เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93  (อ่าน 946081 ครั้ง)

chineigiro

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มาม่านะได้โปรด

ออฟไลน์ MonKeez

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตัดจบ ได้โหดร้ายมั่กมากก แหง้ YY

ออฟไลน์ MapleZelpaM_68

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย้!!! อ่านตามทันแล้ววววว


ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ไม่เอามาม่านะ   ไม่อยากกินอ่ะ  เดี๋ยวน้ำท่วมก็ได้แล้ว  ไม่ต้องแจกแล้วครับ

Nnsicc

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวกำ สองพ่อลูกคู่นั้น เค้าจะอยากรู้จักเท็ตทำไมมมม
ตรัสเอ้ย ควบคุมคนในความประพฤติด่วน ก่อนที่อะไรๆจะสายไป กำกำ

แอบเห็นว่าเปลี่ยนหัวเรื่องแล้ว รอๆๆๆ  :กอด1: :กอด1:

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
 :t3: นอนรอ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
รอ :a3:

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ทะลึ่ง : กามที่ 20

          ชีวิตช่วงนี้มีแต่คำว่า ‘ข้ออ้าง’ เต็มไปหมด ยกตัวอย่างเช่นการที่ผมขับรถออกมาจากคอนโดด้วย ‘ข้ออ้าง’ ที่ว่าจะหาซื้อเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ใส่สักหน่อย พร้อมทั้งเอาซีดีภาพเก่า ๆ ที่ถ่ายเก็บไว้แต่ยังไม่ได้ฤกษ์ล้างสักทีติดมือมาด้วย และก็ยัง ‘อ้าง’ ด้วยว่าขอกลับช้าหน่อย เพราะอาจนัดเจอกับเพื่อนตอนม.ปลาย...ซะที่ไหนล่ะ

          เพื่อนม.ปลายของผมไม่มีใครอายุเกินห้าสิบปี ไม่มีใครร่ำรวยมหาศาล ไม่มีใครมีลูกน้องบริวารล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนอย่างผู้ชายที่นั่งประจันหน้าอยู่ตอนนี้แน่นอน วันนี้คุณพ่อโดยนิตินัยของตรัสมาเดี่ยว ไม่มีมือขวาตามติดมาด้วย ลูกสมุนก็บางตาแต่ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่าจึงทำให้ผมรู้สึกหวั่น ๆ อยู่ไม่น้อย

          “ทานอะไรดี” คุณฉัตรพันธ์นัดผมมายังสวนอาหารที่ตั้งอยู่แถบชานเมือง ไร้ซึ่งความแออัดวุ่นวาย ด้วยบรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ช่วยให้ความตะขิดตะขวงใจของผมจากการนัดพบครั้งก่อนลดน้อยลงได้อย่างน่าอัศจรรย์

          “อะไรก็ได้ครับ” แค่อย่าวางยาฆ่าผมเป็นพอ

          “ต้องขอโทษด้วยที่คราวก่อนกัณฑ์ธรเสียมารยาท”

          “อ่า...ไม่เป็นไรครับ” ไม่ยักรู้ว่าคุณฉัตรจะทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาประหนึ่งตัวร้ายในละครของลูกชายตัวเอง แต่ก็อย่างว่า เขาพ่อลูกกัน ความรู้สึกนึกคิดอาจสื่อถึงได้โดยไม่ต้องพูดจา หลังจากนั้นผมก็ถูกขัดการยกน้ำขึ้นดื่มจนเกือบทำแก้วน้ำหลุดมือด้วยส่วนขยายที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากอีกฝ่าย

          “เขาเพิ่งรู้ว่าคุณกับตรัสไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมมหา’ลัย”

          “ครับ” ผมถามกลับเสียงสูง แสร้งไม่เข้าใจนัยแฝงจากสิ่งที่ได้ยิน

          ตรัสไม่ปริปากบอกใครแน่ ผมมั่นใจ อาจมีการแลกเปลี่ยนความลับกันนิดหน่อยระหว่างมันกับคุณปรมัตถ์ ซึ่งทำให้คุณนิสามีท่าทีที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารู้เรื่องของเรา แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ตรัสต้องบอก ‘พ่อในนาม’ ที่มันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ห่างมากที่สุด

          “ครับ ไม่ใช่แค่นั้น เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกัน”

          “ไม่จำเป็นต้องปิดบังผมหรอกทัศนัย เอาเป็นว่าผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตรัสมากกว่าที่คุณคิดก็แล้วกัน” ผมนิ่งไป เพิ่งสำนึกได้ว่ามานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออะไรที่นี่ เพราะความสอดรู้สอดเห็นไม่เข้าท่า แล้วมันใช่เรื่องไหมที่ต้องมานั่งหลบสายตาคุณฉัตรพันธ์ที่บทบาทตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้พิพากษา ส่วนผมก็จำเลยดี ๆ นี่เอง

          “โธ่ ทำหน้าแบบนั้นก็ทานข้าวไม่อร่อยกันพอดี ผมไม่มีเจตนาร้ายหรอกนะ สาบานได้” เขายกมือยกไม้ประกอบคำ ก่อนจะส่งเมนูคืนให้บริกรแล้วสั่งไปว่าขออาหารแนะนำที่ขึ้นชื่อทุกอย่างของร้าน

          คุณฉัตรพันธ์ยืนยันว่าจะคุยทุกอย่างหลังมื้ออาหาร ผมไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กิน ความสงสัยในเนื้อความยังค้ำคอ หนักหนาพอจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ แล้วผมจะกลืนอะไรลง จะบอกว่าข้าวคำน้ำคำก็คงไม่ผิดนัก จนในที่สุดก็ฝืนไม่ไหว รวบช้อนที่ขอบจานบ่งบอกว่าไม่ขอทานอาหารอะไรอีก

          “อิ่มแล้วหรือ”

          “ครับ”

          “ไม่น่าชวนคุยก่อนเลยนะ เข้าใจว่าคุณน่าจะรู้เรื่องของผมมาพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่รักษาระยะห่างและประหยัดคำพูดคำจาแบบนี้” เขาคาดเดาด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกภาวะอารมณ์ใด ๆ ก่อนจะรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะคุยเข้าประเด็นกันเสียที

          “ตรัสเล่าเรื่องแม่ของเขาให้ฟังบ้างไหม”

          “ครับ” ผมตอบรับ ถึงแม้จะไม่ได้ฟังจากปากของตรัสเอง แต่ก็เป็นความยินยอมของเจ้าตัวโดยให้ซันเป็นสื่อกลาง

          “แล้วเขาเล่าด้วยไหมว่าการจากไปของผู้หญิงคนนั้น...คนที่ผมรักที่สุด คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต ตรัสเคยรับรู้แล้วบอกเรื่องนี้กับคุณไหม” ผมส่ายหน้า “ผมขี้ขลาด ทุกอย่างมันเลวร้ายเพราะความอ่อนแอของผมเอง คุณเคยรู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจจนคล้ายว่าหูหนวกตาบอดไปชั่วขณะบ้างไหมทัศนัย”

          แววตาหมองหม่นที่ผมกำลังสบมองเหมือนกับตรึงทุกอย่างที่เคลื่อนไหวให้หยุดอยู่กับที่ ไม่มีแม้แต่เสียงรถราเข้ามาในโสตประสาท ถ้านี่คือคำโกหกพกลม ก็คงจะแนบเนียนที่สุดในโลกกลม ๆ ใบนี้แน่ “ไม่เคยครับ”

          “ดีแล้วล่ะ เพราะมันยากเหลือเกินที่ต้องเลือกระหว่างการเผชิญหน้ายอมรับความจริง กับหลบลี้หนีไปให้ห่างแล้วสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมา ผมมันทั้งเลว ทั้งเห็นแก่ตัว ไม่คู่ควรที่จะรักเขาด้วยซ้ำไป” คุณฉัตรพันธ์พูดแค่นั้นก่อนจะนั่งจมจ่อมความคิดเงียบ ๆ คนเดียว ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะพูดเรื่องนี้กับผม แม้จะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเปรียบเปรยถึงใคร เขาเลือกที่จะหนีไปในคืนที่ผู้หญิงที่เขารักกำลังจะสิ้นใจ แล้วลูกชายคนเดียวของเธอก็โตพอที่จะรับรู้เรื่องราวทั้งหมด มันน่าอดสูตรงนี้แหละ

          “แล้ว...คุณต้องการอะไรจากผมครับ”

          “พูดตรงดีนะ มิน่าตรัสถึงถูกใจ” ใช่เสียที่ไหน ผมเคยพูดเปิดใจกับตรัสแทบนับครั้งได้ แต่ที่คราวนี้ยอมถามออกไปตามตรงก็เพราะข้องใจจริง ไม่อิงนิสัยส่วนตัวแต่อย่างใด ผมนั่งนิ่งไม่ตอบรับคำพูดหยอกล้อ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

          “ไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ถือว่าเป็นคำขอร้องจากลุงแก่ ๆ คนนี้ก็ได้ ผมอยากให้คุณช่วยพูดเกลี้ยกล่อมตรัส ขอให้เขากลับไปเยี่ยมบ้านบ้างสักครั้ง เพราะหลังจากเข้ามหา’ลัยตรัสก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ทุกวันนี้มีแค่บ้านปู่ที่นาน ๆ เขาจะแวะไปสักหน” แค่นี้เองหรือ จุดประสงค์อันคลุมเครือของคุณฉัตรพันธ์ “แล้ว...ถ้าคุณข้องใจในสิ่งที่ผมพูด อยากให้คุณลองโทรไปคุยกับคนที่รู้จักผมดีที่สุด เราอยู่ด้วยกันมานาน ถึงอายุจะห่างกันหลายปีแต่ก็เปรียบเสมือนพี่น้อง เขาจงใจตัดขาดการติดต่อกับผมไปนานแล้วตั้งแต่แม่ของตรัสเสีย แต่ผมก็ยังระลึกถึงเขาเสมอ...”

          “นี่นามบัตร เขายังใช้เบอร์เดิม ถ้าได้คุยกันก็ฝากบอกเขาด้วยนะทัศนัย” ผมรับกระดาษใบเล็กที่การออกแบบไม่ทันสมัยเท่าไหร่มาถือไว้ในมือ บ่งบอกถึงเวลาที่ล่วงเลยแต่คุณฉัตรยังเก็บรักษาไว้อย่างดี มีข้อมูลชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และตำแหน่งงานอย่างชัดเจน

          เจ้าของนามบัตรเคยทำงานที่รามานุสรณ์จิวเวลรี่ในตำแหน่งเลขานุการของคุณฉัตรพันธ์ ผมมองผ่าน ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ไม่ประหลาดเกินไปหน่อยหรือหากเด็กที่ไหนไม่รู้โทรไปหาแล้วบอกว่าขอทราบประวัติของคนที่คุณขาดการติดต่อไปนานแล้วอย่างคุณฉัตรพันธ์ ผมคงไม่บ้าดีเดือดขนาดนั้น แต่ทว่า...

          “ผมขอถามบ้างได้ไหมครับ”

          “ได้สิ เชิญเลย”

          “ทำไมถึงเป็นผม”

          “เพราะผมเชื่อว่า...คุณเป็นคนเดียวที่ตรัสจะยอมเปิดใจรับฟัง”

          ผมกลับมาถึงคอนโดเพื่อพบว่าตรัสไม่อยู่ เห็นโน้ตสีสดแปะที่หน้าประตูห้องนอนใจความว่าคุณชายไปอัพกล้ามที่ฟิตเนส เป็นกิจวัตรที่ห่างหายไปนานแล้วเหมือนกัน เพราะตรัสมันยุ่งแต่กับงานที่บริษัทในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดก็ทุ่มเวลาทั้งหมดให้ผม ไปไหนไปกัน อาหารหายากแค่ไหนก็พาไปกิน ไม่มีบ่นจู้จี้ให้รำคาญใจ

          ปลดกระดุมคอเสื้อแล้วเดินอาด ๆ ไปวางอัลบั้มรูปที่อัดมาบนโต๊ะหน้าทีวี ก่อนจะก้าวเข้าครัวไปชงชามานั่งจิบ ชาคาโมมายล์ที่ตรัสชอบนักหนา แล้วผมก็ติดเชื้อมาด้วยวิธีการที่วาบหวามนิดหน่อย นั่งหายใจทิ้งอยู่สักพักก็คว้าเอาอัลบั้มรูปมาชื่นชม เกือบทุกภาพมีแต่เด็กชายชยังกูรวัยสี่ขวบเศษในอิริยาบถต่าง ๆ ภายในสวนเสือ และแน่นอนว่าไม่มีรูปผมที่ทำหน้าที่เป็นตากล้องจำเป็น จะมีแค่บางภาพที่ตรัสปล่อยมือจากชีต้าร์มาถ่ายให้ เพราะวันนั้นน้องงอนที่ผมเผลอพูดคำหยาบคาย นึกได้แล้วก็นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังจะเดินไปอาบน้ำ ปลายสายถามไถ่ว่าผมทานอะไรมาหรือยัง อยากได้อะไรไหมจะได้แวะซื้อให้ก่อนกลับ ทำเหมือนไม่ได้ออกรถมาไว้ให้ขับอย่างนั้นแหละ ผมปฏิเสธไป แค่บอกให้มันรีบกลับมาไว ๆ เท่านั้นพอ

          นั่งดูทีวีอยู่พักใหญ่ เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้รู้ว่าตรัสกลับมาแล้ว ผมหันไปมองก่อนจะเห็นว่ามันใส่ชุดลำลองอย่างเสื้อยืดและกางเกงสปอร์ตตัวใหญ่ ไม่มีความสงสัยเคลือบแคลงใจในแววตายิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด เอื้อมมือหยิบรีโมทมากดปิดโทรทัศน์ก่อนจะเดินปรี่เข้าไปหาแล้วโน้มคอลงมาแตะจูบเบา ๆ ...เพื่อไถ่โทษ

          “จูบอีกแล้ว ครึ้มใจอะไร”

          “จูบไม่ได้เหรอ”

          “ได้ครับ เมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้” รอยยิ้มบางยิ่งซ้ำเติมผมหนัก ออกปากไล่คนเหม็นเหงื่อไปอาบน้ำ ไม่ลืมทิ้งท้ายไว้เบา ๆ ว่ามีเรื่องจะคุย คุณชายที่ยังไม่คลายยิ้มก็ตอบรับ สำทับว่าจะรีบอาบด้วยความอยากรู้ว่าผมจะคุยเรื่องอะไร แต่ผมกลับภาวนาให้มันอาบช้า ๆ จะได้มีเวลาทำใจสักหน่อย

          “วันนี้นัดเจอกับคุณฉัตรพันธ์” ตรัสชะงักมือที่กำลังจะส่งมาแตะที่ข้อศอก ผมเลือกที่จะออกมาคุยกับมันที่ระเบียงห้อง หวังเป็นอย่างมากว่าบรรยากาศตรงนี้จะช่วยให้มันยอมรับฟังเหตุและผลทุกอย่างบ้าง แต่ดูเหมือนว่าผมจะคาดผิด ตรัสหลับตา สันกรามที่นูนขึ้นบ่งบอกภาวะอารมณ์ว่ามันพร้อมจะกลายเป็นระเบิดมือเพียงแค่ผมเผลอไปปลดสลักเล็ก ๆ ที่ตำแหน่งใกล้หัวใจ ไม่รวมถึงการสูบลมเข้าปอดแล้วค้างไว้อย่างนั้น ก่อนจะทอดถอนออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย และมันก็คงจะหันหลังกลับไปแล้วถ้าผมไม่รั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

          “ตรัส...”

          “ไม่คิดจะฟังกันเลยใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นไว้ใจไม่ได้ ย้ำกี่ครั้งแล้วเท็ต ฉันบอกกี่หนแล้วทำไมไม่เชื่อกันบ้าง”

          “เออ ฉันผิดเอง ฉันรั้นเอง แต่ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ แค่คุยกัน...อย่าเพิ่งโกรธได้ไหมล่ะ” ตรัสก็ยังเป็นตรัสที่ยอมลงให้ผมเสมอ แค่ผมอ้อนเสียงอ่อนท่าทีขึงขังของมันก็หายวับไปกับตา โดนคว้าที่ข้อมือเบา ๆ ก่อนจะมานั่งประจันหน้ากันที่โซฟา ผมขยับหยุกหยิกอย่างร้อนรน จับต้นชนปลายไปถูกเพราะมีสายตาจับผิดจากคนที่นั่งประชิดตัว ถอยไปนิดได้ไหมวะ ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอึดอัดที่โดนเค้นความจริง แต่กลิ่นยาสระผมมันลอยมาแตะจมูกให้รู้สึกอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย

          ทัศนัย...มึงนี่หื่นไม่ดูเวล่ำเวลา อยากกัดลิ้นฆ่าตัวตายประชดตัวเอง

          “ฉัตรพันธ์ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”

          “ตรัส...ฉันเป็นผู้ชาย”

          “ใช่ว่าเขาไม่สน”

          “ว่าไงนะ” อาจหูแว่ว หูเฝื่อน หูฝาดก็เลยย้อนถามกลับ ถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว คุณฉัตรพันธ์ไม่ใช่เสือผู้หญิงแต่เป็นเสือไบ ท่านพึงใจอิสตรีแต่ทว่าหมายตาบุรุษด้วย...เหรอวะ ถึงอย่างนั้นบทสนทนาของคุณฉัตรวันนี้ก็ปกติดี ไม่มีหยอก หยอด ตอด กระเซ้าอะไรให้ระคายหูอย่างที่ตรัสมันหวาดระแวง ไน่แน่ว่าคุณชายอาจมีผีหึงเข้าสิงจนหน้ามืดตามัวก็เป็นได้

          “ไม่ถึงเนื้อถึงตัวใช่ไหม”

          “แค่คุย (โว้ย) นัดกันที่ร้านอาหาร แขกเต็มร้าน พนักงานก็แทบจะเดินสวนสนาม อย่าถามอะไรแปลก ๆ ได้ไหม” ไม่ใช่อะไรกูขนลุก คุณเขาก็อาวุโสมากมาย ไม่อยากเปลี่ยนเป้าหมายชีวิตเป็นเมียเก็บคนแก่ ถึงจะหล่อจนกูอิจฉาแต่ก็ใช่ว่าจะเทียบมึงได้ เอ่อ...ไม่ใช่ละ ผิดประเด็น

          “คุยอะไรกัน”

          “เรื่อง...คุณแม่ของตรัส” พูดไปแบบนั้นแล้วมันก็จ้องหน้าผมนิ่ง อยากเล่าให้หมด อยากบอกทุกอย่าง ถึงจะทำร้ายจิตใจคนฟังไปบ้างแต่ก็เพื่อความสบายใจ ไม่อยากให้มีอะไรค้างคาต่อกัน อยากให้มันรู้ว่าผมจริงจัง ตั้งแต่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองก็อยากจะแสดงออกให้มันรู้

          “นิทานหลอกเด็ก”

          “รู้เหรอว่าเขาเล่าอะไรให้ฉันฟัง”

          “บอกว่ารักแม่มากใช่ไหม ทนเห็นแม่ตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ใช่หรือเปล่า” ตรงเผงเลย

          ทำไมผมต้องเขวไปเขวมาเพียงเพราะอยากรู้เรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเองสักนิด หนึ่งเพราะตรัส สองเพราะตรัส และสามก็เพราะตรัส ผมไม่อยากให้ตรัสต้องขัดข้องหมองใจกับพ่อบังเกิดเกล้า อคติหรือทิฐิอะไรก็ตามแต่ แค่ลดมันลงสักนิด ปรับตัวเข้าหากันสักหน่อย ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรไม่ใช่เหรอวะ หรือเพราะว่าผมมันเป็นพวกที่คิดอะไรง่ายเกินไป ถึงไม่เข้าใจปัญหาโลกแตกของพวกมหาเศรษฐี

          “ตรัสไม่ลองเปิดใจดูบ้าง”

          “เท็ต โดนฉัตรพันธ์ซื้อใจไปแล้วหรือ” ใจกูไม่ได้มีไว้ขาย ตอบไปก็จะกลายเป็นประเด็นใหม่เสียเปล่า ๆ ทำได้แค่ยู่หน้าก่อนจะคว้ามือคุณชายมากุมไว้หลวม ๆ แหมะ รู้สึกแมนขึ้นจม เอาไว้วันไหนมีแรงเยอะ ๆ จะลองจับมึงกดดูนะหล่อ

          “อยากให้ตรัสมีความสุข”

          “ทุกวันนี้...ฉันก็มีความสุขจนคนทั้งโลกต้องอิจฉาแล้ว” เว่อร์มากเหอะ ถ้าพูดเลี่ยนกว่านี้อีกนิด ทำตาเชื่อมกว่านี้อีกหน่อย มีหวังได้หลอมละลายลงไปตายแทบเท้ามันแน่ ใจเต้นตึกตักอย่างกับเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มริมานั่งกุมมือจีบสาว แต่เผอิญว่าสาวเจ้าตัวใหญ่ไปหน่อยก็เลยได้แต่นั่งมองตาจนรู้สึกจุกเสียดในอกคล้ายเป็นโรคหัวใจโป่งพอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องพูด

          “ตรัส...ถ้ามีพยานบุคคลล่ะ”

          “หืม”

          “เลขาฯ ของคุณฉัตรเมื่อหลายปีก่อน ยังจำได้ไหม” ผมผลักไหล่ไอ้คนละโมบ มีความสุขแต่ก็โกยได้โกยเอา มันทำท่าจะโน้มหน้าเข้ามาฉกจูบเนียน ๆ แต่ก็ชะงักไป ผมเหลือบมองอัลบั้มรูปที่มีนามบัตรของคนที่ผมพูดถึงสอดอยู่ด้านใน คว้ามาส่งให้คุณชายมันก็เอาแต่มองหน้าผม ไม่ยอมรับไปถือจนต้องจับมันแบมือแล้วส่งตาหวานเป็นใบเบิกทาง เพราะไอ้หล่อมันเริ่มชักสีหน้าพาบรรยากาศชวนสยองอีกรอบแล้ว

          “ไม่จบง่าย ๆ ใช่ไหมเรื่องนี้”

          “น่านะ ฉันอุตส่าห์ไปคุยกับเขามา อย่าให้เสียแรงสิ ทั้งลุ้นทั้งเสี่ยงที่ต้องไปนั่งคุยกับคุณฉัตรพันธ์สองต่อสอง”

          “ไหนว่าคนเยอะ”

          “ก็เยอะ แต่ที่โต๊ะมีแค่สองคน” แล้วมันก็ไม่พูดอะไร เอาแต่ลอบถอนหายใจ

          “ตรัส...ไม่รักฉันไม่ทำนะ” ไม้ตายไอ้เท็ต ถ้าไม่เด็ดถึงใจคุณชายก็อย่ามาจูบกันให้เสียปาก รู้ดีว่าไม่ควรใช้คำนี้มาเป็นเครื่องมือ แต่ผมไม่ได้โกหก ผมไม่มีนิสัยสักแต่ใช้ปากพูด ทุกคำล้วนกลั่นกรองออกมาจากใจ ถึงบางทีจะติดนิสัยปากแข็งจากตรัสมาบ้าง แต่ถ้าถึงเวลาต้องพูด...ก็ควรพูดจริงไหม

          สุดท้ายมันก็ยกธงขาวยอมแพ้ ก้มมองของในมือแล้วพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกเสียงเรียบ

          “นานมากแล้ว จำหน้าเขาไม่ได้แล้ว ทำไมหรือ”

          “คุณฉัตรบอกว่าถ้าไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูด ให้ถามคุณคนนี้” ตรัสมองกระดาษใบเล็กสลับกับหน้าผมอยู่หลายครั้ง ชักแปลกใจขึ้นมาตงิด ๆ กับสีหน้าประหลาดของมัน ตรัสหรี่ตามองนามบัตรอีกครั้งอย่างชั่งใจก่อนจะหยักยิ้มบางส่งมาให้

          “ฉันจำไม่ได้ แต่คิดว่าเท็ตน่าจะรู้จักดี”

          “บ้าเหรอ ฉันจะรู้จักได้ไง” ขมวดคิ้วฉับ ผมเนี่ยนะจะไปรู้จักอดีตเลขาฯ ของคุณฉัตรพันธ์ แม่บ้าน คนสวน คนขับรถก็ว่าไปอย่าง ตรัสเพี้ยนว่ะ พูดอะไรพิลึก

          “ดูสิ นี่นามสกุลของชีต้าร์” ตรัสพลิกนามบัตรกลับมาตรงหน้า

          “แล้วเขาก็ชื่อ...ศุภเชษฐ์”

          ศุภเชษฐ์ อนันตฤกษ์ คือชื่อที่อยู่ในนามบัตรสองใบ ใบหนึ่งได้มาจากคุณฉัตรพันธ์ ส่วนอีกใบได้มาเองกับมือ ผมเกือบลืมไปว่ามีนามบัตรที่ได้รับมาจากพี่เชษฐ์เมื่อตอนที่พบกันครั้งแรกแล้วเขาใจดีทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้ บอกว่ามีอะไรให้โทรไปถามไถ่ได้เสมอ ตอนนี้ผมได้โอกาสหยิบฉวยมาใช้ประโยชน์แล้วล่ะครับพี่ มีคำถามไปฝากเยอะแยะเลย

          เบอร์เดียวกัน ชื่อเดียวกันเด๊ะ ผิดแค่หน่วยงานและตำแหน่งหน้าที่ ผมนี่มันก็สมองกลวง อ่านอะไรผ่านตาไม่เคยจำเข้าสมอง แต่ก็ชมเชยตัวเองเหลือเกินที่สามารถใช้ประโยชน์จาก ‘ข้ออ้าง’ ที่คิดขึ้นได้เมื่อวาน

          อัลบั้มรูปของชีต้าร์

          ตรัสไม่ว่าอะไรสักคำที่ผมขอไปเที่ยวบ้านพี่เชษฐ์ มันรู้จุดมุ่งหมายของผมดี ขอแค่ไม่มีคุณฉัตรพันธ์มายุ่งเกี่ยวด้วยเป็นพอ ขอกลับเย็นหน่อยมันก็อนุญาต แกล้งถามว่าไปด้วยกันไหมคุณท่านก็ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เชื่อเถอะว่ามันต้องมีข้อต่อรอง เดี๋ยวค่อยเคลียร์เรื่องนี้ตอนกลับมาก็แล้วกัน

          ที่พำนักของคุณศุภเชษฐ์เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรย่านธุรกิจ คลำทางได้ไม่ยากโดยดูจากแผนที่ที่ยังอยู่ในเมลส่วนตัว ผมโทรแจ้งพี่เขาแล้วว่าขอแวะไปเยี่ยมเยียนโดยให้เก็บเป็นความลับ ห้ามบอกน้องชีต้าร์ล่วงหน้าเพราะหมายมั่นว่าจะเซอร์ไพรส์เจ้าหนู พี่เชษฐ์ก็รับปาก และพี่เขายังปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดทีเดียว

          “พี่เท็ต!” แรงถาโถมที่มีจุดสตาร์ทตรงหน้าประตูบ้านทำให้ผมเกือบตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็สามารถยกน้องที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานเด็กสี่ขวบขึ้นอุ้มได้อย่างปลอดภัย ก่อนส่งปลายจมูกไปหอมซ้ายหอมขวาให้หายคิดถึง เจ้าตัวดีก็กอดคอผมแน่นไม่ยอมปล่อย

          “พี่เชษฐ์สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ปลก ๆ เพราะมีเสือตัวกลมมาขวางไว้ เจ้าของชื่อก็ยิ้มขัน

          “สวัสดีครับ เป็นไงหลงไหม มายากหรือเปล่า ไม่เห็นโทรมาถามทางเลย”

          “ไม่เลยครับ หาง่ายมาก คิดถึงชีต้าร์จังเลยนะเนี่ย” ประโยคหลังหันไปพูดกับลูกชาย ก่อนพี่เขาจะเชิญเข้าไปในบ้านโดยที่ผมยังอุ้มชีต้าร์ที่หน้าแดงเถือกเพราะโดนบอกว่าคิดถึง

          ความแก่แดดของชีต้าร์ มันช่างแปรผันตรงกับขนาดตัวจริง ๆ

          ผมนั่งลงที่โซฟาก่อนพี่เขาจะยกน้ำยกท่ามาให้ดื่ม วางชีต้าร์ลงกับตักก่อนจะแกล้งแซวว่าตัวสูงขึ้นมาก น้องก็ไม่เถียงแถมยังแอบกระซิบด้วยว่ารีบโตไปแต่งงานกับพี่เท็ต ช่างมีความตั้งใจที่แรงกล้าหาที่สุดไม่ได้ ผมก็เลยหัวเราะไปยกใหญ่ พี่เชษฐ์ที่ไม่ได้ยินเสียงลูกชายก็ได้แต่เลิกคิ้วสงสัย

          “อะไรกันชีต้าร์ นินทาป๊าใช่ไหม”

          “เปล่าสักหน่อย”

          “ถ้าอย่างนั้นก็เล่าให้ป๊าฟังด้วยสิ บอกแต่พี่เท็ตคนเดียวได้ไง”

          “บอกปะป๊าไม่ได้หรอก”

          “ทำไมล่ะ”

          “เป็นความลับของลูกผู้ชาย” เป็นงั้นไป ผมกับพี่เชษฐ์ก็ได้แต่นั่งหัวเราะประโยคเด็ดประจำวัน

          ของฝากที่ผมนำมาถูกส่งให้เจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว อัลบั้มรูปทั้งสามเล่มถูกเปิดดูด้วยมือป้อมที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย เดี๋ยวบอกว่าหล่อบ้างล่ะ น่ารักบ้างล่ะ หลงตัวเองซะไม่มี

          “แล้วนี่ภรรยาพี่ไปไหนเหรอครับ”

          “ติดงานน่ะ มีอีเว้นท์ที่ต่างจังหวัด วันหยุดไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก โดนชีต้าร์งอนประจำ” ผมพยักหน้ารับรู้

          คว้าโอกาสทองตอนนี้เสียดีไหม ไหน ๆ ชีต้าร์ก็กำลังก้มหน้าก้มตาดูรูป ตกลงใจแล้วผมก็เอื้อมตัวไปพูดกับพี่เขาเสียงเบาแต่ไม่ถึงกับกระซิบ “พี่เชษฐ์รู้จักคุณฉัตรพันธ์ รามานุสรณ์ไหมครับ” มือที่กำลังเลื่อนจานคุกกี้มาให้ผมชะงักกึก สังเกตจากสิ่งที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคุณฉัตรไม่ได้โกหก

          “รู้จักเขาด้วยหรือ”

          “ครับ ก็นิดหน่อย เขาเป็นคุณพ่อของเพื่อน”

          “เพื่อนน้องเท็ต คุณตรัสหรือ”

          “ใช่ครับ” กระจ่างชัดว่าไม่ผิดตัว แววตาที่มีชีวิตชีวาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง ไม่บ่งบอกความรู้สึก ถ้าเปรียบเป็นน้ำทะเล ภายในนั้นคงมีสึนามิลูกใหญ่ซ่อนเอาไว้แน่ ๆ “ถ้าลำบากใจที่จะพูดถึง...”

          “ไม่เป็นไร อยากถามอะไรล่ะ” คุณศุภเชษฐ์หยักยิ้มพิกลพิการ ความตะขิดตะขวงใจเริ่มบังเกิด แต่ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พี่เขาก็ออกปากอนุญาต ผมไม่ควรยืดเยื้อบรรยากาศคลุมเครืออย่างนี้ไว้นานเกินไป มันไม่จรรโลงใจ

          “ผมอยากถามเกี่ยวกับคุณแม่ของตรัสครับ”

          “รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ ใครเล่าให้ฟัง”

          “ทั้งสองฝ่ายครับ ทั้งตรัส ทั้งคุณฉัตรพันธ์ ผมถึงอยากทราบความจริงว่าฝ่ายไหนกำลังเข้าใจผิด หรือฝ่ายไหนกำลังโกหก” ตอบเขาไปกึ่ง ๆ ละอายใจ เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่แต่กลับมาถามเขาปาว ๆ อย่างกับเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรด้วย

          “คุณฉัตรเขาเล่าอะไรให้ฟังบ้าง”

          “เขาบอกว่าเขารักคุณแม่ของตรัสครับ แต่ว่าไม่กล้าอยู่กับเธอจนถึง...นาทีสุดท้าย” พี่เชษฐ์ไม่ถามแทรกหรือพูดอะไร ผมจึงตัดสินใจเล่าต่อ “แต่ตรัสยืนยันว่าคุณฉัตรพันธ์อยู่กับผู้หญิงคนอื่นตลอดทั้งคืน” เหมาเอาว่าตรัสเป็นคนยืนยันทั้งที่จริงซันเป็นคนพูด แต่ผมมั่นใจว่าเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้ซันคงไม่ตีขลุมสุ่มเดา

          “ไม่มีใครเข้าใจผิด ไม่มีใครโกหก”

          “หมายความว่ายังไงครับ” ยังมีหน้าไปย้ำถามเขาอีกทัศนัย ไม่รู้จักหักห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเอาซะเลยว่ะ นั่งมือเย็นเฉียบลุ้นทุกคำพูดที่ออกจากปากคุณศุภเชษฐ์ แต่แล้วเขาก็นิ่งไป ผมยังไม่เข้าใจในคำอธิบายก่อนหน้า และเหมือนว่าท่าทางของผมจะแสดงออกได้อย่างน่ารังเกียจว่าใคร่รู้ พี่เขาจึงค่อย ๆ เอ่ยออกมาเสียงแผ่ว

          “คุณฉัตรพันธ์รักคุณปานจริง ๆ และคืนนั้น...คุณฉัตรก็อยู่กับคนอื่นจริง ๆ”

          “ครับ...”

          “เขาอยู่กับผม”

          ชีต้าร์ที่นั่งดูรูปพร้อมกับทานคุกกี้ไปเพลิน ๆ ก็ผล็อยหลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว หันมองอีกทีก็มีเศษคุกกี้ติดแก้มฟุบหลับคาอัลบั้มรูปได้อย่างน่าเอ็นดู คุณพ่อเขาก็เลยอุ้มไปนอนที่โซฟาก่อนจะเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านเมื่อหมดเรื่องคุย

          “น้องเท็ต ที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้เป็นความลับลูกผู้ชายนะครับ ห้ามบอกใครเด็ดขาด” เล่นมุขเดียวกับลูกชายพร้อมรอยยิ้มสบาย ๆ ผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ

          “แล้วตรัส...”

          “คนเดียวเท่านั้นนะ” ผมพยักหน้าพร้อมยิ้มตอบคุณพ่อลูกหนึ่ง ฝากพี่เขาบอกชีต้าร์ว่าผมจะแวะมาหาใหม่ พร้อมด้วยของฝากที่ไม่ใช่แค่รูปภาพเหมือนอย่างวันนี้ เพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อย คอยแต่ตื่นเต้นว่าจะใช่คนเดียวกันจริงไหม ไม่ผิดคนแน่หรือ แต่แล้วก็ได้รู้ความจริง ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของคุณศุภเชษฐ์กับคุณฉัตรพันธ์ ผมขอเหยียบเอาไว้ตรงนี้เลย...

          เขาเคยรักกันจริง ๆ

▩▩▩


เกย์ทั้งแผ่นดิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2012 12:08:45 โดย Lipstick_Murder »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






MoD

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มมมมม

ออฟไลน์ special

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-3
แอบช็อคเล็กๆตอนนี้แบบว่า  :serius2:

ออฟไลน์ ✿PIERRE

  • ดองนิยายข้ามปี
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-6
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่จริงใช่ม้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

MoD

  • บุคคลทั่วไป
เห้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
พี่เชษฐ์กับคุณฉัตรพันธ์  :a5:


โอ้ยช็อคมากครับพี่ท่าน
แล้วมันจะคลี่คลายยังไงละเนี่ย TT


ตรัส...ไม่รักไม่ทำหรอกนะ

ประโยคนี้ กินขาด !

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อัยยะ คุณพ่อตรัสมีมุมนี้ด้วย  :sad4:

น้องเท๊ตยังน่ารักเสมอ  :กอด1:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
อ้างถึง
  เขาเคยรักกันจริง ๆ 


หมายถึง
คุณพ่อ-กับ-คุณแม่ของตรัส   หรือ   คุณพ่อ-กับ-พี่เชษ   กันล่ะเนี่ย???   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ My_NT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ว้ากกกกกกก ช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งนัก  o22
เป็นเกย์กันให้หมด ทั้งพ่อทั้งลูก 5555
แล้วตกลงความจริงเรื่องพ่อตรัสเป็นไงเนี่ยย
หนูเท็ตต้องรักตรัสมากนะเนี่ย ถึงพยายามช่วยสามีขนาดเนี้ยย  :กอด1:

ขอบคุณค่าา  :pig4:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
อ้าวเฮ้ยยยยยยย  !!! ไหงเป็นงั้นอ่ะ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของคุณศุภเชษฐ์กับคุณฉัตรพันธ์  <<< เซอร์ไพร์ส !!!!!!!

โอ้มายก๊อดดดด!!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ only_u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ห๋า พ่อตรั :n1:ส กะ พี่เชษฐ์ ม่ายๆๆๆๆๆ :z3:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
อยู่ด้วยกันแบบว่าเป็นคนรักกันหรอ  แล้ว .. แล้ว  สรูปว่าที่มาอยู่ด้วยกันเพราะทนเห็น แม่ของตรัสตายไม่ได้จริงหรือป่าว หรือว่า รักนะแต่อยากสนุกกับพี่เชษฐ์มากกว่าอะไรอย่างนี้  ไม่เคลียร์อ่ะ 

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 o22 o22 o22


โอ้ววววววววววววววว คุณพระ  :amen: :amen: :amen: พุธโธ ธัมโม สังโค


เม้นท์ไม่ถือกกันเลยทีเดียวคุณขา ช๊อคค่ะช๊อค เรื่องราวมันซับซ้อนมากเลยอ่ะ แต่พอเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ว่าเรื่องราวของผู้ใหญ่มันทำร้ายเด็กคนนึงมากเลย สงสารตรัส เท็ตดูแลคุณชายดีๆนะ


รอตอนต่อไปแล้วกัน ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ duckool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ซับซ้อน,,,อยากรู้่ความจริงจัง
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
เหยดดดดดดด (ด.เด็ก7ตัว) ไม่น่าเชื่อ  :a5:

มิน่า ตรัสถึงได้เชื้อมาจากที่ไหนแถมยังล่ามไปชีต้าร์ด้วย ว้ายๆๆ o18

แล้วใครรุกใครรับคะ มันคือความจริงใช่ม้ายยย :L2:

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
เฮ้ยยยยยยยย!!  :a5:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
แอบช็อคนิดหน่อย แต่อยากรู้ว่าอยู่ด้วยกันแล้วทำอะไรกันด้วยรึป่าว 555

สรุปแล้วจริงๆตรัสก็ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ปะ :z10:

เท็ตน่ารักตลอดๆ ไม่รักไม่ทำนะ โดนจายยยย :-[

ออฟไลน์ withmeto_PJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านปย.สุดท้ายแล้วช็อคมากกกกกกกกกกกค่ะ มายกอท
แล้วยังไงต่อ อะไรยังไง อยากรู้เต็มไปหมดเลย

ขอบคุณคนแต่งนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ รอตอนหน้าน๊า ^_______^

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เรื่องจริงๆๆๆๆๆๆเหรอ  :a5: :a5:  แล้วจะเป็นไงต่อไป



 :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ G_Dragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด