ตอนที่ 14
หลงทาง “มึงๆ มึงดูไอ้ปอนด์กับพี่เซนดิ ที่เดินมาด้วยกันน่ะ”
“ดูทำไม . .”
“บูม มึงว่าเพื่อนเรากับพี่เซนใครหล่อกว่ากันวะ”
“ไอ้เชี่ยคิก ก็ต้องเป็นเพื่อนกูดิว้า หล่อกว่าหรือขี้เหร่กว่าไม่รู้ แต่มันเป็นเพื่อนกู กูก็ต้องตอบเพื่อนกู เข้าใจอ๊ะป่าว”
“อืมมม มึงว่าไอ้ปอนด์ช้ะ” ผมที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ มีลางสังหรณ์แปลกๆว่าไอ้คิกมันจะต้องหันมาถามผมเป็นรายต่อไปแน่นอน “พี่ธามครับ” นั่นไง . . ทำไมกูแทงหวย แทงบอลไม่เคยถูกแบบนี้วะเนี่ย “พี่ว่าพี่เซนกับไอ้ปอนด์ใครหล่อกว่ากันอ่ะ”
ใครหล่อกว่ากันงั้นเหรอ . . ? ผมแง้มผ้าม่านสีเขียวอ่อนออกมาดู เห็นผู้ชายร่างสูงโย่งเดินเคียงคู่กันมาสองคน สำหรับเซน แฟนเก่าของผม เขาหล่อสไตล์นายแบบเอเชีย คือหน้าตี๋ มีเคราเล็กๆ และก็กล้ามเป็นมัดๆ ส่วนไอ้ปอนด์ มันตัวสูง ใบหน้าใสเด้งแลดูหน้าเด็กกว่า กล้ามมีแต่ก็มีน้อยกว่า ถึงแม้จะมีเครานิดๆเหมือนกันแต่ผมก็ว่าดูยังไงไอ้ปอนด์มันก็ดูสดใสกว่าพี่เซนมาก แม้ว่าตอนนี้มันกำลังทำหน้าเหมือนมันกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็ตาม
“พี่ธาม ว่าไงครับ” ไอ้คิกกับไอ้บูมทำหน้าเหมือนรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ คำตอบของกูมันสำคัญขนาดนั้นเลย
“ก็ . . คนละแบบนะ”
“แล้วพี่ธามชอบแบบไหนอ่ะ” ไอ้คิกตัวแสบจอมเซ้าซี้เอ๊ย! สงสัยไอ้บูมมันคงคิดเหมือนกันมั้งครับ มันถึงตบหัวไอ้คิกเสียงดัง คิกแม่งโดนตบหัวทุกตอนเลยนะมึง
“อย่าไปเซ้าซี้พี่เค้า”
“ก็แค่อยากรู้เฉยๆนี่”
เด็กสองคนนี้มันคงรู้ว่าผมเป็นเกย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร . . ก็เลยไม่ต้องคิดว่าผมชอบผู้หญิงให้มันมากความ พูดถึงผู้หญิง ผู้หญิงสองคนที่มาด้วยนี่เค้าซี้กันเร็วดีนะ ยัยเนยลืมผมไปเลย มัวแต่คุยกับยัยซันซันตัวแสบไม่เห็นจะสนใจผมสักนิด . .
ประตูรถตู้เปิดผางออกผมเห็นหน้าเซนก่อนหน้าไอ้ปอนด์
“ซัน พี่ย้ายไปนั่งข้างหลังนะ”
ยัยซันหันขวับมาหาผมทันที อ้าว เกี่ยวไรกับกูวะ?
“ไม่ได้ พี่เซนต้องนั่งกับซัน”
“ซันก็นั่งกับน้องเนยอยู่แล้วนี่นา”
ยัยซันหน้าหงิกที่โดนพี่ชายขัดใจ เซนยิ้มให้ผมก่อนที่จะขึ้นมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม ไอ้ปอนด์ตามเข้ามาทีหลัง . . มันนั่งข้างพี่เซนอีกที สรุปก็คือผมนั่งชิดหน้าต่างขวา ปอนด์นั่งชิดหน้าต่างซ้าย และมีเซนนั่งอยู่ตรงกลาง
สัมผัสได้ในจิตเล็กๆว่าผมมีอารมณ์เซ็งถาโถมเข้ามา . . ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใจผมคงเต้นเร่าๆไปแล้วเพราะเซนมานั่งอยู่ข้างๆ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น . .
เมื่อรถตู้เริ่มเคลื่อนตัว มีแค่บูมกับคิกที่นั่งอยู่ข้างหลังเท่านั้นที่สร้างสีสัน พวกมันหยิบอุคูเลเล่ออกมาและก็ร้องเพลงของณเดชน์ (ร้องเพลงไม่ดูหน้าตัวเองเลยนะ) . . ไอ้ปอนด์ใส่แว่น เสียบหูฟัง แล้วก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง สองสาวที่นั่งข้างหน้าเม้ากันเรื่องแฟชั่นและคอลเลคชั่นใหม่ๆของหลากหลายแบรนด์ ส่วนเซน . . ก็ชวนผมคุยไม่หยุด ทั้งๆที่ผมไม่อยากจะคุยด้วยสักเท่าไหร่
เพราะผมเห็นหน้าไอ้ปอนด์ตั้งแต่มันขึ้นรถมามันยังไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย แค่นั้นก็ทำให้ผมคิดแทนได้แล้ว
“ธาม . . ธาม”
“ฮะ . . ว่าไง” ผมมัวแต่เหลือบมองดูไอ้ปอนด์ จนไม่ได้ยินที่เซนเรียก
“มัวแต่มองอะไรอยู่เหรอ”
“อ๋อ . . วิวทางซ้ายมันสวยดีน่ะ”
“โทรศัพท์สั่นแน่ะครับ” เซนบอกกับผม . .
เวรกรรม นี่เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้างผมไม่รู้ตัวเลยใช่มั้ยเนี่ย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหน้าจอโชว์เบอร์ของโทมัส คงจะโทรมาถามด้วยความเป็นห่วงตามเคยนั่นแหละ
“ฮัล..”
“คุณหนู!!!!” “โทมัส!!! หูธามจะแตก!!!” เสียงของโทมัสของดังไปถึงหูของพี่คนขับแน่ๆ เชื่อสิ
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!!!” “อะไร!!!” สรุป . . ต้องแข่งกันตะโกนใส่โทรศัพท์เพื่อให้ได้อารมณ์สินะ
“ผมจดคิวผิด!!!! T_____________T” “ฮะ . .”
ผมเห็นคำว่าชิบหายตัวเล็กๆลอยมาแต่ไกล
“ผมจดคิวผิดครับคุณหนู วันนี้คุณหนูมีงานเปิดตัวชาเขียวที่เซนทรัลเวิลด์ตอนทุ่มนึง T__T” ตอนนี้ไอ้คำว่าชิบหายตัวแม่งเท่าควายและแปะเต็มกบาลผมแล้วครับ!!!!! ทำไมโทมัสพลาดแบบนี้ T______T งานนี้เค้าจ้างโคตรแพงตัวเลขเจ็ดหลักเลยทีเดียว ชิบหาย ชิบหาย และชิบหายยยยย!!!!
“คุณหนูถึงไหนแล้วครับ ผมกำลังขับรถออกจากโรงแรมเพื่อที่จะไปรับคุณหนู!!!”
“ไม่รู้ว่าอยู่จังหวัดไหนแล้วน่ะสิ โอ๊ยยยย ทำไมโทมัสทำแบบนี้เนี่ยยยย ฮืออออ” กำลังสงสัยว่าไอ้อาการหลงๆลืมๆของโทมัสหายไปไหน ไม่น่าสงสัยเลยกู . . เพราะมันกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่แบบแกรนด์โอเพนนิ่งเลยทีเดียว
“ตอนนี้บ่ายสองกว่าๆ ถ้าผมเหยียบสักร้อยห้าสิบก็คงทัน คุณหนูต้องบอกให้เค้าจอดรถให้ซะแล้วล่ะครับ”
“แล้วจะให้ธามรออยู่ตรงไหนอ่ะ”
“เอิ่มมมม ที่ไหนก็ได้ที่มันหาง่ายๆน่ะครับ ขอโทษนะครับคุณหนู T_______T”
“มารับธามให้ทันก็แล้วกันนะ โทมัส วันหลังอย่าพลาดแบบนี้อีกนะ!!” ผมกดวางสายฉับ . . ตะโกนบอกพี่คนขับรถอย่างทันทวงที
“พี่ครับ จอดรถเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!” เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด!!!!! พี่แกเหยียบเบรกทันทีที่สิ้นเสียงผม เออว่ะ โคตรเจ๋งเลย เดี๋ยวติดต่อไปเป็นคนขับรถให้ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้
“เกิดอะไรขึ้น” ไอ้ปอนด์ที่เสียบหูฟังตลอดยังรับรู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดจากผม
“กูต้องลงตรงนี้”
ทุกคนดูงงงวยกับคำพูดของผม
“โทมัสจดคิวผิด ที่จริงวันนี้ไม่ได้ว่าง มีงาน แถมงานยังใหญ่มากด้วย” โทมัสต้องจดวันที่สิบเจ็ด เป็นวันที่ยี่สิบเจ็ดแหงซะ
“งั้นเลี้ยวรถกลับกรุงเทพก็ได้ครับ” เซนรีบบอก
“ไม่ได้หรอกเซน พวกเขามาเที่ยวกันนะ” ผมพูด “ไปเที่ยวกันให้สนุกเลย อยากอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ เดี๋ยวสั่งโทมัสจัดการให้” ผมอ้างไปถึงโรงแรมที่เรากำลังจะเดินทางไปถึง
“แล้วธามจะรออยู่แถวนี้คนเดียวน่ะเหรอ”
ผมมองออกไปที่หน้าต่าง “ทำไมอ่ะ คนเต็มเลย ไม่เห็นมีอะไร” ข้างหน้ามีร้านส้มตำด้วย . .
“แต่มันน่าเป็นห่วง เดี๋ยวเซนอยู่รอเป็นเพื่อนนะ”
“พี่เซน! แล้วซันละคะ!!!”
“ซัน เรื่องนี้มันจำเป็น”
“ไม่เป็นไรหรอกเซน ธามอยู่คนเดียวได้” ผมเบื่อใบหน้าของยัยซันที่จิกมาทางผมเต็มทน “ไอ้ปอนด์ ขยับดิ๊ กูจะลง”
ทริปไปทะเลของผมคงจบลงด้วยประการฉะนี้ ผมลงจากรถมา โดยมีไอ้ปอนด์รอปิดประตูรถตู้อยู่ใกล้ๆ ทุกคนบนรถบอกลาผม . . เซนทำหน้าเหมือนผิดหวังเต็มที่ . . ขอโทษทีนะ
ผมเงียบรอดูท่าทีของไอ้ปอนด์ อย่างน้อยก็ต้องบอกลาสักคำสองคำดิวะ . . แต่จะไปหวังอะไรได้กับคนอย่างมัน
“พี่ครับ” ฮะ . . มันพูดว่าพี่ครับ มันพูดกับผมเหรอ (แหม คิดได้เนอะ = =) ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าโคตรหล่อสะท้อนแสงแดดของไอ้ปอนด์ กรรม มันไม่ได้พูดกับผมนี่ มันพูดกับคนขับรถต่างหาก “ออกรถเลย”
พูดจบไอ้ปอนด์ก็ปิดประตูดังฉับและก็ตบที่ประตูให้รถเคลื่อน . . รถตู้เคลื่อนออกไปอย่างงงๆ มีแต่มันกับผมที่เหลืออยู่ริมถนนและยืนอยู่กลางแดด
“ทำไมไม่ไปทะเลล่ะ?” ผมก็งงเหมือนรถตู้นั่นแหละ
“ทำไม” ปอนด์ตอบกลับมาด้วยคำถาม เอาแล้วไง .. “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงมึงมีปัญหารึไง”
แม่งไปแดกทุเรียนทั้งเปลือกแหลมๆมาจากไหนรึเปล่าวะ หงุดหงิดอะไรของมัน . . ผมที่ไม่ค่อยเคยชินกับอาการหงุดหงิดของมันเริ่มชักสีหน้า มันเป็นนิสัยของผมอยู่แล้วล่ะมั้งที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองหน่อยๆ
“ก็ไม่ได้มีปัญหา” ผมไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะหงุดหงิดตามมัน . . ก็มันอยากร้องใส่ผมก่อนอ่ะ “เป็นเหี้ยไรมากป่ะ มาเหวี่ยงใส่”
“กูเปล่า แต่กูแค่คิดว่ามึงคงจะดีใจกว่านี้ ถ้าคนที่ลงมาเป็นพี่เซน ไม่ใช่กู”
“ว่าไงนะ” ผมผลักไหล่ไอ้ปอนด์ ทะเลาะกับมันกลางแดด ยิ่งทำให้ผมกับมันร้อนจนเย็นไม่ได้ “คิดได้ไง ถามกูสักคำรึยัง”
“ก็มึงเองไม่ใช่เหรอที่มาขอร้องกูให้กูช่วยให้มึงกับเค้ามาคืนดีกันน่ะ แล้วจะให้กูคิดยังไงวะ”
. . . มันเป็นความจริง แต่ตอนนี้ความรู้สึกของผมแม่งขัดกับคำพูดนั้นยังไงไม่รู้ว่ะ “แล้วมึงจำเป็นต้องหงุดหงิดป่ะวะ มึงจะหงุดหงิดทำไมกูไม่เข้าใจ!!”
ใบหน้าภายใต้แว่นกันแดดราคาแพงนั่นหันมามองผม ผมไม่รู้ว่ามันทำหน้ายังไง และไม่รู้ว่าอะไรทำให้มันหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้
เป็นปอนด์เวอร์ชันที่ผมไม่เคยเห็นและไม่คิดว่าจะได้เห็น . .
มันหันหลังกลับแล้วเดินหนีผมไป . .
“เชี่ย!!! มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย มึงเป็นเมนส์ป่ะวะไอ้สัด!!!” ผมตะโกนด่าไล่หลังมันไป ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากมัน มีแต่แผ่นหลังสูงโปร่งที่ค่อยๆห่างจากผมไปเรื่อยๆ ผมหยีตามองมันสู้แสงแดดจนแสบตา ก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังแล้วก็เดินไปอีกทาง คนละทางกับไอ้ปอนด์ . .
มันหงุดหงิดตั้งแต่ตอนที่มันขึ้นมาจากร้านอาหารเมื่อตอนนั้นแล้วใช่มั้ย เกิดอะไรขึ้นกับมัน แต่ที่มันหันหลังให้ผมเมื่อกี้เป็นอะไรที่ทำให้ผมเดือดมาก . . จู่ๆก็มาหงุดหงิด และก็โวยวายใส่ผมโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน ผมหันหลังกลับไปมองมันอีกที กะจะค้อนใส่แผ่นหลังที่โคตรจะเย่อหยิ่งนั่น แต่ทว่า - - ปอนด์มันหายไปแล้ว
ความหงุดหงิดของผมมีเลเวลต่ำลงเมื่อรู้ว่าไอ้ปอนด์มันหายไป . . ผมหันหลังกลับไปทางที่มันเดินอย่างรีบเร่ง หันซ้ายหันขวาว่ามันอยู่ตรงไหน แถวนี้ไม่ค่อยมีรถผ่าน แถมข้างซ้ายข้างขวายังมีแต่ป่า และก็ป่า . .
โง่จังผม . . ทำไมผมต้องเลือกที่จะลงจากรถตู้แถวนี้ด้วยวะ . . โง่สัดๆ โง่บรม ความคิดตอนที่ลงจากรถมีแค่ความคิดเดียวนั่นก็คือถ้ารถตู้วิ่งไปไกลกว่านี้ ก็จะเจอโทมัสในที่ๆไกลกว่านี้ ซึ่งเสียเวลา . . ผมคิดแค่นั้นจริงๆ T_T
แต่ตอนนี้ผมเห็นไอ้ปอนด์แล้ว . . มันนั่งทรุดอยู่ตรงโขดหิน ตกลงไปที่ข้างทาง . .
“ปอนด์!!!” ผมร้องก่อนที่จะเดินลงไปดูมันทันที “เป็นอะไร!!!”
“. . กูสะดุดก้อนหินล้ม”
ผมควรจะหัวเราะดีมั้ย . . สงสัยไอ้ปอนด์มันคงรู้ความคิดผมมันถึงได้รีบพูด “คือมันไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ย โอเค กูเล่าก็ได้ กูหงุดหงิดนิดหน่อย กูเลยเตะก้อนหินที่ข้างทางเพื่อระบายอารมณ์ แล้วไอ้ก้อนที่กูเตะอ่ะ มันเสือกใหญ่มาก ทำให้กูเจ็บ และทรงตัวไม่อยู่ กูก็เลยตกลงมา . .”
“พอๆ ไม่ต้องเล่าละ” ใจหนึ่งก็สงสาร ใจหนึ่งก็ขำ . . ผมกับมันคงจะหายโกรธกันไปโดยปริยาย
“กูเล่าจบพอดี”
“อืม กวนตีนได้ตลอดนะมึงน่ะ” ผมจับเท้าของไอ้ปอนด์ขึ้นมาดู . . วันนี้มันเจือกเลือกที่จะใส่รองเท้าแตะมา โคตรซวยของโคตรซวย “เล็บนิ้วโป้งมึงฉีก . .”
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องเล็บน่ะ” ปอนด์มันโบ้ยไปถึงเรื่องของเล็บหัวแม่โป้งเท้าที่เลือดไหลซิบๆ “เจ็บก้นมากกว่า ตกลงมาได้ไง โคตรสูง T______T”
“สมน้ำหน้า” ผมพูด อดยิ้มเล็กๆไม่ได้ อาการไอ้ปอนด์มันเรื่องเล็กครับไม่มีอะไรน่าห่วงผมเลยไม่ร้อนใจเท่าไหร่ “ก็อยากหงุดหงิดเองทำไม”
“ก็มึงง่ะ!!!” มันเถียงสวนทันควัน “เพราะมึงเลย เพราะมึงคนเดียว”
“กูทำผิดอะไร?”
“เชอะ”
ปอนด์ทำหน้าบึ้ง แต่แล้วจู่ๆมันก็คว้าร่างของผมเข้ามาสวมกอด ทั้งๆที่มันนั่งอยู่อย่างนั้น มันกอดผมแน่นมาก จนผมงงและก็ทำอะไรไม่ถูก และผมเพิ่งรู้ความจริงเดี๋ยวนี้เองว่าแขนไอ้ปอนด์แขนเดียว รวบผมเข้าหาอกแกร่งของมันได้ทั้งร่าง ตัวมันใหญ่กว่าผมขนาดนั้นเลยเหรอ TT
“สัด!! ทำบ้าอะไรเนี่ย!!!”
“ชู่ว!! ไม่มีปาปารัซซี่หรอกน่า”
“กูไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น” กูทำตัวไม่ถูกแล้วเว้ย มึงรู้ตัวมั้ย ตัวหอมๆของมึง กับอกแข็งๆของมึงที่กระทบกับหน้ากูอยู่เนี่ย!!!! เห็นใจกูบ้าง!!!
“สิ่งมีชีวิตที่มึงกลัวที่สุดคืออะไรวะ”
“มันใช่เวลาถามมั้ยปอนด์”
“เออน่ะ ตอบกูมาเถอะ”
“สัตว์เลื้อยคลานมั้ง” ขอยอมรับอย่างแมนๆเลยว่าผมกลัว T_T
“อืม ทุกชนิดป่ะวะ”
“ก็ไม่รู้ดิ” ผมยักไหล่ ไอ้ปอนด์มันยิ่งดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นยิ่งขึ้นไปอีก “แล้วมึงล่ะกลัวอะไร”
“มันใช่เวลาถามมั้ยธาม”
“เห้ย! มีย้อนว่ะ”
“กูตอบก็ได้” มันจับใบหน้าของผมให้ขึ้นมาสบตากับมัน
“อะ อะไร” หน้าแม่งโคตรใกล้ . . ยิ่งมันถอดแว่นออก ยิ่งทำให้ผมเห็นดวงตาของมันชัดเจน
“กูกลัวมึง”
“ฮะ? อะไร กูไม่มีพิษ ไม่มีเขี้ยว ไม่มี . .”
“กูกลัวมึงเจ็บ” ปอนด์กระซิบ “ดูโน่นสิ”
ผมหันกลับไปตามมือที่ไอ้ปอนด์ชี้ . .
ไอ้สัด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! งู!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! งูเหลือมตัวเบ้อเริ่ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ผมน้ำตาไหลทันทีที่เห็น เพราะทั้งโคตรเกลียดและก็โคตรกลัว ผมกลัวมันจริงๆนะครับ!!!! มันกำลังเลื้อยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมกับไอ้ปอนด์เท่าไหร่ วันเวลามีตั้งเยอะมึงเสือกเลือกที่จะมาเลื้อยเล่นแถวนี้ในวันนี้ ให้ตายสิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ปอนด์คงรู้ว่าผมกลัวมาก มันจับหน้าผมซบกับอกมันอีกครั้งอย่างปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ” ปอนด์กระซิบ
“กูไม่ชอบ กูกลัว ฮืออออ” เห็นแล้วอยากร้องไห้ ตัวแม่งโคตรใหญ่ รัดผมกับไอ้ปอนด์ให้ตายพร้อมกันได้เลย T_______T
“จะนิ่ง . . หรือจะวิ่งครับ”
“วิ่งสิ . . ฮือออ เกลียดมัน ไปจากมันเร็วๆ”
“งั้นนับหนึ่งเมื่อไหร่กูกับมึงวิ่งเลยนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน ยังเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยถูกเลย
“หนึ่ง!!!” พระเจ้า ไหนมึงบอกมึงเจ็บก้น!!! ไอ้ปอนด์ฉุดผมให้ลึกขึ้นยืนในเวลาอันรวดเร็ว และตอนนี้ผมกำลังวิ่งเข้าไปในป่าโดยมีไอ้ปอนด์จับมือไว้แน่นและเป็นผู้นับทาง . . ผมเจือกที่จะใส่ขาสั้นมาวันนี้ ซึ่งแน่นอน กิ่งไม้ ใบไม้ กอหญ้า หนามแหลม ทุกสิ่งอย่างมาโดนขาผม เจ็บนะ . . แต่กลัวอีงูนั่นมากกว่า
“วิ่งไปเรื่อยๆเลยนะ!!! ไม่รู้ว่ามันจะวิ่งตามมั้ย แต่วิ่งไปเรื่อยๆ!!!!”
ผมบอกไปอย่างนั้น . . โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาสักนิด
ก็แหม . . ผมกลัวงู . . มากกว่ากลัวหลงทางซะอีก . .
และผมก็คิดผิดจนได้
2 BROKEN HEARTS
“งานนี้ต้องโทษอิงูเหลือมบ้านั่นตัวเดียวเลย!!!!”
“หงุดหงิดไปก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก”
“ฮือออ น้ำตากูจะไหลอีกแล้ว จะไปงานทันมั้ย ถ้ามัวแต่หลงทางอยู่แบบนี้”
“ใจเย็นสิ ค่อยๆนึก”
“แล้วมึงไม่เจ็บก้นละเหรอ”
“ดีกว่าโดนงูบ้านั่นมันรัดแล้วกัน”
ผมกับไอ้ปอนด์ . . หลงทางครับพี่น้อง หลังจากวิ่งแบบไม่คิดชีวิตตอนนี้ผมกับมันหาทางออกไปสู่ถนนใหญ่ไม่เจอแล้ว โคตรซวยของซวยของซวย ตั้งแต่ที่โทมัสจำคิวผิดไปจนถึงงูบ้านั่น วันนี้คงไม่ใช่วันของผมจริงๆ
โทรศัพท์ของผมติดไปกับรถตู้ (นี่ก็เป็นเรื่องซวย) และโทรศัพท์ของไอ้ปอนด์ก็ไม่มีสัญญาณ (และนี่ก็เป็นเรื่องซวยอีกเหมือนกัน) ณ เวลานี้ผมเกลียดทุกอย่างของเครือข่ายนี้ตั้งแต่คนขายซิมการ์ดไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ถึงแม้ว่าเค้าจะเคยติดต่องานให้วงผมไปเล่นก็เถอะ
สิ่งเดียวที่ใช้การได้บนตัวผมตอนนี้คือนาฬิกาข้อมือ . . ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นกว่าๆเข้าให้แล้ว งานเริ่มทุ่มนึง. . ในกรุงเทพ แทบจะในใจกลางกรุงเทพ หากรถไม่ติดยังไง้ยังไงก็ไม่มีทางไปทัน ผมนี่โคตรเศร้า หวังว่าทางต้นสังกัดจะไม่ว่า และผมก็ขอรับผิดชอบโดยการไม่เอาค่าตัว แถมจะจ่ายค่าเสียหายให้ชาเขียวยี่ห้อนั้นด้วยความเต็มใจ มีอย่างที่ไหน จ้างไปทั้งวงแต่นักร้องนำหาย ให้ตายยยยยยย TT
“ตอนนี้คงต้องหาสัญญาณโทรศัพท์ให้ได้ก่อนสินะ”
“แผลมึงเป็นไรมากมั้ยปอนด์ มึงไหวรึเปล่า”
“เมื่อกี้เอาน้ำของมึงมาราดแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ปอนด์หันกลับมาหาผม ในมือมันถือ . .
“มึงถืออะไรน่ะ”
“ไอโฟนไง”
อยากจะสิ้นให้ดิ้นตาย ผมขอร้องไห้อีกรอบได้มั้ย . . “นี่ไม่ใช่ไอโฟน นี่มันไอพอด T______T”
“อ้าว . . ชิบหาย แล้วมือถือกูล่ะ”
“กูว่าตอนวิ่งมึงคงทำหล่นไปน่ะ” และมึงยังจะโก๊ะคิดว่าไอพอดเป็นไอโฟนที่ไม่มีสัญญาณอีกนะ
ผมกับมันทรุดลงนั่งทั้งคู่ . . เกาหัวแกรกๆ ช่วยกันหาทางออก
“อีกสักพักคงมีคนตามหาเรานั่นแหละ” ปอนด์พูดในที่สุด “มึงเป็นคนสำคัญ พ่อมึงคงให้ตำรวจทั้งกรมออกตามหา ดีไม่ดีผู้หญิงค่อนประเทศก็จะออกตามหามึงด้วยถ้ามึงหายตัวไป อ๋อ . . มีผู้ชายบางส่วนด้วยมั้งนะ”
“กูไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่นี่” ผมเอาหน้าซุกลงไปกับเป้ . . ที่ของในเป้ตอนนี้แทบจะใช้การอะไรที่มีประโยชน์ไม่ได้เลย เว้นเสียแต่โลชั่นกับครีมทาหน้ามันจะกลายเป็นพลุส่งสัญญาณได้อ่ะนะ
“กูต้องหาทางออกให้ได้” ปอนด์ลุกขึ้นยืน “มึงรอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูจะเดินไปสำรวจทาง”
“ไม่เอา!!!” ผมร้องทันที “เดี๋ยวมึงพลัดหลงไปจากกูอีก กูไม่อยากอยู่คนเดียวนะ” ผมมีสีหน้าเศร้า มองดูไอ้ปอนด์ที่มีใบหน้าอ่อนลง
“ก็ได้” ปอนด์นั่งลงข้างๆผม
ผมกับมันนั่งอยู่ข้างกันท่ามกลางความเงียบ จนรอบๆข้างมืดลง . .
เสียงไฟประทุบนกิ่งไม้ทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา จำไม่ได้ว่าตัวเองหลับลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเสื้อเชิ้ตของไอ้ปอนด์ที่ห่มตัวอยู่ เห็นหลังที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวของมันไหวๆ มันกำลังเขี่ยอะไรไม่รู้ในกองไฟอย่างเหม่อลอย
“ตื่นแล้วเหรอ” มันส่งยิ้มมาให้
“หิว” ผมบ่น แต่ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรลงท้อง ผมก็แค่บ่นตามประสาคนที่ชอบบ่นให้โทมัสฟังแค่นั้นเอง ให้ตาย ตอนนี้ผมคิดถึงโทมัสโคตรๆ T__________T
“รู้แล้วว่าหิว” ปอนด์เดินมาใกล้ๆ แล้วส่งกล้วยให้
“แถวนี้มีกล้วยด้วยเหรอ!!!” ป่ามหัศจรรย์ วิ่งเข้าแล้วออกไม่ได้ แถมยังมีกล้วย . .
“ฮ่าๆ ก็เดินไปหาไกลอยู่”
“มึงปล่อยกูให้อยู่คนเดียวได้ไงเนี่ย ถ้าเกิดอิงูบ้านั่นมากินกูตอนที่กูหลับอยู่ล่ะ”
“กูก็จะให้มันกินกูไปด้วย ตามมึงลงไปในท้องของมันไง”
“ปัญญาอ่อนแล้ว” ผมเหวี่ยงเล็กๆ ก่อนที่จะนั่งชันเข่าแล้วก็ปอกกล้วยเข้าปาก “ปกติกูไม่กินกล้วยที่ไม่ใช่กล้วยหอม”
“ดูก็น่าจะรู้ ตัวมึงผอมอย่างกับอะไร คงต้องเลือกกินแหงๆ”
“ก็มันเลือกได้นี่ - - “
“ครับบบ คุณหนู”
“เรียกคุณชายสิ ใครๆเค้าก็เรียกกัน . . คุณหนูมีแค่โทมัสที่เรียกได้”
“ฮ่าๆๆ คุณชายก็คุณชาย”
“แต่ . .มึงจะเรียกคุณหนูด้วยก็ได้ กูไม่ว่า”
ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย . . งี่เง่าและก็เด็กน้อยแอ๊บแบ๊วสิ้นดี ดีนะที่ประโยคของผมมันแผ่วจนไอ้ปอนด์ที่นั่งเขี่ยไฟอยู่แทบจะไม่ได้ยินอะไร
“มึงจุดไฟเป็นด้วยเหรอ” ผมถาม
“สำหรับลูกเสือบ้านนอก แค่นี้จิ๊บจ๊อย”
“กูก็เรียนนะ แต่เวลาเข้าค่ายเพื่อนกูเป็นคนจุดอ่ะ”
“มึงคงเกิดมาเพื่อที่จะได้อยู่เหนือชาวบ้านชาวช่องเค้าทุกอย่างจริงๆ”
“ . . มึงประชดป่าวเนี่ย”
“กูแค่พูดเฉยๆนะ”
ปอนด์ยิ้ม ผมมองดูใบหน้าที่ต้องกับแสงในกองไฟของมัน ไอ้ปอนด์ . . ที่ผมรู้จักเพียงแค่ไม่กี่เดือน ไอ้ปอนด์ . . ที่ผมไม่เคยสังเกตเลยว่ามันหน้าตาหล่อกว่าชาวบ้านธรรมดาขนาดไหน และไอ้ปอนด์ . . ที่หลังๆเริ่มจะมีอิทธิพลกับชีวิตของผม โดยที่ผมเองก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่
“จ้องทำไมวะ” ใบหน้ามันมีสีแดงระเรื่อ มันกำลังเขินเหรอ . .
“กำลังคิดว่ามึงไปศัลยกรรมกับหมอที่ไหนมา”
“ก็ทำแค่จัดฟันน่ะ อันที่จริงหมอบอกไม่ต้องจัดก็ได้ แต่จัดแล้วหญิงติดตรึมตอนเรียนมัธยม”
“ดูเสร่อจะตาย . .”
“ก็ไม่เสร่อแล้วไงตอนนี้ ก็ไม่ได้ใส่เหล็กแล้ว”
“เออ แล้วทำไมเมื่อตอนกลางวันมึงหงุดหงิด”
คำถามของผมทำเอาไอ้ปอนด์หุบยิ้มฉับ . .
“เปล่า”
“โกหก” มึงไปพูดกับหมาดีกว่าแบบนี้ ต้นเหตุที่ทำให้ผมกับมันมาอยู่ตรงนี้ ก็เพราะความหงุดหงิดของมันนั่นแหละ “มีอะไรก็บอกมา บอกกูมาตรงๆ”
“ไม่มีแล้ว”
“ไม่ได้ . . กูรู้ว่ายังมีอยู่”
“เฮ้ย นี่มึงเอาแต่ใจจังว้า?”
“กูไม่สนน่ะ” ผมพูดเสียงแข็ง “จะบอกไม่บอก”
“กูบอกไม่ได้”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“บางครั้ง . . กูยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย แล้วกูจะให้คำตอบกับมึงได้ยังไง”
ปอนด์เหม่อมองไปที่กองไฟอีกครั้ง . . คำพูดของมันเข้าใจได้ยาก . . แต่ผมว่าผมโคตรจะเข้าใจ
กูก็ไม่ได้ต่างจากมึงเท่าไหร่หรอก . .
“พี่เซนเค้าบอกเค้าอยากคืนดีกับมึงน่ะ” ปอนด์พูด ด้วยน้ำเสียงที่ผมเองก็เดาไม่ออกว่าเป็นยังไง “กูว่ากูคงไม่ต้องช่วยอะไร อันที่จริงตั้งแต่ที่มึงขอความช่วยเหลือจากกู กูยังไม่เห็นได้ทำอะไรมากเลย พี่เซนเค้าก็อยากคืนดีกับมึงแล้ว”
“. . . “
“ตอนที่คบกัน . . คงจะรักกันมากสินะ”
ผมหันไปมองหน้าของปอนด์ . . ใช่ ตอนที่ผมกับเซนคบกันเรารักกันมาก และที่เราต้องเลิกกันก็เป็นเพราะซันซัน ที่เอาไปบอกพ่อแม่ของเซน ว่าเซนคบกับผู้ชาย เราจึงคบกันต่อไปไม่ได้
“มึงจำได้รึเปล่า . . ที่โอ๊ตจะข่มขืนกูที่ลานจอดรถแล้วมึงมาเจอพอดีน่ะ” ผมพูดขึ้นมา ใบหน้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“มึงร้องไห้หนักขนาดนั้นกูจะลืมได้ยังไง”
“ตอนเรียนมัธยมกูก็เคยจะโดน แต่เซนมาช่วยไว้ได้ทัน ตอนนั้นกูกลัวมาก กลัวไอ้พวกรุ่นพี่นั่นเหมือนกับที่กูกลัวสัตว์เลื้อยคลาน ดีไม่ดีกูกลัวยิ่งกว่าสัตว์เลื้อยคลานซะอีก แต่แล้วเซนก็เข้ามาช่วย วันนั้นที่มึงมาช่วยกู ทำให้กูนึกถึงเรื่องนี้ และก็ทำให้กูคิดว่ากูยังลืมเซนไม่ได้”
ปอนด์นั่งฟังเงียบๆ ผมรู้ว่าปอนด์กำลังจมกับความคิดของตัวเอง
“แต่กูผิดทั้งหมด เรื่องของกูกับเซนมันจบไปนานแล้ว และกูก็ไม่ควรจะจุดไฟให้มันลุกโชนขึ้นมาอีก ไม่ว่าเซนเค้าจะยังรักกู หรือกูจะยังรักเซน ยังไงมันก็ไม่มีทางแฮปปี้เหมือนตอนที่เราคบกันสมัยเรียนมัธยมได้ กูโตขึ้น ผ่านอะไรมาเยอะขึ้น เซนก็เหมือนกัน”
“…”
“กูว่าไม่นาน . . เค้าอาจจะคิดได้แบบกูนั่นแหละ”
“สรุปก็คือ . .”
“มึงไม่ต้องช่วยอะไรแล้ว กูกับเค้าไม่มีอะไรทั้งนั้นให้สานต่อ” ผมยักไหล่ ปอนด์ไม่มีสีหน้าดีขึ้นอย่างที่ผมคิด “คือมึงเป็นอะไรวะ มึงคิดเรื่องของกูขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ซักหน่อย!!” ปอนด์สวนกลับมา “กูก็แค่ . . “
“แค่อะไรวะ?”
“ถ้าไม่มีเรื่องพี่เซน แล้วมึงจะคุยกับกูเรื่องอะไร มึงจะกวนกูเรื่องอะไร และมึงจะมาหากูเพราะเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เค้า เพราะเรื่องของพี่เค้า กูกับมึงอาจจะ . . ”
“ฮะ?”
“กูบ่นลอยๆ อย่าใส่ใจเลยน่า” มันหลบตา ก้มหน้างุด
“ปอนด์ มึงฟังกูนะ” ดีนะที่ผมยังมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าอยู่นิดนึง (แค่นิดนึงจริงๆเท่านั้นแหละ) “กูขอโทษที่กูกวนมึงเรื่องเซน ถ้าไม่มีเรื่องเซนเราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้นี่หว่า กูยังคุยกับมึงได้ ยังเจอ ยังทักมึงได้ นอกจากมึงจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น”
“กูไม่เคยคิดจะเป็นพี่น้องกับมึง”
“กวนตีนละ”
“กูเคยไหว้มึง กูเคยเรียกมึงว่าพี่มั้ยล่ะ”
“อ่ะๆ พี่น้องไม่ใช่ งั้นเพื่อนก็ได้ โอเคมั้ยกับคำว่าเพื่อน”
“ก็โอ” ปอนด์ยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ เมื่อกี้ยังซึมกะทืออยู่เลย ไอ้สัดเอ๊ย . . ผมยิ้มกับใบหน้าที่เคยบูดของมัน ตอนนี้กลายเป็นหน้าที่อมยิ้มเอาไว้เล็กๆ ผมว่าคนอย่างปอนด์ . . มันเหมาะกับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และก็อะไรที่มันสดใสมากกว่า
“กูเคยยิ้มกว่านี้ หัวเราะมากกว่านี้ และก็สดใสมากกว่านี้” ถ้ามึงจะคิดเรื่องเดียวกันกับกูขนาดนี้นะปอนด์ ผมมองไอ้ปอนด์อย่างอึ้งๆ “ใครบางคนทำให้กูลืมสิ่งเหล่านั้นเป็นเวลาหลายเดือน . .”
“ดาวโรงเรียนน่ะนะ” ผมถาม ปอนด์จิ๊ปากเล็กๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมจำได้ว่ามันอกหักจากดาวโรงเรียนนี่นา ตอนที่มันจะฆ่าตัวตายที่ริมทะเลนั่นน่ะ . .
“งั้นมั้ง” มันตอบส่งๆ “แต่พักหลังๆมานี่นิสัยเหล่านั้นของกูก็เริ่มกลับมา ถึงแม้ว่ามันจะยังกลับมาไม่มากก็เถอะ”
“. . กูนึกสภาพที่มึงกวนตีนเยอะกว่านี้ไม่ออก เพราะแค่นี้มึงก็กวนตีนกูจะแย่”
“กูว่า . . มันเป็นเพราะมึงว่ะ”
ปอนด์พูดเบามาก แต่ผมเชื่อว่าผมได้ยินไม่ผิด มันไม่พูดอะไรต่อ ส่วนผมก็ไม่ถามอะไรต่อ คำพูดเมื่อกี้ . . ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกหวิวในช่องท้อง อาการขนลุกเล็กๆ และก็ใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ผมว่าทั้งหมดนี่ . . มันเป็นเพราะไอ้ปอนด์เหมือนกัน
ถ้าผมเป็นคนที่จะทำให้ความสดใสของไอ้ปอนด์กลับมาได้อีกครั้ง . .
ไอ้ปอนด์ . . ก็เป็นคนที่จะทำให้ผมเริ่มต้นในสิ่งใหม่ๆกับใครบางคนได้เหมือนกัน . .
วันนี้ . . ดาวบนฟ้าแม่งสวยผิดปกติ
ควรจะอ่านหนังสือสอบ
แต่นางดันอัพนิยายจ้า . .
เกรดเทอมนี้คง . . (เติมเอาเอง แล้วแต่ความปรารถนาดีของคนอ่าน+บุญที่สั่งสมมาของคนเขียน)
อันที่จริงเวลาเครียด คนเขียนมักจะทำอะไรที่ตัวเองไม่เครียด
หนึ่งในนั้นก็คือแต่งนิยายนี่แหละ ^_______________^
ปอนด์กับธามเปิดอกคุยกันเรื่อยๆแล้วนะจ๊ะ
นิยายเรื่องนี้มาได้เกือบกลางเรื่องแล้วล่ะมั้ง
จำได้ป่าวว่ามันเป็นนิยายขนาดสั้นยี่สิบสามสิบตอน อิอิ
อีกสองอาทิตย์เจอกัน
เหนือคินรอบสองยังเปิดอยู่ ดูหน้าแรกโลดดดดดดดดดดดด
รักนะคะ คนอ่านของฉัน