เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93  (อ่าน 946147 ครั้ง)

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ใครก็ได้............ช่วยประกาศตามหาคนแต่งด่วนเลยครับ
อยากอ่านต่อแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
อย่าไปยอมนะเท็ตดี้!!!
อย่าไปสนใจคนอย่างตรัส
จะเหตุผลอะไรก้อไม่สำคัญหรอก
ถ้าตรัสเห็นเท็ตสำคัญก็ต้องติดต่อมาบ้าง
แต่นี่อะไร ไม่มีเลย หายไปเลย
คนอย่างงั้นสมควรโดนนนน

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ทะลึ่ง : กามที่ 28

          ผมยิ้มรับข้อมูลจากปากคุณฮันนาห์คนสวย ด้วยอคติที่มีอยู่ในใจทำให้มองข้ามความงดงามหมดจรดบนใบหน้าตอนที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ อีกทั้งยังมีน้ำเสียงหวานหูที่ใครได้ฟังทุกวันคงชื่นใจ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคู่หมั้นของเธอที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น และจู่ ๆ ก็คล้ายว่าอากาศภายในห้องนี้มันลดน้อยลงกะทันหัน หายใจหายคอติดขัดขึ้นทุกที ได้ยินแต่เสียงอื้ออึ้งในหูจนกระทั่งสายตาพร่ามัวจนมืดดับ ไม่รับรู้เรื่องราวใดอีก

          ผมหลับไปหนึ่งวันเต็ม ๆ คุณหมอวินิจฉัยว่าร่างกายอ่อนเพลียเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ สมองอ่อนล้าเกินกว่าจะรับไหวก็เลยชัตดาวน์ตัวเองเสร็จสรรพ ล้มพับลงต่อหน้าธารกำนัลให้เป็นที่อับอาย ไอ้บ้าแซนก็เอาแต่สวดผมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา จนไม่มีเวลารำลึกด้วยซ้ำว่าผมมาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง และไม่รู้ว่ามันยืมปากนางร้ายจากละครเรื่องไหน ถึงได้จัดจ้านสิ้นดี นึกอยากจะหลับต่อไปอีกสักสิบตลบ แต่ติดที่ว่าไอ้คนที่ยืนหน้านิ่งกอดอกพิงกำแพงข้างประตูห้องทำให้ผมต้องเหลือบมองจนข่มตาไม่ลง

          ผนังห้องสีขาวสะอาดสะอ้านดูหม่นหมองทันตา เมื่อเห็นรังสีความตรึงเครียดที่แผ่ออกมาจากคนที่เอาแต่ก้มมองปลายเท้าตัวเอง ตรัสผอมลงมาก ผมเพิ่งมีโอกาสสังเกตเห็น ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้ามันโดยตรงเพื่อป้องกันไม่ให้ความรู้สึกที่หลากหลายตีรวนผิดทิศทาง ใจของผมยังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อต้านแววตาตัดพ้อ ไม่เถียงเลยว่าหวั่นไหว ต่อให้มันหายไปสักสิบปียี่สิบปีผมก็ยังมีเยื้อใยต่อกันอยู่ดี แต่ถึงจะอย่างนั้น มันก็คนละเรื่องกับการให้อภัย

          “นี่กูเพิ่งรู้จากคุณน้าว่ามึงอาการหนักถึงขนาดอดหลับอดนอนเพราะบ้างาน ดูแลตัวเองบ้างสิวะ ถ้ามึงเป็นอะไรไปคุณอากับคุณน้าจะอยู่ยังไง ท่านมีมึงคนเดียว ไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ท่านเถอะ” แซนมันผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเกรี้ยวกราดด้วยความโมโหไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่เลยสักนิด ตรงกันข้าม ผมรู้สึกปลอดภัยเพราะเข้าใจเจตนาของมันดี “พวกท่านเพิ่งกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนมึงตื่นไม่นาน อีกสักพักค่อยโทรบอกท่านแล้วกันว่ามึงฟื้นแล้ว ส่วนซันกับอ้นลงไปกินข้าว เหลือแค่กูกับตรัส...ที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า”

          “ไล่มันไปซะ”

          “ว่าไงนะ”

          “กูบอกว่าไล่มันไป บอกให้มันไปกินข้าว กลับบ้าน หรือกลับอังกฤษไปเลยก็ได้ แต่ไม่ต้องมาเฝ้ากู จะเป็นจะตายก็เรื่องของกู ไม่ต้องมาสนใจใยดีอะไรทั้งนั้น”

          “แต่เท็ต...ตรัสเป็นห่วงมึงมาก”

          “มันควรห่วงกูตั้งแต่ห้าเดือนที่แล้ว ไม่ใช่ตอนนี้ หมดเวลาจะรับความรู้สึกนั้นจากมันแล้วว่ะแซน” อย่าหลงคิดว่าผมจะออมเสียงเพราะกลัวว่าคนที่ถูกกล่าวถึงได้ยินถ้อยคำถากถาง ผมตะเบ็งสุดเสียงป่วย ๆ ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

          “แล้วรู้อะไรไหม ต่อให้ใช้คำว่าเพื่อนมาอ้าง...กูก็ไม่นับว่ามันเป็นเพื่อนแล้วเหมือนกัน”

          ใช่ ทุกอย่างมันต้องลงเอยแบบนี้แหละถูกต้องแล้ว ผมไม่ใช่ของตายที่นึกอยากจะมาหาก็มา นึกอยากจะทิ้งไปก็ไป มันไม่ใช่วิถีของคนที่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาล้อเล่นกับหัวใจของผมอีก และหลังจากนี้ผมขอปฏิเสธหัวชนฝาที่จะพูดจาเปิดใจกับมัน หวังว่าคุณพ่อท่านจะเข้าใจ

          ผมเกลียดคนขี้ขลาด และตรัสกำลังแสดงความใจเสาะของตัวเองให้ผมเห็นเต็มสองตา ตรัสกลับมาพร้อมคุณฮันนาห์แต่ไม่กล้าพาเธอมาพบผม ไม่กล้าพูดแม้แต่ความจริงแล้วจะให้ผมเปิดใจคุยกับมันเพื่ออะไร คุยกันไปก็คงได้รับรู้แค่เรื่องที่มันอยากให้ผมรู้ ส่วนเรื่องที่เป็นความลับก็ยังคงเป็นความลับต่อไป

          ผมจะไม่สนใจแล้วว่านอกเหนือจากนี้ตรัสยังมีเรื่องที่ยังปกปิดผมอีกหรือไม่ ผมจะไม่สนใจด้วยว่าตรัสรักคุณฮันนาห์หรือเปล่า รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ ผมจะไม่มีวันสนใจคนที่กำมือตัวเองแน่นแล้วหลบหน้าหนีหายจากผมไปตั้งแต่วันนั้น ผมรู้ตัวดีว่าคำพูดของตัวเองมันรุนแรงและร้ายกาจ แต่มันก็สาสมแล้วกับทุกการกระทำของตรัสที่ปฏิบัติต่อผม

          การที่ตรัสหายหน้าเปรียบเสมือนการตายจากชีวิตของผมโดยสมบูรณ์ ไร้ซึ่งผลกระทบใด ๆ ไม่ว่าจะต่อสมองหรือหัวใจ ไม่คิดถึง ไม่ถวิลหา หรือว่ากระวนกระวายใจ แม้แต่ไอ้แซนเองยังสงสัยว่าทำไมผมทำใจง่ายนัก มันคิดผิดถนัด ใช่ว่าผมเพิ่งเริ่มทำใจเมื่อตอนที่แตกหักกันครั้งหลังสุด ผมเตรียมใจก่อนหน้านั้นนานแล้ว ตั้งแต่เห็นแท็บลอยด์ของคุณกัณฑ์ธรก็ตระหนักได้ว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ก่อนจะสายเกินไปผมควรถอดใจเสียแต่เนิ่น ๆ

          “เท็ตคิดดีแล้วใช่ไหม เรื่องนี้สำคัญเกินกว่าจะทำเพียงเพื่อประชดใครนะลูก”

          “แม่ครับ คนที่แม่พูดถึงเขาไม่ได้มีความหมายกับผมขนาดนั้น ที่สำคัญคำขอของผมครั้งนี้ก็มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของพ่อกับแม่เป็นเดิมพัน ผมขอยืนยันว่าผมคิดอย่างละเอียดรอบคอบดีแล้วครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นแม่ก็เบาใจ”

          “แม่ควรจะดีใจมากเลยต่างหาก เพราะหลังจากนี้ผมก็คงมีหลานให้แม่อุ้ม พ่อเองก็ไม่ต้องหนักใจว่าผมจะนอกลู่นอกทางไปไหนอีก”

          “พ่อเขาไม่เคยกังกลหรอกว่าลูกจะรักใครชอบใคร ขอแค่ลูกของท่านเป็นเด็กดีก็พอ”

          เลา ๆ ว่าการดูตัวครั้งใหม่คงจะได้ดั่งใจเสียที คิดมาตลอดเรื่องความเหมาะสมเพราะผมเองก็ลูกคนเดียวหัวแก้วหัวแหวน เป็นความหวังของบุพการี อยากเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อกับแม่ได้ชื่นใจ แล้วถ้าใครต่อใครเขารู้ว่าผมผิดแผกก็รังแต่จะทำให้ท่านทั้งสองขายหน้า ดังนั้นการที่ไม่มีตรัสคือความสมบูรณ์แบบในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้

          (( เท็ต ตอนนี้อยู่ที่ไหน )) น้ำเสียงสั่น ๆ ของซันทำให้ผมใจเสียหนัก ทั้งที่กำลังลุ้นระทึกว่าจะไปทันเวลานัดดูตัวกับลูกสาวของเพื่อนแม่หรือเปล่า ผมติดประชุมสำคัญที่กินเวลาเกินกำหนดกว่าครึ่งชั่วโมง เหยียบคันเร่งจนเกร็งไปหมดแล้วยังต้องมาได้ยินน้ำเสียงไม่สู้ดีของตี๋หนึ่งมันอีก

          “ขับรถอยู่ มีอะไรด่วนหรือเปล่าซัน”

          (( ด่วนมาก ฉันติดต่อตรัสไม่ได้เป็นอาทิตย์แล้ว ))

          “แล้วยังไง”

          (( ตอนนี้ฉันอยู่ที่ฮ่องกงกำลังจะบินกลับไทย โทรหาตรัสเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี เท็ตช่วยหน่อยได้ไหม ))

          “ขนาดซันยังโทรไม่ติด แล้วใครจะโทรติด”

          (( ป่านนี้แล้วไม่ต้องโทรแล้ว ช่วยไปดูมันหน่อยเถอะ ฉันรู้ว่าเท็ตลำบากใจ ไม่อยากมองหน้ามันด้วยซ้ำ แต่คิดซะว่ามันเป็นเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งก็ได้ จะปล่อยให้มันตายไปต่อหน้าต่อตาเลยหรือ ))

          “ตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ ซัน ฉันติดธุระสำคัญ”

          (( แล้วถ้าเป็นตอนเย็น หรือพรุ่งนี้ หรือวันไหน ๆ ก็ได้ ถ้าเท็ตจะสงสารมันบ้าง ถือว่าฉันขอร้องแล้วกัน ))

          จนได้...อุตส่าห์หมายมั่นว่าจะตัดขาดให้ถึงที่สุด ซันก็เล่นทีเผลอปั่นหัวผมจนได้ คำพูดของแฝดพี่รบกวนจิตใจจนต้องส่งข้อความไปหาแฝดน้องเพื่อถามว่ามันอยู่ที่ไหน สะดวกไปคอนโดตรัสด้วยกันหรือเปล่า แต่รอเท่าไหร่มันก็ไม่ตอบกลับมา คิดเอาเองว่าคงติดงานจนไม่มีเวลาเปิดดูโทรศัพท์

          “อาหารไม่ถูกปากเหรอคะ” ผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกลับไปแล้ว เหลือเพียงผมกับสุภาพสตรีที่นั่งตรงกันข้าม ท่าทีลุกลี้ลุกลนของผมคงขัดตาเธอจนต้องเอ่ยถามตามมารยาท แต่เผอิญว่าความวิตกกังวลที่แสดงออกมามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งรอบตัวเวลานี้เลย ความสวยหวานละเมียดละไมของคู่ดูตัวยังไม่สามารถแทรกผ่านหมอกควันจาง ๆ ที่เร่งจังหวะการเต้นของหัวใจ ไม่มีแรงพิศวาสจนตกหลุมรักใครตอนนี้แน่นอน

          มันคงมหัศจรรย์เกินไปหน่อยหากคำพูดสั้น ๆ ของซันจะเปลี่ยนใจที่ตั้งมั่นมาตลอดของผมให้โอนอ่อนตาม จะเชื่อได้ยังไงว่าไม่ได้แสดงละครตบตากันอยู่ ดีไม่ดีซันก็ร่วมรู้เห็นกับคนที่บอกว่าหายตัวไปร่วมสัปดาห์ แต่สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าหมอนั่นพูดความจริงก็คือ...เมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้ ตอนที่เดินไปส่งแม่ที่หน้าร้านอาหาร ผมได้รับข้อความจากเบอร์คุ้นตา เพียงแค่เท่านั้นก็ทำให้ใจผมสั่นจนแทบยืนไม่ไหว

          ‘ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันมีความสุขทุกนาทีที่มีเท็ตอยู่ข้าง ๆ ต่อจากนี้ไปคงไม่มีฉันคอยอยู่ขวางหูขวางตา ดูแลตัวเองด้วยนะ ลาก่อน’

          ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากเรื่องร้าย ๆ พยายามโทรกลับไปก็ติดต่อไม่ได้เลยสักครั้ง ตัดสินใจโทรเข้าออฟฟิศคอนโดก็ได้ความว่าตรัสเก็บตัวอยู่ในห้องหลายวันแล้ว เหมือนอย่างที่ซันบอกไม่มีผิดเพี้ยน แต่การนัดดูตัวครั้งนี้ก็สำคัญ ผมจะยกเลิกกลางคันไม่ได้เสียด้วย ร้อนใจจนต้องส่งข้อความไปบอกไอ้แซนอีกหนว่าด่วนมาก เพราะไม่รู้ว่าตรัสเป็นตายร้ายดีอย่างไร ขอให้มันอย่าเป็นอย่างที่ผมคิดเลย

          “ไม่ค่อยหิวน่ะครับ” ผมตอบพร้อมแสร้งยิ้มทั้งที่มืออ่อนแรงจนหยิบจับช้อนส้อมแทบไม่ไหว คล้ายกับเป็นไข้ขึ้นมากะทันหัน ลนลานยกแก้วน้ำขึ้นจิบไม่ต่ำกว่าสิบหน จนอีกฝ่ายหมดความอดทนที่จะมองผมอยู่เฉย ๆ

          “ถ้ามีธุระด่วนก็ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”

          “คือผม...”

          “ไปเถอะค่ะ ดิฉันก็มีธุระสำคัญหลังจากนี้เหมือนกัน เอาไว้จะอธิบายกับคุณป้าให้เองค่ะ รีบไปเถอะ” ดั่งนางฟ้ามาโปรดก็ไม่ปาน แต่ผมไม่มีเวลาซาบซึ้งน้ำใจนานนัก รู้ดีว่ามันเสียมารยาทมากแต่ผมบังคับตัวเองไม่ได้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ ทั้งการที่มือสั่นเสียงสั่น เหงื่อซึมฝ่ามือและหน้าผาก หนักสุดเห็นจะเป็นการถอนหายใจซ้ำ ๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะผมวิตกจริต ตื่นกลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

          ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมดทั้งที่ผมรีบเร่งสุดกำลัง สัญญาณไฟจราจรที่นับถอยหลังสองนาทีไม่ต่างอะไรกับสองชั่วโมง ทุกลมหายใจคล้ายจะบั่นทอนเรี่ยวแรงในการเหยียบคันเร่ง ผมยังไม่ละความพยายามที่จะโทรหา แต่ภาวนาบนบานอย่างไรก็ไม่มีหวังที่ปลายสายจะเชื่อมต่อ นึกท้อแท้จนต้องทุบพวงมาลัยเพื่อระบายความอัดอั้น

          แล้วในที่สุดคอนโดมิเนียมจุดมุ่งหมายก็ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ผมลืมสนิทเลยว่าไม่ได้พกกุญแจห้องตรัสติดตัวนานแล้ว อาศัยความใจกล้ามุ่งหน้าไปยังออฟฟิศที่ยังเปิดทำการ กล่าวอ้างว่าผมเคยอยู่ที่นี่ ซึ่งก็โชคดีเหลือเกินที่มีพนักงานบางคนจำผมได้ พกลมคำโตว่าผมลืมกุญแจไว้ในห้องและไม่แน่ใจว่ารูมเมทยังอยู่ข้างในหรือเปล่าเพราะติดต่อไม่ได้ เขาก็ใจดีให้กุญแจสำรองมาชั่วคราว

          ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์จนก้าวถึงโถงทางเดิน ผมระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกให้ช่วยดลใจผู้ชายที่อยู่ชั้นห้า จงล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำร้ายตัวเอง หรือไม่อย่างนั้นก็ขอให้ผมเข้าใจผิด คิดไปเองว่าตรัสกำลังจะสร้างอัตวินิบาตกรรม เพราะไม่อย่างนั้นต่อจากนี้ชีวิตของผมคงจะไม่รู้จักความสุขอีกเลย

          ผมจงใจที่จะไม่กดออด อาศัยคีย์การ์ดใบนี้บุกรุกเข้าไปโดยไม่ส่งเสียงดัง ไม่มีแรงจะตะโกนโวยวายด้วยซ้ำว่าตรัสอยู่ไหน อย่าเพิ่งคิดทำอะไรบ้า ๆ เพราะแค่ทรงตัวยืนตรงก็ปาฏิหาริย์แล้ว สิ่งแรกที่เห็นคือทุกอย่างว่างเปล่า ทั้งหน้าโทรทัศน์ เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม หรือแม้แต่ในห้องครัว จะมีก็แต่เพียงขวดเหล้าที่กระจัดกระจายและกลิ่นบุหรี่ที่ตลบอบอวลอยู่ภายใน ผมก้าวช้า ๆ ไปยังประตูห้องนอน เคาะเบา ๆ โดยไม่รู้เหมือนกันว่าทำเพื่ออะไรก่อนจะเปิดแง้มเข้าไป

          มั่นใจอย่างหนึ่งคือตรัสไม่อยู่ในห้องนี้ มีเพียงกระเป๋าเดินทางสองใบที่วางไว้ข้างตู้เสื้อผ้า ผมจึงเดินเข้ามาดูในห้องน้ำก็ไม่เห็นใครสักคน จนปัญญาจะคิดแล้วว่าตรัสหายไปไหน นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าตรัสจะไปที่ไหนได้อีกนอกจากที่นี่ หรือต่อให้มีผมก็ไม่เคยรู้ บ้านคุณปู่ที่เคยพูดถึงก็ไม่เคยได้ย่างกรายไปสักหน หรือถ้าเป็นบ้านของคุณฉัตรพันธ์ผมก็ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกเขาเว้นระยะห่างมากน้อยแค่ไหนแล้ว ยืนมืดแปดด้านอยู่ข้างโซฟาจนกระทั่งหันไปเห็นว่าประตูห้องรับรองแขกที่ผมเคยพึ่งพาถูกเปิดทิ้งไว้ ใจหนึ่งนึกยินดีว่าตรัสอาจอยู่ในนั้น แต่อีกใจ...มันทำให้ผมไม่ก้าวขาไม่ออก

          ภาพที่เห็นคือผู้ชายในชุดสูทกำลังนอนคว่ำหน้า โต๊ะข้างหัวเตียงมีกระปุกยาและแก้วน้ำที่พร่องไปกว่าครึ่ง สาบานได้เลยว่าผมก้าวพรวดเดียวถึงตัวโดยไร้สรรพเสียงใด ๆ แค่กัดฟันแล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเงียบ ๆ รัวกำปั้นไปที่กลางหลังแล้วขยำเสื้อเชิ้ตเนื้อดีอย่างแรงหลายครั้งจนยับยู่ยี่ไปหมด ย้ำคิดย้ำทำอยู่อย่างนั้นจนหมดแรงแล้วทรุดนั่งลงข้างเตียง ปล่อยเสียงสะอื้นฮึกฮักอย่างหน้าไม่อาย

          จนกระทั่ง...ผมถูกลิดรอนอากาศหายใจ

          ผมไม่รู้ว่าคนที่นอนแน่นิ่งลุกขึ้นมารั้งไหล่ผมให้หันไปหาแล้วโน้มหน้าลงมาลักจูบนานแค่ไหน แต่คิดว่านานพอจะทำให้ผมหลงลืมตัวจนถูกพยุงขึ้นมาอยู่บนเตียง โดนกักตัวในวงแขนทั้งที่น้ำมูกน้ำตายังเปรอะเปื้อนเต็มหน้า ตัดสินใจด้วยสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดกระชากปกเสื้อมันหวังจะหาความ ซึ่งก็ได้ผลระดับหนึ่ง เห็นได้จากการที่ตรัสยอมเว้นระยะห่างระหว่างใบหน้าประมาณคืบฝ่ามือ

          “ร้องไห้ทำไม กลัวฉันตายหรือ”

          “หุบปาก” แล้วใครใช้ให้มันมานอนหายใจแผ่ว ๆ อย่างกับคนใกล้สิ้นลมแบบนั้น

          “ฉันเป็นโรคนอนไม่หลับมาหลายเดือนแล้ว ต้องใช้ยาคลายเครียดที่มีผลข้างเคียงทำให้นอนหลับสนิท”

          “ไม่ต้องบอกไม่อยากรู้ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ปล่อย จะกลับบ้าน”

          “เท็ต...ฉันกำลังจะกลับอังกฤษ ข้อความที่ส่งไปไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เข้าใจผิด ฉันขอโทษ” หมดข้อสงสัยว่าทำไมถึงมีกระเป๋าเดินทางอยู่ในห้องนอน ลางสังหรณ์ผมไม่ค่อยผิดพลาดนัก แต่มันน่าประหลาดใจตรงไหน ในเมื่อที่ผ่านมามันก็สรรหาเรื่องช็อกโลกมาให้ผมแปลกใจเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว อีกสักครั้งจะเป็นไรไป

          “ไปคราวนี้...จะไม่กลับมาอีกใช่ไหม ก็ดี จะได้ไม่ต้องฝืนใจมาเจอกันอีก ชักจะเบื่อหน่ายเต็มทนแล้วเหมือนกัน” ผมกัดฟันพูดจนร้าวไปทั้งอก พยายามเก็บซ่อนสีหน้าทั้งที่เจ็บเจียนบ้า อุตส่าห์หักห้ามใจกลับต้องมาพังไม่เป็นท่าเพียงเพราะว่าเข้าใจผิด มึงมันโง่เท็ต โง่งมงายอย่างหาที่สุดไม่ได้

          “ปล่อยตรัส ปล่อยสักที...” ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่หัวใจที่มันเคยเหนี่ยวรั้งไว้ ผมก็ขอคืนเหมือนกัน

          “ฉันขอโทษ” ตรัสพูดซ้ำอยู่อย่างนั้นพร้อมกระชับอ้อมแขนที่กอดผมไว้แน่น แต่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ผมไม่เข้าใจว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันคืออะไร ตรัสทำแบบนี้ทำไม ยื้อหัวใจผมไว้ทำไม ถ้าเดาไม่ผิดการกลับอังกฤษครั้งนี้คืองานหมั้น และอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้นคืองานแต่ง ทำแบบนี้มันยิ่งกลายเป็นคนใจร้ายในสายตาผม ทั้งที่อยากจบกันแบบเรียบง่ายไม่ต้องฟูมฟายอะไรมากนัก แต่มันกลับทำลายทุกอย่าง เห็นผมเจ็บหนักขนาดนี้มันยังไม่สาแก่ใจหรือยังไง ต้องตายต่อหน้ามันเลยใช่ไหม...ถึงจะหยุดสักที

          “ไม่น่ามาเลย เท็ตไม่น่ามาหาฉันเลย”

          “ปล่อย...”

          “ขอร้องล่ะ ขออยู่แบบนี้สักพักแล้วฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”

          “มันสายไปแล้วตรัส จะแต่งงานอยู่แล้วแท้ ๆ เลิกทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้สักที ระวังจะไม่มีใครเขาเชื่อถือ”

          “ใครบอก...ว่าฉันจะแต่งงาน”

          “มาถึงขั้นนี้แล้วตรัส คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วว่าทายาทรามานุสรณ์จะหมั้น” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่ยังไม่ละความตั้งใจที่จะกักตัวผมไว้ในวงแขน ขยับเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจนสุดท้ายต้องจำยอมนอนหันหลังให้

          “เท็ตกำลังเข้าใจผิดนะรู้ตัวหรือเปล่า งานหมั้นถูกยกเลิกไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ฮันนาห์เป็นผู้หญิงรักสนุกรักอิสระ ถึงขนาดยอมตัดขาดจากกองมรดกเพียงเพราะต้องการใช้ชีวิตอย่างที่เขาชอบ”

          “แต่ข่าวในไทยยังประโคมกันยกใหญ่ว่าตรัสจะหมั้น”

          “ฉันก็คงแปลกใจอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มารู้ทีหลังว่ากัณฑ์ธรเป็นเต้าข่าว หมอนั่นมีนิสัยกัดไม่ปล่อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” อ่า...กลายเป็นว่าผมเพ้อพกไปเองคนเดียว ทุกอย่างมันน่าจะจบตั้งแต่รู้ว่าคุณฉัตรพันธ์อนุญาตให้คุณกัณฑ์ธรปลูกต้นรักกับผู้หญิงของเขา แต่เพียงเพราะสื่ออินเทอร์เน็ตที่ผมเปิดผ่านตา ทำให้ผมหลงลืมที่จะพิจารณาความเป็นจริง

          “สรุปว่าเท็ตโกรธเพราะคิดว่าฉันต้องแต่งงานกับคุณฮันนาห์ใช่ไหม”

          “เปล่า”

          “ถ้าอย่างนั้นก็โกรธเพราะฉันขาดการติดต่อ”

          “ส่วนหนึ่ง”

          “แล้วเรื่องอะไร”

          “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

          “ฉันจะไม่เซ้าซี้ถ้าเท็ตไม่อยากเล่า เพราะฉันเองก็ทำผิดกับเท็ตไว้มาก ฉันขี้ขลาดเกินไป กลัวว่าถ้าบอกเรื่องหมั้นแล้วฉันจะเสียเท็ตไป แต่ฉันไม่ได้โกหกนะเรื่องเร่งเวลาเรียน และรู้อะไรไหม ต่อให้คุณฮันนาห์ไม่ใช่ฝ่ายยืนกรานว่าจะขอยกเลิกพิธีการ ฉันเองก็กำลังหาทางประนีประนอมกับญาติฝ่ายนั้นอยู่พอดี เพราะมันมีเรื่องธุรกิจของคุณปู่มาเป็นข้อต่อรอง เท็ตเข้าใจฉันใช่ไหม”

          “อืม”

          “อืมแปลว่าเข้าใจ หรือแค่รับรู้เฉย ๆ”

          “ไหนว่าจะไม่เซ้าซี้ไง” ขอเวลาทำใจหน่อย ยังปรับตัวไม่ทัน

          “ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นฉันขอนอนพักสักหน่อยนะ เพิ่งทานยาเข้าไปก็มีคนร้ายบุกเดี่ยวมาทุบเอา ๆ”

          “จะนอนแล้วก็ปล่อยดิ”

          “ขอนอนทั้งอย่างนี้ได้ไหม อย่าเพิ่งหนีกลับไปตอนนี้เลย” ไม่อยากจะสารภาพเลยว่าผมเองก็รู้สึกง่วงขึ้นมาตงิด ๆ แค่ได้กลิ่นคุ้นเคยติดปลายจมูกแบบนี้ มันก็ออกฤทธิ์เหมือนยานอนหลับดี ๆ นี่เอง

          ตรัสบอกว่าตัวเองเป็นโรคนอนไม่หลับเพราะวิตกกังวล แล้วคิดหรือว่ามันเป็นอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าผมนอนหลับสนิทไม่มีอะไรต้องคิดคงไม่ไปนั่งแหกตาเฝ้าโกดังสินค้าอยู่ครึ่งค่อนคืนแบบนั้นแน่

          ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนที่ท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีขลับทองใกล้ค่ำเต็มที ไม่แปลกใจว่าทำไมจึงรู้สึกหิว พลิกตัวเบา ๆ เพราะแขนข้างหนึ่งของตรัสยังพาดอยู่บนตัว ก่อนจะเดินโงนเงนไปยังห้องครัวเพื่อรินน้ำดื่ม มีเวลาคิดทบทวนระหว่างนั้นว่ามันตลกร้ายเหลือเกิน ทั้งที่เครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทุกอย่างกลับพลิกปมเพียงแค่เปิดใจคุยกัน ถ้าผมตัดสินใจผิด คิดสั้นว่าช่างมัน ตรัสจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างมัน ผมคงไม่ได้มายืนโล่งใจจนต้องลอบยิ้มกับตู้เย็นแบบนี้แน่

          แต่ก็ยิ้มได้ไม่นานเพราะจู่ ๆ มีแขนปริศนาส่งมาโอบรอบตัวตอนที่ผมกำลังวางแก้วลงในอ่างน้ำ ซึ่งถ้าคนนิรนามเงียบนานกว่านี้อีกนิดเดียว ผมคงส่งหมัดลุ่น ๆ เสยปลายคางข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้

          “ตกใจแทบแย่ นึกว่าหนีกลับไปแล้ว”

          “เอาน้ำไหม” ผมจงใจถามกลับเพราะไม่อยากต่อความคนที่แกล้งทำเสียงขึ้นจมูกคล้ายจะงี่เง่าเหมือนเด็ก บอกตามตรง ผมยังปรับตัวกลับมาสู่สถานะเดิมไม่ได้จริง ๆ

          “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” แล้วตรัสก็เงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรอีก ยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้มันกระชับกอดที่ดูท่าว่าจะไม่ปล่อยง่าย ๆ จนในที่สุดผมก็ยอมจำนน ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้ ยอมพูดออกไปพร้อมปล่อยวางหินหนัก ๆ ที่ถ่วงอยู่กลางอก

          “ฉันเคยถูกกัณฑ์ธรมอมเหล้า...รู้บ้างหรือเปล่า” ตรัสส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างคนที่เข้าใจอะไรมากขึ้น ก่อนจะวางคางที่หัวไหล่แล้วฟังต่อไปเงียบ ๆ “ครั้งแรกคนขับรถช่วยไว้ ครั้งที่สองโชคดีที่คุณพีกับไอ้แซนมาทันพอดี”

          “โกรธฉันเพราะเรื่องนี้เอง”

          “ใช่ มันไร้สาระ แต่ถ้าไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้หรอกว่ามันหมิ่นเหม่แค่ไหน”

          “รู้สิ ฉันรู้ดีว่าเท็ตตกอยู่ในอันตราย ถึงได้ส่งคนของฉันไปเป็นพนักงานที่รีสอร์ท คอยติดตามคอยส่งข่าวให้กับคุณพีระมิดตลอดว่าเท็ตอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า ไม่แปลกใจเลยหรือว่าทำไมแซนถึงไปช่วยเร็วนัก”

          “อะไรนะ”

          “คนขับรถที่อยู่กับเท็ตตลอดทัวร์ภูเก็ตคือคนของฉัน ไม่ใช่พนักงานประจำของรีสอร์ท เข้าใจหรือยัง”

          “กูเข้าใจแล้วครับ แต่มึงช่วยเข้าใจและเห็นใจกูหน่อยเถอะ นี่กูนอนรอมาเป็นชั่วโมงแล้ว”

          “ไอ้แซน!” ผมหันขวับไปมองต้นตอเสียงกระเง้ากระงอด เห็นตี๋สองยืนขวางประตูครัวหน้าตางัวเงีย ชายเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ย สภาพดูไม่จืด “มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ตั้งแต่เปิดโทรศัพท์แล้วเห็นข้อความว่าไอ้เทพบุตรแย่แล้วนั่นแหละ กำลังติดพันการประชุมสำคัญแล้วต้องหลบออกมากลางคัน เพื่อบินมาดูคนนอนกอดกันเนี่ยนะ นี่มันเวรกรรมอะไรของกู” ฉิบหายละ แสดงว่ามันมาถึงหลายชั่วโมงแล้วจริง ๆ “โทรกลับเท่าไหร่ก็โทรติด มึงปิดเครื่องทำไมเท็ต”

          “สงสัยแบตหมด” พิสูจน์ด้วยการหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงก็เห็นว่าเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ “แล้วซันล่ะ”

          “นอนตายอืดอยู่ในห้องไอ้ตรัสนั่นไง อ้นก็มา ทีหน้าทีหลังกรุณาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนแจ้งข่าวทุกครั้งด้วยนะครับ กูลำบากหาตั๋วเครื่องบิน” ได้ยินเสียงคุณชายมันหัวเราะไม่หยุดแล้วอารมณ์เสียขึ้นมาติดหมัดเลยให้ตาย

          คล้ายเป็นการรวมพลโดยมิได้นัดหมายยังไงชอบกล หลังจากปลุกซันกับอ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็น ไอ้แซนเป็นคนเลือกร้าน ส่วนผมเป็นคนขับเพราะตรัสยังมีอาการอ่อนเพลียตกค้างจากฤทธิ์ยา กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย

          ระหว่างที่รถจอดติดไฟแดงก็หันไปเห็นว่าตรัสเอนหลังพิงเบาะหลับตาสนิท ดูไม่พร้อมสำหรับมื้ออาหารสักนิดเดียว “ไหวไหม” ตรัสแค่ยิ้มบางตอบมา “บอกให้รออยู่ที่ห้องก็ไม่เชื่อ”

          “เดี๋ยว ๆ ใครก็ได้ช่วยสงเคราะห์กูหน่อย เล่าให้ฟังทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ทำไมเรื่องมันกลับตาลปัตรแบบนี้”

          “ธุระไม่ใช่ว่ะแซน นั่งเงียบ ๆ เก็บปากไว้เคี้ยวข้าวเถอะ”

          “แต่กูเพื่อนมึงนะ จะมาจีบกันต่อหน้ากูโดยไม่พูดไม่บอกอะไรไม่ได้”

          “ทำไมจะไม่ได้...” แต่ก่อนที่แซนมันจะเถียงอะไรขึ้นมาอีก คุณเปมทัตเขาก็ช่วยขัดขวางด้วยประโยคเด็ดที่มีความน้ำเน่าอยู่เต็มเปี่ยม เดี๋ยวเลี้ยงไวน์ปีแปดหกสักขวดแล้วกัน โทษฐานที่พูดถูกใจ

          “ของแบบนี้ไม่ต้องมีคำอธิบายอะไร แค่ใช้หัวใจสื่อสารก็พอ”

▩▩▩

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
จะไปยังไงต่อจากนี้ ขอให้มันดีขึ้นๆเถอะ

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
ดีกันแล้ว...แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยอยู่ดีสินะ
เอาหน่า...ยังดีกว่าไม่ดีกันเลย

เฮ้อเท็ต...

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อาวเห้ยดีกันแล้วววววววว
ได้หวานกันสักที

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดูดิ เท็ตคืนดีกับตรัสเฉยเลย
แต่คนอ่านยังเคืองอยู่นะ
อิโธ่ ถ้าไม่มามุกจะเป็นจะตายนะ จ้างให้ก็ไม่แล

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
ดีกันเสียที ลุ้นแทบแย่ ><~

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


เข้าใจกันซักทีน้าาาาาาาาา


ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
 ดีกันเสียที อึดอัดมานานนนนนแระ :z3: :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
อืมม อืมมม อืมมมม...
ปรับอารมณ์ไม่ทัน เป็นแค่คนอ่านแท้ๆแต่ทำไมถึงได้รู้สึกเงิบๆพิลึก -_-
ตอนต้นลั่นวาจาไว้จะเป็นจะตาย พอมาตอนท้ายอิฉันงง มันเกิดขึ้นเร็วมาก ฮา
ยังรู้สึกไม่เคลียร์เท่าไหร่ เอาเถอะ

ออฟไลน์ hobazaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กรีซ..... คิดถึงเท็ด คิดถึงตรัส ในที่สุดก็เข้าใจกันสักที
ฮือ.....คิดว่าตรัสจะคิดสั้นแล้วเชียว
กอดคุณลิปสติคด้วยค่ะ =]

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็กลับคืนสู้สภาวะปรกติแล้ว

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
ตรัสนี่นะ รู้ทันเท็ดไปหมด
รู้ว่าเท็ดยังรักตัวเอง ไม่งั้นคงไม่กล้าเล่นมุขนี้หรอก

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1


ดีแล้ว .. :กอด1:

ออฟไลน์ chaWice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
ฉันจะเป็นจะตายแทนมันสองคนอยู่นานเลยนะ  :o12:

ในที่สุดก็กลับมาดีกันสักที

แอบคิดในใจไปว่า หรือคนแต่งมันจะใจร้าย ให้เลิกกันวะ

โหย แอบเถียงตัวเองในใจว่า ไม่หรอก ที่ผ่านมาก็แต่งเป็นนิยายใสๆหวานๆเสี้ยวๆ

ไม่น่าโหดกับ ตรัสเท็สขนาดนั้น

อ่านจบตอน  :เฮ้อ: โล่งอก

ดีใจที่เขาคืนดีกันแล้ว ลุ้นจะแย่

ตอนต่อไปก็อยากอ่านไวไวนะ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ตกลงเขาดีกันแล้วหรอ  งงๆ 
เหมือนแค่เท็ตเออ ออ ไปเฉยๆแค่นั้นเองอ่ะ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เฮ้อ อย่างน้อยก็โล่งใจหน่อยที่สองหนุ่มกลับมาประสานใจกันอีกครั้ง

แม้จะครึ่งๆกึ่ง กันเล็กน้อยก็ตาม

M33A

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ อออออ  ในที่สุดก็ดีกันซะที
ลุ้นแทบแย่ว่าเมื่อไหร่ตรัสจะเลิกขี้ขลาด เลิกปากหนัก แล้วหันมาอธิบายให้เท็ตฟัง  สุดท้ายก็ต้องพึ่งคนอื่นก่อนอยู่ดีสินะ

ส่วนเท็ตดี้ของเรานึกว่าจะใจร้าย ใจแข็งได้นาน  ..สุดท้ายก็ทิ้งตรัสไม่ลงอยู่ดี
แต่อย่างว่าแหละ ส่งข้อความมาแบบนั้น แถมยังติดต่อไม่ได้อีก เป็นใครก็คิดในแง่ร้ายกันหมด   

หวังว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องมาบีบคั้นหัวใจคนอ่านอีกนะคะ พอก่อนน นน หัวใจทำงานไม่ทัน

ว่าแต่ว่า...
ตรัสจะกลับไปอังกฤษอีกหรอ ไปทำไม ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับเท็ตเหอะ นะ นะ นะ


อ๊าก กก  ก ก กกก ก
เพิ่งอ่านจบแต่อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ   


ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักนะคะ
 :L2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ดีกันแล้ววววว
ถึงจะยังค้างๆคาๆก็เหอะ
อ่านตอนนี้แล้วสงสารตรัสมาก
เท็ตกลายเป็นคนใจร้ายเลยอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พอคุยกันมันก็ดีขึ้น เห็นมะ :impress2:
หวังว่าตรัสจะคิดได้ คราวหน้าต้องบอกเท็ตไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
เพราะเท็ตก็เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตตัวเองนินา :o8:
รออ่านตอนต่อไปนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ในที่สุดก็ดีกันแล้ว..... รึเปล่า  :เฮ้อ:

มาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
งงเว้ยเฮ้ย

ดีกันได้ยังไง

//กลับขึ้นไปอ่านอีกรอบจิ่  :m1:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
เราเข้าใจนะ เท๊ตดี้ เอาจริงๆ เราก็โกรธเหมือนเท็ต และเชื่อว่า เท็ตก็โกรธ และ "อยากเกลียด" ตรัสเหมือนทุกคน

ที่เท็ตทำทุกอย่างทั้งตัดใจ ทั้งบอกเลิก ทั้งที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครอื่น ทั้งหมดที่ทำไปเพราะเท็ตยังรักตรัสอยู่ทั้งนั้น


คนเรา เมื่อเจอคนที่รักอยู่ในช่วงความเป็นความตาย ไอ้ทิฐิ ความโกรธ ความน้อยใจ ที่มีถามจริงๆ มันจะยังมีเหลืออยู่ไหม ถ้าตรัสตายไปจริงๆ ก็คงไม่มีอีกแล้ว เราเชื่อว่า ณ วินาทีนั้นที่เท็ตเจอ ตรัสนอนอยู่ ในใจคงไม่เอาอะไรอีกแล้ว

เราไม่แปลกใจเลยถ้าเท็ตจะยอมให้ง่ายๆ


คงได้รับบทเรียนพอแล้วมั้ง ตรัส

ปล.ถามจริงว่าจะยอมตัดใจจากหมีน้อยจริงเหรอ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
หุหุ ดีกันแล้ว เย้เย้

ออฟไลน์ mutoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-37
ต่อไปอย่าให้มีอีกนะตรัส
รักเท็ตก็ต้องเชื่อใจและบอกได้ทุกเรื่องเข้าใจมั้ย
ต่อไปนี้ขอให้ทุกอย่างแฮปปี้กระดี๊กระด๊านะจ๊ะ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ขอแค่มีโอกาสได้พูดกัน และอีกคนรับฟัง เรื่องก็จะไม่มี  :กอด1:

สมหวังเร็วๆ  :-[

ออฟไลน์ isBelle__

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สรุปว่าจบลงแล้วด้วยดี เรื่องมันกลับตาลปัตรไปหมดเพราะความห่วงใยของตรัสนี่แหละ แค่พูดว่าคนขับรถเป็นคนของตัวเอง เท็ดน่าจะหายโกรธแล้ว
คนอะไรช่างห่วงใย กลับมาจีบกันเหมือนเดิมแล้วนะ

ออฟไลน์ leetoei

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • platform for spontaneous dates
เขาดีกันแล้วใช่มั้ย เขาดีกันแล้วๆๆๆๆๆ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
ตกใจแทบแย่ เฮ้อออออออออออ โล่งอก!!

 :z2: :impress2: :mc4:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ขอแบบเคลียร์ๆหน่อย...ตรัสยังจะไปอังกฤษอีกมั้ย? แล้วไปทำไม?


ปล.รอตอนหน้านะครับ
ปล.เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ
ปล.คนแต่งหายไปนานเกิ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2013 09:57:24 โดย day9day »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด