[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .
[22]
“ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงทุ้มนุ่มอันเป็นแบบฉบับของพนักงานประจำของร้านกาแฟเล็กๆริมถนนเกษตร-นวมินทร์ ดังขึ้นต้อนรับลูกค้าคนใหม่ที่ก้าวเข้ามาภายในร้าน ก่อนที่เจ้าของร่างสูงจะปล่อยให้เด็กฝึกงานที่เพิ่งมาใหม่ไปต้อนรับลูกค้า ขณะที่เจ้าตัวกำลังวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ
“ขอคาปูชิโน่ร้อน กับคุกกี้ข้าวโอ๊ตครับ”
มนุเชษฐ์ชะงัก ใบหน้าดูดีรีบหันไปทางต้นเสียง ก่อนจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังทำอยู่แล้วพุ่งไปหาร่างบอบบางที่ยืนอยู่หน้าเครื่องเก็บเงิน
“พี่นท”
“หวัดดี เชษฐ์”
เจ้าของนามคลี่ยิ้มให้กับท่าทีแตกตื่นของเด็กฝึกงานหลังแคชเชียร์ที่ไม่มีทีท่ารู้เรื่องว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นเป็นถึงเจ้าของร้าน เนื่องจากนิชาไม่ได้แวะมาที่ร้านหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่เลิกกับเด็กหนุ่มร่างสูงผู้แสนดีที่เป็นดั่งน้องชายแท้ๆของเขา เขาก็บอกลาตำแหน่งเชฟ เพื่อผันตัวไปเป็นเจ้าของกิจการที่ไม่ได้ลงมาทำเองเต็มตัว และยกร้านให้เป็นหน้าที่การดูแลของมนุเชษฐ์ที่เขาไว้วางใจแทน
“มาขอชิมฝีมือชงกาแฟหน่อย ไม่ได้กินมานานแล้ว”
เด็กหนุ่มร่างสูง ที่นับวันก็ยิ่งดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกครั้งที่เจอทอดถอนใจเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้เจ้าของร่างเล็กอย่างระอา ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญจะคุย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถ่อมาถึงที่นี่ แต่ก็ยอมหันกลับไปชงคาปูชิโน่สูตรพิเศษที่นิชาชื่นชอบตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่ร้านด้วยกันให้ อดบ่นตนเองไม่ได้ที่เผลอตามใจร่างบางเสียจนเคยตัว แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของนิชาได้เลยจริงๆ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ทำให้เขาเจ็บปวดใจแค่ไหนก็ตาม
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”
ร่างสูงเอ่ยพลางทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม นิชาทอดสายตามองถ้วยกาแฟสีขาวที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ไออุ่นหอมกรุ่น กลิ่นที่เขาคุ้นเคยดี สถานที่อันแสนรักที่เขามักวางใจทุกครั้งที่ได้มาอยู่
“พี่มีเรื่องจะบอก”
มนุเชษฐ์พยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ เขาเดาเอาไว้อยู่ตั้งแต่แรกที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายที่ร้านแล้ว
“อะไรครับ?”
“พี่ได้งานแล้วนะ”
ใบหน้าหวานเอียงน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มประดับที่มุมปากเสียจนแก้มใสพองกลมอย่างน่าหยิก ทำเอาเด็กหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้
“โธ่เอ๊ย ดีแล้วนี่ครับ ทำหน้าซีเรียสซะ ผมก็นึกว่ามีเรื่องอะไร”
“อะไรกัน เรื่องสำคัญนะ อุตส่าห์บอกนายเป็นคนแรกเลยนะ ไม่น่าบอกเลยแบบนี้”
เด็กหนุ่มรีบใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผิวแก้มนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดู
“อย่างอนสิครับพี่นท โตแล้วนะ งอนมากๆเดี๋ยวหน้าเหี่ยวไม่รู้ด้วยนะ”
“ชิ พี่ไม่อยู่ขึ้นมานายจะเหงา”
“พี่นทจะไปไหน? ทิ้งผมได้ลงคอจริงๆเหรอ?”
“อย่างนาย อยู่เองได้อยู่แล้ว โตแล้วนี่เดี๋ยวนี้ ใครต่อใครมาตามติดเต็มไปหมด”
นิชาเปรยถึงลูกค้ามากมายที่ล้วนกล่าวกันว่าติดใจรสกาแฟของมนุเชษฐ์เสียจนต้องมานั่งจ่อมอยู่ในร้านวันหนึ่งหลายชั่วโมง และทุกคนที่พูดถึงล้วนเป็นผู้ชายทั้งนั้น
“หึงผมเหรอ?” เอ่ยพร้อมยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้
“ตลก แค่บอกว่าเดี๋ยวนี้นายเสน่ห์แรง ไม่มีพี่ก็อยู่ได้แล้ว”
“ใจร้ายจัง ผมนี่ถูกทิ้งตลอดเลย”
“... เชษฐ์ จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าพี่ได้งานอะไร”
“อืม ว่าจะถามอยู่พอดีครับ ได้งานอะไรที่ไหนล่ะ?”
“ผู้จัดการร้าน”
“อ้าวเหรอ อะไรเนี่ย เป็นเจ้าของร้านนี้ แต่ไปเป็นผู้จัดการร้านคนอื่น ไปทำที่ร้านอะไรล่ะครับ?”
ดวงตาคู่โตช้อนมองใบหน้าคมอยู่พักใหญ่อย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมเอ่ยตอบไปตามตรง พร้อมหยุดนิ่งมองท่าทางตอบรับจากอีกฝ่าย
“ร้านเหล้าน่ะ”
และปฏิกิริยาของร่างตรงหน้าก็ไม่แตกต่างจากที่เขาคิดไว้เลยแม้แต่น้อย ประกายไม่พอใจปรากฏขึ้นในแววตาและสีหน้าของเด็กหนุ่มอย่างไม่คิดจะปิดบัง
“พายกับยศเฝ้าร้านก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”
ร่างสูงเดินออกมาจากร้านโดยดึงมือบางให้ตามมาด้านหลังร้านที่ทำไว้เป็นที่จอดรถ นิชาพ่นลมหายใจยาวอย่างนึกหน่าย เขาว่าแล้วว่าต้องเป็นเรื่อง แต่ก็ยังตั้งใจจะบอกความจริงให้รู้เอาไว้ ไม่อยากจะโกหกหรือปิดบังความจริงจากคนสำคัญอย่างเด็กคนนี้
“พี่คิดยังไงไปทำร้านแบบนั้น ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย”
“ว่าแล้วว่าต้องพูดแบบนี้”
“รู้อยู่แล้วยังจะไปสมัครงานแบบนั้นอีกนะ”
“พี่ไม่ได้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟตามผับนะ เชษฐ์ พี่เป็นผู้จัดการ ดูแลภาพรวมของร้านเท่านั้น”
“แต่ก็ต้องลงไปเดินอยู่ในนั้นใช่ไหมล่ะ? คนเมาน่ะนะพี่นท มันไม่มีสติ ห้ามไม่ได้พี่ก็รู้”
“รู้ แต่ร้านนี้มันไม่ใช่ผับนะ”
“แล้วร้านเหล้ามันต่างจากผับตรงไหน? แค่ไม่มีฟลอร์ให้แด๊นซ์เท่านั้นไม่ใช่เหรอ?”
นิชาจนด้วยคำพูด จึงเลือกที่จะเงียบไม่โต้เถียง ปล่อยให้อีกฝ่ายบ่นต่อไป ด้วยรู้ดีว่าคงอีกยาว
“พี่โตแล้วนะ พี่ควรจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
“แล้วการทำงานแบบนี้มันมีอะไรไม่ควรเหรอ?”
“มันไม่ได้ไม่ควร แต่มันไม่เหมาะ พี่ตัวนิดเดียว เกิดมีเรื่องกับใครขึ้นมาจะทำยังไง?”
“พี่ไม่ได้ชอบหาเรื่องคนอื่นสักหน่อย”
“แต่เรื่องมันก็เข้ามาหาเองได้เหมือนกัน”
“ใจคอจะมองแต่แง่ร้ายนี่นา”
“เขาเรียกว่ามองโลกตามความเป็นจริงต่างหากล่ะ”
มนุเชษฐ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าบูด แก้มนี่พองจนแทบปริ มันน่าดีดให้เจ็บตัวซะมั่งจะได้เข็ดหลาบบ้าง แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้อีกตามเคย
“ก็ได้ๆ ไปทำร้านไหนบอกผมก่อน”
“ร้านเปิดใหม่ อยู่แถวคอนโด”
“คอนโดใหม่ของพี่น่ะนะ?”
“ไม่ใช่... แถวสาทร”
“... อ้อ แล้วเวลาพี่กลับบ้านจะกลับยังไง ดึกดื่นรถไฟฟ้าปิดนะ”
“ขับรถเองก็ได้”
“ตาก็สั้น บอกให้ไปตัดแว่นก็ไม่ไป”
“... ขี้บ่นชะมัด พี่ไม่ใช่น้องสาวนายนะ”
“ใช่ พี่ไม่ใช่น้องสาวของผมหรอก เพราะถ้าเป็นน้องสาวของผม ผมจับลาออกเดี๋ยวนี้แล้ว”
“ขอบคุณพระเจ้า”
“แล้วสรุปร้านชื่ออะไร?”
“Aphrodite”
มนุเชษฐ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้จะรู้สึกว่าชื่อประหลาดอย่างที่ไม่เหมาะจะเป็นชื่อร้านเหล้าเลยแม้แต่น้อยก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่คิดติดใจ
“โอเค อยู่สาทรซอยไหน พี่จดที่อยู่มาให้ผมด้วย แล้วเริ่มงานเมื่อไหร่บอกผมนะ ผมจะไปดูสักพัก”
“นายจะบ้าเหรอ งานการก็มี ทำไปสิ”
“กว่าร้านเหล้าของพี่จะเปิด ร้านที่นี่ก็ปิดแล้ว”
“บ้านก็มี กลับไปดูแลน้องสาวนายเถอะ”
“ตอนนี้หมิวมีแฟน ติดแฟนน่าดู ไม่สนใจผมหรอก”
“ไม่ห่วงน้องเหรอว่าจะโดนผู้ชายที่ไหนหลอก”
“ไม่ห่วงหรอก แฟนหมิวเป็นทอม”
“... อ้อ เออ... แล้วแม่ล่ะ? ไปดูแลแม่ดีกว่ามั้ง”
“แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ผมยังไม่ได้บอกพี่เหรอ? ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วหมอเลยให้กลับมาอยู่บ้านได้ แล้วผมก็ให้ลูกพี่ลูกน้องที่ต่างจังหวัดย้ายมาช่วยดูแลแล้วครับ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
“นายจะไปให้ได้เลยใช่ไหม?”
“ใช่ พี่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมพูดจริง”
“... ก็รู้แหละ แต่หวังว่าจะเปลี่ยนใจ”
“ให้ผมได้ตามดูพี่สักพัก ให้ผมหายห่วง ถ้าเห็นว่าโอเคผมก็เลิกเอง”
“แล้ว... ถ้าเห็นว่าไม่โอเคล่ะ?”
“พี่ก็รู้ว่าควรจะทำยังไงนะ ผมไปละ ทิ้งร้านนานไม่ได้ พายยังใหม่ กลับบ้านดีๆล่ะ พี่นท”
นิชางับริมฝีปากอย่างอ่อนใจ รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นพี่เสียมากกว่าน้อง นับวันยิ่งดูเป็นผู้ใหญ่ และเคยชินกับการออกคำสั่งและบังคับ แม้ว่าทุกสิ่งล้วนทำเพราะห่วงใย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่เด็กเล็กๆที่ต้องถูกเฝ้าจับตามองขนาดนี้
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำเอาเขาสะดุ้ง รีบลนลานคว้ามือถือขึ้นมากดรับสายแทบไม่ทัน
“ครับ”
“นท ผมเองนะ จะถามว่าวันนี้จะเข้าร้านรึเปล่าครับ”
“ครับ เอก นทกำลังจะไปเลยครับ”
“ดีเลย ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว อยากให้ช่วยออกความเห็นเรื่องตกแต่งร้านหน่อย รบกวนหน่อยนะครับ คุณผู้จัดการ”
นิชาหัวเราะ พร้อมกับเอ่ยรับคำเสียงใสแล้ววางสายไป ก่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ดวงตาคู่สวยเลื่อนไปสะดุดเข้ากับข้อความบอกสายไม่ได้รับจำนวนมากที่มาจากคนคนเดียวกัน --- คนที่เขาไม่เคยที่จะไม่รับโทรศัพท์
ร่างบางระบายลมหายใจ เขากดล้างข้อความเหล่านั้นทิ้ง พร้อมกับเก็บมือถือเข้าที่เดิมแล้วตรงไปที่รถ เพื่อขับออกไปสู่ใจกลางเมืองอันแสนวุ่นวายที่รถติดแม้แต่ในช่วงบ่ายของวันเช่นนี้
เพียงไม่นานหลังจากที่นิชากลับไป รถยนต์หรูคันใหญ่ก็แล่นเข้ามาจอดในที่จอดรถที่เดียวกัน รถเปิดประทุน Cascada ปี 2013 จอดนิ่งสนิท สีดำด้านดูเรียบหรูและโดดเด่นเสียจนใครต่อใครล้วนหยุดชื่นชมในความตระการตานี้
เจ้าของรถก้าวลงมาในชุดสูทสีดำอันเป็นแบบฉบับของเจ้าตัว แว่นกันแดดสีดำไร้ขอบเสริมให้ดูมีบุคลิกเชื่อมั่นและน่าสนใจยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นเรียวขายาวเร่งก้าวเดินไปที่ประตูร้านโดยไม่ใส่ใจสายตาผู้คนมากมายที่มองตรงมาเป็นตาเดียว
“เชิญครับ รับอะไรดีครับ?”
“นทอยู่ไหม?”
พิรุณ หรือ พาย เด็กหนุ่มที่มาฝึกงานที่ร้านทำหน้าประหลาดใจพร้อมกับเอียงศีรษะน้อยๆด้วยความงุนงง เมื่อคำตอบที่ได้รับไม่อยู่ในรายการที่คาดว่าจะได้ยิน แต่เขาก็สงสัยได้อีกไม่นาน เมื่อมนุเชษฐ์ก้าวมาหยุดยืนอยู่ข้างเขา โดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าดูดีที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกันแดดอันใหญ่นั่น
“ไม่อยู่ มีอะไร?”
“นทอยู่ไหน?”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่ละกัน อยากฝากบอกอะไรไว้ที่นี่ก็ได้”
“ฉันถามว่า นทอยู่ที่ไหน?”
น้ำเสียงที่กร้าวขึ้นอย่างไม่ปิดบังทำให้พิรุณสะดุ้ง ในขณะที่ร่างสูงที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย กลับยืนยันด้วยคำตอบเดิมด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ก็บอกว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่ที่คอนโดนั่นด้วย”
“แล้วนทไปอยู่ที่ไหน?!”
“ทำไม? อยากเจอเหรอ? จะเจอเพื่ออะไรอีกในเมื่อจบกันไปแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่ามาแส่”
“ไม่แส่คงไม่ได้ เพราะเรื่องของเขาคนนั้น ก็เป็นเสมือนเรื่องของผมเหมือนกัน”
“ทำไม? นายกับนทคบกันอยู่รึไง?” เอ่ยถามออกไปเสียงกระด้าง ทั้งๆที่ในใจหวาดหวั่นที่จะรับฟังคำตอบเหลือจะกล่าว
“เปล่า”
เตชินท์แอบทอดถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังคำตอบ ทว่าสีหน้ากลับตึงเครียดยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดถัดไป
“แต่ยังไงซะ หลายเดือนที่ผ่านมามันทำให้ตำแหน่งของผมกับพี่ไม่แตกต่างกันอีกต่อไปแล้ว”
“นาย... หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความอย่างที่ว่า ถ้าไม่เข้าใจจะให้พูดตรงๆก็ได้ ผมกับเขาเคยคบกัน”
ราวกับโลกกลายเป็นสีเทา ความหนาวจับขั้วหัวใจในวินาทีที่ได้ยิน ราวกับถูกฟ้าผ่าเข้ากลางหน้าตอนกลางวันแสกๆ
“... โกหก”
“ไม่ได้โกหก พี่จะไม่เชื่อก็ตามใจ ผมไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของพี่”
“ฉันไม่สนว่านายจะเคยคบกันรึเปล่า แต่ฉันถามว่านทอยู่ที่ไหน ฉันมีธุระสำคัญที่จะต้องเจอนทและบอกกับปากเองเท่านั้น”
“ธุระสำคัญขนาดนั้นทำไมไม่โทรนัดล่ะ?” ปรายสายตามองใบหน้าเข้มที่ดูนิ่งไป พร้อมกับระบายรอยยิ้มน้อยๆ “หรือว่าพี่นทไม่รับโทรศัพท์ ว้า แย่จังเนอะ... เรื่องสำคัญที่ต้องบอกกับปากเองซะด้วยสิ”
“อย่ากวนส้นให้มาก... ตอนนี้ไม่มีใครคอยอยู่ให้นายหลบข้างหลังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“ผมไม่เคยหลบหลังใคร มีแต่คนบางคนที่ไม่กล้าลงมือทำอะไรเพราะไม่กล้าซะมากกว่า”
เตชินท์นับหนึ่งถึงสิบในใจ เขาไม่ได้อยากจะมาหาเรื่อง แต่เด็กนี่มันช่างปั่นอารมณ์ของเขาได้ดีเสียเหลือเกิน นอกจากเขาจะไม่ได้รับคำตอบแล้ว ยังต้องมารู้เรื่องที่ไม่ได้อยากจะยอมรับอีกต่างหาก แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่านิชาหายไปไหน
“นทไปไหน?”
“ผมบอกแล้วว่า...”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววประหลาดใจเมื่อได้พบกับภาพของชายหนุ่มที่แม้จะมีน้ำเสียงเฉยชาเช่นเคย แต่สีหน้าและท่วงท่าแสดงชัดถึงความปรารถนาที่จะได้รับคำตอบอย่างมากมาย มันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เป็นกังวลจนแทบบ้า เสียจนเขายังเกือบหลุดปากออกไป
“... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่นทไม่ได้มาที่ร้านบ่อยเท่าไหร่ นี่ก็ไม่ได้เจอกันพักหนึ่งแล้ว”
เขาโกหก ทั้งๆที่รู้ดีว่านิชาเพิ่งออกไปจากร้านเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเสียด้วยซ้ำ ใจหนึ่งก็โล่งใจที่เป็นแบบนี้ แต่อีกใจ ก็แอบรู้สึกผิด และเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปล่อยนิชากลับไปหาเตชินท์ได้โดยง่าย เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังหวัง ว่าสักวันนิชาจะลืมชายหนุ่มได้ และวันนั้นเขาอาจจะมีโอกาสอีกครั้ง
“อย่างนั้นหรือ... อืม ขอบใจมาก”
เตชินท์เอ่ยเพียงเท่านั้น เขากลับออกไปทางลานจอดรถ เข้าไปนั่งอยู่ในรถโดยไม่สตาร์ทเครื่อง ลำแขนทิ้งลงบนพวงมาลัย พร้อมกับศีรษะที่ฟุบลงไปอย่างอ่อนแรง
หายไปไหน นิชาหายไปไหน
ก่อนหน้านี้ แม้ในใจจะแอบหวั่นอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่เคยคิดจะใส่ใจ มั่นใจเหลือเกินว่าเด็กคนนั้นไม่มีวันจากไป เพราะไม่มีทางอยู่ได้โดยไม่มีเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขากลัวที่สุดได้มาถึงแล้ว
นั่นคือวันที่นิชาสามารถเปิดกรงที่เขาพันธนาการเอาไว้ แล้วก้าวออกไปด้วยตนเอง
แล้วเขาจะโทษใคร
ในเมื่อครั้งนี้ เขาเองไม่ใช่หรือที่เป็นฝ่ายเปิดประตูกรงนั้นให้นิชาเองกับมือ
เตชินท์แค่นหัวเราะ ทั้งๆที่ในใจกรีดร้องราวกับโลกกำลังล่มสลาย
เขายังไม่ตัดใจหรอก ในเมื่อหนีหาย ก็ตามกลับมาได้
แม้ว่าจะไม่ได้กลับมาคบกัน แต่อย่างน้อยให้เห็นหน้าบ้าง ได้อยู่ใกล้ๆกันบ้าง มันควรจะเป็นแบบนั้น เพราะนี่คือสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก
ใครว่าเขาจะปล่อยนิชาไป ไม่มีทาง
เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า คนอย่างนิชาไม่มีทางยอมอยู่เป็นเมียน้อยในห้องแคบๆแบบนี้ได้อย่างมีความสุข เขาถึงได้ตัดใจปล่อยมือนิชาไปข้างหนึ่ง
แต่โซ่ ที่เขาพันธนาการเอาไว้ เขายังไม่ได้ตัดออก
แม้ว่าเด็กคนนั้นจะหนีหายออกไปจากกรง แต่เขา จะตามรอยจากโซ่ตรวนนั้น ตามตัวกลับมาให้ได้
“พี่ชิน เหม่ออะไรอยู่คะ?”
เจ้าของนามละสายตาจากทิวทัศน์ยามค่ำคืน ในร้านอาหารของโรงแรมชื่อดังย่านใจกลางเมือง ใบหน้าคมหันกลับมาทางเด็กสาวในชุดเดรสสีดำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ต่างหูและสร้อยคอเพชรที่เขาเป็นคนซื้อให้เนื่องในโอกาสที่ได้คืนดีกันวางประดับอยู่บนผิวกายขาวกระจ่าง ดูรับกับเรือนผมสีน้ำตาลที่เจ้าตัวไปดัดให้เป็นลอนสวย หากไม่แจ้งก็คงไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงเด็กสาวอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเท่านั้น
“เปล่าครับ พี่แค่เห็นว่าวิวสวยดี”
“สวยจริงๆด้วยนะคะ”
“อืม แต่ถึงจะสวยยังไง ก็คงสู้น้องเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าพี่คนนี้ไม่ได้”
“แหม ปากหวานอีกละ พักนี้พี่ดูอารมณ์ดีจัง”
“แน่นอน ก็ได้มาคืนดีกับเล็กทั้งทีนี่ครับ”
เจ้าของนามยิ้มหวานอย่างถูกอกถูกใจในคำหวานที่ฟังกี่ทีก็รื่นหู ใบหน้าดูดีและเรือนกายสง่างามที่ใครต่อใครล้วนหมายปอง บัดนี้ตกเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียวแล้ว
“ไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะได้กลับมาคบกัน เล็กเสียใจมากเลยนะพี่ชินรู้ไหม?”
“พี่ก็เสียใจ... พี่ตั้งใจจะบอกเลิกเล็กในตอนแรก เพราะไม่อยากทำให้เล็กเสียใจ แต่สุดท้ายพี่ก็ทำลงไปจนได้... พี่ขอโทษนะ”
มือเรียวเอื้อมไปจับมือใหญ่ที่วางเอาไว้บนโต๊ะเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เล็กก็ผิดเหมือนกันที่เอาแต่ใจ”
“เล็กไม่โกรธพี่หรือ?”
“ไม่โกรธหรอก คนที่ผิดคืออากงกับพี่หญิงต่างหาก สองคนนั้นตั้งใจจะทำให้เราเลิกกัน แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ ไม่มีอะไรพรากพวกเราไปจากกันได้ จริงไหมคะ?”
“จริงแน่นอนครับ”
ปลายนิ้วแกร่งไล้ไปตามผิวแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา และหยอกเย้าอยู่ในที
“เรื่องนี้เป็นความลับของเราสองคน... น้องเล็กรู้ใช่ไหมครับ?”
“รู้ค่ะ เล็กเข้าใจ นี่จะเป็นความลับของเราสองคนเท่านั้น... หลังจากที่พี่ชินได้เป็นประธานบริษัทแล้ว พี่ชินค่อยหย่ากับพี่หญิงเมื่อไหร่ก็ได้ จริงไหม?”
“ครับ พี่จะรีบหย่าเลยล่ะ”
“แล้วหลังจากนั้น เราสองคนจะได้แต่งงานกันซะที... เล็กรอให้ถึงวันนั้นอยู่นะคะ พี่ชิน”
เตชินท์กระตุกรอยยิ้มบาง ดวงตาเป็นประกายวาววาบอย่างหมายมาด
“พี่เองก็รอให้ถึงวันนั้นแทบไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ น้องเล็ก”
Talk: สวัสดียามดึกค่ะ อากาศร้อนเป็นบ้าเนอะ ร้อนอ้าวๆด้วย ชานมจะละลายคาห้องอยู่แล้ว TwT
พักนี้ แต่ละตอนอาจจะดูไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้ว ผ่านไปเป็นเดือนแล้วนะตั้งแต่น้องนทกับพี่ชินเลิกกัน

ใจอยากจะให้กระโดดข้ามปีไปเลย คนเขียนเองก็เบื่อฉากน้ำตาของน้องนทเป็นเหมือนกันนะ

แต่ก็นะ กระไรอยู่ ขออีกนิด ค่อยๆให้เห็นพัฒนาการน่าจะดีกว่า (ในเมื่อให้ทนร้องไห้มาตั้ง20ตอน)
มีใครสังเกตอะไรบ้างไหม ที่จริงก็แค่ประโยคเดียวแหละที่สรรพนามเรียกชื่อที่นทใช้แทนตัวเองเปลี่ยนตอนคุยกับเอก ^^
ชานมเองก็อยากให้เด็กคนนี้มีความสุขบ้างเหมือนกันค่ะ... ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

ส่วนชื่อตอนของรอบนี้ สั้น ราวกับสิ้นคิด (ก็ไม่ได้คิดจริงๆ)
นานๆที จะมีชื่อตอนที่มาจากฝั่งพี่ชินบ้างนะคะ อารมณ์ใจหล่นวูบ
(เอ๊ะ หรือจะเป็นน้องเชษฐ์วูบที่รู้ว่านทไปทำงานร้านเหล้า?)

เอาล่ะ วันนี้คุยยาว...
งานมาอีกแล้วค่ะ ตอนนี้ได้งานแล้ว แล้วก็ได้ผลสอบแล้ว
แต่เริ่มสอนพิเศษน้องๆม.ต้น ก็เลยจะยุ่งมากขึ้น
ต้องขออภัยที่อัพล่าช้า (เมื่อเทียบกับหลายๆเรื่อง ใจจริงก็อยากจะอัพบ่อยๆบ้างเหมือนกันแต่เวลาไม่อำนวย)
ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจเช่นเคยค่ะ
ป.ล. ว่างๆเมื่อไหร่จะอัพสารบัญให้นะคะ
