งานเลี้ยงเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังทำการก่อสร้างของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ซึ่งก็คือบริษัทของครอบครัว
เอิร์ทนั่นเอง งานถูกจัดขึ้นที่บ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ เชิญแขกผู้มีเกรียติมากหน้าหลายตา รูปแบบของงานเน้นความเป็น
กันเอง ช่วงเช้าได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไปแล้ว ช่วงค่ำจึงมีเลี้ยงตอบแทน
อลันเองก็เป็นหนึ่งในแขกของงานนี้ เพราะก็เคยได้ทำความรู้จักกับทางเจ้าของบริษัทอยู่เช่นกัน ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าโครงการ
ที่พฤทธาการได้มาเป็นของบ้านเอิร์ทนี่เอง เมื่อเข้ามาในงานสิ่งแรกที่อลันมองหาหลังจากทักทายเจ้าของงานแล้วนั้นคงหนี
ไม่พ้นบุตรชายคนรองของพฤทธาการที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ในงานจะมีแขกเหรื่อมากมาย แต่เขากลับหาเปียวพบได้
ไม่ยาก อลันยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น แต่ถูกกลุ่มผู้อาวุโสในงานดึงตัวเอาไว้เสีย
ก่อน อลันเหลียวมองเด็กน้อยของเขาอย่างแสนเสียดาย
เปียวที่อยู่ภายในงานได้ไม่นานก็เดินเลี่ยงออกมานอกพื้นที่จัดงานที่แสนวุ่นวาย เขาไม่ค่อยชอบงานที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้สัก
เท่าไหร่ ต้องปั้นสีหน้าให้ดูยิ้มแย้มและเป็นมิตรอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น เปียวเดินมานั่งที่ม้านั่งในสวนของบ้านเอิร์ท เอิร์ทเดิน
ตามออกมานั่งคุยเป็นเพื่อน ทั้งคู่คุยกันเรื่องสัพเพเหระ รวมทั้งเรื่องที่ตอนนี้ได้ร่วมงานกันโดยไม่คาดคิด
ขณะที่คุยกันอยู่นายชัยชัชที่เป็นหนึ่งในแขกของงานคืนนี้ก็เดินออกมาจากงาน และตรงมาที่ที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ เปียวกับเอิร์ท
จึงหยุดการสนทนาลงเพียงเท่านั้น เอิร์ทลุกขึ้นยิ้มให้นายชัยชัชก่อนขอเข้าไปในงาน เปียวจะผละไปด้วย แต่นายชัยชัชกลับ
เอ่ยดักเปียวเอาไว้
“รู้จักเจ้าของงานมันก็ดีอย่างนี้ล่ะนะ” ชายร่างท้วมเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่สีหน้าท่าทางกลับแสดงออกว่ากำลังดูหมิ่นเปียวเต็มที่
“คุณจะพูดอะไรกันแน่?”
เปียวเอ่ยถามกลับ พยายามข่มอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองไม่ให้แสดงออกมาให้นายคนนี้มองว่าเขาเป็นไก่อ่อน
“เปล่านี่ ผมไม่ได้คิดหรอกว่าคุณเอาอะไรเข้าแลกบ้าง”
นายชัยชัชลอยหน้ากวนอารมณ์ สายตาดูถูกมองเปียวตั้งแต่หัวจรดเท้า เปียวต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจ อย่าเพิ่งโมโหตอนนี้
เดี๋ยวได้กลายเป็นฝ่ายแพ้นายคนพาลคนนี้แน่ เมื่อบอกกับตนเองดังนั้นแล้วเปียวจึงยกยิ้มมุมปาก เอ่ยโต้ตอบนายชัยชัช
กลับไปพอให้แสบๆคันๆ
“หึ คงไม่ต้องคิดหรอกมั้ง เพราะคุณก็เคยทำมาก่อนนี่ ใช่ไหมครับ?”
จบคำพูดของเปียวนายชัยชัชก็ชักสีหน้าทันที เปียวยังคงยิ้ม แต่ภายในใจกลับกำลังกรุ่นด้วยโทสะ
“อย่าเพิ่งโกรธสิครับ แค่พูดความจริงเอง”
เด็กหนุ่มตอกย้ำลงไป แต่ดูเหมือนนายชัยชัชจะตั้งหลักได้แล้วจึงกลับมามีทีท่าเหนือกว่าเปียวอีกหน พร้อมกับพ่นคำดูหมิ่น
มาอีกครา
“หึ ผมรู้นะว่าคุณเคยเป็นเด็กของมิสเตอร์แอลอยู่พักหนึ่ง เพราะอย่างนี้หรือเปล่าเลยทำให้คุณไม่ตะขิดตะขวงใจเวลาจะนอน
กับใคร...”
เปียวหน้าร้อนวูบกับเรื่องที่นายชัยชัชยกมา สีหน้าของชายร่างท้วมแสนเจ้าเล่ห์ดูสาสมใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าอึ้งไป ชาย
ร่างท้วมกอดอกก่อนเหยียดปากยิ้มเย้ยหยัน
“ที่จริงพฤทธาการก็แค่ซ่องดีๆนี่เองนะ”
เปียวกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธจนแทบระงับไม่อยู่ นายชัยชัชลอยหน้าเยาะเย้ย ก่อนที่ดวงตาแสนเจ้าเล่ห์นั้นจะเบิกกว้างด้วย
ความตกใจ...
. . . . . . . . . . . . . . . .
อลันที่อยู่ภายในงานมองหาเปียวเสียทั่วงานก็ไม่เห็น ไม่น่าคลาดสายตาเขาไปเลย ชายหนุ่มได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจึง
หันไปให้ความสนใจ ทางด้านพงศกรที่ก็กำลังตามหาน้องชายคนรองอยู่เช่นกันเมื่อเจอเอิร์ทจึงได้รู้ว่าเปียวนั่งอยู่ที่สวนด้าน
นอกบ้านนี่เอง พิชญรุดมาบอกพี่ชายว่าเปียวกำลังมีเรื่อง พงศกรกับเอิร์ทหันมามองหน้ากันก่อนที่ทั้งหมดจะรีบไปยังที่เกิด
เหตุ
เมื่อไปถึงก็เห็นว่ามีคนรายล้อมอยู่กลุ่มใหญ่ บ้างก็ซุบซิบกันไปต่างๆนานา เจ้าของบ้านอย่างคุณอิทธิศักดิ์บิดาของเอิร์ทก้าว
เข้ามากลางวงที่มีเปียวกับนายชัยชัชยืนประจันหน้ากันอยู่ โดยที่นายชัยชัชมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด มุมปากของ
เขาเริ่มปรากฏร่องรอยช้ำบวมให้เห็น คุณอิทธิศักดิ์บอกให้ทั้งสองฝ่ายตามเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะสอบถามทั้งคู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
พงศกรกับพิชญ และอลันกับเอิร์ทก็ตามเข้าไปในบ้านด้วย
เมื่อเข้ามาในห้องที่เป็นส่วนตัวกันแล้วนายชัยชัชก็สร้างเรื่องโยนความผิดมาให้เปียวอย่างหน้าไม่อาย บอกว่าเปียวไม่รู้จัก
ระงับอารมณ์ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ตนเองเพียงเข้ามาคุยเพราะเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ที่ท่าทางจะอนาคตไกล ในฐานะที่
ตนเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงอยากแนะนำและทำความรู้จักกันเอาไว้ เผื่อภายภาคหน้ามีอะไรช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ แต่ทางนั้นกลับ
ตั้งแง่กับตนเองคิดว่าตนเองมาหาเรื่อง พอจะอธิบายเปียวก็ไม่ฟังแล้วยังมาทำร้ายร่างกายเขาอีก
ทางด้านเปียวก็ยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้นายชัยชัชร้องแรกแหกกระเชออยู่ฝ่ายเดียว อลันก้าวเข้ามายืนข้างเปียว เด็กหนุ่มหัน
มามองคนข้างกาย นายชัยชัชเองก็หันมาด้วยเช่นกัน ชายร่างท้วมเหยียดยิ้มดูถูก เปียวรู้สึกฉุนขึ้นมาอีก
“เกิดอะไรขึ้นเปียว เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า?”
เสียงอลันเอ่ยถามอย่างห่วงใยทำให้อารมณ์โกรธของเปียวชะงัก เด็กหนุ่มเหลือบมองเจ้าของคำถามแล้วส่ายหน้า พิชญเข้า
มายืนข้างพี่ชาย ตามด้วยพงศกรที่เข้ามายืนเคียงข้างน้อง
“เปียว อย่ามาทำเป็นคนดีตอนนี้ มันว่าอะไรก็บอกไปสิ”
พิชญเอ่ยกระตุ้นพี่ชาย ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นเปียวโกรธจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ พิชญคาดว่านายอ้วนคนนี้ต้องว่าอะไรเปียว
มากกว่าที่มันบอกแน่
เมื่อนายชัยชัชเอ่ยฟ้องจบไป คุณอิทธิศักดิ์จึงเปิดโอกาสให้เปียวได้พูดบ้าง เด็กหนุ่มหันไปมองพงศกร ผู้เป็นพี่จึงเป็นผู้เอ่ย
ความแทนน้อง
“ทางเราต้องขอโทษด้วยนะครับคุณชัยชัช น้องผมอาจจะใจร้อนไปสักหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ได้ไปกระตุ้นให้เขาโกรธ…”
“นี่ ผมเป็นผู้เสียหายนะคุณ ครอบครัวนี้มันยังไง ทำผิดแล้วยังมาโยนความผิดให้คนอื่นแบบนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนเลยหรือไงกัน”
ทั้งสามหนุ่มที่ถูกว่ากระทบถึงพ่อแม่ชะงักกึก อารมณ์โกรธกรุ่นเริ่มปะทุในใจ แม้แต่คุณอิทธิศักดิ์เองยังรู้สึกไม่ชอบใจนักกับ
การพูดของนายชัยชัช ผู้อาวุโสสุดในที่นี้มองสามพี่น้องอย่างนับถือใจ ถูกว่าพาดพิงถึงพ่อแม่เช่นนี้ไม่ว่าใครก็คงโกรธล่ะ แต่
ทั้งสามหนุ่มก็ยังคงเก็บอาการได้ดีไม่แสดงความกักขฬะออกมาให้เห็นเช่นคนที่บอกปาวๆว่าตนเป็นผู้ใหญ่
“เอาล่ะๆ ในเมื่อเด็กเขาก็ขอโทษแล้วก็แล้วต่อกันเถอะนะ ผมไม่อยากให้งานที่ผมจัดมันกร่อยเพราะคนไม่กี่คนหรอกนะ”
คุณอิทธิศักดิ์เอ่ยสรุปความตัดปัญหาก่อนเอ่ยติงในตอนท้าย ทั้งสามหนุ่มจากพฤทธาการยกมือไหว้ขอโทษท่าน พอเจ้าของ
บ้านและเจ้าของงานในวันนี้เขาสรุปมาเช่นนั้นนายชัยชัชจึงโต้แย้งไม่ได้อีก เมื่อทุกอย่างจบลงได้ด้วยดีแล้วงานจึงดำเนินต่อ
ไป แม้จะมีเสียงพูดคุยซุบซิบกันแว่วมาแต่ก็ไม่มีใครอยากใส่ใจกับมัน
. . . . . . . . . . . . . . .
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ เปียว?”
เอิร์ทเอ่ยถามเมื่อเดินออกมาส่งสามพี่น้องแห่งพฤทธาการที่กำลังจะกลับกันแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกเอิร์ท ขอบคุณที่เป็นห่วง”
เปียวยิ้มขอบคุณในความห่วงใยนั้นก่อนเอ่ยลากลับ อลันที่ตามออกมาจากในงานยืนมองเปียวเงียบๆ ก่อนขึ้นรถเด็กหนุ่มจึง
หันมาหาอลันแล้วเอ่ยบอก
“ขอบคุณนะครับ”
อลันอึ้งไปนิดก่อนยิ้มบาง มองตามเปียวที่ก้าวขึ้นรถไป ในใจรู้สึกเจ็บที่ต้องทำได้แค่ยืนมอง ถึงเวลาหรือยังที่เขาจะลดทิฐิที่มี
แล้วเป็นฝ่ายเข้าหาเด็กน้อยของเขาก่อน...
. . . . . . . . . . . . . . . .
“หา! มันว่าเราขนาดนี้เลยเรอะ หน็อยยย พี่โต กลับรถ!!”
“เฮ้ย! พี!”
เสียงพิชญสั่งคนขับรถให้ย้อนกลับไป แทรกกับเสียงเปียวที่ดังขึ้นมาไล่ๆกัน เมื่อขึ้นมาบนรถแล้วพิชญก็ซักถามเอาความจาก
ปากพี่ชายคนรองมาจนได้เรื่อง และมันก็คงจะได้เรื่องจริงดังว่าเมื่อเด็กหนุ่มร้องสั่งให้คนขับรถวนรถย้อนกลับไปทางเดิมเมื่อ
ครู่นี้
“ใจเย็นน่าพี ใครเขาจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาเถอะ ถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นก็อย่าไปดิ้นตามเขา” พงศกรที่นั่งข้างคนขับเอี้ยวตัว
มาเอ่ยกับน้อง
“มันเจ็บใจนะพี่พงศ์!” พิชญกระแทกเสียง สีหน้าบึ้งตึง
“รู้ แต่เจ็บใจเราก็แค่เก็บไว้ในใจ ถ้าเราเอาคืนเขาพีก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เครดิตเราจะติดลบ เรากำลังทำงานใหญ่นะ
ไตร่ตรองให้ดี”
พงศกรเอ่ยเตือนน้อง คนอย่างนายชัยชัชเล่นซึ่งหน้าแบบนี้มีแต่เจ็บตัวเปล่า เปียวหน้าหมองเมื่อฟังพี่ชายพูด เขาเป็นต้นเหตุ
ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทย่ำแย่เสียแล้ว
“ผมขอโทษนะครับพี่ชาย”
“ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก ถือเสียว่าเป็นบทเรียนที่หาไม่ได้ในห้องเรียนละกัน ค่อยเรียนรู้ไป พี่เองก็ใช่ว่าจะเก่งกล้ามาจากไหน
เราคงต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับวงการนี้ใหม่ด้วยกันแล้วล่ะนะ”
มือหนาเอื้อมมาโยกศีรษะน้อง รอยยิ้มของเปียวยังคงจืดเจื่อน พิชญที่นั่งข้างกันกลอกตามองสูงแล้วผลักไหล่เปียวเสียแรง
เปียวหันไปมองน้องกะต่อว่าเต็มที่แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่ความคิด เมื่อรู้ว่ามันเป็นการแสดงความเป็นห่วงของพิชญที่มาในรูป
แบบแปลกประหลาดจนคนที่ไม่เคยอยู่ด้วยกันมาคงไม่มีทางรู้ อาจจะคิดไปว่าพิชญกำลังหาเรื่องอยู่เป็นแน่ เด็กหนุ่มหัวเราะ
ในลำคอกับท่าทางเก้อกระดากของน้องชายคนเล็ก ถอนใจเบาแล้วยิ้ม ความรู้สึกที่ว่าตนเองยังมีพวกมันดีอย่างนี้เองนะ ไม่ว่า
จะเจอกับอะไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอีกต่อไป
ความรักจากคนในครอบครัว สิ่งที่เขาโหยหาและอยากได้มันตลอดมา แม้ว่ามันจะมาช้าไปสักนิด แต่มันก็ยังคุ้มค่าที่ได้มา
ครอบครอง
+++++++++++++
ทางด้านคุณแม่อัญชัน พอเห็นลูกชายอย่างอลันเอาแต่ทำงานหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้นคุณแม่จึงได้บอกให้อลันไปพักผ่อน
ไม่ต้องทำแล้วงานพักไว้ก่อน ให้คมกับฮิโรยูกิช่วยดูแลให้ชั่วคราว แต่อลันกลับไม่ยอมไป
“แม่สั่ง” คุณแม่อัญชันเอ่ยเสียงเข้ม
“โธ่ แม่ครับ” อลันทำเสียงออด เขาไม่อยากไปไหนทั้งนั้นนั่นล่ะน่า
“ไม่ต้องมาธ่งมาโธ่ หายใจเข้าออกก็เป็นงานไปหมดแล้ว ไปพักเสีย แล้วให้ฮิโระกับคมช่วยดู ระหว่างที่น้องยังไม่กลับญี่ปุ่น”
คุณแม่เอ่ยแจกแจง
อลันถอนใจเฮือกใหญ่ คำสั่งประกาศิต ไปก็ไปวะ!
ชายหนุ่มยอมตกลงทำตามใจคุณแม่อัญชันที่รัก โดยที่ไม่รู้ว่าการไปเที่ยวพักผ่อนตามคุณแม่สั่งในครั้งนี้จะพบเจอกับอะไรที่
คาดไม่ถึง
++++++++++++++
กระเป๋าเสื้อผ้าถูกตระเตรียมมาวางที่หน้าบ้านพฤทธาการอย่างพร้อมสรรพ เปียวยืนมองพี่ชายกับน้องชายของตนเองที่เป็น
โต้โผใหญ่ในการส่งเขาไปเที่ยวพักผ่อนในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่ทั้งคู่ให้มาตรงกันว่าเปียวควรพักผ่อนให้สบายใจจะได้กลับมา
ลุยงานได้เต็มที่ ตัวเขาเองยังไม่เห็นว่าตนเองจะไม่เต็มที่กับงานตรงไหน เด็กหนุ่มยืนกอดอกมองพงศกรขนกระเป๋าเข้าเก็บที่
กระโปรงท้ายรถด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ พิชญหันมาเห็นพี่ชายคนรองยืนหน้าบูดหน้าบึ้งแล้วขัดใจ จะไปเที่ยวทั้งทีทำหน้าให้
มันดีกว่านี้ก็ไม่ได้
“ส่งไปเที่ยวนะเปียว ไม่ได้ส่งไปประหาร” พิชญอดแดกดันผู้เป็นพี่ไม่ได้
“แล้วทำไมไม่ให้พี่อยู่ช่วยกันที่นี่เล่า” เปียวยังโต้แย้งจนวินาทีสุดท้าย พิชญพ่นลมหายใจแรงๆก่อนว่า
“ขอถามหน่อยว่าตื่นมานายเคยส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างไหมเปียว ถ้ายังไม่เคยเห็นว่ามันเป็นยังไงฉันจะบอกให้รู้ มันดู
เศร้า! เศร้า! และเศร้า! เห็นแล้วมันทำให้คนมองอย่างฉันหดหู่!”
“ใส่หน้ากากปิดปากไปทำงานก็ได้ แถมแว่นให้ด้วยอ่ะ”
“เป็นเด็กหรือไง?”
พงศกรมองน้องสองคนตอบโต้กันไปมาแล้วก็เลยเดินมาแทรก กอดคอน้องคนรองและน้องเล็กเอาไว้ พิชญกอดอกเบือน
หน้าไปทางอื่น เปียวก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเหลือบสายตามองน้องเล็กด้วยความขัดเคือง พงศกรตบบ่าทั้งคู่ให้ใจเย็นๆ ก่อนพูด
กับน้องคนรองอย่างเปียว
“ไปเถอะเปียว ไปเปิดหูเปิดตา พักผ่อนให้สบายใจ นะ”
“แต่ว่า…”
เปียวจะเอ่ยแย้งอีกแต่พิชญเหล่ตามามอง ทั้งสายตากดดันจากพี่ชายอย่างพศกรที่มองมาอีกด้วย เปียวเม้มปาก ก่อนเดินไป
ขึ้นรถที่คนขับเปิดประตูรอท่า เด็กหนุ่มเข้าไปนั่งในรถด้วยความไม่เต็มใจ เขาไม่อยากไปไหนทั้งนั้นล่ะ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน
มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเขาดีขึ้นมาหรอก แต่เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเป็นห่วงจึงจำต้องทำตาม ถึงการแสดงความเป็น
ห่วงของแต่ละคนจะออกมาไม่เหมือนกัน แต่เปียวก็รู้ว่าพงศกรกับพิชญห่วงตนเอง
รถพาเปียวไปที่สนามบิน เด็กหนุ่มเข้าไปที่อาคารของสายการบินในประเทศ เช็คอินและจัดการทุกอย่างตามขั้นตอนของ
สนามบินแล้วนั่งรอเวลาเครื่องบินออก เมื่อถึงเวลาเปียวก็เตรียมไปขึ้นเครื่อง เด็กหนุ่มขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วเดินหาที่นั่งของ
ตนเอง เมื่อพบแล้วจึงเอากระเป๋าเข้าไปเก็บและนั่งลงรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย ผู้โดยสารคนอื่นๆก็ทยอยเข้าที่กันไป เปียวนั่งเอน
พิงเบาะแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ในนี้มันไม่มีอะไรน่าสนใจ ที่ที่จะไปก็ไม่ได้น่าสนใจสักนิดเช่นกัน
“ขอโทษนะครับ...”
เปียวละสายตาจากหน้าต่างเครื่องบินแล้วหันกลับมาเมื่อมีเสียงของผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งดังขึ้นมาข้างกาย...
. . . . . . . . . . . .
อลันมาถึงสนามบินก็แทบจะไม่ทันเวลาเครื่องออก ไหนยังจะมัวตรวจเช็คโน่นนี่อีกมากมาย ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากมาอยู่แล้ว
ด้วย เลยไม่ใส่ใจกับเวลาสักเท่าไหร่ แต่คุณแม่อัญชันนี่สิ คุณนายท่านไม่ยอม ลากคุณลูกชายมาที่สนามบินจนได้
เมื่อจัดการอะไรเสร็จสรรพอลันก็ขึ้นเครื่องมา ชายหนุ่มเดินหาที่นั่งของตนเองตามที่พนักงานบนเครื่องบอก เมื่อเจอแล้วจะ
เข้ามานั่งกลับมีคนนั่งแทนที่ไปเสียแล้ว เบาะนั่งมันก็มีสองเบาะ และเขาได้เบาะที่อยู่ติดหน้าต่าง แต่ผู้ที่มาก่อนกลับจับจอง
มันไปแล้วเสียนี่ ก็ไม่ได้จะอะไรกับที่นั่งนักหนา นั่งตรงไหนมันก็เหมือนๆกันนั่นล่ะ แต่ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดเลยอยากจะ
พาลพาโลไปกับทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า อลันถอนใจแรงๆก่อนเอ่ยกับผู้โดยสารที่มาแย่งที่เขา
“ขอโทษนะครับ ช่วยขยับ…” อลันชะงักคำพูดค้างอยู่แค่นั้นเมื่อผู้โดยสารคนดังกล่าวหันกลับมา ก่อนเอ่ยเรียกราวกับเพ้อไป
“…เปียว”
เปียวที่หันมาตามเสียงของผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมอง เด็กหนุ่มอึ้งไปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใคร
‘อลัน เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?’
TBC
เน็ตหลุดอ่ะ ต้องรีสตาร์ทเครื่องใหม่เลยช้ามากเลยอ่ะ กว่าจะต่อได้T^T
ขอบคุณทุกๆท่าน ทุกการติดตามค่ะ เดี๋ยวทยอยจิ้มบวกคืนเน้อ 
ขออนุญาต
เฮียอลันเนี่ย ก็บอกไปสิว่าจะให้อยู่ในฐานะ
"ภรรยาจ้ะ"
แค่นี้ หนูเปียวคงไม่จากไปแร้ววว 
บวกๆ^^
555 แค่นึกถึงอลันตอนพูดคำนี้ก็ฮาแล้วอ่ะ มันแบบ... ไม่ไหวแล้ว 
แม่ของอลันเป็นคนขอเลิกเองไม่ใช่หรอ แล้วทำไมพูดเหมือนวิคเป็นคนขอเลิกเองล่ะ

อันนี้หมายถึงตรงไหนคะ ตรงที่พ่อบ้านมิลเลอร์พูดป่ะ? คือ... (ตั้งท่าอธิบายเต็มที่ 55)
คุณแม่อัญชันเป็นคนขอเลิกจริงค่ะ แต่ที่พ่อบ้านบอกว่าคนที่ทิ้งคุณแม่ไปนั้นช่างโง่เขลา หมายถึงวิคเตอร์ที่ไม่เห็นค่าของ
เพชร(คุณแม่อัญชัน)ในมือ แล้วไปคว้ากรวดสีสวย(นาตาเซียและสาวน้อยทั้งหลาย)มาครอบครอง สุดท้ายแล้วเพชรก็หลุด
มือไป หากวันหนึ่งเกิดนึกเสียดายอยากได้คืน มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว อะไรแบบนี้น่ะค่ะ
โดยสรุปก็คือว่าวิคเตอร์นอกใจ คุณแม่เลยขอเลิกน่ะค่ะปล. ใหม่ว่าคงมีแต่นิยายเรื่องนี้ล่ะมั้งนะที่ลงนิยายไป อธิบายให้คนอ่านเข้าใจไป
ปล.2 ขอบคุณ คุณCarToonMiZa กับน้องซี zero3 ด้วยน้าที่ช่วยดัน 
วันใหม่ค่ะ
+++++++++++
บวกหนึ่งครบแล้วล่ะ เย้~
บวกไปเน็ตหลุดไป อ๋อย@_@