หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1378033 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
น่ารัก อินโนเซนต์และใสซื่อมากมายอ่ะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
สนุกมากอีกตามเคย อิอิิ


แต่คงไม่โกรธนะ  ถ้าจะบอกว่า เปลี่ยน "เค้า"  เป็น "เขา"  ได้จะดีมาก  เพราะ เขา เป็นสรรพนามบุรุษที่สามในภาษาเขียนของไทย

แต่ เค้า คือสำเนียงการออกเสียงคำว่า เขา ของคนไทย(กรุงเทพฯ)

แต่เค้าในภาษาเขียน  เวลาเขียนจะเขียนว่า เค้าโครง  เห็นเค้า   เค้าหน้า  เป็นต้น

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
อ้อ  จะเข้ามาบอกว่าอีกว่า ในชีวิตจริง

พอได้เลนส์ถ่ายภาพมุมกว้างปั๊บ  ก็สามารถบันทึกภาพอย่างที่ใจอยากทำได้ทันที

อ่านแล้ว อิน มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เจ้สอง ^^

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
มาส่งตอนที่สิบค่ะ

เรื่องที่โดนติงเรื่องศัพท์บางคำที่เอาภาษาพูดมาเขียน  ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้วนะคะ
ขอโทษจริงๆ  เขียนไปเพราะความเคยชิน  แหะๆ :o8: 
ถ้ายังไงขาดตกบกพร่อง  หรือมีคำไหนยังผิดอยู่อีกตักเตือนได้เลยนะคะ  ยินดีปรับปรุงค่ะ


ขอบคุณทุกท่านมากค่ะสำหรับการติดตาม




----------



หัวใจหลังเลนส์
#10




   กวินก้าวเข้ามาในบริษัทด้วยท่าทีนิ่งขรึมเหมือนอย่างที่ทำทุกวัน   สองขาพาชายหนุ่มมาหยุดอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ต้อนรับ  ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยถามขึ้นเรียบๆ

   “วันนี้พาราโบลาเล่มใหม่มาส่งหรือยัง”

   พนักงานสาวส่ายหน้าช้าๆ “ยังเลยค่ะพี่วิน”

   พื้นที่บริเวณเคาท์เตอร์ในยามเช้าแบบนี้   ไม่แปลกอะไรที่จะเห็นลูกน้องหนุ่มๆตัวแสบมานั่งขายขนมจีบให้น้องกิ๊ฟท์  สาวสวยประจำเคาท์เตอร์อยู่ทุกเช้าทุกเย็น    เต้กับน็อตที่เสนอหน้าไปยืนอยู่ข้างหญิงสาวจึงได้ยินคำถามจากคนเป็นหัวหน้าเช่นเดียวกัน   และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก...

   “ทำไมช่วงนี้ถึงมาถามหาพาราโบลาเล่มใหม่ทุกวันเลยอ่ะพี่” เต้ถามขึ้นด้วยความสงสัย   เพราะปกติ  พอนิตยสารรายเดือนที่บริษัทเป็นสมาชิกส่งมาถึง   เขาก็จะเป็นคนเอาเข้าไปวางไว้ในห้องทำงานส่วนตัวของกวินให้เอง   พูดง่ายๆคือมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น   หัวหน้ารูปหล่อของเขาไม่เคยต้องมาถามหาพวกมันด้วยตัวเองแบบช่วงนี้หรอก

   แต่คนถูกถามก็ทำเพียงสั่นศีรษะเนือยๆ ก่อนเดินผละออกมา

   ชายหนุ่มตรงเข้าห้องทำงานก่อนปิดประตูบานเลื่อนสีดำลง   คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่บนโต๊ะถูกเปิดขึ้นเพื่อเตรียมตัวทำงานทันที   หากแต่เมื่อรูปภาพวอลเปเปอร์บนเดสก์ท็อปปรากฏขึ้นมา   ร่างสูงที่ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ก็อดถอนหายใจออกมาเบาๆไม่ได้

   ใช่...เขาตั้งมันไว้อย่างนั้นเองแหละ   ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรในภาพนั้นมันทำให้เขารู้สึกอยากเอามันขึ้นหน้าจอ   อาจจะเป็นแสง  โทนสี   และองค์ประกอบที่ดูสมบูรณ์แบบของมันเนื่องจากเขาเป็นคนถ่ายเองกับมือ

   


   หรือบางทีอาจจะเป็น...คนที่อยู่ในรูป...

   


   เอาเป็นว่าเขาตอบไม่ได้ก็แล้วกัน   รู้แต่ว่าอยากเห็นมันบ่อยๆเท่านั้นเอง 

   

   หลังจากจบงานเลี้ยงฉลองที่มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้เมาแอ๋กลับบ้านไปก่อนในครั้งนั้น   กวินก็ไม่ได้เจอกับไอ้เด็กคนที่ว่านั่นอีกเลย    จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลาเกือบสามสัปดาห์แล้ว   จะมีก็เพียงแต่ข้าวของทั้งหมดที่เคยให้ไปถูกฝากพี่วิทย์กลับมาคืน   โดยที่ไอ้คนคืนมันหายต๋อมไร้ร่องรอยไปเลย

   

   ไม่มีทีท่าว่าจะติดต่อมา...

   

   

   สงสัยคงจะเกลียดยักษ์หน้าดุคนนี้อย่างที่เคยว่าไว้จริงๆ...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “กูกลับก่อนนะเว่ย” เสียงแหบห้าวของอ้นกล่าวขึ้นขณะที่มือก็รวบเอาอุปกรณ์สำหรับทำโปรเจ็คชิ้นสุดท้ายของเทอมที่เขาทำคู่กับไอ้เจ้าของห้องยัดใส่กระเป๋า “มึงรีบอาบน้ำเข้านอนนะ   ไม่ต้องนั่งเวิ่นเว้อต่อล่ะ”

   คนถูกสั่งหันมาขมวดคิ้วใส่เพื่อนสนิท “เรียกพ่อดีไหมเนี่ย”

   “ไม่ต้องมาประชดเลยนะไอ้ตูดหมึก   มึงไม่รู้ตัวหรอกว่าช่วงนี้มึงดูโทรมขนาดไหน”

   ร่างบางได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่กัดปากหลุบตามองต่ำ   ทำไมจะไม่รู้ล่ะ  ในเมื่อไอ้อาการกระสับกระส่ายนอนไม่หลับมันเข้ามาอยู่กับเขาตลอดระยะเวลาเกือบเดือนมานี้แทบทุกคืน

   เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรักอ้นก็ถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ

   “ปอม   กูไม่แน่ใจหรอกนะว่าช่วงนี้มึงเครียดอะไรอยู่หรือเปล่า   แต่เห็นมึงเป็นแบบนี้กูกับไอ้พวกที่เหลือก็ไม่สบายใจ   ถ้ามีอะไรที่อยากระบายก็มาระบายกับพวกกูได้นะเว่ย”

   ร่างบางเงยหน้ามองคนพูด   ในอกตื้นตันไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ   แต่กระนั้นถ้าจะให้เขาเล่าก็คงเล่าไม่ได้หรอก   เพราะเขาเองก็ยังจัดระเบียบให้ความคิดตัวเองไม่ได้เลย   สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ 

   อ้นก้มมองสภาพสีเทาของเพื่อนรักด้วยความกลุ้มใจ   แต่ในเมื่อเจ้าตัวเลือกที่จะไม่พูดอะไร   เขาจะสามารถไปละลาบละล้วงอะไรได้ “เอาเถอะ   ยังไงก็ทำใจให้สบายนะมึง  อย่าคิดมากไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม” ฝ่ามือหนายกขึ้นขยี้หัวไอ้คนที่ลุกมาปิดประตูส่ง “รีบๆกลับมาหล่อเหมือนเดิมได้แล้ว   เกิดอาทิตย์หน้าโทรมบักโกรกไปงานแต่งอาจารย์วิทย์   เดี๋ยวยามก็ไม่ให้เข้าโรงแรมกันพอดี” อ้นกล่าวติดตลกก่อนจะก้าวออกจากห้องไปในที่สุด

   

   เมื่อทั้งห้องว่างเปล่าเหลือเพียงตัวเอง   จักรวาลก็เดินกลับมานั่งพิงขอบเตียงพลางเหม่อมองท้องฟ้ามืดมิดนอกหน้าต่าง   ลมหายใจถูกพ่นออกมาเป็นระยะเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ

   หลังจากการถ่ายโฟโต้เซ็ทจบลงก็เท่ากับว่าสิทธิ์ที่เขาได้รับจากรางวัลสิ้นสุดลงแล้ว   เช้าวันรุ่งขึ้นของงานเลี้ยงฉลองในวันนั้นเขาก็เพียงตื่นขึ้นมาในคฤหาสน์หลังงามของพี่เมษ   โดยที่ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้เกี่ยวกับ 'คนๆนั้น' คือใบหน้าเรียบเฉยที่นั่งกินเงียบๆอยู่คนละฝั่งของโต๊ะ   ไม่แม้แต่จะปรายตามองมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย

   

   คนปากเสียแบบเขาคงโดนเกลียดเข้าแล้วจริงๆสิ...

   
   แต่ความจริงก็สมควร...

   
   

   สุดท้าย   เมื่อไม่เหลือข้ออ้างอะไรให้เข้าไปที่บริษัท   เด็กหนุ่มก็ได้แต่มานั่งจมอยู่กับตัวเอง   

   ของทั้งหมดที่เคยได้รับมา   เขาก็ไม่มีหน้าที่จะเก็บมันไว้หรอก   และก็ไม่มีหน้าจะเอามันไปคืนด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน

   น้ำหนักที่ลดลงไปสองสามกิโลบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพฤติกรรมการอยู่การกินของตนนั้นเปลี่ยนไป   แต่จักรวาลก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแก้ไข   ในหัวของเด็กหนุ่มมีเพียงภาพตอนที่เขาหันไปเจอกวินยืนอยู่ข้างหลังฉายซ้ำไปซ้ำมา   

   

   อยากบอก..อยากขอโทษ

   

   แต่คนๆนั้นคงไม่อยากฟัง...เพราะอย่างไรเขามันก็แค่เด็กที่ไม่มีความสำคัญอะไรในชีวิตของคนยิ่งใหญ่ระดับนั้นอยู่ดี

   

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างตัวเรียกเด็กหนุ่มให้หลุดออกจากห้วงความคิดของตนเอง   เบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอทำให้เขายิ้มออกมาบางๆแม้จะยังมีเรื่องไม่สบายใจวนเวียนอยู่เต็มหัว

   

   “สวัสดีครับแม่”

   “เป็นไงบ้าง  เจ้าหมาน้อยของแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนอันคุ้นเคยที่ส่งกลับมานั้นแทบจะทำเอาเขาน้ำตาไหลออกมาด้วยความคิดถึงเสียให้ได้

   “ก็ดีครับ   เดี๋ยวมะรืนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว   แม่กับน้าเป็นยังไงบ้าง   สบายดีกันหรือเปล่าครับ”

   “แข็งแรงดีเป็นปกติเหมือนเดิมนั่นแหละจ๊ะ  ไม่ต้องห่วง   ลูกเถอะ  ปิดเทอมนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า”

   “ปอมตั้งใจว่าจะหางานพิเศษเก็บเงินอีกสักก้อนน่ะครับแม่” ช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่เขามักจะอยู่กรุงเทพหางานทำเพิ่มแบบนี้เสมอ

   “งั้นเหรอ   ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะลูก” ในที่สุดน้ำเสียงปลอมประโลมของผู้เป็นมารดาก็ทำเอาเด็กหนุ่มต้องน้ำตารื้นขึ้นมาจนได้ “แล้วนี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า  เสียงฟังดูไม่สดใสเหมือนเดิมเลย”

   ราวกับอ่านใจได้  คำถามที่ถูกส่งมาทำเอาน้ำตาที่ทำท่าจะแตกไม่แตกต้องไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่   เสียงสั่นเครือของลูกชายที่ปลายสาย  ทำเอาคนเป็นแม่ตกอกตกใจ “ปอม  เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”

   เด็กหนุ่มกลืนก้อนสะอื้นให้กลับลงคอก่อนปฏิเสธออกไป “เปล่าครับแม่”

   “มีอะไรเล่าให้แม่ฟังได้นะ”

   “ปอมไม่เป็นไรครับ” เมื่อตอบไปแบบนั้นบททนาก็เงียบลงชั่วครู่   ก่อนจะเป็นเด็กหนุ่มที่ถามออกมาเบาๆ

   

   “แม่ครับ   ปอมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีหรือเปล่า”



    “ลูกหมาที่แม่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอกลูก   ทำไมเหรอ  ถามอย่างนี้แสดงว่าไปทำอะไรไม่ดีใส่ใครไว้ล่ะสิท่า” คนเป็นแม่ถามขึ้นอย่างรู้ทัน

   “ครับ   ไม่ดีมากๆเลย”

   “แล้วขอโทษเขาหรือยัง”

   คนถูกถามนิ่งไปอึดใจ  ก่อนส่ายหน้าออกมาเบาๆแม้รู้ว่าอย่างไรแม่ก็ไม่เห็นก็ตาม “ยังครับ   แต่เขาก็คงไม่ได้อยากฟังเท่าไหร่”

   “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

   “ก็...ผมไม่ใช่คนสำคัญ...”

   “โถ่ลูก  ไม่เอาน่า  อย่าคิดไปเองเลย” หญิงวัยกลางคนปลายสายกล่าวสอนด้วยความเป็นห่วงแกมเอ็นดู “แต่ต่อให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ   ทำผิดอะไรไว้ยังไงเราก็ควรจะขอโทษ  ไม่ว่าเขาจะอยากฟังหรือไม่อยากฟังก็ตาม   เข้าใจหรือเปล่า”...

   


   แม่ของเขาวางสายลงไปแล้ว   แต่คำสอนด้วยเสียงอ่อนโยนนั้นก็ยังดังก้องวนเวียนไปมาอยู่ในหัว

   

   ก็ถ้ามันขอโทษกันง่ายๆขนาดนั้นเขาคงกล้าทำไปนานแล้วล่ะ...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “อาจารย์! ยินดีด้วยครับ!” เสียงแสดงความยินดีจากลูกศิษย์วัยฉกรรจ์ทั้งหลายเรียกเอารอยยิ้มร่าเริงจากเจ้าของงานที่ยืนต้อนรับอยู่ได้อย่างครึกครื้น

   “หมิวครับ   นี่ลูกศิษย์ผมที่คณะ” กรวิทย์หันไปแนะนำกับเจ้าสาวที่ยืนยิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่ข้างๆ   ก่อนที่คนทั้งหมดจะเคลื่อนตัวมายืนจัดท่าทางอยู่ ณ บริเวณซุ้มสำหรับถ่ายภาพที่ระลึกซึ่งถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี

   แล้วเด็กหนุ่มที่ยกมือขยับเสื้อให้เข้าที่เข้าทางก็ต้องสะดุ้งขึ้นเมื่อเงยหน้าเตรียมตัวมองกล้อง   สายตาคู่คมจากคนร่างสูงในชุดสูทหรูหราที่ถือกล้องอยู่ในมือนั้นจับจ้องมาที่ตนพอดี   แต่เมื่อเห็นเขามองมาเช่นกันชายหนุ่มก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

   

   ...และอาการแบบนั้นก็ทำเอาร่างบางใจเสียไปไม่น้อย

   

   ไม่รู้ว่าเขาลืมไปได้อย่างไรว่างานแต่งงานของอาจารย์กรวิทย์   คนเป็นน้องชายอย่างกวินจะต้องมาด้วยแน่นอน...

   
   เมื่อถ่ายรูปเสร็จ   เด็กหนุ่มก็เดินตามเพื่อนๆเข้างานไปด้วยอารมณ์ขุ่นหมอง

   งานฉลองในวันนี้เป็นไปอย่างราบลื่น   ทั้งการตกแต่งภายในงานที่ถูกออกแบบมาอย่างดีที่พาให้แขกเหรื่อรู้สึกเจริญหูเจริญตา   หรือว่าจะเป็นกำหนดการต่างๆที่ไม่เยิ่นเย้อก็ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่น่าเบื่อเหมือนงานอื่นๆ

   แต่หากจะมีใครสักคนที่ไม่ได้รู้สึกดีไปกับปัจจัยเหล่านี้เลยก็เห็นจะเป็นจักรวาลนี่แหละ...

   อาหารเลิศรสที่วางอยู่ตรงหน้าแทบไม่ได้รับความสนใจอย่างที่ควร   ไม่ว่าเผลอเมื่อไหร่  ดวงตาคู่เรียวสวยก็จะต้องเหลือบไปยังช่างภาพที่เดินตามเก็บภาพบรรยากาศตามสองบ่าวสาวไปรอบๆงานอยู่เสมอ...

   

   โต๊ะของจักรวาลและเพื่อนๆอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะของครอบครัวจารุกิตติ์นัก

   “คุณพ่อคุณแม่ครับ   นี่พวกลูกศิษย์ผมที่คณะ” กรวิทย์เอ่ยแนะนำขึ้นเมื่อเดินมาถึงละแวกนี้   เด็กๆนักศึกษาทั้งโต๊ะยกมือขึ้นไหว้ไปทางผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม

   และมันควรจะจบแค่นั้นถ้าคนเป็นเจ้าบ่าวไม่เดินมาดึงตัวร่างบางให้ลุกขึ้นเสียก่อน

   “คนนี้ไงครับ  นายจักรวาล  ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง” กรวิทย์เอ่ยกับบุพการีพลางชี้ไปที่เด็กหนุ่มที่ทำหน้าตาเหรอหราอย่างงุนงง

   หากแต่คนตอบออกมาคนแรกกลับเป็นน้องสาวคนสุดท้อง “โห  คนนี้เหรอพี่   ตะกี้วรรณเพิ่งนั่งเล็งอยู่นะเนี่ย   น่ารักจัง”

   ชายหญิงวัยกลางคนแย้มรอยยิ้มขึ้น   ก่อนจะเป็นฝ่ายพ่อที่กล่าวก่อน “ที่บอกว่าส่งตัวเองเรียนด้วยใช่ไหม   เก่งจริงๆเลย”

   จักรวาลที่ไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนเอาเรื่องอะไรไปเล่าไว้บ้าง  ได้แต่กล่าวขอบคุณพร้อมยกมือขึ้นไหว้

   “ใช่คนที่ตาวินเคยบอกว่าอยากเป็นช่างภาพใช่ไหมจ๊ะ” คราวนี้คำถามจากผู้เป็นแม่ก็ส่งไปยังชายหนุ่มร่างสูงผู้รับหน้าที่ตากล้องภายในงานที่ยืนอยู่ด้านหลังคู่บ่าวสาวแทน

   อยู่ๆเด็กหนุ่มก็รู้สึกเหมือนหายใจติดๆขัดๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น

   

   คนถูกถามตีสีหน้านิ่งเฉยอย่างที่ถนัด   ดวงตาคมดุปรายมองจักรวาลเพียงแวบเดียวก่อนจะตอบมารดากลับไปเรียบๆ



   “ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะครับ”



   เพียงเท่านั้น  ความรู้สึกชาบนใบหน้าก็แล่นริ้วขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้   เด็กหนุ่มทำได้เพียงฝืนยิ้มไปให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ   รอจนกระทั่งคู่บ่าวสาวเดินจากไปจึงค่อยๆลดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม

   “เห้ยปอม  เป็นไรเปล่าวะ  หน้าซีดชิบหาย” อ้นถามขึ้นด้วยเสียงไม่ดังนัก  เมื่อบังเอิญหันมาเห็นหน้าของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ

   เมื่อถูกถามแบบนั้นเด็กหนุ่มก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ  ก่อนส่งยิ้มตอบกลับไป “เปล่าๆ สบายดี  แต่กูปวดฉี่วะ  ขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

   พูดจบคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินดุ่มๆออกจากห้องจัดงานไป...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   ทันทีที่ช่วงสำคัญของงานจบลงกวินก็ส่งหน้าที่ตากล้องต่อให้ลูกน้องที่มาด้วยกัน   ก่อนขอตัวออกมาเดินตามหาใครบางคนรอบงาน

   

   ไม่เอาแล้ว...เขาไม่อยากจะสนอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะเกลียดเขาขนาดไหน

   

   ที่ชายหนุ่มอยากทำตอนนี้คือจับตัวไอ้เจ้าเด็กปากดีคนนั้นมาถามให้หายสงสัยกันไปเลยว่าตกลงยังอยากเป็นอยู่หรือเปล่าอาชีพช่างภาพเนี่ย   เล่นหายตัวไปเป็นเดือน   ไหนจะยังส่งของทั้งหมดกลับมาคืนแบบนั้น   จะบอกว่าเปลี่ยนใจแล้วหรือไงกัน

   ตลอดเวลาที่รู้จักกับจักรวาล   เขาคิดอยู่เสมอว่าอยากจะทำให้เด็กคนนี้กลายเป็นช่างภาพที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต   ไม่รู้หรอกว่าด้วยเหตุผลอะไร   รู้แต่ว่าอยากถ่ายทอดทุกอย่างที่ตัวเองรู้ไปให้เด็กหนุ่มเท่านั้น
   
   สองขายาวก้าวตามหาร่างเล็กๆนั่นไปทั่วงาน   หันไปมองที่โต๊ะ   เก้าอี้ตัวที่เจ้าเด็กปากดีเคยนั่งก็ว่างเปล่า   เดินไปแถวบริเวณบุฟเฟ่ก็ไม่มีร่องรอย   จนในที่สุดชายหนุ่มจึงต้องเดินมาถามเอากับเพื่อนๆของคนที่เขาตามหาอยู่แทน

   “ขอโทษครับ   พอจะมีใครรู้ไหมว่าปอมไปไหน”

   เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยขึ้นทำเอานักศึกษาหนุ่มสาวหลายชีวิตบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองอย่างสนอกสนใจ   แต่ทั้งหมดก็ทำได้เพียงส่ายหน้าออกมาเบาๆ   จะมีก็แต่อ้นที่นั่งติดกับเก้าอี้ว่างเปล่าตัวนั้นที่หันมาตอบด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

   “เออจริงด้วย  ลืมไปเลย  คือตะกี้เห็นมันบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำน่ะครับ  แต่ออกไปนานแล้วยังไม่เห็นกลับมา” เขานั่งโฟ่กับไอ้เจนานไปหน่อยจนลืมเพื่อนรักตัวเล็กอีกคนไปเลย “เดี๋ยวผมออกไปตามมันดีกว่า   ใกล้เวลางานเลิกแล้วด้วย” เมื่อหันไปมองรอบตัวก็พบว่าเป็นอย่างที่พูด  เพราะแขกบางส่วนเริ่มทยอยกันกลับบ้านไปบ้างแล้ว

   หากแต่แรงกดที่ไหล่ก็ทำให้อ้นที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้ต้องนั่งกลับลงไปอีกครัง

   

   “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวผมไปตามเอง” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นก็เดินจากไป   ทิ้งไว้เพียงความงุนงงของคนรอบโต๊ะ

   

   ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องจัดงาน   จุดหมายคราวนี้อยู่ที่ห้องน้ำบริเวณล็อบบี้ด้านนอก   แต่เมื่อชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาจนใกล้ถึงที่ๆต้องการ   สองขาก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวลง   เมื่อร่างเล็กของเด็กที่เขาตามหาเดินห่อไหล่ออกมาจากห้องน้ำชายด้วยดวงตาปูดโปนแดงก่ำ

   จักรวาลก้มหน้าก้มตาเดินไม่ทันสังเกตเห็นผู้ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล   ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อต้นแขนด้านหนึ่งถูกดึงเอาไว้

   ใบหน้าเรียวเล็กเงยขึ้นมองเจ้าของแรงดึงอย่างตื่นตระหนก   ยิ่งเมื่อพบว่าเป็นใครอาการเกร็งกล้ามเนื้อก็กัดกินไปทั่วร่าง

   “คุณกวิน...” มีเพียงเสียงเรียกเบาหวิวเท่านั้นที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง

   ชายหนุ่มขมวดคิ้วสำรวจใบหน้าเด็กหนุ่มชัดๆ ก่อนเอ่ยถามออกมาอย่างไม่สบายใจ

   “ร้องไห้ทำไม..”

   คนถูกทักยกสองมือขึ้นลูบใบหน้า   เขาว่าเขาเช็คสภาพตัวเองก่อนออกจากห้องน้ำดีแล้วนะ   แต่สงสัยมันจะไม่เนียนจริงๆ   คนตรงหน้าถึงได้ดูออก

   “ม..ไม่มีอะไรหรอกครับ” เสียงที่ตอบชายหนุ่มกลับมาฟังดูบางเบาเหลือเกินในความรู้สึก   เรื่องที่เตรียมมาจะพูดกับเจ้าเด็กดื้อถูกดูดกลืนลงคอไปจนหมดเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสภาพแบบนี้   

   คนที่เกิดมาไม่เคยต้องมานั่งปลอบใครอย่างเขาถึงขั้นทำอะไรไม่ถูก    มือใหญ่ได้แต่เอื้อมขึ้นมาลูบผมคนเด็กกว่าตรงหน้าเบาๆด้วยท่าทีเงอะๆงะๆ

   หากแต่เจ้าตัวกลับไม่รู้หรอกว่า   ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมือนี้ออกไปมันยิ่งเรียกน้ำตาที่แห้งไปแล้วของเด็กหนุ่มให้กลับมาไหลอีกครั้ง

   

   และขณะที่กวินยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาเม็ดโตค่อยๆไหลอาบแก้มใส   จะชักมือกลับก็ไม่อยาก  จะลูบต่อไปก็ไม่กล้า   จักรวาลก็ทำเรื่องที่เขาไม่คาดคิดขึ้นในวินาทีนั้น

   

        สองมือเล็กยกขึ้นประกบกันไหว้เขา  ก่อนที่หัวทุยๆจะก้มลงพร้อมกับเสียงอู้อี้ที่ดังรอดริมฝีปากสีแดงสดคู่นั้นออกมาอย่างสั่นเครือ

   “...ผมขอโทษครับคุณกวิน...”

   โดยไม่ต้องบอกชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าร่างเล็กขอโทษเขาเรื่องอะไร...
   ก็เรื่องเดียวกับที่เขานั่งคิดถึงมันซ้ำไปซ้ำมาทุกครั้งที่เผลอนั่นแหละ...

   
   

   แต่แทนที่จะรับไหว้ของคนที่เด็กกว่า   กวินเลือกที่จะทำสิ่งที่ยิ่งเรียกก้อนสะอื้นจากเด็กหนุ่มให้ทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่แทน 

   

   ร่างสูงใหญ่ดึงตัวคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน   ฝ่ามือหนึ่งกดหัวสวยๆนั่นให้ซบลงกับอกข้างซ้ายของเขาอย่างปลอบประโลม   ไม่รู้หรอกว่าปกติคนอื่นเขาทำอย่างนี้กันหรือเปล่าเวลาเห็นคนร้องไห้   เขารู้แต่ว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปนั้นมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ

   เจอแบบนี้  คำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมาจากกลีบปากบางอย่างบังคับไม่ได้อีกต่อไป

   “ผมขอ..ฮึก..ขอโทษครับ    ผมไม่ได้..ต...ตั้งใจจะพูดแบบนั้น   ฮึก” เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ที่มาพร้อมแรงสะอื้นจากคนตรงหน้ายิ่งเรียกให้ชายหนุ่มออกแรงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไปอีก “ผมไม่ได้..ฮึก..ไม่ได้หมายความ...ฮึก...อย่างที่คุณได้ยิน..ว..วันนั้น...ฮึก”

   ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มไปมาอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ   ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ   ฉันเข้าใจ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาด้วยโทนที่จักรวาลไม่เคยได้ยินมาก่อน

   อย่าว่าแต่จักรวาลเลย   แม้แต่ตัวคนพูดเองก็ยังแปลกใจในน้ำเสียงของตัวเองเช่นกัน...

   

   ร่างสองร่างยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นบริเวณทางเดินหน้าห้องน้ำ   โชคยังดีที่ไม่มีคนเดินผ่านพลุกพล่านนัก   คนเป็นผู้ใหญ่กว่าได้แต่ลูบหัวลูบหลังร่างในอ้อมแขนไปมาอยู่นานสองนาน   จนกระทั่งในที่สุดเสียงสะอื้นก็เงียบลง

   จังหวะเดียวกันนั้น   เสียงพูดคุยโหวกเหวกคุ้นหูก็ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล

   “ไอ้ปอมมันเป็นลมอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่...” เสียงแหบห้าวของอ้นถูกดูดกลับเข้าไปทันทีเมื่อเดินมาเจอเพื่อนตัวเล็กที่ตามหายืนอยู่ในอ้อมกอดของช่างภาพคนดังในสภาพน้ำตานอง

   ผู้มาใหม่ทั้งสี่ผงะไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า   เม้งถึงกับอ้าปากพะงาบๆอย่างตกใจ

   ทันทีที่รู้สึกตัว  คนที่ตกเป็นเป้าสายตาทั้งสองก็รีบผละออกจากกัน

   อ้นที่ตั้งตัวได้เป็นคนแรกเอ่ยกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงสุภาพกว่าปกติ “เอ่อ..งานข้างในเลิกแล้ว   งั้นเดี๋ยวพวกกูไปรอที่รถไอ้เจนะ   เสร็จเมื่อไหร่ค่อยตามมาแล้วกัน...ไม่ต้องรีบก็ได้...”

   หากแต่ยังไม่ทันที่ร่างทั้งสี่จะหมุนตัวกลับออกไป  คำพูดจากผู้อาวุโสกว่าก็เรียกคนทั้งหมดให้ต้องหยุดฟังพลางเหลือบมองหน้ากันไปมา





   



   “ไม่ต้องรอหรอก   เดี๋ยวผมไปส่งเขาเอง...”






TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2012 10:54:12 โดย arunoki »

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
พี่กวินจะไปส่งน้องปอมด้วยอ่ะ กรี๊ดๆๆ

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
อ๊าก!

กวินอบอุ่นที่สุด ปอมก็น่าทะนุถนอมได้โล่  :o8:

ออฟไลน์ dimth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
กรี๊ดดดดดังๆความเข้มเสียง 120 เดซิเบล  :pighaun:  :pighaun: :pighaun:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :-[ :-[ ดีกับน้องปอมให้มากๆ นะ

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
สบายใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว กว่าจะง้างปากออกมาได้ ต่างฝ่ายต่างเครียดกันซะนานเป็นเดือน

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
กรี๊ดดดดดด
ปรับความเข้าใจกันแล้วว
พี่กวินเท่ห์ได้โล่ห์
น้องปอมจ๋า หนูน่ารักที่สุดเลย ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ w[o]w

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เอาอีกยาวๆได้ไหม น่ารักอ่า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :กอด1:เข้าใจกันซะที

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
อาการของคนใจตรงกัน ไม่ได้เจอก็คิดถึงกัน
คุยกันให้เข้าใจเร็วๆนะ

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
ตอนน้องปอมยกมือไหว้แล้วบอกขอโทษคงเป็นภาพที่น่าเอ็นดูมากอ่ะ
พี่วินถึงกับคว้าตัวเข้ามากอดเลย โถๆๆๆๆ ต่อไปนี้ก็ดูแลน้องดีๆนะพี่วิน

ออฟไลน์ Rywzaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อร๊ายยยย น่ารักๆๆ ท่านกวินเดอะเจนเทิลแมนของน้องปอม  :-[
ฉากที่กวินกอดน้องปอมนี่น้ำตาซึมเลยนะ นี่พูดเลยยย :)
ขอบคุณคนเขียนที่มาอัพทุกวันเลย  :pig4:

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ปรับความเข้าใจกันซะะะะะะะะะ
ต่างคนก็ต่างรุ้สึกสิน่าา  ไม่มากก็น้อยล่ะ
ไม่งั้นคงไม่คิดมากเวิ่นเว้อขนาดนี้หรอกเนอะ  จริงมั้ยยยยยย

Cn-Nt

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะได้้อ่าน สนุกมากกกขอบอก

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
แล้วพี่เมษาล่ะ o13

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
กว่าจะเข้าใจกัน
เล่นทำคนอ่าน
ลุ้นจนเหนื่อย :z2:

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
อ่านทันแล้ว ดีมากเลยจ๊ะ บรรยายได้เห็นภาพถึงการถ่ายภาพเลย และน่ารักทั้งพระนายเลย o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TuaLex

  • Tualex แต่ใจใหญ่
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ชอบตากล้องมากกกกก ที่ม.มีชมรมช่างภาพหลงพี่คนหนึ่งผมยาว หน้าใสเวลาถือกล้องเท่ห์บาดใจ
ยิ่งบุคลิกแบบกวินด้วยแล้วยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ โอ๊ยยยย ตายแน่ ๆ งานนี้จะขึ้นจากหลุมของกวินได้มั้ยนะ

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ในที่สุดก็เข้าใจกันแล้ว ปอมเป็นเด็กดี พี่กวินก็อะไรยังไงกะน้องปอมละ รอพัฒนาความสัมพันธ์

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
จีบเด็กเลยค่ะคุณกวิน


(ยี่สิบไม่เด็กแล้วมั้ง)

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
อั้ยยะ ใสซื่อทั้งน้องปอมและพี่วินเลยยยยยย :-[

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ในที่สุดก็เข้าใจกัน
สองคนนี้แคร์กันมากๆเลยอะ

ขอบคุณผู้แต่งค่ะ แต่งดีมากจริงๆ
FC ท่านกวิน เท่ได้ใจ

ออฟไลน์ Eomoge

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย !!

น่ารักทั้งคู่เลยยยยยยยย   :z3: :z3:

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
อ่านตอนนี้แล้วซึ้งจริงๆ :man1:ปอมขอโทษได้หน้าสงสารมาก :sad4:
รอตอนต่อไปคะ :a2:
 :pig4:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
น้ำตาซึม...ความรู้สึกหน่วง ๆ ในใจหายวับไปเลยค่ะ สองคนอึดอัดกันมาก และห้ามตัวห้ามใจกันสุดฤทธิ์
ดีใจที่พี่กวินไปตามน้อง จนได้ปรับความเข้าใจกันจัง น้องแค่เด็กน้อยอาจทำอะไรไม่คิดไปบ้าง
แต่เจอพี่กวินหมวดเย็นชานี่ก็เข้าหายากมาก ๆ เหมือนกัน จุดนี้พี่เข้าใจหนูค่ะน้องปอม...
เย้ๆๆ ต่อไปก็ขอให้พัฒนาขึ้นดีวันดีขึ้น กองเชียร์โชว์้ป้ายไฟ วินปอมพรึ่บพรั่บค่ะ  :impress3:

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ mueypoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เข้ามาอ่านครั้งแรกรวดเดียวเลย

ขอบอกว่า สนุกมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ตบโต๊ะ !!! อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกหวาน ๆ ยังไงไม่รู้ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด