[[THE CAGE]]
ภาค ๒
~BOND~ . . . ตรวนรัก . . .
[Prologue]
ความรัก ---
เป็นดั่งโซ่ตรวนที่พันธนาการหัวใจเอาไว้อย่างแน่นหนา
จองจำทุกความรู้สึกของคนดีดีที่ผ่านเข้ามา ไม่ให้รับรู้หรือรักใครได้อีก
นอกเหนือไปจากผู้ที่ถือกุญแจหัวใจ คนที่เขาไม่อาจได้มาครอบครอง
เมื่อใด หัวใจจะยอมเปิดกว้างเพื่อรับอิสระที่อยู่เพียงเอื้อมนี้สักที
“ฮึก...”
“เปียกหมดแล้ว”
ความอ่อนโยนที่ถูกหยิบยื่นมาพร้อมกับผ้าที่ซับน้ำตาให้ ในยามที่เขาไม่เหลือใคร
ความอ่อนแอในตัวตนของเขาถูกเปิดเผย แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะเหยียดหยาม กลับโอบอุ้มเอาไว้ด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่นอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครนอกเหนือไปจากมารดาแท้ๆ
คนที่เป็นดั่งเทวดาที่ลงมาจากสวรรค์
คนที่ไม่เคยคาดฝันว่าจะเอื้อมได้ถึง
สักวันหนึ่งเถอะ จะตอบแทนคนผู้นี้ ให้สมกับความดีมากมายที่เขาได้รับ
สักวันหนึ่ง ---
.
.
“คุณเนม”
เจ้าของนามเงยหน้ามองร่างที่ยืนท้าวเอวอยู่เหนือโซฟาที่เขากำลังนอนเอกเขนกอยู่ในระหว่างพัก ดวงตากลมโตฉายแววประหลาดใจเมื่อเห็นทีท่ากระฟัดกระเฟียดของชายหนุ่มร่างสูงชะลูดซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัว
“ยังมาทำหน้างงอีก จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้วันอะไร?”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น พร้อมกับเอียงคอและยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ไอ้อากัปกิริยาแบบนี้ล่ะที่น่าหงุดหงิดใจนักสำหรับคนเป็นผู้จัดการอย่างตรีภพยิ่งนัก
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ที่นี่ครับ ผมบอกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วจำไม่ได้เหรอ?”
“อ๋อ เรื่องนั้นเอง รู้แล้วน่า”
ร่างในชุดสูทสีเข้มจุปากอย่างขัดใจเมื่อเห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้นพรม ทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นภูมิแพ้ฝุ่นขั้นรุนแรง แต่กลับไม่รู้จักรักษาความสะอาดให้ดี ขัดกับหน้าตาหล่อปนสวยที่แฟนคลับผู้คลั่งไคล้ตามกรี๊ดเสียเหลือเกิน
“แล้วไหนล่ะกระเป๋าเดินทาง?”
เจ้าตัวคนที่ยังคงนอนเล่นอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับรองนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้ ส่วนคำพูดที่จะกล่าวนั้น ตรีภพไม่นึกอยากจะฟังแล้ว
“ลืมไปเลย ฝากเก็บให้หน่อยนะพี่ภพน้า” เอ่ยพลางยกมือไหว้ปะหลกๆพร้อมกับส่งสายตาหวานซึ้งมาให้อย่างเช่นที่ทำเป็นประจำ
เสียงออดอ้อนของคนเคยตัวทำเอาอ่อนใจ แต่ครั้นจะบ่นไปก็รู้ว่าเหนื่อยเปล่า เขาดูแลร่างตรงหน้ามาตั้งแต่เพิ่งเข้าวงการเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบเสียด้วยซ้ำ จึงรู้นิสัยของร่างเพรียวเป็นอย่างดี บทจะดีก็แสนดี แต่บทจะร้ายก็แสบไปถึงทรวง ด้วยดวงหน้าที่ไม่รู้จะเรียกว่า ‘หล่อ’ หรือ ‘สวย’ ดี แถมเจ้าตัวก็รู้ถึงจุดเด่นข้อนี้ของตัวเองจนเอามาใช้ประโยชน์ซะอีกแน่ะ
--- และนี่ก็เป็นอีกวัน ที่เขาหลงกลเสียงหวานๆและดวงตากลมโตที่ส่งมาอ้อนเต็มที่
“รู้แล้วน่ะ คุณนี่ประจำเลย เมื่อคืนก็ย้ำอยู่นะว่าให้จัดกระเป๋าด้วย”
“เอาน่า ของผมไม่เยอะเท่าไหร่หรอก”
ตรีภพเลิกคิ้วกับถ้อยคำที่ช่างขัดกับความเป็นจริงเสียเหลือเกิน หากจะว่า ‘นิพิท’ หรือ ‘เนม’ จะลดอัตราการช้อปปิ้งลงเสียหนึ่งในสามก็คงจะทำให้คำพูดนี้น่าเชื่อถือมากขึ้น เขาสั่นศีรษะพลางปรายดวงตามองไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เจ้าตัวดีนอนกดไม่ยอมหยุด พลางเลื่อนสายตาไปทางไอแพดมินิที่วางอยู่บนโต๊ะ คู่กับกาแล็กซี่โน้ตรุ่นใหม่ในเคสสีส้มสด หนำซ้ำ เศษเหรียญที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าสตางค์หลุยส์วิตตองยังวางเกลื่อนโต๊ะราวกับรอให้เขามาเก็บอีกต่างหาก
“ไฟลท์สิบเอ็ดโมงเช้านะ ถ้าคุณไม่รีบ ตกเครื่องไม่รู้ด้วย”
“อ้าว ไม่ใช่ห้าทุ่มเหรอพี่?”
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสีหน้าแตกตื่นเล็กน้อยของนิพิท ก่อนที่ร่างเพรียวจะดีดตัวขึ้นโดยไม่สนใจว่ากางเกงหนังที่ใส่ฟิตเข้ารูปจะทำให้เคลื่อนไหวลำบาก เมื่อครั้งก่อนก็เตือนแล้วแท้ๆว่าให้ระมัดระวังอย่าแหกขากว้างนักเดี๋ยวจะขาด แต่ก็ไม่เคยคิดจะฟังกันบ้าง
ตรีภพสั่นศีรษะอย่างระอาใจ ขณะเก็บเศษเหรียญจำนวนมากใส่กระเป๋าสตางค์ใบยาวที่แลดูจะเหมือนกับของผู้หญิงเสียมากกว่า
“งั้นกลับโรงแรมกันเลยไหม?”
“ได้ที่ไหนเล่า คุณต้องรอให้สัมภาษณ์นิตยสารเจมองก่อน”
“นี่มันจะเก้าโมงอยู่แล้วนะ ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ ช้าชะมัด”
“เออน่า นั่นนิตยสารชื่อดังเชียวนะ”
“แล้วไงล่ะพี่ มืออาชีพมันต้องตรงต่อเวลา พี่สอนผมเองไม่ใช่เหรอ?”
ตรีภพส่งขวดน้ำแร่ให้กับคนที่เริ่มกระฟัดกระเฟียด แม้ว่าดูภายนอกอีกฝ่ายจะดูเป็นคนยิ้มแย้มและใจดีกับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ในที่นี้หมายถึงเด็กเล็ก แต่จริงๆแล้วนิพิทเป็นคนใจร้อน บุ่มบ่าม ปากไวกว่าใจคิด เรียกว่านิสัยเลือดร้อนอย่างวัยรุ่นก็ว่าได้ มีแฟนคลับจำนวนมากที่คอยติดตามรู้นิสัยที่แท้จริงนี้ แต่ก็ยังรัก ดูเหมือนจะรักมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
--- แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านิพิทเป็นคนมีเสน่ห์
ดูอย่างท่าดื่มน้ำแร่ ที่แหงนหน้าสี่สิบห้าองศา พร้อมกับมีหยดน้ำรินไหลลงมาถึงคางเล็กน้อย นี่คิดว่ากำลังถ่ายแบบอยู่รึเปล่า
“แหะ เซ็กซี่มะ?”
รู้อีกว่าถูกมอง ตรีภพระบายลมหายใจโดยไม่ตอบคำ
“เซ็กซี่ใช่ม้า? นี่อุตส่าห์ให้เห็นของดีเลยนะเนี่ยพี่”
“ไม่ได้อยากจะเห็นเล้ย”
“โด่ อย่ามา เห็นอยู่ว่ามอง”
“มองสิ เสื้อที่คุณใส่อยู่น่ะเป็นของรายการ ถ้าทำน้ำเลอะของเขาก็ต้องจ่ายค่าซักรีดให้ รู้ไหมว่ามันเปลือง”
“ขี้บ่นอย่างกับคนแก่แน่ะ”
“แต่เพราะคนขี้บ่นคนนี้ไม่ใช่หรือไง คุณถึงได้เป็นคุณอยู่ทุกวันนี้”
นิพิทยิ้มร่า “แหะ นั่นน่ะสิเนอะ ไม่มีพี่ภพ ผมคงไม่รู้จะทำยังไง เพราะงั้นช่วยไปเอากระเป๋าที่โรงแรมให้ผมแล้วกลับมารับที่นี่หน่อยน้า”
ตรีภพรับคำอย่างเสียมิได้ นึกประหลาดใจกับท่าทางออดอ้อนผิดปกติ หรือเพราะเจ้าตัวรู้ว่าจะไม่ได้พบกันหลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์กระมัง นานๆทีจะมีช่วงว่างนี่นะ เขาจึงยอมให้อีกฝ่ายลาพักร้อนไปหนึ่งสัปดาห์ เป็นจังหวะที่เพิ่งกลับประเทศไทย คงจะได้พักหายใจชั่วครู่
“ตื่นเต้นไหม จะได้กลับบ้านแล้ว?”
“ตื่นเต้นสิ อยากเจอพ่อกับแม่ พี่นา แล้วก็เจ้านทมันด้วย”
“ไม่ได้เจอนานเลยนี่เนอะ”
ใช่ เพราะเขาเป็นศิลปินที่ต้องออกทัวร์ตลอด แถมสังกัดที่ไทยดันให้เขามาตีตลาดที่อเมริกา ยากนักกว่าจะมีชื่อเสียงได้อย่างทุกวันนี้ เขาต้องทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจมากมายกว่าจะมีชื่อติดอยู่บนบิลบอร์ด และหลังจากสามปีที่มาที่นี่ เขาก็มีวันนี้จนได้
อยากจะกลับไปกราบเท้าพ่อกับแม่ แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆก็ตาม แต่ก็เป็นคนอุปการะเขาเอาไว้ ส่งเสียให้เรียนดีๆจนมีวันนี้ได้
“อยากเจอทุกคนจัง”
“อืม เดี๋ยวก็ได้เจอแล้ว อีกอึดใจเดียว”
คิดถึงพ่อแม่ พี่สาว และเจ้าน้องชายขี้แยคนเล็กที่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันคือวันรับปริญญาของเจ้าตัวเล็ก ซึ่งเขาได้บินกลับไปเพื่อแสดงความยินดีในวันนั้น และบินกลับอเมริกาเพื่อทำงานต่อทันทีจึงไม่ได้พูดคุยกันมาก แต่ดูแล้วก็ท่าทางมีความสุขดี หวังว่าจะยังมีความสุขอยู่เช่นเคย
เดี๋ยวเขาก็ได้ลาพักร้อนตั้งหนึ่งสัปดาห์ หวังว่าจะได้พักผ่อนกับครอบครัวให้หนำใจ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายเจิดจ้าไม่แตกต่างจากแสงอาทิตย์ที่ส่องลาดเข้ามาในเครื่องบินชั้นธุรกิจที่เขากำลังนั่งอยู่ เค้กที่วางอยู่ตรงหน้าก็หวานอร่อยถูกปาก อากาศก็ดี การเดินทางก็ราบรื่น
รู้สึกดี เหมือนกับจะได้พบสิ่งที่ดีที่ประเทศไทย บ้านเกิดเมืองนอนของเขา ---
Talk: สวัสดีค่ะ

ได้ฤกษ์ลงแล้ว ดีใจมากเลย
ไม่แน่ใจว่าจะชอบกันรึเปล่านะคะภาคนี้ แต่ก็อยากให้อ่าน แหะ

ส่วนตัวชอบนิสัยแบบเนมค่ะ แต่ตัวละครที่เขียนออกมามักจะออกมาในรูปแบบของน้องนทซะมากกว่า

เป็นครั้งแรกที่เขียนตัวละครนิสัยแบบนี้ (แบบนี้นี่แบบไหน? ไม่บอก

/โดนถีบ)
อยากให้ติดตามกันนะคะ ไม่รับประกันความดราม่า (ในที่นี้ อาจแปลว่า มากกว่าเดิม หรือน้อยกว่าเดิมก็ได้)
รักทุกคนค่ะ (จุ๊บแบบนางงาม

)