【 รวมเรื่องสั้น โดย มารยา 】เรื่องแรก ● สุขสันต์วันเกิด (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 รวมเรื่องสั้น โดย มารยา 】เรื่องแรก ● สุขสันต์วันเกิด (จบ)  (อ่าน 11468 ครั้ง)

marnya

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการอ่านนิยายเรื่องนี้ *

1. กรุณาอ่านข้อตกลงของเล้าด้านล่างด้วยค่ะ
2. กระทู้นี้รวมเรื่องสั้นแต่งตามอารมณ์พิวส์ค่ะ ดังนั้นมันจะอินดี้ๆ อาร์ตๆ งงๆ ค่ะ ภาษาจะแปลกๆ แนวจะแปลกๆ อาจเกิดคำถามว่า มึงทำอะไรของมึงวะ (ฮ่า)
3. อ่านเรื่อยๆ อย่าเครียดนะ กระทู้ไม่ได้หวังคอมเม้นหรอก สนองนี้ดซะมาก แต่ถ้าคอมเม้นให้ชื่อใจสักหน่อยจะขอบคุณมากเลยค่ะ






มารยา ♥




ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2014 05:10:50 โดย marnya »

marnya

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องแรก ● สุขสันต์วันเกิด (๑/๓)












              23.07 น.

              “ร้อนโคตรอ่ะ” ผมบ่นทันทีที่ก้าวออกมาจากตัวอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ คนข้างๆ เลยใช้มือข้างที่ว่างมาขยี้หัวผมเล่นด้วยความเอ็นดู (?)

              “เวลาอยู่นู้นก็บ่นหนาวจะตายนะ”

              “ก็มันไม่มีความพอดีนี่จาเลท ที่นู้น 7 องศาที่นี่แม่ง 30 กว่า ขอแบบ 20 นิดๆ กำลังชิวได้มั้ยล่ะ” จาเลทไม่ตอบอะไร แต่ยื่นมือมาจับข้อมือผมให้เดินตาม ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก เรื่องปกติน่ะ หมอนี่ชอบดึงมั่งจูงมั่ง สงสัยเห็นผมเป็นลูกหมามั้ง

              “อีกแปปนึงจะวันเกิดแล้ว อยากไปฉลองมั้ย?” เขาถามในขณะที่เราสองคนเข้ามานั่งในรถมินิคูเปอร์คันงาม ผมดึงซีทเบลท์มาคาดพร้อมกับส่ายหน้า

              “ไม่อ่ะ เบื่อ เหนื่อยด้วย อยากกลับบ้าน”

              “แล้วไม่คิดจะฉลองวันเกิดสักหน่อยเหรอ” ผมส่ายหัวอีกครั้ง แล้วก็ปรับเบาะลงนิดหน่อยก่อนจะหลับตาลง เป็นอันรู้กันว่าจบบทสนทนาบทนี้ได้อย่างถาวรเลย









              23.36 น

              ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถมินิคูปเปอร์สีครีมคันที่ผมนั่งก็มาจอดหน้าบ้านเรียบร้อย ก็บ้านผมอยู่ไกลสนามบินแค่นิดเดียวเองนี่ครับ จาเลทลงมาช่วยผมขนของเข้าบ้าน

              ป๊ากับแม่ผมนั่งดูทีวีอยู่ ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็รู้แหละว่าพวกเขารอผม

              “พ่อแม่สวัสดีครับ” ไม่ใช่ผมนะที่จะพูดไพเราะขนาดนั้น โน่นเลยครับ คุณจาเลท ฝรั่งหัวบลอนด์ตาน้ำข้าวเป็นคนพูดพร้อมกับยกถุงของฝากต่างๆ นานาของผมไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว

              ผมนั่งลงบนโซฟากับป๊าแม่ ตาจ้องไปที่โทรทัศน์ อะฮืม… แฮร์รี่พอตเตอร์ ภาคไหนเนี่ย

              “จาเลทนอนนี่มั้ยลูก เพิ่งกลับมาเหนื่อยแย่นะ” แม่หันไปพูดกับจาเลทก่อนพูดกับผมอีกแน่ะ ส่วนหมอนั่นก็เอาแต่ยิ้ม

              “ไม่ต้องมายิ้มนะจาเลท กลับคอนโดเลย อ่อนนุชแค่นี้ ดึกแล้วรถไม่ติด ยี่สิบนาทีก็ถึง” พอผมขัดอย่างนั้น เขาก็ดูเหมือนจะหงอยลงไปหน่อย

              “คนเราใจร้ายจริง” คราวนี้แม่หันมาดุผม แต่ผมไม่สนใจหรอก หันไปบู่หน้าใส่แม่แล้วก็ดึงแขนจาเลทออกจากบ้าน

              “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั้ยจาเลท” ผมว่า เมื่อเห็นหน้าคนสูงกว่าที่แสดงอารมณ์แบบไม่รู้ว่าจะงอน จะโกรธ จะน้อยใจหรือว่าอะไร

              “พอกลับมาก็ไล่”

              “ไม่ได้ไล่ แต่กำลังติสแตก อยากอยู่คนเดียวในวันเกิด” แต่สีหน้าเขายังไม่ดีขึ้นผมก็เลย “มานี่สิ” ดึงเขาเข้ามากอดแน่นๆ แล้วก็ซุกหน้าลงกับแผงอกอุ่นนั่น ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัว ก่อนจะถอยออกมา

              “กลับบ้านได้แล้ว” และผมจะจัดแจงเปิดประตู ผายมือเชิญเขาเข้าไปนั่ง

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ผมชี้ไปที่หน้าปัดนาฬิการถ 23.55

              “ยังไม่เที่ยงคืนไม่นับหรอก ไป-ได้-แล้ว” ผมปิดประตูรถให้ โบกมือไล่ แล้วก็หันหลังเข้าบ้านโดยที่ไม่รอให้เขาขับรถออกไปก่อน














              “จาเลทไปแล้วเหรอลูก” แม่ถามผมเมื่อเปิดประตูเข้ามา

              “ยังอ่ะแม่ แต่เดี๋ยวก็ไป เอ้อ ของแม่กับของป๊าอยู่ในถุงสีแดงกับสีส้มนะ ของน้องสีขาว ที่เหลือเพื่อนฝากซื้อ ผมไปอาบน้ำนอนละ”

              เห็นอะไรแปลกๆ มั้ยครับ?...

              สำหรับพวกคุณ ผมว่ามันต้องแปลกแน่ล่ะ ในการที่ลูกชายไปออสเตรเลียมาตั้งครึ่งเดือน แต่พอกลับมาบ้านไม่ได้มีการกอดกันกลมเหมือนในละครหลังข่าว หรือนั่งไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันยืดยาว มันดูเหมือนจะเย็นชา

              แต่สำหรับผม ผมว่ามันก็ไม่ได้เย็นชาหรอกนะ

              ตอนเปิดประตูมาป๊าแม่และผมก็ยิ้มให้กันแล้ว ถึงแม้มันจะแค่ยี่สิบวินาทีแล้วป๊าจะหันกลับไปดูแฮร์รี่ก่อนก็เถอะ อีกอย่างผมไปก็เหมือนผมอยู่แหละ เดี๋ยวนี้โลกไปถึงไหนแล้วครับ สไกด์ก็มี ฟรีอีกต่างหาก แม่ผมนี่คอลมาเกรียนอยู่ทุกวัน จะเจอป๊าบ้างประปราย

              ถามว่าคิดถึงมั้ย มันก็คิดถึงนะ แต่บ้านผมมันไม่ใช่แนวที่จะมากอดจูบลูบคลำแล้วบอกรักน่ะ แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วจริงๆ เถอะ


              ส่วนจาเลทเป็นใคร? … อืม ตอบยาก

              เป็นแฟนเก่าที่เลิกกันไปสักพัก แต่ตอนนี้มาเป็นเพื่อนสนิท… มาก มั้ง?

              ช่างเถอะ อย่าไปหาคำจำกัดความอะไรให้โลกนี้มากมายเลย แค่นี้ก็เยอะแยะเกินไปจนเลือกใช้ไม่หมด แถมบางทีก็ใช้ผิดประเภทด้วยซ้ำไป


              ผมทิ้งตัวลงกับที่นอนแล้วคว้าแล๊ปทอปที่อุตส่าห์หอบหิ้วไปออสเตรเลียด้วยขึ้นมา ถึงมันจะหนักหน่อยแต่ก็คุ้มนะ อย่างน้อยก็เขียนนิยายจบไปเรื่องนึงละวะ


              … หื้ม?


              นักเขียนเหรอ … เปล่า ผมไม่ใช่นักเขียน ผมเป็นแค่คนที่อยากจะเขียนเท่านั้น
             

              พูดถึงเรื่องการเขียนแล้วผมก็ต้องยิ้มออกมา เท่าที่จำได้ ผมเป็นคนที่เบื่อง่ายมากถึงมากที่สุด สิ่งเดียวที่ผมทำได้ไม่เบื่อคงไม่พ้นการเขียนหนังสือ การอ่านหนังสือนี่ล่ะมั้ง

              เพราะแบบนั้น… ผมก็เลยไม่รู้ว่าหากวันนึงผมเบื่อการเขียนหนังสือขึ้นมาผมจะไปทำอะไรนะ มีอะไรหลายอย่างที่ผมทำได้ แต่ไม่เห็นมีอะไรที่ผมอยากทำนอกจากสิ่งนี้

              เพราะแบบนั้นก็เลยซิ่วมาเข้าคณะที่คะแนนถึงตั้งแต่ปีที่แล้ว คิดแล้วก็ขำ…

              ปีก่อนนั้นผมเคยคิดว่า การสอบเข้านิเทศศาสตร์มันคงเป็นอะไรที่หาตรงกลางสำหรับผมและครอบครัวได้มากที่สุด ผมชอบเขียน... แต่ที่บ้านไม่ได้อยากให้เรียนวารสาร ที่บ้านไม่อยากให้เรียนมนุษย์ แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษที่บ้านโอเค ซึ่งผมไม่โอเคว่ะ

              ผมโคตรเกลียดภาษาอังกฤษเลย … ถึงผมจะพูดได้ก็เถอะ แต่สอบที่ไรแม่งตกทุกที

              ก็เลยเลือกนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา

              ผมโคตรชอบสังคมที่นั่นเลยนะ เหมือนพี่เหมือนน้อง อบอุ่น ลุยๆ ติดดินดี คิดเอาแล้วกัน มีมหาลัยที่ไหนอยู่บนตึกสูงที่มีแต่พนักงานเต็มไปหมด มีนักศึกษาอยู่แค่คณะเดียว และมีพื้นที่ใช้สอย (ที่ใช้ได้) อยู่ชั้นครึ่ง

              มหา’ลัยรัฐบาลนะครับไม่ใช่เอกชน ค่าเทอมสองหมื่นเจ็ด … ไม่ต้องตกใจ ผมแค่อยากบอก และยืนยันอีกครั้งว่ามันคือมหา’ลัยรัฐบาลครับ

              การสอนที่นั่นก็โคตรดีเลยนะ นิเทศมีเรียนดรออิ้ง คอมกราฟด้วยครับทุกคน -_- ผมทำคอมกราฟเป็นคน วาดรูปเป็นมนุษย์ก็เพราะได้เรียนตอนปี 1 นี่ล่ะ แถมคณะบดีผมโคตรจ๊าบ ไม่ผูกไทด์เก็บ 20 รองเท้าผิดระเบียบ 20 พับแขนเสื้อ 20 มาสาย 20 โทรศัพท์ดังก็ 20

              แต่พอเรียนแล้วมันไม่ใช่ไงครับ แล้วหลังๆ นี่ผมติสแตกอยู่บ่อยๆ เลยไม่ไปรงไปเรียนมันซะ หาเรื่องไปสมัครงานแถมเสือกได้งานทำเป็นพนักงานพิสูจน์อักษรในสำนักพิมพ์เล็กๆ แต่เงินเดือนนี่ไม่เล็กเลยเถอะ

              หลังจากนั้นผมก็บอกแม่ว่าผมจะซิ่ว แม่นี่โกรธจริงโกรธจัง แต่บ้านผมไม่โกรธแบบโวยวายไง มันมาแบบคลื่นใต้น้ำ รู้ตัวอีกทีแม่บอกซิ่วได้แต่ต้องไปเรียนที่ออสเตรเลีย ผมนี่อ้าปากค้างไปเลย

              ตกใจด้วย ดีใจด้วย … ออสเตรเลียนั่นเมืองในฝันผมเลยนะครับ

              แต่ผมก็โดนพี่บก.ที่ทำงานด้วยสกัดไว้ ด้วยคำพูดที่ว่า


              ‘นิทานจะทิ้งงานเขียนที่รัก ไปเรียน mba ที่ออสเพื่อหนีปัญหาเหรอ? พี่รู้ว่านิทานเรียนได้ แต่นิทานรู้มั้ยว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ในขณะที่ใครหลายคนกำลังตามหาแทบตายยังไม่เจอ ไหนนิทานเคยพูดเองไงว่า นิทานไม่เชื่อคำว่ามีไม่กี่คนที่ได้ทำสิ่งที่รัก เพราะนิทานคิดว่าการต้องทำสิ่งที่ไม่รักมันยากกว่า เอานี่ไปดู… ถ้าได้คณะนี้มหา’ลัยนี้ แม่นิทานโอเคแน่ๆ’

              แล้วผมก็รับระเบียบการณ์นั่นมา ... ศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัย….

              สุดท้ายผมก็ได้เข้าไปเรียนที่นั่นด้วยคะแนนเก่านั่นล่ะ ผมงงที่แม่ไม่ว่าอะไรสักคำที่ผมเรียนเอกไทย แม่แค่บอกว่าเรียนโทอังกฤษนะ แล้วก็ยิ้ม

              ชื่อมหา’ลัยไง ช่วยผมไว้ไม่ให้ถูกส่งไปออสเตรเลีย


              ผมไม่โทษแม่นะ มันไม่ผิดหรอถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะหวัง เพราะคนเรารัก… ก็มักคาดหวังเสมอ







              00.0   น. 5 มิถุนายน 2555

              เฟซบุครีเฟรชหน้าอัตโนมัติ ข้อมูลส่วนตัวผมขึ้นว่า ‘วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ’
              แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรกับมันมากมายนัก สุดท้ายก็ปิดไฟนอน แล้วก็พับหน้าจอแลปทอปโดยที่ไม่ได้ชัทดาวน์ (อีกแล้ว)









เจอกันพาร์ท (๒/๒) พรุ่งนี้ค่ะ
ไม่ขอทอล์คใดๆ แม่เรียกให้ออกไปข้างนอกแล้ว แง้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2012 05:30:24 โดย marnya »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

marnya

  • บุคคลทั่วไป
ผลตอบรับน่ารักจัง -3- 5555555 5. เอาแล้ว โดนคนอ่านค่อยๆ กระซวกเพราะดองเรื่องอื่น
ไม่สน ไม่สน จะแต่งต่อ ไม่มีคนเม้นเราก็จะคุยคนเดียวเลย /บ้าแล้ว/

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
สรุปได้ไปออสมั้ย งง

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป

marnya

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องแรก ● สุขสันต์วันเกิด (๒/๓)














              ผมเอามือปิดตาตามสัญชาตญาณเมื่อแสงแดดจัดๆ ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางมาแยงตา แต่พอลืมตาขึ้นมาแล้วก็เหมือนกับเป็นนิสัยประจำตัวที่ต้องควานหานาฬิกามาดูเวลา


              11.45



              สายโคตร…


              พอสำนึกได้ว่าสายป่านนี้ก็ไม่ควรจะนอนต่อแล้วล่ะ เลยลุกขึ้นมาจากเตียงทั้งๆ ที่ใจไม่ค่อยอยากเท่าไหร่ เพื่อไปแปรงฟันล้างหน้าให้เรียบร้อย

              ปกติก็ไม่ได้มาบรรจงบีบยาสีฟันลงแปรงเนิบๆ แบบนี้หรอก แต่วันนี้ไม่รู้จะรีบทำไม เลยค่อยๆ พิจารณายาสีฟันซิสเทมม่ารสกล้วยเสียอย่างนั้น

              หอมดีนะ… ผมชอบ

              ผมจ้องตัวเองในกระจก เปิดน้ำจากก๊อกวักใส่กระจกที่ไม่ค่อยจะใสแล้วเอามือลูบเพื่อให้มันสะอาด ทั้งๆ ที่มืออีกข้างยังคงแปรงฟัน แต่ลูบไปยังไงก็ดูเหมือนกระจกนี่จะไม่ใสขึ้นมาสักนิด เพราะงั้นผมเลยแปรงฟันให้เสร็จๆ แล้วหยิบน้ำยาเช็ดกระจกใต้ซิงค์มาฉีดใส่กระจกเสียเยอะ ก่อนจะเดินออกไปหยิบเศษกระดาษเอสี่ทิ้งแล้วที่กองรกๆ อยู่ในห้องมาเช็ดน้ำยาออก

              เออ… ใสละ

              ผมยิ้มให้กับกระจกที่ใสปิ๊ง ก่อนจะถอดเสื้อแล้วเข้าไปอาบน้ำในที่สุด













              12.33 น.

              ผมลงมาข้างล่างและพบว่าไม่มีคนอยู่…

              มันเป็นปกติของบ้านผมล่ะ น้องชายไปเรียน แม่กับป๊าจะไม่ค่อยอยู่บ้านช่วงกลางวัน แต่บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวหลายอย่าง

              ผมยิ้มอีกครั้งและเดินไปตักข้าวมากินคนเดียวที่โต๊ะอาหาร



              อืม… เมื่อคืนผมเล่าถึงไหนนะ?
              … ผมไม่ต้องไปเรียนที่ออสเตรเลียสินะ



              ใช่ ผมไม่ต้องไปเรียนจริง

              แต่ก็อย่างที่เห็นผมเพิ่งกลับจากออสเตรเลีย เพราะยังไงๆ ผมก็ต้องไป เนื่องจากคุณแม่น่ะสิดำเนินเรื่องการเรียนไว้เรียบร้อยแล้ว ผมต้องไปขอเลื่อนคอสภาษาอังกฤษไปไว้ตอนซัมเมอร์

              จริงๆ ทำเรื่องจากที่นี่ก็ได้อยู่นะ เพียงแต่วีซ่าผมก็ทำแล้ว ตั๋วเครื่องบินก็มีแล้ว แถมจาเลทก็รบเร้าบอกว่าจะชวนไปเยี่ยมพ่อที่นู้นด้วย

              และเหตุผลที่สำคัญที่สุด



              คือผมอยากไปเที่ยว ก็บอกแล้วไงว่าที่นั่นน่ะเมืองในฝันของผม



              สรุปก็เลยไปมาสิบห้าวันอย่างที่เห็น อยู่ที่นู้นผมกินกาแฟต่างน้ำเลยล่ะ ผมชอบบรรยากาศ ชอบรสชาติกาแฟนี่!




              ‘กริ้งงงง ง  กริ้งงงง ง  กริ้งงงง ง’


              โทรศัพท์บ้านผมดัง ผมชั่งใจอยู่นิดว่าจะรับดีหรือไม่ แต่สรุปก็รับนั่นแหละ เผื่อว่าใครมีธุระด่วน (มั้ง)



              “ฮัลโหลครับ”

              [ อยากฉลองหรือยังหือ? ] เสียงจาเลท ผมจำได้

              “ม่ายยยย”

              [ วันเกิดทั้งทีกะจะอุดอู้อยู่บ้านทั้งวันเลยเหรอ? ]

              “หืมม~ เดี๋ยวนี้รู้จักใช้คำว่า อุดอู้ นะ”

              [ ภาษาไทยมีไว้ให้เรียนไง ] ปลายสายพูดและหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

              “วันเกิดก็วันธรรมดานะจาเลท ขออยู่เงียบๆ บอกแล้วว่าติสแตก”

              [ แต่มาแล้วนี่นา ]



              ‘ติ้งน่องงง ง~’

              ผมเปิดเดินไปแง้มม่านดู ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเดินกลับมากรอกเสียงลงในโทรศัพท์

              “จะเข้าก็เข้ามาเลย กดกริ่งทำไม 3 บาทนะ มันเปลือง!”

              สาบานเถอะ ว่าผมได้ยินปลายสายหัวเราะด้วยล่ะ






              ไม่นานจาเลทก็เปิดประตูกระจกเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาดใจเหมือนเดิม ส่วนผมก็ยังนั่งกินข้าวอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงบ๊อกเซอร์ที่โต๊ะอาหาร



              “อย่าพูดถึงเรื่องวันเกิด ห้ามแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ห้ามมีของขวัญ”

              ผมพูดดักคอ และคนที่เดินเข้ามาใกล้ก็ทำหน้างงเสียเต็มประดา ผมไม่ตอบอะไรแค่ยักไหล่กลับไปให้เท่านั้น


              “ติสแตกจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย?” เขาถาม และผมพยักหน้าจริงจัง “ก็ได้ครับก็ได้ ไม่พูดเลย”

              “ดีมาก”












              ผมไล่จาเลทไปดูหนัง ส่วนผมก็ยกแลปทอปเพื่อนตายลงมาเปิดเล่นข้างๆ หมอนั่นน่ะแหละ แอบสงสารนิดนึง อุตส่าห์มาแล้วนี่นะ

              ไม่รู้อะไรดลใจให้เปิดเฟสบุคขึ้นมา



              อาจเป็นเพราะก่อนนอนเมื่อคืน หน้าไทม์ไลน์ของผมมันขึ้นว่า
              ‘วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ’
             
              ก็ได้ละมั้ง…



              แล้วก็อย่างที่คาดเลย เป็นร้อยการแจ้งเตือนที่ไม่ได้อ่าน

              มีคอมเม้นอวยพรวันเกิดเข้ามา บางคนเป็นเพื่อนเก่าที่สนิทหน่อย ก็จะมาแบบยาวทำให้ผมยิ้มออกบ้าง

              บางคนเป็นเพื่อนสมัยมัธยมแบบไม่สนิทมาก ก็อาจพ่วงท้ายว่าคิดถึง

              บางคนก็มาสั้นๆ แค่ HBD จนผมต้องถามในใจว่า ‘เพื่ออะไรวะ?’

              ยิ่ง ฮปบด. นี่นะ อยากจะถามกลับเหลือเกินว่า ‘เพื่อนส้นตีนอะไรครับ’


              และส่วนมากไอ้แค่ HBD นั่นคือผมไม่รู้จัก ผมก็เลยกดเข้าไป … unfriend ลดประชากรคนแปลกหน้า เยี่ยม! (กูรับแอดมันแต่แรกทำไมไม่รู้สิ -_-)



              แต่ก็มีบางคอมเม้นก็ทำผมตื้นตันจริงๆ เช่น



              ‘เจเคโรวเลอร์ ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เลือก พระเจ้าอวยพร ไว้จะร้องเพลงให้ฟังถ้ามาตึก’


              พี่แกเป็นพี่ว๊าก ที่ตั้งชื่อในคณะให้ เจเคโรว์เลอร์นั่นล่ะ

              และวันที่พี่เค้าเฉลยว๊าก จำได้ว่าไปนั่งแกล้งให้พี่แกร้องเพลงให้ฟัง ข้อหาที่ตอนว๊ากชอบให้ผมวิดพื้นนักหนา

              แต่ผมไม่คิดว่าพี่แกจะจำได้ไง ... ผู้ชายเถื่อนๆ ไม่ได้เจอกันนานมาก
              ชื่อรองที่เป็นชื่อในคณะ ผมก็ลบออกไปจากหางเฟสบุคแล้วตั้งแต่ซิ่วออกมา

              หึ พี่แม่งละเอียดอ่อนเหมือนกันนี่หว่า ...




              พอเห็นคนโพสอวยพร (เหรอ? กูเห็นแต่ตัว HBD เต็มไทม์ไลน์) เยอะแยะ

              ผมก็เลยเกิดอาการคันไม่คันมืออยากจะตอบขึ้นมา สุดท้ายเลยไล่ตอบตั้งแต่โพสแรกเลยครับ

              ถ้าเป็นคนอื่นเค้าก็คงจะแค่ ‘ขอบคุณครับ/ขอบคุณนะ/ขอบใจ’ หรือไม่ก็อะไรประมาณนี้



              แต่นี่ใครครับ?

              นิทานนะครับ นิทาน


              ผมตอบไม่ซ้ำกันสักประโยค ให้รู้ไปเลยว่าตั้งใจตอบ โดยเฉพาะคนที่คอมเม้นแค่ ‘HBD’ นี่ ผมยิ่งตั้งใจตอบเป็นพิเศษ พิมพ์ยาวเกือบสองบรรทัด ถ้าอ่านตามใจความแล้วมันก็ดูว่าผมไม่ได้กวนตีนหรอกครับ เพราะผมพูดดีจริงๆ

              แต่ไอ้คนที่ดูหนังแล้วหยิบไอโฟนมาส่องเฟสบุคผมเนี่ย มันนั่งขำอยู่



              คงรู้แหละว่าผมตั้งใจตอบยาวๆ ดีๆ เพื่อเป็นการกวนตีนคำอวยพร (เหรอ?) ที่ว่าด้วยตัวภาษาอังกฤษ 3 ตัว H-B-D

              นี่คืออีกสาเหตุที่ผมเกลียดคำว่า ‘มารยาท’ เพราะการทำตามมารยาทอย่างไม่ได้เต็มใจ มันน่าทุเรศกว่าคนไม่มีมารยาทอีกนะครับผมว่า…















              15.32 น.


              “จะไปไหนน่ะ” จาเลทเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากบนบ้าน และตอนนี้ผมเปลี่ยนเสื้อเป็นตัวที่ดูดีกว่าเดิมหน่อย กางเกงจากบ๊อกเซอร์ก็เป็นสามส่วนแทน แล้วก็ผมประบ่าที่เมื่อกี้ยังปล่อยเซอร์ถูกหวีให้ดเรียบร้อยขึ้น (คิดว่างั้นนะ) แถมหอบกระดานวาดรูปอันเบ้อเร้อ

              “วัด” ผมเดินไปปิดแอร์ ล๊อคประตูหลังบ้าน ยัดโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งเปิดเพื่อจะฟังเพลง (แต่ไม่เปิดสัญญาณ) ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินมาฉีกกระดาษสมุดออกมาเขียนโน้ต


              ‘ไปวาดรูปมั้ง ไม่รู้กลับกี่โมงไม่ต้องรอกินข้าวนะ อาจไปนอนบ้านเพื่อนด้วยบางที’


              “จะไม่กลับเหรอ” คนที่ยืนซ้อนข้างหลังก้มมาดูผมเขียนโน้ตแล้วเอ่ยปากถาม

              “ไม่รู้สิ” ผมตอบแค่นั้นแล้วก็เดินนำออกไป





              ผมเลือกจะมาสตาร์ทรถมาสด้าของตัวเองมากกว่าจะรอให้อีกคนสตาร์ทมินิคูเปอร์

              จาเลททำหน้างงเดินมาเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่งอยู่ “เดี๋ยวขับให้” แต่ผมส่ายหัวและตอบกลับไป



              “เอาไปคนละคัน”


              “โกรธอะไรกันหรือเปล่า” เค้าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

              “เปล่านะ แค่อยากขับรถเล่นคนเดียวน่ะ” เขาไม่ถามอะไรต่อ แต่ก็ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ และยังยืนตากแดดอยู่อย่างนั้น



              “ไม่ใช่ว่าไล่หรอกนะ ไปด้วยกันได้ แค่เอารถไปคนละคันนี่ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?


              สุดท้ายเค้าก็พยักหน้า… ไม่รู้ว่าเข้าใจ หรือว่ายอมแพ้กันแน่
















เจอกันพาร์ทจบ (๓/๓) ค่ะ



เอ่อ... จริงๆ จะให้มี ๒ พาร์ทแหละแต่เขียนเพลิน ๓ เลยแล้วกันนะ
บางทีคนอ่านอาจงง นี่มันนิยายแนวไหน (วะ) เนี่ย?

พิวส์ก็หาคำจำกัดความไม่ได้เหมือนกันค่ะ -______-; คือมันออกจะอินดี้ๆ อาร์ตๆ อยู่สักหน่อย
แต่ไม่ใช่ไม่มีจุดมุ่งหมายนะ ทุกๆ อย่างจะเคลียในพาร์ท ๓
( คิดว่าเคลียร์นะ -0- )

ไม่แปลกใจที่ไม่ค่อยมีคนเม้น นิยายเรื่องนี้อาจห่วยมากก็ได้ ๕๕๕๕๕๕ ๕
แต่พิวส์ชอบมากๆ เลยนะ อยากรู้ว่าทำไม ต้องติดตามทอล์คพาร์ท ๓ ค่ะ


มารยา ♥

marnya

  • บุคคลทั่วไป
สรุปได้ไปออสมั้ย งง

ได้ไปนะจ๊ะตัวเอง -.- เขียนให้เคลียๆ ในพาร์ท ๒ แล้วน้า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เป็นคนที่ติสแด๊กจริง ๆ นะนายนิทาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ได้ไปนะจ๊ะตัวเอง -.- เขียนให้เคลียๆ ในพาร์ท ๒ แล้วน้า
:pig4:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เป็นตัวของตัวเองจริงๆ

kisz

  • บุคคลทั่วไป
นายเอกติสจริงๆแหะ ถ้าเราเปนจาเลทเรากะคิดมากนะเนี่ยะ เหอๆ

marnya

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องแรก ● สุขสันต์วันเกิด (๓/๓)
















              รถติด…

              ทั้งๆ ที่บ้านผมอยู่ในซอย และหากรถไม่ติดก็ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีถึงวัดแท้ๆ

              ลืมไปได้ยังไงว่าช่วงนี้เด็กเลิกเรียนพอดี แล้วซอยที่มีโรงเรียนนานาชาติอยู่ใกล้แบบนี้… ติดกันตายไปข้างเถอะครับ

              ผมมองกระจกมองหลัง … อย่างที่คิด

              มินิคูเปอร์ของจาเลทจอดต่อท้ายผมอยู่ แทนที่ผมจะดีใจว่าอย่างน้อยก็มีเขาคนนึงที่พยายามจะใส่ใจกับวันเกิดของผม มันกลับทำให้ผมรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก

              ผมเกลียดการที่ใครมาทำดีด้วยแบบนี้จริงๆ

















              สุดท้ายก็มาถึงวัด ผมเดินไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนและเข้าไปไหว้พระในโบส์ถ โดยที่มีจาเลทนั่งอยู่ข้างๆ

              “ขออะไรไปเหรอ?”

              “คนไทยเค้าไม่บอกคำอธิษฐานกันหรอกจาเลท”

              “อื้มม”

              “ไปให้อาหารปลากัน”

              แล้วผมก็เดินนำเขาไปที่สระน้ำหน้าวัดที่มีทั้งปลาดุก ปลาสวาย ปลาบึกเต็มไปหมด พวกเราเดินไปซื้อขนมปังกะโหลกมาคนละแถว และเลือกนั่งที่เก้าอี้หินริมสระน้ำตัวนึง



              “จาเลท”


              “หื้อ”




              “...”


              “ว่าไง?”

             

              “… นาย... อย่าพยายามทำดีกับฉันเลย”

              ผมพูดทั้งๆ ที่ไม่มองหน้าเขา มือยังคงฉีกขนมปังโยนลงไปให้ปลาในสระ ตายังคงมองตามปลาที่ว่ายมาแย่งอาหารกัน

              “ทำไมถึงพูดแบบนี้ ตอนนี้” 

              “ก็รู้อยู่ว่าทำไม” มือที่กำลังจะฉีกขนมปังของผมโดนจับไว้แน่น


              “ฉันไม่รู้” เสียงเรียบนิ่งจริงจังของเขาทำให้ผมเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดคำบางคำออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน


              “ฉันไม่ได้รั…” แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมพูดจบประโยคนั้น


              รัก! แต่แค่ยังไม่มากพอ” ใช่ เขาพูดถูก ผมรัก แต่ไม่มากพอ

              “… และไม่มีวันจะมากพอ”



              “นิทาน….”




              “ฉันแค่รู้สึกว่าต้องพูดเพราะฉันกำลังเอาเปรียบนายมากขึ้นทุกที นายอยู่เคียงข้างฉัน ทำทุกอย่างเพื่อฉัน ฉันรู้… และฉันมีความสุขมาก แต่นายต้องรู้ ต้องรู้ว่าฉันไม่มีวันเชื่อใจนาย ไม่มีวันจะกล้ารักนายมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ฉันแค่รู้สึกว่านายเป็นของของฉัน อยากให้นายอยู่ข้างฉันเมื่อฉันต้องการ แต่ถ้าวันนึงฉันเจอคนที่รักฉันก็จะไป ไปอย่างไม่ลังเลเลย”


              “…”


              “ถ้านายไม่อยากเป็นแค่ของของฉัน นายต้องไปจากฉัน เพราะถ้านายไม่ไปเอง ฉันจะไม่มีวันยอมปล่อยนาย … แล้วนายก็จะต้องเจ็บปวด มากกว่าวันนี้”




              “เพราะตอนนั้นใช่มั้ย” พอเขาพูดเรื่องนั้นขึ้นมา มันก็เหมือนกับมีไฟฟ้าที่มองไม่เห็นช๊อต ... ผมไม่อยากนึกถึงมันอีก และอีกอย่าง มันก็ไม่ใช่แค่เหตุผลนั้น

              “ไม่ใช่แค่ความผิดนายหรอกจาเลท ... ของฉันด้วย”



              “เพราะนายรักเขา”


              “ชอบ”



              “นี่สิถึงจะเป็นนิทาน ตรงไปตรงมา เด็ดขาด”

              “และทำร้ายคนรอบข้างเสมอ ใช่มั้ย?”

              “…” เขายิ้มอย่างไร้ความหมายเป็นคำตอบ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้น้ำตาผลคลอจนแทบไหลออกมา

              “ฉันจะไปหาที่วาดรูป คิดว่านายน่าจะอยากได้เวลาทบทวน... ฉันด้วย ไว้เจอกัน”




              “เดี๋ยว”

              เขาคว้ามือผมไว้และยื่นกล่องขนาดเท่าฝ่ามือมาให้ ผมรับมาเปิดดู มันคือนาฬิกาที่ผมเคยบ่นว่าอยากได้ แต่ยังไม่ได้ไปซื้อมาสักที

              “บอกแล้วไงว่าไม่รับของขวัญวันเกิด”

              “คิดซะว่าไม่ใช่สิ ก็แค่เก็บไว้ เผื่อพรุ่งนี้ไม่ได้เจอกัน

              เขายิ้มให้อย่างที่ชอบทำบ่อยๆ พร้อมใช้มือข้างเดิมยื่นมาลูบหัว ก่อนจะเป็นคนที่หันหลังเดินออกไปเอง



              เผื่อพรุ่งนี้ไม่ได้เจอกัน…



              ผมรู้สึกใจหาย เท้าขยับไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่ก็หยุดมันไว้ และทำแค่เพียงมองตามแผ่นหลังเขาไปเท่านั้น

              ผมต้องปล่อยเขาไป ควรปล่อยเขาไป… นั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็น















              ลมเย็นๆ และกลิ่นเค็มของทะเลปะทะผมทันทีที่เปิดประตูรถออก ผมถอดแว่นกันแดดก่อนจะมุดไปหยิบกระดานวาดรูปจากเบาะหลัง

              วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดพิเศษอะไรจึงไม่น่าแปลกใจที่ที่นี่จะมีคนบางตา แถมนี่ก็เย็นจนพระอาทิตย์คงจะลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ โต๊ะชุดริมทะเลที่เคยกางร่มบังแดด ก็หุบร่มกันไปแทบหมดแล้ว ซึ่งนี่ล่ะดี… ค่อยโปร่งโล่งอย่างที่ควรจะเป็นหน่อย

              ผมลากเท้าเดินไปเรื่อย เลือกที่จะเช่าโต๊ะติดทะเล ป้าเจ้าของโต๊ะคงเห็นว่านี่เกือบจะมืดแล้วแกเลยขอผมแค่ร้อยเดียวแล้วทั้งโต๊ะใหญ่ที่นั่งได้เกือบสิบคนนั่นก็ยกให้ผมมาเลย

              “อยากได้อะไรมาดื่มหน่อยมั้ยพ่อหนุ่ม”

              “มีลีโอเย็นๆ มั้ยครับ”

              … แล้วผมก็ได้ลีโอวุ้นของโปรดมาขวดนึง

              สุดท้ายผมก็มีแค่ ลีโอหนึ่งขวด กระดานวาดรูปหนึ่งอัน กระดาษหนึ่งแผ่น ดินสอหนึ่งแท่ง แล้วก็ยางลบหนึ่งก้อน … เป็นเพื่อน

              มือข้างขวาผมวาดรูป ส่วนมือซ้ายใช้ยกขวดลีโอขึ้นดื่ม สายตามองสลับระหว่างทะเลกับเส้นขอบฟ้า และเฟรมวาดรูป จู่ๆ ปากผมก็ฮัมเพลง

              “แฮป…ปี้เบิร์ดเดย์”

              “... ทู… ยู ....”



              “แฮปปี้เบิร์ด... เดย์ ...”


              “... ทูยู ...”

              “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ด...”


              “…”



              แล้วผมก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเองอยู่เงียบๆ แล้วก็รู้สึกจุกในอก ความรู้สึกที่คล้ายกับคนที่กำลังจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ผมสูดหายใจลึกและหยุดวาดรูป โยนเฟรมกับดินสอลงบนโต๊ะข้างหน้า ปล่อยดินสอให้กลิ้งหล่นจากโต๊ะลงบนพื้นทราย

              ยกเบียร์ขวดเดิมขวดเดิมขึ้นมาดื่มอีกหน

              น่าสงเพชจริงๆ นิทาน

              นายนี่มัน… น่าสงเพชจริงๆ








... จบ ...






เอ่อะ! สวัสดีค่ะ ทุกคนอาจร้อง ห้ะ!!? อะไร แกตัดจบแบบนี้อ่ะนะ
ค่ะ (._________.) ตัดจบแบบนี้แหละ

คือเรื่องนี้เขียนให้ลองคิดค่ะ ว่านิทานเป็นคนยังไงกันแน่
และคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงทำแบบนี้ และมีปัญหาอะไร
จบแบบ หม่นๆ (มั้ง?) แต่พิวส์ว่ามันหม่นนะ คนอยู่ในวันเกิดคนเดียวเนี่ย

จริงๆ เรื่องนี้เขียนจบนานแล้ว แต่ว่าลืมค่ะ /สารภาพ/
ลืมว่าเอามาลง ฮือออออออออว์ เลยปล่อยมันค้างเติ่งอยู่นานเชียว

/คนอ่านบอก ; แกก็ดองทุกเรื่องล่ะย่ะ/ y y โฮ
ชีวิตมหา'ลัยมันหนักหน่วงค่ะทุกคน นี่ทำงานด้วย
จะตายแหล่มิแหล่อยู่ทุกวันเลย แต่จะพยายามน้า
/พูดแบบนี้ตล๊อดดดด/

ขอบคุณที่รักและเข้าใจกันค่ะ อย่าคาดหวังกับพิวส์มากนะ
ถือว่าอ่านนิยายพิวส์ฆ่าเวลาก็ได้เนอะ ;____;

รัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2012 04:54:48 โดย marnya »

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
จบแบบหน่วงๆแต่ฉากสวย (หือ?)
 :sad4:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
เศร้ามากมายไม่รู้ทำไมถึงเลิกกันไปก่อนแต่ตอนนี้เจ็บกีนทั้งคู่น่าสงสาร

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เห็นชื่อเรื่องคิดว่าจะมีความสุข เฮ้อ...ไม่น่าหลงมาอ่านเลย เศร้าเลยอ่ะ

ออฟไลน์ bloodั

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านแล้วเศร้ามากเลย อินสุดๆ (น้ำตาคลอ)

เหมือนจะเข้าใจนิทานนิดนึง...

ชอบอ่ะ

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 :เฮ้อ: แฮป ปี้ เบิร์ด เดย์ ทู ... มี!!

อ่านะ แบบนี้เหมาะกว่า จะว่าไม่เห็นเเก่ตัวที่ปล่อยจาเลทไปก็ใช่

แต่ก็เห็นเเก่ตัวที่รัก แต่ไม่มากพอ พอที่จะรักหรือเเค่ลองรักให้มากๆดูสักครั้ง

ปิดกั้นตัวเอง เพราะมีใครที่ชอบมากอยู่ในใจเหรอ... อืม อาจใช่ เเต่คงไม่ทั้งหมดมั้ง

มันเป็นเรื่องของความคิดคนนี่นะ อาจจะกลัวที่จะรัก หรือกลัวที่จะรักมากๆๆๆๆ...

 :z3: ปวดหัว5555 คิดไปก็ปวดหัวเปล่า เข้าใจยากจริงๆ คนเราเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






marnya

  • บุคคลทั่วไป
:เฮ้อ: แฮป ปี้ เบิร์ด เดย์ ทู ... มี!!

อ่านะ แบบนี้เหมาะกว่า จะว่าไม่เห็นเเก่ตัวที่ปล่อยจาเลทไปก็ใช่

แต่ก็เห็นเเก่ตัวที่รัก แต่ไม่มากพอ พอที่จะรักหรือเเค่ลองรักให้มากๆดูสักครั้ง

ปิดกั้นตัวเอง เพราะมีใครที่ชอบมากอยู่ในใจเหรอ... อืม อาจใช่ เเต่คงไม่ทั้งหมดมั้ง

มันเป็นเรื่องของความคิดคนนี่นะ อาจจะกลัวที่จะรัก หรือกลัวที่จะรักมากๆๆๆๆ...

 :z3: ปวดหัว5555 คิดไปก็ปวดหัวเปล่า เข้าใจยากจริงๆ คนเราเนี่ย



แอบมากระซิบ คือนิทานตั้งใจจะร้องว่า 'แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู' จริงๆ ค่ะ (:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
จะว่าเข้าใจ...ก็เข้าใจนะ รักแต่ไม่มากพอ อยู่ไปคบกันไปฝ่ายนู้นก็ทุกข์เปล่าๆ...

เหตุผลเดียวกะที่เราเลิกกะแฟนเลย

อาร์ตเหมือนกรูเปี๊ยบ

lovely1714

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องราวและลักษณะตัวละครดีมากเลย ชอบ
แต่หน่วงมากไปแต่ก็ดีไปอีกแบบ

ออฟไลน์ chiji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
จบแบบให้คิดต่อเองเหรอ ดูห้วนๆเลย

แต่ได้อารมณ์สีหม่นมาก  :pig4:

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
จบได้หม่นมากอ่า ทำไมต้องปิดกั้นตัวเองด้วยอ่ะ

fayala

  • บุคคลทั่วไป
เอิ่มม.. จบแบบ.. ไม่มีอะไรจะพูดเลย อินดี้เกิ๊นนน..

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อารมณ์ติสต์จริงๆ นิสัยแบบนี้ถ้าจะต้องอยู่คนเดียวไปจนตายโดยไม่มีคนรักก็ไม่แปลกใจเลย
อยากทำอะไรก็ทำตามใจฉัน ทำไมล่ะ???? ก็ตัวฉันนี่ จะถูกก็ฉัน จะผิดก็ฉัน อย่ามาบ่น
เป็นชีวิตที่อิสระดีนะ

ออฟไลน์ Fuzz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด