เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๑๐ รอยรักจำหลักใจ
หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวเดินวนไปเวียนมาอย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง ในใจได้แต่ภาวนาให้
คนด้านในปลอดภัย แม้ทุกครั้งคำขอของเขาจะไม่เคยเป็นไปอย่างที่ตั้งใจสักครั้ง แต่เขาก็วาดหวังว่าในครั้งนี้มันจะเป็นจริง ขอให้
มิสเตอร์แอลปลอดภัยด้วยเถิด
“เปียว”
เสียงเรียกชื่อของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินทำให้เจ้าของชื่อหันไปยังที่มาของเสียง ถึงได้เห็นว่ารอบกายตนเองมีคนอื่น
อยู่อีก ทั้งวสันต์และคมยืนอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก คุณแม่อัญชันรีบรุดเข้ามาหาเด็กหนุ่มด้วยท่าทางร้อนใจ
“คุณแม่”
เปียวเอ่ยเรียกคุณแม่ของมิสเตอร์แอล ความรู้สึกเขาราวเจอที่พึ่ง คุณแม่เห็นเสื้อผ้าของเปียวเลอะไปด้วยเลือดก็ถามไถ่ด้วย
ความห่วงใย
“เป็นอย่างไรบ้างลูก เจ็บตรงไหนไหม?”
“ไม่ครับ เปียวไม่เป็นไร แต่คุณเขา…”
เปียวบอกแค่นั้นแล้วก็พูดต่อไม่ออก เหลียวมองประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิทด้วยความรู้สึกหน่วงไปทั้งใจ เพราะปกป้องเขา
มิสเตอร์แอลถึงได้...
“ไม่เป็นไรเปียว ไม่เป็นไรนะ มา มานั่งกับแม่ดีกว่า เดี๋ยวอลันก็ออกมาแล้วล่ะ รายนั้นน่ะกระดูกแข็งจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆ
หรอก”
คุณแม่เอ่ยปลอบเมื่อเห็นคนของลูกชายท่าทางเสียอกเสียใจ ตบหลังมือเบาๆแล้วจับจูงให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้นั่งด้วยกัน
ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่เสแสร้งนั้นอยู่ในสายตาของคุณแม่อัญชันและคมที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขามาถึงที่โรงพยาบาลก่อนคุณแม่
อัญชันจึงเห็นอยู่ตลอดว่าเปียวเป็นห่วงอลันแค่ไหน เด็กหนุ่มคนนี้แทบไม่สนใจว่าใครจะไปใครจะมาเพราะเอาแต่จ้องมองประตู
ห้องฉุกเฉินไม่วางตา หากอลันจะวางหัวใจไว้ที่เด็กคนนี้จริง เขาก็คงต้องมองเด็กคนนี้ในมุมมองใหม่ที่ต่างไปจากเดิม
เวลาที่แสนทรมานใจของเปียวมันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน กว่าแพทย์ที่ทำการรักษามิสเตอร์แอลจะออกมาเปียวก็
แทบจะขาดใจ เขาคงเดินเป็นหนูติดจั่นหากคุณแม่อัญชันไม่จับมือเอาไว้
‘มิสเตอร์แอล อย่าใจร้ายกับผมนักสิ รีบออกมาสักที’
เปียวได้แต่พ้อคนเจ็บในใจ ไม่นานจากนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ทุกคนที่อยู่รายรอบขัยบตัวทันที คุณแม่อัญชันกับเปียวลุก
ไปหาคุณหมอที่เดินออกมาอย่างเร็วไว คุณหมอมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม ก่อนถ้อยคำที่ทุกคนรอคอยจะถูกเอ่ยบอกต่อจากนั้น
“คนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
++++++++++++++
“อลัน พอได้แล้ว”
“อย่าขยับสิเปียว ผมเจ็บนะ”
บนเตียงผู้ป่วยสีขาวสะอาด ร่างกายสูงใหญ่ของเจ้าของเตียงนั่งพิงหัวเตียงที่ยกสูง ถูกอิงแอบด้วยร่างสูงเพรียวของเด็กหนุ่มอีก
คน มือหนาลูบไล้ร่างเพรียวนั้นอย่างย่ามใจ ริมฝีปากประกบจูบดูดดุนยั่วเย้า ลูบมือลงต่ำจนเจ้าของร่างเพรียวนั้นต้องร้องห้ามเมื่อ
สถานการณ์เริ่มเกินเลยไป พอจะขยับห่างก็โดนท้วงจากคนเจ็บทำให้ไม่กล้าที่จะไหวติง แต่ก็ยังแอบบ่นให้ได้ยิน
“ก็อยากชีกอทำไมล่ะ เจ็บตัวขนาดนี้แล้วยังไม่เจียมสังขารอีก”
เปียวที่นั่งบนเตียงผู้ป่วยพิงอกด้านขวาของมิสเตอร์แอลบ่นว่าหน้างอ ขนาดถูกยิงจนข้างซ้ายเดี้ยงไปข้างก็ยังมีหน้ามาทำชีกอกับ
เขาอีก คนอะไรแบบนี้ไม่รู้
“ไม่ได้หรอก ห่างเปียวนานๆเดี๋ยวแอลน้อยเฉาตายหมด”
อลันหยอดวาจาสองแง่สองง่ามแล้วมองลงต่ำ นำพาสายตาเปียวให้มองตาม เด็กหนุ่มปรายตามองแล้วว่า
“น่าจะเน่าไปเลยยิ่งดี”
“เน่าแล้วจะเอาอะไรใช้ล่ะที่รัก?”
“ก็ไม่ต้องใช้ไงครับที่รัก”
เปียวยิ้มหวาน ไล้นิ้วชี้กับปลายคางมิสเตอร์แอลเชิงหยอกเย้า อลันหรี่ตามองแปลกใจ
“หือ ช่างยอกช่างย้อนนะเดี๋ยวนี้”
อลันว่า ก่อนจะฟัดแก้มคนยอกย้อนอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้เปียวกระเด้งตัวลุกขึ้นทันทีก่อนที่พยาบาลจะ
เดินเข้ามา อลันยิ้มขำเด็กน้อยที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้างเตียง คุณพยาบาลส่งยิ้มให้ญาติคนไข้เล็กน้อยก่อนจะขอเช็ดตัวคนไข้
“คุณพยาบาลครับ ให้น้องชายของผมทำให้ได้ไหมครับ?”
เปียวที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาชะงักกึก หันมามองมิสเตอร์แอลที่ส่งยิ้มกวนๆมาให้แล้วหน้านิ่ว ก่อนเปียวจะหันไปส่งยิ้ม
แหยให้คุณพยาบาลที่มองมาที่ตนเองอยู่
“ได้ค่ะ น้องชายคนไข้เชิญทางนี้เลยค่ะ” คุณพยาบาลตอบรับแล้วเอ่ยเรียกเปียวให้มาหา
“หา? เอ่อ... ผมทำไม่เป็นหรอกครับ” เปียวเอ่ยเลี่ยง มองอลันที่ทำไม่รู้ไม่ชี้บนเตียงอย่างหมั่นไส้
“อย่างนั้นเดี๋ยวดิฉันลองทำให้ดูก่อน เผื่อคราวหน้าถ้าจะทำเองจะได้ทำได้ค่ะ” คุณพยาบาลยิ้มบอกอย่างใจดีทำให้เปียวยากที่จะ
ปฏิเสธได้อีก
“เอ้า มาดูใกล้ๆสิครับ คุณน้องชายที่รัก”
อลันเอ่ยล้อยิ้มๆ เปียวแอบแยกเขี้ยวใส่คนเจ้าเล่ห์ ก่อนเดินเข้าไปหาคุณพยาบาลที่ตั้งใจสอนน้องชายคนไข้เสียดิบดี
+++++++++++++++
ข่าวการบาดเจ็บของมิสเตอร์แอลไม่สามารถรอดพ้นหูตาของสื่อมวลชนได้ ทุกสำนักก็ต่างอยากได้ข่าวเชิงลึกที่สำนักอื่นไม่ได้
แต่ทางคนของมิสเตอร์แอลก็ให้ข่าวแค่ว่าตอนนี้มิสเตอร์แอลปลอดภัยดีแล้วและคงกลับบ้านในเร็ววัน ส่วนเรื่องผู้ต้องหาทาง
ตำรวจก็กำลังสอบสวนอยู่คงได้รู้รายละเอียดกันในเร็ววันนี้ อลันสั่งทางโรงพยาบาลให้ห้ามคนนอกเยี่ยมเพื่อป้องกันความยุ่งยาก
ที่จะตามมา ยกเว้นคนในครอบครัวและลูกน้องคนสนิทอย่างคมเท่านั้น
ช่วงสายวันนั้นคมก็มาเยี่ยมผู้เป็นนายพร้อมกับฮิโรยูกิ เปียวขอออกไปข้างนอกเพื่อให้อลันคุยกับลูกน้องคนสนิทได้สะดวกขึ้น
เดินผ่านหนุ่มหน้าตี๋ที่มีรอยยิ้มบางๆติดริมฝีปากอยู่ตลอดแล้วเปียวก็ยิ้มให้เล็กน้อย ฮิโรยูกิกระซิบบอกคมว่าจะออกไปข้างนอก
หน่อย คมพยักหน้ารับรู้ฮิโรยูกิถึงหันไปหาพี่ชายที่มองมานิ่งๆแล้วชี้มือไปที่ประตูห้องเป็นเชิงบอกว่าจะออกไปด้านนอก อลัน
พยักหน้า ฮิโรยูกิยิ้มให้พี่ชายแล้วจึงเปิดประตูเดินออกไปนอกห้อง
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ความผิดของนาย นายจะรู้สึกดีขึ้นไหมคม?”
“ไม่ครับ”
อลันถอนใจเบาเมื่อเอ่ยถามลูกน้องแล้วได้คำตอบออกมาเช่นนั้น ยิ่งถ้าเขาบอกว่าไม่ใช่ความผิดของคม คมจะยิ่งคิดมาก เรื่องนี้
เขารู้ดี อลันมองหน้าคมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนบอกเสียงเรียบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย อย่าให้ต้องถึงมือฉัน เข้าใจไหม?”
“ครับ”
คมรับคำแข็งขัน นี่ถือเป็นโอกาสของเขาที่จะได้ทำเพื่อชดเชยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่นนั้นแล้วเขาก็จะทำมันให้ดีที่สุดไม่ให้มี
ข้อผิดพลาดได้แม้แต่น้อย
เปียวที่ออกมาด้านนอกก็ลงไปข้างล่างเพื่อเดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย โทรหาพี่ชายเพื่อถามไถ่เรื่องของที่บ้านกับสถานการณ์ของ
บริษัทบ้าง พี่ชายก็บอกว่าตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทเริ่มดีขึ้น มีผู้ถือหุ้นรายใหม่เป็นชาวญี่ปุ่นเข้ามาช่วยก็ไปได้สวย เปียวเอง
ก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป สักวันหนึ่งครอบครัวเขาคงจะได้ทุกอย่างกลับคืนมา
เปียวแวะซื้ออาหารที่ร้านในโรงพยาบาล เจอฮิโรยูกิที่นั่นเลยได้พูดคุยกันเล็กน้อย เปียวอดแปลกใจไม่ได้ที่ฮิโรยูกิพูดไทยชัด
มาก นึกว่าจะเหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไปที่ติดสำเนียงญี่ปุ่นบ้าง แต่นี่กลับไม่มีเลย เก่งจัง
ถ้าเปียวรู้ว่าฮิโรยูกิเกิดและโตที่ประเทศไทย แถมยังเป็นน้องชายของมิสเตอร์แอล คงได้ประหลาดใจมากกว่านี้อีก
+++++++++++++++
คมกลับมาที่คอนโดมิเนียมพร้อมฮิโรยูกิ ชายหนุ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดกับอลันมันคือความผิดพลาดของตนเองที่ปล่อยให้คนร้ายเข้า
ถึงตัวอลันได้ ถึงมีใครมาบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา เขาก็ยังจะยืนกรานว่ามันใช่ เพราะความรู้สึกผิดมันฝังลึกลงไปในใจ
เขาแล้วในตอนนี้
ฮิโรยูกิเดินอ้อมเข้ามาด้านหลังคนที่นั่งกุมขมับเคร่งเครียดอยู่ที่โซฟานุ่ม แขนเรียวโอบรอบไหล่หนาที่เครียดเกร็งแล้วเกยคางบน
ลาดไหล่
“พี่อยากให้ผมปลอบใจพี่ไหม?”
มือเรียวลูบหน้าอกแล้วใช้ปลายนิ้วเขี่ยวนไล้รอบยอดอกของคนตัวโตกว่าอย่างยั่วเย้า ปล่อยลมหายรินรดใบหู ไล้มาที่แก้ม คม
เบี่ยงใบหน้าหันไปรับริมฝีปากแล้วแตะจูบ ผละออกมามองตาจอมยั่วอย่างสื่อความนัยที่รู้กันเพียงเราสอง
“ไม่กลัวเหนื่อยหรือ?”
ฮิโรยูกิเชยคางหนุ่มหน้านิ่งที่ตอนนี้อารมณ์ชักจะเริ่มไม่นิ่งอย่างหน้าตาเสียแล้ว ก่อนที่ริมฝีบางสวยของหนุ่มตี๋จะเอ่ยบอก
“ถ้าพี่ต้องการ...”
คมยิ้ม รั้งต้นคอคนช่างยั่วลงมาหา ประกบจูบริมฝีปากช่างจำนรรจานั้นดูดดื่ม ขยับลุกขณะริมฝีปากยังตามประกบไม่คลาย ถอด
เสื้อฮิโรยูกิออกไปจนพ้นศีรษะ ฮิโรยูกินั่งลงที่พนักพิงโซฟาก่อนพาดขาข้ามมาด้านหน้า เอนกายลงนอนราบกับโซฟาหนานุ่ม รั้ง
คมให้ตามลงมาแนบชิด ริเริ่มบทรักแสนร้อนแรงจนร่างกายที่แนบชิดสนิทแน่นแทบมอดไหม้ด้วยไฟรัก
+++++++++++++++
สถานีตำรวจในวันต่อมา
คมมาจัดการเรื่องคดีความให้เจ้านาย ผู้ต้องหาในคดีนี้คือนายจตุพรอดีตพนักงานบริษัทการเงินของอลันที่ถูกให้ออก เพราะนาย
จตุพรรับใต้โต๊ะจากลูกค้าโดยอ้างชื่อของอลัน พอถูกให้ออกไปแล้วด้วยความแค้นใจนายจตุพรจึงขายข่าวของบริษัทอลันให้คู่
แข่งรู้ และได้เข้าทำงานในบริษัทคู่แข่งของอลัน วางแผนทำลายอลันแต่คมก็คอยดักไว้ทุกทาง เคยเตือนนายคนนี้แล้วว่าถ้ายังไม่
เลิกก็จะจัดการขั้นเด็ดขาดลงไป แต่นายจตุพรกลับไม่คิดจะฟังทั้งยังแค้นใจจนหาทางมาทำร้ายอลันจนถูกจับเช่นนี้ แต่เพราะทำ
งานกับบริษัทคู่แข่งของอลัน คราวนี้เลยซัดทอดกันสนุก
คมที่เข้าไปคุยรายละเอียดต่างๆของคดีนี้กับนายตำรวจเจ้าของคดีเดินออกมาหน้าสถานีตำรวจ ภรรยาและลูกของนายจตุพรก็
กำลังมาเยี่ยมนายจตุพร คมหยุดเดินทำให้ฝ่ายนั้นหยุดลงด้วย
“เราเคยให้โอกาสเขาแล้ว”
“ค่ะ”
คมพูดเท่านั้นก็เดินผ่านทั้งสองคนไป ภรรยานายจตุพรไม่กล้าที่จะสู้หน้าคม เพราะทางมิสเตอร์แอลช่วยเหลืออะไรครอบครัวเธอ
หลายอย่าง แต่นายจตุพรกลับไม่สำนึกในบุญคุณนั้น ไปก่อเรื่องจนถูกจับคุมขังในตารางอยู่เช่นนี้
+++++++++++++
พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแค่วันสองวันอลันก็ขอกลับบ้าน บาดแผลยังไม่หายดีจำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ ทางโรงพยาบาลจึง
เสนอให้มีพยาบาลพิเศษไปดูแลที่บ้านด้วย อลันไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายจึงบอกว่าแค่น้องชายเขาคนเดียวก็ดูแลได้ แต่เปียวไม่
อยากประมาทหากเขาดูแลไม่ดีแผลเกิดเน่าขึ้นมาล่ะแย่เลย จึงขอร้องมิสเตอร์แอลให้รับพยาบาลพิเศษ นั่นถึงทำให้อลันยอมรับฟัง
พอกลับมาพักที่บ้าน ถึงแม้จะเจ็บตัวแต่อลันก็ยังอยากจะทำงาน ให้เปียวช่วยยกแฟ้มงานไปทำที่โต๊ะกลางสวนที่อากาศโปร่งๆ
เย็นๆหน่อย
“แกล้งกันหรือไง?”
เปียวที่หอบแฟ้มกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแสนหนักเดินตามอลันที่เดินฉิวตัวเปล่าไร้กังวลแล้วแอบบ่น อลันถูกยิงที่ไหล่ซ้ายซึ่งเป็น
ข้างถนัด เปียวยังสงสัยว่าแขนข้างถนัดใช้ไม่ได้แล้วมิสเตอร์แอลจะทำงานอย่างไร หรือแค่อยากแกล้งกวนเขาเลยให้เป็นไอ้บ้า
หอบฟางอยู่ตอนนี้
“ถ้าไม่เต็มใจก็เอาวางไว้แถวนี้ล่ะ เดี๋ยวผมถือไปเอง”
อลันแกล้งว่าประชด เปียวเบ้ปากใส่ก่อนเดินลิ่วไปที่โต๊ะแล้ววางของทุกอย่างลง แถมยังมีน้ำใจดีจัดเรียงให้ด้วย อลันมองคนของ
ตนเองทำงานไปเงียบๆแล้วก็ยิ้ม จนเปียวทำอะไรเสร็จอลันถึงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้
“คุณจะเอาน้ำอะไรไหม เดี๋ยวผมไปเอามาให้” เปียวเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจดี
“ใจดีนะนี่”
อลันเอ่ยล้อเลียนยิ้มๆ ทำให้คนมีน้ำใจชักไม่อยากมีน้ำใจแล้ว
“ตกลงว่าไม่เอา?”
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ ใจร้อนจริง”
อลันเสียงหลงจนเปียวยิ้มขำ ก่อนทำท่าคิดแล้วบอก
“งั้นเอาอย่างนี้ ผมเดินเข้าไปในครัวแล้วเจอน้ำอะไรก่อนก็เอาอันนั้นล่ะเนอะ” เหมือนจะเป็นคำถาม แต่ความหมายคือมัดมือชก
ไปแล้วเรียบร้อย
“อ้าว? เอาอย่างนั้นเลย”
เปียวยักคิ้วให้ก่อนลุกกลับเข้าบ้านไปเพื่อหาน้ำกับของว่างมาให้คุณชายอลันท่านทาน เปียวโผล่เข้าไปในครัวขณะที่เหล่าคนรับ
ใช้ชายหญิงกำลังทานข้าวกันอยู่ หัวหน้าแม่บ้านรีบลุกมาหาเปียว เปียวบอกว่าไม่เป็นไรให้ทานข้าวกันตามสบายเดี๋ยวตนเองจะ
จัดการเอง เปียวลองไปเปิดตู้เย็นดูว่ามีของอะไรพอจะใช้ได้บ้าง พอได้ของที่ต้องการแล้วก็ลงมือทำ
จอมทัพ พยาบาลพิเศษที่อลันจ้างมาอาสาถือถาดน้ำผลไม้กับขนมมาให้เปียว เขาถูกจ้างมาดูแลคนเจ็บอย่างอลัน แต่กลับได้ทำ
แค่หน้าที่ล้างแผล ส่วนอย่างอื่นน้องชายนายจ้างอย่างคุณเปียวเป็นคนทำหมด พอไม่ค่อยจะได้ทำอะไรเลยแบบนี้จอมทัพก็ออก
จะเกรงใจเจ้าของบ้านเขาอยู่ไม่น้อยเลยอยากช่วยอะไรบ้าง
ทั้งสองคนเดินเลี้ยวมาตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินสวยงาม เสียงรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาที่หน้าบ้าน เปียวชะงักเท้าแล้วหัน
กลับไปมองแต่เมื่อนึกได้ว่าธุระไม่ใช่ก็ยักไหล่แล้วเดินต่อ
รถยนต์คันดังกล่าวแล่นมาจอดลงที่หน้าบ้าน ผู้ที่ก้าวลงมาจากรถคือหญิงสาวหน้าตาสะสวยและชายหนุ่มที่ดูดีไม่แพ้กัน หัวหน้า
แม่บ้านที่ทานข้าวเสร็จแล้วจะไปดูแลคุณตาคุณยายกำลังจะเดินผ่านไป แต่เมื่อเห็นว่าใครมาก็รีบลงมาหาทันที ท่าทางดีอกดีใจ
ใหญ่ที่ได้พบทั้งคู่
“คุณคี คุณวิตา”
“สวัสดีค่ะป้า พี่อลันอยู่ไหมคะ?”
หญิงสาวแสนสวยเอ่ยถามหัวหน้าแม่บ้านอย่างสนิทสนม
“อยู่ค่ะอยู่ เห็นให้คุณเปียวพากันไปนั่งที่สวนแหนะค่ะ แล้วนี่กลับมานานแล้วหรือคะ?”
แม่บ้านเอ่ยถามทั้งคู่ ท่าทางยังรู้สึกตื่นเต้นดีใจไม่หาย
“เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี้เองครับ ได้ข่าวอลันเลยแวะมาเยี่ยม” เป็นชายหนุ่มอีกคนที่ตอบคำถามนั้น
“ค่ะ”
“แล้วคุณแม่?”
หญิงสาวเอ่ยถามถึงคุณแม่อัญชัน สถานะที่เธอเอ่ยเรียกคุณอัญชันแสดงให้รู้ว่าเธอรู้จักและสนิทกับคนบ้านนี้ในระดับใด
“คุณอัญชันไปมูลนิธิค่ะ เย็นๆโน่นล่ะค่ะถึงกลับมา ส่วนคุณท่านทั้งสองเอนหลังอยู่ค่ะ”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้ยิ้มๆ คุยกับแม่บ้านอยู่สักครู่ก็ฝากของไว้ให้เจ้าของบ้านแล้วตรงไปหาอลันที่สวน
+++++++++++++
จอมทัพถือถาดน้ำกับของว่างมาวางลงให้อลันที่โต๊ะ อลันเหลือบมองแล้วเอ่ยขอบใจเสียงนิ่ง จอมทัพออกไปแล้วเปียวถึงนั่งลง
ตรงข้าม ยกแก้วกับจานขนมออกจากถาด เลื่อนแก้วน้ำสีสวยไปตรงหน้าอลัน
“น้ำผลไม้ ดีต่อสุขภาพ แถมมีกลิ่นหอมทำให้ผ่อนคลายดีด้วย”
“หืม สรรพคุณเยอะจริง”
อลันวางมือจากงานแล้วมองแก้วน้ำสีสวยก่อนมองคนตรงข้าม เปียวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ลองชิมดู อลันยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบแล้ว
ถามเปียวที่นั่งยิ้มอยู่ตรงข้าม
“ทำเองหรือ?”
เอ่ยถามแล้วยกดื่มอีกครั้ง เปียวยิ้มตาพราวแล้วพยักหน้ารับ
“ถ้าไม่ชมจะว่าอะไรไหม?”
“ไม่ว่า แต่จะไม่มีอีกแค่นั้น”
อลันเอ่ยถามแกมเย้า คนตอบก็ย้อนได้ย้อนดี หนุ่มตัวโตยิ้มขำก่อนบอก
“อร่อยมาก ชื่นใจที่สุด”
อลันเอาความเยอะเข้าว่า ท่าทางก็เยอะเกินจริงจนเปียวยิ้มขำ ชายหนุ่มดื่มน้ำในแก้วอีกครั้งก่อนวางลงแล้วเลื่อนโน๊ตบุ๊คมาทำ
งานต่อ เปียวก็นั่งเป็นเพื่อนไปเงียบๆ
“พี่อลันคะ”
เสียงเรียกนั้นส่งผลให้อลันเกร็งตัวขึ้นมาทันที เปียวหันไปมองที่มาของเสียง เห็นหญิงสาวหน้าตาสวยหวานคนหนึ่งกับชายหนุ่ม
รูปร่างสูงสมส่วนหน้าตาท่าทางดูเป็นคนอบอุ่นใจดี หากทั้งสองคนนี้คือคนรักก็ดูเหมาะสมกันมากในสายตาของเปียว
แก๊ง!!
เสียงแก้วน้ำกับจานใบเล็กกระทบโต๊ะหินอ่อนเพราะความสะเทือนทำให้เปียวถึงกับสะดุ้ง ก่อนค่อยหันไปมองที่มาของเสียง อลัน
กำหมัดแน่นวางอยู่บนโต๊ะแสดงที่มาว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้มาจากที่ใด หน้าตาราวกับโกรธใครเสียมากมาย
“พี่อลันคะ”
หญิงสาวแสนสวยคนที่เปียวมองเมื่อครู่เอ่ยเรียกอลันอีกครั้ง แต่อลันกลับตวาดลั่น
“ออกไป!”
“พวกเราเป็นห่วงพี่นะคะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะพี่อลัน” หญิงสาวยังคงพยายามพูดกับเขา
“ฉันบอกให้ออกไปไง ไปให้พ้นหูพ้นตาฉัน ออกจากบ้านของฉันไปไปได้แล้ว!!”
“วิตา พี่ว่าเรากลับก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มที่มาด้วยกันเอ่ยกับหญิงคนรัก เพราะอยู่นานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีแน่ เมื่ออลันไม่ยอมรับฟังอะไรเลย ตั้งแต่วันนั้น...
“ไม่ค่ะ วิตาต้องพูดกับพี่อลันให้รู้เรื่อง”
“ไม่ไหวหรอกวิตา”
วิตา หรือ ปวิตาส่ายหน้าเชิงบอกว่าอย่าห้ามเธอเลย คิริ ชายหนุ่มคนรักของเธอถอนใจเบาๆที่เธอยังดื้อจะคุยกับอลันให้ได้
“พี่อลันคะ วิตารู้ว่าพี่เจ็บปวด แต่ไม่ใช่ว่าวิตาไม่เจ็บนะคะ…”
“เลิกพูดสักที!”
เพล้ง!!!
“ว๊าย!”
เสียงร้องอย่างตกใจของปวิตา เมื่อแก้วน้ำลอยวืดเฉียดเปียวที่อยู่ตรงหน้าคนขว้างพอดีไปกระทบกับหินทางเดินที่อยู่ด้านหลังจน
แตกแป็นเสี่ยง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้ง
“ไปให้พ้น”
อลันพูดเสียงลอดไรฟัน ก่อนตะเบ็งเสียงดังลั่นเมื่อเป้าหมายยังไม่ขยับไปไหน
“ไปให้พ้น!!”
และก่อนที่โน๊ตบุ๊คจะลอยไปอีกอย่าง เปียวจึงรีบเข้าไปคว้ามาให้ห่างมือคนอารมณ์ร้อน ทำเอาคนเขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว
มิสเตอร์แอล
คิริมองหน้าเพื่อนที่เคยสนิทอย่างอัดอั้นพูดไม่ออก เพราะความรู้สึกผิดมันจู่โจมเขา ยิ่งเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ยิ่งคิดว่าตนเองมันเลว
ทรามยิ่งนัก แต่คนเลวคนนี้ก็ยังไม่อยากที่จะปล่อยมือจากคนที่รักที่สุดอย่างปวิตาอยู่ดี
“กลับเถอะวิตา”
ชายหนุ่มแตะข้อศอกคนรักเบาๆเป็นเชิงบอก ปวิตามองอลันด้วยความเจ็บปวดใจ ในขณะที่เขาไม่แม้แต่จะหันมาสบตากับเธอ
เลย…
+++++++++++++++
คิริและปวิตากลับไปแล้วอลันถึงได้เพิ่งสำรวจความเสียหายรอบกาย เปียวนั่งลงไปเก็บเศษแก้วน้ำปั่นที่ตนเองอุตส่าห์ทำมาให้
มิสเตอร์แอลได้ชิม ณ ตอนนี้มันลงไปนอนเล่นอยู่ที่พื้นเป็นเสี่ยงๆแล้วเรียบร้อย อลันเรียกเปียวบอกไม่ต้องเก็บ เรียกให้เด็กใน
บ้านมาเก็บแทน แต่เปียวก็ยังทำเป็นหูทวนลม ทำให้อลันต้องลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมาหาแล้วดึงแขนคนที่นั่งยองอยู่ขึ้นมาทั้งที่ตน
เองขยับช่วงแขนมากไม่ได้เช่นนี้
“ผมบอกว่าไม่ต้องทำแล้วไงเปียว!”
อลันสั่งซ้ำอีกรอบ ความรู้สึกโกรธกรุ่นจากเรื่องเมื่อครู่ยังไม่ทันคลาย เปียวก็มาดื้อกับเขาให้อารมณ์ยิ่งขุ่นมัวเข้าไปอีก มันน่าไหม
นะเด็กคนนี้
“น้ำแก้วนี้ผมเป็นคนทำมันขึ้นมา ในเมื่อตอนนี้มันหกเลอะเทอะผมก็ต้องเป็นคนเก็บก็ถูกแล้ว”
“เปียว”
อลันเอ่ยเรียกแต่เปียวก็ยังคงเฉย
“ลุกขึ้นมาเถอะผมขอร้อง นะ”
ที่สุดก็ต้องยอมลุกขึ้นมาตามคำขอของมิสเตอร์แอล เปียวลุกขึ้นยืนแต่ไม่ยอมมองหน้าคนข้างๆ
“เปียว…”
“ผมจะไปเรียกพี่จอมทัพมาให้ คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
เปียวเอ่ยแทรกแล้วจะผละไปอย่างที่พูด อลันคว้าแขนเอาไว้
“ขอโทษ”
ชายหนุ่มตัวโตถอนหายใจไล่ความหงุดหงิด รู้สึกว่าอยู่กับเปียวแล้วเขาชักจะพูดคำนี้บ่อยขึ้น บอกกับคนที่ยืนนิ่งอยู่อย่างขอลุแก่
โทษทั้งปวง
“ผมโมโหไปหน่อย”
“ไม่หน่อยหรอก มากๆเลยล่ะ” เปียวแย้งความ
“ครับ มากๆเลยอย่างที่เปียวว่า”
อลันเอ่ยตามนั้น รั้งแขนคนหน้าบึ้งมาใกล้แล้วรวบกอดด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บจากด้านหลัง เกยคางบนไหล่แล้วกระซิบถามเบา
“คุณอยากรู้ไหม เรื่อง... เกี่ยวกับผมและพวกเขา”
“ไม่ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับอดีตที่เกิดขึ้นของคุณแม้แต่น้อย”
“นั่นสิ มันคงไม่สำคัญสำหรับคุณสินะ”
คำพูดนั้นมันคล้ายจะตัดพ้ออีกคนอยู่กรายๆ ทั้งคู่นิ่งเงียบกันไปสักพัก ปล่อยให้สายลมเย็นๆพัดผ่านกาย ต่างจมอยู่ในห้วงภวังค์
ของแต่ละคน เหมือนเวลามันผ่านไปเนิ่นนานกว่าที่อลันจะเอ่ยถามแทรกความเงียบระหว่างทั้งคู่ขึ้นมา
“คุณ... จะไม่หักหลังผมใช่ไหมเปียว?”
คำถามนั้นมันคล้ายจะมีนัยยะสำคัญบางอย่างจนเปียวจำต้องเลี่ยงให้มันพ้นตัวไป
“อะไรของคุณน่ะ”
“ช่วยตอบผมหน่อย”
อลันคงไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ตนเองใช้มันฟังดูเว้าวอนเพียงไหน เปียวนิ่งไปกับท่าทางของมิสเตอร์แอล เขาไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัว
เองเลยว่าที่มิสเตอร์แอลพูดแบบนี้เพราะเขาสำคัญ
“ผมจะหักหลังคุณเรื่องอะไร หนี้ยังใช้คืนไม่หมดเลย คิดว่าผมยังจะสร้างปัญหาให้ตัวเองอีกรึไง”
เปียวตอบคำถามที่คิดว่ามันตรงใจตนเองที่สุด แต่ไม่รู้ว่ามันจะตรงใจมิสเตอร์แอลไหม ก็เขาทำได้เท่านี้ หน้าที่ลูกหนี้ที่ดีคือหาเงิน
มาคืนเจ้าหนี้ในเร็ววัน... เพียงเท่านั้นเองที่เขาควรคิด
ต่างกับอลันที่รู้สึกว่ามันหนักไปทั้งใจกับคำตอบนั้น เหมือนศูนย์ถ่วงในใจมันไม่เท่ากันอย่างไรไม่รู้ คำตอบที่เขาต้องการคืออะไร
กันแน่ อยากให้เปียวบอกว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเขาคนเดียวอย่างนั้นหรือ แต่เปียวยังไม่ได้รักเขาเลยนี่ เพราะฉะนั้นแล้วมันจึงไม่
ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าหากเปียวจะจากเขาไปโดยไม่เหลียวกลับมา
TBCกลับมาซักผ้า เลยแวะมาลงนิยาย คิดถึงอ่ะ 
แต่ว่าเอาความหน่วงมาฝากซะงั้น เขาขอโทษT^T
ขอบคุณทุกๆท่านมากๆนะคะที่อุตส่าห์รอน้องเปียว ปลื้มใจ 
ปล. ติดบวกหนึ่งไว้ก่อนนะคะ เพราะบวกทู้น้องแฝดไปแล้ว ไว้วันหลังมาจิ้มให้นะคะทุกท่าน 
ปล.2 เขาว่ากันว่าคนถนัดซ้ายเอาแต่ใจจริงหรือเปล่า? (แต่เราถนัดขวาก็เอาแต่ใจเหมือนกันนะ ใครเป็นคนคิดทฤษฎีถนัดซ้ายกัน?)
ขอบคุณทุกท่าน
วันใหม่ค่ะ 