[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .
[11]
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ที่ดูเหมือนว่าจะดังมานานพอสมควรแล้ว ส่งผลให้เจ้าของร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่ด้วยความอ่อนล้ารู้สึกตัวขึ้นอย่างช้าๆ มือเรียวควานหาโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เตชินท์ซื้อให้ แม้ว่าเขาจะปฏิเสธเป็นพัลวันเนื่องจากเครื่องเก่าก็ยังใช้ได้ดีอยู่ แต่ก็ยังไม่วายต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องใหม่จนได้ ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่า เขากับชายหนุ่มจะได้ใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน
“... ฮัลโหล?”
“พี่นท? หลับอยู่เหรอครับ?”
“... เชษฐ์ มีอะไรรึเปล่า?”
เสียงหวานงึมงำอย่างเหนื่อยอ่อน เขารู้สึกเพลียและปวดเมื่อยไปทั้งกาย เมื่อคืนนี้กว่าจะได้นอนก็ใกล้ฟ้าสางเต็มที ดีที่ได้งีบหลับไปบ้างระหว่างที่รอเตชินท์กลับมาบ้าน แต่อย่างไรก็เหนื่อยอยู่ดี
“ผมจะโทรมาถามว่า วันนี้พี่ไม่มาร้านเหรอครับ?”
“ไปสิ”
“อ้อ...” ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ราวกับงุนงงกับคำตอบที่ได้รับ ก่อนที่จะเอ่ยคำที่ทำให้ร่างที่สะลึมสะลืออยู่ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ “แต่นี่มันจะบ่ายโมงอยู่แล้วนะครับ”
“... เอ๋?”
นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองไปทางนาฬิกา SEIKO รูปสามเหลี่ยมสีทองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เมื่อได้ประจักษ์ว่าเข็มสั้นเคลื่อนเข้าใกล้เลขหนึ่ง เขาก็ถึงกับรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงในทันที
“นี่อย่าบอกนะว่าพี่เพิ่งตื่น?”
“ขอโทษที! เดี๋ยวพี่รีบไปนะ!”
เขารีบกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ร่างบอบบางรีบพุ่งเข้าห้องน้ำแล้วทำความสะอาดร่างกายอย่างว่องไว เขานึกหงุดหงิดที่ต้องทำความสะอาดส่วนที่ ‘พิเศษ’ หลังจากที่เตชินท์ทำให้เลอะเทอะจนวุ่นวายเมื่อคืนนี้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้เสียเวลามากขึ้นกว่าเดิมนัก แต่ครั้นจะปล่อยไว้ทีหลังก็ใช่เรื่อง เขาจะไม่รีบร้อนขนาดนี้เลย หากวันนี้ไม่ได้มีออเดอร์จากลูกค้าคนสำคัญที่สั่งเค้กวันเกิดเอาไว้ และจะมารับตอนหกโมงเย็นของวันนี้
ดวงหน้าขาวเนียนหยุดชะงักไปเล็กน้อยระหว่างส่องกระจกเพื่อทาครีมบำรุงผิว ใบหน้าของเขาอิดโรยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ดูเหนื่อยล้า และโทรมราวกับอายุสามสิบปี ทั้งๆที่โดยปกติแล้วเขามักมีแต่คนทักว่าดูเด็กกว่าอายุจริง เสียจนยังใช้ตั๋วนักศึกษาขึ้นรถไฟฟ้าได้อยู่โดยไม่มีใครรู้เสียด้วยซ้ำไป
“แย่จัง... แบบนี้คงต้องไปฉีดคาร์บ็อกซี่สักวัน”
เจ้าตัวเอ่ยดังนั้น แม้จะไม่เคยรู้มาก่อนว่า ‘คาร์บ็อกซี่’ ที่ว่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการแก้ไขริ้วรอยบนใบหน้าเลยสักนิดเดียว
นิชาก้าวออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัว โดยหยิบเสื้อเชิ้ตสีครีมแบบเรียบๆไม่มีลวดลาย มีเพียงโลโก้รูปจระเข้ตรงหน้าอกเท่านั้น และกางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้มมาสวมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตรงไปยังประตูห้องแล้วรีบร้อนออกไป
--- โดยลืมไปเสียสนิทว่าทิ้งโทรศัพท์เอาไว้อยู่บนเตียง
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งที่ประตูกระจกใส พร้อมกับร่างเพรียวบางที่ก้าวเข้ามาภายในร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหวานๆของขนมเค้กที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ พี่หญิง”
“น้องเชษฐ์ วันนี้พี่แวะมาเอาเค้กที่สั่งเอาไว้ค่ะ ได้รึยังเอ่ย?”
เจ้าของร่างสูงเพรียวในชุดรอมเปอร์ขายาวสีโอรส เมื่อสวมรองเท้าส้นสูงสีขาวและบวกกับเรือนผมที่รวบเอาไว้ด้านหลังจึงทำให้เจ้าหล่อนแลดูปราดเปรียวอย่างสาวเปรี้ยวที่ติดหวานเล็กน้อย มนุเชษฐ์อมยิ้มอย่างนึกชมชอบสไตล์การแต่งตัวของนภิสายิ่งนัก
“ใกล้แล้วครับ น่าจะกำลังเตรียมกล่องอยู่เลย พี่หญิงเอาไปเซอร์ไพรส์ใครเหรอครับ?”
“วันนี้วันเกิดน้องสาวของพี่น่ะ คนที่มาที่ร้านเมื่อวันก่อนไง น้องเชษฐ์จำได้ไหม?”
“อ๋อ คนที่เรียนมหา’ลัยอยู่น่ะเหรอครับ?”
“ใช่ วันนี้คงกลับไปฉลองกันที่บ้านน่ะ น้องเล็กเขาชอบขนมฝีมือคุณนท เลยคะยั้นคะยอต้องเป็นเค้กร้านนี้เท่านั้น”
“พี่นทได้ยินคงตัวลอยแย่เลยนะครับเนี่ย”
“ได้แล้วครับ คุณหญิง”
นิชาเดินออกมาพร้อมกับกล่องกระดาษสีชมพูเป็นมันขลับสวย ตัวกล่องผูกเอาไว้ด้วยริบบิ้นสีทองเป็นประกาย และแนบการ์ดที่ยังไม่มีข้อความใดๆเอาไว้สำหรับให้เขียนคำอวยพร เขาค่อยๆจัดวางกล่องที่บรรจุเค้กขนาด 3 ปอนด์ลงในถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนอย่างบรรจง
“ขอบคุณมากนะคะคุณนท”
“ยินดีครับ”
“งั้นขอตัวก่อนนะคะ วันนี้รีบนิดหน่อย ไว้เจอกันวันหลังค่ะ”
“สวัสดีครับ เดินทางดีๆนะครับคุณหญิง”
นิชาระบายลมหายใจออกมายาวเมื่อร่างระหงก้าวออกจากร้านไปพร้อมปิดประตูลง ในตอนนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นในร้านอีกเนื่องจากเป็นเย็นวันเสาร์ ผู้คนมักจะไปเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆมากเสียกว่าร้านคาเฟ่เล็กๆแบบนี้ เพราะฉะนั้นในทุกวันเสาร์พวกเขาจะปิดร้านเร็วกว่าปกติ ไม่เกินหนึ่งทุ่มตรงก็เก็บร้านแล้ว
“เหนื่อยจังเลย”
“ก็น่าจะเหนื่อยอยู่หรอกครับ รีบทั้งวันเลยนี่”
มนุเชษฐ์เอ่ยพลางส่งรอยยิ้มขบขันร่างเล็กที่ทิ้งกายลงบนเก้าอี้โซฟาในห้องพักพนักงาน หลังจากเก็บกวาดร้านเรียบร้อย โชคดีของนิชาในวันนี้ที่สามารถมาถึงร้านได้อย่างว่องไว และสามารถทำเค้กที่ลูกค้าสั่งพิเศษได้ทันเวลา
“ว่าแต่ทำไมถึงตื่นสายได้ล่ะครับ?”
“เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ก็เลยหลับยาว ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้ววันนี้ก็ทำงานเหนื่อยอีก แบบนี้น่าเสียดายจังครับ”
“เสียดายเหรอ? มีอะไรรึเปล่า พี่ก็ไม่ได้เหนื่อยมากมายขนาดนั้นหรอก”
“อืม... พี่นท คืนนี้มีนัดที่ไหนรึเปล่าครับ?”
เสียงนุ่มเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อย ท่วงท่าการวางตัวติดจะประหม่า ช่างผิดกับรูปลักษณ์อันหล่อเหลาและใบหน้าดูดีที่ชวนให้สาวใจละลายยิ่งนัก นิชาอดแปลกใจไม่ได้เพราะไม่ค่อยได้เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้บ่อยนัก
“ไม่ได้ไปไหนเหรอ ทำไมเหรอ?”
“ที่จริงผมอยากจะชวนพี่นทไปทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะครับ ผมอยากเลี้ยง”
“อ้อ ก็ได้อยู่นะ ว่าแต่เลี้ยงพี่เนื่องในโอกาสอะไรล่ะ?”
“ตอบแทนที่ช่วยผมตั้งมากมาย แล้วก็ให้ของแพงผมด้วยไงครับ”
“อ๋อ น้ำหอมนั่นน่ะเหรอ”
นิชานึกไปถึงน้ำหอม BLVGARI Aqva ที่เขาซื้อมาฝากอีกฝ่ายเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นของที่เขาฝากเพื่อนสนิทอย่างอณุภาที่เพิ่งไปเที่ยวฮ่องกงมา แต่พบว่ากลิ่นไม่เข้ากับตนเองเท่าไหร่ จึงได้เอามาให้มนุเชษฐ์ทดลองดูว่าชอบหรือไม่ แล้วถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยได้ลองฉีดน้ำหอมมาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต และดูท่าทางจะชอบกลิ่นนี้พอสมควร เขาจึงยกให้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช้อยู่แล้ว
“ยังไงพี่ก็ไม่ใช้อยู่แล้ว อีกอย่างกลิ่นมันก็เหมาะกับเชษฐ์มากกว่าพี่”
“ยังไงก็ต้องขอบคุณแหละครับ ของแพงแบบนี้”
“อืม งั้นคืนนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันก็ได้”
“จริงเหรอครับ”
ดวงหน้าคมคายระบายไปด้วยรอยยิ้มชื่นมื่นได้พริบตา ดวงตาเป็นประกายวิบวับด้วยความดีใจดูน่าเอ็นดูเสียจนนิชาอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
“งั้นไปกันเลยดีกว่า ทุ่มกว่าแล้ว คนเยอะแน่เลยแถวนี้”
“ไปร้านไหนดีล่ะครับ?”
“เชษฐ์อยากกินอะไรล่ะ?”
“ผมกินได้หมดไม่เลือกครับ เอาร้านประจำพี่นทดีกว่า”
“ร้านประจำพี่แถวนี้น่ะเหรอ...? เชษฐ์ดื่มไวน์เป็นรึเปล่า?”
“ไม่เคยลองหรอกครับ แต่คิดว่าได้”
“งั้นไป CDC ละกัน เดี๋ยวเชษฐ์ออกค่าอาหารนะ ค่าไวน์พี่เลี้ยงเอง”
“ไหงงี้ล่ะครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยงพี่น่ะ”
“เราบอกว่าจะเลี้ยงข้าว แต่นี่มันไม่ใช่ข้าวซะหน่อย”
“พี่นท”
“พี่พูดอะไรก็เชื่อเถอะน่า มาเร็ว จะล็อกร้านแล้ว”
มนุเชษฐ์ทำหน้ายู่อย่างขัดใจ แต่ก็ถูกมือบางคว้าลำแขนให้เดินตามออกมาจากร้านแต่โดยดี
นภิสาขับรถมาถึงบ้าน เธอนำรถเข้าจอด ก่อนจะก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมคว้าถุงกระดาษขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุกล่องเค้กติดมือมาด้วย นึกแปลกใจที่ภายในบ้านนั้นเงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่ เธอเดินเข้าไปในตัวบ้าน สิ่งแรกที่ได้สดับจากแม่บ้านทำเอาเธอทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“คุณเล็กยังไม่ยอมออกจากห้องเลยค่ะ”
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ? แล้วนี่ป๋ากับม้าไปไหนล่ะ ป้ามน?”
“คุณท่านทั้งสองไปรับท่านใหญ่ที่บ้านค่ะ ส่วนคุณเอกอยู่บนห้อง”
“หมอนั่นไม่คิดห่วงน้องสาวเลยรึไงนะ”
เสียงหวานเอ่ยอย่างขัดใจ เธอฝากเค้กเอาไว้ที่แม่บ้าน ก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นบันไดไปยังห้องส่วนตัวของน้องสาวคนเล็ก ประตูปิดสนิทพร้อมกับลงกลอนเอาไว้อย่างที่ได้ยินมาจริงๆ นี่เป็นหนึ่งในนิสัยที่นภิสาเกลียดชังนัก พี่สาวคนโตอย่างเธอมีความเฉียบขาดอยู่ในอุปนิสัย จึงไม่ชอบคนที่ชอบหนีปัญหา ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงตรงๆอย่างที่ลลดากำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
“เล็ก เปิดประตูหน่อย นี่พี่เองนะ”
มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา เจ้าหล่อนเริ่มเดือดปุดๆด้วยความรำคาญใจ เธอเกลียดคนไม่มีเหตุผล คนที่ไม่ตอบคำถามเวลาที่เธอกำลังสนทนาด้วย เธอเกลียดการที่รู้สึกเหมือนกับกำลังคุยกับต้นไม้ และตอนนี้น้องสาวของเธอกำลังทำในสิ่งที่เธอเกลียดอยู่
“ไม่เปิดพี่จะให้คนมาพังประตูนะ จะเปิดดีๆหรือจะให้วุ่นวาย เล็ก!”
น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำให้เจ้าของร่างในห้องนอนยอมเดินลากเท้ามาเปิดประตูให้แต่โดยดี ลลดาเป็นน้องสาวคนเล็กที่เอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างไรก็หงอให้กับนภิสายามโกรธทุกครั้ง เนื่องจากเธอรู้ดีว่านภิสาเป็นคนมีเหตุผล รับฟังเหตุผลของเธอทุกครั้ง แต่หากหนีปัญหา เธอจะเดือดร้อนทุกที พูดกันตามตรงแล้ว ลลดากลัวพี่สาวเสียยิ่งกว่าทุกคนในบ้านเสียอีกด้วยซ้ำไป
“เป็นอะไรไป? ทำไมขังตัวเองในห้อง? แล้วนี่ร้องไห้ทำไม?”
ร่างสูงกว่าเดินเข้าไปด้านใน พร้อมกับปิดประตูลงตามหลัง เธอทอดสายตามองร่างของน้องสาวที่เดินกลับไปที่เตียงแล้วทรุดกายลงนั่งด้วยท่าทีที่เศร้าสร้อยราวกับสูญเสียคนสำคัญไป
“ใครรังแกมา?”
“... พี่หญิง”
“หา?”
“พี่หญิงนั่นล่ะ!”
“พี่? พี่ทำอะไร?”
“พี่หญิงแย่งคนของเล็กไป”
“แย่งใคร? พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ก็คนที่พี่หญิงจะแต่งงานด้วยไงเล่า!”
“ผู้ชายคนที่อากงพูดถึงน่ะเหรอ? พี่ก็บอกแล้วว่าพี่ไม่ได้จะแต่ง... เดี๋ยวนะ เล็กหมายความว่าไง?”
เจ้าของนามไปตอบ เธอเมินหน้าหนี พร้อมกับข่มกลั้นหยดน้ำตาที่พร้อมจะรินไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
“อย่าบอกนะว่า... ผู้ชายคนนั้นคบกับเล็กอยู่?”
“ใช่ เราคบกันอยู่ เรารักกัน... พี่หญิงกำลังจะทำให้เล็กต้องเสียคนที่รักไป พี่หญิงแย่งแฟนเล็ก!”
นภิสาเกิดอาการมึนงงปะปนกับขุ่นเคืองใจขึ้นมาชั่วขณะ ประการแรกเลย เธอย้ำนักหนาว่าเธอไม่แต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้าเป็นอันขาด ประการที่สอง คนอย่างเธอไม่มีวันแย่งแฟนของใครหน้าไหนก็ตาม ต่อให้โลกทั้งใบจะเหลือผู้ชายอยู่คนเดียวก็เถอะ ประการที่สาม ทำไมเธอที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรต้องถูกน้องสาวแท้ๆต่อว่าราวกับเป็นพี่สาวที่ใจร้ายแบบนี้ด้วย
“นี่เล็ก อากงรู้เรื่องนี้รึเปล่า?”
“ไม่รู้หรอก เล็กไม่ได้บอกใครนี่”
“งั้นที่วันนั้นกลับดึกๆ ไปกับผู้ชายคนนั้นมาเหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”
“เล็ก บอกพี่มาตามตรงนะ นี่เรากับผู้ชายคนนั้นถึงขั้นไหนกันแล้ว?”
เด็กสาวหลบตา พลางเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ “จะขั้นไหนก็แล้วแต่จะคิดสิ”
“ไม่เอานะ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพี่จะบอกป๋า”
“ก็แค่แบบที่คนทั่วไปเขาทำกันนั่นล่ะน่า! พี่หญิงน่ะหัวโบราณ ยุคนี้แล้วใครๆเขาก็ทำกัน มีแต่พี่หญิงแหละที่อายุปูนนี้แล้วแต่ยังไม่เคยจูบกับใคร!”
นภิสารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง เธอวาดฝ่ามือขึ้นสูง ก่อนจะหยุดชะงักไปเมื่อเห็นท่าทางสะดุ้งของร่างเล็กตรงหน้า จึงลดมือลงพลางระบายลมหายใจอย่างระงับสติอารมณ์
“อย่าพูดแบบนี้ พี่ไม่ได้ถามเพื่อจะต่อว่าเล็ก แต่พี่จะเตือนให้ป้องกันด้วย เล็กยังเรียนอยู่นะ นี่ใช้ถุงยางรึเปล่า?”
เจ้าของนามหลุบสายตาลงต่ำ แน่นอน เตชินท์ไม่เคยพลาดลืมสวมถุงยาง แม้ว่าคืนนั้นจะได้เธอไปมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ทุกครั้งชายหนุ่มก็สวมถุงยางทุกครั้งราวกับมีใครคอยเตือนใจ แต่ด้วยความอยากเอาชนะพี่สาว ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด เธอเอ่ยออกไปโดยไม่ทันยั้งคิดว่า
“ไม่ได้สวม แล้วตอนนี้เล็กก็ท้องได้สองเดือนแล้วด้วย”
Talk: สวัสดีวันฝนกระหน่ำค่ะ
สัปดาห์ที่จะถึงนี้ไปจนถึงวันอาทิตย์หน้าชานมจะยุ่งมากๆ เพราะฉะนั้นขออนุญาตแว่บหายไปสักพักนะคะ

ต้องขอโทษด้วยจริงๆ โดยเฉพาะท่านผู้อ่านที่คอยติดตามเรื่อง Scarlet Bond อยู่ด้วย
ชานมจะพยายามจัดการธุระให้เสร็จเรียบร้อยแล้วกลับมาอัพตอนต่อไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกข้อความค่ะ ทุกถ้อยคำเป็นเสมือนกำลังใจให้ชานมพยายามต่อไปให้ดียิ่งขึ้น
ขอบคุณนะคะ สุขสันต์วันแม่ค่ะ
