[[THE CAGE]] . . . กรงรัก . . . ** รวมเล่มแล้วค่า p.59 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [[THE CAGE]] . . . กรงรัก . . . ** รวมเล่มแล้วค่า p.59 **  (อ่าน 552228 ครั้ง)

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
ดีใจที่อิพี่ชินทำแบบนี้นะ
ปล่อยโอกาศให้นทไปหาคนอื่น
ตัวเองเอ่ยปากไล่แล้ว
อย่ากลื้นน้ำลายตัวเองละไอ้เลว

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ให้นทมีคนใหม่ไปจริงๆเลยค่ะ  :m31:

อย่าทนอีกเลยนะ  :o12:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ไป..แล้วไปหาคนใหม่ที่ดีกว่า..เอาให้มันรู้ไปเลยว่าตัวเองก็มีดี..ในเมื่อมันไล่ออกมาเราจะทนอยุ่ทำหละเนอะ
-/จิ้มคนเขียน
ถ้าเขียนให้นทกอดขามันร้องไห้เค้าจะ!!เค้าจะ!!เค้าจะร้องไห้นะ :m16:

ออฟไลน์ phenomintna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เข้ามาด่าพี่ชินอีกรอบจริงๆนะ เราว่างมาก
พี่ชิน มึงมันเลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว !!

kisz

  • บุคคลทั่วไป
ไปหาคนใหม่อ่ะดีล่ะนท!!!!!!!

ออฟไลน์ AiiSoul

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สงสารนท
ทำไมชินเป็นคนแบบนี้ล่ะ ใจร้าย
นทไปไกลๆเลย ไม่ต้องกลับมาแล้ว

ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หนีไปเลยนท ไม่ต้องสนไม่ต้องแคร์ เอาแบบหาตัวยากๆ

ออฟไลน์ silw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไปเลยนท เอาให้ไกล แต่ไม่ได้เป็นการหนีนะ ไปเพื่อตัวเองเพราะเป็นคนที่มีคุณค่า ไม่ใช่เพื่อชายอื่นที่เส็งเคร็งแบบชิน

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
… ตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ fastation

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ถึงจะสงสารนท แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
รออ่านต่อจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sosad

  • >GuanOyze<
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
 :monkeysad: :monkeysad:
สงสารนทจัง แต่แบบนี้ก่อดีแร้วล่ะ

ออฟไลน์ shizuruviola

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-2
สงสารนท โดนไล่ด้วย

A_ay

  • บุคคลทั่วไป
น้องเล็กก็นะ
ข้ออ้างเก่าไปมั้ยคะคุณน้อง :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ชินแกนี่มัน.. :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เตชินทร์ นายนี่มันไม่เห็นค่าของเพชรที่อยู่ในมือซะแล้ว

เกียดนายจัง

ladymoon_yy

  • บุคคลทั่วไป

imbusy

  • บุคคลทั่วไป
อืมมม.. ดีใจนะ ที่สุดก็มีวันนี้ นทไม่ยอมออกมาเองซักที ดีแล้วล่ะชิน
ปล่อยให้นทไปเจออะไรใหม่ๆบ้าง อยากเห็นนทมีความสุข
อยู่กับนายเหมือนกล้ำกลืนฝืนทนเสียเหลือเกิน

เรื่องนี้หักมุม แบบเตชินท์ไม่ใช่พระเอกก็ดีเหมือนกันนะ 55

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แล้วพี่ชินจะเสียใจ ที่ทำกับนทแบบนี้  :beat:

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :m15:  กรี๊ดดด  พี่ชิน ร้ายมาก ทำแบบนี้ได้ไง

มาต่อไวๆนะคะ กำลังมันส์เลย  :pig4:

gneuhp

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ดี ต้องการอย่างนี้เลย  :angry2:

แต่คงอีกนานเลยใช่มั้ยคะไรเตอร์ กว่าอีพี่ชินจะรู้สึกอ่ะ  :sad4:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด ทำกันง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอพี่ชิน รับไม่ได้มากกกกกกกก

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
น้ำตาซืมเลยอ่ะ สงสารนทจัง :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
โอ้ พึ่งเข้ามาอ่านคะ...แบบว่าาาา...อิพี่ชิน !!!!! เดี๊ยะๆๆ ซักวันนะเธอแล้วจะรู้สึก.. หรือที่เธอทำทั้งหมดนี่จะบอกว่าเป็นแผนการมันก็ไม่น่าใช่เพราะมันแบย.....ไม่สงสารนทบ้างเลยหรอห๊าาา าาา จิตใจเธออะทำจากอะไร ไม่เข้าใจจริงๆทำไมต้องออกไปเเย๊ะๆๆ ทุกวันทุกคืนด้วยห๊ะ !?
ส่วนนท เธอนะหนีไปจากอิพี่ชินเลยนะให้มันสำนึกไปซะนะมันไม่สำนึกอย่าไปยอมมัน แล้วก็อย่าใจอ่อนให้มันอีกอะส่วนเล็ก เธอนี่มันจริงๆเลยนะ
เอ๊ยๆๆจะดราม่าอีกนานม๊ายยคะ(ถึงพูดแบบนี้แต่เรากลับชอบนะดราม่าเนี่ย กร๊ากกก)
อยากบอกคนเขียนว่าสนุกมากๆเลยนะคะ ขอเป็นแฟนคลับเรื่องนี้อีกคนนึงนะคะ
รีบๆมาต่อนะ จุ๊ฟๆ

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ดีๆเอาเล้ย ไล่เล้ย
เดี๋ยวเธอนั่นแหละจะคิดถึงนทจนทนไม่ได้
แล้วจะได้สำนึกซะที
อีนังพี่ชิน

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ดี อย่างนี้สิดี อีพี่ชินมันจะได้รู้สึกซะบ้าง  :angry2:

แต่เดี๋ยวนทก็มานั่งเสียใจอยู่ดี เฮ้อ  :o12:

สับสนในตัวเองจัง

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เพิ่งมาอ่าน สนุกมากๆเลย
อินมากจนเกลียดพี่ชินเข้าไส้เลย

nnnnnnnn

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อแล้วววววว  :serius2:

ออฟไลน์ MilkTea

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4




[[THE CAGE]] . . กรงรัก . . .





[13]




"มีอะไรจะพูดกับผมเหรอ?"

เตชินท์แค่นหัวเราะ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเข้าเรื่องในทันทีที่เขาก้าวออกมาจากห้องนอนหลังจากส่งนิชาถึงเตียงแล้ว ชายหนุ่มเดินผ่านร่างสูงที่ยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นเพื่อตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์แล้วหยิบไวน์ขึ้นมาพร้อมกับแก้วอีกสองใบ

"ผมไม่ดื่ม ไม่ต้องเผื่อผมหรอก"

"อ้อ น่าเสียดายนะ นี่เป็น Sauternes ปี 1989 ที่ฉันเก็บเอาไว้สำหรับรับรองแขกคนสำคัญเสียด้วย"

"ผมไม่ชอบดื่มไวน์"

"น่าแปลกจัง นายคงไม่รู้ว่าที่จริงนทชอบดื่นไวน์มากแค่ไหนสินะ"

ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเดินมาหยุดอยู่ที่โซฟา ในมือใหญ่ถือแก้วใสที่บรรจุไวน์สีเหลืองอ่อนพร้อมกับหมุนวนเบาๆ ขณะมืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมส่งสายตามองตรงไปยังร่างของเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนธรรมดาๆและกางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้มอย่างประเมินประมาณ

มนุเชษฐ์เหยียดยิ้มอย่างดูถูก เขายอมรับว่ายังไม่รู้จักร่างตรงหน้านี้ดี ทว่าดูเพียงภายนอกเท่านี้ เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนประมาณไหน ที่แน่ๆคือเป็นคนประเภทที่ใช้เงินและอำนาจอย่างคุ้มค่า ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี อีกทั้งยังหลงระเริงในสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่น้อย นี่คงจะคิดล่ะสิท่าว่ามีแค่นั้นก็สามารถเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้

"ใช่ ฉันมีทุกอย่าง และทุกอย่างที่ฉันอยากได้ก็ต้องเป็นของฉัน”

อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆราวกับอ่านใจของเขาออก เด็กหนุ่มเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พอจะนึกได้ว่าคนที่ทำงานแบบนี้มานาน ย่อมเดาใจคนอื่นได้เป็นธรรมดา

“แต่บางอย่าง ต่อให้มีเงินล้นฟ้า หรือมีอำนาจมหาศาลก็ไม่สามารถครอบครองได้”

“อะไรล่ะ? ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเจออะไรที่ฉันอยากได้แล้วหามาไม่ได้สักที”

มนุเชษฐ์ระบายรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง แม้จะดูค่อนไปทางสมเพชเสียมากกว่า เขาทอดสายตามองอีกฝ่ายทรุดกายลงนั่งไขว่ห้างบนโซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะยอมนั่งลงตามที่โซฟาเดี่ยวด้านตรงข้าม

“ชีวิตนี้ของพี่ คงไม่เคยรู้จักความรักที่แท้จริงสินะ”

เตชินท์กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าแล้วหัวเราะออกมาดัง

“นึกว่าจะพูดอะไร นายคิดว่าโลกนี้มันสวยงามเหมือนกับในละครน้ำเน่ารึไง? ไอ้หนู ฉันจะบอกให้นะ โลกของผู้ใหญ่ไม่ได้สดสวยอย่างที่คิดหรอก ถ้าไม่มีอำนาจ นายจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่ต้องการ”

“นั่นคือตรรกะการใช้ชีวิตของพี่เหรอ? น่าเห็นใจนะที่คิดได้แค่นั้น”

“อย่าปากดีให้มันมาก รู้ไว้ซะว่าการที่คนอย่างนายจะหายไปสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากเลย”

มนุเชษฐ์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาจ้องตาอีกฝ่ายตรงๆอย่างไม่ลดละ แม้ว่าในใจจะนึกหวั่นอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็นคนพูดตรงๆแบบนี้อยู่ตั้งแต่แรก จะให้พะเน้าพะนอร่างตรงหน้าเพื่อร้องขอชีวิตก็ไม่ใช่นิสัยของคนอย่างเขาอยู่แล้ว

“ผมเชื่อว่าพี่ทำได้ แต่ผมก็รู้ว่าพี่ไม่ทำหรอก”

“หึ อะไรทำให้นายมั่นใจได้แบบนั้น”

“เพราะถ้าพี่นทรู้ พี่นทจะเกลียดพี่น่ะสิ”

เตชินท์หัวเราะ “นายคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรนายเพราะกลัวนทรึไง? นายรู้รึเปล่าว่าฉันทำอะไรตั้งมากมายแต่นทไม่เคยโกรธฉันเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเกลียดเลย ไม่มีวันนั้นแน่”

“มั่นใจในตัวเองเสียเหลือเกิน พี่คิดรึไงว่าพี่นทจะยอมอยู่กับคนอย่างพี่ตลอดไป ต้นไม้น่ะ ถ้าไม่รดน้ำมันก็อยู่ได้ แต่ถ้าใช้ขวานจามมันเข้ามากๆ สักวันต้นไม้ก็ต้องล้มอยู่ดี”

“ช่างเปรียบเปรยดีจริงนะ นายนี่น่าเอาดีทางนักเขียน ไปเป็นนักเขียนบทละครยังดีกว่าเป็นพนักงานร้านกาแฟนะ”

“ผมทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เงินเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่คนที่ร่วมงานด้วยก็สำคัญเหมือนกัน ถ้าหากว่าเงินดี แต่คนร่วมงานเป็นแบบพี่ ผมก็ไม่เอาด้วย”

“นี่ไอ้หนู ที่อยากจะพูดน่ะหมดรึยัง?”

“ยัง พี่น่ะ ทำอะไรกับพี่นทเขาไว้บ้างรู้ตัวรึเปล่า? ผมไม่รู้หรอกว่าพี่รักพี่นทเขาจริงไหม แต่ผมรู้ว่าพี่นทรักพี่มาก ทั้งๆที่เป็นคนแบบนี้แต่ก็รัก พี่น่าจะถนอมเขาไว้ให้ดีกว่านี้นะ”

“พ่อแม่นายไม่เคยสอนเหรอว่าอย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้านให้มากนักน่ะ? อีกอย่าง ถ้านายรู้อย่างนี้ทำไมยังมาวุ่นวายอยู่กับคนของคนอื่นอีก? หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนอยู่กับเด็กของฉันแบบนี้?”

“ไม่รู้หรอก พ่อผมตายตั้งแต่เด็ก แล้วแม่ก็งานยุ่ง ป่วยอยู่ จะเอาเวลาที่ไหนมาสอนเรื่องแบบนี้ล่ะ แต่มันก็เป็นสามัญสำนึกของคนไม่ใช่เหรอไง ถ้าคนที่สนิทด้วยต้องเสียใจเพราะใครอีกคน เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันอยู่แล้วสิ”

“นายแน่ใจนะว่าแค่ ‘เพื่อน’ จริง?”

มนุเชษฐ์นิ่งไปเล็กน้อย เขาพยักหน้า “แหงสิ พี่นทเป็นคนสำคัญสำหรับผม ผมย่อมไม่อยากให้เขาเสียใจ แล้วต้นเหตุมันก็มาจากพี่ทุกที พี่รู้ไหม หากรักแล้วต้องเสียน้ำตา สู้อยู่คนเดียวยังดีกว่าอีก พี่ไม่รู้หรอกว่าการรอคอยโดยที่ทำอะไรไม่ได้มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกตบหน้าแรงๆเสียอีก”

“พูดอย่างกับนายผ่านอะไรมาเยอะอย่างนั้นแหละ”

“อย่างน้อยผมก็คิดว่าผมเข้าใจพี่นทได้ดีกว่าพี่ละกัน”

เตชินท์สั่นศีรษะไปมาอย่างนึกระอา โชคยังดีของเจ้าหนูนี่ที่เขาสามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้อยู่ ไม่อย่างนั้นการจะสั่งเก็บร่างตรงหน้านั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย นี่เห็นแก่ว่าแม่ป่วยด้วยหรอก เขาถึงยอมให้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่ไปฆ่าลูกชายที่เป็นเสาหลักเดียวของบ้านใครง่ายๆ --- หากไม่จำเป็น

“นายคงเป็นคนที่มีเวลาว่างมากพอที่จะมานั่งศึกษาความรู้สึกของคนอื่นสินะ รู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”

“ไม่ใช่หรอก นี่มันเป็นเรื่องปกติที่ใครๆเขาก็รู้กัน การรักใครสักคน ไม่ใช่ยัดเยียดความมีตัวตนไปใส่ใครคนนั้น แต่ต้องรับและให้ไปพร้อมๆกัน เรียนรู้กัน และปรับตัวเข้าหากัน มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกัน”

“.... นายต้องการจะบอกอะไรฉัน?”

“ผมมีเรื่องอยากจะบอกพี่มากมาย แต่คิดว่าไม่พูดดีกว่า เพราะคนที่ไม่เคยรักใครอย่างพี่... คงไม่มีวันเข้าใจ”

“ก็อาจจะใช่ คนอย่างฉัน ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง ในสายตาของนายฉันดูเป็นแบบนั้นสินะ”

“ไม่หรอก ผมไม่ได้มองพี่แบบนั้น... เพราะในสายตาของผม พี่ไม่รู้จักคำว่า ‘รัก’ เสียด้วยซ้ำไป

มนุเชษฐ์เอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ในมือยังคงถือแก้วใสที่มีไวน์อยู่เท่าเดิมตั้งแต่แรก มือใหญ่นั้นสั่นน้อยๆ อย่างคนที่ระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่านอยู่ในใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ







เตชินท์จุดบุหรี่สูบเพื่อดับอารมณ์โกรธที่พุ่งสูงจนตาพร่า เขารู้ดีว่าสามารถทำอะไรเลวร้ายกว่านั้นได้มากหากนิชายังอยู่ใกล้ๆมือเช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดคือห่างกันให้ไกล ก่อนที่เขาจะเผลอลงไม้ลงมือหนักยิ่งกว่าที่ทำลงไป

ควันสีขาวเทาลอยกรุ่น เขาปรายสายตามองเมื่อรู้สึกใจสงบลง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านิชามักบ่นอยู่เสมอว่าไม่อยากให้สูบบุหรี่ โดยเฉพาะสูบในบ้านอย่างที่เขากำลังทำอยู่ เขาถอนหายใจยาวพลางสาวเท้าเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ในใจนึกประหวั่นไปถึงสภาพของร่างเล็กในตอนนี้ เขาไม่ได้ใช้แรงเต็มที่ตอนเผลอยกเท้าเตะร่างตรงหน้าจนกระเด็น แต่ก็คงเจ็บไม่ใช่น้อย

ร่างสูงขบริมฝีปากอย่างแรงจนได้รสเลือด เขานึกโกรธตนเองที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ ปล่อยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาปั่นอารมณ์เสียจนหัวเสียแล้วไปลงกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

ทว่า ในใจของเขาก็นึกหวาดหวั่นอยู่ตั้งแต่แรก ว่านิชากับมนุเชษฐ์ที่นับวันก็ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น สักวัน นิชาจะไปจากเขาเพื่ออยู่กับเด็กคนนั้นรึเปล่า?

เขารู้ดี เขามีเงิน มีอำนาจ เสกสรรบันดาลได้ทุกสิ่งที่นิชาต้องการ ซึ่งร่างบางของเขาก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรมากไปกว่า ‘เวลา’ ที่เขามักไม่มีให้

เขารู้ตัว ว่าไม่ใช่คนรักที่แสนดี ต่อให้เอาอกเอาใจเก่ง แต่ก็ไม่ค่อยได้ทำให้นิชามากนัก จะทำก็ต่อเมื่อเผลอทำให้อีกฝ่ายเคืองเท่านั้น เขามองว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว นิชารักเขามากขนาดนี้ ต่อให้เขาทำตัวไม่ดี นิชาก็ไม่คิดจะหนีไปไหนอยู่ดี แม้ว่าเขาจะไปนอนกับคนอื่น นิชาก็จะแค่โกรธ ร้องไห้ แล้วพอเขากลับมาบ้าน ขอโทษ แล้วก็กอดกัน แค่นั้นเรื่องก็จบ เป็นวงจรแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

เขาเคยคิดแบบนั้น จนกระทั่งมีมนุเชษฐ์เข้ามาในวงจรนี้ --- เด็กธรรมดา ที่ไม่มีอำนาจหรือแม้แต่เงิน แต่กลับกล้าแข็งมากเพียงพอที่จะต่อกรกับเขา และมีจุดยืนมากพอที่จะทำให้ความมั่นใจของเขาสั่นคลอนได้

เตชินท์หลับตาลง เขาไม่สามารถสลัดภาพของร่างที่ยืนประจันหน้ากับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วออกไปได้ง่ายๆ แม้ว่าอีกใจก็นึกเป็นห่วงร่างที่ตนเป็นคนไล่ออกไปจากบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เผลอทำร้ายร่างกายเมื่อขาดสติ แต่ในตอนนี้ความกังวลในใจยังทวีขึ้นสูง

หรือจะเป็นอย่างที่เด็กนั่นว่า?

‘หากรักแล้วต้องเสียน้ำตา สู้อยู่คนเดียวยังดีเสียกว่า’

ชายหนุ่มเหน็บรอยยิ้มบาง นึกขบขันตนเองนักที่นำคำพูดไร้สาระของเด็กคนหนึ่งมาคิดกังวลได้ขนาดนี้ ใครจะยอมให้เด็กมาถอนหงอกได้ง่ายๆ ไม่มีวันซะล่ะ

คนอย่างเขา ไม่มีวันที่จะผิดหวัง ไม่มีทางที่จะพลาดท่าในสิ่งที่ต้องการ แม้จะเป็นเรื่องของคนรักก็ตาม

และเขาเองก็รู้ดี ต่อให้ลูกแมวน้อยของเขาจะเตลิดหนีหายไป เพียงไม่นาน ก็ต้องคลานกลับมาออดอ้อนเขาเหมือนเดิม เพราะนิชาไม่มีวันอยู่ได้ตามลำพังหากไม่มีเขาอย่างแน่นอน







มนุเชษฐ์ทอดสายตามองท้องฟ้าในยามเช้าตรู่อย่างง่วงงุน เขานอนไม่หลับทั้งคืน ในใจนึกประหวั่นลึกๆว่าร่างสูงของคนที่เขาไปพ่นความรู้สึกใส่หน้าเมื่อคืนนี้อาจจะส่งคนตามมาที่บ้านก็เป็นได้ ลำพังตัวเขาเองไม่น่ากังวลหรอก ทว่าเขายังมีมารดาและน้องสาวที่ต้องช่วยดูแล จะใจร้อนวู่วามเช่นนั้นบ่อยๆย่อมมีผลเสียเป็นแน่ เขานึกก่นด่าตนเองในใจที่ทำอะไรไม่รู้จักยั้งคิด

ท่อนขายาวที่ซ่อนอยู่ในกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มค่อยๆมุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟอันเป็นที่แห่งเดียวที่เขาสามารถคิดอะไรเงียบๆได้อย่างสบายใจ ท่ามกลางหมอกจางๆในยามเช้าตรู่ แม้จะเช้าแต่ก็พอจะมีรถสองแถวและรถประจำทางวิ่งอยู่ไม่น้อย เขาจึงไปถึงร้านภายในเวลาอันสั้น

ร่างสูงหยุดยืนอยู่หน้าร้าน พลางเอื้อมมือไปไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน เขายืนอยู่เพียงครู่อย่างครุ่นคิดว่าจะทำอะไรก่อนดี ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องพักพนักงาน แล้วดวงตาสีเข้มก็ต้องเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“พี่นท? ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ?”

เจ้าของนามที่ฟุบหน้าหลับอยู่กับโต๊ะไม้แข็งๆผวาสะดุ้ง ก่อนที่ดวงหน้าอิดโรยจะเงยขึ้นมองผู้มาถึงด้วยสายตาตกใจ นิชาหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างไร้คำตอบ

“พี่... นี่พี่อย่าบอกนะว่านอนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนน่ะ?”

นิชาไม่ตอบคำ แต่การเงียบและแววตาที่เศร้าหมองนั้นก็เป็นคำตอบที่ดีเพียงพอ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดเสียจนอารมณ์เย็นๆเมื่อครู่นี้หายวับไปสนิท

“นี่ไอ้หมอนั่นมันไล่พี่ออกมาเหรอ?! มันให้พี่มานอนที่ร้านเนี่ยนะ!”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น เชษฐ์”

“มันจะไม่ใช่ได้ยังไง! เมื่อคืนผมเป็นคนพาพี่ไปส่งถึงห้องเองกับมือ แล้วพี่จะมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง!”

“ใจเย็นๆก่อน คือ... พี่ผิดเองแหละที่กลับดึกแล้วไม่ได้โทรบอก”

มนุเชษฐ์หันไปมองใบหน้าหวานที่พยายามจะกะพริบตาเพื่อไล่หยดน้ำที่คลอหน่วยอย่างโกรธเคือง เขารู้สึกเหมือนมีระเบิดที่กำลังจะปะทุอยู่ภายในร่าง แม้จะรู้ดีว่าโกรธไป นิชาก็ยิ่งไม่สบายใจ และตัวต้นเหตุก็ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้นด้วย แม้เขาจะรู้ดีว่า ต่อให้อีกฝ่ายรับรู้ ก็ไม่สนใจอยู่ดี

“พี่นท... พี่ผิดอะไร?”

คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ภายในความคิดของร่างสูง อยากจะถามนักว่านิชาทำอะไรผิด ผิดที่ตรงไหนกับการใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างมีความสุข แค่ไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานในคืนวันหยุดมันผิดตรงไหน ถึงกับต้องไล่ออกมาจากบ้านดึกๆดื่นๆอย่างนั้นเลยหรือ? คนรักกันเขาทำกันแบบนั้นหรืออย่างไร?

ราวกับอีกฝ่ายอ่านใจเขาออก นิชาเอ่ยคำที่ตอบความข้องใจที่กำลังทำให้ความโกรธพุ่งขึ้นสูงจนเลือดขึ้นหน้าของเขาอยู่ในขณะนี้

“พี่ชินเขาแค่เป็นห่วง แต่แสดงออกมาในแบบนี้เท่านั้นเอง พี่ไม่เป็นไรหรอก เชษฐ์”

ผิดที่ตรงไหน --- หรือจะผิดตั้งแต่ความรู้สึกที่ท่วมท้นล้นหัวใจเสียจนต้องแก้ตัวให้คนที่ทำให้เสียน้ำตา?

“เดี๋ยวคืนนี้พี่ว่าเลิกงานแล้วจะกลับไปคุยกันใหม่”

“คุยอะไร? พี่จะไปขอโทษมันเหรอ?”

“เชษฐ์ ทำไมเรียกพี่เขาแบบนั้น?”

“เมื่อคืนผมคุยกับมันแล้ว พี่รู้ไหมว่ามันไม่ได้...!”

เขากลืนคำว่า ‘รัก’ ลงไปอย่างยากลำบาก ด้วยรู้ดีว่าการพูดคำนั้นออกไป นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจมากกว่าเดิมเสียมากกว่า

“เอาเถอะ ยังไงซะเขาก็แก่กว่าเยอะ เชษฐ์อย่าไปเรียกพี่เขาแบบนั้น ถือว่าพี่ขอละกัน”

นิชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาไม่ได้โกรธเด็กหนุ่มที่โมโหจนเผลอเรียกเตชินท์ด้วยสรรพนามเช่นนั้น แต่เขามั่นใจว่าหากเตชินท์มาได้ยินเข้า ร่างตรงหน้าอาจต้องเดือดร้อนอีกก็เป็นได้

“ครับ ผม... จะพยายาม”

“อย่าใส่ใจเรื่องนี้เลย เชษฐ์มาทำไมแต่เช้าล่ะวันนี้?”

“ผมเหรอ? ก็แค่นอนไม่หลับ เลยลุกดีกว่า”

“แล้วทำไมไม่อยู่กับน้องก่อนค่อยมาก็ได้นี่”

“พักนี้อ่าหนังสือสอบอยู่ครับ เลยไม่อยากรบกวน ยังเช้าอยู่เลยปล่อยให้นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า”

ร่างเพรียวพยักหน้า รู้สึกวิงเวียนอย่างบอกไม่ถูก เขานอนไม่พอติดต่อกันมาหลายวัน แล้วยังร้องไห้เสียจนน้ำตาแห้งกรังติดเต็มใบหน้า เหนื่อยและล้าเสียจนแค่จะลุกขึ้นยืนยังทำไม่ไหว

“พี่ว่าวันนี้ลูกค้าเราจะมาเยอะไหม?”

“หืม? อืม... ไม่รู้สินะ วันนี้วันหยุดราชการอาจจะไม่มากเหมือนทุกวัน”

เนื่องจากลูกค้าของร้านนี้ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา หรือไม่ก็พนักงานออฟฟิศที่ติดใจในรสชาติจนแวะเวียนมาซื้อกลับบ้านหลังเลิกงาน เพราะฉะนั้นวันหยุดราชการ ร้านจึงค่อนข้างเงียบเหงากว่าทุกวัน

“งั้น ผมขออะไรพี่อย่างได้ไหม?”

นิชาเงยหน้าขึ้นมองร่างที่เท้าแขนทั้งสองข้างลงมาบนโต๊ะ ประสานสายตาเข้ากับดวงตาจริงจังที่แฝงแววห่วงใยอย่างชัดเจนด้วยความแปลกใจ เพราะน้อยครั้งนักที่อีกฝ่ายจะเอ่ยปากขออะไรบางอย่างจากเขา

“ได้สิ อะไรล่ะ?”

มนุเชษฐ์คลี่ยิ้มน้อยๆ เขาจับมือบางๆทั้งสองข้างแล้วฉุดให้ลุกขึ้นยืน

“ตามผมมานะ”

“ไปไหน?”

“ตามมาเถอะน่า มาเร็ว ปิดร้านๆ วันนี้หยุดหนึ่งวัน”

เด็กหนุ่มร่างสูงแรงเยอะกว่าเขามากนัก อาจด้วยเพราะสูงกว่าและเคยทำงานที่ต้องออกแรงมากมาก่อน แค่ดึงเบาๆก็สามารถทำให้ร่างของเขาไปตามแรงได้อย่างง่ายดาย

“เดี๋ยวสิ เชษฐ์ จะพาพี่ไปไหน?”

“พี่นท เชื่อใจผมไหม?”

“... ก็เชื่อใจนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย?”

“ถ้าเชื่อใจ ก็ตามผมมาเถอะ”

มนุเชษฐ์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะจูงมือร่างเล็กให้เดินตามออกมายังถนนใหญ่แล้วโบกมือเรียกแท็กซี่ ด้วยรู้ดีว่าร่างที่เดินอย่างช้าๆอยู่เคียงข้างนี้คงไม่มีแรงไปโหนรถสองแถวเป็นแน่







“ที่นี่...”

นิชาเงยหน้ามองทาวน์เฮ้าส์สองชั้นที่มีหน้ากว้างไม่กี่เมตรด้วยสายตาพอเข้าใจ ที่แท้เด็กหนุ่มก็พาเขามาที่บ้านนั่นเอง

“บ้านของผมรกไปหน่อย ขอโทษนะครับ แต่ว่าผมก็อยากพาพี่มาที่นี่” เอ่ยพลางเดินนำหน้าไปเปิดประตูแล้วหันมากวักมือเรียกให้ตามไป “เข้ามาสิครับ ยืนตรงนั้นมันอันตราย ซอยแคบเดี๋ยวมีรถมา” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปถอดรองเท้าเพื่อเข้าไปในตัวบ้าน โดยมีนิชาเดินตามไปติดๆ

นิชากวาดสายตามองไปรอบด้าน พื้นกระเบื้องสีขาวเข้ากับผนังปูนสีขาวที่หมองไปตามกาลเวลา ภายในบ้านมีข้าวของมากมายก็จริง แต่ล้วนเป็นของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างโต๊ะทำงานที่น่าจะผ่านการใช้งานมาไม่ต่ำกว่าสิบปี หรือโทรทัศน์รุ่นเก่าเครื่องใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆ แต่ละสิ่งเป็นของที่น่าจะมีอยู่ตั้งแต่สมัยก่อนที่มนุเชษฐ์จะเกิดเสียด้วยซ้ำ ทว่าทุกอย่างล้วนสะอาดสะอ้าน ไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด จึงทำให้บ้านดูสะอาดตาและน่าอยู่กว่าที่เจ้าของบ้านกำลังพูดอยู่ไม่น้อย

“บ้านหลังนี้ตั้งแต่ผมเกิดแล้วครับ ถึงจะเก่าไปหน่อย พี่อย่าถือเลยนะครับ”

“พี่ไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก นี่เป็นบ้านของเชษฐ์นะ อย่าพูดแบบนั้นเลย”

มนุเชษฐ์เชื้อเชิญให้ร่างเล็กนั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จนนิชาต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาเอง

“เชษฐ์มีอะไรรึเปล่าถึงพาพี่มาที่นี่?”

“ผม... อยากให้พี่พักน่ะ”

“พักเหรอ? พักที่ร้านก็ได้นะที่จริง ทำไมต้องเสียค่ารถพาพี่มาด้วย” นิชาบ่นน้อยๆเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาออกค่าแท็กซี่ให้ ขณะปรายสายตามองใบหน้าดูดีที่เหลียวมองมาอย่างค้นหาคำตอบ

“เพราะถ้าพี่อยู่ที่ร้าน พี่ก็ต้องคอยพะวงใช่ไหมล่ะ ว่าพี่คนนั้นจะแวะมารึเปล่า” เขาหยุดพูดไปเล็กน้อย เมื่อได้เห็นสีหน้าที่นิ่งไปของร่างที่นั่งอยู่เคียงข้าง เขาจึงรับรู้ว่าที่พูดมานั้นถูกต้องแล้ว “แต่ถ้าพี่อยู่ที่นี่ พี่ก็จะได้พักได้โดยไม่ต้องคิดอะไร ผมเลยพามาที่นี่”

“... พี่ไม่ต้องพักอะไรมากมายหรอก เชษฐ์เป็นห่วงพี่มากเกินไปแล้ว”

“พี่นท พี่บอกว่าจะยอมทำตามคำขอของผมไม่ใช่เหรอ?”

มือแกร่งเอื้อมมาแนบลงบนผิวแก้มใสที่มีรอยน้ำตาอย่างแผ่วเบา ความอุ่นร้อนจากฝ่ามือใหญ่ทำให้นิชาที่แม้จะตกใจ แต่ก็อดรู้สึกดีไม่ได้ เขารู้สึกอบอุ่นอยู่ข้างในโดยไม่มีเหตุผล

“คำขอของผมก็คือ ผมอยากให้พี่พักใจ... ในเมื่อพี่แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมดแบบนี้ อย่างน้อยก็พักสักหน่อย หลับตาลงแล้วไม่ต้องคิดอะไรสักวัน...”

เสียงทุ้มเอ่ยเบา ทว่าดังก้องอยู่ภายในใจของร่างที่สั่นสะท้านอยู่เคียงกาย ลำแขนหนาโอบรอบร่างบางแล้วกระชับบ่าลาดเอาไว้มั่น

“พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด... ช่วยรักตัวเองให้มากกว่านี้เถอะครับ”

หยดน้ำตารื้นขึ้น โดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป หยดน้ำใสรินไหล พร้อมกับเสียงสะอื้นที่หลุดลอดเรียวปากงามที่ถูกขบเม้มเพื่อกลั้นเสียงร้องเสียจนแดงช้ำ

ไม่เคยเลย ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะมีใครสักคนมาปลอบประโลมในเวลาที่ต้องเจ็บช้ำใจ

หากใครเห็นน้ำตาของเขา เขาจะคอยแก้ตัวให้กับเตชินท์อยู่เสมอ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะต่อว่าด่าทอให้เสื่อมเสีย ทว่า ร่างที่กำลังโอบกอดเขาอยู่นี้กลับไม่พูดถึงเรื่องนั้น ทั้งๆที่รู้ความจริงดี แต่ก็ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว พูดแค่เพียงแต่เรื่องของปัจจุบันนี้เท่านั้น

นิชาปิดตาลง ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งริน พร้อมกับศีรษะที่เอนซบไหล่หนาอย่างช้าๆ ราวกับเด็กน้อยที่หาที่พึ่งพิง โดยที่เจ้าของร่างสูงนั้นเพียงแค่นั่งอยู่เคียงข้างและซับน้ำตาให้เบาๆด้วยปลายนิ้ว โดยไม่มีคำพูดอื่นใด --- นอกจากคำมากมายที่ดังสะท้อนอยู่ในหัวใจ



เขาควรจะรักตัวเองให้มากเข้าไว้ เรื่องนั้นเขาเข้าใจดี

ทว่า จะมีเหตุผลไหมที่คนเราจะรักคนที่รักมากที่สุดในโลกมากกว่าตัวเอง?

สำหรับเขา --- ตอบได้เลยว่ามี

ในเมื่อหัวใจ ไม่อาจดำรงอยู่ได้หากไม่มีเตชินท์

แล้วการที่เขาจะรักเตชินท์มากกว่าตัวเขาเอง --- ก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือไง?











Talk: กลับมาแล้วค่ะ *กราบแทบเท้างามๆ*
พักนี้หายไปนานกว่าจะมาต่อ ไร้ข้อแก้ตัวใดๆนอกจากเรื่องงานที่ล้นทะลักจริงๆค่ะ (ไหนว่าไม่มีข้อแก้ตัว)
  :impress3: ฝนก็ตก ผ้าก็ไม่แห้ง งานราษฏร์งานหลวงเยอะไปหมดค่ะ ขอโทษจริงๆที่หายไปค่ะ
ตอนนี้ชานมคิดว่าเรื่องก็ไม่ได้เดินไปไกลจากตอนที่แล้วนัก
แต่ในชีวิตคนเรา ถ้าต้องเจอเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ แค่หนึ่งชั่วโมงก็รู้สึกเหมือนเป็นวัน เคยเป็นแบบนั้นไหมคะ?
เพราะงั้นสำหรับนิชา ค่ำคืนที่ผ่านมาคงรู้สึกว่านานมากเหลือเกิน
ชานมอยากให้ค่อยๆซึมซับความรู้สึกและความคิดของทั้งสามคนค่ะ อาจจะค่อยเป็นค่อยไปบ้าง ก็ต้องขออภ้ยที่ไม่ได้ดราม่าจัดทุกตอนนะคะ
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกๆความคิดเห็น ชานมรู้สึกขอบคุณจริงๆไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นไหนค่ะ
จากนี้ก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอุปการะของทุกท่านต่อไปนะเจ้าคะ


 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2012 21:31:43 โดย MilkTea »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด