เอาตอนที่ 9 มาส่งอย่างรวดเร็วค่ะ
เปิดมาอ่านคอมเม้นท์ของตอนที่แล้วถึงกับต้องอุทานว่า โอ้โห! กันเลยทีเดียว แม่ยกท่านกวินแสดงตัวกันให้พรึบพรับ 5555
แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งด่วนตัดสินจากความข้างเดียวกันค่ะ
เพราะหากตั้งชื่อเล่นให้ตอนที่แล้วว่า 'ตอน เรียกเรตติ้งท่านกวิน' ตอนนี้ก็จะชื่อว่า 'ตอน กู้หน้าน้องปอม' 5555

ไปลองดูกันค่ะ ว่าน้องจะกู้หน้าได้ไหม
โดโซะ =)
------------
หัวใจหลังเลนส์
#9
ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว...
ใบหน้าเรียวขาวได้รูปก้มจดจ่ออยู่กับตำราศิลปะการถ่ายภาพปกสีดำที่ได้มาจากกวินโดยไม่สนใจเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กของเพื่อนฝูงที่นั่งกันอยู่บนโต๊ะเดียวกัน เด็กหนุุ่มพลิกหน้าดิกชันรีเล่มหนาที่วางอยู่ข้างๆเป็นระยะ ปากบางพึมพำเนื้อหาที่พยายามทำความเข้าใจอยู่ไปด้วย
หากแต่เพียงไม่นานหนังสือเล่มที่ว่าก็ถูกปิดลงพร้อมเสียงถอนหายใจ
“ทำไมมันยากอย่างนี้วะ คุณกวินเขาอ่านเข้าใจหมดทั้งเล่มได้ยังไงเนี่ย เก่งชิบหาย" เสียงใสบ่นขึ้นขณะวางหัวลงบนหนังสือตรงหน้า
ความสนใจจากคนทั้งโต๊ะหันมาตกอยู่กับคนตัวเล็กที่เอานิ้วเขี่ยไอน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้วชาเย็นของก๊อบแก๊บไปมา
“ไม่เข้าใจมึงก็เอาไปถามคุณกวินดิวะ มานอนเครียดหาหอกอะไร" เป็นเจที่กล่าวขึ้นพลางเอื้อมมือมาดีดหัวเจ้าเพื่อนตัวดีไปหนึ่งที
คนถูกว่ายกหัวขึ้นมาจากหนังสือก่อนสั่นหน้าดิก "ไม่เอาอ่ะ กูเกรงใจว่ะ" ดวงตาคู่เรียวหลุบมองพื้น "เขาดูมีงานเยอะแล้ว ไม่ค่อยอยากไปกวน"
“ก็เขาเป็นที่ปรึกษามึงไม่ใช่หรือไง เกี่ยวกับเรื่องงานก็ถามได้นี่ไม่เห็นเป็นไร" อ้นที่ดูจะรู้จักกวินมากที่สุดในบรรดาเพื่อนทุกคนนอกจากตัวจักรวาลเองพูดตามความเห็นของตน
แต่คนฟังก็ยังคงสั่นหน้าอีกครั้ง "แค่อ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องนี่กูไม่นับว่าเป็นเรื่องงานว่ะ เสียเวลาเขาเปล่าๆ"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นอ้นก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้า
“อะไรวะปอม แคร์เขาหรือไงจ๊ะ กิ๊วๆ"
คนถูกแซวถลึงตาใส่ไอ้เพื่อนตัวดีทันทีที่ได้ยินแบบนั้น "กิ๊วๆเหี้ยไรของมึง เกรงใจมันความหมายเดียวกับแคร์หรือไงวะไอ้ห่า"
“เอ้า ก็กูเห็นแรกๆที่เจอกันมึงยังด่าเขาสาดเสียเทเสียอยู่เลย" อ้นตอบกลับพลางส่งสายตาล้อเลียนไปให้เพื่อนตัวเล็กอีกหนึ่งดอก "แต่หลังๆมานี้เห็นเดี๋ยวก็คุณกวินอย่างนู้นคุณกวินอย่างนี้"
จบประโยค เพื่อนที่เหลือทั้งโต๊ะก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพากันยิ้มกรุ้มกริ่มตามอ้นกันไปหมด
เม้งรับส่งกับอ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าคนโดนล้อเริ่มหน้าขึ้นสีจางๆ "ใช่ๆ มึงรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าช่วงนี้กูได้ยินชื่อเขาจากมึงทุกวันเลยนะเว้ย 'เลนส์ไวด์ของคุณกวินนี่มันเจ๋งจริงๆเลย' ไม่ก็ 'คุณกวินคอมเม้นท์ตรงดีชิบหาย' นี่แค่เท่าที่กูจำได้นะ จริงๆยังมีอีกเยอะ ไม่เชื่อถามไอ้พวกนี้ดูดิ"
จักรวาลอ้าปากพะงาบๆขณะที่เม้งพูด อยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ทัน แล้วก็ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆอากาศมันร้อนขึ้นมาเองหรืออย่างไร ทำไมอยู่ๆถึงรู้สึกวูบๆที่หน้าวะ!
“แน่ะ! หน้าแดงด้วย กิ๊วๆ น้องปอมหน้าแดง กิ๊วๆๆ"
แขนเรียวเอื้อมไปฟาดไหล่ไอ้เพื่อนตัวดีฝั่งตรงข้ามป๊าบๆๆ พลางละล่ำละลักพูดขึ้น "มึงบ้าป่ะ กูจะไปหน้าแดงทำหอกอะไร ล้อเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่องเลย" ร่างบางกัดริมฝีปากล่างเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆทั่ววง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาโวยวายต่อ "ตอนแรกที่เจอเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไอ้คุณกวินนั่นกวนประสาทจะตาย กูก็ไม่ชอบเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ..”
“อ๋อเหรออออออออ" อ้นลากเสียงยาวๆอย่างไม่เชื่อคำพูดเพื่อนตัวเล็ก "เขากวนประสาทน้องปอมมากเลยเหรอจ๊ะ"
“ไม่ใช่แค่กวนประสาทนะเว่ย แต่แม่งชอบบังคับกูด้วยอ่ะ กูเซ็งทุกทีเวลาเจอหน้าเขา” จักรวาลรีบหลับหูหลับตากล่าวต่อด้วยกลัวว่าเพื่อนจะแซวเยอะไปมากกว่าเก่า
เมื่อเห็นเพื่อนลนลานตอบอ้นก็ยังคงไม่หยุดแซวต่อพลางเอื้อมมือไปผลักหัวไอ้คนหน้าแดงแต่ไม่รู้ตัวเบาๆ “แหม เมื่อก่อนกูเห็นเรียกท่านกวินอย่างนู้นท่านกวินอย่างนี้”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อนไง แต่พอเจอตัวจริงแล้วแม่งกูว่านิสัยกูกับเขาคงเข้ากันไม่ได้มั้ง เวลาทำงานกูก็เกร็งๆ เพราะแม่งชอบทำหน้ายักษ์ข่มกูอ่ะ”
และแม้จะพูดไปขนาดนั้นแล้ว แต่สีหน้าและแววตาของบรรดาเพื่อนฝูงก็ไม่ได้ลดแววล้อเลียนลงไปเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายเด็กหนุ่มต้องตัดสินใจงัดไม้ตายขึ้นมาด้วยการทำท่าตบเข่าฉาดแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนสะใจที่ได้แก้แค้นเสียเต็มประดาทั้งที่จริงๆก็แค่นึกขำสนุกๆกับเหตุการณ์นั้นเท่านั้น “แต่ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกูแม่งโคตรสะใจเลย ไอ้เรื่องบัตรเชิญที่กูเล่าให้พวกมึงฟังไปวันก่อนอ่ะ กูยังจำคำพูดของแม่งได้เป๊ะๆทุกคำอยู่เลยนะเว่ย ขำสุดก็ตอนที่เขาพูดว่า 'เรียกว่าโก....'”
คำพูดทั้งหมดถูกกลืนลงคอเด็กหนุ่มไปเมื่อเห็นปฏิกริยาแปลกประหลาดจากเพื่อนตรงหน้า จากที่เคยยิ้มมีเลศนัยจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจสุดฤทธิ์พร้อมกับแรงสะกิดยิกๆที่ต้นแขนและอาการชี้นิ้วพยักพเยิดให้หันไปมองข้างหลัง ทั้งหมดนั้นทำเอาเขาใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ลางสังหรณ์ไม่ดีแล่นปราดขึ้นมาที่หัวใจ นึกกลัวไปว่าอาจจะเป็นกรวิทย์เดินมาได้ยิน...
หากแต่เมื่อหันไป ใจที่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อครู่ คราวนี้แย่กว่าเก่าคือมันแตกสลายหายวับไปเลยเมื่อเห็นหน้าคนที่พูดถึงตัวเป็นๆมายืนตีหน้าเย็นชาอยู่ข้างหลัง....
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จักรวาลนอนถอนหายใจทิ้งเฮือกๆอยู่บนเตียงนอนในห้องพักขนาดเล็กของตน แม้จะเป็นเวลาเกือบตีสามแล้วแต่เขายังคงไม่สามารถข่มตาหลับได้ทั้งที่พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชีวิตแท้ๆ
เด็กหนุ่มปิดไฟเข้านอนตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการถ่ายโฟโต้เซ็ทที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหลับเสียที ทั้งภาพและเสียงของคนร่างสูงใหญ่คนนั้นมันแวบเข้ามาในหัวตลอด
จากวันนั้นผ่านมาถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่เขาไม่ได้เจอกับกวิน กล้องฟิล์มไลก้าที่ได้มาวันก่อนชายหนุ่มก็เขียนบรรยายเหตุผลของการให้ยืมและเทคนิคการใช้ต่างๆแนบมายาวยืด ละเอียดชนิดที่ว่าต่อให้โง่ยังไง อ่านแล้วก็ยังเข้าใจ ราวกับรู้มาล่วงหน้าว่าจะต้องมาได้ยินอะไรแย่ๆจากเขาแบบนี้อย่างนั้นแหละ เด็กหนุ่มเลยไม่รู้จะบากหน้าหาเรื่องอะไรไปคุยดี
ยิ่งนึกไปถึงข้อความบรรทัดสุดท้ายที่ใส่มาในกระดาษอธิบายใบนั้น เด็กหนุ่มก็ต้องโกรธตัวเองจนรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง
'กล้องตัวนี้ฉันรักมาก เพราะพ่อให้มา ช่วยดูแลดีๆด้วย'
ทำไมเขาถึงปากเสียได้ขนาดนี้นะ ทั้งที่กวินยอมให้เข้ายืมแม้กระทั่งของรักของหวง...
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเอง...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบเข้าบริษัทมา ผลจากการนอนไม่หลับเมื่อคืนทำให้วันนี้เขาตื่นสาย โชคดีที่พี่วินมอเตอร์ไซค์รู้จักทางลัดละแวกนี้ดี เด็กหนุ่มจึงสามารถมาถึงได้ทันเวลาพอดีเป๊ะ
แต่กระนั้น ในฐานะช่างภาพในวันนี้เขาก็ควรจะมาเตรียมตัวก่อนอยู่ดี...
ประตูสตูดิโอบานใหญ่ถูกผลักออก พร้อมร่างเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงเข้ามาในห้อง เด็กหนุ่มพร่ำบอกทีมงานทุกคนที่เดินผ่านว่าขอโทษที่เพิ่งมา จนในที่สุดเมื่อเดินเข้ามาถึงบริเวณหน้าฉาก คนร่างสูงที่ก้มๆเงยๆเช็คอุปกรณ์อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างก็ทำให้เขารู้สึกเกร็งขึ้นมาดื้อๆ
จักรวาลค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ช่างภาพคนดังพลางกล่าวเบาๆ “ขอโทษนะครับที่เพิ่งมา...”
ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เจอแบบนั้นเข้าไป คนที่ใจเสียอยู่แล้วอย่างจักรวาลก็ยิ่งรู้สึกแย่มากไปกว่าเก่า เด็กหนุ่มยืนอำ้ๆอึ้งๆอย่างทำอะไรไม่ถูก อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการทำลายบรรยากาศตั้งแต่งานยังไม่เริ่มไปมากกว่านี้
จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจผละไปเตรียมการในส่วนของตนเองบ้าง
กวินเงยหน้าขึ้นจากกล้องตรงหน้า ดวงตาคู่คมจับจ้องไปที่ร่างบางที่เดินห่างออกไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
ต่อให้ผู้ใหญ่แค่ไหน แต่เจอแบบนี้เข้าไปเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงเหมือนกัน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
การถ่ายในวันนี้เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นในช่วงแรก แต่ก็ค่อยๆไหลลื่นมากขึ้นเมื่อจิตใจของจักรวาลดำดิ่งไปสู่สิ่งที่ทำอยู่ด้วยความรัก เรื่องกังวลเกี่ยวกับช่างภาพคนดังถูกลืมไปชั่วขณะ และส่วนตัวกวินเอง แม้จะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่มืออาชีพอย่างเขาก็ไม่เคยเอามันมาปะปนให้งานต้องเสีย ชายหนุ่มยังคงให้คำแนะนำตากล้องสมัครเล่นตามหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่ถ้ามันจะมีสักเรื่องที่ทีมงานคนอื่นๆเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าแปลกไป ก็คงจะเป็นความเย็นชาที่แผ่รัศมีออกมาจากตัวหัวหน้าสุดหล่อคนนั้น...
“เอาล่ะ พักกินข้าวกันก่อนทุกคน” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นให้ได้ยินกันทั่วบริเวณเมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน ทีมงานทั้งหมดจึงวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ลง ก่อนค่อยๆทยอยกันเดินออกไปหยิบข้าวกล่องที่ถูกจัดเตรียมไว้ที่มุมหนึ่งหน้าสตูดิโอ
กวินที่เดินออกมาเป็นคนท้ายๆไล่เปิดกล่องข้าวที่เหลืออยู่เพียงไม่มากนักบนโต๊ะทีละกล่อง
“ข้าวผัดกุ้งแม่งหมดแล้วเหรอวะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเปิดมาจนถึงกล่องสุดท้าย ก่อนจะต้องจำใจหยิบกะเพราไข่ดาวไปแทน
แต่ยังไม่ทันที่กวินจะเดินไปหาที่ปักหลักนั่งที่ไหน ขาคู่ยาวก็ต้องหยุดลงเมื่อจักรวาลที่มายืนอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอื้อมมือมาคว้าแขนเขาเอาไว้ข้างหนึ่ง
ขาวกล่องที่ดูเหมือนจะผ่านการเปิดออกเรียบร้อยแล้วถูกยื่นมาตรงหน้า
“เอ่อ...ข้าวผัดกุ้งครับ”
ดวงตาใสแจ๋วช้อนมองขึ้นเพียงแวบเดียวก่อนจะหลุบลงต่ำทันทีที่สายตาคมดุของชายหนุ่มจ้องกลับมา
กวินหรี่ตามองเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจดันข้าวกล่องในมือบางกลับไป “นายเอาไปกินเถอะ”
ชายหนุ่มหมุนตัวกลับหลัง
“ผมยังไม่ได้กินเลยนะครับ แค่เปิดดูข้างในเอง” เด็กหนุ่มรีบละล่ำละลักกล่าวออกไปอย่างใจเสียเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีท่าทีจะสนใจของในมือตนเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ก็ได้ยินอยูกับหูว่าบ่นถึงมันอยู่เมื่อครู่แท้ๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก นายเก็บไว้กินเองนั่นแหละดีแล้ว” คนถูกรั้งไว้หันกลับมาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ทิ้งไว้ก็แต่เด็กหนุ่มที่ได้แต่ยืนใจแป้วมองกล่องโฟมขาวๆในมือ
สุดท้ายแม้ชายหนุ่มจะไม่ยอมรับมันไป แต่จักรวาลก็ยังติดสินใจวางมันไว้บนโต๊ะแล้วหยิบกะเพราไปหามุมเงียบๆนั่งกินแทน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ในที่สุดการถ่ายโฟโต้เซ็ทชุดแรกในชีวิตของช่างภาพมือสมัครเล่นก็จบลง โดยทีมงานทุกคนลงความเห็นกันว่าจะพาจักรวาลไปเลี้ยงฉลองต่อที่ร้านซึ่งเด็กหนุ่มทำงานอยู่
ที่ร้านหรูแห่งนี้ ตอนกลางวันเป็นร้านอาหาร แต่ตอนกลางคืนก็จะเปิดเป็นกึ่งผับเสิร์ฟแอลกอฮอลให้สมชื่อย่านทองหล่อด้วย
แม้ว่าการเลี้ยงฉลองจะเป็นไปอย่างโหวกเหวกโวยวายเนื่องจากทีมงานแต่ละคนที่มาก็ตัวเฮฮากันทั้งนั้น แต่กวินก็ยังคงคอนเซปเย็นชาอย่างที่เป็นมาตลอดทั้งวัน และอาการนั้นก็ยิ่งทำเอาจักรวาลรู้สึกหดหู่ลงไปอีก
เด็กหนุ่มพยายามหัวเราะตามมุกตลกของพี่เต้ พยายามฟังเรื่องที่พี่มลทะเลาะกับสามี และพยายามอีกหลายอย่างที่ปกติออกจะเป็นเรื่องโปรด แต่วันนี้ไม่รู้ทำไม มันไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องรอบตัวเลย
เหล้าราคาแพงที่นานๆจะได้กินทีแก้วแล้วแก้วเล่าถูกรินลงในแก้วของเด็กหนุ่มโดยที่ไม่มีใครสังเกตุ กว่าทุกคนจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างเล็กเมาฟุบโต๊ะไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเด็กหนุ่มแทบจะไม่แสดงอาการใดๆออกมานอกจากแก้มที่แดงระเรื่อกว่าปกติเท่านั้น
“อ้าวเห้ย น้องปอมแม่งพับไปแล้วอ่ะ” เสียงอาร์ทที่ดังขึ้นอีกฝั่งของโต๊ะเรียกให้กวินรีบหันไปมองคนที่ถูกพูดถึงที่นั่งหลับอยู่ข้างๆไอ้คนพูดอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวทันที
ร่างสูงขมวดคิ้วก่อนกล่าวต่อว่าลูกน้องที่นั่งใกล้ๆจักรวาลทั้งหมด “ทำไมพวกมึงไม่รู้จักดูวะ ปล่อยให้เด็กดื่มเยอะขนาดนี้ได้ยังไง”
“โหยพี่ ยี่สิบนี่เด็กตรงไหนวะ ผมยังกินตั้งแต่ยังไม่จบมอปลายเลย” อาร์ทแย้งขึ้นงงๆ ปกติเวลาพานักศึกษาฝึกงานมาดื่ม เฮียแกก็ไม่เห็นเคยเป็นอย่างนี้
กวินส่ายหัวอย่างหงุดหงิด ก่อนลุกขึ้นมายืนฝั่งที่เด็กหนุ่มนั่งพับอยู่ มือหนาล้วงหยิบเงินในกระเป๋าทิ้งไว้ให้ลูกน้องที่นั่งริมสุด
“พวกมึงกินกันไปแล้วกัน เดี๋ยวกูพาไอ้หนูนี่ไปส่งแล้วกูจะไม่กลับมาละ” ชายหนุ่มพูดพลางช้อนแขนเข้าข้างลำตัวปวกเปียกของจักรวาล
ร่างสูงพยุงตัวเด็กหนุ่มขึ้นอย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ยังไม่ทันที่จะพาเดินพ้นโต๊ะไป เสียงคุ้นๆของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังหยุดเขาไว้
“เห้ยปอม เมาจริงๆด้วย” ชายหนุ่มในชุดสูทภูมิฐานตรงเข้าไปหาร่างในอ้อมแขนช่างภาพชื่อดังทันทีที่เดินก้าวพ้นประตูเข้ามาในร้าน “อ๊ะ คุณกวินสวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณเมษา” เสียงทุ้มต่ำกล่าวตอบอย่างงงๆ
“เด็กที่ร้านโทรไปบอกว่าเห็นปอมดื่มไปหลายแก้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้” เมษาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจนักพลางเข้าไปรับตัวเด็กหนุ่มมาจากกวินที่ยังพยายามยึดแขนบางไว้ไม่ปล่อย
เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยที่ส่งมาจากอีกฝ่าย เมษาก็รีบอธิบายขึ้น “คือที่นี่เป็นร้านของแม่ผมน่ะครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมพาปอมไปส่งเองดีกว่า รบกวนคุณเปล่าๆ”
ได้ยินอย่างนั้นยังไงก็คงต้องปล่อยล่ะ ร่างเล็กๆของจักรวาลสลับไปอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคนแทน หัวทุยๆนั่นกลิ้งไปกลิ้งมากับอกที่ถูกกั้นด้วยเสื้อสูท
กวินมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยอารมณ์อะไรสักอย่างที่เจ้าตัวเองก็บอกไม่ถูก แต่รุ่นว่ามันขุ่นมัวแปลกๆ ก่อนจะจำต้องพยักหน้ารับเป็นเชิงให้เมษารับช่วงต่อดูแลเจ้าคนเมาไป
เมษาพยุงจักรวาลออกจากร้านโดยที่กวินยังคงมองตามจนกระทั่งร่างทั้งสองลับสายตา
ช่วยไม่ได้...ก็เขารู้จักกันมาก่อนนี่นะ...
TBC.
เห็นไหม น้องปอมออกจะอินโนเซ้นท์ มีอย่างที่ไหน ง้อคนแก่ด้วยข้าวผัดกุ้งกล่องเดียว เอิ๊กๆๆ
ยังไงน้องเขาก็ยังเด็ก ให้อภัยน้องกันด้วยนะคะ (อันนี้บอกพี่วิน 55) ครุคริ
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ
รักคนอ่าน
