ตอนที่ 10
วันที่ฉันป่วย “ดอกไม้นั่นมาจากมึงรึเปล่า” เท้าของผมชะงักทันทีโดยที่สมองไม่ได้สั่งการ ไอ้ธามเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตากึ่งอยากรู้กึ่งไม่เข้าใจ ผมกลืนน้ำลาย ก่อนที่จะหันเหไปสนใจอย่างอื่น
“มึงไม่รีบรึไง พี่เซนรออยู่” แขนที่โอบไหล่ไอ้ธามเอาไว้ดันตัวมันให้เดินไปข้างหน้า
“โห่ย ไอ้สาดดด ยอมรับมาตรงๆเหอะน่า”
“อะไร ยอมรับเรื่องอะไร” ปากแข็งจริงมึง ผมยังหมั่นไส้ตัวผมเองอ่ะ . .
โป๊ก! ผมโดนไอ้ธามเคาะเข้าที่หน้าผากอย่างจัง “ก็เรื่องดอกไม้ไง”
“ชิ” ผมคลำหัวป้อย
“เออก็ได้ กูเองนี่แหละซื้อให้” “เห้ย จริงดิ” กลับกลายเป็นมันที่อึ้ง และก็หันไปมองถนนข้างหน้า เวรกรรม เมื่อกี้มึงเองไม่ใช่เหรอที่อยากจะฟังคำตอบแบบนี้ พอได้ยินเองถึงกับทำหน้าไม่ถูกเลยรึไง . .
“แต่มึงก็คงจะได้จากแฟนคลับบ่อยอ่ะดิใช่มะ” ผมทำทีชวนคุยไปเรื่อย ทั้งๆที่ลำคอตัวเองนั้นดูเหมือนจะมีอะไรมาทำให้มันออกเสียงยากมากขึ้นก็ไม่รู้ หวังว่ามันจะไม่รับรู้ถึงอาการผิดปกติของผมนะ . . สาธุ “เอาของกูไปทิ้งไว้ไหนแล้วเนี่ย”
“แหะๆ” ธามยิ้มแหย “หลังจากที่รู้ว่าไม่ใช่ของเซนกูก็ให้โทมัสเอาไปทิ้งแล้วอ่ะ” มันทำหน้าเหมือนมันเสียใจจริงๆ
ให้ตายสิ . . หลังจากฟังคำพูดของมันจบผมนี่แทบอยากจะผลักมันออกไปจากร่มแล้วให้มันตากฝนตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำซะให้รู้แล้วรู้รอด
“เฮ้ย มึงนี่แม่ง!” ผมไม่รู้จะโวยวายอะไรดี “เสียใจว่ะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้กากเอ๊ย กูเก็บไว้อยู่หรอกน่า” มันใช้ศอกเล็กๆของมันกระทุ้งเข้าที่ลำตัวของผมเบาๆ
“ระวังรถ!” รถที่สวนมากะทันหันเหยียบน้ำที่ขังอยู่ข้างทาง ผมกลัวไอ้ธามมันจะเปียกเลยเอี้ยวตัวไปดึงมันให้กลับตัวไปอีกข้าง . .
ไม่น่าแมนเลยกู . . เปียกเต็มๆ “อั้ก!”
เปียกยังไม่พอ ก็โดนมือของไอ้ธามทุบเข้าที่อกของผมเต็มๆอย่างไม่ยั้งมือ
“รัดแน่น หายใจไม่ออก” มันโวย
“แล้วจะไปไหนไกลเล่า เปียกนะนั่น” ผมดึงมันกลับเข้ามาใกล้ให้อยู่ใต้ร่มเหมือนเดิม
“สัด มึงจะทำตัวสุภาพบุรุษไปไหน กูเปียกบ้างไรบ้างก็ได้” ธามบ่นอุบไม่สบตากับผม
“ไม่เป็นไรหรอก” ผมบอก
ดูเหมือนทางเดินที่ผมกับมันกำลังเดินอยู่จะยาวไกลออกไปเรื่อยๆ . . ไอ้ธามทำเสียงหงุดหงิดเล็กๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ส่วนผมก็ได้แต่โอบตัวมันเอาไว้ แทบจะขยับร่มทั้งคันไปอยู่ฝั่งมันอยู่แล้ว เพราะตอนนี้หลังผมก็เปียก ไหล่ซ้ายผมก็เปียก เปียกอีกนิดก็คงจะไม่เป็นไรมั้ง . .
“ไม่เอาแล้ว” ในที่สุดความอดทนของคุณชายก็สิ้นสุด “ไม่ไปแล้ว เปียก เหนอะไปหมดแล้ว”
“อ้าว แล้วที่นัดพี่เซนไว้ล่ะ”
“จะโทรไปยกเลิกเดี๋ยวนี้แหละ” ความอดทนต่ำมากกกกกกกกกก ซึ่งผมก็เข้าใจ เปียกขนาดนี้แล้วยังจะดั้นด้นไปก็ใช่เรื่อง “แวะตึกคณะนี้ก่อน จะโทรบอกโทมัสให้มารับกลับด้วย”
ผมจึงพามันไปอย่างที่มันต้องการ มันวางกระเป๋าผมกับมันลงบนโต๊ะใต้ถุนตึกคณะอะไรสักอย่าง แล้วก็จิ้มโทรศัพท์ตัวเองยกใหญ่ ส่วนผมก็เพิ่งจะได้สำรวจสภาพตัวเอง เปียกซ่กน้ำหยดติ๋งๆจนรู้สึกเกรงใจแม่บ้านที่ตึกคณะนี้ชิบเป๋ง
อากาศหนาวเวอร์และฝนก็ยังแรงแบบเวอร์ๆ ผมโง่มากที่พามันออกมาเดินกลางสายฝนแบบนั้น แต่ตอนนั้นที่ผมพามันออกมาก็เพราะอยากจะหยุดคำพูดมากมายทั้งหลายแหล่ของมันเอาไว้แค่นั้นเอง
ผมทิ้งตัวนั่ง จับเสื้อตัวเองบิดเรื่อยๆเผื่อจะช่วยให้มันหายเปียกได้บ้างสักนิดก็ยังดี ตามองไอ้ธามที่กำลังคุยกับพี่เซนอยู่ ท่าทางมันดูหงุดหงิดไม่น้อยที่ไม่ได้ไปตามนัด แต่ผมรู้พี่เซนเค้าก็คงเข้าใจ
“เห้ย ไม่ต้องมารับหรอก ธามเปียกหมดแล้ว ว่าจะให้โทมัสมารับกลับเลย”
ดูท่าคู่นี้เค้าจะไปได้สวย . . โดยที่ไอ้ธามไม่ต้องเปลืองแรงในการทำให้พี่เซนเค้ากลับมาหามันเลยแม้แต่นิดเดียว อืมมมม ผมก็เข้าใจนะ ไอ้ธามมันมีมุมน่ารักของมันอยู่บ้าง(?) เยื่อใยของพี่เซนก็คงยังจะมีเหลืออยู่
ความรู้สึกเดิมๆของผมมันกลับมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว ไอ้ความรู้สึกที่ว่า . . เป็นส่วนเกิน เป็นคนที่ไม่มีใครเค้าต้องการ มันมาได้ยังไงกัน ครั้งล่าสุดผมจำได้ มันเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม . . ผมโคตรเกลียดความรู้สึกแบบนี้ “จะไปไหน” ธามถามผมทันที ทั้งๆที่ยังไม่ได้วางโทรศัพท์
“โทมัสจะมารับใช่มั้ย โทษที คงไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนนะ” ผมคว้ากระเป๋าตัวเองมา แล้วทำท่าจะเดินออกไป
“ไอ้เหี้ยปอนด์” ธามมาดึงแขนผมไว้ทันที “ฝนตกหนักแบบนี้ รอให้ฝนหยุดก่อนดีกว่า ติดรถกูไปก็ได้ เดี๋ยวไปส่งที่ตลาด”
“อ๋อ” ผมยืนคิดแป๊บนึง “ไม่เป็นไรดีกว่า ไปนะ”
ผมหนีจากที่นั่นมาเพื่อให้กลับมาเจอเรื่องแบบนี้อีกงั้นเหรอ ทำไมวะ คนอย่างผมมันทำอะไรผิดมาถึงจะต้องมาเจออะไรที่ซ้ำๆซากๆแบบนี้ . .
ใครก็ไม่รู้วิ่งมาแตะหลังผมแล้วกางร่มให้
“อย่างน้อยก็เอาร่มไปด้วยดิวะ” ธามพูดไว้อย่างนั้น
ผมจ้องมองไปที่ดวงหน้าขาวสะอาดที่มีหยดฝนเม็ดเล็กๆเกาะพราวเป็นประปราย ดวงหน้านั้นเงยขึ้นมามองผม สายตาของมันอ่อนโยนจนผมแน่ใจว่าผมไม่ได้คิดไปเอง . .
“อื้อ”
2 Broken Hearts
[/b]
“เอาไงวะไอ้หล่อ เมื่อวานก็ไม่ไปเตะ วันนี้วันเสาร์แม่งก็ไม่ไปเตะ” ไอ้คิกบ่นผ่านสายโทรศัพท์มา เสียงดังล้งเล้งดูก็รู้ว่ามันกับไอ้บูมปักหลักที่สนามบอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แค่ก! ไม่ไหวว่ะ” ผมบอกพวกแม่งไปตรงๆ
“ไอ้สาดดดดเอ๊ย ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกางร่มให้เค้า ฮ่าๆๆ กูกับไอ้บูมเห็นนะเว้ย ส่องลงมาจากหน้าต่างหอสมุดเลย เพื่อนกูแม่งอย่างแมน ตัวเองเปียกอย่างกับลูกหมาแต่ก็ยอม แมนสัดอ่ะ!!!”
“ถ้าเป็นคนอื่นกูก็ทำแบบนี้อ่ะ” ผมเถียง เอาหมอนอิงมาปิดหน้าเอาไว้ด้วยความอ่อนเพลีย
“ถุยยยยย อ่ะกูถามหน่อย สมมติเป็นไอ้บูมงี้ ตากฝนไปกับมึง มีร่มคันเดียว มึงจะทำยังไง”
ผมนิ่ง . . คิดตามคำถามของไอ้คิก “ฝนตกช้ะ แค่ก! กูไม่ไปแม่งเลยไง ออกไปตากฝนทำไมให้ตัวเองเปียกเล่นๆ ให้ป่วยเล่นๆแบบนี้” ประโยคหลังแผ่วลงเพราะเหมือนผมพูดกับตัวเองมากกว่า
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ก็แสดงว่ามึงอยากออกไปเดินสวีทท่ามกลางสายฝนกับพี่ธามอ่ะดิ๊ ฮ่าๆๆๆ”
“เปล่าซักหน่อย!”
“อย่าปากแข็งไปเลยน่า กูรู้กูดูมึงออก” ไอ้เชี่ยคิก . . มันไม่ยอมไปเตะบอลรึยังไง ถึงมีเวลาว่างมาคุยเรื่องผมแบบนี้น่ะ ? “ถ้าชอบก็จีบไปเลย ไม่ได้ว่าอะไรติดจะอิจฉามึงด้วยซ้ำ(เห้ยมึง พี่ธามโทรหากู!!!!) ฮะ อะไรนะเชี่ยบูม เฮ้ย ไอ้สัด!!! จริงป่ะ พี่ธามไอ้ปอนด์อ่ะนะ!!! มึงร้ายกาจจจจจจจ ไอ้เชี่ยปอนด์ พี่ธามโทรหาไอ้บูมด้วย มึงอย่าเข้าใจอะไรมันผิดนะ มันไม่ได้ชอบคนเดียวกันกับมึ๊งงงงง เออ แล้วพี่เค้าว่าไงบ้าง ฮะ อ๋อ ไอ้เชี่ยปอนด์ แค่นี้ก่อนนะ รักนะ จุ๊บๆ”
. . .
พวกบ้า ผมพลิกตัวกลับไปนอนท่าคว่ำอีกครั้ง เป็นไข้เลยครับหลังจากตากฝนในวันนั้น แถมยังเป็นหวัดอีกนิดหน่อยด้วย สงสัยพักหลังๆเรียนหนักไปร่างกายเลยอ่อนแอ แล้วไอ้ธามล่ะ? มันจะป่วยเหมือนผมมั้ยนะ . . เห้ย ไม่สิ ผมควรห่วงตัวเอง มากกว่าห่วงคนอื่น
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ หลังจากที่พยายามปรนนิบัติพัดวีแล้ว ทำยังไง้ยังไงแม่งก็ไม่ดีขึ้นเลยปล่อยเลยตามเลย ผมกดรีโมททีวีเพื่อหาอะไรดูเล่นๆ
“สำหรับวงนี้นะครับ ตอนนี้กำลังเป็นกระแสที่ฮอตฮิตมากเลยทีเดียวสำหรับวัยรุ่นไทย ทั้งหน้าตาดี ความสามารถก็ดี พิธีกรสาวของเราถึงกับเป็นลมแล้วเป็นลมอีกเมื่อเจอหน้าพวกเขาในสตูเมื่อตะกี้ . .” ผมเงยหน้าขึ้นมามองแว้บนึง เห็นรายการเพลงวัยรุ่น มีพิธีกรชายกับพิธีกรสาวท่าทางพูดจาเก่ง ผมเปิดเอาไว้อย่างนั้น ไม่ได้สนใจอะไรมาก แล้วฟุบนอนต่อ
“แหมคุณเอก คุณก็พูดเกินไปนะ ดิฉันก็ไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นสักหน่อย คิกคิก”
“แซวเล่นครับคุณกิ่ง นี่ดูสิ ปกติสตูของเราไม่เคยหนาแน่นคับคั่งด้วยป้ายไฟและก็แฟนคลับที่เยอะขนาดนี้มาก่อน วันนี้ท่าทางสตูจะถล่มเพราะวงนี้อย่างแน่นอน” “คุณเอกคะ เลิกพล่ามแล้วก็เปิดตัวพวกเขากันได้แล้วค่ะ”
“งั้นขอเชิญทุกคนพบกับวง . . โคบร้าสลีคกันได้แล้วครับบบบบ!!!!!” “หืออออออออ” ครั้งนี้ผมเงยหน้าขึ้นมาดูเต็มๆ วงไอ้ธาม = = ไอ้ธามยิ้มแฉ่งกล่าวทักทายแฟนคลับสร้างเสียงกรี๊ดอันดังอื้ออึงจนผมมึน ปกติไม่ได้เห็นรอยยิ้มของมันง่ายๆแบบนี้นะเนี่ย โธ่ ไอ้สร้างภาพเอ๊ย . . ฮ่าๆๆ ตัวจริงขี้เหวี่ยงจะตายห่า
“ขำอะไรวะ”
“ไอ้เหี้ย!!!!!” ผมสบถออกมาเสียงดังที่สุดในชีวิต เมื่อไอ้ธามที่ผมดูอยู่ในทีวีมันมาปรากฏตัวอยู่ในห้องผม!!!! หรือทีวีกูจะมีระบบทรีดี!!!!!!! ชุดก็เป๊ะ ทรงผมก็เป๊ะ เหมือนในทีวีเด๊ะๆเลย
“ตกใจอะไร” มันเดินเข้ามา พร้อมๆกับมองตัวมันเองในทีวี “อ๋อ เพิ่งอัดเสร็จเมื่อตะกี้นี้เอง” ธามนั่งลงบนเตียงผม เอาหมอนมาวางไว้บนตัก แล้วก็ยึดรีโมทไปด้วย ผมที่ยังงงแดกอยู่หลบอย่างเหวอๆที่มุมหนึ่งของเตียง “มึงหัวเราะอะไรกูวะ เสียความมั่นใจนะเนี่ย มีอะไรให้ขำรึเปล่า รายการนี้รีรันตั้งสี่ห้ารอบนะโว้ย”
“หมะ มึงมาไงเนี่ย” ผมเลียบๆเคียงๆถาม
“โทมัสพามา และโทมัสก็ไปแล้วด้วย” น้ำเสียงของมันติดจะเฉยๆหยิ่งๆตามสไตล์ของมันแหละครับ
“เข้ามาห้องกูได้ไง”
“บอกโทมัสให้เอากุญแจห้องมึงไปปั๊มน่ะ”
“อะไรนะ?” เมื่อไหร่วะ. . ?
“แค่จะแวะมาดูเฉยๆว่าใกล้ตายรึยัง”
“แล้วรู้ได้ไงว่าป่วย”
“บูมมันโทรบอก” มันตอบสั้นๆ แน่ะๆๆ อันนี้ไม่เนียนแล้ว มึงต่างหากที่โทรหาบูมเองน่ะ!!!
“กูไม่เป็นไร กูโอเค” ผมตอบมันไป ทั้งๆที่ยังงงอยู่
หมับ . . ไอ้ธามที่ยังอยู่ในชุดนักร้องนำวงร็อคจับเข้าไปที่หน้าผากของผมทันที
“ไข้สูงขนาดนี้ ยังว่าโอเคอยู่ได้”
“ก็พอทนไหวนี่”
“แล้วไม่อยากหายรึไง”
“ก็อยากหายสิ”
“งั้นก็อยู่เฉยๆนิ่งๆ” ธามพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินตึงตังออกไปจากห้องนอนผม ทิ้งให้ผมอยู่กับร่างของมันในจอทีวีแทน . .
“ . . นับว่าเป็นปรากฏการณ์ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้นะครับสำหรับวงนี้ ที่มียอดการดาวน์โหลดสูงที่สุดและแผ่นซีดีขายหมดจนแทบไม่เหลือบนแผง ทุกคนรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ครับ . . ให้ใครตอบดี เอ่อ - - (พีธีกรยื่นไมค์ไปหาไอ้ธาม) คุณธามเป็นตัวแทนตอบคำถามก็ได้ครับ” ไอ้ที่มันหยิ่งชิบหาย หยิ่งจนสยองหายไปไหนจากตัวไอ้ธามวะเนี่ย ผมสูดน้ำมูกเข้าไปลึกๆ ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเอาผ้าห่มมาคลุม มองดูหน้าไอ้ธามที่เต็มหน้าจอทีวี ที่ซึ่งเดี๋ยวนี้ตัวจริงมันทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เสียงดังกอกๆแกกๆข้างนอก . . เห้ย ชิบหายละ . . มันยิ่งทำอะไรไม่เป็น ถ้าเกิดทำข้าวของผมเสียหายขึ้นมาล่ะ!!!!
“พวกเราดีใจมากครับที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แบบที่ทำวงกันมาก็ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองจะมาถึงได้ขนาดนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอขอบคุณทุกคนมาเลยนะครับ (ไอ้ธามโดนแย่งไมค์จากมือกีต้าร์ไปหน้าตาเฉย - -) อ้าวพี่เจิ้น”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เจิ้นธาม เจิ้นธาม เจิ้นธามมมมมมมมมมมมมมม”
“ก็อย่างที่ธามบอกไปอ่ะครับ” มึงแย่งไปพูดแค่เนี้ย ?
“โอ้โห ใจเย็นๆกันนะคะน้องๆในสตู สตูรายการพี่จะระเบิดแล้ววววววววววว”
“คู่นี้เป็นอะไรที่ฮอตฮิตกันจริงๆ” “ปิดทีวีก่อนได้มะ” ไอ้ธามโผล่มาพร้อมกะละมังและผ้าเช็ดตัว มันเอามาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ทิ้งตัวนั่ง และก็ฉวยรีโมทจากมือผมไปกดปิดทีวี
“เห้ย ปิดไม สนุกดี” เมื่อกี้เค้ากำลังล้อไอ้ธามกับคนที่ชื่อเจิ้นกันใหญ่
“มโนกันเอาเองทั้งนั้นอ่ะ ไม่มีอะไรสนุกหรอก”
“โหยยยย ถ้าแฟนคลับมึงเค้ารู้กันอย่างนี้ แค่ก เขาคงเสียใจแย่”
“บางคนเค้าก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรจริงไม่จริง” ธามหันกลับมามองผม
ผมมองหน้ามัน “อะไร”
“กูต้องเช็ดตัวให้มึงใช่ป่ะวะ”
แค่มึงโผล่มากูก็เซอร์ไพรส์จะแย่ . . ถ้ามึงเช็ดตัวให้กูนะ กูว่า - - หิมะอาจจะตกที่เมืองไทยก็เป็นได้ “ไม่เป็นไร” ผมตอบง่ายๆ เขยิบเข้าไปหากะละมัง แต่ทว่า . . โดนไอ้ธามมาขวางเอาไว้เสียก่อน
“ทำซ่านะมึง เดี๋ยวกูเช็ดให้”
“เห้ย!!!!” กูไม่อยากเห็นหิมะตก!!!!!
“ตกใจอะไร เวลากูไม่สบายนะ กูไม่เคยที่จะต้องเช็ดตัวเองเลย ถ้ามึงทำกูว่าน่าสงสารแปลกๆ”
ผมมองมันไปจับผ้าขนหนูจุ่มน้ำในกะละมัง และก็แปะ! กลางหน้าผากผมเต็มๆ “แล้วคนที่เค้าเช็ดตัวให้มึงนี่ เค้าทำรุนแรงอย่างงี้ป่ะว้า”
“โทมัสไม่กล้าทำรุนแรงหรอก เค้ารักกูจะตาย”
“แล้วมึงไม่รักกูรึไง ถึงกล้าทำรุนแรงกับกู” สาบานได้ว่าพูดเล่นไปตามเนื้อผ้า
ไอ้ธามเอาผ้าที่ชุ่มน้ำแบบไม่ได้บิดนั้นมาแปะสองตาผมเต็มๆ ไอ้เจรี้ยยยยย . . !!! “พูดห่านอะไรแบบนั้น!! อยู่เงียบๆไปเลยไป” ธามดึงผ้าออกมาแล้วเริ่มทำการเช็ดหน้าให้ “มึงป่วยจริงป่ะว้า กวนตีนกูได้ตลอดอย่างงี้”
“ก็ . .”
“เงียบ!” ธามชี้หน้าขู่ “เสียงก็ไม่ค่อยจะมี (ผมอ้าปากอีกครั้ง) กูบอกให้เงียบไง!”
ทำไมต้องดุด้วยวะ . . ผมเงียบๆทำตามที่มันบอก ไอ้ธามเช็ดหน้าให้ผมอย่างเบามือ การที่ไม่มีเสียงผมและก็ไม่มีเสียงมันทำให้เกิดบรรยากาศแปลกๆขึ้นรอบตัวผมกับมันอย่างไม่รู้ตัว ผมมองใบหน้าที่ใสกิ๊งมีเมคอัพของไอ้ธาม . . คนที่อยู่ในทีวีเมื่อตะกี้ กำลังเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ผม แปลกดี - -
“มองไมวะ”
ผมเงียบ . .
“กูถามว่ามองทำไม”
“ก็บอกให้เงียบ กูก็เลยเงียบ ไม่ตอบไง”
“ส้นตีนจริงๆ”
ผมยิ้มหัวเราะคิก “มึงอัดรายการเสร็จมึงก็มาเลยเหรอ”
“ดูจากชุดดูจากหน้ากูก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ” ธามหยุดชะงัก “มึงถอดเสื้อมึงดิ๊”
ผมตั้งท่าจะลุกขึ้นถอดเสื้อ ผมใส่เสื้อยืดน่ะครับ . .
“เห้ย อย่าเพิ่ง!”
“อ้าว มึงจะเอายังไงเนี่ย”
“คือ . .” มันมองมาที่พุงของผมแล้วทำหน้าราวกับว่าจะมีตัวอะไรที่พิลึกกึกกือโผล่ออกมาจากท้องผมถ้าผมถอดเสื้อออกมา “เอ่อ- - ถอดก็ถอด”
ผมยังงงๆกับอาการทำหน้าไม่ถูกของมันอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรของแม่ง มันก็มีเหมือนๆกันนั่นแหละน่า ผมถอดเสื้อออก สัมผัสได้ว่าเนื้อกายของผมมันร้อนเพราะผมไม่ค่อยสบาย คนหนึ่งใส่ชุดมาเต็มมากตามแบบฉบับดารา ส่วนผมข้างบนเปลือย ข้างล่างบ๊อกเซอร์ลายตารางสีเทาๆ
“หันหลังมา” คุณชายสั่งผมก็เลยจัดให้ หันหลังให้มันซะ มือข้างหนึ่งของธามจับตัวผม อีกข้างก็จับผ้าขนหนูถูไปถูมา ให้ความรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อยๆ มือไอ้ธามเย็นเฉียบแต่ทำให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มของผมรู้สึกดีขึ้นมาได้
. . ครั้งสุดท้ายที่มีคนมาดูแลแบบนี้ . . ก็แม่กูนี่เองล่ะนะ
“หันหน้า” ผมทำตามที่มันสั่ง ไอ้ธามก้มหน้างุดเช็ดข้างหน้าผมให้อย่างลวกๆมากที่สุดเท่าที่จะลวกได้
“จะรีบไปไหนเนี่ย”
“อกกับพุงมึงทุเรศ ไม่อยากจ้องนาน”
คำพูดของมันทำเอาผมก้มหน้ามองดูร่างของตัวเองทันที ทุเรศจริงเหรอวะ . . สมัครสมาชิกฟิตเนสเฟิร์สแบบแพลตินัมสองปีเชียวนะเว้ยยยยย
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ว่าอะไรต่อ “เสร็จละ” ธามลุกขึ้นยืน วางผ้าขนหนูลงบนกะละมัง แล้วถามผม “มึงแดกอะไรรึยังตั้งแต่เช้าน่ะ”
ผมส่ายหน้าพรืด ไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งนั้น . . เวลาผมไม่สบาย ถ้าอยู่คนเดียวผมก็จะไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่ครับ เพราะผมมีความเชื่อว่า . . เดี๋ยวมันก็หายเองแหละมั้ง
“จิ๊” ถ้าไอ้ธามมันแพ่นกะบาลผมได้ มันคงทำไปนานแล้ว
มันเดินออกไปจากห้อง . . ผมสูดน้ำมูกเข้าไป ช่วงนี้ร่างกายอ่อนแอคงเป็นเพราะผมนอนน้อยกระมัง ผมเดินตามหลังมันไป ท่าเดินของผมอย่างฮา เหมือนคนไม่ค่อยมีแรง
“ฮัลโหลโทมัส” ธามมันไม่รู้ว่าผมเดินตามมันออกมาจากห้องนอน คุยโทรศัพท์เสียงเครียดมาก “โจ๊กเค้าทำกันยังไงอะ เหอะน่า อย่าถามมากได้ป่ะ อยู่คอนโดปอนด์ อืม ไม่มีอะไร โทมัส!!! ธามบอกไม่มีอะไรไง สรุปจะบอกวิธีทำโจ๊กป่ะ ข้าวต้มก็ได้อ่ะ . . ซื้อโจ๊กคนอร์มาง่ายกว่าเหรอ . . ”
ผมเห็นไอ้ธามมองดูชุดที่มาเต็มของมันอย่างลังเล . . ออกไปทั้งอย่างงี้มึงเด่นตายห่าแน่ ถึงแม้ว่าเซเว่นจะอยู่ใกล้แค่นี้ก็ตามทีเถอะ
“ไม่เป็นไรน่า” ผมพูดกับธามเบาๆ
“อ้าว ออกไปทำไมล่ะ ไปนอนเฉยๆอยู่บนเตียงนู่น โทมัส อย่าเพิ่งพูดนะ!!”
“ในตู้เย็นอาจมีอะไรเหลือก็ได้ เอามาอุ่นกินก็ได้”
“ไอ้สัด ก็ไม่บอก” ธามวางสายโทมัสแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นของผมดู “อะไรที่อุ่นได้งั้นเหรอ?”
ไม่น่าจะรอด . . “กูทอดไข่เจียวก็ได้ มึงหุงข้าวเป็นใช่มั้ย”
“เห้ยยยย ไม่ต้อง ห้ามขยับตัวนะเว้ย ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ”
“แต่ ..”
“บอกวิธีกูมาละกัน ว่าทำอะไรยังไงบ้าง” ผมเห็นมันเหลือบมองจอไอแมคที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ข้างหลังผมนี่เอง “อันที่จริงมึงไม่ต้องบอกก็ได้ . . ไปนอนไป รับรองได้กินแน่”
“มึงจะทำไฟไหม้ครัวกูรึเปล่า”
“ไม่หรอกน่า”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ”
ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ . . ผมเดินโซเซกลับไปนอนที่เตียง เปิดทีวีดูอีกครั้ง รายการที่ไอ้ธามไปออกจบไปนานแล้ว แต่พอเปลี่ยนเข้าช่องใหม่ เอ็มวีเพลงของมันก็โผล่ขึ้นมา มันช่างเป็นช่วงขาขึ้นของมันจริงๆ
ผมได้ยินเสียงอะไรในครัวดังบ้างก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ตาผมจ้องทีวี ดูเอ็มวีเพลงร็อคสีดำๆทะมึนๆของวงไอ้ธาม เพลงนี้มือกลองเป็นพระเอก และตอนฉากที่มันต้องเล่นเพลงรวมวงต้องเล่นกลางน้ำกลางสายฝน ไอ้ธามร้องเพลงและและฉากนั้นก็เป็นฉากที่มันสโลว์ เสื้อยืดสีขาวคอวีบางๆ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำขาดๆ เปียกไปหมด . . มีเนื้อเห็นเนื้อ ตัวแม่งจะขาวจะบางไปไหนว้า . .
“เสร็จแล้ว!”
ผมปิดทีวีแทบไม่ทันแน่ะ . . “เสร็จแล้วเหรอ” จะเร็วไปไหน
“พอดีไปค้นๆมาแล้วเจอโจ๊กคนอร์น่ะ กูใส่หมูสับ ใส่ไข่ลงไปด้วยนะ อ้อ ซอสแม็คกี้นิดๆด้วย เห็นโทมัสทำงี้ให้กูประจำเลย”
“แป๊บดิ . . ยังไม่สุกเร็วขนาดนั้นมั้ง” ผมมองไปที่ชามโจ๊กฝีมือไอ้ธามอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
“อร่อยชัวร์น่า” ธามนั่งลงข้างๆแล้วก็ใช้ช้อนคนๆโจ๊กไปมา มันตักขึ้นมาแล้วทำท่าจะป้อน
“จะป้อนเหรอ”
“เออดิ”
ตอนนี้หิมะคงท่วมภาคอีสานตอนล่างกับภาคใต้ตอนบนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . . “เป่ายัง”
“เรื่องมากว่ะ” มันบ่น แต่มันก็ทำ “พู่วววววว! เอ้า อ้ำ”
ผมอ้าปากอย่างกล้าๆกลัวๆ มันส่งโจ๊กเข้ามาในปากผมและก็มองหน้าผมด้วยสีหน้าท่าทางที่ลุ้นทุกขณะ “เป็นไง อร่อยใช่มั้ย”
. . มันก็ไม่ค่อยสุกจริงๆ แต่ผมชอบนะ “อร่อยดี”
“เห้ย จริงเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆ” ดูมันดีใจซะยิ่งกว่าตอนที่เพลงมันขึ้นชาร์ทซี๊ดอีกนะ “ตอนทำให้ป๊ากิน ป๊าบอกรสชาติอย่างกับน้ำยาล้างจาน”
“ป๊ามึงเคยกินน้ำยาล้างจานด้วยเหรอ โอ้ย ร้อน เชี่ยธาม มึงลืมเป่า!!!”
“สมน้ำหน้า มึงอย่ามาว่าป๊ากู” ธามยังคงป้อนผมอย่างต่อเนื่อง “กินเสร็จต้องกินยาด้วยนะ..”
“. .ไม่มียา”
“รู้ว่าตัวเองเป็นบ่อยทำไมไม่ซื้อมาเก็บไว้ล่ะ”
“. .กูไม่ได้เป็นบ่อยซักหน่อย”
“ลำบากกูอีก ลำบากกูอีกแล้วววววววววววว” ธามพยักเพยิดไปทางกระเป๋าของมัน “โชคดีนะที่โทมัสเป็นหวัดบ่อย กูก็เลยมียาติดตัวเอาไว้”
อันนี้แปลกๆแฮะ . . “โทมัสเป็นบ่อย แต่มึงมียาของโทมัสพกติดตัวไว้เนี่ยนะ”
“ก็โทมัสเค้าขี้ลืมนี่หว่า” ธามตอบ
แม่งเฉรงว่ะ . . คิดว่าจะมีแต่โทมัสที่ดูแลมันฝ่ายเดียวซะอีก ไอ้ธามเองก็ดูแลโทมัสเหมือนกัน
ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า . . ทำไมความเศร้าที่เคยมีอยู่ในใจมันลดลง ลดลง ลดลงเรื่อยๆซะอย่างนั้น ในทุกๆวันหน้าพี่คินที่เคยลอยเข้ามาอยู่ในหัวผมเป็นประจำกลับเริ่มจางลง ความเหงาที่ผมมีมาแต่เดิมทีนั้นมันหายไปไหนกัน
หรือเพราะผมมีมันเข้ามาในชีวิต ไอ้ที่มันกำลังป้อนโจ้กผมอยู่นี่ . . “หลงเสน่ห์กูเข้าแล้วอ่ะดิ”
. . ได้ยินประโยคนี้ขึ้นมา แทบไม่อยากจะคิดต่อ
“ไม่ใช่”
“ใช่ก็บอกมา”
“แค่สงสัยว่าจู่ๆมึงมาดูแลกูทำไม”
“. . ใคร ใครดูแล เปล่าซักหน่อย”
ที่มึงทำๆอยู่เนี้ย ไม่ได้เรียกว่าดูแลเล้ยยยยย “อืมมม ไม่มีๆ ก็ไม่มี” ผมเลยแกล้งดราม่าซักหน่อย “นี่แหละนะ กูมีแต่ดูแลคนอื่น ไม่มีใครมาดูแล เห็นอกเห็นใจกูบ้าง”
“หุบปากไปเลย” ธามเอาช้อนมาจิ้มปากผมอีกครั้ง
“กูก็อยู่นี่ อยู่ตรงนี้ ดราม่าหาพระแสงเลเซอร์ทำไม” คำพูดของมันทำให้ผมหลุดขำออกมาจนได้ . .
บางทีความสุข . . ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่เลย
“ความรักน่ะ . . บางทีมันก็หาไม่ยากหรอกนะ ถ้ามึงเปิดใจ!!!!!!!!!”
แล้วประโยคที่ไอ้ธามพูดกับผมมาตั้งนานแล้วมันจะลอยขึ้นมาอยู่ในหัวผมตอนนี้ทำไมกัน!!!!!!คู่นี้มันน่ารักว่ะ!!!
อัพในวันที่คนเขียนเป็นไข้หวัดพอดี
ดูแลสุขภาพนะจ๊ะนะ <3