หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1377984 ครั้ง)

ออฟไลน์ princessrain

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สู้ๆนะคะคุณพี่
คิดถึงท่านกวินกับน้องปอม   :o8:

Panny

  • บุคคลทั่วไป
แอบอ่านมานาน ออกจากที่ซุ่มมาให้กำลังใจคนแต่งนะคะ ไฟท์ติ้งๆ รอได้เสมอค่า

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
:L2:ทำงานประจำให้เสร็จก่อน
อย่ากดดันตัวเองเลยค่ามันจะเครียด
แค่รู้ว่าไม่หายไป ก็ดีใจแล้ว อยากอ่านเรื่องนี้จนถึงบทจบบริบูรณ์

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เอาใจช่วยด้วยนะจ้ะให้ทำทุกเรื่องได้ลำเร็จตามแผน

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
มาสายๆไป9นาที กราบขอประทานอภัยเพคะ



--------------



หัวใจหลังเลนส์
#27






   กลุ่มคนผู้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองในห้องเล็กๆกลางสตูดิโอแห่งนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รู้ตัวว่าบัดนี้พวกเขาถูกจับจ้องด้วยกล้องตัวโตถึงสี่ตัวด้วยกัน    กิจกรรมทุกอย่างดำเนินไปตามความรู้สึกนึกคิด   คำสั่งเพียงข้อเดียวที่ได้รับจากผู้ว่าจ้างคือให้ปล่อยตัวตามสบาย   โดยทุกคนรู้แค่ว่านี่เป็นขั้นตอนหนึ่งซึ่งสำคัญมากในการทำงานศิลปะของศิลปินชื่อดังเท่านั้น

   เด็กหนุ่มผู้ประจำการอยู่หลังหน้าต่างกระจกบานหนึ่งกดชัตเตอร์บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในฉากภาพแล้วภาพเล่าถึงแม้ว่าจะเหนื่อยเพียงไร   แต่งานที่ทำอยู่ก็สนุกน่าดู   ดวงตาคู่เรียวคอยสังเกตปฏิกิริยาคนในห้องอย่างละเอียดถี่ถ้วน

   

   แต่มันก็มีครั้งสองครั้งล่ะนะ...ที่เผลอเหลือบมองไปยังช่างภาพคนดังที่ทำหน้าที่ของตนอยู่เช่นกันอย่างลืมตัว...



   ไม่รู้ทำไม...รู้แต่ว่า   พอได้มองท่าทางการทำงานอย่างจริงจังอยู่ที่หลังกล้องของกวินแล้ว....มันรู้สึกมีกำลังใจดี
.
.

.


.
   การทำงานในระยะเวลาสามสี่วันที่่ผ่านมาดำเนินไปเรื่อยๆอย่างนั้น   โดยที่คนทั้งสองมีโอกาสอยู่ด้วยกันน้อยมากตามที่กวินเคยกังวลไว้    แม้จะมีช่วงอยู่บนรถในตอนขากลับราวๆสิบห้าถึงยี่สิบนาที   แต่จักรวาลก็เหนื่อยมากจนหลับไปตลอดทางทุกคืน    แล้วมีหรือที่พี่วินผู้แสนดีจะกล้าไปปลุก

   พอนึกถึงขึ้นมา...ชายหนุ่มก็ถือโอกาสหันไปมองคนที่อยู่ในความคิดเสียหน่อย...



   แล้วเขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ   เมื่อพบว่าสายตาคู่นั้นกำลังมองมาทางเขาอยู่พอดี    และเมื่อสายตาทั้งสองคู่สบกันเข้า   เด็กหนุ่มดูจะตกใจเล็กน้อย    แต่ก็ไม่ได้หันหนีไปไหน    เพียงคลี่ยิ้มบางๆส่งกลับมาเท่านั้น

   ได้รับรอยยิ้มเรียกกำลังใจเข้าไป   กวินก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นเหมือนเปิดสวิทช์   ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างๆกลับไปให้ด้วยแววตาหยาดเยิ้มจนคนมองแทบจะหนี  ถ้าไม่ติดว่าต้องเฝ้าอยู่ที่กล้องล่ะก็

   แต่เมื่อช่างภาพคนดังเห็นสายตาของอีกฝ่ายเหลือบมองไปทางอื่น   ชายหนุ่มก็มองตามบ้าง   ก่อนจะพบกับสีหน้ากรุ้มกริ่มของตากล้องในทีมอีกสองคนอย่างก้อกับจอม

   กวินและจักรวาลรีบละสายตาออกจากกันแล้วหันกลับไปโฟกัสกับงานต่อทันที   หัวใจเต้นตึกตักเลือดสูบฉีดกันทั้งคู่   แต่ก็ยังไม่วายแอบเหลือบมองกันเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ดี
.
.

.


.
   สำหรับงานในวันนี้เป็นไปอย่างเข้มข้น   เนื่องจากปฏิกิริยาจากคนในห้องค่อนข้างน่าสนใจ   บางคนมีอาการแสดงการต่อต้านผู้อื่นอย่างชัดเจน   ในขณะที่บางคนเพียงนั่งเฉยๆแล้วคอยสังเกตคนรอบข้างด้วยสายตาอ่านยากเท่านั้น

   เด็กหนุ่มจับภาพอาการเหล่านั้นไว้ด้วยความสนใจ   พลางคิดเล่นๆกับตัวเองว่าหากเป็นเขาที่อยู่ในห้องนั้นจะทำตัวอย่างไร

   เพื่อนๆชอบบอกว่าเขาขี้กลัว   ขี้กังวลมากกว่าชาวบ้าน   บางทีถ้าได้ไปอยู่ในห้องนั้นกับคนแปลกหน้าที่มีแบ็คกราวน์ชีวิตแตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิง   เขาอาจจะกลัวจนไม่กล้าทำอะไรเลยก็ได้

   ภายในห้องจำลองเล็กๆยังคงไม่มีกิจกรรมใหม่เกิดขึ้น    เด็กหนุ่มจึงถือโอกาสเหลือบไปมองช่างภาพคนดังอีกที   แล้วก็ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะประสาทไวเสียเหลือเกิน   เมื่อดวงตาคู่คมหันมาทางเขาทันทีที่เขามองไป

   รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาอีกรอบ

   เด็กหนุ่มมองกวินที่หันซ้ายหันขวาไปทางก้อและจอมงงๆ   ก่อนจะต้องหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อช่างภาพหนุ่มทำมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยูส่งมาให้เขา



   เห็นดูดีมีรสนิยมอย่างนั้น   ไม่นึกว่าจะทำอะไรเสี่ยวๆแบบนี้ก็เป็น...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   กวินมองวงข้าวกลางวันตรงหน้าอย่างขัดใจขณะเดินถือกล่องโฟมมาจากบริเวณหน้าสตูดิโอ

   

   ...เขามาไม่เคยทันจับจองที่นั่งข้างๆเจ้าหนูนั่นสักที...



   ในที่สุดร่างสูงใหญ่ก็จำต้องทิ้งตัวลงบนที่ว่างที่เหลือเพียงที่เดียวด้วยความเซ็ง



   ไอ้เจ้าลูกน้องพวกนี้...จับตัดเงินเดือนมันยกแก็งค์เลยดีไหม...ไม่ได้รู้ใจกันเลย...



   “อ้าวพี่!  วันนี้ก็กะเพราไก่ไข่ดาวอีกแล้วเหรอ   ไม่เบื่อบ้างหรือไง?” จอมที่นั่งอยู่ติดกันหันมาถามเมื่อเห็นเจ้านายเปิดฝากล่องขึ้น

   ดวงตาคู่คมดุเหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์ “มันเหลืออยู่กล่องเดียว   กูไปเอาไอ้ที่กูอยากได้ไม่ทัน” ที่นั่งนี่ก็ด้วย...

   จอมพยักหน้ารับทราบสองสามทีแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก   ก่อนหันกลับไปร่วมวงสนทนาบนโต๊ะต่อ

   สุดท้ายกวินก็ได้แต่ตักข้าวเข้าปากเงียบๆพลางเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฟากด้วยความเสียดาย



   ..ช่วงนี้เขาทำตัวเป็นเด็กๆจริงๆ....ขนาดเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน...แต่ไม่ได้คุยกันแค่นี้ก็เฉาจะแย่แล้ว....



   แล้วก็ดูเหมือนคนที่เป็นตัวต้นปัญหาจะไม่ได้รับรู้เลยว่าทำให้ใครนั่งฟึดฟัดอยู่ตอนนี้    เมื่อเด็กหนุ่มกำลังหัวเราะร่วนอยู่กับมุกตลกของเต้อย่างอารมณ์ดี

   กวินหรี่ตามองภาพตรงหน้าครู่ใหญ่   จนในที่สุดก็ตัดสินใจล้วงมือลงไปหยิบเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมา   กล่องข้าวถูกวางพักไว้บนโต๊ะชั่วคราว...
.
.

.


.
   แรงสั่นน้อยๆบริเวณหน้าขาเรียกให้เด็กหนุ่มต้องก้มลงให้ความสนใจ

   สัญลักษณ์เตือนข้อความใหม่โชว์หราบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของตน   นิ้วเรียวกดมันเปิดขึ้นดู   และเพียงแค่เห็นชื่อผู้ส่งเขาก็ต้องเงยหน้ามองไปทางเจ้าตัวที่กำลังจ้องมองมาทางเขาราวกับรออยู่แล้ว   ก่อนจะก้มกลับลงมาอ่านเนื้อความต่อ



   -กินข้าวอร่อยไหมเจ้าหนู?-



   จักรวาลยิ้มออกมาบางๆ   เรื่องตลกของเต้ที่เล่าให้คนทั้งโต๊ะฟังไหลผ่านหูไปเมื่อจุดสนใจของเด็กหนุ่มในตอนนี้อยู่ที่เครื่องมืออิเล็คโทรนิคในมือเท่านั้น

   เด็กหนุ่มก้มลงพิมพ์ตอบกลับไป



   -ใครคือเจ้าหนู? ผมชื่อปอม-



   ดวงตาคู่เรียวเหลือบมองรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายยามที่ได้อ่านข้อความของเขา   และอีกเพียงไม่กี่อึดใจถัดมา   ข้อความอีกฉบับก็ถูกส่งกลับอย่างรวดเร็ว



   -เจ้าหนู เจ้าหนู เจ้าหนู เจ้าหนู...ถ้าเรียกแล้วจะทำไม   กล้ามีปัญหากับเจ้านายเหรอ?-

   

   สีหน้ากวนประสาทถูกส่งมาพร้อมข้อความที่ว่า   ทำเอาคนได้รับต้องนั่งอมยิ้ม   สองนิ้วโป้งก้มลงพิมพ์ต่อ



   -เจ้านายไม่น่ากลัว  จะกลัวทำไม-



   กวินยิ้มด้วยความสนุกสนาน  แล้วตอบกลับอีกครั้ง



   -บางครั้งฉันก็น่ากลัวนะ   จะลองไหม?-



   และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา   ข้อความจากคนถูกท้าก็ส่งกลับมา



   -ทำยังไงผมก็ไม่กลัวหรอก   เพราะพี่เป็นคุณลุงใจดี-


   อ่านจบ   ชายหนุ่มก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาถลึงใส่เจ้าเด็กปากดีที่ยักคิ้วมาให้เขาจากอีกฟากของโต๊ะ



   -น้อยๆหน่อย   ว่าใครเป็นลุง?  ฉันแก่กว่านายห้าปีเองนะ-



   -เลยเบญจเพสแถวบ้านผมก็เรียกว่าลุงแล้วพี่   ก๊ากๆๆๆ-
   ไม่เพียงแค่พิมพ์เป็นตัวอักษร   แต่เด็กหนุ่มยังทำท่าหัวเราะไม่ออกเสียงส่งไปทำให้กวินต้องรู้สึกอยากพุ่งเข้าไปชาร์จตัวมันเดี๋ยวนั้นเลยอีกด้วย



   ชายหนุ่มส่งสีหน้ากรุ้มกริ่มกลับมาให้   พร้อมข้อความฉบับใหม่



   

   -อยากมีแฟนเป็นคุณลุงก็ตามใจ...-



   ข้อความล่าสุดที่ได้รับทำเอาคนอ่านต้องเงยขึ้นมองด้วยใบหน้าสีฝาดเลือด   ก่อนที่ข้อความสุดท้ายจะถูกส่งมาสั้นๆได้ใจความ



   -โมเม!-



   กดส่งไปปุ๊บจักรวาลก็ยัดมือถือกลับลงกระเป๋ากางเกงปั๊บ   ทิ้งให้อีกคนได้แต่นั่งขำอยู่กับตัวเองเบาๆ



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2012 20:20:20 โดย arunoki »

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
“ปอม...ตื่นได้แล้ว   ถึงแล้วนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเบาๆข้างหูเด็กหนุ่มที่นั่งหลับคอพับคออ่อนอยูข้างๆด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อรถบีเอ็มสีดำคันเดิมจอดลงที่หน้าหอพักในยามดึกสงัด

   ดวงตาคู่เรียวเปิดขึ้นอย่างงัวเงีย   ก่อนที่เด็กหนุ่มจะค่อยๆยกมือขึ้นไหว้คนทำหน้าที่เป็นสารถีแล้วคว้ากระเป๋าลงจากรถไป

   เด็กหนุ่มหันไปโบกมือให้รถคันที่จอดรอส่งเขาให้เข้าตัวหอพักไปอย่างปลอดภัยเป็นครั้งสุดท้าย   สองขาพาร่างเปื่อยๆของเขาขึ้นห้องไปอย่างทุลักทุเล

   ทันทีที่ไขกุญแจประตูห้องเปิดออก   เด็กหนุ่มก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลังเล็กของตนด้วยความเหนื่อยอ่อน



   วันนี้ขอซักแห้งสักวันได้ไหม...ขี้เกียจอาบน้ำสุดๆไปเลย...



   คิดๆไปก็นึกทึ่งตัวเองในใจเหมือนกันว่าอยู่รอดมาได้อย่างไรทั้งที่งานหนักขนาดนี้   สิบห้าชั่วโมงต่อวันนี่ไม่ใช่เล่นๆเลย   เกิดมาไม่เคยต้องใช้สมองใช้สมาธิติดกันนานขนาดนี้มาก่อน   ต้องเพ่งกระแสจิตอยู่กับงานชนิดที่ว่าไม่สามารถกระดิกตัวทำอย่างอื่นได้เลย



   แม้แต่คุยเล่นกับกวิน....ก็ยังไม่ค่อยมีโอกาส



   ….เอ่อ....



   คิดถึงเหมือนกันแฮะ...



   มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง....



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “น้องปอม  ไม่กินข้าวล่ะ   เห็นนั่งกดมือถืออยู่ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว  ทำอะไรอยู่เหรอ...” ไม่เพียงส่งเสียงถาม   หากแต่เต้ยังยื่นหัวเข้ามาชะโงกดูสิ่งที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเล็กในมือของเด็กหนุ่มอีกด้วย   เห็นหลายวันให้หลังมานี้ถึงเวลาอาหารกลางวันทีไร   เด็กหนุ่มต้องนั่งกดมือถือยิกๆพร้อมอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกวัน

   เนื่องจากไม่ได้ตั้งตัว    จักรวาลจึงชักมือหนีสายตาของคนข้างๆไม่ทัน

   บัดนี้   ข้อความจากใครอีกคนได้ผ่านเข้าระยะการมองเห็นของเต้เรียบร้อยแล้ว..

   “ 'นั่งมองหน้านาย   ฉันก็อิ่มแล้ว' ” ชายหนุ่มร่างอวบกลมอ่านออกมาเสียงดังให้ได้ยินกันทั่วทั้งโต๊ะ    พาให้บทสนทนาทั้งหมดหยุดลงกะทันหัน “ชื่อผู้ส่ง...พี่วิน...”

   กว่าที่จักรวาลจะกดมันปิดลงไปก็ไม่ทันเสียแล้ว   เด็กหนุ่มยกมือขึ้นตีหน้าผากกลบเกลิื่อนความร้อนผ่าวบนใบหน้า

   เสียงโห่ฮาดังขึ้นจากทุกมุมโต๊ะ

   ทุกคนหันไปแซวคนเป็นเจ้านายที่นั่งขมวดคิ้วปั้นหน้าเข้มเป็นเสียงเดียวกันว่า...



   “นำ้เน่า!”



   “ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก...” เสียงทุ้มต่ำพึมพำออกมาเบาๆ   ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังอาการหน้าแดงหูแดงของจักรวาลอย่างนึกกังวล    กลัวว่าเด็กหนุ่มจะคิดมากอีก

   “พวกผมนี่โง่จริงๆเลย   ลืมไปได้ยังไงว่าที่นั่งข้างๆน้องปอมต้องเป็นของพี่วิน” เต้จีบปากจีบคอพูดขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้ “ทีหน้าทีหลังพี่ก็บอกสิ  แหม...เป็นเจ้าของบริษัท   ใครจะกล้าขัดคำสั่ง   มาๆ....สลับที่กับผมนี่มา”

   ร่างอวบอัดทำท่าจะลุกขึ้นสละเก้าอี้ทำเลทองให้หัวหน้าที่เคารพ   แต่ฝ่ามือใหญ่หัวหน้าที่ว่าก็ยกขึ้นห้ามไว้เสียก่อน

   “ช้าไปแล้วมึง   กูแดกหมดกล่องแล้วเนี่ย” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกจากเก้าอี้ของตน   เตรียมตัวเอากล่องโฟมเอาแก้วน้ำไปเก็บโดยไม่ลืมทิ้งท้ายกระตุ้นให้บรรดาลูกทีมทั้งหลายรีบกินรีบลุก

   จักรวาลมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินตรงไปยังบริเวณจัดเก็บอาหารอยู่ครู่    ตอนนี้บทสนาบนโต๊ะเปลี่ยนเป็นหัวข้ออื่นแล้ว   และในที่สุดเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามไป
.
.

.


.
   สัมผัสแผ่วเบาบริเวณหัวไหล่เรียกให้คนที่ยืนดื่มน้ำอยู่ต้องหันไปมอง   ก่อนจะพบกับเด็กหนุ่มร่างเล็กที่ยืนช้อนตามองเขาพร้อมอาการขมวดคิ้วเป็นปมน้อยๆ

   “เป็นอะไรหรือเปล่าปอม...” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

   คนถูกถามลังเลเล็กน้อย   แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาเสียงเจื่อน



   “พี่วินโกรธเหรอ...”



   เพียงเท่านั้นกวินก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เข้าใจ “หา?  ฉันเนี่ยนะโกรธ...จะไปโกรธเรื่องอะไร?”

   “ก็....เห็นอยู่ๆพี่วินก็เดินออกมา...” เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยเสียงแห้งๆ “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ระวัง   พี่เต้เลยเห็นเลย...”

   ได้ยินดังนั้นคนฟังก็ต้องส่ายหัวออกมา “มั่วแล้วปอม   ไม่ได้โกรธสักหน่อย   ที่เดินออกมาก่อนเพราะกลัวนายอึดอัดที่โดนล้อไง    ฉันสิต้องกลัวนายโกรธ...” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปลูบกลุ่มผมนิ่มเบามือ   ที่มุมปากแต้มรอยยิ้มนิดๆ

   ...ก็ไม่ได้ชอบให้เจ้าหนูของเขาต้องมากังวลหรืออะไรหรอกนะ....แต่มันก็อดรู้สึกดีใจเล็กๆไม่ได้...ที่อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็ใส่ใจกัน...

   “อย่าคิดมาก...ไหนบอกว่าฉันเป็นคุณลุงใจดีไม่ใช่หรือไง...คุณลุงใจดีจะโกรธด้วยเรื่องแค่นี้ได้ยังไงเล่า”

   เมื่อได้เห็นแววตาอบอุ่นแบบนั้นคนตัวเด็กกว่าก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ครับ...คุณลุง”

   “เดี๋ยวเถอะ!” เด็กอะไรช่างยอกย้อน...

   เด็กหนุ่มหัวเราะร่วน   คนทั้งคู่ตีกันพอเป็นกระษัย   แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแห่งความสุขเล็กๆน้อยๆระหว่างพักกลางวันต้องจบลงไปเท่านั้น   เมื่อทีมงานคนอื่นๆเริ่มจะทยอยเดินเอาอาหารมาเก็บทางนี้เสียแล้ว

   ก่อนผละออกจากกัน   จักรวาลตัดสินใจพูดขึ้นมาเบาๆ “เอ่อ...พรุ่งนี้...ผมจะจองที่ข้างๆไว้ให้พี่วินนะครับ...”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “เห้ยไอ้อ้น   วันนี้มึงไปคณะใช่รึเปล่า   กูฝากมึงไปเอาใบรับรองที่ห้องทะเบียนให้ด้วยได้ไหมวะ   เขาโทรมาตามกูแล้ว   แต่งานแม่งยุ่งมาก   ไม่มีเวลาไปเอาเองเลย” เด็กหนุ่มกรอกเสียงส่งผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กไปยังเพื่อนรักที่อยู่ปลายสาย “เออใช่...แค่ไปบอกชื่อกูเดี๋ยวเขาเอาให้มึงเอง   เอามาแล้วก็ฝากมึงเก็บไว้ก่อนแล้วกัน   เจอกันรอบหน้ากูค่อยเอาก็ได้   เออๆ...ขอบใจมากมึง   ต้องวางสายแล้วว่ะ  เขาจะเริ่มทำงานกันแล้ว   แค่นี้นะ...บาย”

   เครื่องมือสื่อสารรุ่นเก่าถูกหย่อนกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง   เด็กหนุ่มเดินไปยืนประจำการที่กล้อง   สายตาแอบเหลือบมองใครอีกคนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนเริ่มงานทุกวัน

   วันนี้เป็นการทำงานวันที่สิบสามแล้ว   อีกเพียงอึดใจเดียวงานชิ้นนี้ก็จะจบลง   สิบสองวันที่ผ่านมาถึงแม้จะรู้สึกสนุกกับงานมากเพียงไร   แต่มันก็ยังมีอะไรบางอย่างถ่วงเอาไว้ในใจ



   ...อะไรบางอย่างที่ทำให้นับวันเขายิ่งจะเป็นฝ่ายที่อยากเข้าหาคนใจดีคนนั้นมากขึ้นทุกที...



   เพราะพอไม่ได้คุยกันนานเข้าๆ   แม้หลายวันให้หลังมานี้จะดีขึ้นหน่อยตรงที่พวกเขาได้มีช่วงเวลาเล็กๆให้พอได้เสวนากันบ้างระหว่างมื้ออาหารที่ในที่สุดก็ได้นั่งด้วยกัน   แต่กระนั้น   ความรู้สึกก็ไม่ได้อิสระเหมือนตอนอยู่ในห้องทำงานกันสองคน 



   มันก็เลยยิ่ง....เหงาๆ



   กวินที่ยืนปรับกล้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักในตอนนี้ดูสีหน้าอ่อนล้าทรุดโทรม   ซึ่งคาดว่าคงเกิดจากการทำงานหนักหลายวันติดๆกัน

   เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวา   เมื่อเห็นว่าทีมงานยังเตรียมพร้อมองค์ประกอบบางส่วนไม่เรียบร้อยดี   เขาจึงถือโอกาสวิ่งไปยังโต๊ะวางกาแฟเพื่อหยิบซองผ้าเย็นที่วางอยู่ใกล้ๆกันมาฉีกออกแล้วเดินกลับไปบริเวณฉาก

   แต่แทนที่จะเดินไปที่กล้องของตน   เด็กหนุ่มกลับหยุดลงที่ด้านหลังของชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังง่วนอยู่กับกล้อง   ก่อนจะแปะผ้าหอมๆเย็นๆผืนนั้นลงบนต้นคอของอีกฝ่าย

   ชายหนุ่มละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าเพื่อหันมาพบกับคนที่เขาหลงรัก

   โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ   จักรวาลเพียงแค่ฉีกยิ้มส่งไปเป็นกำลังใจให้ช่างภาพคนดังแล้วหมุนตัวเดินกลับมาประจำตำแหน่งเดิมของตน   แต่รอยยิ้มหวานๆครั้งเดียวก็มีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าเครื่องดื่มชูกำลังใดๆสำหรับกวิน   ความเหนื่อยล้า  ห่อเหี่ยวที่สะสมมาหลายวันก็ลดหายลงไปในวินาทีนั้นเอง



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “พักกินข้าวๆ” เสียงทุ้มต่ำกล่าวขึ้นมากับคนทั้งสตูดิโอเมื่อเห็นว่าได้เวลาพักรอบเย็นแล้ว

   วันทั้งวันก็คงจะมีแค่ช่วงทานข้าวแบบนี้เท่านั้นแหละที่เขาจะสามารถเข้าใกล้เจ้าหนูของเขาได้มากที่สุด

   หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา   จักรวาลก็จองที่นั่งไว้ให้เขาอย่างที่เจ้าตัวเคยบอกจริงๆ    เป็นอันรู้กันทุกคนว่าที่ตรงนั้นได้กลายเป็นที่นั่งประจำตำแหน่งของเขาไปแล้ว

   “เหนื่อยไหม?” กวินเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มขณะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวติดกัน    ผ้าเย็นผืนที่สองของวันถูกยื่นมาตรงหน้าจากอีกฝ่าย

   เด็กหนุ่มสั่นศีรษะเบาๆ “ไม่เท่าไหร่ครับ   พี่ดูเหนื่อยกว่าผมอีก”

   ฝ่ามือใหญ่ยกผ้าเย็นขึ้นลูบหน้าลูบตา “จริงเหรอ...ไม่เหนื่อยนะ   ยังรู้สึกฟิตปั๋งเหมือนเดิม”

   จักรวาลหัวเราะเบาๆ    คนทั้งคู่นั่งคุยหยอกล้อกันอยู่สองคนที่มุมหนึ่งของโต๊ะ    เรียกว่าช่วยกันสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาราวกับในห้องนี้ไม่มีใครอื่นทั้งที่ก็นั่งหัวโด่กันหน้าสลอนขนาดนั้น



   ...แต่ก็พอจะเข้าใจน่ะนะ   ว่างานหนักแบบนี้   เวลาส่วนตัวมันหายากเหลือเกิน...



   ดังนั้นทุกคนจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป...
.
.

.


.
   “อ้าว...คุณวิทย์สวัสดีครับ”

   เสียงทักทายบุคคลผู้มาใหม่ที่ดังแว่วมาจากบรรดาลูกน้องเรียกให้กวินที่นั่งคุยหนุงหนิงอยู่กับคนข้างกายต้องหันไปมอง   ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเมื่อพบว่าคนเป็นพี่ชายบัดนี้มาหยุดยืนอยู่ในสตูดิโอเขาพร้อมด้วยกลุ่มนักศึกษาที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของจักรวาล



   “พวกมึง!” ร่างเล็กข้างๆเขาตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น    ก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นโดยไม่ลืมที่จะยกมือไหว้กรวิทย์อย่างนอบน้อม

   “มาทำไรวะพี่?” กวินเอ่ยถามพี่ชายที่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งแทนที่ของจักรวาล

   อาจารย์หนุ่มส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ใช่พี่หรอก   เจ้าพวกนั้นต่างหาก   วันนี้เจอกันที่คณะ   แล้วเห็นบอกว่าอยากมาดูนายจักรวาลตอนทำงานกัน   ก็เลยพามา”

   “โฮ่...ใจดีจริงอาจารย์วิทย์” กวินเอ่ยแซวพี่ชายด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

   “เออ   คือความจริงพี่เองก็อยากมาดูความคืบหน้าของแกกับลูกศิษย์พี่ด้วยแหละ” กรวิทย์กล่าวอ้อมแอ้มออกมาเบาๆ

   “นั่นไง   ผมว่าแล้ว...”

   “แล้วเป็นไงล่ะ   ไปถึงไหนแล้ว...” คนเป็นพี่ชายลดเสียงลงถามให้ได้ยินกันเพียงสองคน

   ได้ฟังดังนั้น   กวินก็ต้องแอบเหลือบสายตาไปมองบุคคลที่สามในบทสนทนาที่ยืนคุยกับเพื่อนๆอยู่บริเวณหน้าทางเข้าสตูดิโอ   ก่อนจะต้องถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “ยังไม่ถึงไหนหรอกพี่...ช่วงนี้งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย    เขาดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อน    แต่ผมนี่สิ....จะลงแดงตายห่าอยู่แล้ว”

   อาจารย์หนุ่มพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ “พูดง่ายๆคือกลัวคะแนนตกว่างั้น..”

   “มีให้ตกสักคะแนนหรือยัง  ยังไม่รู้เลย...” ช่างภาพคนดังกล่าวเสียงหงอยให้ผู้ฟังต้องหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

   “ทำตัวเป็นตาแก่ขี้ใจน้อยไปได้   ไอ้น้องเบื๊อก...” แขนยาวๆเอื้อมไปตบบ่าน้องชายเบาๆสองสามที

   กวินส่ายหัวกับตัวเองด้วยความเซ็ง   ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “เออพี่   อาทิตย์แรกของเปิดเทอม   ขออนุญาตให้ปอมลาเรียนสักอาทิตย์จะเป็นไรรึเปล่า   เพิ่งเปิดเทอมคงยังไม่ได้เรียนอะไรจริงจังหรอกใช่ไหม?”

   “ก็ใช่...อาทิตย์แรกมันไม่ค่อยมีอะไร   ว่าแต่...จะให้เขาลาไปไหนวะ?”

   รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนมุมปาก   ดวงตาเป็นประกายนั่นทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องหรีี่ตามอง   เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยตอบออกมาฟังดูมีความสุข

   “นิวยอร์กน่ะพี่...”

   กรวิทย์ได้แต่เลิกคิ้วขึ้น   หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเมื่อกวินเป็นฝ่ายอธิบายขึ้นมาเอง

   “งานที่ทำอยู่นี่จะเอาไปแสดงที่นิวยอร์ก   ผมตั้งใจว่าจะพาเขาไปดูผลงานตัวเอง   อีกอย่าง...อยากพาไปเที่ยวด้วย...ปอมไม่เคยไปเที่ยว   แต่พี่อย่าเพิ่งไปบอกนะ   ผมอยากบอกเขาเอง...”

   กรวิทย์จับจ้องไปในแววตาชวนอบอุ่นที่ฉายชัดออกมาจากน้องชายอย่างสนอกสนใจ   ตั้งแต่เล็กจนโต   กวินเป็นน้องคนที่ห่ามที่สุดในบรรดาทั้งหมด   สิ่งที่ไอ้หมอนี่มักจะปฏิบัติกับเขาล้วนแล้วแต่ดิบเถื่อนตามนิสัยและรสนิยมทั้งนั้น

   

   ความอบอุ่นอ่อนโยนแบบที่สัมผัสได้อยู่ตอนนี้...ตอนที่พูดถึงลูกศิษย์คนโปรดของเขา   บอกได้เลยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น



   แต่กรวิทย์ไม่รู้หรอกว่า...จักรวาลน่ะ...ได้เห็นมันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ....



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “พวกมึงมาได้ไงวะ” เด็กหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อวิ่งไปถึงตัวเพื่อนๆทั้งสี่ “คิดถึงกูล่ะสิ”

   “เปล๊า...คิดถึงพี่วินของมึงต่างหาก” อ้นตอบกลับมาอย่างจงใจกวนประสาทเพื่อนรักตัวเล็กที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า   เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เหลือได้ไม่ยาก

   “ห่า....” คนถูกแกล้งสบถคำหยาบออกมาเบาๆเพียงให้ได้ยินกันแค่ในกลุ่ม   ปากบางยู่ลงเล็กน้อย

   “โอ๋ๆๆ  ล้อเล่นจ๊ะล้อเล่น   เพราะคิดถึงน้องปอมนั่นแหละถึงได้ไปอ้อน'จารย์วิทย์ให้พามา    อยากมาดูว่าคุณจักรวาลช่างภาพมือโปร   เวลาทำงานจะเท่แค่ไหน” เพื่อนๆแต่ละคนพากันเอื้อมมือมายีหัวทุยๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว    ตลอดปิดเทอมมีมันคนเดียวนั่นล่ะที่ไม่ค่อยได้เจอกัน   วันนี้ไหนๆก็ไปเอาใบรับรองให้แล้ว   ถือโอกาสเอามาให้เองกับมือเลยก็เข้าท่าดีเหมือนกัน



   อีกอย่าง...



   ...ไม่ใช่อะไรหรอก...



   ...ถ้าจะให้พูดแบบไม่กระแดะเลยก็คือ...อยากมาเสือกเรื่องรักๆใคร่ๆของไอ้ตัวเล็กนี่ด้วยนั่นล่ะ...



   ...ก็อาจารย์วิทย์น่ะสิ...ดันแอบหลุดปากออกมาทำนองว่าท่านกวินน้องชายสุดหล่อของอาจารย์กำลังจีบๆเพื่อนเลิฟของพวกเขาอยู่....



   ...ความจริงก็แอบตะหงิดๆกันมาได้สักพักแล้วน่ะนะ   แต่พอมีคนมาย้ำอย่างนี้ก็อยากมาเห็นกับตาว่ามีวี่แววที่ช่างภาพชื่อดังคนนั้นจะจีบติดหรือเปล่า...ก็เพื่อนเข้าน่ะ....



   ….มันดื้อจะตาย



   ...แต่จากที่เห็นแวบๆเมื่อครู่นี้...โลกส่วนตัวสีชมพูวิ้งค์ๆว๊าวๆที่ลอยอยู่รอบๆตัวคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก็พอจะบอกใบ้ได้ว่า...บรรยากาศแบบนั้นมันก็สร้างขึ้นมาคนเดียวไม่ได้หรอก



   ว่าแล้ว   ไอ้ตัวที่ดูจะสงสัยมากที่สุดในกลุ่มอย่างอ้นก็ตะล่อมถามขึ้นมา

   “มึงกับน้องชายอาจารย์นี่ดูสนิ๊ทสนิทกันเนอะ”

   ได้ยินแบบนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวจักรวาลก็อ้ำๆอึ้งๆไปเล็กน้อย “อ่า...อืม   ก็นิดหน่อยน่ะ   ก็ทำงานด้วยกันนี่...”

   “เหรอ...แล้วคุณกวินเขาดูแลมึงดีป่ะวะ?” อ้นยังคงยิงคำถามต่อไปด้วยนัยน์ตาพราวระยับ

   “หา?...ดูแลเหรอ...เอ่อ...ดูแลยังไงอ่ะ    คือเขาก็...เป็นเจ้านายที่ดี...” เด็กหนุ่มพยายามอย่างที่สุดที่จะตอบออกมาให้ฟังดูกลางๆ   แต่ดูเหมือนว่าไอ้พวกเพื่อนตัวดีจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ

   “ไม่สิมึง...นอกเหนือจากเรื่องงาน...เขาดูแลมึงดีรึเปล่า?”

   คราวนี้คนถูกถามจ้องกลับมายังผู้สงสัยทั้งสี่อย่างรู้ทัน    ไอ้พวกนี้น่ะ...แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว...

   “หลอกถามขนาดนี้   ถามออกมาตรงๆเลยดีกว่าไอ้พวกเวร”

   เมื่อถูกจับได้ในที่สุด   คนทั้งสี่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ   เรียกให้คนรอบข้างหันมามองจนจักรวาลต้องรีบลากกลุ่มเพื่อนผู้ไร้มารยาทออกไปคุยด้านนอกแทน

   “พวกมึงนี่มันไม่มีสมบัติผู้ดีเลยหรือไงวะ” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำไปตามประสาขณะทิ้งตัวลงนั่งบริเวณขั้นบันไดเงียบๆข้างสตูดิโอ

   “แหม...มึงผู้ดีตายล่ะไอ้หอยหลอด” เม้งกัดกลับมาพอหอมปากหอมคอ   ก่อนที่อ้นจะเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้ง

   “ไหนๆตะกี้มึงก็ออกปากมาแล้ว   งั้นกูก็ขอไม่อ้อมค้อมนะ   คือพวกกูอยากรู้มากเลยว่ะ   ว่าคุณกวินกับมึงมีความสัมพันธ์กันแบบไหนอ่ะ?”

   “อ้าว   ไอ้ห่าอ้น   อย่าเหมารวมสิวะ   กูแค่ตามมาเป็นเพื่อนนะ   ไม่ได้อยากมาเสือก” เจเอ่ยขึ้นพลางยกมือปัดไปมาปฏิเสธข้อกล่าวหา

   “ถุย! มึงอ่ะตัวดีเลยสัดเจ   พอก่อน   อย่าเพิ่งขัด   ให้กูถามมันให้เสร็จก่อน” อ้นส่งเสียงก่นด่าไอ้เพื่อนหน้าหนวดแล้วจึงหันกลับมาหาคนที่ตกเป็นประเด็นร้อนต่อ “ว่าไงวะปอม...อย่าหาว่ากูเสือกเลยนะ...คือก็เสือกนั่นแหละ...แต่แบบอยากรู้ว่ะมึง...”

   คนร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างชั่งใจ   ไล่สายตากวาดมองเพื่อนทุกคน

   “กู....” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูลังเลเล็กน้อย “ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ   เจ้านาย...กับลูกน้อง”

   “อย่ามาหลอกพี่ซะให้ยากไอ้น้อง...ได้ข่าวมาว่าเขาจีบมึงอยู่ไม่ใช่เหรอ?...”

   เด็กหนุ่มช้อนตาขึ้นมองคนถาม   ก่อนจะงึมงำออกมาเสียงแผ่วเมื่อคิดว่าปิดบังไปก็ไม่มีอะไรดี “....อืม...ก็ทำนองนั้นแหละ...”

   เพียงเท่านั้นคนฟังก็ดีดนิ้วดังเป๊าะกันเป็นแถว   รวมถึงเจ...คนที่ออกตัวว่าไม่ได้อยากรู้ในตอนแรก

   “ใช่จริงๆด้วย...” อ้นพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น... “แล้วตอนนี้มึงกับเขาคบกันหรือยังวะ”

   เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ   ดวงตาคู่เรียวหลุบลงมองพื้น “กูแค่ลองศึกษาเฉยๆ   ยังไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก   พวกมึงก็รู้...มันมีหลายปัจจัย...”

   เห็นท่าทางอย่างนั้นของเพื่อนรักก็พอจะบอกได้ว่าเจ้าตัวคงคิดหนักกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

   น้ำเสียงที่เคยติดแววขี้เล่นล้อเลียนอยู่เมื่อครู่ของอ้น   บัดนี้เปลี่ยนมาอยู่ในโหมดจริงจังเมื่อเอ่ยถามประโยคถัดไปขึ้นมา



   “แล้ว...มึงชอบเขาด้วยหรือเปล่าวะ?”



   เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องมองคนถามอย่างครุ่นคิด   เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมา



   “ไม่...










   ….ไม่แน่ใจ...”



   “หืม...ตอบแบบนี้แปลว่ามึงก็รู้สึกเหมือนว่าจะชอบๆเขาเหมือนกันเหรอ?”

   

   คนถูกถามกวาดสายตามองเพื่อนๆอีกครั้งอย่างระแวดระวังกลัวว่าจะถูกล้อ   แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างมีสีหน้าจริงจังไม่แพ้อ้น   เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถามที่แท้จริงแล้วช่วงหลายวันที่ไม่ค่อยได้อยู่กับกวินมานี้เขาก็คอยถามตัวเองอยู่บ่อยๆเหมือนกัน






   “...อืม...ก็คล้ายๆว่าจะเป็นอย่างนั้น...”






TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2012 20:30:39 โดย arunoki »

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5


ขอไปนิวยอร์คด้วย สัญญาว่าจะแค่แอบมองเฉยๆ

แอร๊วววววววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2012 21:08:01 โดย Millet »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ฮิๆ
ไม่ต้องไม่แน่จงไม่แน่ใจแล้วม้างงงแบบนี้
น้องปอม
ยอมรับไปเถอะว่าก็ชอบพี่วินแล้วอะ กร๊ากกก
ขอบคุณที่มาต่อให้นะคะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
วุ้ย พี่วินเราจะพาน้องปอมไปนิวยอร์ก เย้เย้

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
หูย ปากหนัก  ใจแข็งแท้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
อยากให้กวินได้ยินประโยคสุดท้ายของปอมจัง :-[

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ฮิ้ววววววววววววว!!! :-[

ออฟไลน์ NannY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +125/-1
น้องปอมคะ ขนาดนี้แล้ว ยังไม่แน่ใจอีกเหรออออออออ :impress2:

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
น้องปอมบอกว่า "ไม่แน่ใจ"
แต่คนที่อ่านทุกคนฟันธงไปแล้วว่า "น้องปอมชอบพี่วินแน่นอน"
:-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2012 20:59:58 โดย evilheart »

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
จะเกิดอะไรขึ้นที่นิวยอร์กนะ

ออฟไลน์ My_NT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรีสสสสสสส ป๋าวินใกล้จะพิชิตใจน้องสำเร็จแย้ววว
อดทนอีกนิดนะคะ รับรองว่าน้องไม่ไปไหนแน่ๆ  :pig2: o18
ป๋าจะพาไปนิวยอร์ค เค้าจะไปฮันนีมูน เอ๊ย ไปเที่ยกันน
แค่คิดก็อยากจะกรี๊ดดดด  :impress2:

bosley093

  • บุคคลทั่วไป
การรอคอยครั้งนี้มันช่างคุ้มค่าาาา โอยยยยย จะบ้าตายยยย
อย่างน้อยน้องปอมก็ชอบพี่วินขึ้นมาบ้างแหละเนอะ คิคิ

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
หึ ไม่ใช่ว่าพี่วินมาได้ยินหรอกนะ -..-
ยิ่งถ้าได้ยินไม่ครบนี่มีหวัง
ตาลุงใจดี ต้องกลายเป็นตาลุงขี้งอนแหงๆ
แต่แอบฮานะ นี่ขนาดทำงานหนักขนาดนี้
ยังแอบดอดมาหามุมสวีทได้อยู่
ให้ได้อย่างนี้สิพี่วิน !

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
มาถึงขนาดนี้ เจ้าหนูปอมยังไม่แน่ใจอีกหรอว่ารู้สึกยังไงกับพี่วินอีกหรอ

ชอบตอนเค้าหวานๆกันน่ารักดี  :o8:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
นิวยอกส์ ที่ที่มีแต่เราสองคน อยากให้ถึงตอนนั้นเร็วๆ
คงมีสิ่งดีดีเกิดขึ้นมากมายเพราะเค้าใจตรงกันแล้วววววววว
น้องปอมเค้ามีอารมณ์คิดถึงพี่กวินแล้วด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
แน่ใจเถอะพ่อคุณ
คนอ่านแน่ใจกันหมดแล้วเนี่ย o13 o13

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ง่า อยากอ่านอีกอะ กำลังรักกันๆเลย

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
เขิน**

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ว้าวววววววววววววววว  พี่วินพาไปนิวยอร์กกกกกกก

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :กอด1:
อย่าคิดช้านะปอมป้ารอเสียบอยู่ :laugh:

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
นิวยอร์ค~~
ฮันนีมูน ! #ผิด  :-[

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :o8: :o8:


แอร๊ยยยยย ดีใจแทนพี่กวิน อยากให้พี่ได้ยินจัง


แต่ค่อยๆคิด ค่อยๆเป็นดีแล้วหล่ะทุกอย่างมันจะได้มั่นคง จริงใจ

ออฟไลน์ whitefang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
กรี๊ซซ อ่านไปยิ้มไป น่ารักมากกก :-[

ออฟไลน์ special

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-3
ดีใจมากเรื่องนี้มาต่อแล้ววววว
ชอบตอนส่งข้อความหากันจังเลย น่ารัก
แต่ตอนนี้ก็รู้กันหมดทั้งบริษัทและเพื่อนๆของปอม
อยากจะให้พี่วินมาได้ยินประโยคนี้จากปากน้องปอมจัง

ถ้าไปนิวยอร์คด้วยกันจะเป็นยังไงน๊าาาาาาาา :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด