เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93  (อ่าน 946074 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ทะลึ่ง : กามที่ 25

          แผนการรักษาแผลใจให้ซันเริ่มขึ้นทันทีหลังจากตรัสเดินทางไปเรียนต่อ จะมัวรีรออะไรไม่ได้อีกต่อไปเพราะแซนกับผมจะต้องลงใต้ไปชิมลางการทำงานผิดสาขาที่เล่าเรียนมา แต่ก็ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ผู้หญิงที่ตี๋สองแนะนำให้ตี๋หนึ่งสานสัมพันธ์เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย เคยมาขอคำปรึกษาเรื่องเรียนกับแซนอยู่บ่อย ๆ เมื่อตอนปีสามเทอมแรก ผมจำหน้าได้เพราะเวลาว่างที่สามารถพูดคุยและให้คำแนะนำกันคือพักเที่ยง ผมก็เลยได้รู้จักกับน้องเขาโดยปริยาย

          น้องฐาเป็นคนน่ารัก พูดจาน่าฟังแถมยังเรียบร้อย แต่ถ้าเทียบกับอ้นแล้วอาจมีแต้มพิศวาสห่างชั้นกันอยู่มาก อย่างไรก็ดีมีความเป็นไปได้ว่าน้องเขาอาจตรงสเปคท่านซัน ผมก็เลยให้ความร่วมมือช่วยเป็นพ่อสื่อ นัดวันเวลาที่ว่างตรงกันให้ทั้งสองฝ่าย เลือกสถานที่ ทิ้งเบอร์โทรศัพท์และภาพถ่ายสำหรับการดูตัวอย่างไม่เป็นทางการเสร็จสรรพ ก่อนจะหอบสัมภาระขึ้นเครื่องบินตรงลงสุราษฎร์ธานีเมื่อแผนการลุล่วง

          “ซันโทรมาหรือยัง” ผมถามไอ้แซนทันทีที่เห็นมันเดินเข้ามาในห้องพักที่คุณพีระมิดจัดเตรียมไว้ให้ เดิมทีคุณเขาใจดีจะเปิดห้องใหม่อีกห้อง แต่ด้วยความเกรงใจก็เลยบอกเขาไปว่าขออยู่ห้องเดียวกับแซน ไม่อยากรบกวนและสร้างความวุ่นวายเพราะผมมาเพื่อศึกษางานชั่วคราว ไม่ได้คาดหวังเงินเดือนเป็นกอบเป็นกำหรืออาชีพที่มั่นคง

          “โทรมาแล้ว เพิ่งวางสายไปสักพักนี่เอง”

          “ว่าไงบ้างวะ” แซนที่เพิ่งกลับจากออฟฟิศเจ้าของรีสอร์ทเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนจากเชิ้ตแขนยาวเป็นเสื้อยืดธรรมดาก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง

          “มันบอกแค่ถูกชะตา แล้วก็ไม่ว่ายังไงต่อ”

          “ถูกชะตาก็ยังดี ของแบบนี้คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ดีไม่ดีอาจมีจะใครรู้ใจตัวเองขึ้นมาบ้างก็ได้”

          “มึงคิดจริง ๆ หรือว่าคนที่ชอบผู้ชายไปแล้วจะกลับมาคบผู้หญิงได้หน้าตาเฉย ถ้าสมมติว่าฐานึกจริงจังขึ้นมา แล้วซันมันเกิดเปลี่ยนใจเพราะลืมอ้นไม่ได้ มึงไม่สงสารน้องเขาหรือ”

          “อ้าวแซน ก็ตามน้ำด้วยกันมาดี ๆ แล้วไหงมาขวางลำกันแบบนี้วะ มึงเองไม่ใช่เหรอตัวต้นคิด แล้วมาถามกูทำไม” เลยต้องมานั่งทำหน้าบูดสนิทกันทั้งคู่ สงสัยมันคงคิดได้ระหว่างที่คุยกับคุณพีระมิด หรือไม่ก็โดนซันพูดอะไรมาแน่ ๆ แต่ผมไม่มีเวลาคิดนานนัก เพราะตอนนี้มีปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่ามาก

          “อย่าเพิ่งหลับ กูหิว” ยังไม่ทันได้ส่งปลายเท้าไปเขี่ยย้ำคำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัด เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ทางไกลที่ขึ้นโชว์อยู่เป็นใคร “ครับ”

          (( ถึงรีสอร์ทแล้วหรือ ))

          “อือ ถึงตั้งแต่เที่ยงแล้ว”

          (( ทานข้าวหรือยัง ))

          “ยังครับ กำลังจะออกไป โทรมาทีไรก็ถามแต่เรื่องเดิม ๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”

          (( แล้วเท็ตเบื่อไหมที่ฉันโทรหาทุกวัน ))

          “ไม่เบื่อ”

          (( ฉันก็เหมือนกัน )) แปลกแต่จริง คุยกันไม่กี่คำก็ทำให้เขินเป็นเรื่องเป็นราว แต่จะให้นั่งม้วนโชว์ไอ้แซนคงไม่ไหว เห็นมันยิ้มล้อเลยต้องเดินเลี่ยงไปคุยที่หลังห้อง แล้วป้องปากกระซิบกระซาบให้ได้ยินเฉพาะผมกับปลายสาย

          “เมื่อไหร่จะกลับ”

          (( เห็นไหม เท็ตเองก็ถามแต่เรื่องเดิม ๆ เหมือนกัน ))

          “ไม่ถามก็ได้ ไม่อยากรู้แล้ว อยากกลับเมื่อไหร่ค่อยกลับ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้อง จะอยู่ที่นั่นตลอดไปก็ตามใจเถอะ” เพิ่งตระหนักเมื่อไม่นานมานี้เองว่าความรักความใคร่มันทำให้คนเราพูดจาเลื่อนเปื้อนได้อย่างน่าพิศวง จากคนเคยมีความคิดความอ่านตามวุฒิภาวะกลับกลายเป็นเด็กงี่เง่าเพ้อเจ้อไร้เหตุผล คล้าย ๆ ว่าปัญญาอ่อนเฉียบพลันอะไรประมาณนั้นแหละ

          (( โธ่เท็ต ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ))

          “แล้วหมายความอย่างไหน นอกจากรำคาญ ไม่อยากให้ถามแล้ว”

          (( ที่ฉันตั้งใจจะพูดก็คือ...คิดถึง อยากกอดจะแย่อยู่แล้ว อยากกลับไทยตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ )) แหวะใส่โทรศัพท์จะทำให้เปลืองค่าโทรทางไกลมากขึ้นไหม พูดอะไรไม่อายหอนาฬิกาบิ๊กเบนเลยว่ะ ชอบโทรมาพูดจาน้ำเน่าเปลืองงบโดยใช่เหตุ แล้วก็เป็นผมที่ต้องฝืนใจตัวเองขอวางสายก่อน ไม่อย่างนั้นค่าโทรศัพท์ของตรัสคงแพงกว่าค่ากินอยู่ทุกอย่างรวมกันแน่

          สุดท้ายแล้วแผนการจับคู่ก็ทำได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะเวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับงานรีสอร์ท ผมมีหน้าที่เป็นฝ่ายรับรองแขกวีไอพี ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เน้นภาษาแม่และภาษาอังกฤษเป็นหลัก ส่วนภาษาอื่นได้แค่คำทักทาย คำขอโทษ และคำกล่าวลา จนปัญญาจะเอามาใช้ในการทำงาน

          ถ้าพูดถึงสวัสดิการเรียกได้ว่าเกินคุ้ม ฟรีทุกอย่างตั้งแต่ที่พักจนถึงอาหารการกิน คุณพีระมิดใจปล้ำกับว่าที่น้องเขยจนผมรู้สึกเกรงใจแทนเจ้าตัว แต่เขายืนยันว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ผมรับเงินตอบแทนเพียงน้อยนิด ผิดกับการคาดหวังของนักศึกษาจบใหม่ทั่วไป ทำยังไงได้ ผมแค่ต้องการชดเชยเวลาว่างที่เปล่าประโยชน์ด้วยการฝึกปรือภาษา ถ้าแขกคนไหนรับมือยากก็รบกวนพนักงานประจำออกหน้าแทน แล้วลูกจ้างที่มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นขนาดนี้จะมีหน้าเรียกร้องเงินเดือนมากมายจากเจ้าของรีสอร์ทได้ยังไง

          แซนมันทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบไปขลุกอยู่กับแผนกต้อนรับส่วนหน้า คงเพราะว่ามีพนักงานสวยเฉียบ มองแล้วเจริญหูเจริญตาอีกทั้งยังได้พบปะผู้คน ดู ๆ ไปแล้วมันก็มีความสุขดี ไม่เหมือนคนฝืนใจมาทำงานต่างจังหวัดเพราะถูกแม่บังคับเลยสักนิด ซึ่งบางทีมันอาจจะมีความสุขเกินไปจนคล้ายว่าลืมเรื่องหนักใจของซันไปแล้วก็ได้

          “พอดีว่าไกด์ที่เราว่าจ้างประจำเขาติดธุระสำคัญจริง ๆ ถ้ายังไงรบกวนทัศนัยช่วยดูแลแขกครอบครัวนี้หน่อยได้ไหม เขาเป็นลูกค้าวีไอพี ปีก่อนที่เคยมาก็พานั่งรถแทรมเที่ยวจนทั่วเกาะแล้ว เขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างแต่ติดใจการบริการของเรา ไม่อยากเข้าพักโรงแรมอื่น ปัญหาอย่างนี้ฉันเองก็ลำบากใจแต่วางกำหนดการไว้แล้ว เลื่อนไม่ได้จริง ๆ”

          “ภูเก็ตเหรอครับ”

          “อืม แค่วันเดียว ช่วยหน่อยเถอะ”

          “ได้สิครับ แต่ผมไม่ค่อยเจนสถานที่ จะมีปัญหาอะไรไหม”

          “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พนักงานขับรถจะอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่เอง เขาทำงานที่ภูเก็ตมาก่อน คุณแค่ช่วยเรื่องการสื่อสารก็พอ”

          “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงครับ”

          “ขอบคุณมาก”

          ทำงานอย่างปกติสุขมาหนึ่งเดือนเต็ม จู่ ๆ ก็ได้รับมอบหมายงานนอกจากคุณพีระมิด แต่ผมจะปฏิเสธทำไมในเมื่อภูเก็ตก็ยังไม่เคยไป แขกที่ว่าก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเป็นสมาชิกครอบครัว ผมจำใจเพราะเธอชอบยิ้มให้ตอนเดินสวนกันในห้องอาหารตอนเช้า นัยหนึ่งคือได้ท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัว แซนมันก็ถามอยู่บ่อย ๆ ว่าลงใต้มาทั้งทีจะวนเวียนอยู่แต่บนเกาะนี้หรือไง ช่วยไม่ได้ มาทำงานก็ต้องตั้งใจ จะไปตะลอนสำมะเลเหมือนแต่ก่อนคงไม่ใช่เรื่อง เพราะอีกคนที่อยู่ไกลกันมันยังตั้งใจเรียนหน้าดำคร่ำเครียด อายเขาแย่เลย

          กลับจากออฟฟิศคุณพีระมิดในเวลาเช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวเดินทางข้ามจังหวัด ระหว่างทางกลับห้องพักเผอิญเจอไอ้แซนพอดีก็เลยมีโอกาสได้บอกมัน ไม่วายโดนล้อมกรอบโทษฐานที่ทำตัวไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าจะเอาตัวรอดได้ในเวลาคับขัน

          “ถ้ามีปัญหาติดขัดอะไรก็โทรหาคุณพี อย่าตัดสินใจบุ่มบ่าม ไม่ใช่คนพื้นที่ยังไงก็อันตราย เข้าใจไหม”

          “ครับ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเว่อร์ขนาดนี้ก็ได้ ดูทำหน้าเข้า”

          “ก็มึงไปคนเดียว”

          “ไปกับคนขับรถของรีสอร์ทด้วย ห่วงมากไปด้วยกันเลยไหม”

          “อย่าทำเป็นเล่น”

          “รู้แล้ว ๆ เอาไว้ถึงภูเก็ตแล้วกูจะโทรหา”

          “ดีมาก”

          กรุ๊ปทัวร์เล็ก ๆ ของผมเดินทางมาถึงภูเก็ตก่อนเที่ยงนิดหน่อย กองทัพต้องเดินด้วยท้องก็เลยตรงดิ่งเข้าร้านอาหารก่อนเป็นอันดับแรก ทราบข้อมูลคร่าว ๆ ว่าทริปนี้เป็นการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการจับจ่ายซื้อของเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยคุณแม่เป็นคนออกไอเดีย คุณพ่อกับคุณลูกจึงเป็นผู้ตามที่ดี มีสินค้ามากมายหลายหลากทั้งกลางแจ้งและในร่ม ความสามารถด้านภาษาของพนักงานขายก็เรียกได้ว่าคล่องแคล่วจนผมแทบจะหมดประโยชน์เลยด้วยซ้ำ แต่ที่ต้องมาด้วยก็เพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อความอุ่นใจ และเป็นหลักประกันว่าแขกจะไม่โดนลอยแพทิ้งไว้กลางไข่มุกอันดามัน

          หลังจากหอบหิ้วถุงข้าวของพะรุงพะรังขึ้นรถเป็นผลสำเร็จ ลางไม่ดีก็ตั้งเค้า ฟ้าฝนลมมาพาให้บรรยากาศอึมครึมจนต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วเข้ามาหลบฝนในรถ จากตอนแรกที่คุณแม่จะขอแวะร้านสินค้าปลอดภาษีอีกที่หนึ่งก่อนกลับ แต่เป็นอันต้องยกเลิกไปเพราะตอนนี้ใกล้ค่ำเต็มที กว่ามินิแวนจะแล่นถึงท่าเรือ กว่าจะนั่งเฟอร์รี่ข้ามไปถึงเกาะ ถ้าโชคร้ายก็อาจจะไปไม่ทันเรือเที่ยวสุดท้าย เพื่อความปลอดภัยผมจึงต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเรามีเวลาไม่มากนัก

          เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะเคลื่อนรถฝ่าสายฝนด้วยความเร็วระดับเต่าคลานเพราะมีลมกรรโชกแรง คุณคนขับก็หันมาหาด้วยสีหน้าวิตกกังวล ในขณะที่ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือเป็นพัก ๆ เพราะฝนห่าใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเบาบางลง เห็นสมาชิกครอบครัวคนตัวเล็กสุดหลับผล็อยคาตักคุณพ่อก็ยิ่งร้อนใจ เพราะกลัวว่าจะถึงท่าเรือดึกเกินไปจนไม่สามารถข้ามเกาะได้ภายในคืนนี้

          “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

          “ข่าววิทยุบอกว่ามีถนนหลายสายถูกน้ำเซาะจนตัดขาด แล้วที่เขาพูดถึงเป็นเส้นทางที่เราต้องขับผ่านพอดี ไม่มีทางรัดหรือเส้นอ้อมเมือง” ผมมัวแต่พะวักพะวนถึงที่พักใกล้ท่าเรือก็เลยไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงวิทยุที่เปิดไว้เบา ๆ คุณโชเฟอร์เร่งเสียงขึ้นอีกนิดแล้วมองหน้าผมรอคำตอบ ไม่กล้าตัดสินใจคนเดียวก็เลยจะทำตามที่ไอ้แซนบอกคือปรึกษาคุณพีระมิด

          ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือการมองหาที่พักแหล่งใหม่ในเขตป่าตอง แม้ว่าราคาจะสูงแต่ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ไม่ควรฝืนเดินทางต่อไปให้ไกลจากแหล่งชุมชน เจ้าของรีสอร์ทแนะนำโรงแรมให้แขกเลือกหลายแห่ง ซึ่งการตัดสินใจของแขกถือเป็นอันสิ้นสุด ไม่มีการต่อรองใด ๆ เมื่อตกลงกันทางโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณคนขับก็วนรถกลับไปยังโรงแรมเป้าหมายทันที

          โรงแรมแนวบูติคระดับห้าดาวคือสถานที่หลบพายุฝนของผมในคืนนี้ เดิมทีแบ่งลงตัวเป็นครอบครัวแขกหนึ่งห้อง และพนักงานอีกหนึ่งห้อง แต่พอดีว่าพี่คนขับเขามีบ้านญาติอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม สามารถโทรเรียกได้ตามสะดวกถ้าแขกต้องการจะเดินทางไปไหน ผมจึงแจ้งขอเปลี่ยนจากห้องเตียงคู่เป็นเตียงเดี่ยวเพื่อประหยัดงบประมาณรีสอร์ท

          เมื่อตรวจสอบแล้วว่าแขกได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี หน้าที่มัคคุเทศก์จำเป็นก็สิ้นสุดลง ใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวไม่นานก่อนจะลากสังขารพาไส้กิ่ว ๆ ของตัวเองลงไปยังชั้นล่างสุด ไม่มีมานะจะเดินตากฝนก็เลยต้องฝากท้องที่ห้องอาหารภายในโรงแรม สนราคาไม่กล้าอาจเอื้อมแต่จุดนี้สุดวิสัยจริง ๆ ก็เลยต้องจำทน เจียดเงินเดือนอันน้อยนิดเพื่ออาหารสูตรฮ่องเต้

          “เท็ต!” ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับห้องพักหลังจากชำระค่าอาหารราคาระยับกับบริกร ได้ยินเสียงเรียกแต่ยังไม่ทันได้ขานตอบ เพราะสำนึกแรกเตือนไว้ว่าอาจมีคนชื่อซ้ำกัน มันคงเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยที่จะเจอคนรู้จักในพื้นที่ต่างถิ่น ซึ่งในกรณีนี้...มันบังเอิญมากจริง ๆ

          “พี่หญิง...”

          “เท็ตจริง ๆ ด้วย มาทำอะไรที่นี่น่ะเรา”

          “ทำงานครับ เจอพายุกลับรีสอร์ทไม่ได้เลยต้องค้างคืนที่นี่ พี่หญิงล่ะครับ”

          “อ๋อ รีสอร์ทบนเกาะสมุยที่เคยบอกใช่ไหม” ผมพยักหน้า “พี่มาเที่ยว เป็นโบนัสของบริษัท คนอื่นกลับขึ้นห้องไปนานแล้วล่ะ แต่พี่ลืมของไว้เพิ่งเดินมาเอา โชคดีจริง ๆ ที่บังเอิญได้เจอกัน”

          “นั่นสิครับ พี่ณรินทร์ฝ่ายบัญชีมาด้วยไหม”

          “ไม่นะ รู้สึกว่าแผนกบัญชีมีงานด่วน ไม่มีใครว่างเลย เดี๋ยวเขาคงหาโอกาสเหมาะ ๆ มาด้วยกันทีหลัง แล้วนี่จะพักถึงวันไหนล่ะ”

          “จนกว่าถนนจะซ่อมเสร็จครับ พี่หญิงมาหลายวันแล้วเหรอ”

          “สามวันเอง ยังเที่ยวไม่ทั่วภูเก็ตก็ดวงซวยเจอพายุ เช็คอินไว้หนึ่งสัปดาห์ น่าจะกลับตามกำหนด รีบไปไหนหรือเปล่าล่ะ ไปนั่งคุยกันที่บาร์ก่อนไหม”

          “ไม่รีบครับแต่เหนื่อยนิดหน่อย ได้เบียร์ฟรีสักแก้วก็น่าจะโอเค” เจอตลกรับประทานเข้าให้ พี่หญิงถึงกับแหล่ตามอง

          “นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

          “นิสัยดีมีอัธยาศัย”

          “ขี้เหนียวต่างหากย่ะ”

          เสียงหัวเราะร่าของผมกับพี่หญิงยังคงดังเคล้ากับจังหวะดนตรีคลาสสิกฟังสบาย ถ้าไม่ติดที่แอร์เย็นเกินไปก็จัดว่าเป็นบาร์ที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ออกปากว่าอยากเบียร์ ผมก็สั่งแค่เบียร์ตามคำพูดเพราะพี่หญิงเขาเลี้ยงจริง ด้วยความเกรงใจและไม่มีจุดประสงค์จะเมา แค่ต้องการสถานที่พูดคุย สนทนากันทางโทรศัพท์เหมือนอย่างที่ผ่านมามันไม่ค่อยได้อรรถรส มือไม้และสีหน้าช่วยเติมเต็มอารมณ์ของเนื้อความได้เป็นอย่างดี รวมถึงการที่พี่เขาบ่นอุบเกี่ยวกับงานจัดซื้อ ปัญหาใหญ่คงไม่พ้นเจ้านายอย่างคุณสามารถ ทราบจากพี่หญิงด้วยว่ามีพนักงานจากฝ่ายอื่นมาช่วยรับผิดชอบงานเลขานุการของคุณปรมัตถ์แทนพี่นิสา

          “ขาดเท็ตไปก็แย่เหมือนกันนะ พี่ไม่รู้จะระบายเรื่องงานกับใคร ถ้ากลับกรุงเทพฯ ก็ไปเที่ยวหากันบ้างสิ”

          “ได้เลยครับ แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ติดใจงานบนเกาะนิดหน่อย”

          “จริงหรือ นึกว่าเราไม่ชอบงานไกลบ้านแบบนี้ซะอีก”

          “ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นครับ แต่พอได้ลองจริง ๆ แล้วก็สบายใจดี ที่สำคัญได้เห็นวิวทะเลตลอดเวลา ต่อให้เครียดแค่ไหนได้ยืนรับลมสักพักก็ค่อยยังชั่ว”

          “น่าอิจฉา ที่รีสอร์ทขาดแม่บ้านบ้างไหมล่ะ” ผมหัวเราะ

          “ถ้าผมชวนขึ้นมาจริง ๆ อย่าปฏิเสธก็แล้วกัน”

          อาการง่วงเหงาหาวนอนก่อนหน้านี้มันหายวับไปกับตาเมื่อสัมผัสรสนุ่มลิ้นของเบียร์เยอรมัน อีกทั้งยังมีเสียงหวาน ๆ ของพี่หญิงชวนคุยตลอดเวลา ตั้งใจว่าจะดื่มแค่แก้วสองแก้วแล้วแยกย้ายกันกลับห้อง เป็นอันต้องผิดแผนเพราะตอนนี้ผมมีแก้วลาเกอร์ว่างเปล่าวางอยู่ใกล้มือทั้งหมดห้าใบ พี่หญิงเองก็ไม่น้อยหน้าน้อยกว่าผมแค่แก้วเดียว

          “กลับกันก่อนดีไหมครับ พรุ่งนี้นัดแขกไว้ตอนแปดโมงเช้า ถ้าลุกไม่ไหวล่ะแย่เลย”

          “ได้ ๆ แต่ช่วยเดินไปส่งพี่ที่ห้องก่อนนะ”

          ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ความจริงก็คือผมต้องช่วยพยุงพี่หญิงกลับห้องต่างหาก เพิ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นพวกเมาหลบใน สีหน้าแววตาการพูดจาปกติทุกอย่าง แต่พอลุกขึ้นยืนเท่านั้นแหละ เห็นคุณเธอโงนเงนทรงตัวไม่ไหว แล้วจะปล่อยให้เดินเป๋เป็นปูกลับห้องตามลำพังก็คงไม่ได้เสียด้วย ขออนุญาตแตะเนื้อต้องตัวแล้วค่อย ๆ พาพี่เขาเดินกลับห้องทันทีหลังจากออกบิลค่าเครื่องดื่ม

          ส่งคนเมาถึงแค่หน้าประตูแล้วบอกลาสั้น ๆ กลัวคนรู้จักผ่านมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี พี่เขาจะเสียหาย อยากนอนเต็มแก่จึงรีบจ้ำกลับห้องที่อยู่ถัดขึ้นไปอีกสองชั้น ไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินสวนมาก็เลยชนไหล่เขาจนต้องหันไปขอโทษขอโพย สายตาพร่ามัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงไม่ได้สังเกตว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร รู้เพียงว่าเขาสวมเสื้อโปโลและโดดเด่นด้วยกลิ่นน้ำหอมที่คละคลุ้งไปทั่วฟลอร์ ผมคงก้าวถึงลิฟต์ขึ้นไปนอนเหยียดกายสบายใจอยู่บนเตียงของตัวเองแล้ว ถ้าไม่ถูกผู้ชายแปลกหน้าคว้าข้อมือไว้ก่อนจะเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

          “ทัศนัย...” เพราะความมึนเมาด้วยหรือเปล่า ถึงได้เห็นว่าคนตรงหน้าคือพี่ชายต่างแม่ของตรัส “มาทำอะไรที่นี่” หรือบางทีโลกใบนี้มันอาจจะกลมเกินไปสำหรับผมหรือเปล่า ทำไมโชคชะตาต้องพาคุณกัณฑ์ธรมาเผชิญหน้าในเวลาอย่างนี้ด้วย!

          ยืนตื่นตะลึงชั่วอึดใจ ยังไม่ทันได้พูดโต้ตอบอะไรก็ถูกดึงตัวเข้ามาในห้องพัก ถ้าสติสตังไม่ฟั่นเฟือนเกินไปนักห้องของคุณกัณฑ์ธรน่าจะอยู่ตรงข้ามกับห้องพี่หญิง ผมไม่นึกเฉลียวใจสักนิดเลยว่าผู้ชายคนนี้ก็เป็นหนึ่งในบุคลากรของบริษัท อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารคนสำคัญ มัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอพี่หญิงก็เลยไม่ทันได้เอะใจ นอกจากฉลาดน้อยแล้วยังไม่มีไหวพริบปฏิภาณ สมองตีบตัน แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ได้ เป็นผู้ชายซะเปล่ากลับโดนฉุดเข้ามาในห้องคนอื่นเขาง่าย ๆ ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการยืนเวิ้งอยู่ปากเหวรอใครสักคนมาผลักให้ร่วงลงไป ซึ่งใครคนนั้นกำลังเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำในมือ

          “ดื่มมาหรือ” ผมส่ายหน้า กล้าปฏิเสธทั้งที่ทรงตัวแทบไม่ไหว ถ้าไม่ยืนพิงประตูไว้มีหวังได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้นแน่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเบียร์ที่ดื่มไปเพิ่งสำแดงเดชเอาตอนนี้ ทั้งที่เมื่อครู่ยังเดินตัวตรงส่งพี่หญิงถึงห้องอย่างปลอดภัย จนปัญญาจะหาคำอธิบายหลักกายวิภาคของตัวเอง

          “อยากโกหกก็ตามใจ แต่สภาพของนายมันบอกฉันหมดแล้ว ดื่มน้ำหน่อยไหมจะได้สร่างเมา” พูดจบเขาก็ยื่นแก้วที่ถืออยู่มาให้ “อยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง”

          “ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” ตั้งใจว่าจะเปิดประตูแล้ววิ่งหนีไป แต่เป็นอันต้องยืนเอามือค้ำกำแพงเพราะโลกหมุน ได้ยินคนที่เหมือนจะมีน้ำใจหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำเย็นเฉียบขึ้นแตะแก้มจนผมสะดุ้ง

          “อวดดี เดินโซเซอย่างนี้จะกลับถึงห้องได้ยังไงกัน” เขาพูดถึงอะไร ใครเดินเซ ไม่มี๊ “ดื่มน้ำก่อนเถอะ นั่งพักสักหน่อย ค่อยยังชั่วแล้วเดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”

          “ไม่รบกวนดีกว่าครับ”

          “ไม่ได้เจอกันตั้งนานก็ยังหัวรั้นเหมือนเดิมนะ” ผมไม่ตอบคำ ฝืนสังขารหมุนลูกบิดแต่ยังไม่ทันดึงประตูเปิด จู่ ๆ แข้งขามันก็อ่อนแรงทรุดฮวบจนคุณเขาต้องลดตัวลงมาประคองไว้ โถ...แลดูอ่อนแอและบอบบางสุดทีนไปเลยทัศนัย

          “ขะ...ขอบคุณครับ” ผมกุมขมับแล้วเดินตามแรงพยุงมายังโซฟา เสียหน้าฉิบ เห็นคุณกัณฑ์ธรยืนกอดอกมองผมยกน้ำขึ้นดื่มแล้วหยักยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ”ฉันชอบสายตาที่นายมองฉันอย่างไม่ไว้ใจแบบนี้นะ มันเป็นจุดเด่นรู้ไหม ก่อนหน้านี้ที่งานแต่งของคุณปรมัตถ์ก็เหมือนกัน ฉันเห็นนายทันทีที่ก้าวเข้าไปในงาน ไม่ต้องเสียเวลามองหาเลยด้วยซ้ำ” เขากำลังจะบอกว่าแววตาไร้ซึ่งความเป็นมิตรของผมเป็นสิ่งที่น่ายินดีและมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างนั้นใช่ไหม ไม่คิดเลยว่ารสนิยมของคุณกัณฑ์ธรจะเข้าขั้นวิกฤต เฉียด ๆ คำว่าวิปริต เหมาเอาว่าสายตาหวาดระแวงของคนอื่นเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ถึงจะรูปหล่อพ่อรวยแต่ช่วยรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์บ้างก็ดีนะขอรับ

          ผมส่งแก้วน้ำคืนไป ไม่รู้จะโต้ตอบอะไรก็เลยเอาแต่มองไปรอบ ๆ ห้อง นึกแปลกใจว่าทำไมไม่มีบอดี้การ์ดหน้าโหดรายล้อมเหมือนอย่างปกติ สงสัยคราวนี้จะมาพักผ่อนกับพนักงานของบริษัทอย่างส่วนตัวจริง ๆ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาใส่ใจเรื่องอื่นนอกจากสวัสดิภาพความปลอดภัยของตัวผมเอง นึกข้ออ้างหัวแทบระเบิดเพื่อเอาตัวรอดกลับห้อง แต่จนปัญญาเต็มที เพราะมีสายตาของอีกฝ่ายจู่โจมเพื่อบั่นทอนรอยหยักในสมอง อีกทั้งยังทำให้ผมประหม่าหนัก นอกจากยิ้มบางแล้วยังจ้องไม่วางตา ทำถึงขนาดนี้แล้วใครจะกล้าพูดด้วยล่ะวะครับ

          แต่แล้วคนบนฟ้าก็ไม่ใจร้ายเกินไปนัก ส่งพ่อพระมาโปรดเป็นเสียงโทรศัพท์ขัดขวางบรรยากาศวังเวง ผมรีบคว้ามารับสายโดยไม่ใส่ใจจะดูหน้าจอ ขอแค่มีคนโทรมาอย่างนี้ผมก็พอจะมีข้ออ้างเพื่อออกไปคุยนอกห้อง แต่สุดท้ายสวรรค์ล่ม แค่ทำท่าจะลุกเดินออกไปก็ถูกคว้าต้นแขนไว้แล้วบังคับให้นั่งลงที่เดิม ผมทำปากว่าธุระด่วน คุณกัณฑ์ธรก็ทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมก็เลยต้องคุยกับปลายสายให้เขาได้ยินตรงนี้

          (( คุณทัศนัย แขกลืมกระเป๋าใบเล็กไว้บนรถ กลัวว่าจะเป็นของสำคัญผมก็เลยรีบเอามาให้ ตอนนี้อยู่ที่หน้าโรงแรมครับ )) ผมจำได้ดีว่านี่คือเสียงของพี่คนขับรถที่ตะลอนทัวร์ด้วยกันมาทั้งวัน

          “ครับ ๆ เดี๋ยวผมลงไปเอามาคืนให้แขกนะครับ ขอบคุณมากครับ” แล้วข้ออ้างก็กลับกลายเป็นเรื่องจริงโดยปริยาย นี่คือธุระจริง สำคัญจริง ไม่ใช่หลอกให้ตายใจแล้วคิดจะวิ่งหนีไปเหมือนอย่างเมื่อกี้ มีโทรศัพท์ยืนยันคุณกัณฑ์ธรคงไม่ไร้มารยาทกักตัวผมไว้อีก แต่บางที...ชีวิตมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด

          “เดี๋ยวฉันไปเอง นายรออยู่ที่นี่แหละ”

          “ไม่ได้นะครับ ของสำคัญ ผมต้องเอาไปให้แขกกับมือ” ไหลไปเรื่อย ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่ากระเป๋าที่พี่คนขับพูดถึงบรรจุอะไรไว้

          “ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาก่อนว่าอยู่ห้องไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

          “เรื่องอะไรครับ พูดตอนนี้เลยได้ไหม”

          “พูดน่ะพูดได้ แต่นายจะเข้าใจหรือเปล่า เอาไว้นายมีเวลาคุยกับฉันเมื่อไหร่ค่อยติดต่อมา ที่สำคัญขอเป็นตอนที่นายไม่ดื่ม เจอกันทีไรไม่เมาก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่องตลอด” เขาเดินไปหยิบเอกสารบางอย่างจากโต๊ะใกล้ ๆ ไม่วายหยิบนามบัตรของตัวเองติดมือมาด้วย “แท็บลอยด์จากอังกฤษ ถ้าคิดว่าอ่านแล้วเข้าใจก็ไม่ต้องโทรหาฉัน” เหมือนกำลังโดนดูถูกกราย ๆ ยังไงไม่รู้ เห็นอย่างนี้ผมก็มีพื้นฐานภาษาที่สองแน่นพอสมควรนะครับ อ่านหนังสือพิมพ์แค่นี้จิ๊บ ๆ ว่ะ

          คนเรามันช่างหาความแน่นอนในชีวิตไม่ได้เลยจริง ๆ เมื่อหลุดพ้นจากคุณกัณฑ์ธรที่มองส่งผมตั้งแต่หน้าห้องถึงหน้าลิฟต์ แต่ยังไม่ทันได้กดหมายเลขชั้นคุณคนขับก็โทรมาอีกหนบอกว่าจำผิด กระเป๋าที่บอกว่าเป็นของแขกในตอนแรก แท้จริงแล้วคือกระเป๋าของเพื่อนเขา โล่งใจไปเลยว่าไม่ได้ทำงานสะเพร่าแค่เข้าใจผิดนิดหน่อย จากที่ตั้งใจว่าจะลงไปชั้นล่างเป็นอันต้องยกเลิก เปลี่ยนเป้าหมายเป็นห้องแสนสบายของตัวเอง

          ผมคงจะได้นอนหลับตามที่ต้องการเสียที ถ้าไม่ติดที่ว่าก่อนก้าวขึ้นเตียงดันหยิบแท็บลอยด์เล่มนั้นติดมือมาด้วย เปิดผ่าน ๆ เพราะไม่มีข่าวน่าสนใจก่อนจะไปหยุดอ่านหน้าวงการบันเทิงเสียนาน เกือบจะปิดเล่มนอนอยู่แล้วถ้าหน้ารองสุดท้ายไม่ใช่ข่าวแวดวงธุรกิจ ผมจำได้ดีว่าผู้ชายในภาพสี่สีคนนี้คือใคร ผมคงตื่นเต้นดีใจที่เห็นคนรู้จักอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ เพียงแต่ว่าประโยคพาดหัวมันชวนให้หายใจไม่ออกมากกว่าปีติยินดี

          งานเปิดตัวคู่ครองของทายาทธุรกิจอัญมณีชื่อดังจากประเทศไทย

▩▩▩
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2012 09:34:38 โดย Lipstick_Murder »

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
แปะ!
ตอนนี้ยาวได้ใจมากค่ะ

------------------------------------

อ่านมาเรื่อยๆ ง่วงๆ มึนๆ จนบรรทัดสุดท้าย..
เห้ยอะไรอ่ะ ตรัสทำเรื่อวแล้วไง
แบบนี้เห็นทีต้องตามไปคุมถึงอังกฤษแล้วล่ะเท็ต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2012 01:35:47 โดย •PIKACHU• »

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
อยากบอกว่า"คิดถึง"คนแต่งมว๊ากครับ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Zam_Zammy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-2
บรรทัดสุดท้ายนั่นมันคืออะไร!!!

 :m31:  :serius2:

ตอนนี้ยาวได้ใจมาก คิดถึงคนเเต่งนะ
 :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2012 01:46:41 โดย Zam_Zammy »

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3

ตรัสเกิดอะไรขึ้น
เป็นฝีมือของพ่อตรัส หรือไม่ก็ของคุณกัณฑ์ธรใช่ไหม
ตรัสไม่ได้เต็มใจใช่ไหม


amm8155

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาทั้งที...ก็มาทิ้งระเบิดไว้ให้อีกแหละ :เฮ้อ:

แต่ก็ดีใจนะค่ะที่คุณกลับมาต่อนิยายให้เราอ่านอีก :pig2:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
โอ้

เท็ต งานเข้าแล้วววววววววววววววว

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ใคร  :a5:

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
แอบวางแผนอะไรไว้หรือเปล่านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
งานเข้าแล้วเท็ตดี้ o22

ออฟไลน์ special

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-3
เอาละไงงงงงงงง หวังว่าคุณพี่ชายคงจะทำให้เข้าใจผิด

หายไปนานกลับมาก็เตรียมน้ำร้อนรอต้มมาม่าเลย(รึเปล่า)

Marinmin

  • บุคคลทั่วไป
อะไรนั่น!!!! กำลังจะดราม่าเรอะ!  :a5: :a5: :a5: :a5:

ออฟไลน์ timtam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เอาแล้วไง ตรัสเป็นเรื่องแล้ว  อร๊ายดีใจที่ได้อ่านต่อ คิดถึงมากๆ อย่าทำร้ายทัศนัยแบบนี้น่ะคุณตรัส :m16:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ข้อความนั้นมันคืออะไร :z3: :z3: :z3:


 :pig4: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:



ยังไงก็ไม่เชื่อ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านชายเราอาจเชื่อ

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
โอ๊ย.... งานเข้าตรัสแน่
ถ้าเลือกความเจริญก้าวหน้าให้ตรัส เท็ตคงยอมถอยออกมาแน่ๆ
สงสารเท็ต นี่คือสิ่งที่พี่ชายของตรัสพยายามยัดเยียดให้เท็จรู้ใช่มะเนี่ย
อยากอ่านตอนต่อไปจะแย่แล้ว!!! ค้าง

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ทิ้งท้ายแบบกระชากใจเหลือเกิน

เท็ดคงสร่างเมาทันทีเลย  :m15:

ใจแข็งไว้น้องเท็ด เอาใจช่วยนะ   :กอด1:

tankungza

  • บุคคลทั่วไป
เกิดอะไรขึ้น
รอตอนต่อไปอย่าใจจดใจจ่อ
รีบมาต่อนะ

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
คุณกันธร หวังดีประสงค์ร้ายว่ะ!!!! ร้ายกาจ!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RainyMooD

  • กลิ่นของต้นหญ้าในฤดูร้อน สายลมในหมู่เมฆสีขาว ไม่ว่าจะผ่านไปอีกสักกี่ปี ก็เหลือเราอยู่เพียงลำพัง...
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +208/-3
นั่นไง ใคร  อะไร ยังไง :m31: :m31:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
โหย คงไม่ใช่ตรัสนะ แล้วเท็ดจะทำงัยอะ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เฮ้อ! มารผจญเยอะจริง
และที่สำคัญมารในใจของเท็ดเองนี่แหละ
ที่จะทำให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อ้าวว เลวละข่าว หรือคน :beat:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
แหม แท๊บลอยด์
ถ้าตรัสนอกใจเท็ดได้ พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออกล่ะ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
มาต่อด่วนๆเลยค่า  :z3:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
เรียบร้อย......เสียบกาน้ำร้อนรอตอนต่อไป เหอะๆๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ไม่จริง ไม่เชื่อ อย่างตรัสนะเหรอจะกล้านอกใจน้องเท็ต

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
รอบนี้ไม่รู้งานเข้าใคร ระหว่างเท็ตและตรัส เหอๆๆ

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
เห้ยยยยยยยยย เอาแล้วไง !!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด