[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .
[10]
“ไม่ได้พบกันซะนานเลยนะคะ พี่ชิน”
เจ้าของนามระบายรอยยิ้มบาง พลางส่งสายตาพราวเสน่ห์ใส่ร่างตรงหน้าในแบบที่ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องตกหลุมรัก ดวงตาคมอย่างคนที่ดูคล้ายกับจะดุดันและเฉียบขาด ทว่าแฝงไว้ซึ่งอารมณ์ขบขันอย่างคนเจ้าสำราญและรู้ทันคนอื่น เป็นนัยน์ตาของผู้ใหญ่เต็มตัวที่ดูคล้ายกับจะเป็นกันเอง แต่ก็สามารถโต้ตอบใครต่อใครได้อย่างรู้เท่าทัน
มือใหญ่หยิบแก้วไวน์ที่บรรจุของเหลวสีแดงเข้มมาจรดริมฝีปาก ลิ้มรสชาติหวานปร่าของไวน์องุ่นชั้นดี ก่อนจะวางลงแล้วปรายตาทอดมองดวงหน้าหวานใสอย่างเด็กสาวที่แม้จะมีจริตเกินวัยไปบ้าง แต่ก็สมกับบุคลิกและเรือนกายที่ติดจะมีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างหญิงสาว
“ที่ผ่านมาพี่ยุ่งมาก เลยไม่ค่อยได้รับโทรศัพท์ใครน่ะครับ”
“เล็กก็นึกอยู่เหมือนกันค่ะว่าพี่ชินต้องยุ่งแน่เลย แล้วคืนนี้ว่างแล้วใช่ไหมคะ?”
“ต่อให้ไม่ว่างก็ต้องว่างเพื่อน้องเล็กจนได้ล่ะครับ”
“แหม ปากหวานแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่าคะ?”
“พี่ไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อเอาใจใครครับ แต่พี่เป็นของพี่แบบนี้อยู่แล้ว คิดว่าน้องเล็กคงเข้าใจนะครับ”
ลลดายิ้มกว้างอย่างพึงใจ ยิ่งอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ เธอก็ยิ่งรู้สึกนับถือชอบพอมากกว่าผู้ชายคนไม่ยอมรับว่าตนเองกำลังปากหวานใส่เธออยู่อย่างที่เห็นกันโต้งๆ ด้วยความที่เธอเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ และเป็นน้องคนเล็กที่สุด ดังนั้น เธอจึงหลงเสน่ห์ชายอายุมากกว่าที่มีอำนาจเพียงพอให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอสามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
“พี่ชิน เล็กได้เล่าให้ฟังรึยังคะ พี่สาวเล็กกำลังจะแต่งงานอีกไม่นานนี้แล้วล่ะ”
“ยังไม่ได้เล่าครับ เล็กไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลยว่ามีพี่สาวด้วย”
“จริงเหรอคะ สงสัยครั้งก่อนที่เราพบกันมัวแต่ยุ่งเลยไม่ได้เล่าให้ฟัง เล็กมีพี่สาวคนหนึ่ง แล้วก็พี่ชายอีกคนค่ะ ตอนนี้อากงไปทาบทามผู้ใหญ่มาเพื่อเป็นเขยคนแรก... เล็กก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะคะ ได้ยินว่าฝ่ายชายมีธุรกิจใหญ่โต”
เตชินท์แย้มรอยยิ้มอย่างรู้ทัน ผู้หญิงก็แบบนี้ล่ะ เจอผู้ชายรวยๆเข้าหน่อยก็อดเต้นระริกระรี้ไม่ได้ สายตายินดีราวกับห้ามใจเอาไว้แทบไม่อยู่ นี่ยัยพี่สาวคนที่ว่าคงดีใจจนเนื้อเต้นแล้วล่ะสิท่า
“ดีจังเลยนะ แบบนี้ครอบครัวจะได้มั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก”
“ใช่ค่ะ เล็กเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ติดที่ว่าพี่สาวเล็กออกจะเป็นคนนิ่งๆเสียหน่อย ไม่ได้อยากจะแต่งงานหรอกค่ะ แต่อากงดุมาก ไม่ว่าสั่งอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น พี่หญิงเป็นผู้หญิงเก่งน่ะค่ะเลยไม่ชอบผู้ชายที่ไม่เป็นผู้นำ เล็กก็หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะสามารถทำให้พี่ประทับใจได้”
“อืม ผมคิดว่าโดยทั่วไป ผู้ชายที่ดีก็สามารถทำให้ผู้หญิงที่น่ารักประทับใจได้อยู่แล้วล่ะครับ”
--- แค่เพียงได้รู้หน้าที่การงาน ตลอดจนรายได้ต่อปี แค่นี้ผู้หญิงก็แทบถวายกายมาถึงปลายเตียงแล้ว
“ก็จริงเนอะ เล็กก็ประทับใจในตัวพี่ชินเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่ก่อนจะได้พบกันเสียด้วยซ้ำไป”
เตชินท์คลี่ยิ้ม หักห้ามใจไม่ให้รอยยิ้มนั้นออกมาเป็นการดูแคลน ทว่าในใจของเขานั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นน่านับถือ หรือแม้แต่คำพูดใดก็ไม่น่าเชื่อถือเลยสักประโยค เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าลลดาชื่นชมเขาง่ายจนเกินไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดในสายตาของผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะรู้สึกเช่นนั้นจริงหรือไม่ก็ตาม แล้วเขาจะเอาอะไรไปวัดว่าคำพูดไหนของลลดาที่เป็นความจริงกันเล่า?
“น้องเล็กครับ ที่จริงที่พี่นัดมาวันนี้ พี่มีเรื่องจะบอกครับ”
“อะไรเหรอคะ?”
เขาทอดสายตามองดวงตาคู่โตที่ประดับด้วยขนตางามงอนที่มองตรงมาอย่างใจจดใจจ่อ พลางระบายรอยยิ้มอย่างใจเย็น
“พี่เองก็กำลังจะแต่งงานเหมือนกันครับ”
ลลดากะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง “พี่ชินหมายความว่ายังไงคะ?”
“ก็หมายความว่า...”
มือแกร่งทั้งสองข้างเลื่อนมากุมกันไว้อย่างหลวมๆบนโต๊ะอาหาร ขณะเขยิบกายมาด้านหน้าแล้วใช้สายตาจับจ้องใบหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายอย่างขบขัน ทว่าประกายตานั้น ---
ชั่วร้ายเสียจนร่างเพรียวบางสั่นระริกด้วยความหวั่นเกรง
“พี่กำลังจะแต่งงาน กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่น้องเล็ก... แบบนี้เข้าใจง่ายขึ้นไหมครับ?”
“พี่ชิน...? พี่ล้อเล่นใช่ไหมคะ? เล็กงงไปหมดแล้ว”
“ไม่ได้ล้อเล่นหรอกครับ นี่เป็นความจริง ที่จริงแล้วพี่เองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน... ที่จู่ๆก็ต้องแต่งงานกะทันหันแบบนี้”
“ระ ร้ายกาจ... นี่พี่หลอกเล็กมาตลอดเลยเหรอ?”
“หลอกอะไรที่ไหนกันครับ?”
“ก็พี่ชินหลอกเล็ก... พี่ได้เล็กแล้วจะทิ้งกันใช่ไหม? ทำไมพี่ถึงเลวแบบนี้!”
ร่างสูงหัวเราะในลำคออย่างรู้สึกสาแก่ใจที่ได้เห็นทีท่าตระหนกอย่างผู้หญิงที่สมบัติกำลังจะหลุดลอยไปจากมือ มือหนาเลื่อนมาสัมผัสผิวแก้มที่ขาวจนซีดของร่างตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ก่อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำที่กดเอาไว้ราวกับกำลังระงับอารมณ์โกรธ
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ... เล็กเองก็น่าจะรู้ดี ว่าพี่ไม่เคยอยากแต่งงานกับใครอื่นนอกจากเล็กเลย”
“แล้วทำไม...?”
“พี่จำเป็นน่ะครับ มันเป็นเรื่องของงาน”
“... จำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
หยดน้ำใสรินอาบใบหน้าเสียจนเปียกชุ่ม ทว่าไม่ได้น่าเอ็นดูนักในสายตาของร่างสูงที่มักเห็นสีหน้าแบบนี้บ่อยครั้งในยามที่บอกเลิกใครต่อใคร เขาเห็นจนชินเสียแล้ว สาวเจ้าน้ำตาเหล่านี้ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกรู้สาอะไรได้ คนเดียวที่ทำให้เขาใจอ่อนเมื่อได้เห็นน้ำตามีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือเจ้าของหยดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ นั่นก็คือนิชา เด็กน้อยของเขาเท่านั้น
“จำเป็นสิครับ น้องเล็กพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าอากงของน้องเล็กดุขนาดไหน”
“แล้ว... เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับอากงด้วยล่ะคะ?”
ลลดามองใบหน้ายิ้มๆของชายหนุ่มที่กุมหัวใจของเจ้าหล่อนเอาไว้อย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้
“หรือว่า...?!”
เสียงใสสั่นระรัวอย่างตื่นตระหนก ภาพเบื้องหน้าขุ่นมัว ก่อนจะเลือนรางลงอย่างช้าๆ ลลดานึกสงสัยว่าเหตุใดจู่ๆถึงได้รู้สึกง่วงขึ้นมาเช่นนี้ ดวงตาคู่สวยค่อยๆปิดลง พร้อมกับการระลึกได้ว่าเตชินท์หันไปพูดอะไรกับบริกรก่อนสั่งเครื่องดื่ม ---
หรือว่าใส่อะไร?“ฝันดีนะครับ น้องเล็ก”
เตชินท์วาดรอยยิ้มบางเบา พลางยกไวน์ที่เหลือขึ้นจิบอย่างสบายใจ ขณะสายตาไม่แม้แต่จะทอดมองร่างที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่คาโต๊ะอาหาร ไม่มีใครสนใจแน่นอนอยู่แล้ว เนื่องจากที่นี่เป็นเลานจ์ระดับวีไอพีในโรงแรมชื่อดังย่านอโศก มีเพียงคนที่มี ‘เงินหนา’ และ ‘ใหญ่’ เพียงพอเท่านั้นที่จะมีโอกาสก้าวเข้ามายังที่แห่งนี้ได้
--- จากนี้ไปเขาคงต้องพึ่งพาร่างตรงหน้าไปอีกระยะหนึ่ง
“ช่วยไม่ได้นะ... ใครใช้ให้เธอเกิดมาเป็นคุณหนูบ้านนี้พอดิบพอดีล่ะครับ น้องเล็ก”
เมื่อก่อนหน้าที่เขาจะไปพบกับหลิน หลิวเช่อ เขาได้จัดการส่งคนไปสืบประวัติของมาเฟียเฒ่าถึงฮ่องกง และแน่นอนว่าเขาต้องสืบไปถึงครอบครัวที่อยู่ประเทศไทยนี้ด้วย เขาเองก็ยอมรับว่า ประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่พบว่าลลดาเป็นหนึ่งในตระกูลหลิน ซ้ำยังเป็นถึงหลานสาวคนเล็กที่หลิวเช่อรักนักรักหนาเสียด้วย
นี่หากว่าเฒ่าหัวหงอกนั่นได้รู้เข้าว่าหลานสาวสุดที่รักมาให้ท่าเข้าหลายต่อหลายครั้ง จะเดือดเป็นไฟแค่ไหนเชียวนะ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ ชายหนุ่มทอดถอนใจพลางพลิกนาฬิกาข้อมือมองเวลา ใกล้ตีหนึ่งเต็มที เขาจะกลับไปเล่นกับลูกแมวที่บ้านเสียเดี๋ยวนี้เลยดี หรือจะถ่วงเวลาต่อไปอีกสักพักดีนะ?
แต่แล้วความตั้งใจที่จะรังแกเด็กน้อยที่บ้านก็หยุดลง เมื่อนึกได้ถึงคำพูดที่ว่า ‘จะรอจนกว่าจะกลับบ้าน’ ของนิชา เตชินท์ยกมือขึ้นเพื่อบอกให้บริกรตรงเข้ามาหา เขาจัดแจงเซ็นบัตรเครดิตพร้อมกับยื่นแบงค์หนึ่งพันบาทให้กับบริกรหนุ่มรายนั้น
“ฝากพาผู้หญิงคนนี้ลงไปรอรถที่ชั้นล่างที ส่วนนี่เก็บไว้เลยนะ”
“ทราบแล้วครับ ขอบพระคุณมากครับ”
เตชินท์พยักหน้ารับฟัง ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วตรงดิ่งไปที่ประตูทางออกซึ่งเชื่อมติดกับลิฟต์ โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหันมามองร่างที่นอนหลับสนิทอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน นึกหัวเราะอยู่ในใจ เป็นถึงลูกสาวตระกูลใหญ่โต แต่กลับเชื่อใจคนแปลกหน้าเสียจนมาตกม้าตายเสียง่ายๆเช่นนี้
--- ไม่สนุกเอาเสียเลย
เสียงประตูห้องที่ปิดลงทำให้ร่างที่เผลองีบหลับคาโซฟาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาในห้องอย่างแผ่วเบาเพียงไร ทว่าหูของร่างที่เฝ้ารอการกลับมาของอีกฝ่ายมาตลอดทั้งคืนก็พร้อมสดับรับฟังเป็นอย่างดี
“รอพี่อยู่เหรอ ขอโทษนะ กลับช้าไปหน่อย”
แน่นอนว่าเขากลับถึงคอนโดช้ากว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องจากกว่าจะออกจากโรงแรมก็จวนตีสอง เป็นเวลาที่ผับเริ่มทยอยปิดและคนเริ่มทยอยกลับบ้านไปพักผ่อน รถจึงติดอยู่เป็นช่วงๆ หากตรงดิ่งจากอโศกมาสาธรเลยก็ไม่เท่าไหร่ ทว่าเขาต้องวนไปส่งลลดาถึงบ้าน ซึ่งอยู่ถึงพระรามสอง จึงจะกลับมาได้ เล่นเอาเหนื่อยไม่ใช่น้อย แถมต้องช่วยพยุงเข้าไปในตัวบ้านอีกต่างหาก สงสัยคราวนี้คงผสมยาหนักมือไปหน่อย
“อืม... งานเยอะเหรอครับ?”
น้ำเสียงหวานที่งัวเงียอย่างคนที่ง่วงเสียจนแทบพูดไม่รู้เรื่องทำเอาเตชินท์อมยิ้มน้อยๆอย่างนึกเอ็นดู แม้ว่าร่างตรงหน้าจะสูงขึ้นกว่าสมัยเรียน แต่ก็ยังไร้เดียงสา น่าเอ็นดู และมีประกายตาใสซื่อไม่แตกต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย แม้จะดวงหน้าจะแฝงรอยเศร้าเอาไว้บ้างเป็นพักๆก็ตามที
“ใช่ เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ ก็ตรงดิ่งจากออฟฟิศกลับมาห้องเลย คิดถึงพี่รึเปล่า?”
นิชาระบายรอยยิ้ม แม้จะรู้สึกเพลียจากการทำงานมาทั้งวัน แต่เขาก็ยินดีที่จะหลับๆตื่นๆรอจนกว่าเตชินท์จะกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อนด้วยกัน ในห้องนอนห้องเดียวกัน บนเตียงเดียวกัน
“คิดถึงมากเลยครับ พี่ชินจะอาบน้ำไหม?”
"ไม่ล่ะ พี่เหนื่อยมากเลย อยากพักมากกว่า"
ร่างโปร่งค่อยๆลุกจากโซฟาแล้วตรงเข้าไปช่วยถอดเน็กไทของร่างหนา ขณะเจ้าตัวกำลังถอดเสื้อสูทแล้วพาดไว้บนโซฟาสีดำตัวยาว นิชาช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีดำที่เขาเป็นคนเลือกซื้อให้เมื่อหลายปีก่อน ก่อนจะชะงักไป แม้เพียงชั่วขณะ แต่ชายหนุ่มก็สามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในทันที
“เป็นอะไรไป หืม?”
นิชานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าดูดีที่ก้มลงมองตอบมา
“เปล่าครับ ผมแค่ง่วงๆมึนๆนิดหน่อย”
“จริงเหรอ เสียดายจัง”
“เสียดายอะไรเหรอครับ?”
เสียงใสเอ่ยพลางคอยให้อีกฝ่ายถอดเสื้อออกแล้วปล่อยให้ตกไปอยู่บนพื้นห้อง ลำแขนแกร่งโอบรอบเอวเพรียวเอาไว้อย่างหลวมๆพร้อมกับรั้งร่างตรงหน้าเข้ามาแนบชิด ใบหน้าคมคายเลื่อนเข้าใกล้แล้วหอมแก้มใสที่อุ่นร้อนอย่างคนเพิ่งตื่นนอนเบาๆ
“นทตัวหอมจัง”
“ก็นทอาบน้ำแล้วนี่ครับ”
“อืม เหม็นพี่รึเปล่า?”
นิชาเหยียดรอยยิ้ม โดยไม่ตอบคำ เขาเอ่ยหยอดคำถามกลับ
“พี่ชินยังไม่บอกนทเลยว่าเสียดายอะไร?”
“ก็เสียดาย... ที่ว่านทง่วงแล้ว ไม่อย่างนั้นคืนนี้พี่ตั้งใจจะกอดนททั้งคืนเลย”
“นี่ก็ตีสามแล้วนะครับ พรุ่งนี้พี่ชินต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?”
“อืม แต่นทนั่นแหละตื่นเช้ากว่าพี่อีก”
“นทไม่เป็นไรหรอกครับ”
อะไรก็ตามที่เตชินท์เรียกร้องหรือต้องการ เขาพร้อมจะมอบให้เสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากลำบากสำหรับเขาสักเพียงใดถามว่าทำไมจึงต้องมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับร่างตรงหน้ามากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่ก็เป็นเพียง ‘คนรัก’ ที่เรือนกายไม่ใช่คนของเขาแต่เพียงผู้เดียวเสียด้วยซ้ำ ทว่าเขาเองไม่ใช่หรือที่ยอมรับความเจ็บปวดนี้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เส้นทางเดินของพวกเขาทั้งสองสามารถทอดยาวได้ต่อไป แล้วอย่างนี้จะโทษเตชินท์ได้อย่างไรกัน?
ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาบเมื่ออีกฝ่ายดึงร่างของเขาไปกอดเอาไว้แน่น กลิ่นหอมหวานที่ไม่คุ้นเคยแล่นวาบเข้ามาในนาสิกอีกครั้ง หัวใจร้อนวูบวาบเมื่อครานี้กลิ่นนี้ได้ย้ำชัดว่าจมูกของเขาไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเอง นี่เป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงที่แนบชิดกับเตชินท์มากเพียงพอที่จะสามารถ
‘ทิ้งกลิ่น’ เอาไว้ติดตัวจนถึงบ้านได้
รู้สึกร้อนวาบในหัวใจ ราวกับมีใครนำน้ำมันมารินรดลงบนกองเพลิงสูงตระหง่าน“นทนี่น่ารักจริงๆ”
จมูกโด่งหอมแก้มใสอีกหลายฟอด ก่อนที่ริมฝีปากจะรุกคืบเข้ามาใกล้ ปลายลิ้นอุ่นค่อยๆไล้เลียอย่างลิ้มรส ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นการรุกเร้า และกระตุ้นอารมณ์อย่างคนที่คุ้นชินกัน
เจ็บปวด ทรมาน แค้นใจ
--- แต่ก็รัก รักเตชินท์มากเหลือเกินเพียงไม่นาน ความคิดทุกสิ่งก็จมดิ่ง
ลึกลงไป ลึกลงไป
กลิ่นที่เป็นของคนอื่น ยังแล่นเข้ามาทำให้รู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์สะดุดอยู่เป็นระยะ
แต่ไม่เป็นไร ใครจะทิ้งกลิ่นเอาไว้บนกายของเตชินท์มากแค่ไหนก็ตามแต่
--- เขาจะลบทุกสิ่งทุกอย่างให้จางหายไปด้วยตัวเขาเอง
กฤษณาดำมืด ครอบงำทั้งร่างกายและจิตใจ --- เสียจนเขานึกอะไรไม่ออกอีกต่อไป
Talk: สวัสดีค่ะ ขอขอบคุณสำหรับทุกคำติชมจริงๆ ชานมจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นนะคะ
เพิ่งสังเกตว่า น้องเล็กออกเยอะกว่าน้องนทอีกในตอนนี้

ยิ่งเขียนยิ่งเพลิน

ไม่อยากให้ใครมองว่าน้องนทเป็นเมียหลวงรอสามีอยู่บ้านเลย แต่ก็ดูเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
ไม่เป็นไร มารอดูกันว่าน้องนทจะทำยังไงต่อไป

ความรักมากเพียงพอที่จะทนอยู่หรือจะไป ก็อยู่ที่ตัวนทเนี่ยล่ะค่ะ!
ฝนตกทุกวัน ออกไปไหนก็พกร่มกันด้วยเนอะ ^ ^
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
