ตอนที่ 28
Rain Sound
ผมชื่อคิก . .
“คิดว่าเรื่องจะจบๆง่ายๆเหรอคิก ซันไม่ยอมให้จบหรอกนะ!!!”
“พี่ซัน ขอร้องล่ะครับ เลิกตามตอแยผมสักทีเหอะ”
“อาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนเธอยังจีบชั้นอยู่เลยนะ!!!”
“ผมขอโทษครับ”
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้ผู้ชายกะล่อน ไอ้ปลิ้นปล้อน!!!” แสบแก้วหูชิบหาย . . เธอคนนี้ชื่อซันซัน เธอคือคนที่ผมเคยจีบเมื่อเดือนก่อนนี่เอง เมื่อตอนวันเกิดของเธอผมบอกเลิกเธอไป แต่เธอกับผมยังไม่ได้คบกันจริงๆจังๆสักหน่อย ผมดูเป็นคนใจร้ายมากเลยใช่มั้ยครับ บอกเลิกเธอในวันเกิดแถมยังพูดจาไม่ดีกับเธอทางโทรศัพท์เมื่อตะกี้อีกด้วย
แต่ผมโดนเธอโทรมาด่าเป็นครั้งที่สิบสี่แล้วครับ TT
เพล้ง! อ้าว ชิบหายแล้วไง! ผมรีบวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้ววิ่งเข้าไปยังห้องรับแขกที่คอนโดแห่งหนึ่งทันที . .
คอนโดพระเอกของเรื่องครับ ที่ตอนนี้เจ้าของแม่งเมาเยี่ยงหมา จับขวดเหล้ามาชนกันซะงั้น
หล่อแค่ไหน ก็น่าสมเพชได้นะเว้ยเพื่อน
“ไอ้เชี่ยปอนด์!!!!” บอกได้คำเดียวครับว่าไม่เคยเห็นมันเป็นอะไรขนาดนี้มาก่อน ปกติเห็นแต่มันซึมๆไม่ค่อยพูดเวลาที่มันซีเรียส แต่ครั้งนี้ยอมรับจริงๆครับว่าเพิ่งจะเคยเห็น และก็ไม่อยากเห็นอีกแล้วด้วย “เอามาชนกันทำห่าอะไร บาดมือมึงป่าวเนี่ย!”
“กู . . มันเหี้ย!” ขวดที่ผมเพิ่งจะแย่งมาจากมือมันหยกๆ ถูกมันจับแล้วก็ทำท่าจะเอาขวดไปชนกับขวดอื่นอย่างแรงอีกครั้ง สติน่ะโว้ยกลับมา! กลับมา!
“คนเหี้ยจะพูดว่าตัวเองเหี้ยได้ยังไงกัน!” ผมอยู่กับมันมาตลอดสามวันแล้วล่ะครับ ไอ้ปอนด์มันก็อยู่ที่ห้องนี้ สภาพอย่างนี้เนี่ยแหละ ตั้งแต่กลับมาจากบ้านพี่ธามที่ผมไปส่งแล้ว มันก็เป็นอย่างนี้ไปเลย พูดอยู่ไม่กี่คำว่ากูมันเหี้ย กูมันแย่ กูปล่อยเค้าไปแล้ว ประมาณนี้อ่ะครับ
รักกันชิบหาย . . ยังเลิกกันได้ “สัดเอ๊ยยยย” แม่ง เมาแล้วเรื้อนจังวะ ผมรีบเอาแก้วเอาขวดออกห่างจากตัวมันอย่างเร็วที่สุด กูคนเดียวจะดูมันไหวมั้ยล่ะนี่ = =
ฉับพลันทันที ผมนึกถึงใบหน้าของไอ้บูม
ไอ้เพื่อนที่แสนเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยของผม . . เพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่มอปลาย ที่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกับมันเล่นแง่อะไรกัน ถึงไม่ยอมคุยกันเลย ต่างฝ่ายต่างก็ผลัดกันมาอยู่กับไอ้ปอนด์ ไม่โทรหา ไม่ถามข่าวกันเลย ผมก็ไม่รู้ว่าผมกับมันกำลังเล่นอะไรกันอยู่ ไม่ได้ทะเลาะกันด้วยนะ
มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ ???? ช่างมันเหอะ ผมดูไอ้ปอนด์ก่อนดีกว่า ผมจะทำยังไงดีนะ เรื่องคนอื่นผมก็ไม่ชอบที่จะเสือกสักเท่าไหร่เนี่ยสิ . .
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พี่ธามป่าววะ! ขอให้เป็นพี่ธามเหอะ กูยอมขนเป้กลับบ้านให้คู่รักเค้ากลับมาสวีทหวานแหววกันเหมือนเดิมเลย กูสาบาน!
ผมกระโดดผลุงไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน
ผ่างงงงง . .
ไอ้เชี่ยบูมนี่เอง แม่งเอ๊ยอุตส่าห์ทำหน้าดีใจ . . ตอนนี้เลยทำหน้าเซ็ง = =
“ไอ้คิก” มันก็ทำหน้าเซ็งใส่ผมเหมือนกัน เหี้ยอะไร “ไอ้ปอนด์ล่ะ”
“ข้างในโน่น”
“ไอ้ขี้แพ้เอ๊ย” มึงนั่นแหละ
ขี้แพ้ไร้เหตุผล!!! แต่ผมไม่ได้พูดหรอกครับ ผมแค่ใช้ความคิดไล่ตามแผ่นหลังของมันไปก็เท่านั้น “ทำไมมึงยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้วะฮะ”
เสือกจริงไอ้สัดเอ๊ย . . ผมนี่ก็พาลโกรธไปมั่วจริงๆ
“แล้วนี่อะไร ใครให้มันดื่มเยอะขนาดนี้”
“ทำไงได้เล่า ก็มันหยิบไปกินเองนี่ กูไม่ได้จับตามองมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะโว้ย”
“เถียงจังวะ”
จะรอดมั้ยเนี่ย . . ถ้ามัวแต่มาทะเลาะกันเองแบบนี้
“เลิกให้ไอ้ปอนด์กินเหล้าได้ละ มันต้องกลับมา สู้เพื่อเอาพี่ธามคืน”
“พูดอย่างกับพี่ธามไปคบกับใครคนใหม่ยังไงยังงั้นแหละ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ” เชี่ยบูมทำเป็นเก๊กรู้ดี “พี่ธามเค้ามีคนเข้าหาเยอะจะตาย ทั้งในวงการและนอกวงการ กูไม่ยอมให้เพื่อนกูตกกระป๋องหรอก และทำไมมึงต้องทำท่าเลียนแบบกูด้วยวะ มึงกวนตีนกูเหรอ”
“กูเปล่า” ผมเลิกทำปากขยุกขยิกตามไอ้บูมและดูมันลากไอ้ปอนด์ไปนอนลงบนเตียง เปิดแอร์ให้ไอ้พระเอกซะเย็นฉ่ำ . . “แต่มึง . . พูดจริงเหรอวะที่พี่ธามเค้าจะเปลี่ยนใจไปจากปอนด์จริงๆน่ะ”
“อะไรก็เกิดขึ้นได้นี่หว่า ก็เค้าเลิกกันแล้วนี่” บูมทอดถอนใจ “แต่กูไม่สบอารมณ์เลยที่ปอนด์มันยอมแพ้อะไรง่ายๆ”
“มันลงโทษที่มันทำความผิดด้วยการเลิกกับพี่ธาม”
“แต่ทั้งคู่ก็ยังรักกันอ่ะ . .”
กลายเป็นผมกับไอ้บูมที่เริ่มเครียดชิบหายแทนไอ้ปอนด์ที่สลบปุ๋ย . .
“และเราจะทำยังไงดีวะ” ผมถามมัน
“ยังไงกูก็ไม่ร่วมมือกับมึง” “เชี่ยอะไร เป็นเหี้ยอะไรของมึง ตั้งแต่กูจีบพี่ซัน มึงเป็นเหี้ยอะไร!” เลิกเล่นแง่กับกูซักทีเหอะ กูรำคาญ!
“กูเปล่า” ไอ้บูมทำหน้าเหมือนไม่มีอะไร
“ไม่ต้องเลยนะมึง ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกู ป่านนี้กูคิดไปแล้วว่ามึงชอบกู!!!” ผมชี้หน้าด่ามันอย่างเหลืออด
คำพูดนั้นของผม . . ทำเอาบูมเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนตอบ “คิดอะไรอย่างนั้น ไร้สาระ”
“ใช่ มันไร้สาระ เพราะงั้นมึงก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมกับกูสักที!”
“ช่างเหอะ! ยังไงมึงกับกูก็ยังต้องร่วมมือกันอยู่ดี ถ้าไอ้เชี่ยปอนด์ยังเป็นอย่างนี้อยู่”
“แล้วจะทำอะไรได้ล่ะวะ”
ผมนั่งลงบนโซฟา พลางคิด . . ต่างจากไอ้บูมที่เริ่มทำตัวเป็นแม่บ้านเก็บแก้วกับขวดเหล้าหรือที่เรียกว่าเศษซากอารายธรรมที่ไอ้ปอนด์ทิ้งเอาไว้ทีละชิ้นๆๆ
ผมควรจะช่วยมันใช่มั้ย . . แต่ไม่ครับ ผมตัดสินใจนั่งนิ่งๆแทน ฮา . .
“มึงโกรธอะไรกูวะ” ผมตัดสินใจถามมันตรงๆ
เห็นเพียงแต่แผ่นหลังของบูมที่สั่นไหวไปกับการก้มลงเก็บขวดเหล้าเปล่า “ไม่มีนี่”
“อย่ามาโกหก”
“แล้วมึงล่ะ . . โกรธกูเรื่องอะไร”
“หมายความว่าไง”
“มึงก็ไม่พูดกับกูเลยไม่ใช่เหรอ”
หระ เหรอวะ . .รู้สึกนิดๆว่าผมสตั๊นไปประมาณสิบห้าวิ อึ้ง เงียบ และก็คิด ผมน่ะเหรอโกรธมัน โกรธเรื่องอะไรล่ะ พอลองนึกๆดูแล้ว ไอ้บูมมันก็ไม่ได้ทำอะไรผิด หลังๆมันไม่ค่อยพูดกับผม มัวแต่ไปอยู่กับไอ้ปอนด์ ไม่ก็กิ๊กเป็นสิบๆคนของมัน
พอมันไม่พูด . . ผมก็ไม่พูด ก็เลยไม่มีใครพูดกัน
ตลกดีนะ . . ผมกับมัน
“กูขอโทษละกัน” ผมสรุปในที่สุด
“มึงผิดอะไรล่ะ”
“ก็กูไม่อยากให้มึงกับกูเป็นแบบนี้นี่ กูก็เลยขอโทษไว้ก่อน เผื่อกูผิดจริง แล้วมึงจะได้มาพูดกับกูดีๆไง”
ไอ้บูมหันมามองผมเหมือนผมเป็นเด็กปอสี่ ผมกระพริบตาปริบๆ จนในที่สุดมันก็ส่ายหน้า และก็เก็บขวด ทำความสะอาดต่อไป
นี่แหละ . . ผมกับมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วล่ะ(ง่ายขนาดนั้นเลย?)
“แล้วมึงได้คุยกับพี่คินบ้างป่ะ”
บูมส่ายหน้า “ไม่ได้คุยเลย” มันบอก “โคบร้าสลีคงานยุ่งมาก รู้สึกช่วงนี้จะเริ่มออกทัวร์ต่างจังหวัดตามผับตามร้านเหล้าแล้วว่ะ”
“รู้ละเอียดดีจังวะ มึงเป็นลูกน้องคุณโทมัสเค้ารึไง”
“เปล่า”บูมยักไหล่
“กูคุยกับคนในวงนั้นอยู่ เผอิญรู้มา” คุย . . คุยเหรอวะ ยังไงล่ะ . . ในความหมายโดยนัยของคำว่าคุย ในที่นี้คือ ศึกษาดูใจเหรอ เอ๊ะ หรือยังไง
แต่ช่างมันก่อนเหอะ . .
“พี่ธามก็หนักไม่แพ้กัน กูได้ยินข่าวมา” บูมเริ่มเล่า “ออกรายการทีเงียบเป็นเป่าสาก รอยยิ้มยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีมาให้เห็น . . พวกในวงก็เลยวุ่นกันใหญ่ ต้นสังกัดเค้าก็ใจเสีย แต่ก็ . .เท่ดีนะ ทำตัวเหมือนราชินีไม่มีผิด”
“ราชาโว้ย พี่ธามเค้าเป็นผู้ชาย”
“ก็ไม่รู้อ่ะ . . นึกถึงราชินีมากกว่าง่ะ”
ครืด ครืด . . อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ . . บอกที . . เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่กระเป๋ากางเกงของไอ้บูม มันวางถุงดำลง . . และก็กดรับสายก่อนที่จะเดินออกไปที่ระเบียง
“ว่าไงเจิ้น เออ อยู่หอปอนด์ . .” ครืดดดด เสียงประตูกระจกปิด . .
เจิ้น . . เจิ้นไหนวะ . . ผู้หญิงชื่อเจิ้นเหรอ แต่เมื่อกี้มันบอกว่ามันคุยกับคนในวงของพี่ธาม . . อืม . . ชัดเลย พี่เจิ้นคนนั้นที่มีข่าวกับพี่ธามบ่อยๆนี่น่ะเอง
บูมมันเปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอวะเนี่ย ? ถ้าเป็นตอนอื่นผมคงล้อมันชิบหายไปแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ . . ล้อมันไม่ลงยังไงไม่รู้ แถมยังตัวชา มือชา หน้าชา . . ชาไปหมด
ผมเป็นอะไรของผม . .
“อืม อยู่คนเดียวเว้ย ไม่ได้อยู่กับใคร ปอนด์มันหลับอยู่ นี่มึงหมายถึงใครเนี่ย เปล่าเว้ย ไม่ได้อยู่กับมัน!!!”
อะไรกัน . . บทสนทนาที่ดังมาจากด้านนอกนั่น . . มันอะไรกัน
บูมเลื่อนประตูกระจกผมถึงได้สะดุ้งและก็กลับมามีสติอีกที ฉีกยิ้มให้เชี่ยบูมจนมันงง . .
“ยิ้มเหี้ยไร”
“เออวะ นั่นสิ”
“แปลกๆนะมึงน่ะ”
“แหะๆ”
บ้าบอคอแตกไปแล้วผม . . เฮ้อ เพื่อนมันจะคุยอะไรยังไงกับใครก็ปล่อยมันไปดิวะ . . ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวผมสักหน่อยนี่นา
ผมแค่รู้สึกแปลกๆล่ะมั้งที่จู่ๆไอ้บูมมันก็มาเปลี่ยนเป็นคุยกับผู้ชาย ทั้งๆที่ปกติมันคุยกับผู้หญิงน่ะ ใช่ ผมต้องรู้สึกแค่นั้นแน่ๆ “น่าสงสารพี่ธามจัง” บูมเปรยออกมา
“เพื่อนมึงก็หนักนะ” ผมพูด
“เราจะทำยังไงกันดีว้า”
บางทีมันก็เป็นเรื่องของคนสองคนนะเว้ย . . “กูไม่ใช่พวกที่ชอบเสือกนักหรอก” อ้าว ไอ้เชี่ยบูมอ่านความคิดของผมได้ด้วยเหรอวะครับ ? “แต่ถ้าเราไม่สร้างโอกาสอะไรขึ้นมาเลย สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันก็ยิ่งจะเป็นไปไม่ได้ใหญ่”
“นั่นสิ” ผมพูดเสียงเบา “แล้วมึงจะทำยังไงล่ะ?”
เฮ้อ . . ท้ายที่สุดแล้ว ผมกับมันก็คิดกันไม่ออกอยู่ดีนั่นแหละ . .
. . 2 BROKEN HEARTS FALL IN LOVE . .
“พักสักหน่อยดีกว่ามั้ยครับคุณหนู”
“คุณธามคะ ช่วงนี้คุณดูเงียบๆไปนะคะ มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”
“ธามซูบไปนะ พักสักหน่อยดีกว่ามั้ย”
“คืนนี้มีงานอีกแล้วธามจะไหวเหรอ”
“เป็นอะไรไปช่วงนี้ไม่ค่อยยิ้มเลยนะ” คำพูดเหล่านั้นเหมือนเข้าหูซ้ายและทะลุออกสู่หูขวาของผมโดยอัตโนมัติ . . ตอนนี้ผมก็เหมือนคนที่มีแต่ตัว แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
นี่ก็ผ่านมา . . เกือบอาทิตย์แล้วสินะ
ผมยังคงช็อค และก็เศร้าเสียใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกๆคืนหากน้ำตาของผมไม่ไหลสักหยดแล้วล่ะก็ คืนนั้นคงเป็นคืนที่ผมนอนไม่หลับ
แต่อันที่จริง ผมก็นอนไม่หลับอยู่ทุกวันนั่นแหละ
การไร้จิตวิญญาณเหมือนคนล่องลอยของผมทำเอาคนอื่นๆเดือดร้อนไปตามๆกัน ทั้งโทมัสที่ห่วงนักห่วงหนา นักข่าวที่ไม่รู้ว่าห่วงผมหรืออยากรู้เรื่องเอาไปเต้าข่าวกันแน่ พี่ๆในวง ทุกๆคนเดือดร้อนเพราะผมกันหมด
ผมมันแย่ . . “ธาม” พี่เจิ้นเดินฉีกยิ้มมาตั้งแต่ไกลเข้ามาข้างในห้องแต่งตัวของสตูดิโอรายการหนึ่ง
ผมมองหน้าพี่เค้า แล้วพยักหน้า เป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“ไหวแน่เหรอ รายการนี้ไม่ต้องออกก็ได้นะ ไม่ได้พูดอะไรมาก พี่จัดการเอง”
“ผมอุตส่าห์มาแล้ว ให้ผมออกเหอะ”
“เฮ้ออออ . . เป็นช่วงที่หนักหนาเอาการ” พี่เจิ้นตบบ่าของผมแปะๆ “กูรู้เรื่องมาจากบูมแล้วล่ะ”
เอ่อ . .เค้าไปคุยอะไรกันตอนไหนหว่า . . แต่ก็ช่างมันเหอะ ไม่ใช่เรื่องของผมนี่
“กูเข้าใจพวกมึงสองคนนะ” พี่เจิ้นพูด “ไอ้ปอนด์ รายนั้นก็หนักเอาการเลยมึง ได้ข่าวแดกเหล้าเป็นลัง คนเดียวหลายวันติดกัน ซูบชิบหาย ไม่ต่างอะไรจากมีงเลย”
หัวใจของผมกระตุกวูบ . . “เค้าจะเป็นอะไรก็เรื่องของเค้า มาเล่าให้ผมฟังทำไม”
“เป็นแบบนี้มันดีแน่เหรอวะ มึงกับไอ้เชี่ยนั่นน่ะ”
“มันบอกเลิกผมเอง”
“นั่นก็เป็นเพราะมันรู้สึกผิดกับมึงมาก และมันคิดว่ามันไม่คู่ควรกับมึง”
“แต่ผม . .”
“คิดดูดีๆนะ”
อะไรกันเนี่ย . . พอพี่เจิ้นพูดจบพี่เค้าก็เดินหนีไป ทิ้งให้ผมนั่งอยู่อย่างนั้นและก็จมลงไปกับความคิดของผมเองว่าผมควรเอายังไงต่อกับชีวิตดี . . ผมยังรักมัน แน่นอน ไม่มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนความจริงในข้อนี้ได้ . . แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อปอนด์เป็นคนพูดออกมา และนั่นอาจจะดูเหมือนเป็นความต้องการลึกๆของปอนด์เองด้วยรึเปล่า?
โว้ยยยยยยยย!!!!!!!! ผมไม่รู้อะไรเลยสักนิด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ครืด ครืด
ไอ้บูม . . โทรมา ไอ้บูมเนี่ยนะ = = ปกติมันโทรมาที่ไหนกันเล่า
ผมชั่งใจ ว่าจะรับสาย หรือไม่รับสายดี
“คุณธามถึงเวลาสแตนบายหลังห้องส่งแล้วนะครับ” ฝ่ายคอสตูมเดินเข้ามาตามผม . . ขณะที่มาจัดแต่งเสื้อผ้าของผมอีกเล็กน้อย
เอาไงดีวะ . .
“ขอเวลาธามสักครู่นะครับ” พี่แอนรู้คงด่าตาย รับโทรศัพท์ส่วนตัวในเวลางาน ผมรู้จนฝ่ายคอสตูมคนนั้นออกจากห้องไป ก่อนกดรับสาย “ฮะ ฮัลโหล”
“พี่ธาม เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วครับ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เชี่ยเอ๊ย หูจะแตก แต่ช่างมันเหอะ ใจผมนี่จะแตกซะก่อนเพราะคิดไปเองได้เป็นล้านเรื่องแล้วภายในหนึ่งวิ ต้องเกี่ยวกับปอนด์แน่
“อะ อะไรวะ” ผมพยายามใจเย็น คงไม่มีอะไรหรอก คงไม่มีอะไร . .
“ปอนด์เมาปลิ้นตกบันได . . ขาหักครับพี่!!!!!!!” หา . . ขาหักงั้นเหรอ! . . แม้จะดูตลกๆไปสักหน่อย แต่ผมก็รู้สึกใจไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลย
“ไม่เกี่ยวกับกูสักหน่อย”
“แต่พี่เสียงสั่นนะครับ”
“ไอ้บูม. .”
“ขอร้องล่ะครับ พี่มาช่วยดูมันสักนิดก็ยังดีอ่ะ เพื่อนผมตอนนี้ไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วครับ นะๆๆ ผมขอร้องนะ . .” ทำไม . . ผมเริ่มใจไม่สู้ดีแล้วล่ะครับ
“แต่ตอนนี้กูทำงานอยู่”
“ไม่เป็นไรครับ ไอ้ปอนด์มันก็ยังอยู่ที่เดิมของมันนั่นแหละ มาสักหน่อยนะครับพี่ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น นะครับพี่”
ปอนด์มันเป็นเพื่อนหรือพ่อของมึงเนี่ยบูม . . ถ้าจะอ้อนแทนกันขนาดนี้
“แค่นี้นะ”
“พี่ธามมมมมมม!”
ผมกดวางสายและก็วางโทรศัพท์ลง . . ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหนก็มีเรื่องของปอนด์เข้ามาข้องเกี่ยวด้วยเสมอ และตอนนี้ . . ปอนด์ก็ขาหัก = =
โง่ชิบหาย . . เมาตกบันได . . กูล้อมึงยันลูกมึงบวชแน่ . .
คอนโดปอนด์
มาจนได้สินะกู . . ไอ้ธาม ไอ้หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น เฮ้อ . . ผมเดินเข้าไปในคอนโดด้วยชุดของนักร้องคนดังเต็มยศ คนเดินผ่านไปมีหันหลังกันทุกราย . . แต่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก ก็ผมรีบนี่
ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมรีบไปทำไม . .
ข้าวของของผม ผมสั่งให้โทมัสมาขนกลับไปที่คอนโดของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คอนโดที่ซึ่งตอนนี้ผมไม่ค่อยได้อยู่เท่าไหร่ ก็งานมันชุกขนาดนี้ ผมก็นอนแม่งที่บริษัทนั่นแหละ
ที่หน้าห้องของปอนด์ . . หัวใจของผมเต้นตึกๆ . . มือที่จะเอื้อมไปเคาะประตูก็สั่นซะงั้น . . อาการแบบนี้มันอะไรกันวะ
ฮู่ววว . . แค่มาเยี่ยมเฉยๆ คงไม่ต้องมีอะไรมากพิธีหรอก แค่โผล่หน้ามา และก็เจอหน้ามันนิดหน่อยก็แค่นั้นแหละ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก . .
รอนานสิบชาติประตูก็ไม่เปิด . .อะไรวะเนี่ย อ๋อ ใช่ ไอ้ปอนด์มันขาหักนี่นา . .มันจะเขย่งมาเปิดประตูให้คงไม่สะดวก
และห้องก็เสือกจะไม่ได้ล็อคด้วยนะ = =
ผมเลยสูดลมหายใจลึกๆ แล้วก็แง้มประตูเข้าไป
ใครกัน ที่กำลังทำท่าจะจูบกันกลางห้องนั่น . .
ผมจำแผ่นหลังนั้นได้ . .
คินตา . . สั้นอีกแล้ว TT แต่มาต่อแบบจู่ๆก็มา!!!!!!!!!!!!
ขอเม้นขอวิวหนักๆ หลังจากตอนหน้าอาจมีอัพทุกวัน
รักมากค่ะ <3