Dormitory Boys - สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”CHAPTER 48 - ราคาของความหวง“ปิ่นหยก”
“อะไร”
“ดูนี่”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ หันหน้าไปตามเสียงเรียกอย่างเสียมิได้ อย่างแรกที่เห็นเด่นหราขึ้นมาคือใบหน้าคมคายต้องแสงอาทิตย์พร้อมกับรอยยิ้มวิบวับเจิดจ้า ให้ตายเถอะ หมั่นไส้เหลือเกินที่ต้องยอมรับว่าคนบ้าอะไรมันจะดูดีได้ทุกอิริยาบถอย่างนี้ หลังจากเวิ่นเว้ออยู่ในหัวแบบที่นับวันยิ่งจะเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ สายตาจึงเลื่อนมาจับจ้องวัตถุบางอย่างในมือท่านชายซึ่งถูกยกขึ้นสูงในระดับสายตาคล้ายอยากเรียกร้องความสนใจ
ตุ๊กตาแม่ไก่หน้าตาโง่ ๆ ขนาดประมาณลูกมะพร้าวกำลังจ้องเขากลับมาจากในมืออาทิตย์“นั่นอะไร?”
อีกฝ่ายทำสีหน้าประหลาดใจเหมือนเขาเพิ่งสื่อสารออกไปด้วยภาษาชาวดาว M78 บ้านเกิดของอุลตร้าแมน
“ปิ่นหยกไม่รู้จักตุ๊กตา....ทำไมถึงน่าสงสารอย่างนี้”
“รู้จักว้อย!” เขาเอาศอกถองไปหนึ่งที กวนประสาทฉิบหาย! ลืมไปว่าคุยกับหมอนี่ต้องพูดภาษาดาวลูกไก่ “หมายความว่าเอามาจากไหน เอามาทำไม หรือว่าไปจิ๊กใครมา”
“เล่นบิงโกซุ้มโน้นชนะ” ท่านชายชี้โบ๊ชี้เบ๊ ปิ่นหยกชะเง้อมองตามก็เห็นแต่ผู้คนแน่นขนัดอย่างกับมดพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้ครึกครื้น สรุปที่หายหัวไปพักใหญ่เพราะเหตุนี้เอง
“เปลืองตังค์ หมดไปเท่าไหร่วะกว่าจะได้เนี่ย”
“เล่นฟรี พอดีเป็นรอบแรก"
เดี๋ยวนี้คุณชายมีพัฒนาการด้านความมัธยัสถ์ด้วย! "แล้วก็ได้เลย”
“จริงดิ!?” ปิ่นหยกทำตาโตติดจะทึ่งเล็กน้อย หมอนี่ช่างมากับดวงเสียจริง เขาเองบูชาท่านเทพเจ้าแห่งเงินตราแทบตายไม่เห็นเคยได้รับโอกาสงาม ๆ อย่างนี้บ้างสักครั้ง ทั้งหมดทั้งปวงต้องเป็นเพราะมนุษย์หน้ามึนตรงหน้ามาแย่งโชคดีเขาไปหมดแน่ ๆ เพราะพอกำลังจะได้ลาภกับเขาทีไรก็มีลูกเจี๊ยบโผล่จากไหนไม่รู้กลิ้งมาขัดแข้งขัดขาตลอด!
“เห็นเจ้านี่แล้วคิดถึงนายเลยเลือกรางวัลเป็นอันนี้”
เด็กหนุ่มก้มลงไปสบตาตุ๊กตาแม่ไก่นั่นอีกครั้ง มันยังคงจ้องตอบกลับมาด้วยหน้างั่ง ๆ คล้ายจะบอกว่า
‘สวัสดีชาวโลก’ เขาควรดีใจไหมที่อาทิตย์เห็นตุ๊กตาสัตว์ปีกรูปร่างกลมดิกนี่แล้วเกิดนึกถึงเขาขึ้นมา
ปิ่นหยกยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เอานิ้วจิ้มพุงนุ่มนิ่มของวัตถุทรงกลมในมืออีกฝ่ายแล้วอดหัวเราะหึ ๆ ออกมาไม่ได้ “หน้ามันดู....โง่มากเลย ลูกเจี๊ยบน้อยโตขึ้นแล้วต้องหน้าโง่อย่างนี้แน่ ๆ”
“ชอบไหม?
“ไม่อะ”
“ชอบหรือเปล่า?”
เขาเลิกคิ้ว เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่พูดหรืออย่างไรกัน “ไม่”
“ชอบไหม?”
“หูหนวกเหรอวะไอ้นี่!”“...อยากให้บอกว่าชอบ” อาทิตย์เอ่ยเสียงอ่อนอย่างน่าสงสารซึ่งเขารู้ดีว่ามารยาทั้งเพ แต่ไอ้ที่ใจอ่อนยวบยาบทุกครั้งกับมารยาลูกเจี๊ยบพรรค์นี้ก็ไม่รู้จะสาปแช่งความบ้าบอของตัวเองอย่างไรดีแล้วเหมือนกัน
“เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!”
เท่านั้นเองคุณชายก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหยุด
“ให้ครับ”
“หา!?”
“ให้นาย”
“งั้นฝากเอาไปขายซะ”
“ใจร้าย...ขายลงหรือ อัดเสียงได้ด้วยนะ อัดไว้แล้วด้วย”
ปิ่นหยกพยักหน้าหงึก ๆ อัดเสียงได้ด้วย งั้นยิ่งน่าจะราคาแพงขึ้นอีก จับตุ๊กตาขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวาหาปุ่มกดที่ควรจะมี “เอามาดูดิ๊ จะฟังที่อัดไว้ต้องกดตรงไหน”
“อันนี้” อาทิตย์เอามือควานแถวปีกซ้ายของตุ๊กตา เจอปุ่มที่ซ่อนอยู่ก็กดลงไปก่อนน้ำเสียงคุ้นเคยจะดังขึ้น
‘เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!’ปิ่นหยกอ้าปากค้าง นี่แอบไปกดอัดไว้เมื่อไหร่ไม่เห็นรู้ตัวสักนิด!
อีกฝ่ายยืนหัวเราะ ทั้งท่าจะกดให้ฟังอีกครั้งแต่คราวนี้ยกตุ๊กตาขึ้นมาทำสีหน้าจริงจังใส่แล้วถามน้ำเสียงคร่ำเครียดกับหน้าตาที่ปิ่นหยกบอกว่าดูโง่ ๆ ของแม่ไก่ยัดใยสังเคราะห์ “นี่..ปิ่นหยกชอบฉันไหม?”
‘เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!’“..อ...ไอ้เลว!!!!!”อาทิตย์ยิ้มรับ ด่าบ่อย ๆ แถมด่าไปทำหน้าแดงไปอย่างนี้เขาชอบมาก มือเลื่อนไปกดปุ่มเดิมซ้ำไปซ้ำมาอย่างสนุกสนาน
‘เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!’‘เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!’‘เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!’‘เออ ๆ ชอบ ชอบเวอร์!’"เว้ยย!!!"สุดท้ายปิ่นหยกก็ทนไม่ไหว กระชาก
‘แม่ไก่หน้าโง่’ ออกจากมือเขาแล้วจับยัดลงกระเป๋าตัวเองที่วางอยู่ด้านข้างชนิดที่หากเป็นไก่จริงคงช้ำตายคามือ “เลิกเล่น! ยึดแมร่งเลย!”
อาทิตย์โบกมือน้อย ๆ ให้กับส่วนปีกของตุ๊กตาที่ยื่นออกมาเล็กน้อย ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรกลับมานอกจากสายตาอาฆาตของแม่ไก่ตัวจริง
งานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนไม่เคยมีปีไหนดีเท่าปีนี้เลย...................................................................
............................................
.
.
.
ช่วงสายผู้คนก็ยิ่งหลั่งไหลกันมาจากทุกสารทิศทั้งคนในโรงเรียนและคนนอก หลังจากปิ่นหยกเก็บตุ๊กตาตัวปัญหาที่อาทิตย์ดอดไปเล่นเกมได้แต่เช้าซุกเข้ากระเป๋าปลอดภัยจากสายตาผู้คนเรียบร้อยแล้วก็รีบแจ้นมาเปลี่ยนเวรเฝ้าส่วนที่จัดไว้สำหรับออกร้านขายอาหารและเครื่องดื่มของห้อง ปีนี้เขาขอรับเค้กของจากร้านมาขายด้วยเป็นกรณีพิเศษ ราคาก็มาแบบต้นทุน ไม่ต้องเสียค่าเช่าที่แถมได้โปรโมทร้านไปในตัว คุ้มกว่านี้จะหาที่ไหนได้อีก
“ปิ่นหยก เดี๋ยวตอนบ่ายจะประมูลแล้ว ทำยังไงกับทรงผมดี”
“ทำไงก็ทำไปเหอะ”
ปิ่นหยกตอบรับส่ง ๆ นั่งเอกเขนกดูเค้กที่ขายจนเกือบหมด หากเป็นปีก่อน ๆ ช่วงบ่ายเขากับคิมจะแท็กทีมกันไปล่ารางวัล อะไรที่เข้าร่วมฟรีและมีเงินหรือของให้ก็กระโจนเข้าใส่หมด แต่ปีนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้วเพราะช่วงบ่ายคิมติดกิจกรรมประมูล(ซึ่งเขายังเสียดายอยู่ทุกขณะจิตที่ไม่ได้ลงด้วย) และถึงแม้เขาจะบอกตัวเองว่าไม่ได้สนใจอยากไปดูอาทิตย์โชว์ตัวให้สาว ๆ แย่งชิงบนเวทีสักหน่อย แต่ยังไงก็คิดว่าคงไปดูอยู่ดี
ไหน ๆ ก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ซึ่งขอละส่วนนั้นไว้เพราะไม่อยากพูดถึง แถมคิมยังลงด้วยหรอกน่า....ไม่ใช่ว่าจะหวงจนต้องไปสังเกตการณ์อะไรเสียหน่อย
ระหว่างท่านชายกำลังลังเลกับเสื้อผ้าหน้าผมใกล้ ๆ อย่างไร้สาระเขาก็ขายเค้กไปได้อีกห้าหกชิ้น อีกไม่นานคงหมด ถือว่าเร็วกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว
“แบบนี้หล่อยัง”
ปิ่นหยกถอนใจเฮือก “จะหล่ออะไรนักหนา”
“...เริ่มหึงแล้วล่ะสิ”
“เลิกเล่นได้แล้วไอ้เวร!”
“เค้กที่สั่งได้หรือยังคะ?”
“คร้าบบ~”
ปิ่นหยกหันขวับ หน้ามุ่ย ๆ ถูกรอยยิ้มการค้าเคลือบทับทันทีอย่างมืออาชีพก่อนสตรอเบอร์รี่ชอร์ตเค้กสองชิ้นจะถูกจัดวางลงกล่องในเบามือแล้วส่งให้ลูกค้าสาวโดยไม่ลืมจะหย่อนนามบัตรของร้านเค้กทานตะวันลงไปในถุงด้วย
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เขายืนฉีกยิ้มกว้างส่งจนกระทั่งลูกค้าสาวเดินหายไปในฝูงชนคลาคล่ำเรียบร้อย แต่ยัง...ท่านชายยังงอแงไม่เลิก
“ยิ้มให้ฉันอย่างนั้นบ้างสิ”
“เป็นลูกค้าเรอะถึงต้องยิ้มให้!?”
“เป็นแฟ—”
“เลว! ปากพล่อย!” ปิ่นหยกก่นด่าด้วยเสียงกระซิบ หันมองซ้ายขวาเลิ่กลั่กขณะที่มือก็ยังตะครุบอยู่กับปากท่านชายหน้ามึนซึ่งทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ย่อตัวลงหลังโต๊ะซึ่งจัดไว้สำหรับขายอาหารโดยมีอีกฝ่ายย่อตามลงมาติด ๆ “พูดบ้าอะไรกลางที่สาธารณะ ไหนตกลงกันแล้วไง!”
อาทิตย์ไม่ตอบ แต่ยื่นปากกดลงกลางฝ่ามือที่แนบอยู่พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ทำเอาปิ่นหยกสะดุ้งรีบกระตุกมือกลับราวกับโดนไฟลวก
“ไอ้!!”“หอมเค้ก” เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มกริ่ม แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างจงใจยั่ว
เย็นไว้...ปิ่นหยกเย็นไว้.... เขาบอกตัวเอง ....มันบ้า....คนบ้าทำอะไรไม่ผิด...
“..มีกลิ่นวานิลลาด้วย..ชอบจังครับ”
“ปัญญาอ่อน!”
เขาเริ่มนับหนึ่ง...สอง....สาม....อยู่ในใจ บททดสอบของท่านชายดูจะหนักหนาสาหัสขึ้นทุกวัน ชักอยากออกบวชละทางโลกเสียรู้แล้วรู้รอด “ชอบก็ไปแต่งงานกับวานิลลาไป”
“หึงกระทั่งวานิลลาเลยหรือ น่ารักชะมัด” อีกฝ่ายส่ายหน้าเบา ๆ กิริยาบอกชัดว่ากำลังเสแสร้งยิ่งยั่วให้ทั้งอายทั้งโมโห แต่ยังไม่ทันได้สวนอะไรออกไป เสียงหวานคุ้นหูก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งโต๊ะซึ่งพวกเขานั่งคุดคู้หลบอยู่
“น่าทานจังเลย ชิ้นนี้เท่าไหร่คะ”
มีเวลาให้สงสัยแค่เสี้ยววินาทีว่าทำไมเสียงนั้นจึงคุ้นนัก จนเมื่อได้ยินอาทิตย์ซึ่งหันหน้าไปทางฝั่งลูกค้าเอ่ยเรียกขึ้นมา
“พี่อัน”เขาลุกพรวดพราดขึ้นมายืนสงบเสงี่ยมทันที
“อ้าว?” หญิงสาวยกมือขึ้นป้องปาก ทว่าท่าทางไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจเหมือนถ้อยคำที่เอ่ยแม้แต่น้อย “อาทิตย์กับน้องปิ่นหรอกหรือ คนเยอะขนาดนี้นึกว่าจะไม่เจอกันซะแล้ว”
“พี่อันตั้งใจมาเจอสินะครับ”
อาทิตย์ถามเสียงเรียบ และอันนายักไหล่น้อย ๆ พร้อมกับอมยิ้มไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“พี่ก็แค่มาเยี่ยมเท่านั้นเอง” ระหว่างนั้นก็หันมาชี้เลือกเค้กในถาดตรงหน้าแล้วพูดต่อลอย ๆ “ได้ข่าวว่ามีประมูลอะไรน่าสนใจตอนบ่ายเลยอยากมาดู”
เธอว่าพลางเหลือบตาขึ้นมองน้องชายตัวเองเลยไปจนถึงปิ่นหยก “อยากรู้ว่าอาทิตย์จะป็อปอย่างที่คิดหรือเปล่า”
อันนาชี้ไปชี้มาระหว่างสนทนากับน้องชายไปด้วยซึ่งคงเพลินไปหน่อยเพราะกลายเป็นเธอเหมาเค้กที่เหลือไปเสียเกลี้ยง ปิ่นหยกรีบจัดทั้งหมดลงกล่องตามสั่งแล้วเลี่ยงออกมาทางอื่นด้วยไม่อยากยืนอยู่กลางวงสนทนาที่ให้บรรยากาศมึนเนิบนาบเหมือนติดอยู่ในหมอกควันแปลก ๆ ของสองพี่น้องนัก ตอนอยู่บ้านคุยกันอย่างนี้ไม่คิดว่ามันพิลึกหรืออย่างไร
เขาพยายามมองหาคิมแต่ก็ไม่เห็น บางทีอาจหลบไปเตรียมตัวสำหรับตอนบ่ายที่ไหนสักแห่ง
ทว่าเพียงครู่เดียวอะไรบางอย่างก็สะดุดตาเขา ผมสีทองท่ามกลางฝูงชนเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเจ้าของสีผมนั้นเดินตรงเข้ามาใกล้ ...มันแปลกดีที่พอเขาคิดถึงคิมหันต์ คิมหันต์ก็โผล่มาเหมือนมีใครไปจุดธูปเรียก
“เตรียมตัวอะไรยังวะ!?”
คิมตะโกนทักมาแต่ไกล เดาว่าคงพูดกับอาทิตย์เพราะตอนบ่ายมีโปรแกรมเดียวกัน จนเมื่อเจ้าตัวเดินเข้ามาใกล้จึงได้เห็นว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
“พี่อัน”มันน่าขำอย่างประหลาดที่ใครเห็นพี่สาวคนสวยผู้นี้เป็นต้องส่งเสียงเจือความสะพรึงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจทุกทีไป“โอ๊ะ! น้องคิม”
อันนายิ้มกว้าง แต่คิมกลับดูระแวดระวังเกินระดับปกติ...ซึ่งเกินกว่าระดับปกติในที่นี้หมายถึงเด็กหนุ่มหันซ้ายแลขวาลุกลี้ลุกลน ชะเง้อมองข้างหลังหญิงสาวประหนึ่งสงสัยว่ามาคนเดียวจริงหรือเปล่าแล้วหันกลับไปมองรอบตัวอีกครั้งอย่างย้ำคิดย้ำทำพลางขมวดคิ้วไปด้วย
“พี่มาคนเดียวจ้ะ”
คิมเลิกคิ้ว...และหญิงสาวก็เลิกคิ้วตาม เดาว่าจงใจยียวน
“...เผื่อน้องคิมหวังให้ใครมาด้วย”ปิ่นหยกเห็นคิมถอนหายใจเฮือก เขาไม่ถนัดอ่านสีหน้าคนนักแต่บอกได้อย่างมั่นใจว่าเพื่อนรักดูโล่งอกมากกว่าผิดหวัง หลังจากคิมเอ่ยทักทายอันนาได้สามสี่คำก็หันไปเรียกอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเขา
“อาทิตย์ ณิชาให้ไปเตรียมตัวแล้ว”
เด็กหนุ่มร่างสูงพยักหน้า แต่ยังยืนรากงอกอยู่ที่เดิม เบือนหน้ามาทางเขาคล้ายจะขอความเห็น
“ไปดิ” เขาพยักเพยิด แอบเห็นคิมทำปากงุบงิบคล้ายจะบ่นว่าแยกกันแป๊บเดียวมันจะอะไรนักหนา จังหวะเดียวกับที่อันนาเดินมาคว้าแขนเขาไว้พอดี
“ขายเค้กหมดแล้ว น้องปิ่นก็ว่างแล้วใช่ไหมตอนนี้”
“ก็..ประมาณนั้นครับ”
เหลือแค่ไปรอดูท่านชายกับเพื่อนรักว่าจะโดนใครหิ้วไป อันนี้ถือว่าเขาว่างแล้วใช่ไหม?
“งั้นพี่ไปด้วย มาคนเดียวท่ามกลางเด็ก ๆ มัธยมรู้สึกแก่พิลึก...ไปรอดูอาทิตย์กัน”
เขาพยักหน้าน้อย ๆ ปล่อยสถานการณ์เลยตามเลยพลางงึมงำต่อท้ายแก้ต่างให้ตัวเอง
“ดูคิมด้วย”
.........................................................................
..............................................
.
.
.
.
“ห้าร้อย”
“ห้าร้อยห้าสิบ!”
“เจ็ดร้อย”
“แปดร้อย”
โอ้...ไม่มีใครยอมเลย
จากตรงนี้เห็นคนบนเวทีไม่ชัดทุกรายละเอียดนัก แต่ก็บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าอาทิตย์ดูดีมากทีเดียว เรือนผมสีดำสนิทที่ปกติปล่อยปรกหน้าปรกตาบัดนี้ถูกปัดออกไปด้านข้างเปิดหน้าผากเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเข้มตัดกับผิวขาวจัดเด่นชัดขึ้นบนดวงหน้า จมูกโด่งรับกับริมฝีปากซึ่งคลี่ยิ้มบางเบาซึ่งดูละม้ายยิ้มการค้าของเอมจิตเวลาเปิดร้าน แต่แค่นั้นก็มากพอแล้วจะทำให้ใครหลายคนใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“หนึ่งพัน!”
“ขึ้นหลักพันแล้วค่าาาาา~~!!”“กรี๊ด! หนึ่งพันห้าร้อย!”
ปิ่นหยกหน้ามืดตาลาย ราคาที่ขานกันขึ้นมานั้นมีแต่เสียงเด็กสาวแทรกด้วยเสียงกรีดร้องและคำพูดประมาณว่า
‘หล่อมาก ๆ’(อ้าปากกว้าง ๆ) กับ
‘คนนี้ต้องเป็นของฉัน’ เป็นระยะ นี่เขาหลุดมาอยู่กลางสงครามชิงลูกไก่ไร้ประโยชน์แต่บังเอิญเกิดมาหน้าตาดีอะไรอยู่ตรงนี้
“สองพันค่ะ”
"มีมากกว่านี้ไหมคะ?"“สองพันห้า!”“ว้าว! สองพันห้าร้อยบาท...มีมากกว่านี้อีกไหมเอ่ยยยย?” ผู้ดำเนินการประมูลบนเวทีประกาศผ่านไมโครโฟนน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบบริเวณ
ราคาปั่นขึ้นไปถึงขนาดนี้แล้ว....เด็กมัธยมเอาเงินหลักพันมาโยนทิ้งเล่นเป็นอาหารไก่มันใช่หรือ!?รอบตัวมีแต่เสียงฮือฮาแต่ไม่มีใครสู้ราคาขึ้นมาอีก เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มอีกสองสามคนที่แข่งกันมาก่อนหน้านี้ทำหน้าเจื่อนพลางเปิดดูกระเป๋าสตางค์ตัวเอง เห็นแล้วก็อดรู้สึกสงสารอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ในฐานะที่พวกเธอก็สู้ราคากันมาตั้งแต่แรก
“พี่อาทิตย์หล่อเวอร์ อร๊ายยยย!” เด็กสาวผู้เสนอราคาล่าสุดยืนลุ้นจนตัวงอแทบจะทึ้งผมตัวเองหลุดออกมาเป็นกระจุกแล้ว ใบหน้าแดงก่ำแต่ยังฉีกยิ้มกว้างชนิดฉุดไม่อยู่เมื่อคิดว่ากำลังจะได้ตัวหนุ่มที่ใฝ่ฝันในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้แน่นอน
“เงินเยอะเลยนะฟ้า” เพื่อนสาวอีกคนของเธอท้วงขึ้น
ปิ่นหยกไม่ได้อยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเลย...แต่รู้ตัวอีกทีก็เงี่ยหูฟังตั้งอกตั้งใจไปเรียบร้อยแล้ว“ชอบพี่เขาขนาดนั้นเลยหรือ”
“ชอบมากกกกกกกกก” เด็กสาวซึ่งถูกเรียกว่าฟ้ากำมือแน่น “ฉันทุ่มหมดกระเป๋าเลย สองพันห้าหมดตัวแม่ด่าก็ยอม”
“ได้แค่วันเดียวเนี่ยนะ”
ปิ่นหยกลอบมองทั้งสองคนอยู่เงียบ ๆ ไม่รู้ตัวว่าอันนาซึ่งนั่งอยู่ข้างกันก็สังเกตทุกอิริยาบถของเขาอยู่อีกทอดหนึ่ง
“มารยาหญิงมีไว้ทำอะไรล่ะ” เธอยิ้มพราย "มีเวลาให้ฉันสักวัน พี่อาทิตย์ต่างหากที่จะไปไหนไม่รอด"
เขาเม้มปาก..คำพูดนั้นช่างฟังดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกิน แต่เมื่อหันไปจนเห็นหน้าเธอชัดเจนแวบหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าดวงหน้าสะสวยชวนมองของเธอเหมาะสมกับความมั่นใจนั้นจริง
ไม่เอาน่า...อย่าคิดมาก เพิ่งทำเท่บอกไปเองแท้ ๆ ว่าเชื่อใจ“น้องปิ่นไม่ประมูลกับเขาบ้างหรือ?”
ปิ่นหยกสะดุ้ง หันไปมองอันนาตาปริบ ๆ “ผมน่ะหรือครับ?”
และเธอพยักหน้ากลับมา “เด็กคนนั้นน่ารักนะ พี่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกว่าน่ารัก”
ปิ่นหยกสูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ พยายามคงสติตั้งมั่น นี่มันไร้สาระมากเลย ใครจะยอมเสียเงินกับเรื่องพรรค์นี้กัน
“แบบนั้นสเปกอาทิตย์เมื่อก่อนนี้เลย”
หญิงสาวพึมพำในระยะใกล้เข้าไปและลดเสียงลงอีกให้ฟังดูมีลับลมคมใน “...คิดว่าถ้าไปอยู่ใกล้กันหนึ่งวันเต็มจะหวั่นไหวไหมนะ”
"จ้ะ แม่คนสวย"
เขาแทบหูกระดิกพร้อมกันกับที่เพื่อนสาวเด็กคนนั้นเอ่ย...ซึ่งมันก็ขยันลอยมาเข้าหูเขาเหลือเกิน(หรือเขาตั้งใจฟังเกินไป?) "อิจฉาหน่อย ๆ แต่ระดับเธอก็คงเป็นงั้นจริง"
“จะนับหนึ่งถึงสาม...หากไม่มีใครให้มากกว่านี้นะคะ....”“แต่ถ้าน้องปิ่นไม่คิดมากอะไร เราไปแอบดูตอนสองคนนั้นอยู่ด้วยกันดีกว่า ฝ่ายหญิงดูใจถึงดี”
"พี่อาทิตย์ต้องเป็นของฉัน"สารพัดเสียงตีกันให้ยุ่งหมดแล้ว ไม่ ๆ ๆ เขาเปล่าหึงหวงจริง ๆ นะ ไม่ได้อยากฟังด้วย เขาเห็นอันนาลอบยิ้มพร้อมกับพึมพำว่า "ว้าว" ออกมาเบา ๆ กับสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินเหมือนกับเขา
“น่าสนใจนะ พี่อยากรู้ว่าจะมีถึงขั้นกอด...หรือจูบ?.....อะไรอย่างนี้กันหรือเปล่า”
ปิ่นหยกกัดริมฝีปากล่างจนขาวซีด หญิงสาวเห็นสีหน้าวิตกกังวลของเด็กหนุ่มข้างกายก็รู้ว่าเสียศูนย์ไปกับคำพูดเธอไม่น้อยแล้ว พอคิดว่าจากนี้คนตรงหน้าจะทำอะไรต่อไปก็รู้สึกสนุกขึ้นมา...ขอแค่เธอลองพูดอะไรอีกนิด
..แล้วก็สุมไฟเพิ่มอีกสักหน่อย.. “เด็กผู้หญิงชื่อฟ้าท่าทางใช่ย่อย...ส่วนอาทิตย์เห็นดูทึ่ม ๆ แบบนี้แต่จูบเก่งนะรู้ไหม”
อื้อหือ...พอรวมกับถ้อยคำหมายมั่นปั้นมือของเด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนั้นแล้ว ในหัวเขาเห็นภาพเป็นฉาก ๆ เลยทีเดียว และความคิดนั้นก็ไม่ช่วยให้จิตใจสงบลงเลยสักนิด
“...พี่อัน”
“......หนึ่ง.....” เสียงระทึกบนเวทีดังขึ้นกลบเสียงเขาเกือบหมด แต่หญิงสาวข้างกายก็ยังอุตส่าห์ได้ยินก่อนจะหันมาเอียงคอพร้อมกับยักยิ้มเป็นเชิงถาม
“....ผม..”
“........ส..อ...อ.....ง....ง.......” พิธีกรสาวเปล่งคำพยางค์ลากยาวเพิ่มความน่าระทึกขึ้นไปอีก ขณะที่สาวน้อยซึ่งใกล้จะทำภารกิจประมูลหนุ่มในดวงใจได้สมอารมณ์หมายก็อยู่ในอาการตื่นเต้นจนแทบกระโดดโลดระบำทั้งในความเป็นจริงจนถึงในความคิดเขา เพราะตอนนี้มีภาพเธอมาเริงร่ากับไอ้ลูกเจี๊ยบหน้ามึนในจินตนาการของเขาที่บรรเจิดขึ้นมาตอนนี้เสียเหลือเกินเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับประโยคเด็ด
'พี่อาทิตย์ต้องเป็นของฉัน' ซึ่งขยันแจ้งเตือนเป็นเ้จ้าหนี้ทวงเงินอยู่ั่นั่นแหละ
“น้องปิ่นมีอะไรหรือเปล่า?”
ท่ามกลางเสียงหวีดเป็นห้วง ๆ ของเด็กสาวคนนั้นและกลุ่มเพื่อนเมื่อพิธีกรเตรียมจะอ้าปากนับสาม คำพูดที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ก็ออกจากปากเขาไปถึงหูอันนา
"ขอยืมเงินสามพันได้ไหมครับ!?”“เอาไปทำอะไรจ๊ะ?”
“...อ...เอาไป....”
เสียงนับสามดังขึ้นจากบนเวที...บ้าฉิบ! จะไม่ทันแล้ว
'พี่อาทิตย์ต้องเป็นของฉัน' แต่หมอนั่นเป็นของเขา“สามพัน!”พิธีกรยังพูดไม่ทันจบคำเขาก็ยกมือขึ้นพร้อมกับตะโกนออกไปด้วยอาการหน้ามืดท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนรอบตัวโดยเฉพาะคนที่รู้อยู่แต่แรกว่าปกติเขางกแค่ไหน และหลังจากนี้ต้องหน้ามืดกว่าเดิมแน่นอนเพราะราคาค่างวดที่ประกาศออกไปนั้นว่าที่เจ้าหนี้ยังไม่ทันรับปากจะปล่อยกู้เลยด้วยซ้ำ
ปิ่นหยกกัดลิ้นตัวเอง เอาให้ขาดไปเลยคงดีจะได้ไม่ต้องเก็บไว้พูดอะไรนำความเดือดร้อนเข้าตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ ไม่รู้ความคิดนั้นโผล่ขึ้นมาในหัวเขาได้อย่างไร จากหางตาเขาเห็นใบหน้างดงามของหญิงสาวมีร่องรอยความพึงพอใจฉาบอยู่ชัดเจนซึ่งนั่นทำให้ขนที่คอเขาลุกชันอย่างอธิบายสาเหตุไม่ได้
ถึงขั้นนี้เธอคงรู้แล้วว่าเขาจะเอาเงินสามพันไปทำอะไรTo be continued…====================================
พี่น้องคู่นี้ดูจะทำให้ปิ่นหยกห่างไกลเทพเจ้าแห่งเงินตราที่เคารพรักออกไปทุกที
น่าสงสารจริง ๆ 5555555 <<สงสารแล้วเอ็งหัวเราะทำไม (ฮาา)
ขอบคุณงาม ๆ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านและทุกคอมเม้นต์ค่ะ รักมากจริง ๆ เลย ฮืออออ

ของแถมรีพลายถัดไป แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***