ทะลึ่ง : กามที่ 25
แผนการรักษาแผลใจให้ซันเริ่มขึ้นทันทีหลังจากตรัสเดินทางไปเรียนต่อ จะมัวรีรออะไรไม่ได้อีกต่อไปเพราะแซนกับผมจะต้องลงใต้ไปชิมลางการทำงานผิดสาขาที่เล่าเรียนมา แต่ก็ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ผู้หญิงที่ตี๋สองแนะนำให้ตี๋หนึ่งสานสัมพันธ์เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย เคยมาขอคำปรึกษาเรื่องเรียนกับแซนอยู่บ่อย ๆ เมื่อตอนปีสามเทอมแรก ผมจำหน้าได้เพราะเวลาว่างที่สามารถพูดคุยและให้คำแนะนำกันคือพักเที่ยง ผมก็เลยได้รู้จักกับน้องเขาโดยปริยาย
น้องฐาเป็นคนน่ารัก พูดจาน่าฟังแถมยังเรียบร้อย แต่ถ้าเทียบกับอ้นแล้วอาจมีแต้มพิศวาสห่างชั้นกันอยู่มาก อย่างไรก็ดีมีความเป็นไปได้ว่าน้องเขาอาจตรงสเปคท่านซัน ผมก็เลยให้ความร่วมมือช่วยเป็นพ่อสื่อ นัดวันเวลาที่ว่างตรงกันให้ทั้งสองฝ่าย เลือกสถานที่ ทิ้งเบอร์โทรศัพท์และภาพถ่ายสำหรับการดูตัวอย่างไม่เป็นทางการเสร็จสรรพ ก่อนจะหอบสัมภาระขึ้นเครื่องบินตรงลงสุราษฎร์ธานีเมื่อแผนการลุล่วง
“ซันโทรมาหรือยัง” ผมถามไอ้แซนทันทีที่เห็นมันเดินเข้ามาในห้องพักที่คุณพีระมิดจัดเตรียมไว้ให้ เดิมทีคุณเขาใจดีจะเปิดห้องใหม่อีกห้อง แต่ด้วยความเกรงใจก็เลยบอกเขาไปว่าขออยู่ห้องเดียวกับแซน ไม่อยากรบกวนและสร้างความวุ่นวายเพราะผมมาเพื่อศึกษางานชั่วคราว ไม่ได้คาดหวังเงินเดือนเป็นกอบเป็นกำหรืออาชีพที่มั่นคง
“โทรมาแล้ว เพิ่งวางสายไปสักพักนี่เอง”
“ว่าไงบ้างวะ” แซนที่เพิ่งกลับจากออฟฟิศเจ้าของรีสอร์ทเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนจากเชิ้ตแขนยาวเป็นเสื้อยืดธรรมดาก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
“มันบอกแค่ถูกชะตา แล้วก็ไม่ว่ายังไงต่อ”
“ถูกชะตาก็ยังดี ของแบบนี้คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ดีไม่ดีอาจมีจะใครรู้ใจตัวเองขึ้นมาบ้างก็ได้”
“มึงคิดจริง ๆ หรือว่าคนที่ชอบผู้ชายไปแล้วจะกลับมาคบผู้หญิงได้หน้าตาเฉย ถ้าสมมติว่าฐานึกจริงจังขึ้นมา แล้วซันมันเกิดเปลี่ยนใจเพราะลืมอ้นไม่ได้ มึงไม่สงสารน้องเขาหรือ”
“อ้าวแซน ก็ตามน้ำด้วยกันมาดี ๆ แล้วไหงมาขวางลำกันแบบนี้วะ มึงเองไม่ใช่เหรอตัวต้นคิด แล้วมาถามกูทำไม” เลยต้องมานั่งทำหน้าบูดสนิทกันทั้งคู่ สงสัยมันคงคิดได้ระหว่างที่คุยกับคุณพีระมิด หรือไม่ก็โดนซันพูดอะไรมาแน่ ๆ แต่ผมไม่มีเวลาคิดนานนัก เพราะตอนนี้มีปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่ามาก
“อย่าเพิ่งหลับ กูหิว” ยังไม่ทันได้ส่งปลายเท้าไปเขี่ยย้ำคำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัด เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ทางไกลที่ขึ้นโชว์อยู่เป็นใคร “ครับ”
(( ถึงรีสอร์ทแล้วหรือ ))
“อือ ถึงตั้งแต่เที่ยงแล้ว”
(( ทานข้าวหรือยัง ))
“ยังครับ กำลังจะออกไป โทรมาทีไรก็ถามแต่เรื่องเดิม ๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
(( แล้วเท็ตเบื่อไหมที่ฉันโทรหาทุกวัน ))
“ไม่เบื่อ”
(( ฉันก็เหมือนกัน )) แปลกแต่จริง คุยกันไม่กี่คำก็ทำให้เขินเป็นเรื่องเป็นราว แต่จะให้นั่งม้วนโชว์ไอ้แซนคงไม่ไหว เห็นมันยิ้มล้อเลยต้องเดินเลี่ยงไปคุยที่หลังห้อง แล้วป้องปากกระซิบกระซาบให้ได้ยินเฉพาะผมกับปลายสาย
“เมื่อไหร่จะกลับ”
(( เห็นไหม เท็ตเองก็ถามแต่เรื่องเดิม ๆ เหมือนกัน ))
“ไม่ถามก็ได้ ไม่อยากรู้แล้ว อยากกลับเมื่อไหร่ค่อยกลับ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้อง จะอยู่ที่นั่นตลอดไปก็ตามใจเถอะ” เพิ่งตระหนักเมื่อไม่นานมานี้เองว่าความรักความใคร่มันทำให้คนเราพูดจาเลื่อนเปื้อนได้อย่างน่าพิศวง จากคนเคยมีความคิดความอ่านตามวุฒิภาวะกลับกลายเป็นเด็กงี่เง่าเพ้อเจ้อไร้เหตุผล คล้าย ๆ ว่าปัญญาอ่อนเฉียบพลันอะไรประมาณนั้นแหละ
(( โธ่เท็ต ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ))
“แล้วหมายความอย่างไหน นอกจากรำคาญ ไม่อยากให้ถามแล้ว”
(( ที่ฉันตั้งใจจะพูดก็คือ...คิดถึง อยากกอดจะแย่อยู่แล้ว อยากกลับไทยตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ )) แหวะใส่โทรศัพท์จะทำให้เปลืองค่าโทรทางไกลมากขึ้นไหม พูดอะไรไม่อายหอนาฬิกาบิ๊กเบนเลยว่ะ ชอบโทรมาพูดจาน้ำเน่าเปลืองงบโดยใช่เหตุ แล้วก็เป็นผมที่ต้องฝืนใจตัวเองขอวางสายก่อน ไม่อย่างนั้นค่าโทรศัพท์ของตรัสคงแพงกว่าค่ากินอยู่ทุกอย่างรวมกันแน่
สุดท้ายแล้วแผนการจับคู่ก็ทำได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะเวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับงานรีสอร์ท ผมมีหน้าที่เป็นฝ่ายรับรองแขกวีไอพี ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เน้นภาษาแม่และภาษาอังกฤษเป็นหลัก ส่วนภาษาอื่นได้แค่คำทักทาย คำขอโทษ และคำกล่าวลา จนปัญญาจะเอามาใช้ในการทำงาน
ถ้าพูดถึงสวัสดิการเรียกได้ว่าเกินคุ้ม ฟรีทุกอย่างตั้งแต่ที่พักจนถึงอาหารการกิน คุณพีระมิดใจปล้ำกับว่าที่น้องเขยจนผมรู้สึกเกรงใจแทนเจ้าตัว แต่เขายืนยันว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ผมรับเงินตอบแทนเพียงน้อยนิด ผิดกับการคาดหวังของนักศึกษาจบใหม่ทั่วไป ทำยังไงได้ ผมแค่ต้องการชดเชยเวลาว่างที่เปล่าประโยชน์ด้วยการฝึกปรือภาษา ถ้าแขกคนไหนรับมือยากก็รบกวนพนักงานประจำออกหน้าแทน แล้วลูกจ้างที่มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นขนาดนี้จะมีหน้าเรียกร้องเงินเดือนมากมายจากเจ้าของรีสอร์ทได้ยังไง
แซนมันทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบไปขลุกอยู่กับแผนกต้อนรับส่วนหน้า คงเพราะว่ามีพนักงานสวยเฉียบ มองแล้วเจริญหูเจริญตาอีกทั้งยังได้พบปะผู้คน ดู ๆ ไปแล้วมันก็มีความสุขดี ไม่เหมือนคนฝืนใจมาทำงานต่างจังหวัดเพราะถูกแม่บังคับเลยสักนิด ซึ่งบางทีมันอาจจะมีความสุขเกินไปจนคล้ายว่าลืมเรื่องหนักใจของซันไปแล้วก็ได้
“พอดีว่าไกด์ที่เราว่าจ้างประจำเขาติดธุระสำคัญจริง ๆ ถ้ายังไงรบกวนทัศนัยช่วยดูแลแขกครอบครัวนี้หน่อยได้ไหม เขาเป็นลูกค้าวีไอพี ปีก่อนที่เคยมาก็พานั่งรถแทรมเที่ยวจนทั่วเกาะแล้ว เขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างแต่ติดใจการบริการของเรา ไม่อยากเข้าพักโรงแรมอื่น ปัญหาอย่างนี้ฉันเองก็ลำบากใจแต่วางกำหนดการไว้แล้ว เลื่อนไม่ได้จริง ๆ”
“ภูเก็ตเหรอครับ”
“อืม แค่วันเดียว ช่วยหน่อยเถอะ”
“ได้สิครับ แต่ผมไม่ค่อยเจนสถานที่ จะมีปัญหาอะไรไหม”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พนักงานขับรถจะอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่เอง เขาทำงานที่ภูเก็ตมาก่อน คุณแค่ช่วยเรื่องการสื่อสารก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงครับ”
“ขอบคุณมาก”
ทำงานอย่างปกติสุขมาหนึ่งเดือนเต็ม จู่ ๆ ก็ได้รับมอบหมายงานนอกจากคุณพีระมิด แต่ผมจะปฏิเสธทำไมในเมื่อภูเก็ตก็ยังไม่เคยไป แขกที่ว่าก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเป็นสมาชิกครอบครัว ผมจำใจเพราะเธอชอบยิ้มให้ตอนเดินสวนกันในห้องอาหารตอนเช้า นัยหนึ่งคือได้ท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัว แซนมันก็ถามอยู่บ่อย ๆ ว่าลงใต้มาทั้งทีจะวนเวียนอยู่แต่บนเกาะนี้หรือไง ช่วยไม่ได้ มาทำงานก็ต้องตั้งใจ จะไปตะลอนสำมะเลเหมือนแต่ก่อนคงไม่ใช่เรื่อง เพราะอีกคนที่อยู่ไกลกันมันยังตั้งใจเรียนหน้าดำคร่ำเครียด อายเขาแย่เลย
กลับจากออฟฟิศคุณพีระมิดในเวลาเช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวเดินทางข้ามจังหวัด ระหว่างทางกลับห้องพักเผอิญเจอไอ้แซนพอดีก็เลยมีโอกาสได้บอกมัน ไม่วายโดนล้อมกรอบโทษฐานที่ทำตัวไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าจะเอาตัวรอดได้ในเวลาคับขัน
“ถ้ามีปัญหาติดขัดอะไรก็โทรหาคุณพี อย่าตัดสินใจบุ่มบ่าม ไม่ใช่คนพื้นที่ยังไงก็อันตราย เข้าใจไหม”
“ครับ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเว่อร์ขนาดนี้ก็ได้ ดูทำหน้าเข้า”
“ก็มึงไปคนเดียว”
“ไปกับคนขับรถของรีสอร์ทด้วย ห่วงมากไปด้วยกันเลยไหม”
“อย่าทำเป็นเล่น”
“รู้แล้ว ๆ เอาไว้ถึงภูเก็ตแล้วกูจะโทรหา”
“ดีมาก”
กรุ๊ปทัวร์เล็ก ๆ ของผมเดินทางมาถึงภูเก็ตก่อนเที่ยงนิดหน่อย กองทัพต้องเดินด้วยท้องก็เลยตรงดิ่งเข้าร้านอาหารก่อนเป็นอันดับแรก ทราบข้อมูลคร่าว ๆ ว่าทริปนี้เป็นการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการจับจ่ายซื้อของเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยคุณแม่เป็นคนออกไอเดีย คุณพ่อกับคุณลูกจึงเป็นผู้ตามที่ดี มีสินค้ามากมายหลายหลากทั้งกลางแจ้งและในร่ม ความสามารถด้านภาษาของพนักงานขายก็เรียกได้ว่าคล่องแคล่วจนผมแทบจะหมดประโยชน์เลยด้วยซ้ำ แต่ที่ต้องมาด้วยก็เพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อความอุ่นใจ และเป็นหลักประกันว่าแขกจะไม่โดนลอยแพทิ้งไว้กลางไข่มุกอันดามัน
หลังจากหอบหิ้วถุงข้าวของพะรุงพะรังขึ้นรถเป็นผลสำเร็จ ลางไม่ดีก็ตั้งเค้า ฟ้าฝนลมมาพาให้บรรยากาศอึมครึมจนต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วเข้ามาหลบฝนในรถ จากตอนแรกที่คุณแม่จะขอแวะร้านสินค้าปลอดภาษีอีกที่หนึ่งก่อนกลับ แต่เป็นอันต้องยกเลิกไปเพราะตอนนี้ใกล้ค่ำเต็มที กว่ามินิแวนจะแล่นถึงท่าเรือ กว่าจะนั่งเฟอร์รี่ข้ามไปถึงเกาะ ถ้าโชคร้ายก็อาจจะไปไม่ทันเรือเที่ยวสุดท้าย เพื่อความปลอดภัยผมจึงต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเรามีเวลาไม่มากนัก
เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะเคลื่อนรถฝ่าสายฝนด้วยความเร็วระดับเต่าคลานเพราะมีลมกรรโชกแรง คุณคนขับก็หันมาหาด้วยสีหน้าวิตกกังวล ในขณะที่ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือเป็นพัก ๆ เพราะฝนห่าใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเบาบางลง เห็นสมาชิกครอบครัวคนตัวเล็กสุดหลับผล็อยคาตักคุณพ่อก็ยิ่งร้อนใจ เพราะกลัวว่าจะถึงท่าเรือดึกเกินไปจนไม่สามารถข้ามเกาะได้ภายในคืนนี้
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“ข่าววิทยุบอกว่ามีถนนหลายสายถูกน้ำเซาะจนตัดขาด แล้วที่เขาพูดถึงเป็นเส้นทางที่เราต้องขับผ่านพอดี ไม่มีทางรัดหรือเส้นอ้อมเมือง” ผมมัวแต่พะวักพะวนถึงที่พักใกล้ท่าเรือก็เลยไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงวิทยุที่เปิดไว้เบา ๆ คุณโชเฟอร์เร่งเสียงขึ้นอีกนิดแล้วมองหน้าผมรอคำตอบ ไม่กล้าตัดสินใจคนเดียวก็เลยจะทำตามที่ไอ้แซนบอกคือปรึกษาคุณพีระมิด
ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือการมองหาที่พักแหล่งใหม่ในเขตป่าตอง แม้ว่าราคาจะสูงแต่ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ไม่ควรฝืนเดินทางต่อไปให้ไกลจากแหล่งชุมชน เจ้าของรีสอร์ทแนะนำโรงแรมให้แขกเลือกหลายแห่ง ซึ่งการตัดสินใจของแขกถือเป็นอันสิ้นสุด ไม่มีการต่อรองใด ๆ เมื่อตกลงกันทางโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณคนขับก็วนรถกลับไปยังโรงแรมเป้าหมายทันที
โรงแรมแนวบูติคระดับห้าดาวคือสถานที่หลบพายุฝนของผมในคืนนี้ เดิมทีแบ่งลงตัวเป็นครอบครัวแขกหนึ่งห้อง และพนักงานอีกหนึ่งห้อง แต่พอดีว่าพี่คนขับเขามีบ้านญาติอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม สามารถโทรเรียกได้ตามสะดวกถ้าแขกต้องการจะเดินทางไปไหน ผมจึงแจ้งขอเปลี่ยนจากห้องเตียงคู่เป็นเตียงเดี่ยวเพื่อประหยัดงบประมาณรีสอร์ท
เมื่อตรวจสอบแล้วว่าแขกได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี หน้าที่มัคคุเทศก์จำเป็นก็สิ้นสุดลง ใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวไม่นานก่อนจะลากสังขารพาไส้กิ่ว ๆ ของตัวเองลงไปยังชั้นล่างสุด ไม่มีมานะจะเดินตากฝนก็เลยต้องฝากท้องที่ห้องอาหารภายในโรงแรม สนราคาไม่กล้าอาจเอื้อมแต่จุดนี้สุดวิสัยจริง ๆ ก็เลยต้องจำทน เจียดเงินเดือนอันน้อยนิดเพื่ออาหารสูตรฮ่องเต้
“เท็ต!” ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับห้องพักหลังจากชำระค่าอาหารราคาระยับกับบริกร ได้ยินเสียงเรียกแต่ยังไม่ทันได้ขานตอบ เพราะสำนึกแรกเตือนไว้ว่าอาจมีคนชื่อซ้ำกัน มันคงเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยที่จะเจอคนรู้จักในพื้นที่ต่างถิ่น ซึ่งในกรณีนี้...มันบังเอิญมากจริง ๆ
“พี่หญิง...”
“เท็ตจริง ๆ ด้วย มาทำอะไรที่นี่น่ะเรา”
“ทำงานครับ เจอพายุกลับรีสอร์ทไม่ได้เลยต้องค้างคืนที่นี่ พี่หญิงล่ะครับ”
“อ๋อ รีสอร์ทบนเกาะสมุยที่เคยบอกใช่ไหม” ผมพยักหน้า “พี่มาเที่ยว เป็นโบนัสของบริษัท คนอื่นกลับขึ้นห้องไปนานแล้วล่ะ แต่พี่ลืมของไว้เพิ่งเดินมาเอา โชคดีจริง ๆ ที่บังเอิญได้เจอกัน”
“นั่นสิครับ พี่ณรินทร์ฝ่ายบัญชีมาด้วยไหม”
“ไม่นะ รู้สึกว่าแผนกบัญชีมีงานด่วน ไม่มีใครว่างเลย เดี๋ยวเขาคงหาโอกาสเหมาะ ๆ มาด้วยกันทีหลัง แล้วนี่จะพักถึงวันไหนล่ะ”
“จนกว่าถนนจะซ่อมเสร็จครับ พี่หญิงมาหลายวันแล้วเหรอ”
“สามวันเอง ยังเที่ยวไม่ทั่วภูเก็ตก็ดวงซวยเจอพายุ เช็คอินไว้หนึ่งสัปดาห์ น่าจะกลับตามกำหนด รีบไปไหนหรือเปล่าล่ะ ไปนั่งคุยกันที่บาร์ก่อนไหม”
“ไม่รีบครับแต่เหนื่อยนิดหน่อย ได้เบียร์ฟรีสักแก้วก็น่าจะโอเค” เจอตลกรับประทานเข้าให้ พี่หญิงถึงกับแหล่ตามอง
“นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“นิสัยดีมีอัธยาศัย”
“ขี้เหนียวต่างหากย่ะ”
เสียงหัวเราะร่าของผมกับพี่หญิงยังคงดังเคล้ากับจังหวะดนตรีคลาสสิกฟังสบาย ถ้าไม่ติดที่แอร์เย็นเกินไปก็จัดว่าเป็นบาร์ที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ออกปากว่าอยากเบียร์ ผมก็สั่งแค่เบียร์ตามคำพูดเพราะพี่หญิงเขาเลี้ยงจริง ด้วยความเกรงใจและไม่มีจุดประสงค์จะเมา แค่ต้องการสถานที่พูดคุย สนทนากันทางโทรศัพท์เหมือนอย่างที่ผ่านมามันไม่ค่อยได้อรรถรส มือไม้และสีหน้าช่วยเติมเต็มอารมณ์ของเนื้อความได้เป็นอย่างดี รวมถึงการที่พี่เขาบ่นอุบเกี่ยวกับงานจัดซื้อ ปัญหาใหญ่คงไม่พ้นเจ้านายอย่างคุณสามารถ ทราบจากพี่หญิงด้วยว่ามีพนักงานจากฝ่ายอื่นมาช่วยรับผิดชอบงานเลขานุการของคุณปรมัตถ์แทนพี่นิสา
“ขาดเท็ตไปก็แย่เหมือนกันนะ พี่ไม่รู้จะระบายเรื่องงานกับใคร ถ้ากลับกรุงเทพฯ ก็ไปเที่ยวหากันบ้างสิ”
“ได้เลยครับ แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ติดใจงานบนเกาะนิดหน่อย”
“จริงหรือ นึกว่าเราไม่ชอบงานไกลบ้านแบบนี้ซะอีก”
“ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นครับ แต่พอได้ลองจริง ๆ แล้วก็สบายใจดี ที่สำคัญได้เห็นวิวทะเลตลอดเวลา ต่อให้เครียดแค่ไหนได้ยืนรับลมสักพักก็ค่อยยังชั่ว”
“น่าอิจฉา ที่รีสอร์ทขาดแม่บ้านบ้างไหมล่ะ” ผมหัวเราะ
“ถ้าผมชวนขึ้นมาจริง ๆ อย่าปฏิเสธก็แล้วกัน”
อาการง่วงเหงาหาวนอนก่อนหน้านี้มันหายวับไปกับตาเมื่อสัมผัสรสนุ่มลิ้นของเบียร์เยอรมัน อีกทั้งยังมีเสียงหวาน ๆ ของพี่หญิงชวนคุยตลอดเวลา ตั้งใจว่าจะดื่มแค่แก้วสองแก้วแล้วแยกย้ายกันกลับห้อง เป็นอันต้องผิดแผนเพราะตอนนี้ผมมีแก้วลาเกอร์ว่างเปล่าวางอยู่ใกล้มือทั้งหมดห้าใบ พี่หญิงเองก็ไม่น้อยหน้าน้อยกว่าผมแค่แก้วเดียว
“กลับกันก่อนดีไหมครับ พรุ่งนี้นัดแขกไว้ตอนแปดโมงเช้า ถ้าลุกไม่ไหวล่ะแย่เลย”
“ได้ ๆ แต่ช่วยเดินไปส่งพี่ที่ห้องก่อนนะ”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ความจริงก็คือผมต้องช่วยพยุงพี่หญิงกลับห้องต่างหาก เพิ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นพวกเมาหลบใน สีหน้าแววตาการพูดจาปกติทุกอย่าง แต่พอลุกขึ้นยืนเท่านั้นแหละ เห็นคุณเธอโงนเงนทรงตัวไม่ไหว แล้วจะปล่อยให้เดินเป๋เป็นปูกลับห้องตามลำพังก็คงไม่ได้เสียด้วย ขออนุญาตแตะเนื้อต้องตัวแล้วค่อย ๆ พาพี่เขาเดินกลับห้องทันทีหลังจากออกบิลค่าเครื่องดื่ม
ส่งคนเมาถึงแค่หน้าประตูแล้วบอกลาสั้น ๆ กลัวคนรู้จักผ่านมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี พี่เขาจะเสียหาย อยากนอนเต็มแก่จึงรีบจ้ำกลับห้องที่อยู่ถัดขึ้นไปอีกสองชั้น ไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินสวนมาก็เลยชนไหล่เขาจนต้องหันไปขอโทษขอโพย สายตาพร่ามัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงไม่ได้สังเกตว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร รู้เพียงว่าเขาสวมเสื้อโปโลและโดดเด่นด้วยกลิ่นน้ำหอมที่คละคลุ้งไปทั่วฟลอร์ ผมคงก้าวถึงลิฟต์ขึ้นไปนอนเหยียดกายสบายใจอยู่บนเตียงของตัวเองแล้ว ถ้าไม่ถูกผู้ชายแปลกหน้าคว้าข้อมือไว้ก่อนจะเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ทัศนัย...” เพราะความมึนเมาด้วยหรือเปล่า ถึงได้เห็นว่าคนตรงหน้าคือพี่ชายต่างแม่ของตรัส “มาทำอะไรที่นี่” หรือบางทีโลกใบนี้มันอาจจะกลมเกินไปสำหรับผมหรือเปล่า ทำไมโชคชะตาต้องพาคุณกัณฑ์ธรมาเผชิญหน้าในเวลาอย่างนี้ด้วย!
ยืนตื่นตะลึงชั่วอึดใจ ยังไม่ทันได้พูดโต้ตอบอะไรก็ถูกดึงตัวเข้ามาในห้องพัก ถ้าสติสตังไม่ฟั่นเฟือนเกินไปนักห้องของคุณกัณฑ์ธรน่าจะอยู่ตรงข้ามกับห้องพี่หญิง ผมไม่นึกเฉลียวใจสักนิดเลยว่าผู้ชายคนนี้ก็เป็นหนึ่งในบุคลากรของบริษัท อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารคนสำคัญ มัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอพี่หญิงก็เลยไม่ทันได้เอะใจ นอกจากฉลาดน้อยแล้วยังไม่มีไหวพริบปฏิภาณ สมองตีบตัน แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้ เป็นผู้ชายซะเปล่ากลับโดนฉุดเข้ามาในห้องคนอื่นเขาง่าย ๆ ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการยืนเวิ้งอยู่ปากเหวรอใครสักคนมาผลักให้ร่วงลงไป ซึ่งใครคนนั้นกำลังเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำในมือ
“ดื่มมาหรือ” ผมส่ายหน้า กล้าปฏิเสธทั้งที่ทรงตัวแทบไม่ไหว ถ้าไม่ยืนพิงประตูไว้มีหวังได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้นแน่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเบียร์ที่ดื่มไปเพิ่งสำแดงเดชเอาตอนนี้ ทั้งที่เมื่อครู่ยังเดินตัวตรงส่งพี่หญิงถึงห้องอย่างปลอดภัย จนปัญญาจะหาคำอธิบายหลักกายวิภาคของตัวเอง
“อยากโกหกก็ตามใจ แต่สภาพของนายมันบอกฉันหมดแล้ว ดื่มน้ำหน่อยไหมจะได้สร่างเมา” พูดจบเขาก็ยื่นแก้วที่ถืออยู่มาให้ “อยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” ตั้งใจว่าจะเปิดประตูแล้ววิ่งหนีไป แต่เป็นอันต้องยืนเอามือค้ำกำแพงเพราะโลกหมุน ได้ยินคนที่เหมือนจะมีน้ำใจหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำเย็นเฉียบขึ้นแตะแก้มจนผมสะดุ้ง
“อวดดี เดินโซเซอย่างนี้จะกลับถึงห้องได้ยังไงกัน” เขาพูดถึงอะไร ใครเดินเซ ไม่มี๊ “ดื่มน้ำก่อนเถอะ นั่งพักสักหน่อย ค่อยยังชั่วแล้วเดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ”
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานก็ยังหัวรั้นเหมือนเดิมนะ” ผมไม่ตอบคำ ฝืนสังขารหมุนลูกบิดแต่ยังไม่ทันดึงประตูเปิด จู่ ๆ แข้งขามันก็อ่อนแรงทรุดฮวบจนคุณเขาต้องลดตัวลงมาประคองไว้ โถ...แลดูอ่อนแอและบอบบางสุดทีนไปเลยทัศนัย
“ขะ...ขอบคุณครับ” ผมกุมขมับแล้วเดินตามแรงพยุงมายังโซฟา เสียหน้าฉิบ เห็นคุณกัณฑ์ธรยืนกอดอกมองผมยกน้ำขึ้นดื่มแล้วหยักยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ”ฉันชอบสายตาที่นายมองฉันอย่างไม่ไว้ใจแบบนี้นะ มันเป็นจุดเด่นรู้ไหม ก่อนหน้านี้ที่งานแต่งของคุณปรมัตถ์ก็เหมือนกัน ฉันเห็นนายทันทีที่ก้าวเข้าไปในงาน ไม่ต้องเสียเวลามองหาเลยด้วยซ้ำ” เขากำลังจะบอกว่าแววตาไร้ซึ่งความเป็นมิตรของผมเป็นสิ่งที่น่ายินดีและมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างนั้นใช่ไหม ไม่คิดเลยว่ารสนิยมของคุณกัณฑ์ธรจะเข้าขั้นวิกฤต เฉียด ๆ คำว่าวิปริต เหมาเอาว่าสายตาหวาดระแวงของคนอื่นเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ถึงจะรูปหล่อพ่อรวยแต่ช่วยรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์บ้างก็ดีนะขอรับ
ผมส่งแก้วน้ำคืนไป ไม่รู้จะโต้ตอบอะไรก็เลยเอาแต่มองไปรอบ ๆ ห้อง นึกแปลกใจว่าทำไมไม่มีบอดี้การ์ดหน้าโหดรายล้อมเหมือนอย่างปกติ สงสัยคราวนี้จะมาพักผ่อนกับพนักงานของบริษัทอย่างส่วนตัวจริง ๆ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาใส่ใจเรื่องอื่นนอกจากสวัสดิภาพความปลอดภัยของตัวผมเอง นึกข้ออ้างหัวแทบระเบิดเพื่อเอาตัวรอดกลับห้อง แต่จนปัญญาเต็มที เพราะมีสายตาของอีกฝ่ายจู่โจมเพื่อบั่นทอนรอยหยักในสมอง อีกทั้งยังทำให้ผมประหม่าหนัก นอกจากยิ้มบางแล้วยังจ้องไม่วางตา ทำถึงขนาดนี้แล้วใครจะกล้าพูดด้วยล่ะวะครับ
แต่แล้วคนบนฟ้าก็ไม่ใจร้ายเกินไปนัก ส่งพ่อพระมาโปรดเป็นเสียงโทรศัพท์ขัดขวางบรรยากาศวังเวง ผมรีบคว้ามารับสายโดยไม่ใส่ใจจะดูหน้าจอ ขอแค่มีคนโทรมาอย่างนี้ผมก็พอจะมีข้ออ้างเพื่อออกไปคุยนอกห้อง แต่สุดท้ายสวรรค์ล่ม แค่ทำท่าจะลุกเดินออกไปก็ถูกคว้าต้นแขนไว้แล้วบังคับให้นั่งลงที่เดิม ผมทำปากว่าธุระด่วน คุณกัณฑ์ธรก็ทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมก็เลยต้องคุยกับปลายสายให้เขาได้ยินตรงนี้
(( คุณทัศนัย แขกลืมกระเป๋าใบเล็กไว้บนรถ กลัวว่าจะเป็นของสำคัญผมก็เลยรีบเอามาให้ ตอนนี้อยู่ที่หน้าโรงแรมครับ )) ผมจำได้ดีว่านี่คือเสียงของพี่คนขับรถที่ตะลอนทัวร์ด้วยกันมาทั้งวัน
“ครับ ๆ เดี๋ยวผมลงไปเอามาคืนให้แขกนะครับ ขอบคุณมากครับ” แล้วข้ออ้างก็กลับกลายเป็นเรื่องจริงโดยปริยาย นี่คือธุระจริง สำคัญจริง ไม่ใช่หลอกให้ตายใจแล้วคิดจะวิ่งหนีไปเหมือนอย่างเมื่อกี้ มีโทรศัพท์ยืนยันคุณกัณฑ์ธรคงไม่ไร้มารยาทกักตัวผมไว้อีก แต่บางที...ชีวิตมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
“เดี๋ยวฉันไปเอง นายรออยู่ที่นี่แหละ”
“ไม่ได้นะครับ ของสำคัญ ผมต้องเอาไปให้แขกกับมือ” ไหลไปเรื่อย ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่ากระเป๋าที่พี่คนขับพูดถึงบรรจุอะไรไว้
“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาก่อนว่าอยู่ห้องไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“เรื่องอะไรครับ พูดตอนนี้เลยได้ไหม”
“พูดน่ะพูดได้ แต่นายจะเข้าใจหรือเปล่า เอาไว้นายมีเวลาคุยกับฉันเมื่อไหร่ค่อยติดต่อมา ที่สำคัญขอเป็นตอนที่นายไม่ดื่ม เจอกันทีไรไม่เมาก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่องตลอด” เขาเดินไปหยิบเอกสารบางอย่างจากโต๊ะใกล้ ๆ ไม่วายหยิบนามบัตรของตัวเองติดมือมาด้วย “แท็บลอยด์จากอังกฤษ ถ้าคิดว่าอ่านแล้วเข้าใจก็ไม่ต้องโทรหาฉัน” เหมือนกำลังโดนดูถูกกราย ๆ ยังไงไม่รู้ เห็นอย่างนี้ผมก็มีพื้นฐานภาษาที่สองแน่นพอสมควรนะครับ อ่านหนังสือพิมพ์แค่นี้จิ๊บ ๆ ว่ะ
คนเรามันช่างหาความแน่นอนในชีวิตไม่ได้เลยจริง ๆ เมื่อหลุดพ้นจากคุณกัณฑ์ธรที่มองส่งผมตั้งแต่หน้าห้องถึงหน้าลิฟต์ แต่ยังไม่ทันได้กดหมายเลขชั้นคุณคนขับก็โทรมาอีกหนบอกว่าจำผิด กระเป๋าที่บอกว่าเป็นของแขกในตอนแรก แท้จริงแล้วคือกระเป๋าของเพื่อนเขา โล่งใจไปเลยว่าไม่ได้ทำงานสะเพร่าแค่เข้าใจผิดนิดหน่อย จากที่ตั้งใจว่าจะลงไปชั้นล่างเป็นอันต้องยกเลิก เปลี่ยนเป้าหมายเป็นห้องแสนสบายของตัวเอง
ผมคงจะได้นอนหลับตามที่ต้องการเสียที ถ้าไม่ติดที่ว่าก่อนก้าวขึ้นเตียงดันหยิบแท็บลอยด์เล่มนั้นติดมือมาด้วย เปิดผ่าน ๆ เพราะไม่มีข่าวน่าสนใจก่อนจะไปหยุดอ่านหน้าวงการบันเทิงเสียนาน เกือบจะปิดเล่มนอนอยู่แล้วถ้าหน้ารองสุดท้ายไม่ใช่ข่าวแวดวงธุรกิจ ผมจำได้ดีว่าผู้ชายในภาพสี่สีคนนี้คือใคร ผมคงตื่นเต้นดีใจที่เห็นคนรู้จักอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ เพียงแต่ว่าประโยคพาดหัวมันชวนให้หายใจไม่ออกมากกว่าปีติยินดี
งานเปิดตัวคู่ครองของทายาทธุรกิจอัญมณีชื่อดังจากประเทศไทย▩▩▩