนจะกรีดยิ้มแบบเดียวกับที่ทำให้เพื่อนสนิทบางคนเรียกเธอว่างูพิษ
“คนรู้มากมักพบจุดจบไม่ค่อยสวยรู้ไหมน้องคิม”
และเขาหัวเราะ “ไอ้ปิ่นเคยบอกผมแล้ว”
“สนิทกันมากเลยหรือ”
“ก็มาก แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนเจอคุณมึนน้องชายพี่”
ให้ตายสิ เด็กนี่คอยจะปล่อยข้อมูลเรื่องน้องชายและรูมเมทลึกลับมาทีละนิดกระตุ้นความอยากรู้ของเธอตลอด “เล่าเรื่องเพื่อนน้องคิม...อืม..พี่หมายถึงปิ่นหยกให้พี่ฟังอีกหน่อย”
เสียงหวานชวนฝัน แม้นั่นเป็นประโยคคำสั่งชัดเจน
“พี่อันเห็นผมเป็นคนขายเพื่อนหรือ?”
อันนาหรี่ตา คิมเป็นเพื่อนสนิทกับปิ่นหยกมานานตั้งแต่เหตุการณ์ที่เคยช่วยชีวิตกันไว้ครั้งหนึ่งเมื่อก่อน สิสิรซึ่งนั่งเสียบหูฟังไว้ทั้งสองข้างพลางฮัมเพลงไปด้วยเคยเล่าให้ฟังอย่างนั้น และท่าทางปิ่นหยกจะมีผู้สนับสนุนที่ร้ายกาจใช้ได้ทีเดียว
“ขายแพงไหมล่ะจ๊ะ”
“ผมไม่งกอย่างมัน เงินซื้อผมไม่ได้หรอก”
“เด็กน้อย...”
น่าสนุกจริง ๆ ด้วย
“แล้วใครว่าพี่จะซื้อด้วยเงิน”......................................................................
.............................................
.
.
.
.
“พี่สาวแกสวยเวอร์”
“บอกแล้วไงครับว่าห้ามหลง”
“โคตรสวยจริงนะ”
อาทิตย์ทำหน้าบูด ซึ่งปิ่นหยกเห็นแล้วอยากช่วยประกาศกับชาวโลกว่าเดี๋ยวนี้ท่านชายแสดงสีหน้าได้หลากหลายมากขึ้นจริง ๆ นับว่ามีพัฒนาการใช้ได้
“ความสวยนั่นมันภาพลวงตา” เด็กหนุ่มร่างสูงบ่นงุบงิบ กอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับกลัวโดนขโมย อย่างไรเสียปิ่นหยกก็เป็นผู้ชายแถมประกาศตัวมาตลอดว่าไม่ใช่เกย์ ไม่น่าให้เจอกันเลย “ตัวจริงก็อยู่ตรงนี้แล้วทั้งคน”
หยอดตลอด ตอดเล็กตอดน้อยท่านชายเอาหมด!“หึงเรอะ?”
อาทิตย์ถอนหายใจออกมาดังจนไม่ต้องคิดนานเลยว่าท่าทีเง้างอนนั่นเสแสร้งแน่นอน “เพิ่งรู้หรือครับ”
“ไม่เชื่อใจหรือไงวะ”
ปากไว...พูดอะไรเข้าตัว เป็นนิสัยเสียส่วนบุคคลซึ่งปิ่นหยกเกลียดเป็นบ้าและไม่เคยแก้ได้ และอาทิตย์คงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องแก้เพราะเขาเต็มใจจะตามเก็บทุกถ้อยคำอันเปิดช่องว่างให้โจมตีแม้เพียงเล็กน้อย
“เชื่อนาย..แต่ไม่เชื่อคนอื่น” ใบหน้าคมคลี่ยิ้มกว้าง “แต่พูดอย่างนี้ยอมรับว่ารักฉันแค่คนเดียวแล้วใช่ไหม?”
“...พ...พอเหอะ เวรเอ๊ย! อย่าให้ต้องพูดซ้ำซาก” คนเรามันจะทนความอับอายได้สักวันละกี่ครั้งเชียว ในชั่วยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้หากมีอะไรมาสั่นคลอนจิตใจอีกครั้งเขาคงทนไม่ไหวระเบิดตัวเองตายไปก่อนแน่นอน
“อือ..งั้นไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวฉันพูดเอง”
พูดอย่างเดียวพอว่า แต่หน้าหล่อที่ซุกเอา ๆ แบบนี้ไม่ช่วยให้ตายสบายขึ้นเลย
“ไหนเอามือถือมาดูซิ”
เอ่ยปากขอไปอย่างนั้นไม่ได้ตั้งใจรอคำอนุญาต อาทิตย์สบโอกาสตอนอีกฝ่ายเผลอล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคนในอ้อมแขนแล้วหยิบวัตถุทรงเหลี่ยมในนั้นขึ้นมา ไม่ลืมจะลูบไปบนต้นขาผ่านเนื้อผ้าในกระเป๋าให้ปิ่นหยกสะดุ้งเล่นก่อนดึงมือกลับ
“......”
เจอกันครั้งแรกก็ให้มือถือมาเลย แม้จะไม่ใช่เครื่องรุ่นใหม่ราคาแพงอะไร เล่นบทแม่บุญทุ่มแบบนี้น่ากลัวจริง ๆ เขาลากนิ้วผ่านหน้าจอทัชสกรีน เบอร์ที่บันทึกไว้ในเครื่องมีเพียงเบอร์เดียวคือชื่อ ‘อันนา’ ดูแล้วน่าจะเป็นเครื่องใหม่ ซิมใหม่ แต่กลับไม่มีเบอร์อย่างอื่นเลยแม้กระทั่งโฆษณาหรืออะไรที่มักติดกับซิมมาด้วย คงจะลบทิ้งไปหมดแล้ว แบบนี้เหมือนเตรียมการไว้ตั้งแต่ก่อนมาเจอพวกเขาไม่ใช่แค่ให้เพราะอารมณ์ชั่ววูบหลังเจอหน้าปิ่นหยกอย่างที่เธอกล่าวอ้างแม้แต่น้อย
พี่อันตั้งใจจะเล่นอะไรอีก
“แกเอาไปเก็บไว้ก็ได้”
ปิ่นหยกก้มหน้าก้มตา แกะมือเขาออกแล้วหันไปรื้อหายาแก้ปวดในตู้ จับมันโยนใส่ปากก่อนจะกระดกน้ำตาม ใบหน้าเงยขึ้นจนผิวบริเวณต้นคอที่มีรอยจูบตรงนั้นตรงนี้ปรากฏชัดต่อสายตาทำเอาถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาเพิ่งนึกได้ว่าชัดขนาดนี้พี่สาวตัวเองคงสังเกตเห็นแล้วแน่นอน
“ไม่เป็นไร” อาทิตย์โคลงศีรษะเบา ๆ พี่อันให้นาย”
“เอาไปคืนเขาก็ได้นะ ฉันไม่เคยใช้มือถืออยู่แล้ว”
“เก็บไว้นั่นแหละ พี่อันไม่เอาคืนหรอก”
“...อาทิตย์”
“ครับ?”
ปิ่นหยกขมวดคิ้ว คิดแล้วมันน่าแค้นใจ ไอ้
‘ครับ?’ คำเดียวของคุณชาย ได้ยินทีไรก็ใจอ่อนทุกที
“คิดมากเปล่าวะ เอาไปขายต่อเลยดีไหม”
อีกฝ่ายยิ้มอ่อนโยนทั้งริมฝีปากและแววตา เสียงทุ้มนุ่มนวลนั้นทำเขาอุ่นวาบไปทั้งตัว
“ฉันเชื่อใจปิ่นหยก”
เขาแพ้ราบคาบ...แล้วจะให้หักหลังมันลงได้อย่างไร......................................................................
......................................
.
.
.
.
...ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?
คิมหันต์ผู้เก่งกาจ หลังถูกพี่สาวลากมาเป็นเพื่อนกินเค้ก(ซึ่งเขาคิดว่าเธอมีจุดประสงค์อื่นมากกว่านั้น)พร้อมกับพี่สาวของเพื่อนอีกคน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความรักวุ่นวายปัญญานิ่มของคุณชายหน้ามึนและเพื่อนเกรียนขี้งกซึ่งเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน สารพัดจะช่วยพวกมันจนตกกระไดพลอยโจนได้มารับรู้ด้านมืดในตัวพี่สาวคนสวยของท่านชาย...คือความจริงไม่ถึงกับมืดมาก พูดใหม่ว่าเป็นด้านสีเทา ๆ ก็ได้ สุดท้ายโดนทิ้งไว้ที่ร้านเค้กเพราะคุณนายสิสิรบอกว่าจะกลับหอที่มหาวิทยาลัยพร้อมกับอันนา ปล่อยเขาหาทางกลับบ้านเอง...
ปล่อยหาทางกลับบ้านเองหรือ....? ตลกแล้ว เป็นอย่างนั้นก็ดีสิ
ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในรถวีออสสีบรอนซ์ที่แอร์เสียจนต้องเปิดกระจกทำจมูกบานสูดมลพิษเคลือบถุงลมปอดเล่นอยู่ต่างหาก!“พี่เอารถไปซ่อมเหอะ ผมลงตรงแยกหน้านี่แหละ” เขาชี้มือชี้ไม้ไปข้างทาง หลังจากสังเกตว่าพอมีที่จอดรถให้รีบเผ่นลงได้ก่อนน้ำในกายจะระเหยไปหมดจากความร้อนยามบ่าย “เดี๋ยวผมหารถกลับเอง”
ให้มานั่งรถแอร์เสียอย่างนี้เขายอมโดนปล่อยกลับบ้านเองดีกว่า ระยะทางไม่ได้ไกลกันมากมาย ปกติเขาก็เคยขี่มอเตอร์ไซค์มาสิงอยู่ที่ห้องพักปิ่นหยกเป็นประจำอยู่แล้ว ต่อให้เดินเท้าคงไม่ถึงกับเย็นย่ำน่าจะถึงบ้านแต่เขาไม่ใช่พวกถึกทุยกับเรื่องไร้สาระอย่างนั้นเหมือนกับเพื่อนรักหน้าเลือด รถเมล์หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวนี้ไม่น่าหายากเย็นอะไร
“เหวย...พี่!” เขาร้องเสียงดังขึ้นเมื่อพบว่าแทนที่รถจะชะลอลงตามคำบอกกลับพุ่งฉิวไปข้างหน้าเร็วกว่าเดิมเสียอีก
อา...ลมตีหน้าดีจัง แต่นี่ไม่ใช่เวลามาเริงร่าเป็นหมาโต้ลมเหมือนไอ้ดุ๊กดิ๊กพันธุ์โกลเด้นอายุสองขวบกว่าที่ชอบยื่นหน้าออกจากกระจกรถของบ้านเขา ปัญหาคือคุณสารถีจำเป็นกำลังสับสนว่าคันเร่งเป็นเบรกอยู่หรือเปล่าจึงได้เหยียบเอา ๆ อย่างนี้
“จอดดิ จะลงแล้ว”
ไม่ตอบ...เป็นใบ้หรือไงวะ
“นี่!?” เขาลองเรียกให้หนวกหูเล่นอีกครั้ง แล้วก็ได้รับเสียงหงุดหงิดกลับมาในที่สุด
“เรียกดี ๆ! รู้ชื่อแล้วไมใช่หรือ”
คิมเผลอทำหน้าเซ็งหลังจากเหวอไปแวบหนึ่ง จะมาให้เรียกไพเราะเพราะพริ้งอะไรเยอะแยะ เป็นแค่น้องชายของแฟนของพี่สาวเพื่อน(อืม...หลายตลบดี)เท่านั้นเอง สรุปว่าพี่อันนามีแฟน และผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายของแฟนคนดังกล่าวซึ่งโดนโทรตามมาพาเขากลับบ้านขณะที่สาวเจ้าเกาะแขนพี่สาวตัวดีหนีกลับหอกันซะงั้น น่ารักจริง ๆ
“จอดดี ๆ รู้ว่าเบรกอยู่ตรงไหนไม่ใช่หรื----
เฮ่ย!”
เขาตั้งใจจะย้อน แต่พูดไม่ทันจบคันเร่งก็ถูกขยี้ลงไปอีกจนรถทะยานหวือหลังลอยไปกระแทกเบาะ ไอ้บ้านี่...จะรีบไปถวายบังคมยมบาลหรืออย่างไร
"เรียกดี ๆ พี่ภพครับ และไม่ชอบเด็กกวนตีน โอเคนะครับ...”
มีค้งมีครับ แต่น้ำเสียงนี่กะเชือดเขาคอขาดได้แล้ว ที่น่ากลัวคือคำปิดท้ายประโยคด้วยชื่อซึ่งทำให้คิมรู้สึกราวกับเลือดในกายหยุดไหลเวียนไปชั่วขณะ
“....น้องครีม"เขาสะดุ้ง
"หมายถึงใคร!?"
"หมายถึงน้องครีมนั่นแหละ ชื่อครีมน่ารักดีนะ"
ชื่อเล่นน่าอัปยศซึ่งมีแต่พี่สาวทั้งสองของเขาที่กล้าเรียก(เพราะพวกเธอเป็นคนแผลงมาจากชื่อคีม)...คนคนนี้รู้ได้อย่างไร!?
"ชื่อคิม""อยู่บ้านพี่สาวเรียกครีมนี่"
หมอนี่รู้มากถึงขั้นสมควรตาย!"กำลังสงสัยแล้วใช่ไหมว่ารู้ได้ยังไง"
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้คิมรู้สึกวิตกขึ้นมาเป็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า
'ลางสังหรณ์' ซึ่งลางสังหรณ์ของเขานั้นไม่ใช่เตือนกันซี้ซั้ว ขอบอกว่าในหมู่คนใกล้ตัวเชื่อว่าเป็นรองแค่อุ่นใจคนเดียวเท่านั้น
"คิดว่าสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสินะ....?"
เด็กหนุ่มใจกระตุกวูบ ทำตัวรู้ดีอะไรนักหนา ใจคอจะรู้ไปถึงขี้แมลงวันที่ไหล่ซ้ายเขาเลยไหม!?
"แล้วก็กำลังคิดว่าจะรู้ไปถึงตำแหน่งขี้แมลงวันที่ไหล่ซ้ายเลยรึเปล่าเนี่ย...?"
“....เชี่ย.....!” เขาหลุดสบถเสียงเบาหวิว เค้นออกมาได้คำเดียวจริง ๆ ตาเบิกกว้างแบบที่หากปิ่นหยกได้มาเห็นคงประทับใจมากจนต้องตบมือให้โดยมีเสียงหัวเราะหึ ๆ น่าขนลุกของอีกฝ่ายประกอบฉาก นึกถึงทำพูดของเพื่อนรักที่เคยได้ยินย้อนมาเข้าตัว
ไอ้เวรนี่เลี้ยงกุมารทองแน่นอนคิมนั่งตัวแข็งทื่อมาตลอดทางจนถึงบ้านตัวเอง เห็นไอ้ดุ๊กดิ๊กเสนอหน้าเอาจมูกพยายามมุดประตูรั้ว น่าแปลกที่เขาไม่ได้บอกสักคำว่าต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตรงไหนแต่บุคคลลึกลับซึ่งอ้างตัวว่าชื่อพี่ภพก็พามาถึงจุดหมายได้ไม่มีสับสนทาง ถึงบ้านแล้วยังมีการหยิบบิสกิตถุงเล็กในรถตามลงมาโยนให้ไอ้หมาเลี้ยงเสียข้าวสุกที่ไม่รู้จักเห่ารถซึ่งไม่ใช่ของบ้านตัวเองสักแอะ
“ไง...ดุ๊กดิ๊ก”
เสียงทุ้มของคนแปลกหน้าเอ่ยทักทายโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เนรคุณด้วยท่าทางเป็นกันเอง ปล่อยเจ้าของหมายืนอึ้งมองสัตว์เลี้ยงตัวเองเคี้ยวบิสกิตกรุบกรับทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาแหลกเละไม่มีชิ้นดี
กินเกลี้ยงแทบเลียไม้เลียมือไม่พอ ยังมีหน้ามากระดิกหางรับแขกอีกแน่ะ!To be continued..=========================================
พี่อัน...อูอา....(??)
แด่ผู้นิยมคิมหันต์ที่ชอบขโมยซีนอีกหนึ่งตอนค่ะ พี่ภพ....หึ ๆ ๆ
เอาออกมาเท่านี้ ยังไงภาคนี้คู่หลักก็ยังเป็นอาทิตย์ปิ่นหยกนะคะ สองสามตอนนี้ยกให้เป็นกรณีพิเศษ ตอนหน้าค่อยกลับมาที่คู่หลัก ^^
อยากเขียนเรื่องสมัยก่อนของคิมกับปิ่นหยกเหมือนกันว่าไปสนิทกันได้ยังไง ติดเอาไว้ก่อน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านงาม ๆ ตอนนี้ไม่มีของแถมนะคะเพราะมีแค่รูปสองรูปเองเนื่องจากอัพถี่(ที่ถี่เพราะส่วนหนึ่งรู้สึกว่าตอนที่แล้วสั้นไปหน่อยด้วยล่ะ) ขี้เกียจรอไปดูใน fb ก่อนได้ค่ะ ^o^

แล้วพบกันตอนหน้านะคะ
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***