เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๓ แสนร้าย
อลันพาเปียวกลับมาที่คอนโดฯ เมื่อกลับมาถึงอลันก็บอกขอบใจลูกน้องแล้วให้ไปพักผ่อน จากนั้นก็ลากแขนเปียวตรงขึ้นห้องใน
ทันที พอเข้ามาในห้องอลันถึงปล่อยมือ ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านใน จัดการเปิดแอร์ เปิดโทรทัศน์ตามความเคยชิน เพื่อไม่ให้
ห้องมันเงียบเหงาจนเกินไป เปียวยังยืนอยู่หน้าประตูไม่ได้ตามเข้ามา ในใจรู้สึกหวั่นๆที่ต้องเผชิญหน้ากับมิสเตอร์แอลเช่นตอนนี้
เขายังไม่พร้อม และไม่มีวันจะพร้อมด้วย
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?”
อลันเอ่ยถามมาจากในห้องขณะที่คลายเน็คไทด์และกระดุมข้อมือไปด้วย เลิกงานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเนี้ยบอะไร สายตาคมมอง
จ้องเด็กหนุ่มที่ยืนเกร็งตัวเล็กลีบอยู่หน้าประตูห้อง ทำให้คนๆนั้นจำต้องก้าวเดินเข้ามา ใจจริงเปียวอยากจะตอบโต้มิสเตอร์แอล
มากกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เก็บเอาไว้เพราะสถานะของตนเองไม่เอื้ออำนวย อลันมองเด็กหนุ่มที่ออกอาการเกร็งทุกการขยับ
ตัวของเขาเลยก็ว่าได้ ก่อนสายตาคมจะมองโซฟาตรงที่ว่างข้างๆกาย ถือเป็นการบังคับกรายๆให้เปียวนั่งลง พอเปียวนั่งลงแล้ว
อลันถึงเอ่ยเข้าประเด็น
“ทำไมถึงออกไปข้างนอกโดยไม่บอกผม”
“ผมก็บอกคุณไปแล้วนี่ว่าเบื่อ เลยออกไปเดินเล่น แล้วการที่ผมจะไปไหนจำเป็นจะต้องรายงานให้คุณทราบทุกเรื่องเลยหรือ ทั้ง
ที่ก็ไม่เห็นว่าคุณจะใส่ใจอะไรนัก” เปียวโต้กลับนิ่งๆไม่มองหน้าคนถาม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ในฐานะที่คุณเป็นลูกหนี้ที่น่ารักของผม ผมก็ควรคาดเดาเอาไว้ก่อนสิว่าคุณอาจจะหนีไปก็ได้”
“ผมจะหนีไปไหนได้ ครอบครัวผมยังอยู่ที่นี่”
คราวนี้เด็กหนุ่มหันมามองคนพูดตรงๆ อะไรทำให้มิสเตอร์แอลคิดไปได้แบบนั้น ถ้าเขาจะหนีจริงไม่ทำไปตั้งนานแล้วหรือ แววตา
ดื้อรั้นที่มองมานั้นทำให้อลันข้ามเรื่องที่เปิดประเด็นอยู่ไปเรื่องอื่น พอเปียววกมาเรื่องครอบครัวเขาก็จำเป็นต้องหันเหมันออกไป
ท่าทางจะแตะไม่ได้เลยนะเรื่องครอบครัวนี่
“เอาล่ะ งั้นเราจบประเด็นเรื่องหนีไม่หนี แล้วมาพูดเรื่องของเราดีกว่า”
“เรื่องของเราอะไร?” เปียวมองคนพูดอย่างเริ่มระแวง
“ก็... เรื่องที่คุณต้องทำ”
“คือผม…”
“จุ๊ๆ อย่าเพิ่งพูดอะไร แค่ตอบคำถามผมมาสักข้อสองข้อพอ”
พอเปียวจะพูดอลันก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน ทำให้เปียวต้องเงียบฟัง
“ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?” อลันถามเรื่องพื้นๆจนเปียวเลิกคิ้วแปลกใจ
“ย่างยี่สิบสอง... ครับ” แอบไม่อยากพูดครับเท่าไหร่
“เรียนจบอะไรมา?”
“เศรษศาสตร์การเงิน”
ชายหนุ่มเจ้าของคำถามพยักหน้าเนิบนาบกับคำตอบ ก่อนจะถามต่อ
“เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?”
คำถามนี้เล่นเอาเปียวชะงักกึก สีหน้าแสดงอาการไม่พอใจขึ้นมานิดๆ
“ผมจำเป็นต้องตอบคำถามนี้ด้วยเหรอ?”
“มาก”
อลันทำเสียงให้รู้ว่ามากจริงๆ แต่มันดูกวนอารมณ์อย่างไรไม่รู้ ทั้งยังจ้องรอคำตอบอีก เปียวถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบ
“คนเดียว”
“หือ? คนเดียวเองหรือ?” อลันออกจะแปลกใจที่ได้คำตอบมาแบบนี้
“ทำไม มีแฟนคนเดียวแล้วมันแปลกตรงไหนครับ?”
“แล้วตอนนี้คบกับคนนั้นอยู่หรือเปล่า?”
พอเห็นว่าเด็กน้อยของเขาชักจะเริ่มไม่พอใจหนักขึ้นแล้ว อลันก็ไปคำถามอื่น แต่เท่าที่ถามมานี้มันเกินสองคำถามไปแล้วนะ
“คุณจำเป็นต้องตอบนะคำถามนี้”
เมื่อเปียวยังมองหน้าเขาเฉยอยู่อลันจึงย้ำ เปียวจึงต้องตอบตามที่มิสเตอร์แอลต้องการอย่างเสียมิได้
“เลิกกันแล้ว”
“อือฮึ”
เมื่อได้คำตอบแล้วอลันก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก เหตุผลที่เลิกราเขาไม่อยากรู้ แค่รู้ว่าเด็กน้อยของเขาไม่มีพันธะใดๆเท่านี้ก็พอแล้ว
พูดคุยสอบถามอะไรกันไปเล็กน้อยจนเป็นที่พอใจของอลันแล้ว อลันจึงลุกไปเข้าห้องเพื่ออาบน้ำ เปียวเองก็เข้าห้องของตนเอง
เช่นกัน ก่อนจะออกมานั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านนอก พอใกล้เวลาอาหารเย็นจึงโทรสั่งให้เขาขึ้นมาส่ง พออลันออกมาจากห้องเปียวก็
บอกให้ชายหนุ่มไปทานข้าวที่สั่งมาให้แล้ว แอบเหล่มองคนที่ใส่กางเกงนอนตัวเดียว เสื้อแสงก็ไม่ยอมใส่
“แล้วคุณล่ะ ไม่ทานด้วยกันหรือ?”
“ผมไม่หิวน่ะครับ คุณทานเถอะ”
เปียวบอกแล้วดูข่าวในโทรทัศน์ต่อ จนอลันทานข้าวเสร็จถึงได้ลุกไปเก็บล้างให้ อลันยืนมองเด็กหนุ่มที่ทำอะไรอย่างคล่องแคล่ว
แล้วเอ่ยถาม
“ท่าทางคุณคล่องแคล่วดีนะ”
“ผมเคยทำงานพิเศษที่ร้านอาหารอยู่ช่วงหนึ่ง” ตอบคำถามทั้งมือยังทำงานไปด้วย
“งานอดิเรก?”
“งานพิเศษ”
เปียวเน้นคำให้รู้ว่ามันคืองานพิเศษจริงๆ เก็บจานที่ล้างแล้วเช็ดมือก่อนจะเดินผ่านหน้าคนที่ยืนกอดอกมองอยู่ที่เดิมออกไปด้านนอก
พอจัดการอะไรเสร็จแล้ว เปียวก็ตั้งท่าจะพูดเรื่องที่เขาอยากจะให้วันนี้และวันต่อๆไปมันผ่านพ้นไปโดยไม่มีอะไรกัน เขายังมี
ความสามารถอย่างอื่นที่พอจะช่วยงานมิสเตอร์แอลได้มากกว่าการที่จะร่วมหลับนอนด้วยเป็นไหนๆ แต่อลันกลับบอกออกมาก่อน
ที่เปียวจะทันได้เอ่ยปากว่าง่วงและจะนอนเลย ทำให้เปียวเบาใจขึ้นมาว่าวันนี้ก็จะไม่มีอะไรดังเคย ชายหนุ่มตัวโตขอตัวไปนอน
แล้วบอกให้เปียวปิดโทรทัศน์ปิดไฟให้เรียบบร้อยก่อนเข้านอน เด็กหนุ่มก็รับปากเสียดิบดี แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน
ของตนเองก็เห็นว่ามิสเตอร์แอลอยู่ในนั้นก่อนแล้ว
“ไหนคุณบอกจะไปนอนไง?”
“ก็นอนห้องนี้ไงคุณ ได้เวลาทำหน้าที่แสนสำคัญแล้วมั้ง”
มิสเตอร์แอลตอบกลับมาหน้าตายว่าจะนอนห้องนี้ แถมยังเรียกให้เปียวมาทำหน้าที่ของตัวเองด้วยอีก เปียวไม่กล้าเดินเข้าไป
เพราะสภาพล่อแหลมของมิสเตอร์แอล จะไม่ให้เสียเวลาถอดเสื้อผ้าเลยใช่ไหม แน่จริงไม่ถอดกางเกงรอเลยล่ะ
“มาสิ”
อลันเรียกอีกครั้งเมื่อเปียวไม่ยอมขยับ เด็กหนุ่มจึงค่อยก้าวเดินเข้าไปหาด้วยใจที่เต้นระทึก เขาต้องทำจริงๆน่ะหรือ? อลันมอง
เด็กน้อยที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะเข้าสู่แดนประหารแล้วอยากจะหัวเราะ ไม่ใช่หัวเราะเยาะเด็กคนนั้นหรอก หัวเราะเยาะตัวเองนี่
ต่างหาก นี่เขาไม่น่าพิสมัยขนาดนั้นเชียว?
เมื่อไม่ได้ดั่งใจอลันจึงคว้าแขนเรียวดึงให้คนที่ค่อยๆขึ้นเตียงมาให้ถลามาหา นั่นทำให้ร่างกายเปียวเกยทับอยู่ด้านบน สองมือ
เรียวค้ำยันที่นอนเอาไว้ไม่ให้แนบชิดกันนัก ดวงตาวาวใสมองใบหน้าหล่อคมที่อยู่ใกล้เพียงนิดด้วยแววตระหนก
“เริ่มสิ”
“ห ... หา?”
เด็กหนุ่มออกอาการเอ๋อเล็กๆ จะให้เปียวเริ่มนี่นะ แล้วมันจะเริ่มยังไงกันล่ะ เขาเคยแต่กับผู้หญิงแค่ครั้งเดียวเองนี่ ความคิดเปียวตี
กันจนหัวชักจะหมุน นี่มันเรื่องยากสำหรับเขาเลย กับคนที่ไม่รักจะทำได้จริงหรือ แต่อลันก็ไม่ปล่อยให้เปียวคิดนาน มือหนาเลื่อน
ลูบลงไปบีบสะโพกหนั่นเนื้อ นวดวนเบาๆก่อนจะเค้นคลึงหนักมือมากขึ้น
“เร็ว”
คำสั่งที่ตามมาอีกทำให้เปียวต้องเคลื่อนริมฝีปากไปแตะกับปากหยักลึกของคนสั่ง แล้วจึงค่อยๆไล้ปลายลิ้นไปตามขอบปากของ
คนตัวโต มันช่างเชื่องช้าและเงอะงะสิ้นดี แต่นั่นก็ทำให้อลันพึงใจไม่น้อย มือเรียวเลื่อนลูบแผ่นอกเปลือย แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจ
จะชักมือกลับ แต่ถูกมือของอีกคนจับไว้แล้วนำพาให้ลูบต่ำลง เปียวรีบใช้มืออีกข้างดันตัวมิสเตอร์แอลออกห่างด้วยความตกใจ
ริมฝีปากที่คลอเคลียจึงผละห่างให้ชายหนุ่มตัวโตเสียดายเล่น
“ด... เดี๋ยว... คุณ ผม...”
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยห้าม ริมฝีปากของมิสเตอร์แอลก็ไล่ตามติดมาปิดปากนุ่มนั้น พลิกกายเด็กน้อยให้ลงไปด้านล่างแล้วเปลี่ยนเป็น
ขึ้นคร่อมแทน มือหนาลูบขึ้นมาตามสีข้างใต้เนื้อผ้า ปัดผ่านมาที่หน้าอก ไล้วนรอบยอดอก ก่อนจะตามไปลงลิ้นด้วยความกระหาย
อยาก วาดหวังว่าในหูจะได้ยินเสียงครางครวญตอบรับ แต่กลับเป็นเสียงเหมือนสะอึกเบาๆลอดมา อลันชะงักหยุดการกระทำ
ทุกอย่างลง ก่อนถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดปนเซ็งอารมณ์ นี่เขากำลังขืนใจเด็กน้อยอยู่หรืออย่างไรกัน
“มืออาชีพหน่อยสิ แค่นี้ก็ร้องแล้ว” ชายหนุ่มต่อว่าเด็กน้อยที่ขดตัวสะอื้นเบาๆ
“มันไม่ใช่อาชีพของผมนี่ จะให้ผมครางรับหรือไงเวลาที่กำลังจะถูกเชือดแบบนี้น่ะ!” เด็กน้อยของเขายังเถียง ทำให้อลันชักจะ
พื้นเสีย
“มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ คุณอย่าลืมนะปฏิญญา ว่าคุณมาที่นี่เพื่ออะไร!?”
พอถูกโต้กลับมาแบบนั้นเปียวก็เงียบ ก็รู้อยู่ว่าอยู่ในฐานะอะไร ทำไมต้องตอกย้ำกันนัก
“ผมจำเป็นไหมที่ต้องเห็นใจคุณ จำเป็นไหมที่ต้องมาเอาใจลูกหนี้แบบคุณ โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่ขัดดอกแบบคุณ!”
ยิ่งกว่าโดนตบหน้าฉาดใหญ่ ดวงตาวาววับตวัดกลับมามองคนพูดเขม็ง อลันมองท่าทางดื้อแพ่งนั้นแล้วถอนใจหนักๆ
“เอาเถอะ วันนี้ผมเหนื่อยมามากแล้ว จะไม่ให้คุณต้องทำหน้าที่ตอนนี้แล้วกัน”
ชายหนุ่มตัวโตขยับลงจากที่นอนด้วยความหัวเสีย ก่อนที่จะออกจากห้องไปยังส่งคำพูดแสนร้ายมาให้เปียวเจ็บใจอีก
“หวังว่าคราวหน้ามันจะไม่เป็นแบบนี้อีกนะ”
เสียงปิดประตูไม่เบานักเมื่ออลันออกจากห้องไป เปียวลุกขึ้นนั่งคว้าหมอนแล้วเขวี้ยงไปกระทบกรอบประตู กัดปากจนเจ็บแปลบ
รู้สึกโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ไอ้คนทุเรศ! หึ ไม่สิ เขาต่างหากที่ทุเรศ
ไอ้เปียว ไอ้โสเภณีราคาถูก!
+++++++++++++++
บริษัทรับเหมาพฤทธาการในช่วงนี้ต้องพบกับพายุลูกใหญ่ที่ชื่อฮิโรยูกิ คาเสะ นักธุรกิจหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัยที่เข้ามากว้าน
ซื้อหุ้นของบริษัทที่ถูกเทขายทอดตลาดในราคาต่ำ เหตุเพราะทางผู้ถือหุ้นรายอื่นไม่มั่นใจต่อการบริหารงานของนายพรตว่าจะทำ
ให้บริษัทกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้ จึงได้เทหุ้นที่มีอยู่ในมือออกขาย และนายฮิโรยูกิ คาเสะคนนี้ก็เข้ามาซื้อ และยังติดต่อขอซื้อ
หุ้นที่เหลือจากคนอื่นๆในราคาที่มากกว่าท้องตลาดอีกด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดทำให้นายพรตเครียดจัด เพราะตนเองไม่มีทุนรอนมากพอจะซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ ทำให้นายคาเสะคน
นั้นได้หุ้นบริษัทพฤทธาการไปไว้ในมือหลายสิบเปอร์เซนต์แล้ว
“เจ็บใจนัก หมอนั่นมันเป็นใครกันถึงได้ทำอะไรข้ามหัวเราแบบนี้!”
นายพรตกล่าวด้วยความฉุนเฉียว นี่ถ้าหากบริษัทการเงินของมิสเตอร์แอลยอมให้เขากู้ยืมอีกสักหน่อยก็สามารถต่อกรกับนาย
คาเสะนั่นได้แล้ว นายพรตที่ไม่ยอมมองความเป็นจริงกล่าวโทษบริษัทของอลันในใจ เงินที่ค้างชำระตนเองก็ยังไม่ได้คืน แถม
จะไปขอกู้ยืมเพิ่มขึ้นอีก ไม่มีทางที่บริษัทไหนจะให้ยืมได้หรอก เสี่ยงที่จะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และยากที่จะได้คืนมา
อีกด้วย
“ผมลองค้นประวัตินายคาเสะดูแล้ว นายคนนี้ยังไม่มีประวัติอะไรมากมายให้เราสืบค้น เพราะเพิ่งเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ไฟแรง
เกินจำเป็น”
พงศกรบอกผู้เป็นบิดาตามที่ได้ข้อมูลมา ประโยคท้ายออกจะประชดประชันเยาะหยันเจ้าของชื่อเล็กน้อย ตอนนี้บริษัทกำลังสั่น
คลอนหนัก หนี้ที่กู้ยืมมิสเตอร์แอลมายังไม่ทันจะได้ส่ง นี่ยังจะต้องเสียบริษัทให้ใครอีกก็ไม่ทราบ นายพรตกับพงศกรมืดแปดด้าน
ไปหมด ไม่รู้จะหาทางใดมาต่อลมหายใจให้ตนเองได้แล้ว
+++++++++++++++
เมื่อกลับมาบ้าน คุณวลัยที่พอรู้เรื่องราวคร่าวๆก็จึงให้สามีโทรไปเรียกนายเปียวกลับมาบ้านเพื่อพูดคุยด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน
เด็กหนุ่มที่ได้รับโทรศัพท์จากพ่อออกจะยินดีนัก แต่พอรู้จุดประสงค์ที่พ่อโทรหาความยินดีนั้นก็มลายหาย เปียวไปขออลันกลับ
บ้านไปเยี่ยมครอบครัว อลันก็ให้กลับได้โดยมีคนของตนเองกลับไปด้วย และฝากเปียวให้บอกพ่อของเปียวด้วยว่าให้เร่งหาเงิน
มาคืนในเร็ววัน หากจะให้เปียวไปๆมาๆอยู่แบบนี้ล่ะก็ นั่นทำให้เปียวต้องปฏิเสธพ่อแล้วบอกอย่างที่มิสเตอร์แอลบอก พ่อจึงบอก
เปียวให้ขอร้องมิสเตอร์แอลให้ทางบริษัทพฤทธาการได้กู้ยืมเงินไปต่อทุนอีกครั้ง
“นะเปียว แกขอร้องเขาให้พ่อหน่อย พ่อไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ”
น้ำเสียงที่ออกจะเครียดและอ้อนวอนอยู่ในทีนั้นทำให้เปียวไม่อยากที่จะปฏิเสธผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะ
ตนเองก็ไม่ได้มีสิทธิเหนือใครที่จะทำให้มิสเตอร์แอลยอมฟังได้จึงได้บอกปฏิเสธบิดาพร้อมเหตุผล
“แต่ผมเป็นแค่คนขัดดอกนะครับพ่อ มิสเตอร์แอลเขาไม่มีทางยอมหรอก”
พอเปียวบอกออกไปแบบนั้นเสียงแหลมเล็กของคุณวลัยก็ดังมาทันที แสดงว่าเธอก็ฟังเขาอยู่เช่นกันและไม่พอใจในคำตอบของ
เขาเลยสักนิด
“แกก็ตามใจเขาหน่อยสิเปียว นี่ครอบครัวเรากำลังเกิดปัญหานะ มีทางไหนช่วยได้แกก็ควรช่วยสิ แกอยู่กับเขามาน่าจะรู้ว่าเขา
ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เอาใจเขาเข้าสิ”
“แม่ นี่แม่จะให้ผม…”
“โอ๊ย! อย่าทำเป็นหน้าบางนักได้ไหม ทีมายืนจูบผู้ชายหน้าบ้านให้ชาวบ้านเขาดูแกยังไม่เคยจะอายเลย ถ้าเรื่องแค่นี้แกทำไม่ได้
ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่อีกต่อไป!”
“แม่…!”
คุณวลัยเอ่ยแทรกคำพูดของเปียวแล้วใส่ไม่มียั้งก่อนจะกดตัดสายไปทันทีหลังพูดจบ แถมเธอยังขุดเอาเรื่องตั้งแต่นมนานมาแล้ว
ที่เธอเข้าใจไปเองว่าเด็กหนุ่มทำตัวไม่ดีมาต่อว่าเข้าไปอีก แม้เปียวจะเคยอธิบายกับแม่แล้วว่าเพื่อนคนที่แม่เห็นว่ามาจูบกันหน้า
บ้านนั้นไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะความเมาทำให้เพื่อนขาดสติยั้งคิด เขาไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับเพื่อนที่แม่บอกว่าทำตัวน่ารังเกียจ
แม้แต่น้อย แต่คุณวลัยที่เชื่อไปแล้วก็ไม่เคยที่จะปรับความเชื่อความเข้าใจของตนเอง ยังคงเห็นว่าเปียวเป็นเด็กที่ทำตัวเหลว
ไหลเหลวแหลกแรดไปกับผู้ชาย ทั้งๆที่เด็กหนุ่มแค่ออกไปทำงานพิเศษหารายได้เสริมช่วยครอบครัวที่คุณวลัยมักพูดว่าเขาใช้
เงินเปลืองอยู่ตลอดเท่านั้นเอง
เปียววางโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกกดดัน ทั้งที่เพิ่งรอดพ้นเงื้อมมือของมิสเตอร์แอลมาได้ไม่นาน แต่ตอนนี้เขากลับต้องเป็นฝ่ายเข้า
หาเสียเองเพียงเพื่ออยากช่วยครอบครัวให้รอดพ้นวิกฤต
บ้าชะมัด นี่เขาต้องทนไปถึงเมื่อไหร่กัน!
++++++++++++++
ในที่สุดประวัติของเปียวมาอยู่ในมืออลันในวันต่อมา สอบถามคมแล้วว่าทำไมถึงช้านัก ก็ได้ความว่าเพราะบางเรื่องมันต้องใช้
เวลารื้อค้นกันอยู่นานพอควรถึงได้มา เนื่องจากมันผ่านมานานมากแล้ว แต่นักสืบที่ให้ไปตามสืบมาก็ทำได้ดีสมกับค่าจ้างที่เสีย
ไป เมื่อสิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้มันทำให้ชายหนุ่มรู้อะไรบางอย่าง เมื่อสายตาไปสะดุดกับชื่อในใบประวัตินั้น
“นายพชร พฤทธาการ นางไปรยา พฤทธาการ”
อลันอ่านชื่อของคนสองคนในกระดาษรายงานประวัติส่วนตัวของเปียว หัวคิ้วเข้มขมวดเล็กๆกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้กับเด็ก
น้อยของเขา
“รายงานนี่เชื่อถือได้แค่ไหน?” ชายหนุ่มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิท เมื่ออ่านรายงานของนักสืบได้ความคร่าวๆ
“เชื่อถือได้ในระดับหนึ่งครับ คนนี้เป็นนักสืบของบริษัทคุณกรเวกที่บริษัทเราใช้บริการบ่อยๆครับ”
อลันพยักหน้ารับรู้ ถ้าคมบอกว่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง นั่นแสดงว่าความเป็นไปได้มีอยู่สูงทีเดียว
‘ชีวิตช่างซับซ้อนจริง ปฏิญญา’
TBC
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ จัดบวกขอบคุณทุกกำลังใจเมื่อบวกได้ค่ะ 
อ่านคอมเม้นต์ของหลายๆท่านแล้ว... 
เรื่องน้องคนเล็ก ใหม่นึกไม่ถึงเลยอ่ะ นี่มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นไปสินะคะ อืมๆ 
ไม่ได้คิดไปถึงจุดนั้น เพราะเผอิญว่ามิสเตอร์แอลไม่ใช่ณเดชณ์ คูกิมิยะ ฮะๆ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ
วันใหม่ 