[[THE CAGE]] . . กรงรัก . . .
[21]
“คุณหลิน เรียกผมมามีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”
“คุณหลินอะไรกัน เราคือครอบครัวเดียวกันแล้วนะ เรียกแบบเดียวกันกับหญิงก็ได้”
“อย่างนั้นก็... อากง”
เตชินท์แย้มยิ้มน้อยๆเมื่ออีกฝ่ายดูมีทีท่าพออกพอใจ แม้ว่าในใจจะไม่นึกยินดีด้วยเลยแม้แต่น้อย เขานั้นไม่ได้อยากจะผูกสัมพันธ์ฉันญาติกับร่างตรงหน้า เพียงแค่ต้องการฮุบกิจการใหญ่ตามลำพังเท่านั้น ตั้งแต่ตอบตกลงว่าจะแต่งงานกับนภิสา ธุรกิจร่วมระหว่างพวกเขาก็ดำเนินไปด้วยดีไม่ใช่น้อย การส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงและทันสมัยเป็นพิเศษก็ทำได้ง่ายขึ้น จนตอนนี้ นอกเหนือจากประเทศฝั่งตะวันออกกลาง และเอเชียแล้ว เขายังสามารถส่งสินค้าไปทางฝั่งยุโรปและอเมริกาได้อีก นับว่าเป็นการลงทุนเพื่อเปิดเส้นทางการค้าที่คุ้มพอสมควร
--- ติดแค่เรื่องที่เขาต้องสูญเสียนิชาไปนั่นล่ะ ที่เขามองว่า ต่อให้เอาโลกทั้งใบมาแลก ก็ไม่คุ้มเลย
“ดี คุณชิน... ที่เรียกมาวันนี้ ฉันมีเรื่องจะคุยเกี่ยวกับหลานสาวคนเล็กของฉัน”
เตชินท์ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เรื่องของลลดาน่ะหรือ? เจ้าหล่อนสำคัญอะไรขนาดที่เขาต้องสละเวลาการทำงานเพื่อมาสนทนาเรื่องของเจ้าหล่อนเชียวหรือ?
“ครับ มีอะไรเหรอครับ?”
“ฉันได้ยินว่าพวกเธอสองคนเคยคบกัน”
“ใช่ครับ... แต่นั่นเป็นอดีตก่อนที่จะได้พบกับหญิง”
“คุณชิน ฉันอายุมากแล้ว ฉันรู้ดี”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ เมื่อได้เห็นทีท่าสงบทว่านัยน์ตาที่แข็งกร้าวเสียจนลมหายใจสะดุดของร่างชราตรงหน้า
“คุณจะนอนกับผู้หญิงสักกี่คน มันไม่ใช่ธุระของฉัน แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นหลานสาวที่ฉันรักและถนอมยิ่งกว่าใคร มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องสนใจแน่”
“... แล้ว... อากงต้องการให้ผมทำยังไง?”
เจ้าของนามแค่นยิ้ม “นั่นน่ะสิ ตอนแรกผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้เด็กที่คลอดออกมาเป็นลูกของคุณกับหญิง เพราะไม่อยากให้อนาคตที่ดีของเล็กต้องเสีย แต่ดูเหมือนว่าโชคยังเข้าข้างเราที่เด็กคนนั้นไม่ได้ท้องจริง แต่ถึงอย่างนั้น จิตใจของเด็กคนนั้นก็กระทบกระเทือนอยู่ไม่น้อย คุณจะรับผิดชอบยังไง คุณชิน?”
เตชินท์ไม่ตอบคำ เขานึกอยากจะถามเหมือนกันว่ามันใช่ความรับผิดชอบของเขาเพียงคนเดียวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาไม่เคยบังคับข่มขืนเจ้าหล่อน หนำซ้ำเจ้าหล่อนไม่ใช่หรือที่เป็นคนเข้าหาเขาด้วยหวังจะใกล้ชิดตั้งแต่คืนแรกที่ได้พบกัน
“คุณชิน ฉันน่ะแก่มากแล้ว ก็มองหาเขยสักคนที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากฉัน ไอ้ลูกเขยที่ลูกสาวของฉันแต่งงานด้วยมันก็ไม่สู้คน ฉันต้องหารุ่นต่อไปมาสืบต่อธุรกิจของฉันให้มันก้าวหน้าขึ้น ไม่อยู่กับที่... ฉันคิดว่าคุณทำได้”
เตชินท์แทบกลั้นลมหายใจรอฟังประโยคต่อไป นี่ล่ะคือสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งหมดทั้งมวลที่เขายอมลงทุนไปก็เพื่อสิ่งนี้
“แต่ว่า ฉันต้องทดสอบคุณ และเรื่องของเล็ก จะเป็นบททดสอบ... หากคุณสามารถทำให้เล็กกลับมาเป็นคนเดิมได้ ฉันจะลองพิจารณาคุณอีกที”
“กลับเป็นเหมือนเดิมยังไงครับ?”
หลิวเช่อแค่นหัวเราะ “นักธุรกิจที่เก่งกาจย่อมต้องหาข้อมูลเองไม่ใช่หรือ คุณชิน”
ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจในรอยเย้ยหยันในแววตาของผู้สูงวัยที่แสดงออกมาอย่างชัดแจ้งโดยไม่คิดจะปิดบัง เขาขบฟัน พร้อมกับเหยียดยิ้มบางอย่างไม่หวั่นไหว
"ตามนั้นครับ อากง"
นิชาขึ้นลิฟต์มาบนชั้นสูงสุดในคอนโดใหญ่ที่คุ้นเคย แม้ว่าเขาจะย้ายออกไปแล้ว แต่เขาก็ยังแวะเวียนกลับมาเพื่อทำความสะอาดที่แห่งนี้อย่างอดไม่ได้ เนื่องจากที่นี่ก็เคยเป็นบ้านที่เขารัก และเขาก็ยังรักอยู่
มือเรียวรูดคีย์การ์ด พร้อมกับเปิดประตูจะเดินเข้าไป ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง แว่บหนึ่งเขาเผลอนึกไปว่าเป็นเสียงของเตชินท์ แต่เมื่อทำใจกล้าหันไปมอง กลับเป็นชายหนุ่มห้องข้างๆที่เคยแวะมาทักทายเมื่อหลายวันก่อน
"ไม่ได้พบกันซะนานเลยนะครับ คุณนท"
"สวัสดีครับ คุณเอก"
เจ้าของนามเพียงคลี่ยิ้มแต่ไม่ได้บอกไปตามตรงว่าย้ายออกไปแล้ว เขาหยุดยืนอยู่ริมประตูรอให้อีกฝ่ายเดินมาจนถึงห้องข้างๆ
"เรียกเอกเฉยๆก็ได้ครับ"
"... ได้สิครับ เอกอายุเท่าไหร่ล่ะ?"
"ยี่สิบสามครับ"
"อ้าว อายุเท่ากันเลย"
"ดีเลยครับ งั้นผมเรียกคุณว่านทเฉยๆนะ"
"ไม่มีปัญหาครับ นี่เพิ่งกลับจากที่ทำงานเหรอครับ?" เอ่ยออกไปด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเพียงสวมเสื้อยืดคอกลมสกรีนลายแบรนด์ดังกับกางเกงยีนส์สีซีดเท่านั้น แถมยังเป็นสไตล์ขาดวิ่นอยู่หลายจุดราวกับเพิ่งถูกหมาฟัดมาอีกต่างหาก
"อ๋อ ทำนองนั้นครับ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง เลยต้องสวมชุดลุยๆหน่อย"
นิชาแอบเม้มริมฝีปากเมื่ออีกฝ่ายอ่านสายตาของเขาออก และรู้สึกผิดน้อยๆที่เผลอทำตัวเสียมารยาท
"ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ใครๆก็บอกว่าแต่งตัวอย่างกับจะไปเป็นกรรมกรที่ไหน ผมจะเปิดร้านน่ะครับ แต่ค่าจ้างสมัยนี้แพงน่าดู อะไรที่พอทำได้อย่างทาสีก็เลยลงมือทำเอง"
"อ๋อ แบบนี้นี่เอง เอกเปิดร้านอะไรเหรอครับ?"
"ร้านเหล้าครับ"
นิชากะพริบตาปริบๆ จะว่าไปร่างตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกที่น่าจะเป็นแบบนั้น คงไม่ใช่ร้านกาแฟหรือเบเกอรี่อยู่แล้ว แต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้
"คงต้องใช้เงินลงทุนสูงเหมือนกันนะครับ"
"ก็พอควรครับ เพราะมันมีเรื่องของกฎหมายมาพัวพันด้วย แต่พอดีมีคนรู้จักเขาเปิดร้านเหล้าอยู่เหมือนกัน ก็เลยให้คำแนะนำหลายๆอย่างที่ช่วยลดต้นทุนในระยะแรกได้"
นิชาพยักหน้า อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ที่คนอายุอานามใกล้เคียงกับตัวเขามีความกล้ามากพอที่จะลงทุนเพื่อทำในสิ่งที่รักได้แบบนี้
"ตอนนี้ผมหาพนักงานอยู่ ถ้าคุณนทพอจะรู้จักใครที่หางานอยู่ รบกวนบอกผมด้วยนะครับ"
"ได้ครับ ตำแหน่งอะไรบ้างล่ะ?"
"ตอนนี้ก็มีพนักงานเสิร์ฟ บาร์เทนเดอร์ แล้วก็ผู้จัดการร้านน่ะครับ"
"เอาไว้ถ้าผมเจอใครที่เหมาะสมจะแนะนำให้นะครับ"
"ขอบคุณครับ ช่วยได้มากเลย"
มือใหญ่ยกขึ้นเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอโทษทีที่ชวนคุยซะนาน เดี๋ยวรีบอาบน้ำแล้วผมต้องไปทำร้านต่อ ไว้เจอกันนะครับ นท"
ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยิบตาขณะเดินเข้าห้องไป ปกติแล้วเขาไม่รู้สึกเขินใครง่ายๆแบบนี้ แต่ก็อาจเป็นเพราะดวงตาซุกซนและการวางตัวที่เป็นกันเองที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเหมือนเพื่อนกันก็เป็นได้
อย่างน้อย การมีเพื่อนรุ่นเดียวกันบ้างก็ดีเหมือนกัน แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นสามารถเล่าอะไรให้ฟังได้ก็ตามที
ทุกวันนี้ เขาก็จ้างพนักงานใหม่เพื่อรับตำแหน่งทำขนมที่ร้าน เพื่อที่ตัวมนุเชษฐ์เองจะได้ไม่ต้องลำบากใจและอึดอัดที่เห็นหน้าเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อได้รู้ว่าเขาลาจากตำแหน่ง ในขณะที่ลูกค้าหลายคนก็บ่นคิดถึง แต่ยังโชคดีที่เขาได้พนักงานฝีมือดีมา สามารถทำตามสูตรขนมของเขาได้ออกมารสชาติใกล้เคียงกันแทบไม่ผิดเพี้ยน อย่างน้อยร้านนี้ --- ร้านที่เป็นของเขาและเตชินท์ --- ก็ดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีเขา
ภายในห้องยังเหมือนเดิม ไร้วี่แววของชายหนุ่มเจ้าของห้อง นิชาปรายสายตามองไปตามทางเดิน ผ่านห้องรับแขก ห้องครัว ไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอน
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน สิ่งเดียวที่เปลี่ยน ก็คือเจ้าของห้อง ซึ่งในตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ทั้งสองคน ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่น้ำตา ก็ยังรินไหลอาบแก้มเนียน ภาพเดิมๆไหลวนย้อนกลับมาในหัวใจ เจ็บปวดเหลือเกิน
พวกเขารักกันมาตั้งกี่ปี ยิ้มให้กัน หัวเราะมาด้วยกัน ทะเลาะ ร้องไห้ และสร้างความทรงจำด้วยกันมากมาย นับครั้งไม่ถ้วน
--- แต่ตอนที่เลิกกัน กลับใช้เวลาเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น
แม้ว่าเตชินท์อาจจะลบภาพของเขาออกไปจากหัวใจได้ด้วยระยะเวลาเพียงแค่นั้น
แต่สำหรับเขาในวันที่ ภาพของเตชินท์ ยังคงตราตรึง ยึดครองพื้นที่อยู่เต็มหัวใจไม่เสื่อมคลาย
อดสงสัยไม่ได้ว่า ในตอนนี้ เตชินท์จะเป็นอย่างไรบ้าง มีความสุขดีกับนภิสาหรือไม่ สามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้หรือยัง
นิชาหลุบสายตาลงต่ำ เมื่อหยาดน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาริมขอบตาอีกครั้ง เขากะพริบตาเพื่อไล่หยดน้ำใส ก่อนจะชะงัก เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาลังเล ไม่กล้าจะรับสาย ด้วยไม่มั่นใจว่าปลายสายนั้นเป็นใคร เพื่อนของเขาหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเขาย้ายที่อยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องโทรเข้าคอนโด ในเมื่อมือถือของเขาก็ยังอยู่ติดกับตัว ไม่นาน โทรศัพท์สายนั้นก็ตัดเข้าระบบอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนรับสาย
และ เสียงที่ดังออกมา ก็ตอบคำถามของเขาได้เป็นอย่างดี
"พี่ชินคะ น้องเล็กนะคะ ไหนพี่ชินบอกว่าจะมารับเล็กเย็นนี้ไง ทำไมมาสายจัง มือถือก็ติดต่อไม่ได้ อย่าบอกนะว่ายังไม่ออกจากบ้าน เล็กรออยู่นะ รีบมานะคะ"
มือบางกำแน่น สั่นระริก ในขณะที่ความโกรธทวีวาบในแววตาคู่สวย
'เล็ก' อย่างนั้นหรือ? เด็กคนนั้น คนเดิมคนนั้นอีกแล้ว?
ในเมื่อแต่งงานไปแล้ว ทำไมถึงยังติดต่อกับเด็กคนนั้นอยู่อีก ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์หลีกทางให้เพื่อครอบครัวของนภิสา แต่ทำไมเตชินท์ถึงได้ --- ?
นิชาพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ ว่าเตชินท์เองก็มีบ้านหลังใหม่แล้ว เหตุใดเด็กสาวคนนั้นถึงได้โทรเข้าที่นี่?
หรือว่า --- ?
นิชาผลักประตูเข้าไปยังห้องนอน ผืนผ้าห่ม ปลอกหมอน ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือสภาพของห้อง เขาจำได้ว่าก่อนจะออกไปจากที่นี่ เขาจัดห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วแต่ในตอนนี้ผ้าห่มที่เขาใช้กลับไม่ได้พับเก็บให้เรียบร้อยอย่างที่ควรจะเป็น นั่นหมายความว่ามีคนเข้ามาใช้ห้องนี้นอกจากเขาหลังจากวันนั้น
ถ้าอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ต้องรู้แล้วว่าเขาย้ายออกไป แต่กลับไม่สงสัย ไม่คิดจะไถ่ถาม
แต่นั่นก็ดีแล้ว ดีแล้วไม่ใช่หรือ เขาเองก็หวังให้เป็นแบบนี้ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดลงแบบไม่ต้องยื้อกันอีกต่อไป
เตชินท์ นิสัยเดิมๆ ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีแล้วก็ตาม
และนิสัยนั้น ก็เป็นนิสัยที่เขารับไม่ได้ มันเป็นนิสัยที่ทำลายชีวิตคู่ของเขา ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ผลของมันก็ไม่แตกต่างอยู่ดี
หากตอนนี้กลับไปคบกันอีก ก็คงลงเอยเหมือนเดิม จบลงที่เดิม เสียใจเหมือนเดิม
ความรักในครั้งนี้ ก็ทิ้งรอยบาดลึกเอาไว้ในหัวใจ เหมือนกับรอยแผลเป็น ที่อาจจางลงได้ตามกาลเวลา แต่ไม่มีวันลบเลือนหายไป
ดีแล้ว ที่เขาไม่หยุดอยู่ที่คนคนนั้น ดีแล้วจริงๆ
คนคนนั้น คงไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กับเขา เรื่องมันก็แค่นี้
นิชาปิดตาลง ไล่น้ำตาที่รินอาบใบหน้า ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปจากห้อง โดยไม่หันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สอง
ในเมื่อ หัวใจของเขาในตอนนี้ ยังไม่พร้อมที่จะลบความทรงจำที่ดีที่ร่วมกันสร้างมากับผู้ชายคนนี้
เขา --- คงต้องทำอะไรสักอย่าง
เตชินท์รู้สึกหงุดหงิดนัก เขาแวะมาที่คอนโดหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีวันไหนที่เขาจะได้พบกับร่างบางที่เขาปรารถนา หลายวันมานี้มีแต่เรื่องที่ทำให้ปวดหัว อยากจะได้เห็นหน้าของนิชาสักครั้ง เพื่อที่จะทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น แม้จะเพียงชั่วแว่บเดียวก็ตาม ในเมื่อเลิกกันไปแล้ว การที่เขาจะหาจังหวะมาพบกันจึงเป็นเรื่องยาก ทุกครั้งที่เขาก้าวเข้ามายังที่แห่งนี้ ต้องเตรียมความคิดและบทพูดมากมาย กว่าจะรวบรวมความกล้าเข้ามาในห้องได้ ทั้งๆที่ห้องนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแท้ๆ
หลายครั้งที่กลับมา แล้วไม่พบนิชา ก็ไม่รู้สึกแปลกใจเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน อีกฝ่ายคงอยู่ที่ร้าน แต่เมื่อคืนเขากลับมาถึงก็ห้าทุ่มแล้ว ก็ยังไม่พบร่องรอยของร่างเล็กบางที่ปกติไม่เที่ยวกลางคืนคนนั้น ใจหนึ่งก็คิดว่าคงมีนัดกับเพื่อนพอดี หรือไม่ก็ติดธุระอะไร จึงนั่งดื่มเบียร์ไปพลางๆระหว่างรอ จนกระทั่งตีหนึ่งยังไม่เห็นกลับ มือใหญ่เลื่อนไปที่โทรศัพท์ หมายจะโทรหาด้วยความห่วงใย ทว่ารอยน้ำตาบนใบหน้าสวยที่ยังคงติดตาของเขากลับทำให้ชะงักไป
หากเขาโทรไป อีกฝ่ายคงลำบากใจ อย่าลืมสิว่าเขากำลังรับบทคนเลวอยู่ หากจะเปลี่ยนมาเป็นคนดีในตอนนี้ สิ่งที่อุตส่าห์ทนทำมาทั้งหมดย่อมสูญเปล่า
ในคืนนั้น เขาจึงเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่นิชาจะกลับบ้าน จวบจนใกล้รุ่งสางที่เขาเผลองีบหลับไป และแน่นอน จนกระทั่งรุ่งเช้า ก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่เขารักและถวิลหาคนนั้น
“หายไปไหนนะ”
เสียงทุ้มบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด เขาตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องตามตัวนิชาให้พบให้ได้ วันนี้ทั้งวันเขาไม่เป็นอันทำอะไรด้วยห่วงร่างงามจนแทบบ้า จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร รอทั้งคืนก็ไม่กลับบ้าน เช้ามาก็ยังไม่มีร่องรอยใดๆ คิดจะโทรหา แต่ก็เปลี่ยนใจอีกนั่นแหละ เขาตั้งใจว่าคืนนี้กลับมาถ้ายังไม่เจอก็ค่อยคิดอีกที
ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป สายตาปรายมองนาฬิกาที่อยู่มุมห้อง เห็นว่าใกล้สองทุ่มเข้าไปทุกที เป็นปกติที่นิชาใกล้จะถึงบ้าน เขาเปิดไฟ ทำใจให้สงบ ก่อนจะนั่งรอที่โซฟาที่เดิม พยายามทำใจให้สงบ มือใหญ่เอื้อมเปิดโทรทัศน์แก้เหงา เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยกลับบ้านที่ไม่มีนิชารออยู่เลย การรอใครสักคนที่บ้านตามลำพังมันเหงาแบบนี้เลยหรือ คอนโดแห่งนี้เงียบขนาดนี้เชียวหรือ
แล้วตอนที่นิชาต้องรอเขากลับบ้าน จะรู้สึกแบบเดียวกันรึเปล่า?เตชินท์ระบายลมหายใจอย่างนึกหงุดหงิด เขาลุกขึ้นแล้วตรงไปยังห้องอาบน้ำ ตั้งใจจะสระผมเผื่อว่าจะไล่อารมณ์ร้อนออกไปจากสมองได้บ้าง ก่อนจะชะงัก เมื่อไม่พบกับผ้าเช็ดตัวที่มักจะแขวนเอาไว้อยู่ที่เดิมเสมอ แม้ว่าจะไม่มีของเขา แต่ก็ควรจะมีของนิชาอยู่บ้างไม่ใช่หรือ
ชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เมื่อในห้องน้ำไม่มีวี่แววของอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวเลย ไม่ว่าจะแปรงสีฟัน ยาสระผม สบู่อาบน้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปหมด ราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่
ร่างสูงชะงัก ก่อนจะรีบพุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้าง เมื่อภายในตู้มีเพียงความว่างเปล่า เสื้อผ้าของนิชาหายไปหมด เหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตของเขาหลายตัวที่ทิ้งเอาไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้น
เตชินท์ตัวสั่นระริก เขาพูดอะไรไม่ออก พยายามคิดหาเหตุผลมาแก้ต่างให้กับสิ่งที่กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เขาตรงไปที่ครัว เปิดตู้เย็น ไม่มีเลย ไม่มีสิ่งใดอยู่ในตู้เย็น หนำซ้ำ ปลั๊กไฟยังถูกถอดออก เป็นเครื่องหมายยืนยันว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่ และท่าทางจะไม่มีมานานแล้วด้วย
แล้วเขา มัวไปทำอะไรที่ไหนมาถึงได้ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
เด็กของเขา คนของเขา คนรักของเขา
หายไปไหน เด็กคนนั้นหายไปไหน
เรื่องของนิชา เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมเขาถึงไม่รู้ได้?
มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือเอาไว้ สายตาจรดมองราวกับกำลังใช้ความคิด ในที่สุด ปลายนิ้วยาวก็เลื่อนไปตามแผงหน้าจอเพื่อกดหมายเลขที่คุ้นเคยโดยไม่จำเป็นต้องไล่หาจากรายชื่อ
‘นท’เขาไม่เคยรู้สึกว่า การรอใครสักคนรับโทรศัพท์มันจะยากเย็นขนาดนี้มาก่อนเลย
โทรศัพท์ดังอยู่นาน จนกระทั่งตัดเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ
เขาวางสาย แล้วกดโทรออกใหม่ อีกครั้ง
อีกครั้ง
และอีกครั้ง
จนในที่สุด ฟ้าที่ค่ำมืด ก็กลายเป็นสีดำสนิท
นิชา --- ก็ยังไม่รับโทรศัพท์
Talk: ตัดจบดื้อๆไปรึเปล่าน้อ??
สวัสดีค่ะ หายไปซะนาน กลับมาสำนึกผิดแล้วค่า >.<
ชานมไม่ได้หนีนะ จริงๆนะ
แต่ว่าตาอักเสบค่ะ ไปหาหมอ หมอบอกกระจกตาอักเสบ
ห้ามใส่คอนแท็กเลนส์หนึ่งอาทิตย์ รวมถึงจ้องคอม จ้องมือถือ จ้องอะไรก็ตามที่ต้องใช้สายตาด้วย T T
แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ (จริงๆยังไม่ครบอาทิตย์ดี แต่ก็รีบมาปั่นตอนต่อไปก่อน เดี๋ยวทุกคนจะลืมน้องนทไป >.<)
ต้องขออภัยที่สั้นไปนะคะ แต่จ้องคอมนานๆตอนนี้ก็ยังปวดตาอยู่ มันจะแสบๆเคืองๆ เริ่มไม่ไหวก็เลยรีบมาโพสก่อน ^_^"
ตอนนี้ เราจะเริ่มเห็นอะไรบางอย่างเนอะ
หวังว่าน้องนทจะก้าวไปข้างหน้าได้มากขึ้น
และพี่ชิน คงได้เรียนรู้ว่า คนเรา ทำอะไรลงไป ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำนั้นด้วยตนเอง
เร็วๆนี้นะคะ สู้ๆ (บอกตัวเอง 555)
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และขอบคุณมากๆที่ได้ร่วมโหวตให้นิยายเรื่องนี้ติดหนึ่งในห้าอันดับแรก ขอบคุณจากหัวใจจริงๆค่ะ
