ตอนที่ 16
เขิน ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องที่แสงส่องสว่างจ้า คล้ายกับโรงพยาบาล แต่ก็ยังไม่ใช่ เมื่อคิดดูดีๆอีกที มันบ้านใหญ่ของผมเองนี่หว่า และนี่ก็เป็นในห้องนอนของผมเองด้วย
“โทมัส ไอ้ปอนด์ล่ะ!” ผมช่างเป็นคนที่รวบรวมสติสตังได้เร็วดีจริงๆ
“อุ้ย! คุณหนู ผมตกใจนะครับ” โทมัสที่กำลังเช็ดแก้วอยู่โต๊ะข้างเตียงสะดุ้งโหยง เพราะจู่ๆผมก็ถามอย่างร้อนรนกระมัง
“ตกลงมันเป็นยังไง”
“ดีขึ้นแล้วนะครับ แต่คุณหนูใจเย็นๆก่อน”
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ”
“เอ่อ โรงพยาบาลXXครับ”
“บอกว่าดีขึ้น แต่ทำไมยังอยู่ที่โรงพยาบาล โทมัสปิดบังอะไรธามอยู่รึเปล่า!!!”
“คุณหนู” โทมัสรีบเข้ามาหาพยุงผมที่ทำท่าจะลุกขึ้นมาจากเตียง “ร่างกายคุณหนูอ่อนเพลียมาก อย่าเพิ่งขยับตัวจะดีกว่านะครับ”
“เล็กน้อยน่า” ผมไม่เห็นว่าผมจะรู้สึกว่าไม่สบายอะไรตรงไหน“ป๊าอยู่รึเปล่าน่ะ”
“อยู่” โทมัสไม่ได้ตอบ แต่มีเสียงหนึ่งที่ตอบแทน นั่นก็คือ . . เสียงป๊าของผมเอง
ท่านเป็นชายวัยสี่สิบกลางๆที่ใส่แว่นท่าทางน่าเกรงขาม ผมกลืนน้ำลายมองดูหน้าของป๊าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะซีเรียสมากกว่านิสัยปกติที่เคยแสดงต่อหน้าผม . . งานเข้า ไม่รู้ว่ามีกี่งาน แต่เยอะแน่ๆ
“จะไปไหนน่ะลูก”
“ปะ ไปเยี่ยมไอ้ปอนด์ครับ”
ป๊านั่งลงที่โซฟาใหญ่ในห้องนอนผม ผมจึงต้องนั่งลงบนเตียงตามเดิมอย่างเสียไม่ได้ โทมัสถอนหายใจโล่งอก โค้งคำนับให้ป๊า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ทำตัวเหมือนหัวหน้าพ่อบ้านในหนังมีผิด เอ่อะ แต่นั่นก็หน้าที่โทมัสไม่ใช่เหรอ??
“เขาไม่เป็นไร เขาเด็กกว่าลูกใช่มั้ย”
“เอ่อ ครับ น่าจะเด็กกว่าสองปี”
“ไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปหลงป่าอย่างนั้นได้น่ะฮะ” มันเริ่มขึ้นแล้ว ป๊าเริ่มบ่นออกมาไม่หยุดฉุดไม่อยู่ “รู้มั้ยว่าป๊าเป็นห่วงมากน่ะ การที่ธามต้องทำงานหนักและไม่มีเวลาเจอป๊านี่ก็ด้วย”
“ป๊าโยงเข้าเรื่องนี้อีกแล้ว” ป๊าไม่เคยเห็นด้วยกับการที่ผมเป็นนักร้องครับ “ธามไม่เป็นไรหรอกน่ะครับ จริงๆนะ”
“เฮ้อออ ป๊ามีลูกชายอยู่คนเดียว ป๊าจะไม่ห่วงได้ยังไงกัน” ป๊าถอนใจ “แล้วนี่จะออกไปเยี่ยมน้อง ร่างกายไหวแล้วเหรอเราน่ะ”
“คิดว่าไหวนะครับ”
“ดูลูกเป็นห่วงน้องมากนะ”
“ฮะ” ผมทำคิ้วขมวด
“จะนอนทีก็ต้องละเมอถึงไอ้หน้าละอ่อนที่ไปติดป่าด้วยกัน ถามจริง เด็กคนนั้นแฟนใหม่ลูกรึเปล่าน่ะ”
“เห้ย ไม่ใช่นะป๊า!!!!!!” ผมส่ายหน้าไปมาอย่างแรงจนรู้สึกมึน ป๊ารู้ว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่ผมอยู่มอต้นแล้วล่ะครับ
“บอกป๊ามาน่า ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น ไอ้เด็กคนนั้นน่าจะได้รับการทดสอบสักหน่อย”
“ป๊าจะทดสอบอะไรมัน มันไม่ใช่แฟนธามสักหน่อยนะป๊า”
“แล้วลูกไปละเมอถึงมันทำไม”
“ธามเปล่านะครับ!!!!”
“ตอนละเมอรู้ตัวด้วยเหรอว่าตัวเองกำลังละเมอ”
ผมเถียงไม่ออก ได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมที่ไม่สามารถต่อปากต่อคำกับป๊าได้ ป๊าหัวเราะออกมาจากสุดจะกลั้นเมื่อรู้ว่ากลั่นแกล้งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้สำเร็จ
“หน่วยก้านมันดีนะ” ป๊ายกมือขึ้นแตะปาก ทำท่าครุ่นคิด “ตอนป๊าเห็นมันครั้งแรก ป๊าก็รู้เลยว่ามันเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นมาก”
“ครับ” นิสัยของมันเลยแหละ
“แล้วมันมาชอบไอ้ขี้วีนขี้เหวี่ยงอย่างลูกป๊าได้ไง”
“ป๊า!!! ธามไม่ได้ขี้วีนขี้เหวี่ยงนะป๊า!!!” ผมเถียง หน้าแดงก่ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าแดงเพราะอะไร “และอีกอย่างหนึ่ง หมะ มันก็ไม่ได้ชอบธาม”
“แล้วธามชอบเค้ามั้ยล่ะ”
“ก็ . . เปล่าสักหน่อย!!!!” ผมร้อง หันหน้าหนีไปจากป๊า
“อย่าปากแข็งเลยน่า รู้มั้ยว่าแม่ทิ้งเราทั้งคู่ไปเพราะการปากแข็งของป๊า”
“. .”
“คิดให้ดีละกันนะลูก” ป๊าลุกขึ้นมาแตะไหล่ผม “ถ้าอยากไปเยี่ยมไอ้หน้าละอ่อนนั่นนักล่ะก็ . .”
“ธามไปได้เลยใช่มั้ยป๊า!!!!” ผมทำท่าจะลุกขึ้น แต่ทว่า . .
“จนกว่าจะถึงบ่ายสอง ค่อยไปละกัน”
“ทำไมล่ะป๊า!!! นี่มันเพิ่งสิบโมงเช้าเองนะ!!!” อีกตั้งสี่ชั่วโมง ป๊าจะให้นอนอยู่เฉยๆจริงง่ะ?!!!!
“ป๊าชอบเลข 14”
“ป๊ากวนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
“นอนเยอะๆก่อนเถอะนะ เอาแต่ละเมอจะไปนอนหลับสนิทได้ยังไงกัน”
“หลังจากวินาทีนี้ธามก็นอนไม่หลับแล้ว”
“บ่ายสอง”
“ป๊า!!!”
“รักนะจุ๊บๆ”
. . 2 BROKEN HEARTS FALL IN LOVE . .
ป๊าให้ผมออกมาจากบ้านใหญ่บ่ายสองจริงๆด้วย T_T
พอใกล้จะบ่ายสอง ผมที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งแต่เที่ยงก็รีบแจ้นกระโดดขึ้นรถออดี้ของตัวเอง(ไม่ได้ขับเองมานานแล้วด้วย)แล้วมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลทันที ระหว่างทางก็วุ่นกับการต้องรับโทรศัพท์จากไอ้โด้ อีซิ่ม พี่เจิ้น สมาชิกในวง ทุกคนที่รู้ข่าวไปด้วย และที่เด็ดสุดคือจากต้นสังกัดเพื่อเคลียร์เรื่องที่ผมไม่สามารถไปปรากฏตัวในงานเปิดตัวน้ำชาเขียวได้
รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ แต่การที่อยากเห็นว่าไอ้ปอนด์ไม่เป็นไรมันมีมากกว่า ผมใส่แว่นดำเดินเข้าไปในโรงพยาบาล สาบานได้ว่าวันนี้จะแต่งตัวได้ธรรมดามาก พยายามไม่ทำตัวให้เด่น เพราะถ้าเด่นแล้วมันจะเสียเวลา เช่น . .
“น้องธามวงโคบร้าสลีคใช่มั้ยคะ!!!!”
“ครับ ห้องเพื่อนผมอยู่ไหนครับพี่”
“กรี๊ดดด แก ตัวจริงด้วยอ่ะแก!!!! น่ารักม๊วกกกกก” พี่พยาบาลหันไปหาเพื่อนพยาบาลด้วยกัน . .
“เอ่อ . .”
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ จะอัพลงเฟสบุ๊คน่ะ!!!!!”
เป็นต้น . .
หน้าห้องไอ้ปอนด์ . . ผมสูดลมหายใจดังเฮือกเรียกความกล้า ก่อนที่จะ . .
“ไอ้เชี่ยปอนด์ ไปก่อนนะเว้ยยยยยยยยย ใจเย็นน่า อย่าหน้าบึ้ง เดี๋ยวพี่ธามก็มา . .”
“ฮ่าๆๆๆ ตลกหน้ามันเนอะ”
“อุ้ย!!!!!!!!!!!!!!”
ไอ้บูมกับไอ้คิกแทบจะหงายเงิบลงไปกองกับพื้นเลยตอนที่เห็นผมยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่หน้าห้อง
“พี่ธาม”
“อื้อ”
“หวัดดีพี่”
แล้วพวกมันก็เผ่นแน่บหายไปเลย . .
ผมค่อยๆเข้าไปในห้อง ห้องวีไอพีซะด้วย โทมัสจัดการได้ดีชะมัด แต่เรื่องนั้นควรให้ความสนใจทีหลัง เพราะไอ้ที่กึ่งนอนกึ่งนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียงคนป่วยนั่นน่าให้ความสนใจมากกว่าอีก มันมีผ้าพันแผลอยู่ที่หน้าแข้ง ใบหน้าซีดนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าไม่เป็นไร
บอกได้เลยว่าโล่งอกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก . .
“เฮ้” สงเสียงทักออกไปก่อน
ไม่มีเสียงตอบกลับมา . . เห้ย แม่งกล้าว่ะ กล้าเมินเฉยต่อท่านธาม
“ไอ้เชี่ยปอนด์”
มันหันหน้าหนี เอ่อ นี่มันไม่ใช่เล่นๆแล้วมั้ง!!!!
“งอนไรกูเนี่ย”
“เปล่า” ตอบมาได้ซะที
“แน่นะ”
“ไม่แน่”
“แล้วสรุปงอนไร”
“มึงหายไปไหนมา ทิ้งให้กูอยู่กับ . .”
“ป๊ากักตัวกูไว้น่ะ เห้ย กูหายไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็หลังจากคืนวันนั้น สองวันเต็มๆ”
ผมนอนนานเกินไปแล้วล่ะมั้ง!!!!!!!! “จริงง่ะ”
“จริงดิ”
“งอนกูที่กูไม่อยู่ใกล้มึงเนี่ยนะ”
“ก็..” มันพูดไม่ออกไปเลย ท่าทางตลกชะมัด “เฮ้อ”
“ถอนหายใจทำไม”
“ใครมาเหรอปอนด์” เสียงที่สามดังขึ้น ผมหันไปมองเห็นใบหน้าสวยใสของเนยลอยมาพร้อมกับขนมของเยี่ยมแบรนด์ดังหลากหลายถุง ดูจากท่าทางแล้ว คงมาบ่อยมาก และดูจากกระเป๋าถือที่วางอยู่ในห้องของปอนด์แต่ก่อน . . นอกจากมาบ่อยแล้วคงอยู่นานซะด้วย
สองคนนี้มีพัฒนาการอะไรตอนไหนยังไง!!!!!
“ดีขึ้นแล้วเหรอธาม”
“อ้าว หวัดดีเนย”
“ขอบใจนะที่ฝากให้เราดูแลปอนด์ให้น่ะ ปอนด์ไข้ขึ้นง่ายมากเลย นี่ถ้าไม่มีคนดูแลละก็ . .”
เห้ย!!!!!!!!!!!! เดี๋ยวนะ . . ผมไปฝากให้เนยมาดูแลไอ้ปอนด์ตอนไหน ฝากอะไร ฝากเชี่ยอะไร ฝากในฝันรึไงแม่นาง . .
ไอ้ปอนด์กลอกตาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ผมว่าผมพอจะรู้สาเหตุที่ไอ้ปอนด์มันปั้นปึ่งใส่ผมแล้วล่ะ. .
“มาก็ดีแล้ว ปอนด์ไม่เป็นไรแล้วล่ะ หลังบ่ายสามเป็นเวลาพักผ่อนของเค้า”
“หึ ธามไม่ให้มันได้นอนหรอกเนย”
“ทำไมล่ะ ธามไม่อยากให้ปอนด์หายเหรอ”
“อยากสิ อยากเห็นรอยยิ้มขี้เหร่ๆของมันละ” หางตาของผม เห็นไอ้ปอนด์หันขวับมามองหน้าผมอย่างฉับพลัน
“ถ้างั้นก็ปล่อยให้ปอนด์พักผ่อนสิธาม”
“แล้วทำไมเนยไม่ปล่อยให้ปอนด์มันพักผ่อนด้วยล่ะ”
“ก็ปอนด์เค้าต้องการคนดูแลนี่”
ฮะ . . นี่มันอะไรกัน สงครามงั้นเหรอ สงครามอะไรกันล่ะ ผมกับเนยที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่เคยทะเลาะกัน พูดจาเพราะๆใส่กันเสมอ แต่ตอนนี้บรรยากาศแบบนี้มันชวน . . ให้ต่อสู้เพื่ออะไรบางอย่างชะมัด
บางอย่างที่ . . ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ “เชี่ยธาม” ปอนด์เรียกผม มันกระแอมเล็กๆ หลบสายตาของเนย “มึงชอบกินมะม่วงหนิ กินป่าว พี่เนยซื้อมาให้เยอะเลย กูกินไม่หมด”
กูไปชอบกินมะม่วงตอนไหนวะ . . แต่ ณ เวลานี้ล่ะก็ . . “ใช่ กูโคตรชอบกินมะม่วงมากเลย ยิ่งน้ำปลาหวานนะ กูยิ่งชอบ ว่าแต่มึงกินได้เหรอวะของแบบนี้”
“ไม่รู้ดิ ยังไงมึงก็มาช่วยกูกินหน่อย อยู่นี่ . .” ปอนด์ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างเตียง ผมอมยิ้มมุมปากเล็กๆก่อนที่จะเดินผ่านหน้าเหวอๆของเนย ไปนั่งยังที่ที่ใกล้ไอ้ปอนด์ที่สุด ณ เวลานี้
“เอ่อ ปอนด์ ปอนด์ควรจะพักผ่อนนะ”
“ผมพักมานานแล้วล่ะครับพี่เนย วันนี้อยากเล่นๆบ้างน่ะ”
“ทานอะไรมั้ย เดี๋ยวเนยจัดลงจานให้”
“ไม่เป็นไรครับ”
“อยากได้น้ำรึเปล่า”
“ธามหยิบน้ำให้หน่อยดิ”
อ้าว . . ต้องเป็นกูซะงั้น ผมเทน้ำใส่แก้วและส่งแก้วน้ำให้มันตามที่มันขอ ปรากฏว่ามันตั้งใจปัดให้น้ำเปล่าหกรดชุดคนป่วยสีน้ำเงินของมันซะงั้น
“เลอะเลย ซุ่มซ่ามว่ะ” ไอ้สัด!!!!!!!!!!!! “เช็ดเลย ทิชชู่อยู่โน่น”
อะไรของมึงเนี่ยปอนด์ เล่นไรอยู่วะสาดดดดดดดดด ผมเห็นมันกลั้นหัวเราะไว้อย่างที่สุด แต่ผมก็ทำตามอย่างที่มันว่าทุกอย่าง เนยคงเดือดถึงขีดสุดแล้วกระมัง ถึงได้ตึงตังออกจากห้องไปอย่างนั้น . .
“ธามมมมมม อยากกินหนมมมมมมมม”
“เลิกเล่นได้แล้ว เนยไม่อยู่แล้ว”
“ . . เกี่ยวไรกับพี่เนย”
“มึงแกล้งเนยไม่ใช่รึไง”
“เปล่า” ปอนด์ส่ายหน้าปฏิเสธ “ขนมล่ะ ขอขนม เค้กต้นกก ไอ้คิกซื้อมาให้ วางอยู่ตรงโน้นน่ะ”
“สั่งกูเหรอเนี่ย”
“เออสิ”
สัดดดดดด ถ้าไม่ป่วยนะผมคงวีนแตกไปแล้ว ปล่อยมันไป ตามใจมันไปก่อน ผมเดินไปหยิบเค้กต้นกกมาให้มัน เลื่อนโต๊ะมาให้มันทานบนเตียงได้ด้วย แต่มันนั่งนิ่ง
“อะไรอ่ะ”
“เปิดให้ด้วยดิ ไม่มีแรง”
“สัด สำออยว่ะ”
“เร็วๆ”
ผมเปิดให้มันอย่างที่มันตั้งใจ มันหัวเราะในลำคอ ท่าทางอารมณ์ดีซะเต็มประดา ต่างจากเมื่อกี้เหมือนหลังส้นตีนเป็นหน้าฝ่ามือซะงั้น ตอนตักเค้กเข้าปากมันก็ยิ้ม ทำอะไรมันก็ยิ้ม นี่ขนาดเปิดทรูสปอร์ตเจอข่าวทีมรักของมันแพ้นะ มันยังหัวเราะได้เลยคิดดู
ผมว่าผมพอจะรู้สาเหตุที่มันอารมณ์ดี. .
“ธาม ปิดม่านหน่อยดิ แสงมันแยงตาอ่ะแสบตาชะมัด เห้ยยยย ทรูสปอร์ตตอนนี้มันรายงานข่าวอาร์เซนอลกูนี่หว่า เปิดทีวีด้วยๆ อ้อ อย่าลืมปอกแอปเปิ้ลของไอ้บูมด้วย เอ่อ ลืมไป มึงทำไรไม่เป็น แต่ปอกเปลือกส้มคงทำได้ช้ะ เอาส้มมาละกัน . . กรรม ทีมกูแพ้อ่ะ โอ้ย เซ็งงงง ฮ่าๆๆๆ ธามเมื่อกี้มึงทำจานหล่นเหรอ!!!!!!!!!!!!”
มันแกล้งผมชัดๆ
“เห้ยยย หนุกมากป่ะ!!!!”
“ทำไม มึงส่งพี่เนยมาให้กูมึงไม่ต้องบ่นเลยนะ”
“กูเปล่าซะหน่อย”
“ไม่รู้ล่ะ เห็นมึงทำหน้ามุ่ยๆแล้วมันตลกดี”
อะไรของแม่ง . . ผมจิ๊ปากทำตามที่มันขอทุกอย่าง จนกระทั่งฤทธิ์มันเริ่มหมด เริ่มเหนื่อย เริ่มหยุดกิน ปิดทีวี และนอนนิ่งๆ
คราวนี้เป็นคราวที่ผมจะต้องหัวเราะบ้าง . . คนป่วยหมดฤทธิ์
“ยิ้มไรไม่ทราบครับ” มันถามผม
“ก็หน้ามึงฮา”
“สัด” สวนกลับมาสั้นๆ “แล้วนี่ไม่มีงานรึไง เรื่องงานวันนั้นที่มึงขาดไป ตกลงเค้าแก้ปัญหากันยังไงวะ”
“ก็ไปเปิดตัวกันแค่นั้น ขาดแค่กู”
“กูขอโทษ”
“ฮะ” ทำไมจู่ๆมันก็ขอโทษผมล่ะ
“สาเหตุมันเป็นเพราะกู”
“ไม่ใช่หรอกน่า”
“ถ้ากูไม่หงุดหงิดด้วยเรื่องบ้าๆ”
“มึงกับกูก็บ้าพอกันแหละน่า” ปอนด์มองผมอย่างอึ้งๆ ส่วนผมส่งยิ้มให้มัน เพื่อที่จะทำให้มันสบายใจมากขึ้น ไอ้ปอนด์เริ่มยักมุมปากขึ้น และรอยยิ้มเล็กๆก็ตามมา มันช่างเป็นผู้ชายที่โคตรเหมาะกับรอยยิ้มเลยครับให้ตาย ยิ้มแล้วโลกสดใส ยิ้มแล้วทำให้คนมองที่มีความทุกข์ทำให้ทุกข์คลายลงได้ไม่มากก็น้อย ถามจริง มึงเป็นเทวดาเหรอ ?
“จ้องนาน จ้องทำไม”
“คิดว่ามีหนวดแล้วเหมาะกับมึงเหรอวะ” ผมตั้งคำถาม
“ก็ไม่รู้ อยากให้ลุคดูแบ๊ดๆ เพราะเรื่องที่แล้วกูไม่ใช่พระเอก”
“อะไรนะ”
“เปล่า”
“พูดห่าอะไรไม่เห็นจะเข้าใจ” ผมว่ามันป่วยจนเบลอ “มึงควรจะพักผ่อนได้แล้วนะ นี่ก็เย็นมากแล้ว”
“ไม่เอา” มันส่ายหน้าดิก
“อย่าดื้อได้มั้ย”
“ตื่นมา มึงหาย ทำไง”
“หึหึ ไม่หายหรอกน่า”
“ไม่จริง” ไอ้เด็กนี่ . . เถียงคำไม่ตกฟากจังวะ “ถ้าโทรเรียกพี่เนยมาดูกูอีกล่ะก็ น่าดู”
“คิดอยู่ได้เรื่องที่กูส่งเนยมาดูแลมึง กูบอกแล้วไงว่ากูเปล่าทำ!”
“มันก็ไม่แน่หรอกกกกก”
ผมคิดว่าผมควรปล่อยให้มันเพ้อเจ้อละเมอมโนไปเองและก็คล้อยหลับไปน่าจะดูกว่า ผมจัดการวางหมอนลงในแนวราบแล้วก็ช่วยมันนอนให้สบาย อ้อ ไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้มันด้วย ไอ้ปอนด์ยักคิ้วจึกๆส่งให้ ก่อนที่จะชี้หน้าคาดโทษว่าถ้าผมหายไปล่ะก็เจอดีแน่ . . อยากจะสวนกลับไปเหลือเกินว่านี่มึงกล้าขู่ธาม กฤตฤทธิไกรหรือ!!!! แต่เค้าป่วย ก็ต้องปล่อยให้เค้าชนะไปก่อน . .
ผมปิดทีวี ปิดม่าน จัดการจัดห้องให้ทุกอย่างดูเรียบร้อยและสะอาด พยายามทำทุกอย่างไม่ให้พังหรือดูแย่ อันที่จริงผมก็ทำอะไรเป็นบ้างอยู่หรอก แต่ถ้าจะมีอะไรที่ผมพลาดล่ะก็ จะให้มันพลาดได้น้อยที่สุดละกัน เพื่อให้คนที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงนั้นไม่ตื่นขึ้นมากลางฝันอันแสนหวาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มีคนมาเคาะประตู ผมนึกสงสัยว่าใครเคาะ เพราะถ้าเป็นบูมคิกสหายรักของไอ้ปอนด์และรุ่นน้องที่โคตรฮาของผมล่ะก็ มันจะพรวดพรวดพราดเข้ามา ไม่มีการเคาะหรือมีมารยาทอะไรทั้งสิ้น(ชัวร์ครับ ไม่ต้องคิดเลย) แต่นี่ . .ใครกันน้า
ผมเปิดประตูออกช้าๆ เห็นชายหญิงคู่หนึ่งอายุประมาณสิ่สิบต้นๆกำลังยืนส่งยิ้มให้อยู่ด้านนอก ทั้งคู่ดูดีและคนที่เป็นผู้หญิงนั้นก็ยังดูสวย . . เจ้าของรอยยิ้มโลกตะลึง นี่มันสำเนาถูกต้อง พ่อแม่ของไอ้ปอนด์แน่ๆ
“สะ สวัสดีครับ”
ทั้งคู่รับไหว้อย่างใจดี ดูเหมือนเพิ่งเดินทางมาถึงได้ไม่นาน เพราะกระเป๋าเดินทางอยู่ด้านหลัง
“สวัสดีจ้ะ อุ๊ย เพื่อนที่กรุงเทพของน้องปอนด์หน้าตาดีขนาดนี้เชียวหรือ”
“เป็นดาราได้เลยนะเรา” อันนี้คำพูดของพ่อไอ้ปอนด์ครับ เพราะคุณพ่อของไม่อุทานว่าอุ๊ยหรอกมั้ง . .แหะ
“อ่ะ แหะๆ ขอบคุณครับ” ผมเป็นไปแล้วง่ะ TT “เชิญข้างในเลยครับ ตอนนี้ปอนด์มันหลับอยู่”
“งั้นเราต้องทำเสียงเบาๆสินะ คุณ อย่าเสียงดังนะ ลูกหลับอยู่”
“จ้ะ”
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมที่ถูกแม่ทิ้งไปเป็นเวลาสิบกว่าปีอิจฉาไอ้ปอนด์ตั้งแต่แว้บแรกที่เจอครอบครัวมัน น่ารัก อารมณ์ดี ใจดี ครบสูตรพ่อแม่เพอร์เฟ็ค . . ผมยังไม่รู้จักพวกท่านดีนัก แต่ดูก็รู้ว่าจริงแน่ๆ
“อูยยย ลูกแม่ เจ็บมั้ยเนี่ยลูก” แม่ไอ้ปอนด์รำพึงเสียงเบา และก็ลูบศีรษะของมันอย่างเบามือ
“มันป่วยมันก็ยังหล่อมันพ่อมันนะ”
“คุณน่ะ . . โรคหลงตัวเองแก้ไม่หายสักที อายเพื่อนลูกบ้าง” แม่ไอ้ปอนด์ดุพ่อไอ้ปอนด์ที่ยิ้มกริ่ม “ว่าแต่ . . ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ”
บทสนทนานี้ต้องใช้เสียงที่เบามากในการคุยกันครับ “ธามครับ”
“ธาม ที่แปลว่า . . เวลาเหรอ”
“ประมาณนั้นมั้งครับ”
“ชื่อเท่ห์ดีนะจ๊ะ” แม่ปอนด์ยิ้ม ยิ้มได้ตลอดจริงๆ
“เท่ห์ตรงไหน ชื่อปอนด์เท่ห์กว่าเยอะเลยแม่” มันตื่นจนได้ . . ปอนด์กอดแม่มันแน่นจนผมยิ้มตาม
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
“ตื่นแล้วครับ พ่อเสียงดัง”
“อ้าว ไหงงั้น” พ่อของมันงงไปเลย
“ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่น”
“เอ่อ . . ผมควรจะออกไปข้างนอก” ผมพูดออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ไม่ต้องเลย อยู่นี่แหละ” ไอ้ปอนด์ขัด เดี๋ยวนี้มันเอาแต่ใจจังวะ มันติดมาจากใคร!!!!!!!!!!! (ยังกล้าตั้งคำถาม = = )
“มึงจะได้อยู่กับครอบครัวไง”
“เดี๋ยวมึงหนีไป มึงยิ่งซนๆ”
“สัด พูดเหมือนกูเป็นเด็กปอสอง”
“มึงก็พูดว่ากูดื้อ อย่างกับกูเป็นเด็กปอหนึ่ง”
“ไอ้ . .” ผมสาบานว่าผมสามารถเถียงมันต่อได้จริงๆนะครับ แต่ผมเกรงใจสายตาของคุณพ่อคุณแม่ของไอ้ปอนด์ท่านมาก เพราะพวกท่านคงไม่คุ้นชินกับบรรยากาศการต่อปากต่อคำของผมกับมันแน่ๆ
ผมก็เลยหุบปากสนิท ทำปากขมุบขมิบด่าไอ้ปอนด์แบบไร้เสียงแทน ส่วนมันก็ทำท่าเหมือนมันได้รางวัลสุดยอดแฟนพันธุ์แท้การต่อล้อต่อเถียง . . วินไปนู่น
“คิกคิก ตลกดีจัง”
“แม่จองโรงแรมรึยังครับ จะอยู่กี่วันน่ะ เดี๋ยวอีกสองวันปอนด์ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะครับ”
“เอ่อ ทำไมต้องจองโรงแรมล่ะคะลูก พ่อกับแม่ก็ต้องอยู่เฝ้าปอนด์ที่นี่สิ เห็นกระเป๋ามั้ยเนี่ย . .”
“ไอ้นี่มันจะเฝ้าปอนด์คืนนี้ครับ” ปอนด์ชี้มาทางผม เอ้า ไอ้เวร!!!! ผมรีบยกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน จะไปขวางการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัวคนอื่นเค้าได้ยังง้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“เอ่อ ผมไม่ . .”
“กวนเพื่อนเค้ารึเปล่าน่ะลูก พ่อกับแม่ก็อยู่ที่นี่แล้วน้า”
“ปอนด์ไม่อยากกวนพ่อกับแม่มากน่ะครับ พ่อคงโดดงานที่บริษัทมา ส่วนแม่ก็คงทิ้งให้ลูกน้องเฝ้าร้าน ใช่มั้ย”
ยังไงของมึงเนี่ยปอนด์ . . พ่อกับแม่เค้าก็เป็นห่วงมึงไง เค้าก็อยากเฝ้ามึง ไอ้บ้า . .
“อ่ะๆ โอเคๆ แม่เข้าใจแล้ว” แม่ไอ้ปอนด์ยิ้มกรุ้มกริ่มดีเหลือเกิน “ไปก็ได้จ้า เปิดทางให้ก็ได้จ้า”
“แม่คิดอะไรอยู่ เปล่านะแม่ ไอ้นี่มันติดค้างผมอยู่นะ!!!!”
“ลูกสดใสขึ้น ยิ้มมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น เพราะคนๆนี้ใช่รึเปล่าล่ะ”
“แม่!!!!!!!!! เปล่าเลย!!!!!!”
“ถ้าเค้าทำให้ลูกแม่มีความสุขขนาดนี้ได้ . . จะให้ยกขันหมากไปขอ แม่ก็ยอมล่ะ”
“แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ไม่ใช่เสียงไอ้ปอนด์คนเดียวครับ มันเป็นเสียงของผมด้วย . .
ผมกับไอ้ปอนด์บังเอิญสบตากันเข้า และก็เบือนหนีกันไปคนละทาง พ่อกับแม่ไอ้ปอนด์หัวเราะมีความสุขมาก ผมก็ได้แต่ทำตัวไม่ถูกยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
อะไรบางอย่างที่ก่อตัวขึ้น มันก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ . . เจอกันอีกทีในเวลาอันใกล้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!