[[THE CAGE]] . . กรงรัก . . .
[16]
“เชษฐ์ เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้รึยัง?”
นิชาเอ่ยขณะปรายสายตามองร่างสูงที่กำลังทำความสะอาดพื้นกระเบื้องสีขาวภายในร้าน ในระหว่างที่ตัวเขาเองกำลังเช็ดผงแป้งที่เลอะอยู่บนเคาน์เตอร์ในเวลาค่ำหลังปิดร้าน
“พรุ่งนี้ ทำไมเหรอครับ?”
“ก็งานแต่งงานคุณหญิงไง”
“อ้อ งานแต่งพี่หญิง”
“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ? ไม่ไปเหรอ?”
เด็กหนุ่มร่างสูงหยุดกวาดพื้นแล้วเอาเอาคางเกยด้ามไม้กวาดอย่างครุ่นคิด แต่ติดจะเป็นท่วงท่าที่ประหลาดไปหน่อย จึงทำให้นิชาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไรล่ะพี่ก็ ผมอยากไปอยู่หรอกครับ แต่กลุ้มใจเรื่องชุดนั่นแหละ จะแต่งชุดนักเรียนไปก็ดูไม่เข้ากับงาน แต่ผมก็ไม่มีชุดสุภาพที่เหมาะจะไปงานเลี้ยงเหมือนใครเขาเลย”
นิชาใช้สายตาประเมินรูปร่างของอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้าวออกมาหลังเคาน์เตอร์แล้วยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้ามนุเชษฐ์โดยไม่ละสายตาที่ทอดมองอย่างคาดคะเน มือเรียวโอบรอบกายสูงแล้วอ้อมไปด้านหลัง ทำเอาเด็กหนุ่มร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“เฮ้ย พี่นท ทำอะไรเนี่ย?!”
“อยู่นิ่งๆสิ พี่กำลังกะขนาดเราอยู่นี่ไง... พี่ว่าใส่ได้นะ”
“ใส่อะไรพี่ จู่ๆมา... ไม่ตั้งตัว ตกใจหมด”
มือใหญ่ลูบอกขึ้นๆลงๆเพื่อปลอบขวัญตนเอง จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร จู่ๆอีกฝ่ายก็มากอดเขาซะแน่นแบบนั้น เรือนผมนุ่มในระยะประชิดมีกลิ่นแชมพูอ่อนๆทำเอาหัวใจเต้นแรง น่าแปลกที่เขาไม่เห็นจะเคยพบพานกับใครที่มีกลิ่นหวานๆติดตัวอยู่ตลอดเวลาได้ขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ผู้หญิงที่รู้จัก ก็ไม่เห็นจะมีใครที่ผ่านมาจนถึงเย็นก็ยังมีกลิ่นสะอาดของแชมพูหอมๆติดปลายผมให้เขาใจเต้นรัวแบบนี้ได้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เอามาให้ลองดูละกัน”
“ของใครครับ?”
“ของพี่เอง มีอยู่ตัวนึงที่พี่ซื้อมาเองแล้วผิดไซส์ ใหญ่เกิน ไม่เคยใส่เลย ตอนนั้นรีบร้อนก็ไม่ได้ลอง ปรากฏว่าใส่ไม่ได้ ก็ต้องไปหาซื้อใหม่อยู่ดี... แต่อาจจะเต่อนิดหน่อยน่ะสิ ตรงช่วงแขนกับขาน่ะ”
“ผมไม่ถือหรอกครับ ผมแนว”
นิชาหัวเราะ “ไม่คิดมากก็ดี งั้นพรุ่งนี้พี่เอามาให้ละกัน วันนี้ก็เก็บของกลับบ้านกันเถอะ ฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว พักนี้ตกได้ทุกวันเลย”
“นั่นน่ะสิครับ แล้วเป็นอะไรไม่รู้ ชอบตกตอนเช้ากับตอนเย็น ไม่ตกรถก็ติดอยู่แล้ว ยิ่งตกนี่ไม่ต้องถึงบ้านกันเลย”
ทั้งสองคนรีบเก็บของให้เข้าที่ ก่อนจะจัดร้านเตรียมพร้อมไว้สำหรับยามเช้า แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน สำหรับมนุเชษฐ์นั้นไม่ยาก เพียงแค่ขึ้นรถประจำทางแล้วต่อรถสองแถวก็ถึงบ้าน เนื่องจากบ้านของเขาไม่ไกลจากที่นี่นัก แต่นิชาสิจะลำบากหน่อย คืนฝนตกเช่นนี้โบกรถแท็กซี่ยาก มนุเชษฐ์จึงยืนรอเป็นเพื่อน แม้จะถูกอีกฝ่ายบอกให้กลับไปก่อนหลายต่อหลายครั้งก็ตาม
“ให้เขามารับไม่ดีกว่าเหรอพี่?”
“ไม่เป็นไร พักนี้พี่เขายุ่ง แล้วก็แค่นี้เอง พี่กลับเองได้สบายๆ”
“พักนี้ยุ่งเหรอ ผมว่าเขาก็ยุ่งตลอดเวลาไม่ใช่เหรอพี่?”
“ก็จริง แต่พอเซ็นสัญญากับลูกค้ารายนี้ได้ อะไรๆก็คงดีขึ้นแหละ เดี๋ยวนี้พี่เขาก็มีเวลาให้มากขึ้นนะ”
“ผมเห็นแล้วล่ะ...”
นิชาแย้มรอยยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เขาออกจะเขินอยู่บ้าง แต่เด็กหนุ่มไม่เคยแสดงอาการว่ารังเกียจที่เขาเป็นแบบนี้ แม้จะดูไม่ชอบขี้หน้าเตชินท์สักเท่าใดนัก แต่ก็ไม่เคยหลุดคำแสลงหูออกมาให้ได้ยินอีก
“กลับไปก่อนดีกว่าไหม พี่อยู่ได้ เราเองก็ไม่มีร่มเหมือนกันไม่ใช่เหรอ น่าจะรีบกลับนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่เป็นเพื่อนได้ ฝนเปาะแปะนิดเดียวเอง คงไม่ตกหนักแล้วล่ะวันนี้”
“เชษฐ์เนี่ย ชอบดูแลคนอื่นจังนะ น้องสาวคงติดแจเลยสิ”
มนุเชษฐ์ยิ้มตอบ "ก็ไม่เชิงครับ ผมชอบดูแลคนอื่นก็จริง แต่จะดูแลเฉพาะคนที่ผมรักเท่านั้น... เอ้ย!! ผมหมายถึง รักแบบรุ่นพี่น่ะครับ เคารพรัก อารมณ์นั้น"
อาการลนลานทำเอานิชากลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เผลอหัวเราะออกมาอย่างนึกเอ็นดูอีกฝ่าย
"โธ่ พี่นิชา อย่าหัวเราะผมสิครับ ผมอายนะ"
"รู้แล้วๆ ขอโทษๆ ก็นายน่ารักนี่นา" มือเล็กเอื้อมไปลูบเรือนผมหนานุ่มของร่างสูงตรงหน้าเบาๆ "พรุ่งนี้ต้องหล่อมาเลยนะ"
"ผมน่ะหล่ออยู่แล้วครับ พี่นทเถอะ อย่าลืมใส่เสริมส้นมานะครับ เดี๋ยวพี่หญิงสูงกว่าจะพูดไม่ออก”
“เด็กบ้า พูดจาไม่น่ารักเลย พี่ก็ไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นสักหน่อย”
ร่างสูงของคนที่เพิ่งถูกหาว่า ‘บ้า’ แย้มรอยยิ้มเป็นสุขเหมือนคนบ้า เขาชอบนักเวลาสบโอกาสได้หยอกร่างเล็กตรงหน้า อันที่จริงนิชาก็ไม่ได้เตี้ยหรอก แต่คนรอบข้างต่างหากที่สูงจนทำให้นิชาดูเตี้ยมากกว่าปกติ
“ล้อเล่นครับ แต่เจ้าสาวต้องใส่ส้นสูงนะ พี่อย่าลืม”
“พี่ก็สูงพอๆกับพี่หญิงใส่ส้นสูงแหละน่ะ”
สุดท้ายแล้วก็มีแท็กซี่ว่างมาถึงจนได้ เด็กหนุ่มทอดสายตามองร่างเพรียวที่ก้าวขึ้นรถพร้อมกับหันมาโบกมือลา เขาเองก็มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่แตกต่าง ทว่าในใจของเขานั้นไม่รู้สึกถึงความยินดีนัก อาจด้วยเพราะลึกๆแล้ว ตัวเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเตชินท์มองภาพของความสัมพันธ์เป็นเช่นไร และนิชาเองก็เป็นคนประเภทที่สามารถถูกมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งอยู่แล้วด้วย
เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถบอกความจริงให้อีกฝ่ายรู้ได้ ทั้งๆที่เขานั้นมองเห็นธาตุแท้ของเตชินท์ได้อย่างชัดเจน ทั้งๆที่ความปรารถนาของเขานั้นมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือรักษารอยยิ้มของนิชาเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
หากวันใดที่เขาสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเองเมื่อไหร่ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นิชาต้องทนทุกข์และเสียน้ำตาให้กับผู้ชายห่วยๆแบบนั้นอีกเป็นอันขาด
เสียงนกที่ร้องดัง พร้อมกับกระพือปีกเพื่อโผบินกลับรัง ส่งผลให้เจ้าของร่างที่นอนสลบไสลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนรู้สึกตัวขึ้น เขารู้สึกปวดศีรษะเสียจนต้องหยีตาอย่างไม่อาจสู้แสงสว่าง ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าที่เลือนรางจะค่อยๆแจ่มชัดขึ้น ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่เคียงข้างเตียงใหญ่
"... เชษฐ์?"
ใบหน้าดูดีที่หล่อเหลาประดับไปด้วยรอยยิ้มบางเบา ไม่สดใสเหมือนเคย มือใหญ่ถูกเลื่อนมากุมข้อมือเล็กเอาไว้อย่างหลวมๆคล้ายกับตั้งใจจะปลอบประโลม ทว่าเจ้าของเรือนร่างสูงกลับมีทีท่าไม่สบายใจเสียยิ่งกว่าคนที่กำลังนอนป่วยอยู่เสียอีก
"พี่นท ดีขึ้นแล้วเหรอครับ?"
"พี่... เป็นอะไรไป?"
"พี่เป็นไข้หวัดครับ สงสัยเพราะตากฝนเมื่อคืนนั่นแหละ"
"อ้อ..."
เสียงใสพึมพำเบาๆอย่างนึกระอาร่างกายที่ป่วยง่ายของตนเอง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างแล้วรีบดีดตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
"แล้วงานแต่งคุณหญิงล่ะ?!"
"ค่อยๆครับ งานจบไปแล้วครับ เหลือแค่งานเลี้ยงกลางคืน"
"จริงเหรอ แย่ที่สุด... แต่ไปตอนนี้ก็ยังทันใช่ไหม เชษฐ์"
"... ผมว่าอย่าดีกว่าครับ พี่ไม่สบายอยู่นะ"
"แต่ว่าคุณหญิง..."
มนุเชษฐ์ระบายลมหายใจออกมายาว แววตาที่หมองเศร้าคู่นั้นทำให้นิชานึกประหลาดใจ เนื่องจากนับแต่ร่างตรงหน้าเข้ามาทำงานที่ร้าน เขาก็ไม่เคยเห็นสีหน้าอมทุกข์ของอีกฝ่ายอีกเลย จนกระทั่งวันนี้
"พี่พักผ่อนเถอะครับ ถ้าหากว่าพี่อยากจะแสดงความยินดี เดี๋ยวผมจะไปบอกให้เอง"
น้ำเสียงที่เจือแววดุทำให้นิชาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่สบายก็จริง แม้จะมีไข้ แต่ก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดต้องนอนซมอยู่แต่กับบ้าน แล้วการที่เขาตื่นมาตอนเย็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าได้พักผ่อนมากเพียงพออยู่แล้ว แต่เขารู้สึกว่ามีเหตุผลอื่นที่อีกฝ่ายไม่อยากให้เขาไปงานแต่งงานเสียมากกว่า ทว่าเมื่อจับความเจ็บปวดที่อยู่ในกระแสเสียงและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นได้ เขาที่กำลังจะอ้าปากเอ่ยแย้ง ก็จนใจ
"ก็ได้... ฝากด้วยแล้วกัน ฝากขอโทษคุณหญิงด้วยนะ"
"ดีแล้วครับ เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานก่อนแล้วจะออกไป"
มือเย็นแนบเข้ากับผิวแก้มที่ร้อนผ่าวเบาๆเพื่อวัดไข้ ทำให้นิชารู้สึกดีขึ้นบ้าง ก่อนที่ร่างสูงจะพาตนเองมุ่งหน้าไปยังห้องครัวที่เขาสำรวจมาเรียบร้อยแล้วหลังจากพนักงานที่ล็อบบี้พาเข้ามาถึงห้อง เนื่องจากจำเขาที่เคยมาส่งนิชาถึงที่นี่ได้ และเมื่อแจ้งไปว่าไม่สามารถติดต่อนิชาได้จนเป็นห่วงและมาถึงนี่ พนักงานก็พามาส่งให้ถึงห้อง โชคดีที่คอนโดที่นี่ไม่ได้มีระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุมมากอย่างที่เขาคิด
มนุเชษฐ์ยกข้าวต้มที่ตุ๋นเอาไว้เสียจนนิ่มตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว เขานำกุ้งที่แช่อยู่ในช่องแช่แข็งมาสับ ก่อนจะนำลงไปต้มกับข้าวตุ๋นอยู่อีกครู่ ก่อนจะตักใส่ชามแล้วยกมายังห้องนอนที่มีร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่ ใบหน้าที่แดงด้วยพิษไข้ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แม้ว่าจะนั่งเฝ้าอยู่โดยตลอดตั้งแต่เขาเข้ามาถึงที่นี่เมื่อตอนเที่ยง
"พี่นท ทานหน่อยนะครับ"
เขาพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจัดหมอนเพื่อให้อีกฝ่ายพิงได้อย่างสะดวกสบาย ส่งผลให้รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้าอิดโรย มนุเชษฐ์นั่งลงข้างๆก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาหมายจะป้อนให้ แต่กลับถูกมือเล็กแตะเบาๆเป็นเชิงว่าให้ส่งมาแทน เขาจึงปล่อยให้นิชาตักข้าวต้มทานเองโดยนั่งมองอยู่ข้างๆเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ
"อร่อย... นายทำอาหารเก่งนะ"
"ผมทำได้แค่อะไรง่ายๆเท่านั้นแหละครับ"
"ทำให้ที่บ้านสินะ"
นิชาเอ่ยดังนั้นเนื่องจากรับรู้ได้ถึงรสชาติความนุ่มนวลคล้ายกับรสมือมารดาที่ห่างไปเสียนาน แม้จะเป็นเพียงข้าวต้มกุ้งธรรมดา ไม่ใช่ฝีมือเชฟในภัตตาคารบนตึกระฟ้า แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ในข้าวแต่ละเม็ดที่นิ่มเสมอกัน
"ขอบคุณนะ เชษฐ์"
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ทานยาแก้หวัดนี่ด้วยนะ แล้วผมจะไปแล้ว"
"อืม อย่าลืมบอกคุณหญิงให้พี่ด้วยนะ"
ร่างบางกำชับอีกครั้ง ก่อนจะรับยามาทานแล้วค่อยๆนอนลงบนเตียง สายตาทอดมองร่างที่นั่งอยู่ข้างๆอีกเพียงครู่ ก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราในเวลาอันสั้น ทว่าร่างสูงที่ได้รับมอบหมายให้ไปบอกกล่าวนั้น กลับนั่งเฉย ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
ในใจประหวัดไปถึงวินาทีที่เขาก้าวเข้าไปในงานแต่งงาน เขาตั้งใจจะนำของขวัญเล็กๆน้อยๆไปมอบให้ ด้วยความที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ ซึ่งเป็นชุดที่เป็นทางการที่สุดที่เขามี จึงหมายจะฝากของขวัญเอาไว้แล้วรีบกลับไปหานิชา เพราะเป็นห่วงนักว่าร่างเพรียวหายไปไหนจึงติดต่อไม่ได้
แต่แล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลับได้พบกับเจ้าสาวที่กำลังต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้างาน เคียงคู่กับร่างสูงสง่าของผู้เป็นเจ้าบ่าวที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเนี้ยบหรู ดูแตกต่างจากทุกคราที่ได้พบ ทว่าดวงหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักและสายตาคู่นั้น สายตาที่แฝงแววสนุกสนาน ทว่าน่าเกรงขามอย่างนักธุรกิจหนุ่ม ดวงตาของคนที่เขาเกลียดนักหนา
--- เขาไม่มีวันจำผิดพลาดได้อย่างแน่นอนรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำพูดแสดงความยินดีมากมายที่รายล้อม กลับยิ่งทำให้เลือดในกายที่เย็นเฉียบ แปรเปลี่ยนเป็นพลุ่งพล่านราวกับลาวาปะทุเดือด
มนุเชษฐ์หันหลังกลับ โดยไม่ได้เดินเข้าไปทักทายคู่บ่าวสาวที่ยกมือไหว้สวัสดีแขกเหรื่อจำนวนมาก เนื่องจากธุรกิจของหลินเช่อ และตัวของเตชินท์เอง ทำให้ต้องพบปะคนระดับสูงจากหลายหลากประเทศ ทั้งคนไทย และคนจีน อีกทั้งยังมีต่างชาติมากมายที่พากันมาร่วมแสดงความยินดี แม้ไม่อยากจะเชื่อว่า พยัคฆ์ขาว กับมังกรคราม จะสามารถจับมือกันปรองดองได้ด้วยดีเช่นนี้
.
.
งานหมั้นในตอนเช้าตรู่ที่ผ่านพ้นไปทำให้นภิสารู้สึกเพลียเล็กน้อยจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เธอหันไปมองซีกหน้าคมคายที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มสว่างไสวด้วยสายตาเฉยชาแพขนตายาวงอนสีดำสนิทกระพือในยามที่เธอกระพริบตา โหนกแก้มที่ถูกแต่งแต้มด้วยแดงระเรื่อ และริมฝีปากสีชมพูสดแวววาว รับกับเครื่องประดับจาก Cartier และชุดเจ้าสาวจาก Vera Wang ที่ผู้เป็นเจ้าบ่าวคัดสรรมามอบให้เป็นอย่างดี ทำให้เจ้าหล่อนดูเป็นสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยวาสนาและบารมี ทั้งมีความสามารถ ทั้งรูปลักษณ์และบุคลิกที่น่าชื่นชม
ไม่แตกต่างจากชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่สั่งตัดมาด้วยผ้าเนื้อดีที่สุดจากฮ่องกง ที่หลิวเช่อเป็นผู้เลือกสรรให้อย่างตั้งใจ ไม่ให้ใครตราหน้าได้ว่าไม่ยอมทุ่มทุน
และแน่นอนว่า งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้จะต้องจัดขึ้นในโรงแรมอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด ดีที่สุด และมีระดับมากที่สุด
"คุณเตชินท์ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอร้องค่ะ"
"ได้ทุกสิ่งเลยครับ คุณหญิง"
"พ้นคืนนี้ไป... เราจะเป็นสามีภรรยากันแต่เพียงในนามเท่านั้น จะไม่มีการร่วมหอกันจริงๆ จนกว่าจะถึงวันนั้น..."
"วันไหนครับ?"
ดวงตาคมปลาบของหญิงสาวปรายมองนัยน์ตาที่มีแววขบขันที่เหลือบมองลงมา เธอมองเห็นความดุดันในสายตาคู่นั้นที่ใช้ความกรุ้มกริ่มอย่างผู้ชายเจ้าชู้มาบดบังเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
"วันที่ฉันรัก และเชื่อใจคุณได้จากใจจริง แต่ก่อนหน้านั้น อย่าหวังว่าจะได้ใกล้ฉัน หากคุณทำอะไรฉัน...
ฉันฆ่าคุณแน่"
เตชินท์แย้มรอยยิ้มบางกับคำกระซิบขู่นั่น เขาโน้มกายลงกระซิบริมหูเจ้าสาวด้วยท่วงท่าที่สง่างามและซุกซนคล้ายกับเจ้าบ่าวที่กำลังสนิทสนมกับเจ้าสาวในสายตาของคนอื่น
"ไม่ต้องห่วงไป... หากวันนั้นมาถึงจริง คุณ... จะเป็นฝ่ายขอร้องให้ผม
ฆ่า คุณเอง"
นภิสาตัวสั่นสะท้านน้อยๆจากความอำมหิตในน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เย็นชานั่น คำพูดนั้นหาที่มาที่ไปไม่ได้ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกหนาวราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นเฉียบทั่วกาย เธอหันไปมองใบหน้าดูดีที่หันกลับไปแย้มยิ้มให้กับแขกคนสำคัญที่ทยอยมาทักทายคนแล้วคนเล่า มือเรียวที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยถุงมือสีขาวโปร่งสวยจิกกำแน่นเพื่อระงับไม่ให้ตนเองแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาในวินาทีนี้
ไหนเล่า เจ้าสาวที่โชคดี
ใครกัน หญิงสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกไร้สาระทั้งเพ การที่เธอได้แต่งงานในวันนี้ เป็นดั่งจุดเริ่มต้นที่เธอต้องก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยภายในบ้าน เพื่อจมดิ่งลงมาสู่ห้วงสมุทรอันลึกล้ำที่ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้อีกต่อไปต่างหากเล่า
ทว่าคนที่เธอห่วงนัก กลับไม่ใช่ตัวของเธอเอง แต่เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ที่ขังตัวเองอยู่แต่ภายในห้องนอน ไม่ยอมออกมาพบปะใคร หรือแม้แต่จะแสดงความยินดีให้แก่เธอผู้เป็นพี่สาว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ต้องการจะรับฟังคำแสดงความยินดีจอมปลอมสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกเจ็บปวดภายในใจไม่ได้ เมื่อรู้สึกว่าถูกผู้เป็นน้องสาวเกลียดเข้าให้ในสิ่งที่เธอไม่ได้เป็นผู้ตั้งใจกระทำเสียแล้ว ทั้งๆที่หากเลือกได้แล้ว เธอไม่อยากจะแต่งงานกับชายผู้นี้หรอก ชายคนที่ทำลายอนาคตของน้องสาวของเธอเสียป่นปี้ เธอจะไปรักได้ลงได้อย่างไรกัน
นอนไม่หลับ ไม่สบายใจเอาเสียเลยนิชารู้สึกไม่ดี ในใจรู้สึกถึงความไม่สงบที่วิ่งพล่านโดยไม่รู้สาเหตุ ราวกับเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาขยับเขยื้อน ฝืนกายลุกจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องอาบน้ำ สายน้ำอุ่นที่ชโลมกายทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง เขาเดินไปคว้าชุดสูทในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของเตชินท์เสียเป็นส่วนใหญ่ ขณะปรายสาตามองเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนเข้าใกล้หกโมงเย็นเข้าไปทุกที
อย่างน้อย เขาก็ควรจะไปร่วมแสดงความยินดีกับลูกค้าคนสำคัญเสียหน่อย ไหนๆก็รับบัตรเชิญมาแล้ว
นิชาคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่รู้สถานที่จัดงาน มือเรียวจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหามนุเชษฐ์ แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสาย ร่างบางทรุดกายนั่งลงบนเตียงอย่างถอดใจ ทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดสูทสีดำเช่นนั้น เขานั่งคิดถึงวันที่นภิสาไปที่ร้าน แล้วมอบการ์ดเชิญให้กับมนุเชษฐ์ ในตอนนั้นเด็กหนุ่มอยู่ที่แคชเชียร์ อาจจะเก็บเอาไว้ที่ลิ้นชักใกล้ๆก็เป็นได้
เขานึกขำในความตั้งใจของตนเอง หากไปที่ร้านแล้วไม่มีการ์ด ก็เท่ากับว่าสูญเปล่า แต่ ณ อารมณ์ของเขาในตอนนี้ ไม่สามารถอยู่ในห้องเฉยๆได้อย่างสบายใจอยู่แล้ว หากไปแล้วไม่เจอ ก็ค่อยคิดอีกทีแล้วกันว่าจะไปไหนต่อทั้งๆที่ใส่ชุดแบบนี้
นิชาคิด ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งที่นานๆครั้งจะมีใครมากดเสียที เขาตรงไปที่ด้านหน้าประตูคอนโด ก่อนจะเปิดรับโดยไม่ได้มองช่องตาแมว
"ใครครับ?"
เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อน รูปลักษณ์ดูดี สะอาดสะอ้าน อยู่ในชุดสูทสีขาวรับกับเรือนผมสีน้ำตาลซอยสั้นที่เซ็ตเอาไว้เป็นทรงอย่างดี แม้เห็นเพียงคราแรกก็สามารถบ่งบอกได้ว่าร่างตรงหน้าเป็นชายเจ้าชู้ที่ไม่คิดปิดบัง สังเกตได้จากสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งตรงมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าเขาซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีครับ... คุณคือ...?"
"ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ เลยแวะมาทักทายน่ะครับ"
"อ้อ ครับ ผมชื่อนท"
"คุณนท พอดีวันนี้ผมก็มามือเปล่าซะด้วย ไว้โอกาสหน้าผมจะเอาของขวัญทักทายมาให้นะครับ"
"ไม่ต้องหรอกครับ เพื่อนบ้านกัน"
"เพราะเป็นเพื่อนบ้านกันน่ะสิครับถึงต้องให้ เป็นธรรมเนียมครับ งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ พอดีผมต้องรีบไปธุระต่อ"
"อ๊ะ เดี๋ยวครับ คุณชื่อ...?"
เจ้าของร่างที่กำลังจะวิ่งไปทางลิฟต์สีเงินสวยหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมามองพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
"ลืมบอกชื่อเลย ผมชื่อเอกครับ ฝากตัวด้วยนะครับ คุณนท"
นิชายืนงุนงงอยู่กับท่าทีว่องไวดั่งฟ้าแลบของร่างสูงเป็นยิ่งนัก เขาระบายลมหายใจน้อยๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังจะไปงานแต่งงานเช่นเดียวกัน เขารีบหันกลับไปคว้ากระเป๋าสตางค์ยัดใส่กางเกง ก่อนจะก้าวออกจากบ้านไป โดยเผลอทำนิสัยเสียที่เตชินท์บ่นนักบ่นหนา นั่นคือการที่เขาลืมหยิบโทรศัพท์มือถือติดมาด้วย
นิชาใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะไปถึงร้าน แม้ว่าจะขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่หมอชิตก็ตาม แต่ก็ต้องต่อรถแท็กซี่อีกสักพัก เนื่องจากในเวลาเย็นเช่นนี้ ทุกคนต่างรีบร้อนจะกลับบ้านของตนเอง รถจึงติดไม่ใช่น้อยกว่าจะเข้าเส้นเกษตร-นวมินทร์ได้
ร่างบอบบางไขกุญแจเข้าไปในร้าน ก่อนจะไปก้มๆเงยๆตามลิ้นชักใกล้แคชเชียร์ แล้วเขา ก็เหลือบไปเห็นกระดาษแข็งสีชมพูอ่อนที่สอดอยู่ใต้กุญแจสำรองของร้าน นิชาถอนใจอย่างโล่งอก พร้อมกับหยิบการ์ดนั้นขึ้นมาเปิดหาสถานที่จัดงาน
‘เรียนเชิญผู้มีเกียรติมาร่วมงานมงคลของ
คุณนภิสา หลิน กับ คุณเตชินท์ สุวรรณยุทธา’
ดวงตาคู่สวยจับจ้องถ้อยคำสั้นๆเพียงไม่กี่คำเหล่านั้น --- เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้
โลกทั้งโบ ---
หยุดหมุน.
.
.
Talk: สวัสดีวันฝนกระหน่ำค่า ^ ^
ชานมเพิ่งกลับมาถึงบ้าน TwT รถติดมากเลยสัปดาห์นี้ ติดทุกวัน
ขอตัวไปอาบน้ำ แล้วก็อ่านหนังสือสอบต่อก่อนนะคะ ^ ^
ทุกคนอย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
