[[THE CAGE]] . . . กรงรัก . . . ** รวมเล่มแล้วค่า p.59 **
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [[THE CAGE]] . . . กรงรัก . . . ** รวมเล่มแล้วค่า p.59 **  (อ่าน 551510 ครั้ง)

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #990 เมื่อ27-10-2012 00:18:23 »

อ่านแล้วรู้เลยว่าชินกะจะได้บริษัทแล้วชิ่งกลับมาหานทอ่ะ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #991 เมื่อ27-10-2012 03:01:24 »

โธ่ ... พี่ชิน
ปล่อยนทไปเถอค่ะ

 :monkeysad:

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #992 เมื่อ27-10-2012 11:20:02 »

พี่ชินจะมีวันสำนึกได้บ้างมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #993 เมื่อ27-10-2012 13:04:58 »

อยากจะบอกตาชินจริงๆ ว่าเงินทองของนอกกาย

กริ๊ดๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #994 เมื่อ27-10-2012 13:23:19 »

อย่าตามนทกลับมาจมปลักกับแกอีกเลยอิพี่ชิน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #995 เมื่อ27-10-2012 13:59:14 »

ตั้งแต่อ่านมายังไม่มีตอนไหนหรือซักโมเมนท์เดียวที่ทำให้รู้สึกว่าเตชินรักนทเลย
ก็แค่เสียดายลูกไก่ในกำมือที่ดันทำหลุดมือไปก็เท่านั้นเอง
ส่วนนทรักมากกกก  จนเกินคำว่ารักไปถึงคำว่าหลงแล้ว 
หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา  ที่โดนกระทำมามากมายจะพอทำให้ตาสว่าง
และหนักแน่นรองรับการกลับมาก่อกวนของเตชินได้นะ 
บอกตรง ๆ ว่าถ้าเตชินเป็นพระเอก คงเป็นพระเอกที่เราชังที่สุดในเล้าแล้ว

ออฟไลน์ mulli

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #996 เมื่อ27-10-2012 22:11:27 »

 :pig4:

ออฟไลน์ noonutty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #997 เมื่อ27-10-2012 23:45:14 »

โอ้ยยยยยยยยยย  :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดอีพี่ชินมากเหอะ คนเขียนคะ คนอ่านว้อนมากคะ อยากเห็นอีพี่ชินมันเจ็บคะ เจ็บแบบสุดๆเลยนะคะ ช่วยหน่อยนะคะ  :m31: :m31: :m31:


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: [[THE CAGE]] . . กรงรัก . . . #22 P.32 วูบ 25.10.12
«ตอบ #998 เมื่อ30-10-2012 20:48:07 »

หยะแหยง

ยิ่งอ่านเจอ ยิ่งอนาถ
.
.
.
ถ้าโลกใบนี้มีคนแบบไอ่ชิน เยอะๆ
กรูขอลา ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ดาวดวงอื่นดีกว่า
ไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับคนอย่างมัน แมร่งงงง เสนียดแท้ๆ


 :L2: ขอบคุณ ชานม
..อ่านเจอเตชินท์ทีไร ปากตูไวทู๊กกกกที..

 :bye2: ลาก่อน..ชาวโลก(เชิญแบกคนจังไร ไอ่ชิน ไว้เหอะ)
หุหุ

ออฟไลน์ MilkTea

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4

[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .







[22.5]






รอยน้ำตา



นั่นคือสิ่งแรกที่ผมจำได้ ตั้งแต่ลืมตามาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ

เสียงร้องไห้ของเด็กเล็ก เสียงข่มขู่ของเด็กโต เป็นสิ่งที่ผมเผชิญอยู่ทุกวี่วัน

ผม เด็กชายอายุเจ็ดขวบเต็ม ฉลองวันเกิดของตนเองในที่ที่ไม่รู้จัก และไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

จำได้แค่ภาพของเพลิงที่ไหม้ลุกตัวบ้าน และเสียงกรีดร้องของคนรอบข้าง โดยมีผมในชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม ยืนอยู่ด้านหน้าบ้าน สายตาจ้องมองภาพสีแดงส้มที่ลุกสูงราวกับลูกไฟในภาพยนตร์ ผิวกายสัมผัสได้ถึงความร้อนจัดจนรู้สึกทรมาน แต่ผมก็ยังไม่เขยิบหนีไปไหน

เนิ่นนาน กว่ารถดับเพลิงจะมา ถึงตอนนั้นเปลวเพลิงก็ลามไปหลายบ้าน เนื่องจากบ้านที่ผมอยู่เป็นเพียงทาวน์เฮ้าส์เก่าๆเล็กๆที่อยู่มาตั้งแต่สมัยคุณปู่ แต่ถึงกระนั้น บ้านที่มอดไหม้เหลือแต่เพียงเถ้าถ่านนี้ ก็เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายตั้งแต่ผมเกิด ความทรงจำที่ถูกเพลิงเผาจนวอดวาย เถ้าถ่านสีดำปลิวไปตามสายลมอันมืดมิดของยามค่ำคืน

เสียงร้องไห้ หยดน้ำตา ทั้งหมดนี้ไม่ได้ออกมาจากผม แต่กลับเป็นของคนรอบข้างที่ยืนรายล้อมผม

--- เพราะเหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้ผมกลายเป็นเด็กกำพร้าโดยสมบูรณ์แบบ





“เฮ้ย มึงเหม่อไรวะ”

ผมหันไปตามต้นเสียง ที่ไม่ได้ส่งมาแค่เสียง แต่มีแรงปะทะทางด้านหลังของศีรษะอย่างแรง เมื่อพบก้มลงมองที่พื้น ถึงได้เห็นก้อนหินสีเทาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นัก แต่ก็หนักพอที่จะทำให้ศีรษะของเด็กอายุเพียงเจ็ดขวบมีเลือดซึมออกมาได้

ร่างสูงแกร็นของเด็กชายที่น่าจะอายุมากกว่าผมไม่ต่ำกว่าสามปี ยืนอยู่ด้านหน้าโดยมีร่างตุ้ยนุ้ยของเด็กชายอีกสามคนอยู่ข้างๆ ผมแอบแปลกใจอยู่นิดๆว่าขาใหญ่ที่นี่ทำไมถึงดูเหมือนเป็นโปลิโอ ในขณะที่ลูกกระจ๊อกกลับดูแข็งแรงกว่า แต่ก็มีเวลาสงสัยได้ไม่นาน เมื่อร่างของผมถูกผลักให้ล้มลง พร้อมกับเท้าหลายข้างที่กระหน่ำรุมถีบ ไม่สิ กระทืบลงมาบนร่างของผมอย่างไม่ยั้ง

ผมซึ่งยังอยู่ในชุดนอนสีน้ำเงินล้มลง หลับตาแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บจุกไปทั้งกาย รู้สึกไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิดไป ถึงได้ถูกทำร้ายแบบหมาหมู่โดยไม่มีทางป้องกันตัวได้เช่นนี้

ไม่นานก็มีครูพี่เลี้ยงรีบวิ่งเข้ามาห้าม แต่ถึงตอนนั้นชุดนอนของผมก็กลายเป็นสีน้ำเงินเปื้อนเลือดไปแล้ว

“ไอ้โย่ง กูบอกพวกมึงกี่ครั้งแล้วว่าอย่ากร่างให้มาก เดี๋ยวพวกมึงจะโดนดี ไอ้ห่าพวกนี้นี่”

เด็กพวกนั้นแตกกลุ่ม วิ่งหนี ปากก็สบถก่นด่าราวกับว่าผมเคยไปทำอะไรให้ตั้งแต่ชาติปางก่อน

“เป็นไรรึเปล่า เพิ่งมาเมื่อคืนใช่ไหม?”

ผมพยักหน้า พยายามลุกขึ้นยืนตามแรงฉุดที่ไม่เบานักของชายหนุ่มร่างใหญ่หน้าดุ

“ตามมา เดี๋ยวจะทำแผลให้  ตัวแค่นี้ไม่น่าไปหาเรื่องไอ้พวกนั้นเลยนะ”

ผมไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ยอมเดินตามร่างสูงใหญ่นั้นไปแต่โดยดี อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ทำร้ายผม เมื่อเข้ามาในห้องพยาบาลแล้วผมถึงได้เห็นสภาพของตนเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีดำของเถ้าถ่าน ตาบวมปิดไปข้าง แก้มก็มีสีช้ำเลือด ในปากก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ดูเหมือนว่า ‘รุ่นพี่’ จะเอาฟันน้ำนมของผมไปซะแล้ว

“ฟันหักรึเปล่า ไหนอ้าปากซิ”

ผมทำตาม และดูจากสีหน้าเหยเกของร่างตรงหน้า ผมก็ได้คำตอบแล้ว ซึ่งก็ตรงตามที่คาดไว้ไม่ผิด

ครูพี่เลี้ยงทำแผลให้ผมอย่างรีบร้อน ก่อนจะส่งตัวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องนอนรวม ผมเพิ่งได้เห็นห้องที่ผมนอนอยู่ตลอดคืนแบบเต็มตาก็ตอนนี้ เนื่องจากเป็นเวลาอาหารกลางวัน จึงไม่มีเด็กคนไหนได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องนอน ห้องโถงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเตียงวางเรียงรายทำให้ผมรู้สึกเหงาหงอยและเศร้าสร้อยเหลือเกิน

ผมมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง พ้นรั้วขอบปูนออกไปคือถนนใหญ่ มีตึกรามบ้านช่องมากมาย แต่ผมกลับต้องมาอยู่ในนี้อย่างโดดเดี่ยวโดยลำพัง

เจ็บแผล เจ็บไปทั้งตัว

พ่อกับแม่ทิ้งผมไปแล้ว

ทุกคนทิ้งผมไปไหนกันหมด

หยดน้ำตาหยดแรกที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ค่อยๆรินอาบผิวแก้มช้ำเลือดอย่างช้าๆ หยาดน้ำอุ่นใสรินรดใบหน้าจนริมฝีปากได้ลิ้มรสเค็มปร่าที่ขมเสียจนขื่นคอ









“ไอ้ตี๋ มึงจะไปไหนวะ!”

เสียงของครูพี่เลี้ยงตะโกนมาทางผมซึ่งกำลังเดินไปทางสนามตัวหนอนใหญ่ที่มีเด็กๆกำลังเตะบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมหันไปมอง แล้วชี้ไปทางที่ผมกำลังจะไป แต่กลับถูกเรียกไว้

“เดี๋ยวสิ มึงมานี่ก่อน เมื่อคืนมึงก่อเรื่องไว้ใช่ไหม”

ผมปรายตาไปทางเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังครู พลางส่งสายตาเอาเรื่องไปทางร่างนั้นอย่างโกรธแค้น

“มันหาเรื่องผมก่อน”

“แต่มึงก็อัดมันซะตาปูดแบบนี้ โดยที่มึงไม่มีแผลอะไรเนี่ยนะ”

“ก็มันห่วย สู้คนไม่ได้แต่ดันมาหาเรื่องคนอื่น”

“มึงถอดกางเกงแล้วหันหลังมา”

ผมยอมเดินไปถอดกางเกงขาสั้นที่ด้านหน้าโต๊ะแต่โดยดี พร้อมกับหันหลังให้และปิดตาแน่น ชั่วอึดใจเดียวเสียงฟาดก็แล่นวาบเข้ามาในโสตพร้อมกับความเจ็บแปลบที่บั้นท้าย หลายต่อหลายครั้งที่ไม้มะยมฟาดเข้ากับร่างเสียจนผิวกายที่มีเพียงกางเกงในบางๆกั้นชาจนแทบไม่รู้สึก แต่เมื่อการหวดสิ้นสุดลง ผลลัพธ์ของมันคือความแสบร้อนเสียจนนั่งไม่ได้ไปอีกหลายวัน

“ไอ้ตี๋ มึงอย่าซ่าให้มาก อายุก็ขนาดนี้แล้ว ทำตัวแบบนี้ใครจะมารับมึงไปเลี้ยง”

ผมยักไหล่ราวกับนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีเรื่องไหนทำให้ผมเสียใจได้เท่ากับการเสียพ่อแม่ไปในวันเดียวกันแบบนั้นได้อีกแล้ว จะกินจะอยู่หรือจะตายที่ไหนก็ไม่สำคัญอีก

เสียงก่นด่าไล่หลัง ก็ไม่มีอิทธิพลใดๆสำหรับเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครเอาอย่างผม

ค่ำวันนั้น ผมนอนตะแคงอยู่บนเตียง ตั้งใจจะนอนเร็วเพราะแสบแผลที่ถูกลงโทษ แต่จู่ๆก็ถูกเท้าของใครไม่รู้ถีบจนตกจากเตียงลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นกระเบื้อง ความเจ็บที่แล่นปราดทำให้ความหงุดหงิดพุ่งพล่านในพริบตา ผมกัดฟันลุกขึ้นยืนมองหน้าคนที่มาหาเรื่องด้วยสายตาขุ่นเคือง

“มึงซ่านักเหรอไอ้ตี๋”

“กูเป็นแบบนี้แล้วมึงจะทำไม”

“มึงก็ได้แต่ทำคนตัวเล็กกว่ามึงเท่านั้นล่ะวะ”

“กูกับมึงตัวก็พอๆกัน มึงตัวใหญ่กว่ากูด้วยซ้ำกูยังกระทืบมึงมาแล้ว”

“ไอ้เหี้ย มึงดีแต่แกล้งคนที่เด็กกว่ามึง”

“แก่กว่ากูก็ถีบมาแล้ว กูไม่สนหรอกว่าใครจะเด็กหรือโตกว่า ถ้ามันมาหาเรื่องกูก็แค่ไม่เอาไว้”

“เออ เก่งให้ได้ตลอดนะมึง”

“พล่ามอยู่ได้ ตกลงมึงจะเอาใช่ไหม ไม่เข็ดรึไงวะ”

ใบหน้ากลมอูมยิ้มแสยะ พร้อมกับดีดนิ้วดังเป๊าะและยืนกร่างอย่างได้ใจ เมื่อร่างของผมจู่ๆก็ถูกมือของเด็กชายอีกสองคนรวบเอาไว้ด้านหลัง ไอ้อ้วนนั่นเดินเข้ามาหาผมอย่างสะใจราวกับตนเองถือไพ่เหนือกว่า

“กูไม่ได้มาคนเดียว”

“เหอะ ดีแต่หมาหมู่ มึงมีปัญญาทำได้แค่นี้รึไงวะ”

กำปั้นลุ่นๆอัดสวนท้องของผมเต็มแรงแทนคำตอบ และไม่ใช่ครั้งเดียว ทำให้ผมสำลักและไอออกมาอย่างแรง ผมเพิ่งทานอาหารเย็นไปได้ไม่นาน จึงสำรอกสิ่งที่ทานเข้าไปออกมาจนเลอะเต็มพื้น เด็กผู้ชายสองคนรีบปล่อยมือจากผมราวกับกำลังจับต้องสิ่งที่น่ารังเกียจ ผมทรุดลงไปอาเจียนอยู่ที่พื้นอยู่ครู่ใหญ่ ขณะที่เด็กชายร่างอ้วนท้วมยืนค้ำศีรษะอยู่อย่างถือดี โดยมีเด็กเล็กอีกหลายคนที่อยู่ในห้องนอนยืนมองกันอยู่ห่างๆ

“จากนี้มึงต้องเป็นลูกน้องกู”

ผมเงยหน้ามอง พร้อมกับตอบปฏิเสธด้วยสายตาดูแคลน ซึ่งมันคงดูออก ถึงได้ใช้ขาล่ำๆนั้นเตะเข้าที่ใบหน้าของผมเต็มแรง

ผมทรุดลงไปนอนนิ่งอยู่บนพื้นทั้งตัว รู้สึกเจ็บชาไปถึงหัวใจ

ชีวิตของผมควรจะสิ้นสุดลงแล้วหรือเปล่า ผมไม่มีใคร ไม่เหลือใครที่จะเป็นห่วงหรือรักผมแล้วในโลกนี้

แล้วผม --- จะยังมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร

ผมปิดตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกท้อแท้ในชะตาชีวิต เจ็ดปีในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามันเหนื่อยเหลือเกิน

“เป็นไงล่ะมึง โดนแค่นี้จอดซะแล้ว อ่อนว่ะ”

“หน้าอย่างมึง อยู่ไปก็ไร้ค่า กูว่ามึงรีบๆตายเถอะว่ะ”

“ตายไปก็ไม่มีใครสงสาร ใครแม่งจะร้องไห้ให้คนอย่างมึงวะ”



จริง ใครจะร้องไห้รดศพของผม ไม่มีหรอก ไม่มีเลย

แต่ผม ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย

ในเมื่อวันนี้ ไม่มีใครรักผม ไม่มีใครเห็นคุณค่าของผม

แต่ใช่ว่า วันพรุ่งนี้จะยังเป็นแบบนี้นี่

วันนี้ไม่มี วันพรุ่งนี้ผมก็สร้างขึ้นมาเองได้

หากในมือของผมไม่มีอนาคต ผมก็ ‘แย่ง’ มาได้นี่



ผมผุดลุกขึ้นยืน พวกนั้นคงตกใจและไม่คาดคิดว่าจู่ๆผมจะลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้ แม้ว่าจะเจ็บแผล แต่ผมก็โถมกายเต็มแรงใส่ร่างตรงหน้าเสียจนร่างตุ้ยนุ้ยเสียหลักล้มหงายหลังลง ผมอ้าปากกัดหูของเด็กชายคนนั้นสุดแรง

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!”

เสียงร้องดังลั่นห้องโถงใหญ่กลบทุกสิ่ง กำปั้นหลายกำปั้นพยายามทุบลงมาบนตัวของผม พยายามดึงรั้งให้ผมลุกออกไป แต่ผมก็กัดไม่ปล่อย จนกระทั่งครูพี่เลี้ยงมาถึงแล้วกระชากผมให้ผละจาก พร้อมกับตบหน้าผมโดยแรง แต่รสเลือดที่ปร่าอยู่ในปาก และชิ้นเนื้อที่ห้อยร่องแร่งอยู่ในที่ที่ ‘เคย’ เป็นใบหูทำให้ผมรู้สึกสาแก่ใจเสียเหลือเกิน




วันรุ่งขึ้น ผมถูกลงโทษให้อดอาหาร พร้อมกับถูกประเมินให้ย้ายไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อื่น ผมไม่ใส่ใจเสียงของคนรอบข้างที่พร่ำด่าผมทุกครั้งที่เดินผ่าน ผมไม่ได้ทำอะไรผิด สิ่งที่ผมทำไปคือการป้องกันตัวเท่านั้น

ผมเดินเช้าไปในห้องนอนที่ไม่ใครอย่างหงุดหงิด แน่นอน ผมคงจะถูกย้ายไปที่อื่นในเวลาไม่นาน ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าที่นั่นจะไม่มีพวกน่ารำคาญมารังควานผมอีก

แต่แล้ว ผมก็ได้ยินเสียงร้องไห้

ผมหันซ้ายหันขวา ภายในห้องก็ไม่มีใคร แล้วเสียงร้องไห้เบาๆนี้เป็นเสียงของใคร

ผมขนลุกซู่ แม้ว่าผมจะกล้าหาญ แต่ก็ไม่มากพอที่จะสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นที่ไม่คิดฝันว่าจะเจอ

“นะ นั่นใคร?!”

ผมทำใจกล้าตะเบ็งเสียงออกไป เสียงสะอื้นนั่นหยุดลงทันที แต่ยังมีเสียงสูดจมูกเบาๆเล็ดรอดออกมา ผมเริ่มเอะใจ ไม่เคยได้ยินว่าปกติผีสูดน้ำมูกกันด้วยรึเปล่า ผมค่อยๆเดินไล่ไปตามเตียง ไม่เห็นอะไรนอกจากผ้าห่ม จนกระทั่งถึงเตียงสุดท้ายที่ริมห้อง ผมถึงได้พบกับผ้าห่มที่นูนขึ้นมาราวกับข้างใต้นั้นมีอะไรอยู่

ผมเลิกผ้าห่มขึ้น จึงได้เห็นร่างของเด็กตัวจ้อยคนหนึ่งที่นอนคว่ำอยู่กับเตียงราวกับหวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย เมื่อพินิจใบหน้าเล็กๆที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกใสๆ ถึงได้เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชาย ที่หน้าตาน่ารักเอาการทีเดียว

“... ร้องไห้ทำไมน่ะ?”

เด็กคนนั้นเบะปาก ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกคำรบหนึ่ง ผมรีบยกมือขึ้นห้ามด้วยการจุปาก

“เดี๋ยวครูเข้ามาตีนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กคนนั้นก็สะดุ้ง แล้วรีบงับริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้ แต่ก็ยังไม่วายปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินลงมาไม่ขาดสาย

ผมถอนหายใจ แล้วทรุดกายลงนั่งบนเตียงเดียวกัน พร้อมกับใช้ชายเสื้อเช็ดใบหน้าที่เปียกปอนทั้งน้ำตาและน้ำมูกนั่นอย่างลวกๆ

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ร้องทำไม ใครรังแกเหรอ?”

ผมอดแปลกใจตนเองไม่ได้ ผมไม่ได้พูดกับใครด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้มาหลายปีมากแล้ว ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ ความใจดีและความอ่อนโยนล้วนหมายถึงความอ่อนแอ ผมไม่ได้คลุกคลีกับคนอื่นมากนัก จึงไม่มีเพื่อน และไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับใคร

“ฮึก... นทกลัว”

“ชื่อนทเหรอ? นทกลัวอะไรครับ?”

ผมพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่เขาจะกอดแขนของผมเอาไว้แน่นราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ

“กลัว... ที่นี่”

“กลัวที่นี่?”

“อื้อ... ที่นี่น่ากลัว”

“นี่เราเพิ่งมาที่นี่ใช่ไหม?”

“ใช่... แต่นทอยากกลับบ้าน พ่อกับแม่หายไป”

“หายไป? หมายถึงตายน่ะเหรอ?”

ผมเผลอหลุดปากพูดออกไป ทำให้เจ้าตัวเล็กน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับร่างที่สั่นระริกเสียจนผมต้องรีบอุ้มมากอดเอาไว้บนตัก ร่างน้อยๆที่อายุไม่น่ามากไปกว่าห้าขวบสะอื้นเบาๆอยู่บนตักของผม

“ไม่รู้ ตื่นมาก็ไม่มีใครอยู่”

“เหรอ...”

ผมเงียบไป ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย แต่การที่เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่ ก็แปลว่าเป็นเด็กกำพร้าอยู่ดี

“ฟังนะ เราไปล้างหน้ากันดีไหม จะได้ไปกินข้าวกลางวันกัน”

“ไม่เอา กลัว”

“อยู่คนเดียวในห้องนี้น่ากลัวกว่าอีกนะ ห้องใหญ่ขนาดนี้แต่ไม่มีใครเลย”

“มีพี่ไง”

“ใช่ แต่พี่กำลังจะไปกินข้าวแล้ว นทจะอยู่คนเดียวในห้องนี้เหรอ... รู้ไหมว่ามีผีเต็มเลยนะ”

ได้ผล ใบหน้าขาวใสที่เปื้อนรอยน้ำตาฉายแววตื่นกลัวทันที มือเล็กรีบคว้าแขนของผมเอาไว้แน่น แต่ผมก็ทำทีเป็นจะลุกขึ้น และเขาก็รีบลุกตามมาทันที

“พี่จะไปแล้วเหรอ?”

“อื้อ หิวแล้ว ไม่หิวเหรอ?”

“ก็หิว...”

“งั้นไปล้างหน้าแล้วไปกินข้าวกัน”

“กินด้วยกันได้ไหมอ่ะ?”

“ก็เนี่ย ชวนไปกินด้วยกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“... งั้น ไปด้วยคนนะ”

ผมอดยิ้มออกมาน้อยๆไม่ได้เมื่อได้เห็นสีหน้าจ๋องๆของร่างเล็ก นับเป็นรอยยิ้มแรกในรอบเจ็ดปีที่สูญเสียพ่อแม่ไปเลยทีเดียว ผมช่วยนททำความสะอาดร่างกาย จริงๆเรียกว่าอาบน้ำให้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเหงื่อเต็มไปทั้งตัว ก็เล่นซุกอยู่ใต้ผ้าห่มในห้องอบๆกลางวันแสกๆตั้งนานนี่นะ

เมื่อได้ล้างร่างกายจนสะอาด นทก็ดูร่าเริงขึ้น เขาเดินตามผมต้อยๆไปทานอาหารด้วยกันราวกับสนิทกันมานาน

“นทอายุเท่าไหร่?”

“เจ็ดขวบ”

“เจ็ดแล้วเหรอ เห็นตัวนิดเดียวนึกว่าห้าขวบซะอีก”

“นทโตแล้วนะ”

“โตแล้ว แต่ยังเป่าปี่อยู่เลย”

“ไม่เป่าปี่แล้ว!”

“จริงเหรอ แล้วจะคอยดู”

“พี่ล่ะอายุเท่าไหร่?”

“สิบสี่”

“แก่จัง เป็นลุงได้แล้วนะนั่น”

“โห ครับๆ เด็กเหลือเกินนะเราน่ะ”

เขาหัวเราะ ผมก็หัวเราะ ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าผมจะมีวันที่ได้หัวเราะกับใครเขาด้วย ดูเหมือนว่าคนรอบข้างเราก็แปลกใจกับภาพที่ได้เห็นไม่น้อยเช่นกัน

วันนั้นทั้งวัน นทตัวติดอยู่กับผม ตกเย็นก็ทานอาหารเย็นด้วยกัน แล้วก็ไปอาบน้ำด้วยกัน แน่นอน ผมช่วยนทอาบน้ำอีกครั้ง ดูเหมือนว่าที่บ้านนทคงเลี้ยงแบบค่อนข้างตามใจ จึงทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น แต่ด้วยหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู พอยิ้มทีคนที่ได้เห็นก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ ผมจึงอดไม่ได้เผลอตามใจเขาไปด้วยคน

“จะนอนยัง?” ผมถาม เมื่อเห็นว่าเขาดูท่าทางง่วงเต็มที เด็กเล็กก็แบบนี้ ร้องไห้แล้วก็เหนื่อย

“อื้อ พี่จะไปนอนไหน?”

“นอนนู่น เตียงพี่อยู่นู่น”

“ไกลจัง นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ?”

“ไม่ได้ เดี๋ยวโดนตี”

“จริงเหรอ อยู่ตรงนี้ไม่ได้จริงๆเหรอ?”

“ไม่ได้”

เขาทำหน้าเบ้ แต่ผมก็เดินกลับไปที่เตียงของตนเองอย่างไม่สนใจ จะให้ทำยังไงได้ ก็กฎเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าเขาจะอยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามกฎนี้ให้ได้

ไม่นานก็ถึงเวลาปิดไฟ ห้องทั้งห้องมืดสนิท แต่ยังมีเสียงกระซิบคุยกันเบาๆ ผมนอนมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดวงจันทร์ใหญ่ส่องสว่างเข้ามา วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง สีเหลืองนวลสวยจนผมไม่อยากละสายตา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีแต่เสียงลมหายใจเบาๆของเด็กหลายคนที่กำลังนอนหลับสนิทเท่านั้น แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วๆที่ดังมาจากอีกฟากของห้อง ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ผมค่อยๆย่องลงจากเตียง แล้วแอบตรงไปทางมุมห้อง

“ไหนว่าจะเลิกเป่าปี่ไง?”

นทโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มทันที ดวงตาชุ่มน้ำมองเห็นได้แม้ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องลาดหน้าต่างเข้ามา เขาสูดจมูกฟืดใหญ่จนผมอมยิ้มอย่างนึกขำระคนเอ็นดู

“เขยิบหน่อย”

ผมโอบร่างของเขาเอาไว้แล้วล้มกายลงนอนข้างกัน เตียงเดี่ยวที่ไม่ได้ใหญ่อะไร แต่ก็พอไหวสำหรับเด็กสองคนที่นอนกอดกันเอาไว้

ตั้งแต่เสียพ่อแม่ไป ก็ไม่เคยมีใครกอดผมอีก และผมก็ไม่ได้กอดใครมานานเต็มที

เสียงสะอื้นเบาๆของนท และรอยน้ำตาที่เปียกชุ่มหมอน ทำให้ผมอดสะท้านในใจไม่ได้ เด็กคนนี้เหมือนผม เหงา และเศร้าไม่แตกต่างจากผม แต่เขาเลือกที่จะแสดงอารมณ์ออกมาตรงๆ ผิดกับผมที่ต่อต้านความจริงโดยการทำตัวแบบนี้

ผมกระชับอ้อมแขนเอาไว้มั่น พลางลูบหลังร่างเล็กอย่างปลอบประโลม ไม่รู้ว่าเขาหายใจสะดวกรึเปล่า เนื่องจากเขานอนซุกหน้าเอาไว้กับอกของผม แต่ไม่นาน ลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ผมถึงรู้ว่าเขาหลับไปแล้ว และผมก็ชักง่วงแล้วเช่นกัน

ผมลูบเรือนผมนุ่มมือเบาๆ แล้วปิดตาลง

เป็นคืนแรกในรอบเจ็ดปี ที่ผมได้รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ก่อตัวในหัวใจ





วันต่อมา นทก็มีคนมารับอุปการะทันที นับเป็นโชคดีอย่างหาได้ยากในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแบบนี้ ดีจริงที่นทหน้าตาน่ารัก ทั้งยังเป็นเด็กที่ดูสุภาพ บังเอิญมีคู่สามีภรรยาที่มีบุตรเองไม่ได้แวะมาวันนี้ และได้เห็นนทอยู่กับผมพอดีจึงได้ขอรับไป

แน่นอน ผมดีใจด้วย แต่ก็อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ผมอยู่มาตั้งเจ็ดปียังไม่เคยได้รับโอกาสแบบนี้บ้าง แต่เด็กคนนั้นมาแค่วันเดียวก็ได้ออกไปแล้ว

“นทต้องไปจริงๆเหรอ”

“ใช่ ดีแล้ว ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ไง”

“ไม่เอา นทจะอยู่กับพี่”

“ไม่ได้หรอก อยู่ที่นี่ไม่เห็นดีเลย”

“ทำไมพี่ไม่ออกไปด้วยกันล่ะ?”

“พี่ยังออกไปตอนนี้ไม่ได้”

“ไปเถอะนะ นะ ไปด้วยกันนะ”

“ไม่ได้ อย่าดื้อสิ ไปได้แล้ว”

นทกำมือแน่น สะอื้นจนตัวโยน ผมก็สงสาร แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ทางนี้ย่อมดีที่สุดแล้ว อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่มีโอกาสได้ก้าวหน้าเท่าได้ออกไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแน่นอน

“เรา... จะได้เจอกันอีกไหม?”

“... ไม่รู้เหมือนกัน”

“นทอยากเจอพี่อีก... สัญญาได้ไหมว่าเราจะเจอกันอีก”

ผมหันไปมองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา พร้อมกับยอมยื่นนิ้วเกี่ยวก้อยสัญญากับร่างตรงหน้าอย่างกระอักกระอ่วน ผมไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกหรอก ตราบใดที่ผมยังต้องอยู่แต่ในนี้

“สัญญากันแล้วนะ พี่ต้องไม่ลืมนทนะ”

ผมพยักหน้า หยดน้ำตารื้นขึ้นมาจนขอบตาร้อนผ่าว

น่าประหลาดใจจริงๆ เด็กคนนี้เองที่เห็นความสำคัญของผม เด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ดูบอบบาง แถมยังเจ้าน้ำตา แต่กลับทำให้ชีวิตของผมได้กลับมารู้สึกถึงคำว่า ‘อบอุ่น’ อีกครั้ง

และไม่รู้ว่าด้วยเพราะคำสัญญานี้รึเปล่า สามวันหลังจากนั้น ผมถึงได้รับ ‘โชค’ ที่น่าแปลกเช่นเดียวกัน

“ไอ้ตี๋ มีคนจะรับมึงไปเลี้ยงแน่ะ รีบออกมาเร็ว”

ผมเดินตามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง เบื้องหน้าเป็นภาพของร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้รับรองแขก ผมยกมือไหว้ด้วยความงุนงง ผู้ชายสูงวัยคนนี้สนใจอะไรในตัวผมถึงจะรับผมไปเลี้ยงอย่างนั้นหรือ

“จะรับจริงๆเหรอครับ? เด็กคนนี้มีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบทะเลาะกับคนอื่น นี่ก็กำลังจะถูกย้ายออกไปแล้วด้วย”

ผมอดนึกเคืองไม่ได้ ด่าอย่างกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้อย่างนั้นแหละ แต่ชายประหลาดคนนั้นกลับลุกขึ้นยืนแล้วตรงมาที่ผม ราวกับไม่สนใจคำพูดใดๆของครูพี่เลี้ยงเลยแม้แต่น้อย

“มาเป็นลูกพ่อนะ”

ถ้อยคำสั้นๆ บวกกับน้ำเสียงนุ่ม ทำให้หัวใจที่ต้องการความอบอุ่นสั่นระรัว จนกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาที่รินอาบใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของการต่อสู้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตลอดเจ็ดปี

ผมพยักหน้า พร้อมกับก้าวตามร่างสูงสง่าของ ‘พ่อ’ ออกไป

โดยไม่คิดเลย ว่าผู้เป็นพ่อ จะมอบชีวิตใหม่ที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนให้กับคนอย่างผม --- เตชินท์ เด็กกำพร้าธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น











Talk: สวัสดีค่ะ ^^
หายไปหลายวัน สบายดีกันเนอะ
ตอนนี้แอบเปลี่ยนอารมณ์กันหน่อยนึง หวังว่าคงพอตอบคำถามได้ว่าน้องนทไม่มีญาติเหรอ ถึงได้ต้องตัวติดอยู่กับพี่ชิน
ส่วนพี่ชินเอง กลับไม่มีใครถามถึงอดีต แต่ก็นะ ชานมอยากเล่าค่ะ  :laugh:
ตอนหน้าคงได้สานต่อกันค่ะ ไม่ว่าจะพี่ชิน เอก นท น้องเชษฐ์ คิดว่าช่วงนี้คงเป็นแค่จุดเริ่มต้นการก้าวใหม่ของน้องนท
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :bye2:



ป.ล. เด็กๆเปิดเทอมแล้ว รถติ๊ดติดเนอะ (พูดเหมือนตัวเองเรียนจบแล้ว)
ป.ล.สอง ขอบคุณมากๆสำหรับการโหวตให้คะแนนนะคะ ดีใจมากๆที่ติดโผหนึ่งในห้ากับเขาด้วย
  :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2012 22:18:02 โดย MilkTea »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 403

  • 4 0 3 Forbidden
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-2
วู้วว มาแล้วๆ ดีใจ เม้นก่อนอ่านอีก 55  :กอด1:

Golem237

  • บุคคลทั่วไป
หลายท่านอาจอยากให้พูดว่าพระเอกน่าสงสาร...

แต่ว่า.....จะขอพูดอย่างช้าๆนะคะ

เหมือนการตัดสินคดีความทั่วไป เป็นธรรมดาที่ต้องสืบสวนและตรองให้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง เมื่อทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง มันจะสั่นคลอนถึงจิตวิญญาณและวิจารณญาณของลูกขุน เพื่อให้ศาลตัดสินขั้นสุดท้าย แนวคิิดนี้มีพื้นฐานอยู่ที่ว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนดี แต่สภาพการณ์แวดล้อมสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและหล่อหลอมให้เกิดนิสัยและสัญชาตญาณของมนุษย์คนหน้ง

กรณีนี้เช่นเดียวกัน เตชินทร์ 'ไม่ใช่' คนที่เลวร้ายมาแต่กำเนิด เพราะฉะนั้นเราอาจจะว่าเขาไม่ได้ เรื่องที่นิสัยของเขาเป็นอย่างนี้ เราไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิดทางศีลธรรม เพราะในมุมมองของเขา มันเป็นเพียง reaction ที่สะท้อนอดีตของเขาออกมา แต่สิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยน และมีความผิดจริง ก็คือการที่การกระทำของเขา สร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่น สร้างผลกระทบ ความเสียหายทางจิตใจและร่างกาย อีกทั้งทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ นี่เป็นความผิดแท้จริงที่ไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นไปได้

ด้วยเหตุฉะนี้ ไลท์ไม่สงสารค่ะ แม้จะจริงที่ว่าคนเราต้อง struggling ที่จะเดินหน้าและแย่งอนาคตของตัวเอง แต่คนที่เลือกเส้นทางที่ struggling แบบมีคุณธรรม หรือว่า struggling แบบไร้มโนธรรม นั่นเป็นการตัดสินใจที่อดีตไม่มีผลเกี่ยวเนื่องค่ะ You choose to be the bad guy since the beginning, it's no use to make anyone feel sorry for what you deserve.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2012 22:36:22 โดย Golem237 »

aeka

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆน้า ในที่สุดก็ตามอ่านจนเม้นท์ ทัน เป็นนิยาย ที่ประทับใจสุดไปเลยๆ อ่านแล้วให้ความรู้สึกเศร้า อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่า หม่นหมอง แต่ทำให้หัวใจอบอุ่น ซึ่งชอบแนวนี้มากๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณมากๆที่แต่งนิยายเรื่องนี้มาให้อ่านคับ  o13 o13 o13
ปล.อยากให้ชินเจ็บปวดแบบนทบ้างจัง (เอาให้สาสมเลย  :beat:)

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โถ่ๆ ต่างคนต่างเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน แต่ว่าพ่อของชินนี้ใครนะ

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
อ่านตอนอดีตนี้แล้วช็อก  :a5: สองคนนี้บุพเพอาละวาดหรืออย่างไร แต่น้องนทคงจะจำไม่ได้ล่ะมั้ง ยังเด็กน้อยอยู่เลย แล้วพี่ชินนี่จำได้หรือเปล่าหว่า ไม่เห็นเคยพูดถึง
พี่ชินตอนเด็กนี่น่าเศร้าเหมือนกันนะ แต่ว่าถึงเราจะชีวิตรันทด ก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายคนอื่นเหมือนกัน ทำตัวดีๆ ไม่ทำร้ายใครให้คนอ่านสงสารและเห็นใจบ้างเถอะนะ  :angry2:
รอตอนหน้าๆๆๆ

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -
พึ่งรู้ความเป็นมาของทั้งสองคน
สงสัยมานานแล้วว่าเจอกันได้ไง
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ nong PeePee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
อดีตเป็นอย่างนี้นี่เอง
รอตอนหน้าค่า  o13

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เม้นของคุณ Golem237 ตอบโจทย์ทุกอย่างในใจจริงๆ
ยังไงก็ตามจะตามต่อไปนะคะคนเขียน  :L2:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
แสดงว่าเตชินทร์จำน้องนทได้ล่ะสิเนี่ย แต่ดูท่าทางนทแล้วจะจำไม่ได้นะว่าเคยเจอกันมาแล้ว เพราะอยู่ด้วยกันแค่วันเดียวเองอ่ะ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เค้าเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ด้วยเหรอ

อืมมมมมม ....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เมื่อก่อนเคยรู้จักกันด้วย><

เหวยๆๆ จะเป็นยังไงต่อเนี่ยอยากอ่านต่อแล้ว ฮะ !! !

เป็ยกำลังใจให้นะคะ><

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
บุพเพท่านอาฆาตอะไร2คนนี้

ใครจำกันได้ไหมนิ 2คนนี้

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สวรรค์กลั่นแกล้งคู่นี้จริงๆ  :sad4:

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
นี่แสดงว่าน้องนทจำพี่ชินได้ตั้งแต่เข้าฟังในห้องประชุมคราวนั้น
ถึงได้วิ่งตามไป แล้วพี่ชินจำน้องนทได้รึเปล่า?
ชอบจัง ความผูกพันตั้งแต่เด็กๆ :กอด1:

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อาจเป็นเพราะเราคู่กันมาแต่ชาติไหน  :กอด1:

ladymoon_yy

  • บุคคลทั่วไป
อึ้ง  ช๊อค   :freeze: :freeze: :freeze:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ไม่คิดว่านทจะจำเตชินทร์ได้หลังจากที่มาเจอกันอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย
เพราะ 7 ขวบนี่เด็กมาก ๆ จนแม้แต่ตัวเราเองพอได้ย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลานั้น ๆ ของตัวเองแล้ว
ต่อให้คนที่เคยรู้จักกันมาและได้เจอกันมากกว่า 1 สัปดาห์  ก็ยังจำหน้าไม่ได้  อาจจำได้แค่เพียงบรรยากาศและชื่อ
แต่ก็คงเลือนลางเหลือเกิน  คุณ Golem237 กล่าวได้ถูกต้อง  อดีตของแต่ละคนน่าสงสารมีที่มา
แต่ไม่สามารถกล่าวอ้างได้ว่ามันคือเหตุผลที่จะต้องมาทำร้ายใคร โดยเฉพาะทำซ้ำ ๆ
ไม่ว่าเตชินทร์จะเป็นพระเอกหรือไม่  นทจะให้อภัยหรือเปล่า  มันก็คงแล้วแต่เรื่องราวที่ผูกเรื่องไว้
แต่ละคนก็คงมีเหตุผลของตัวเอง  นทเองอาจยินดีที่จะเจ็บปวดและเป็นกระสอบทรายต่อไปเพราะรักมาก ๆ
เตชินทร์เองก็อาจรักนทมาก ๆ แต่หักห้ามสันดานดิบและทนต่อสิ่งยั่วเย้าไม่ไหว
รักในแต่ละแบบของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน  แต่สำหรับเราอย่างที่บอก เตชินทร์เป็นพระเอกที่เลวสุดในเล้าแล้วล่ะ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
อืม...อดีตของพี่ชินและนท ครอบครัวที่นทไปอยู่ด้วยเป็นครอบครัวที่ดีใช่มั้ย (ยังสติลห่วงนายเอกไม่เลิก)
ส่วนพี่ชินก็คงปลูกฝังกันจนเป็นมาเฟียทุกวันนี้ สภาพแวดล้อมที่กดดันและดิ้นรนก็ทำให้คนเราจิตใจแข็งกระด้างได้นะ
เริ่มเข้าใจพี่ชินนิดหน่อยแล้ว อดีตน่าสงสารกันทั้งคู่เลย ถ้าีัรักและผูกพันกันขนาดนี้พี่ชินต้องดูแลนทให้ดี ๆ นะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
อืม...เหมือนบุพเพที่ได้มาอยู่ด้วยกันอีก

แต่ในเมื่อพี่ชินรักษานทไว้ไม่ได้ ก็ควรปล่อยมือนะ  :เฮ้อ:

ถึงอดีตเราจะเลวร้าย แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปร้ายใส่คนอื่นนะคะ  o18

ออฟไลน์ MilkTea

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
จริงๆแล้ว พ่อแม่บุญธรรมของนทก็เป็นแค่คู่สามีภรรยาธรรมดาที่มีลูกเองไม่ได้เท่านั้นค่ะ
แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ทั้งสองคนเลี้ยงดูนทเป็นอย่างดี เด็กคนนี้ถึงได้เติบโตมาเป็นคนจิตใจแบบนั้น
(แต่ติดจะเจ้าน้ำตาและอ่อนแอต่อความรักมากไปเสียหน่อย)

ในขณะที่พี่ชินไม่ใช่เลย คนที่รับพี่ชินมาเลี้ยงมีแต่พ่อคนเดียวเท่านั้น
และเลี้ยงดูแบบไหน คงได้เห็นกันคร่าวๆในตอนต่อไปค่ะ
  o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด