กุ้งกล้ามกาม...ถ้ามาทะเลคุณควรจะกินอะไรมากที่สุด?
“น้อง ๆ ขอกุ้งเผาสองโล!”
...โป๊ะเช๊ะ!!
เขารีบเงยหน้าจากเมนู หันไปหาต้นเสียงที่ตะโกนสั่งเด็กเสิร์ฟ
...แหม...ใครหนอมันช่างรู้ใจ
ว่าเขากำลังอยากกินกุ้งเผาอยู่พอดีเลย
อุตส่าห์มาสัมมนางานใกล้ ๆ ทะเลทั้งที
มันก็ต้องกินของทะเลสด ๆ สิถึงจะได้ฟีลมากที่สุด
...เนื้อกุ้งตัวโต ๆ เอามาย่างให้ได้กลิ่นมันกุ้งหอม ๆ
จิ้มกินน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ กัดเข้าปาก
ได้รสเนื้อกุ้งฉ่ำ ๆ เคี้ยวกรอบเด้งอร่อยเหาะ
...ซี๊ดดดด!!....แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว
...อยากจะอ้าปากสั่งซะหน่อย
แต่พอเห็นเมนูเขียนไว้ว่า ‘ราคาตามกิโล’ แล้วก็เริ่มใจแกว่ง
...โธ่...ไอ้เขามันก็แค่ลูกจ้างฝ่ายไอทีธรรมด๊าธรรมดา
เป็นเด็กจบใหม่ป้ายแดงหมาด ๆ เพิ่งเข้ามาทำงานได้สองเดือน
แต่ได้รับอานิสงค์ห้อยติดตูดพวกพี่ ๆ มาศึกษาดูงานที่หัวหิน
เลยมีโอกาสมานั่งกินดีอยู่ดีในร้านอาหารทะเลระดับหรูใหญ่ยักษ์
ที่ขึ้นชื่อลือชาว่ารสชาติเด็ดของแท้ เพราะใช้ของทะเลสดจริง ๆ
และแน่นอนว่าราคาก็ต้องแพงมหาโหดเพิ่มไปตามคุณภาพ
ถึงแม้งานนี้จะฟรีตลอดทั้งทริปเพราะบริษัทเป็นคนจ่าย
แต่จะให้พนักงานใหม่อย่างเขาสั่งของแพง ๆ
มันก็ดูจะข้ามหน้าข้ามตาชาวบ้านเกินไปหน่อย
เลยได้แต่ลังเลไม่กล้าร้องสั่งทั้ง ๆ ที่อยากกินใจจะขาด
กระทั่งได้ยินเสียงคนตะโกนบอกนั้นแหละ
...ไหนใครกันที่กล้าสั่งกุ้งเผาสองโลดัง ๆ
...เขาอยากจะขอบคุณสักที
ดวงตาไล่มองไปยังต้นเสียง
ก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ
ใบหน้าคมคาย คิ้วเข้ม ดวงตาดุเหมือนเหยี่ยว
ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพอให้เห็นเค้าโครงว่ามีกล้ามสวย ๆ
มอง ๆ แล้วเหมือนดารามาถ่ายทำโฆษณาร้านอาหาร
มากกว่าเป็นพนักงานบริษัทมากินข้าว
...อืม...แล้วตกลงมันใครกันวะ?
“เออ...พี่ครับ คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือใครอ่ะครับ”
เขาหันไปถามพี่เจ้านายวัยสามสิบที่นั่งข้างตัว
อีกฝ่ายหันมองตามก่อนจะพูดตอบเฉลย
“หืม คนนั้นเหรอ ก็ลูกชายเจ้าของบริษัทไง
เห็นว่าเพิ่งจะเรียนจบจากอังกฤษเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
เลยกลับมารับช่วงบริหารต่อจากพ่อ”
...อ้อ เข้าใจล่ะ
มิหนาถึงกล้าสั่งของแพง ๆ มากินหน้าตาเฉย
แถมยังเข้าใจเหตุผลด้วยว่าทำไม่พวกพี่ผู้หญิงหลายคน
ถึงได้นั่งทำตาหวานตาเชื่อมข้ามไปยังหัวโต๊ะบ่อย ๆ
...หล่อไม่พอมาดราศีคนรวยมันจับอีกต่างหาก
เล่นเอาพนักงานกินเงินเดือนหน้าจืด ๆ อย่างเขาเป็นหมาหัวเน่าไปเลย
...เออ..กูมันไม่หล่อ ไม่รวยบ้างให้รู้ไป
สมัยนี้คนเรามันตัดสินกันด้วยเงินแล้วนี่
เป็นลูกเจ้าของบริษัทใช่มั้ย....รวยนักใช่มั้ย....
อยากเลี้ยงลูกน้องนักก็ดี....
...เพราะมื้อนี้เขาจะขอถล่มแม่งให้ยับเลย!!
คิดปนความแค้นเล็ก ๆ ในใจอย่างมุ่งมั่น
พลางนั่งรออาหารต่าง ๆ ซึ่งทยอยมาเสิร์ฟตามลำดับ
ไม่ว่าจะเป็นยำทะเล ข้าวผัดปู ปลากะพงทอดน้ำปลา ต้มยำรวมมิตร
หน้าตาล้วนแล้วแต่ชวนกระตุ้นท้องไส้ให้ร้องจ๊อก ๆ
แต่เขากลับยังไม่จับช้อนตักกินอะไรทั้งนั้น
เพราะตอนนี้สติจดจ่ออยู่ที่ของกินสุดโปรดอย่างเดียว
เขาจะขอเก็บท้องไว้กิน....กุ้งเผา...กุ้งเผาเท่านั้น!
ของแพง ๆ แบบนี้ต้องไม่ให้อะไรมาแย้งพื้นที่กระเพาะไปได้
และเพียงไม่นานกุ้งเผาสองกิโลก็ถูกนำมาเสิร์ฟสมใจหมาย
ทั้งยังวางลงตรงหน้าเขาพอดิบพอดีเหมือนรู้ใจ
กุ้งย่างสีส้มตัวโตนับสิบ
ส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวลไปทั่ว
...นาทีนี้ไม่มีแล้วครับความเกรงใจ
หน้ามืดตามัวเพราะถูกกุ้งล่อ
รีบหยิบกุ้งมาแกะก่อนใครเลยตัวหนึ่ง
แม้มันจะยังร้อนอยู่....
แต่เขาก็ยังพยายามค่อย ๆ ใช้นิ่วลอกเปลือกกุ้งออกอย่างระวัง
เก็บหัวกุ้งไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยดูดเอามันกุ้งทีหลัง
เด็ดขาทิ้งจนเหลือแต่ปลายหางเล็ก ๆ ไว้จับกิน
ดึงน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เสิร์ฟมาแยกเฉพาะของใครของมัน
จุ่มกุ้งลงไปทั้งตัวกะให้ซึมถึงรสชาติเปรี้ยวเผ็ดแซ่บถึงใจ
...อือฮือ ได้อย่างนี้ไม่เสียแรงที่หิ้วท้องรอ
เขาขอกินกุ้งให้ซะใจก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
กินแล้วนะครับ....
....อ้ามมมมมมมมม
“ขอกุ้งให้ผมสักตัวสิครับ”
มือที่กำลังจะเอากุ้งเข้าปากชะงักกึกทันที
เมื่ออยู่ ๆ คนที่นั่งหัวโต๊ะดันพูดขัดจังหวะ
พร้อมกับทุกสายตาหันมาหาคนซึ่งอยู่ใกล้จานกุ้งเผามากที่สุด
...ไม่ใช่ใคร
....กูเอง
...อะไรวะ!
คนกำลังจะสวาปามกุ้งชิ้นแรกสักหน่อยดันมาขัดจังหวะ
แม่งเสียฤกษ์หมดพอดี
อยากได้กุ้งก็รอหน่อยอีกไม่ได้เหรอไงโว้ย!!
แต่ถึงจะบ่นหงุดหงิดยังไงก็ต้องทำตาม
เพราะนั่นลูกชายเจ้าของบริษัท
เกิดไม่พอใจเดี๋ยวไล่เขาออกแล้วจะยุ่ง
ลูกน้องที่ดีเลยต้องจำใจวางมือจากกุ้งตัวน้อย
ลุกขึ้นยกจานไปเสิร์ฟให้เดอลิเวอร์รี่ถึงที่
...ประจบมันสักหน่อย
เผื่อฟลุกเงินเดือนจะได้ขึ้นเร็ว ๆ
วางจานกุ้งเผาตัวโต ๆ ลงตรงหน้าคนสำคัญเสร็จสรรพ
กำลังจะเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ที่เดิม
แต่ยังทันหันหลังเสียงคำสั่งจากหัวโต๊ะก็ดังมาระลอกสอง
“แกะให้ผมด้วยสิ”
...เอ้า! มีมือก็แกะเองสิวะ
กูจะกลับไปกินกุ้ง!
นึกว่าเป็นลูกชายบอสแล้วจะใช้อำนาจสั่งอะไรก็ได้เหรอไง
...เขาไม่ใช่ขี้ข้ารับใช้ใครนะโว้ยยย!!!
...โวยวายไปเถอะ คิดได้อยู่ในใจ
ขืนพูดไปมีหวังโดนไล่ให้ไปเก็บของกลับกรุงเทพแน่
ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามส่งสายตาเป็นเชิงถามซ้ำว่า
...แน่ใจเหรอ ...ถ้าอยากกินมึงควรแกะเองมั้ย
ทว่านอกจากอีกฝ่ายไม่รับรู้แล้ว
ยังตีใจความประโยคจากสายตาผิดเพี้ยนไปสุดกู่
เพราะเจ้าตัวดันหันมองหน้าเขาก่อนร้องถามอย่างงงๆ
“อ้าว...ยืนนิ่งทำไมล่ะ...
อ้อ...รึว่าอยากนั่งแกะตรงนี้เลย
ได้ ๆ ...ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
...น้อง ๆ ขอเก้าอี้เพิ่มอีกตัวครับ”
...เฮ้ยยยยย!! จะบ้าเหรอวะ!!
กูไม่ได้อยากมานั่งแกะตรงนี้
กูอยากกลับไปนั่งกินกุ้งของกูตรงนู้นโว้ยยย!!
...ช้าไปแล้ว
ถึงใจอยากจะร้องโวยวายประท้วงด่าทอถึงโคตรเหง้าแค่ไหน
เก้าอี้ก็ตามมาวางไว้เตรียมพร้อม
อยากจะหันไปหาความช่วยเหลือ
แต่พวกพี่แผนกคนอื่น ๆ กลับเริ่มขยับตัวออกห่าง
เพื่อเว้นระยะให้พนักงานใหม่ได้นั่งชิดติดบอสหนุ่ม
ไว้เป็นเบ๊คอยบริการอำนวยความสะดวกให้เต็มที่
โดยมีคำสั่งตามมาติด ๆ อย่างเอาใจอีกระลอก
“นั่งสิครับ ผมอยากกินกุ้งแล้ว”
...อ้อเหรอครับ...อยากกินกุ้งใช่มั้ยครับ
แล้วไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่ากูอยากกินด้วยมั้ย
ส่งได้...สั่งจริง ไม่คิดจะเห็นใจลูกน้องบ้างเลยรึไง
แม่งเป็นเจ้านายภาษาบ้าบออะไรกันวะ!!
แต่สุดท้ายคนที่อยู่ในสถานะลูกน้องก็ยังเป็นลูกน้องอยู่วันยังค่ำ
น้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ได้...ต้องจำใจอดทนไว้
หย่อนตัวนั่งลงก่อนหยิบกุ้งตัวโตขึ้นมาค่อย ๆ แกะเปลือกใส่จาน
ด้วยสภาพน้ำตาแทบจะไหล
...คิดดูสิครับว่าทรมานขนาดไหน
...กุ้งอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ
ถึงจะตั้งใจลอกเปลือกอย่างทะนุทนอม
พยายามให้ติดมันกุ้งหอม ๆ
แต่แกะไปเท่าไรก็ไม่ได้กินอยู่ดี
แถมยังต้องประเคนให้ใครก็ไม่รู้ตัดหน้าไปอีกต่างหาก
โอยยย!!...แม่งเวรกรรมอะไรของเขากันหนักหนาวะ!!
คนดวงซวยนึกโทษโชคชะตาตัวเองในใจ
ทว่ามือก็ยังคงทำหน้าที่จัดการกับกุ้งเผาตัวโตจนเสร็จ
แล้วจึงยืนส่งไปให้คนร้องสั่งที่อยู่ข้าง ๆ
“นี่ครับกุ้ง”
“ขอบคุณครับ เออ...ช่วยอะไรอีกอย่างนึงได้มั้ยครับ”
คำขอที่ดังตามมาทำให้คนฟังสะดุด
รู้สึกตัวเองชักจะใกล้เคียงเบ๊เข้าไปทุกที
สรุปคือนี่มันจะเพิ่มตำแหน่งให้เขาจากพนักงานบริษัท
เป็นคนรับใช้ประจำตัวอีกตำแหน่งใช่มั้ย
...คราวนี้จะขออะไรอีกล่ะ
ไม่ใช่ขอให้เขาป้อนให้เลยหรอกนะครับ บอส
แม้ในใจจะเริ่มเหนื่อยหน่าย
แต่เขาก็ยังคงรักษาสีหน้า
หันไปถามเสียงเรียบ
“ช่วยอะไรครับ”
ใบหน้าคมยิ้มออกมาบาง ๆ
ก่อนพูดคำตอบสั้น ๆ
...หากแต่เป็นคำที่ตรงกับสิ่งที่คาดคิดไว้อย่างถูกเผงในใจ
“ช่วยป้อนให้หน่อยสิครับ”
...ห่ะ?
มะ...เมื่อกี๊เขาได้ยินว่าอะไรนะ
...ป้อน....
...มันสั่งให้เขาช่วยป้อนเหรอ
...เฮ้ยยยยย!!!!
เขาแค่คิดเล่น ๆ แต่นี่มันเอาจริงเหรอวะเนี่ย
บ้าไปแล้วใครจะมาป้อนกุ้งให้กัน
ถ้าเป็นคู่รักฮันนีมูนก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่มันเจ้านายกับลูกน้อง
แถมเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
พวกเขาได้ฟ้าผ่าตายแน่!!
...แต่เอ๊ะ! หรือว่าเขาฟังผิด
จริง ๆ ไอ้ลูกชายท่านประธานมันอาจจะแกล้งเล่นก็ได้
เลยพูดแหย่ให้เขาตกใจไปแบบนั้น
“อะ...เออ...พูดจริงเหรอครับ”
ความสงสัยถูกกลั่นออกมาเป็นคำถามทันที
ทว่าข้อสันนิษฐานกลับพังพินาศ
เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับมาง่าย ๆ
“จริงสิครับ ผมไม่อยากให้มือเลอะ”
...โอยยยย!! ไอ้คุณชายสะอาด
อะไรจะขนาดน๊านนนน!!
อุตส่าห์แกะให้แล้ว ยังจะเสือกเรื่องมากอีก
ถ้าไม่อยากให้มือเลอะ
แล้วมึงรู้จักอุปกรณ์กินข้าวอย่างอื่นมั้ยวะ!!
“แต่ช้อนก็มีนี่ครับ”
เขาพยักเพยิดไปที่ช้อนส้อมในจาน
รู้สึกเหมือนกำลังสอนเด็กสองขวบให้รู้จักกินข้าวเอง
แต่เด็กโข่งกลับไม่ยอมทำตามคำแนะนำ
ซ้ำยังเอ่ยประโยคอธิบายย้ำชัด....
....และเป็นประโยคให้ชวนอึ้งรอบที่สอง
“ผมชอบกินกับมือ มันอร่อยกว่า”
ว่ะ!!...ชอบกินกับมือ ก็ใช้มือตัวเองไปสิ
ทำไมต้องมากินกับมือเขาด้วยล่ะโว้ยย!!
คนโดนขอโวยวายอยู่ในใจ
ถ้าไม่ติดว่าไอ้คนนี้เป็นคนจ่ายเงินเดือน
เขาคงจะซัดหมัดใส่มันไปแล้วโทษฐานกวนตีน
...จะบ้าเหรอวะใครจะมาป้อนให้!!
ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนอื่นอยู่ร่วมโต๊ะตั้งเยอะแยะ
...เออ...ถึงตอนนี้คนส่วนใหญ่จะสนใจอาหารมากกว่าพวกเขาก็เถอะ
แต่ยังไงมันก็ทุเรศอยู่ดีที่ผู้ชายสองคนจะมาป้อนกุ้งให้กัน
เขาพยายามพูดขอเลี่ยงด้วยความกระอักกระอวน
ทว่ายังไม่ทันได้อ้าปากคู่สนทนากลับเป็นฝ่ายสวนมา
ด้วยแววตาและน้ำเสียงอ้อนเบา ๆ
พร้อมด้วยประโยคต่อรองที่ทำให้คนฟังหูผึง
“...นะครับ แล้วผมจะเพิ่มโบนัสให้”
...บอกตามตรง...ไอ้เสียงเว้าวอนน่ะไม่สนใจหรอก
แต่ไอ้คำว่า ‘โบนัส’ เนี่ยสิ
...กระแทกโสตประสาทเข้าเต็ม ๆ
...เฮ้ย! เอาจริงดิ ...จะเพิ่มโบนัสให้จริง ๆ นะ
ได้ข่าวจากพวกพี่ ๆ ว่าโบนัสมันจะออกเดือนหน้า
แต่เขาเพิ่งจะเข้ามาทำงานสองเดือนยังไม่ผ่านโปรด้วยซ้ำ
เลยอดได้เงินก้อนไปตามระเบียบ
แต่ถ้าลูกชายเจ้าของบริษัทพูดอย่างนี้
ไม่แน่บางทีมันอาจจะมีเงินพิเศษแถมให้ล่วงหน้าก่อนก็ได้
แล้วถ้าเกิดประจบสอพลอดี ๆ
เขาอาจจะผ่านโปรได้บรรจุเป็นพนักงานเต็มตัวไว ๆ
มีงานมั่นคง เงินเดือนก็จะได้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
บวกลบคูณหารแล้วได้กำไรกันเห็น ๆ
กะอีแค่ป้อนกุ้งตัวเดียวแลกกับเงินและอนาคตของตัวเอง
มันจะไปยากเย็นอะไร...
...เอาก็เอาวะ!!
คนคิดสารตะถี่ถ้วนแล้วจึงข่มความอาย
หยิบกุ้งเผาที่แกะเปลือกเรียบร้อยอย่างบรรจง
แถมจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดให้ด้วยชนิดเซอร์วิสกันสุด ๆ
ก่อนหันไปหาคนข้างตัวเอามือรองประคองเตรียมป้อน
“อ้าปากสิครับ”
เขารีบบอกเมื่อเห็นสายตาของอีกคนยังคงจ้องมองไม่ขยับ
อยากจะรีบทำให้เสร็จไว ๆ ก่อนคนอื่นในโต๊ะจะมาเห็น
แต่ร่างสูงก็ยังคงออกคำสั่ง
“ใกล้กว่านี่อีกสิครับ ผมกินไม่ถนัด”
...เอ้า! เสือกเรื่องมากอีก!!
คนป้อนชักจะเริ่มหงุดหงิด
แต่ก็กลัวคนอื่นในโต๊ะจะมองมา
เขาจึงไม่ต้องรองใด ๆ รีบขยับตัวเข้าไปใกล้ตามคำสั่ง
ยื่นมือที่ถือกุ้งไปแทบจะชิดหน้าคมอยู่มะรอมมะรอ
พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสี่ยงถามกึ่งประชด
“พอรึยังครับ”
ทว่าคนสั่งก็ยังคงนิ่งเฉย
ไม่ขยับตัวอ้าปากกินกุ้งใด ๆ คล้ายยังไม่พอใจ
เอามือลูบคางไปมา พลางมองกุ้งอย่างพิจารณา
แล้วจึงตัดสินใจจัดการเรื่องเสียเอง
“ไม่ครับ ผมว่าแบบนี้ดีกว่า”
จบคำ เขารับรู้ถึงแรงดึงจากมือใหญ่
เอื้อมมาจับมือเขาที่ถือกุ้งเอาไว้เข้าไปใกล้
และก่อนจะทันรู้ตัวอีกฝ่ายก็อ้าปากงับกุ้งไปเรียบร้อย
พร้อมกับสัมผัสถึงปลายลิ้นชื้น ๆ อุ่น ๆ
ไล้เลียผ่านปลายนิ้วของเขาซึ่งจับหางกุ้งอยู่เบา ๆ
แล้วคนกินจึงค่อยปล่อยมือ
เคี้ยวกุ้งกลืนพลางเอ่ยคำขอต่อด้วยรอยยิ้ม
“อืม...อร่อยดี ขอกุ้งอีกตัวได้มั้ย”
...ดะ
...เดี๋ยวก่อนนะ
...มะ...เมื่อกี๊....นะ...นิ้ว....
....มะ...มันทำอะไรกับนิ้วเขา
อย่าบอกนะว่า...
มัน...ละ...เลีย....
...เฮ้ยยยยยย!!!
จะกินกุ้งแล้วมาเลียนิ้วเขาด้วยทำไม
มือเขาเพิ่งแกะเปลือกกุ้งมาสกปรกเลอะเทอะจะตาย
มันยังจะมาเลียนิ้วเขาอีกบ้ารึเปล่า
...แม่งโรคจิต!!
ใช่...ต้องโรคจิตหื่นกามแน่ ๆ
...ละ...แล้วทำไมตามันถึงวิบวับแปลก ๆ แบบนั้นวะ
....มามองอยู่ได้
มะ....มองทำไม....จะเอาอะไรอีกรึไง...
“แกะกุ้งอีกสิครับ”
คำตอบที่ได้รับทำเอาคนฟุ้งซ่านถึงกับสะดุ้ง
รีบเรียกสติเข้าร่างทำตามคำสั่งทันที
...อ้อ...จะเอากุ้ง...เอากุ้งใช่มั้ย
เออ...ได้ ๆ เดี๋ยวแกะให้
ตอนนี้จะเอาอะไรบอกมาเลย
ขอให้ก้มหน้าก้มตาแกะไปก่อน
เพราะเขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองใครแล้ว
...เอ้า!! แล้วมือนี่มันจะสั่นไปไหนวะ
เดี๋ยวแกะเปลือกกุ้งไม่ได้พอดี
อย่างนี้เมื่อไรจะแกะเสร็จ
แล้วเมื่อไรเขาจะได้กินกุ้งสักที
โอยยย...ทำไมจะกินกุ้งเผาสักตัวถึงได้ยากลำบากขนาดนี้วะ!!
คนอยากกินกุ้งโวยวายในใจไปพลางมือก็แกะกุ้งไปพลาง
โดยไม่รับรู้เลยว่ามีสายตาอีกหนึ่งคู่จ้องมองพฤติกรรมอย่างนึกขำ
...เห็นตั้งแต่เข้าร้านแล้วว่าจ้องกุ้งเผาของโต๊ะอื่นอยู่
แล้วพอจะสั่งเมนูอาหารก็เลยนึกถีงขึ้นมา
แต่ไม่คิดว่าคนคนนี้จะอยากกินขนาดนั้น
ก็เล่นไม่กินอย่างอื่นเลย รอแต่กุ้งอย่างเดียว
เห็นแล้วมันอดไม่ได้ที่จะแกล้ง
...ดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจจะทำให้
แต่ก็ยังอุตส่าห์ค่อย ๆ แกะกุ้งจนได้เนื้อสวย
ไม่มีเปลือกติดออกมาเลยสักนิด
แล้วยังใจดีจิ้มน้ำจิ้มให้อีกต่างหาก
แบบนี้จะไม่ให้ขอชิมได้ยังไงไหว
...และก็อร่อยเกินคาด
กุ้งเผาสด ๆ กรอบเด้ง
ผสมกับรสเปรี้ยวเค็มและเผ็ดถึงใจของน้ำจิ้มซีฟู้ด
กลิ่นหอม ๆ ของมันกุ้งลอยขึ้นฟุ้งในจมูก
ที่สำคัญยังได้ความหวานจากมือบางๆ เป็นตัวชูรส
เพราะอย่างนี้ไง...
...เขาถึงบอกว่ากินกุ้งเผาต้องกินจากมือถึงจะอร่อยสุด
คนเจ้าเล่ห์ยิ้มบาง ๆ
รอกุ้งเผาที่ยังคงแกะไม่เสร็จ
จากคนที่เห็นว่าหน้าขึ้นสีแดงจาง ๆ
...แกะไปเถอะ
ยังเหลือกุ้งอีกตั้งเยอะ
มื้อนี้เขาจะขอกินกุ้งเผา
แกล้มด้วยรสมือของคนคนนี้ให้อิ่มเลยแล้วกัน
เออ...จริงด้วย
ไหนๆ ก็ไหน ๆ ขอห่อกลับบ้านด้วยเลยดีมั้ยนะ
“น้องครับขอกุ้งเผาอีกสองกิโลใส่ถุงด้วยครับ”
คิดไปปากก็เอ่ยสั่งอัตโนมัติ
ทันเห็นคนที่นั่งข้าง ๆ เงยขึ้นมามองแวบหนึ่ง
แล้วหันไปก้มหน้าก้มตาแกะกุ้งต่อ
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขอแกล้งอีกสักรอบ
ก้มลงกระซิบคำข้างหูคนที่ทำเป็นสนใจ
ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่ออีกคนหน้าแดงแปร๊ด
ไม่ต่างจากกุ้งเผาที่อยู่ในมือหลังจากฟังประโยคนั้น...
“คืนนี้ช่วยตามไปป้อนกุ้งต่อที่ห้องผมทีนะ”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
THE END
*แจกน้ำจิ้มซีฟู้ดรอบวง*
เอากุ้งเผาร้อน ๆ มาเสิร์ฟจ้า มาตอนดึกยั่วคนอ่าน
อย่าว่าแต่คนอ่านเลยคนเขียนก็อยากกิน 
ใครชอบกินกุ้งแต่ไม่ชอบแกะบ้าง ยกมือ!!
คนเขียนก็เป็นหนึ่งใน ฮ่าๆๆ
พยายามใช้ช้อนส้อมช่วยแกะแต่มันยาก
สุดท้ายก็ต้องใช้มืออยู่ดี
แต่ตอนที่แกะกินเสร็จแล้วมาดูดมือที่มีมันกุ้ง
โหย...มันอร่อยจริงๆ นะ
นี่แหละจึงเป็นที่มาของการกินกุ้งให้อร่อยต้องกินจากมือตรง ๆ
ใครจะลองเอาวิธีนี้ไปทำดูบ้างไม่ผิดกติกา
ตอนนี้ต้องขอตัวไปหาคนป้อนก่อน หิวกุ้งแล้ว
อยากกิน ‘กุ้งกล้ามกาม’ เหมือนกัน
(ว๊ายยย!! พูดอะไรออกไป) 

แล้วเจอกันใหม่เมื่อแรงจิ้นบังเกิดจ้าBitterSweet