หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1377851 ครั้ง)

ออฟไลน์ SugaR_II

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
เห็นจ้าาา
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ  :a2:
รอได้ๆ  :z2:

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1

ออฟไลน์ Scream

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เค้าเห็นนนนนน สู้ๆจ้า  o13
รอคอยพี่วินน้องปอม

I_@M

  • บุคคลทั่วไป
น้องปอมของพี่กลับมาสักที  พี่คิดถึง

ออฟไลน์ sthattrt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึง ใจจะขาดแล้วเอ้ย ....
 :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ carmel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ่านรวดเดียว ถึงตอนนี้
เป็นนิยายที่อ่านแล้วหยุดไม่ได้จริง แอร๊กกกกกก
หวานหยดย้อย
ตอนนี้เขินจนเอาตัวบิดเป็นเกลียว

ออฟไลน์ JokerKaorihh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เค้าเห็นนนนนนนน! รออยู่นะคะ คิดถึงจะแย่แล้วววว :sad4:

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
ถึงนิวยอร์คยังน๊าาา

 :a3:

ออฟไลน์ มะมะมะหมิว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
คิดถึงพี่วินน้องปอม ♥  :L1: :L1:

ออฟไลน์ ช็อคโกแลตสีม่วง

  • I'm Hiddlestoner.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มาตามอ่านด้วยคนครับ :L1:

ปอมกับพี่วินน่ารักมากกกกกกกก :กอด1:


นั่งรอไปนิวยอคด้วยคน :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
คิดถึงน้องปอมกับพี่วินจังเลยยยยยยยย
เราแพ็คของเตรียมตัวจะตามพี่วินน้องปอมแล้ว
แต่เครื่องดีเลย์เลยยังไปนิวยอร์คไม่ได้
ต้องรอกัปตันอย่างคนเขียนมาขับเครื่องบินก่อน >.<
มาเร็วๆนะคะ นั่งรอที่สุวรรณภูมิมานานแล้ว ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
หายไปไหนกันอะ

ออฟไลน์ ✿PIERRE

  • ดองนิยายข้ามปี
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-6
ฮรืออออ

คนแต่งหายไปหนายงะ
 :m15:

รอตอนที่พี่วินพาน้องปอมไปดูงานนะคะ

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
คนเขียนกำลังยุ่งเลยใช่มั้ยคะ เข้าใจค่ะๆ อิอิ
สู้ๆนะคะ  ใกล้ปิดเทอมแล้ว เราคงจะได้อ่านต่อไปเนาะ

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะผู้อ่านที่รัก

หายไปนานอีกแล้วครั้งนี้   นานกว่าเก่าเสียอีก  เซ็งกับตารางเวลาชีวิตตัวเองช่วงนี้เหลือเกิน
ต้องขอโทษจริงๆนะคะที่ปล่อยให้รอนานขนาดนี้   แล้วก็อยากจะขอบคุณด้วยมากๆที่ยังคงรอกันอยู่


ดังนั้น  วันนี้เลยมีเพลงเพราะมาแนะนำเป็นการไถ่โทษค่ะ 55555

ไม่ใช่หรอก   จริงๆคืออยากเอามาช่วยโปรโมทให้ลูกชายสุดที่รัก (ได้ข่าวอายุเท่ากัน)



ซิงเกิลใหม่จากคชาAF8ค่ะ  ชื่อเพลงว่า  'แค่ของเลียนแบบ'
เพราะมาก  อินมาก (ข้อนี้สวนด.คงรู้ดี   ความหมายมัน  อื้อหือ...)
ไม่โฆษณาอะไรมาก  เอาเป็นว่า  ฟังแล้วคุณจะรู้สึกอยากหานิยายเศร้าๆมาอ่านสักเรื่องเลยล่ะค่ะ

จิ้มเลย  แค่ของเลียนแบบ จากคชาค่ะ





----------



หัวใจหลังเลนส์
#29


   ปุ่มควบคุมหน้าจอบนรีโมทในมือเด็กหนุ่มถูกกดระรัวอย่างเมามัน   เกมง่ายๆที่ปรากฏอยู่บนจอภาพเล็กตรงหน้าทำให้เจ้าตัวนั่งเพลิดเพลินกับมันอยู่อย่างนี้มาตั้งแต่เครื่องขึ้นแล้ว   จนตอนนี้   แม้ไฟจะถูกปิดและผู้โดยสารคนอื่นๆจะหลับคอพับคออ่อนกันไปหมด   แต่จักรวาลก็ยังคงตะลุยเคลียร์ด่านในเกมส์ที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับแต่ละที่นั่งอย่างไม่คิดหยุดพัก

   กวินลอบมองเด็กหนุ่มข้างกายเป็นระยะพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า   ภาพยนตร์เรื่องที่เขาสุ่มๆเลือกดูในจอของตนไม่ได้ถูกให้ความสนใจมากเท่าที่ควร   

   อาการตื่นตาตื่นใจแบบเงียบๆที่มีมาตั้งแต่เริ่มเดินขึ้นเครื่องของจักรวาลนับเป็นสิ่งน่าดูน่าชมสำหรับชายหนุ่ม   แม้เจ้าหนูของเขาจะไม่ได้กล่าวออกมาเป็นคำพูด   แต่แววตาเป็นประกายคู่นั้นก็บ่งบอกความตื่นเต้นในใจได้เป็นอย่างดี   

   

   เขาสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า  ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่เขาพาเด็กหนุ่มมา



   “นี่...นอนบ้างเถอะ   เดี๋ยวถึงที่นู่นแล้วจะเหนื่อยเอานะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบกับคนที่ยังคงสนุกสนานอยู่กับเกมส์ตรงหน้า   สำหรับคนเดินทางข้ามทวีปบ่อยอย่างเขารู้ดีว่าเจ็ทแล็คทีมันทรมาณขนาดไหน   ยิ่งเป็นอเมริกาที่เวลากลับขั้วกลางวันกลางคืนกันอย่างนี้ด้วยแล้ว   ขืนอยู่บนเครื่องไม่ได้งีบเลย   พอถึงที่นู่นมีหวังง่วงหงาวหาวนอนไปทั้งวันแน่ๆ

   ดวงตาเรียวเหลือบมองคนพูดเพียงแวบเดียว  ก่อนจะรีบหันกลับไปสนใจกับเกมส์ในจอต่อด้วยกลัวว่าจะเล่นพลาด   เด็กหนุ่มกระซิบตอบกลับมาเบาๆในขณะที่สองมือก็ยังคงกดปุ่มในมือไปเรื่อยๆ “ขอจบด่านนี้ก่อนได้ไหมครับ   พี่วินก็ยังดูหนังอยู่เลยไม่ใช่เหรอ...”

   ได้ฟังดังนั้นช่างภาพคนดังก็หัวเราะในลำคอเบาๆ “นั่งดูเป็นเพื่อนเรานั่นแหละ” ฝ่ามือหนาเอื้อมมาขยี้ผมคนข้างกายอย่างหมั่นเขี้ยว “ให้แค่ด่านนี้นะ   โอเคไหม?”

   เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบเป็นอันตกลง   กวินคลี่ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู

   เที่ยวบินทั้งขาไปและกลับในครั้งนี้เขาแอบซื้อเป็นที่นั่งชั้นธุรกิจ   ที่ต้องใช้คำว่า 'แอบ' ก็ไม่ใช่อะไรหรอก   ก็หากบอกไปว่าที่นั่งสุดหรูที่นั่งกันอยู่นี่ไม่ใช่ชั้นประหยัดล่ะก็   เจ้าหนูนี่คงจะโวยวายไม่กล้านั่งแน่ๆ   นี่ก็คงเข้าใจผิดอยู่ว่า   ที่นั่งทั้งลำคงจะใหญ่โตสะดวกสบายแบบนี้แน่ๆ   

   โดยปกติแล้วเขาไม่ใช่คนใช้เงินเปลือง   ทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบินไปไหนต่อไหนเขาก็นั่งชั้นประหยัดเหมือนคนทั่วๆไป   เพียงแต่ครั้งนี้...ครั้งที่มีใครอีกคนมาด้วย   เขาก็ไม่อยากจะต้องไปนั่งติดกับใครคนอื่นให้เสียอารมณ์    แถวที่เป็นที่นั่งคู่   ไม่ติดกันเป็นแผง  ก็เห็นจะมีแต่ชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งเท่านั้นแหละที่เหลือเป็นตัวเลือก

   

   ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ปิดหน้าจอและเก็บรีโมทคอนโทรลเก็บเข้าที่ตามสัญญาเมื่อเล่นจบด่านที่ว่า

   คนทั้งคู่ปรับพนักพิงให้เอนลงเตรียมตัวเข้านอน   



   หากแต่ยังไม่ทันที่จักรวาลจะได้ปิดตาลงตามคำสั่ง   ฝ่ามือใหญ่จากคนข้างๆก็เอื้อมมารั้งศีรษะเขาเข้าไปวางแหมะอยู่บนไหล่แข็งแรงนั่นเสียก่อน



   "ตื่นมาจะได้ไม่ปวดคอ..."



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   กวินยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอดๆอยู่บนรถแท็กซี่   ขณะเหลือบตามองดวงตาใสแจ๋วของเจ้าหนูข้างๆที่ไม่มีวี่แววเหน็ดเหนื่อยใดๆทั้งสิ้นจากเที่ยวบินอันยาวนาน  ซำ้ยังตื่นตาตื่นใจเสียเหลือเกินกับภาพที่ปรากฏอยู่นอกหน้าต่างรถสองข้างทาง    กลับกัน...เป็นเขาเสียอีกที่เป็นฝ่ายรู้สึกง่วงงุ่นมากขนาดนี้

   ทั้งที่ตอนอยู่บนเครื่องเป็นคนที่คอยเตือนให้อีกฝ่ายนอนด้วยซ้ำ

   ให้ตายสิ...ก็เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับคนที่หลับสบายบนไหล่ของเขานั่นแหละ



   เลยกลายเป็นฝ่ายนอนไม่หลับเสียเอง...



   แล้วจะว่าใครได้   เมื่อเขาเป็นคนดึงหัวทุยๆนั่นให้มาซบเองนี่หว่า...



   แต่กระนั้น   ถึงอย่างไรในตอนนี้เขาก็อดมองเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดูไม่ได้   ท่าทางรัวชัตเตอร์ไม่ยั้งใส่ภาพวิวข้างทางแบบนั้นทำให้เขาต้องลอบยิ้มออกมากับตัวเอง   ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปลูบหัวคนข้างกายเบาๆ   ในขณะที่คนถูกสัมผัสเพียงหันกลับมายิ้มให้อย่างร่าเริง

   เพียงไม่กี่อึดใจ  รถโดยสารก็แล่นมาจอดลงตรงหน้าหอศิลป์ร่วมสมัยใจกลางมหานครบิ๊กแอปเปิ้ลแห่งนี้   

   หลังลงจากเครื่องบินมา   คนทั้งคู่ก็มีเวลาเพียงสองสามชั่วโมงในการจัดการเข้าที่พักเก็บข้าวของและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า   ก่อนจะต้องรีบบึ่งออกมาร่วมงานเปิดตัวนิทรรศการณ์ซึ่งมีผลงานของพวกเขาจัดแสดงอยู่ด้วยที่นี่ทันที   นับเป็นการคลาดเคลื่อนในตารางเวลาเล็กน้อยที่กว่าจะปั่นงานจากเมืองไทยเสร็จก็เหลือแค่เที่ยวบินนี้เที่ยวบินเดียวที่จะมาถึงที่นี่ได้ทัน

   “ไปกันเถอะ” เสียงทุ้มต่ำกล่าวกับเด็กหนุ่มพลางขยับเสื้อนอกของตนให้เข้าที่เข้าทาง

   จักรวาลก้าวขาลงจากรถแท็กซี่คันสีเหลืองอย่างกล้าๆกลัวๆ   ดวงตาคู่เรียวสอดส่ายลอดผนังกระจกเข้าไปภายในตัวอาคาร   และเมื่อเห็นว่าด้านในเต็มไปด้วยฝรั่งหัวทองมาดน่าเกรงขามมากมาย   เด็กหนุ่มก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น

   ราวกับรู้ทัน  กวินออกแรงดันแผ่นหลังบางๆนั่นให้เดินนำเข้าไป   ใบหน้าหล่อเหลาคมคายโน้มลงกระซิบข้างหูเด็กหนุ่มแผ่วเบา



   “ไม่ต้องกลัวน่า   ฉันอยู่ทั้งคน”



   น่าแปลกที่คำพูดสุดแสนจะธรรมดาแค่นั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อย

   จักรวาลพยักหน้าเรียกความมั่นใจให้ตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไป   ภาษาอังกฤษฟุดฟิดฟอไฟที่เตรียมมาจากบ้านเผื่อมีฝรั่งมาคุยด้วยถูกท่องซ้ำไปซำ้มาอยู่ในหัว

   โดยไม่ต้องใช้เวลาหานาน   ชุดภาพถ่ายฝีมือของพวกเขาก็ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่มีทำเลดีที่สุด   ผลงานภายใต้คีย์เวิร์ด 'คัลเจอร์ช็อค' เดียวกันนี้จากศิลปินประเทศต่างๆก็ถูกจัดเรียงไว้ในบริเวณใกล้กันอย่างน่าดูชม   ฝรั่งหลายคนยืนกอดอกมองผลงานของพวกเขาอย่างพิจารณา
   ภาพบรรยากาศทั้งหมดนี้ไหลผ่านตาเข้าสู่สมองของจักรวาลอย่างรวดเร็ว   มันช่างดูแตกต่างจากงานนิทรรศการณ์ที่ถูกจัดไว้ตามมุมต่างๆของห้างสรรพสินค้าในบ้านเราเสียเหลือเกิน

   

        "เฮ้!วิน!   เป็นยังไงบ้าง   ผมไม่ได้เจอคุณเสียตั้งนาน”



   เสียงทักทายที่ดังมาจากทางด้านหลังเรียกให้คนทั้งคู่ต้องหันไปมองทางต้นเสียง   ก่อนที่ช่างภาพคนดังจะยิ้มแย้มพ่นภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อทักกลับไปยังฝรั่งวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่ตรงเข้ามาหา

   กวินช่างดูเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศแบบนี้เสียเหลือเกินในสายตาของจักรวาล   เด็กหนุ่มยืนยิ้มฟังบทสนทนาที่ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง   และมีโอกาสได้แนะนำตัวเองสั้นๆตามที่ตระเตรียมมาอย่างดีเล็กน้อยพอเป็นพิธี   และเมื่ออีกฝ่ายรู้จากปากกวินว่าคอนเซ็ปภาพในครั้งนี้มาจากจักรวาลเป็นส่วนหลักก็ออกปากชมเสียยกใหญ่   ทำเอาเด็กหนุ่มต้องยิ้มแก้มแทบปริด้วยความภูมิอกภูมิใจ

   หลังจากนั้นก็มีผู้คนอีกมากหน้าหลายตาพากันเข้ามาทักทายพูดคุยกับกวินเรื่อยๆตลอดเวลางาน   แสดงให้เห็นถึงความกว้างขวางในวงการของช่างภาพหนุ่ม



   “สวัสดีครับโปรเฟสเซอร์เทย์เลอร์!” ครั้งนี้กวินเอ่ยทักฝรั่งวัยอาวุโสอีกคนที่ตรงเข้ามาทางพวกเขาด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจมากกว่าที่ใช้ทักคนก่อนๆ



   ชายชราที่ยังดูแข็งแรงย่างเท้าเข้ามาหาพวกเขาด้วยฝีก้าวที่ดูมั่นคง   ใบหน้าอันเต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นที่ได้รับมาตามกาลเวลาประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มใจดี

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะวิน  ผลงานยังเฉียบเหมือนเดิมไม่มีผิด”  เสียงแหบแห้งกล่าวทักทายช้าๆ  ชัดถ้อยชัดคำเสียจนบุคคลที่สามซึ่งไม่ได้ถนัดภาษาอังกฤษที่ยืนฟังอยู่ด้วยยังสามารถฟังออกได้ทุกคำ   ชายสูงวัยพยักเพยิดไปทางผลงานของพวกเขาที่แปะโชว์อยู่กลางนิทรรศการณ์อย่างชื่นชมขณะกล่าวในตอนท้ายประโยค “ไม่เคยผิดหวังในตัวคุณเลยจริงๆ”

   “เกินไปครับโปรเฟสเซอร์   ก็คุณนั่นแหละที่ทำให้ผมมีวันนี้”  ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยความเคารพ   ท่าทีการแสดงออกแตกต่างกับการพูดคุยกับคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด   ถ้าให้จักรวาลเดา   ดูท่าว่าชายอาวุโสผู้นี้คงจะมีบทบาทพิเศษในชีวิตของชายหนุ่มเป็นแน่

   ดวงตาสีเทาแบบคนชาติตะวันตกเลื่อนกลับมามองทางพวกเขาอีกครั้ง   ก่อนจะหยุดลงตรงที่เด็กหนุ่มที่ยืนฟังเงียบๆเยื้องอยู่ด้านหลังของกวินด้วยแววตาใจดี “แล้วสุภาพบุรุษผู้นี้เป็นใครกันล่ะ   ไม่แนะนำหน่อยหรือ”

   คำพูดที่ได้ฟังเพิ่งจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าลืมแนะนำคนสำคัญไปเสียสนิท

   "เอ้อ...จริงด้วยครับ   ปอม...นี่คือโปรเฟสเซอร์เทย์เลอร์   เป็นอาจารย์ของฉันสมัยเรียน" กวินแนะนำผู้อาวุโสก่อนตามมารยาทก่อนจะหันกลับไปแนะนำเด็กหนุ่มให้กับผู้เป็นอาจารย์ "โปรเฟสเซอร์ครับ   นี่ปอม...เป็นหนึ่งในทีมช่างภาพที่ทำงานนี้   แล้วก็เป็นเจ้าของไอเดียครั้งนี้ด้วย"

   "สวัสดีครับโปรเฟสเซอร์เทย์เลอร์" จักรวาลกล่าวทักด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงกระท่อนกระแท่น   แต่ก็ไม่ฟังดูไม่เลวร้ายนัก

   "โอ้...คนนี้เองหรือ" ชายชราจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาใจดี "ผมก็ยังคิดอยู่ว่าผลงานครั้งนี้มันมีกลิ่นอายที่ต่างจากสไตล์ของคุณอยู่นิดหน่อย...น่าสนใจๆ"

   เทย์เลอร์ผินหน้ากลับไปพินิจพิจารณายังผลงานของพวกเขาอย่างตั้งใจอีกครั้ง   ก่อนจะหันกลับมาถามเด็กหนุ่ม

   "คุณอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ"

   "ยี่สิบครับ"

   "อืม...ต้นกล้าของไม้พันธ์ุดีเชียวนะอย่างนี้" ประโยคนี้ชายชราเปลี่ยนเป้าหมายไปกล่าวกับกวินพลางพยักหน้าขึ้นลงทบทวนคำพูดของตัวเอง "เหมือนคุณตอนเด็กๆไม่มีผิด..."

   "ผมทราบครับ...เด็กคนนี้ฝีมือโดดเด่นมาก" ช่างภาพหนุ่มตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจในตัวเจ้าหนูของเขา "ในอนาคตคงพัฒนาไปได้ไกล"

   "ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ...มันต้องเป็นอย่างนั้น" ชายแก่ผู้สั่งสมประสบการณ์ด้านศิลปะการถ่ายภาพมาตลอดชีวิตจ้องลึกลงไปในด้วยตาของเด็กหนุ่ม   ราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง...

   


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “โอย…ง่วงเป็นบ้าเลยเว้ย” เสียงทุ้มต่ำบ่นขึ้นทันทีที่สองขายาวๆก้าวพ้นกรอบประตูห้องพัก

   “ก็นอนเลยสิครับ” เด็กหนุ่มที่เดินตามหลังเข้ามากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสดใสราวกับไม่เหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

   ช่างภาพคนดังหันกลับมามองจักรวาลพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า “เราล่ะ…ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง…หืม?”

   ได้ฟังดังนั้นคนถูกถามก็ส่ายหน้า “มาที่ที่น่าตื่นเต้นแบบนี้   ผมเหนื่อยไม่ลงหรอกครับ”

   กวินหัวเราะน้อยๆให้กับคำตอบตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม   ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวเข้านอนอย่างที่ได้รับคำแนะนำ

   ห้องพักที่ว่าของพวกเขาไม่ใช่ห้องพักในโรงแรมแต่อย่างใด    หากแต่เป็นห้องชุดหน้าตาน่าอยู่ที่บ้านจารุกิตติ์ซื้อไว้ตอนที่กวินมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในช่วงเรียนหนังสือ   แม้ไม่ได้ถึงกับหรูหราอะไรมาก   แต่ก็จัดว่าอยู่ในย่านธุรกิจของมหานครแห่งนี้    ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กสำหรับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว   หนึ่งห้องนอน   หนึ่งห้องน้ำ   หนึ่งห้องนั่งเล่น   และครัวเล็กๆอีกหนึ่งมุม

   

   เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา   ร่างสูงใหญ่ของกวินก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ



   ...แบบนี้...เรียกว่าวิ่งผ่านน้ำก็คงจะได้



   ชายหนุ่มจัดการกับตัวเองด้วยความเร็วแสง   ก่อนรีบเอาตัวเข้าไปนัวเนียพอเป็นกระษัยกับจักรวาลที่นั่งจัดเสื้อผ้าอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง   จนเมื่อพอใจก็รีบขอตัวกระโจนขึ้นเตียงแล้วหลับไปเลย...



   ก็บอกแล้วว่าคนมันเหนื่อยมาก...
.
.

.


.

   จักรวาลใช้เวลาหลังอาบน้ำเสร็จไปกับการชื่นชมแสงสียามค่ำคืนที่ปรากฏอยู่ภายนอกหน้าต่างนานสองนาน   หน่วยความจำของการ์ดในกล้องตัวเก่งเต็มไปด้วยภาพมุมสูงของเมืองหลายต่อหลายช็อต

   คิดไปก็เหมือนฝัน   ไม่เคยนึกว่าวันนึงจะได้เดินทางมาที่ต่างถิ่นที่แสนห่างไกลจากบ้านเกิดขนาดนี้มาก่อน   

   สำหรับใครหลายคน   การท่องเที่ยวในต่างแดนอาจเป็นเรื่องเล็กจิ๊บจ๊อย   แต่สำหรับเขา...มันคือโอกาสที่หาได้ยากเหลือเกิน

   เด็กหนุ่มละสายตาออกจากแสงไฟเคลื่อนที่ได้บนท้องถนนหลังจากการจับจ้องมันอยู่นานหลายสิบนาที   สายตาเหลือบมองไปยังบานประตูห้องนอนที่ปิดลงไปแล้ว   ก่อนจะเลื่อนกลับมาสะดุดอยู่กับเสื้อผ้าใส่แล้วที่วางอีเหละเขละขละอยู่บนพื้น

   ริมฝีปากบางได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ

   สงสัยจะเหนื่อนจัดอย่างที่ว่าจริงๆ

   เด็กหนุ่มเดินมาหยิบพวกมันขึ้นมาพับเก็บทีละชิ้น    พลางนึกตะหงิดปนขำตัวเองในใจนิดๆ...



   ก็ไอ้ที่ทำอยู่นี่...มันอย่างกับว่า...เป็นหน้าที่ของ...ภรร...เอ่อ...นั่นแหละ...ไม่ใช่เหรอ



   

   เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ...



   ชีวิตคนไม่มีอะไรคาดเดาได้จริงๆ



   ขณะที่สองมือกำลังจัดแจงพับกางเกงยีนตัวเก่งของชายหนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้วอยู่นั้น   กระดาษพับสี่ทบแผ่นหนึ่งก็ร่วงลงมาจากกระเป๋าด้านหลัง

   จักรวาลก้มลงเก็บมันขึ้นมา   เตรียมจะเอาไปวางไว้ให้ที่กระเป๋าเดินทาง   หากแต่ความตั้งใจก็ต้องถูกพับเก็บลงเสียก่อนเมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยลายมืออันคุ้นเคยที่ครั้งนี้ดูจะบรรจงเป็นพิเศษ   ก็ไม่ได้มีเจตนาจะสอดรู้สอดเห็นอะไรหรอกนะ    ถ้าไม่บังเอิญว่าข้อความที่ปรากฏให้เห็นอยู่แพลมๆนั่นมันอ่านได้ใจความดังนี้น่ะสิ...



   'กำหนดการพาที่รักเที่ยวนิวยอร์ก'



   ที่รัก?...เห้ย...เขาเหรอ...



   ก็มากันแค่สองคนมันก็ต้องเขาน่ะสิ...



   ว่าแต่เรียกอย่างนี้เลยเหรอวะ???



   บ้าเอ๊ย....



   

   ...เขินแย่...





   อดใจไม่ไหวจริงๆ   ขอเปิดดูหน่อยแล้วกันนะ...




   เนื้อหาภายในเป็นกำหนดการเที่ยวแบบแน่นเอี๊ยด   ถูกวางแผนมาอย่างดีชนิดที่ว่าไม่ตกหล่นไปสักโปรแกรมเดียว   กะว่าเวลาที่เหลืออยู่สี่วันคงจะพาเขาเที่ยวให้ทั่วทุกมุมของนิวยอร์คเป็นแน่   นอกจากนั้นยังมีบางรายการที่ดูจะเอ็กซ์คลูซีฟเสียยิ่งกว่าไปเที่ยวกับทัวร์เกรดเอเสียอีก   

   ที่ด้านหลังของบางโปรแกรมถูกเขียนกำกับรายละเอียดเฉพาะ  เช่นเรื่องตั๋วเข้าชมหรือเวลาการเข้าของแต่ละรอบไว้อย่างรอบคอบ   ต่อให้อยู่เคยอยู่ที่นี่มาหลายปี   แต่ข้อมูลแบบนี้คงไม่ได้มาจากการจำแน่ๆ   นี่คงตั้งใจหาข้อมูลมาจากไทยอย่างแน่นอน

   ยิ่งได้กวาดตาอ่านไปเรื่อยๆเด็กหนู่มก็ยิ่งรู้สึกปลื้มปริ่มในหัวใจ  จำได้ว่า   ช่วงก่อนเดินทาง  พวกเขาทุกคนโดยเฉพาะหัวหน้าอย่างกวินต่างก็หัวหมุนอยู่กับการปิดงานให้เสร็จทันเวลา   จนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน   ไม่รู้ว่าคนใจดีคนนั้นหาเวลาที่ไหนมานั่งจัดแจงวางแผนพาเขาเที่ยวซะละเอียดยิบขนาดนี้   ใช้ลายมือตัวเองเขียน  ยังไงก็คงไม่ได้ให้คนอื่นทำให้แน่ๆล่ะ...

   เด็กหนุ่มไล่อ่านจนเกือบจะจบแผ่น  ก็ต้องมาสะดุดตาอยู่กับโปรแกรมเที่ยวรายการสุดท้ายของคืนสุดท้ายก่อนกลับบ้าน



    'ที่นั่น'



   กวินเขียนไว้เท่านั้น   ไม่ได้ระบุชื่อสถานที่   ราคาค่าเข้าชม   เวลาเปิดปิด  หรือข้อมูลอื่นๆอย่างที่เขียนๆมาก่อนหน้านี้   มีเพียงคำสั้นๆคำนี้เท่านั้น

   จักรวาลขมวดคิ้วลงด้วยความสงสัย   พลางพับกระดาษแผ่นที่ว่าลงเหมือนเก่า   แล้วเดินไปวางมันลงที่กระเป๋าเดินทางของกวินอย่างที่ตั้งใจในตอนแรก

   ความสงสัยถูกเก็บลงไปในใจ   เดี๋ยวถึงเวลาก็คงได้รู้เองว่า 'ที่นั่น' ของกวินมันคือที่ไหน   



   เนื่องจากตอนนี้   เขามีสิ่งที่อยากทำเพื่อเป็นการระบายความรู้สึกขอบคุณในใจมากกว่าการนั่งเดา



   จักรวาลจัดแจงเก็บเสื้อผ้าใส่แล้วของช่างภาพคนดังลงในถุงที่เตรียมไว้   เดินเก็บกวาดขวดน้ำและถุงขนมฝีมือตนที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร   จนในที่สุดเมื่อทุกอย่างดูเรียบร้อยดี   เด็กหนุ่มก็ปิดไฟบริเวณห้องนั่งเล่นลง   ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปอย่างเงียบเชียบ

   สองขาพาเขามาถึงที่นอนฝั่งที่กวินเว้นไว้ให้   เด็กหนุ่มค่อยๆคลานขึ้นไปนั่งบริเวณหัวเตียง   ข้างกันกับใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคนที่ดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้ว

   แสงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก   พอจะเอื้ออำนวยให้คนแอบมองได้เห็นเค้าความใจดีที่แม้ยามหลับก็ยังคงหลงเหลืออยู่ให้เห็น   

   จักรวาลอมยิ้มน้อยๆระบายความเขินกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำต่อไปนี้   ความรู้สึกดีๆเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ   ยากที่จะระบุได้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันประกอบด้วยอะไรบ้าง   อาจจะรู้สึกขอบคุณ   รู้สึกปลาบปลื้ม   รู้สึกดีใจ  หรืออาจจะ






   รู้สึกรัก...







   ใบหน้าเรียวได้รูปค่อยๆขยับโน้มลงใกล้คนที่นอนหลับตาอยู่ข้างกาย   กลิ่นเมนทอลของโฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชายลอยจางๆขึ้นแตะจมูก    มุมปากบางอดที่จคลี่ยิ้มออกมากับตัวเองด้วยความกระดากอายอีกครั้งไม่ได้เมื่อระยะห่างลดลงเรื่อยๆ



   จนในที่สุด...



   ริมฝีปากนิ่มหยุ่นของเด็กหนุ่มก็จรดลงกับข้างแก้มที่เต็มไปด้วยไรหนวดไรเคราของช่างภาพคนดังแผ่วเบา

   จักรวาลไม่มีความกล้ามากพอที่จะค้างอยู่ท่านั้นนานนัก   แม้จะไม่เห็นหน้าตัวเอง   แต่ความรู้สึกเลือดสูบฉีดที่เป็นอยู่ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า  บัดนี้หน้าเขาคงแดงอีกตามระเบียบแน่ๆ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   เมอร์ซิเดสเบนซ์คันหรูสีบรอนซ์ดูภูมิฐานจอดลงบริเวณที่จอดรถสำหรับลูกค้า   ชายหนุ่มรูปร่างผิวพรรณดีในชุดสูทเนี๊ยบกริบเดินลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมถุงขนมยี่ห้อดังเต็มไม้เต็มมือ

   เมษาสาวเท้ายาวๆตรงเข้าไปยังบริเวณทางเข้าบริษัทผลิตผลงานภาพถ่ายที่คุ้นเคยอย่างอารมณ์ดี   รู้มาว่าสัปดาห์หน้ามหาวิทยาลัยของรุ่นน้องคนดีของเขาจะเปิดเทอมแล้ว   นี่ก็คงเหลืออีกไม่กี่วันแล้วล่ะที่เขาจะต้องมาที่นี่



   หวังว่าคงจะหมดห่วงได้เสียที...



   "อ้าวคุณเมษา   สวัสดีค่ะ" สาวสวยเจ้าหน้าที่ต้อนรับหลังเคาท์เตอร์เอ่ยทักลูกชายนายแบงค์ขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่นั่นผลักประตูเข้ามา   ภายใต้รอยยิ้มสวยหวานตามหน้าที่การงานนั้น   หล่อนซุกซ่อนความลำบากใจที่แล่นขึ้นมาไว้ไม่น้อย   รู้ดีว่าชายหนุ่มมาที่นี่เพื่อต้องการจะพบใคร   แล้วก็รู้ด้วยว่าใครคนนั้นน่ะ  เป็น 'คนพิเศษของพี่วิน'   หอบหิ้วขนมนมเนยมาเต็มมือแบบนี้   พนันได้ว่าคงยังไม่รู้แน่ๆว่าสองคนนั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน

   "สวัสดีครับคุณกิ๊ฟท์   ทานข้าวหรือยังครับ" ทั้งรอยยิ้มการทูตและคำพูดคำจาน่าฟังชวนให้ใครต่อใครรู้สึกไม่อึดอัดใจที่ได้พูดคุยด้วย   แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงทายาทมหาเศรษฐีก็ตามที   

   จะมีก็แต่ครั้งนี้นี่แหละที่เจ้าหล่อนถึงกับเหงื่อตก

   "เอ่อ...เรียบร้อยแล้วค่ะ   คุณเมษาล่ะคะ"

   "เรียบร้อยแล้วเหมือนกันครับ" ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ   ก่อนจะกล่าวเข้าธุระของตน "แล้วนี่   ปอมอยู่บริษัทใช่ไหมครับ   รบกวนคุณกิ๊ฟท์ช่วยตามให้หน่อยได้ไหม   ผมโทรไปไม่ยอมรับสายเลย   สงสัยจะอยู่ในสตูดิโอหรือเปล่า"

   นี่แหละ   ส่วนที่หญิงสาวหนักใจ   ไม่อยากเป็นคนบอกเลยจริงๆให้ตายสิ    เห็นความพยายามของคุณเมษาก็สงสารนะ   แต่ทำยังไงได้   ยังไงเธอก็ต้องเชียร์คนที่จ่ายเงินเดือนเธออยู่แล้ว

   "คือ...ตอนนี้น้องปอม..."

   หากแต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะกล่าวจบประโยค    เสียงดังโหวกเหวกพร้อมด้วยคำพูดเจ้าชู้ของใครอีกคนก็ดังหยุดบทสนทนาไว้เสียก่อน

   "น้องกิ๊ฟท์คร้าบบบบ  พี่ซื้อกล้วยแขกลุงดำมาฝาก" เสียงที่มาถึงก่อนตัวคนพูดเรียกให้หนุ่มสาวทั้งสองต้องหันไปมอง   ก่อนจะพบกันร่างอวบอัดของเต้ที่เดินถือถุงกระดาษตรงเข้ามา

   กราฟฟิกดีไซเนอร์หนุ่มเองก็แปลกใจไม่น้อยเมื่อพบกับผู้มาเยือน



   สงสัยจะยังไม่รู้แฮะ...



   "หวัดดีครับคุณเต้" ชายหนุ่มหน้าเนื้อส่งยิ้มทักทายมาให้เขา "พอดีเลย   ผมกำลังจะให้คุณกิ๊ฟท์ช่วยตามปอมให้อยู่เนี่ย   วันนี้ปอมทำงานในสตูดิโอใช่ไหมครับ"

   โดยไม่มีการเกริ่นรักษาน้ำใจให้มากความ   คนถูกถามส่ายหน้าออกมาทันที "น้องปอมไปนิวยอร์คกับพี่วินครับ   ไม่อยู่หรอก"

   หญิงสาวหลังเคาท์เตอร์ทำได้เพียงส่งยิ้มเจื่อนๆออกไปเยียวยาความรู้สึกของคนฟังหลังได้รับคำตอบโผงผางจากเต้

   เมษาชะงักไปทันทีเมื่อได้รับรู้อย่างนั้น    คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ "ไปนิวยอร์คหรือครับ?  ปอมไม่เห็นบอกผมเลย   แล้วนี่...คือไปทำงานกันทั้งทีมหรือครับ   หรือว่ายังไง?"

   เต้ส่ายหน้าเร็วๆอีกครั้ง "ทั้งทีมอะไรครับ   เขาไปกันสองคน"

   "สองคน?" ชายหนุ่มในชุดสูททวนคำพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี   แต่ด้วยลักษณะนิสัยของนักธุรกิจที่ถูกปลูกฝังมาทำให้เมษาไม่ได้หลุดแสดงความรู้สึกอะไรออกมาจนหน้าเกลียด

   "ครับ  สองคน" เต้กล่าวย้ำชัดถ้อยชัดคำพลางมองสังเกตปฏิกิริยาของคู่สนทนาลอดเปลือกตาตี่ๆอย่างรู้สึกสนุกสนานในใจ   ในฐานะลูกน้องคนสนิทของกวิน   เขาแอบรู้สึกรำคาญใจไอ้คุณเมษานี่แทนเจ้านายมานานแล้วล่ะ

   เมษานิ่งจมอยู่กับความคิดตัวเองอยู่หลายวินาที   ก่อนจะรู้สึกตัวว่านี่ไม่ใช่ที่ๆเขาควรจะมายืนคิดอะไร   ชายหนุ่มจึงพับเก็บทุกสิ่งกดทับมันลงในใจเพื่อกลับไปไตร่ตรองกับตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว   และเลือกที่จะส่งยิ้มกลับไปให้คนตรงหน้าทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติ

   "งั้นก็ช่วยไม่ได้   น่าเสียดายจัง" ถุงขนมราคาแพงมากมายถูกยกขึ้นวางบนเคาท์เตอร์ "ยังไงพวกคุณช่วยรับขนมพวกนี้ไปกินหน่อยได้ไหมครับ   ผมคงเอากลับไปกินเองไม่หมด"

   กิ๊ฟท์และเต้กล่าวขอบคุณพอเป็นพิธี   ก่อนที่เมษาจะขอตัวกลับไป

   ชายหนุ่มเดินจ้ำอ้าวมายังรถที่จอดไว้อย่างไม่สบอารมณ์   หงุดหงิดใจที่มาช้าไปอีกก้าวแล้ว

   อย่างที่เขาเคยตั้งปณิธานไว้   ว่าหากวันหนึ่งคนที่ปอมเลือก   ไม่ใช่ผู้หญิง   คนๆนั้นมันจะต้องเป็นเขาคนเดียว



   เขาเท่านั้นที่จะดูแลปอมให้ได้อยู่อย่างสบายใจในฐานะผู้ชายที่รักกับผู้ชายได้



   เขาเท่านั้นที่จะปกป้องไม่ให้ปอมถูกกรอบวัฒนธรรมของสังคมทำร้ายได้   



   เขามั่นใจว่ามีเขาเท่านั้นที่มีความสามารถมากพอที่จะไม่ทำให้ปอมเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้ได้



   แล้วเขาก็มั่นใจว่า   กวินทำไม่ได้หรอก...



   สถานะการณ์ตอนนี้อยู่ในเขตอันตรายเสียแล้ว   เขาปล่อยให้เรื่องของสองคนนั้นเลยเถิดมาไกลเกินไป...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
"อย่างที่เรียนมาจริงๆด้วย    แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์นี่อัจฉริยะจริงๆ" ปากบางเอ่ยชื่นชมสถาปนิกชั้นปรมาจารย์ชื่อก้องโลกเบาๆกับตัวเอง   เมื่อได้มาลองสัมผัสสเปซด้านในอาคารพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์อันเลื่องชื่อในด้านการจัดวางเซอร์คูเลชั่นแห่งนี้    ผลงานศิลปะที่จัดแสดงเรียงรายอยู่ตามผนังรอบๆนี่ก็ว่าตื่นตาตื่นใจแล้ว   แต่สำหรับนักเรียนสถาปัตย์อย่างเขา   การได้มาลองเดินบนทางลาดอันโด่งดังนี่ด้วยตัวเองนั้น   นับเป็นไฮไลท์ของการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลยทีเดียว   รู้สึกต่อเนื่องอย่างที่สุด   แม้ตึกจะมีหลายชั้น   แต่ด้วยการจัดวางระบบทางเดินแบบนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเดินอยู่บนชั้นเดียวกันยังไงอย่างนั้น    ตั้งแต่เดินไล่ลงมาจากชั้นบนสุด   ถึงตอนนี้เขาก็เดินมาถึงชั้นล่างโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ   

   "ใช่ไหมล่ะ   ฉันว่าแล้วว่านายต้องชอบ" เสียงทุ้มต่ำกล่าวขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันเพียงสองคนเพื่อไม่เป็นการรบกวนกับการดื่มด่ำศิลปะของผู้คนรอบข้าง "ตอนฉันมาครั้งแรก   ขนาดไม่ได้มีความรู้ด้านนี้มากมายยังทึ่งเลย   พี่วิทย์นะ   ตอนที่ยังเรียนอยู่   ยังเคยมานั่งวิเคราะห์ไอ้แรมป์นี้อยู่เป็นวันๆเลย"

   "ไม่แปลกใจเลยครับ" เด็กหนุ่มตอบกลับยิ้มๆ  พลางมองสังเกตปฏิกิริยาผู้คนรอบข้างที่มีต่อทางเดินแบบนี้ไปด้วยเช่นกัน   ต่อให้ตั้งใจว่าเรียนจบแล้วจะไปเป็นช่างภาพ    แต่อย่างไร...สถาปัตยกรรมก็เป็นความชอบที่สองรองลงมาล่ะนะ




   กวินจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม 



   มีความสุข...



   ที่เห็นจักรวาลมีความสุข...



   เด็กหนุ่มเองก็เหมือนจะรู้ตัวด้วยสัญชาตญาณว่าถูกมอง   จึงเบือนหน้ากลับมาหาคนข้างกาย



   สายตาทั้งสองคู่สบกันอยู่อย่างนั้นด้วยความรู้สึกสบายใจ   


   ก็อยู่ที่นี่  มันไม่มีอะไรต้องกังวล...


   ไม่มีใครรู้จัก   ไม่มีใครสนใจ  ว่าพวกเขาจะรู้สึกต่อกันแบบไหน



   อุ้งมือหนาเอื้อมออกไปจับกับมือเรียวของอีกคน...



   "เดินอย่างนี้ได้ไหม" กวินเอ่ยถามขออนุญาต   และครั้งนี้จักรวาลก็ไม่มีท่าทีอิดออด   


   ถือเป็นสัญญาณอันดี...



   คนทั้งคู่จับจูงมือกันเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ชื่อดังไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า



   และความรู้สึกพองโตในหัวใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   
   ตลอดเวลาสามสี่วันที่ผ่านมา   จักรวาลได้ใช้เวลาในนิวยอร์คอย่างคุ้มค่าที่สุด   สถานที่ที่กวินพาไปนั้นตรงตามที่เขาแอบเห็นในกระดาษเมื่อวันก่อนแทบจะทุกรายการ   อาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างตามสถาณการณ์   แต่โดยรวมแล้วกวินก็บริหารทุกอย่างได้ค่อนข้างดี




   และมาถึงตอนนี้   จะเหลือก็แต่...



   'ที่นั่น' เพียงที่เดียวที่ยังไม่ได้ไป



   คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในนิวยอร์ค   พรุ่งนี้พวกเขาทั้งคู่ต้องตื่นแต่เช้าไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยที่สนามบิน

   เด็กหนุ่มตื่นเต้นไม่น้อยกับสถานที่สุดท้ายที่กวินจะพาไป   หลายวันที่ผ่านมาเขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ  ได้แต่รอให้ถึงเวลา  แล้วก็แอบเดาบ้างเหมือนกันว่า 'ที่นั่น' ที่ว่านี่มันคือที่ไหน

   ให้ไล่สถานที่ท่องเที่ยวดังๆในนิวยอร์ค   กวินก็พาไปมาครบหมดแล้ว



   มันจะเหลือที่ไหนอีกนะ...



   ร่างสูงตรงหน้ากุมมือเขาเดินนำลอดรั้วเหล็กสีดำผ่านเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีอาคารหน้าตาเก่าแก่หลายหลังตั้งอยู่   ทางเดินและสนามหญ้าดูเป็นมิตรยิ่งกว่าที่ไหนๆที่ไปมาในนิวยอร์คในช่วงสามสี่วันมานี้

   ราวกับอ่านใจออก   กวินเอ่ยตอบออกมาโดยไม่ต้องรอให้เด็กหนุ่มถาม

   "นี่คือมหาวิทยาลัยน่ะ   ฉันเรียนจบจากที่นี่" ในน้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยนั้นเจือแววภาคภูมิใจอยู่ในที   และเมื่อจักรวาลลอบมองดวงตาคู่คมดุของชายหนุ่มก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอาวรณ์ได้อย่างชัดเจน "โปรเฟสเซอร์เทย์เลอร์ก็สอนอยู่ที่นี่แหละ"

   "งั้นเหรอครับ" เด็กหนุ่มหันมองไปรอบๆบริเวณ   ในขณะที่สองขาก็ยังคงก้าวตามกวินไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งร้อน "บรรยากาศน่าเรียนมากเลย"

   "อืม..." ช่างภาพคนดังครางรับในลำคอเบาๆ   การได้กลับมาเดินในสถานที่ที่คุ้นเคยอีกครั้งทำให้เขารู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆครั้งยังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่น้อย



   บรรยากาศเก่าๆ   สถานที่เก่าๆ  และความเชื่อเก่าๆ....



   ความเชื่อ...ที่สมัยเรียนพวกเพื่อนๆผู้หญิงของเขามักจะชอบพูดถึงมันและรอคอยให้ถึงเวลานี้

   ตอนนั้นก็ไม่เคยนึกสนใจ   และคิดว่ามันตลกเหลือเกินที่มีคนสามารถเชื่อมันได้ลง



   จริงๆแล้ว   จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อหรอก...


   แต่ว่าไหนๆก็มีคนให้ลองพิสูจน์ด้วยแล้ว    แถมยังมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี   จะลองดูสักครั้งคงไม่เสียหาย...



   "แล้วนี่เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ" เสียงที่เอ่ยถามขึ้นดังมาจากคนที่เขาจูงมืออยู่   

   "ต้นโอ๊ค" ชายหนุ่มตอบไปสั้นๆเพียงเท่านั้น   โดยที่คนฟังได้แต่งุนงงไปกับคำตอบ   แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายแล้วเขาก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้อีกครั้ง   ยังไง   อีกไม่กี่อึดใจคงได้รู้กัน

   กวินรวมรวบกำลังใจให้ตนเองเงียบๆในขณะที่เดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย   

   เมื่อเข้าใกล้ตึกเรียนของคณะที่เขาเคยสังกัดมาเรื่อยๆ   ก็พบว่ายังคงมีนักศึกษาหลายคนแกร่วให้เห็นอยู่ภายในบริเวณแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วก็ตาม



   ก็แน่ล่ะ...


   ตามตารางที่เขาไปเช็คมา   นี่มันวันส่งโปรเจ็คปิดภาคเรียนนี่นา



   และตามตำนานของความเชื่อที่ว่า...


   มันก็ต้องเป็นวันนี้แหละ...





   คนทั้งคู่เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณสวนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กดูร่มรื่น   จักรวาลคาดว่าตอนกลางวันในช่วงอากาศดีๆ   คงจะมีคนมานั่งอ่านหนังสือหรือเขียนเปเปอร์กันอยู่บริเวณนี้มากมายแน่นอน




   แล้วกวินก็นำเด็กหนุ่มมาจนถึงที่หมายในที่สุด...



   ต้นไม้สูงใหญ่ที่โผล่ทะลุพื้นดินขึ้นตะหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคนดูโดดเด่นเป็นสง่าเมื่อเทียบกับต้นอื่นๆในบริเวณเดียวกัน

   เมื่อวันก่อนที่ขึ้นเครื่องมาจากไทยไม่กี่วัน   เขาได้โทรศัพท์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถามเพื่อนผู้หญิงสมัยเรียนคนหนึ่งถึงรายละเอียดของตำนานที่ว่าเพื่อให้แน่ใจว่าจะทำทุกอย่างถูกต้อง    คิดๆแล้วก็สมเพชตัวเองเล็กๆที่เป็นผู้ชายตัวใหญ่หน้าเหี้ยมเสียเปล่า   แต่ดันมาบ้าตามความเชื่อผู้หญิงๆแบบนี้เสียได้



   แต่ความจริงมันก็ไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้นหรอก...


   
   ตามที่เพื่อนคนที่ว่าเล่ามา   ดูเหมือนตำนานนี้จะอยู่คู่ที่นี่มานานตั้งแต่สมัยก่อตั้งมหาวิทยาลัยแล้ว 



   และที่สำคัญ...มันก็ใช้ได้ผลกับหลายคู่มาแล้วด้วย




   'ถ้านักศึกษาของที่นี่จูบกันใต้ต้นโอ๊คโบราณในสวนหลังคณะกับคนที่รักในวันสุดท้ายของภาคเรียน   ก็จะได้รักกันตลอดไป'




   แม้จะฟังดูเกาหลี๊ เกาหลี   แต่เชื่อเถอะว่านี่คือความเชื่อของนักศึกษาชาวมะกันแท้ๆ...



   ได้แต่หวังว่าเจ้าต้นโอ๊คนี่จะอนุโลมให้เขาซึ่งบังเอิญเรียนจบมาหลายปีแล้วได้สมหวังด้วยเถอะ



   ถ้าความเชื่อนี้มันใช้ได้ผลจริง   เขาจะซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่และเอาพวงมาลัยพร้อมด้วยนางรำมาถวายเลยเอ้า...





   ...ล้อเล่นน่า... 





   แรงกระตุกเบาๆที่ฝ่ามือเรียกให้ชายหนุ่มที่บัดนี้เหงื่อแตกพลั่กหลุดจากภวังค์   ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองคนข้างกายแล้วจึงค่อยๆดึงสติกลับมา

   "ต้นโอ๊คต้นนี่มันมีอะไรพิเศษเหรอครับ" จักรวาลเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนิ่งไปเมื่อเดินมาถึงที่นี่   สีหน้าก็ดูจริงจังขึ้นทุกขณะ   พอหันมองไปรอบกายก็เห็นแต่คู่รักหลบมุมจู๋จี๋กันอยู่เต็มไปหมด 

   ช่างภาพหนุ่มหันกลับมาหาเจ้าหนูของเขาเต็มตัว   ไม่ได้รู้หรอกว่าหน้าตาที่แสดงออกไปขณะนี้มันดูเครียดพิลึก   หัวใจเต้นตุบๆอยู่ในอกจนรู้สึกได้   ก็จะไม่ให้เต้นแรงได้อย่างไร...ในเมื่อเขาลุ้นมากขนาดนี้   เรื่องของเขากับจักรวาลจะหมู่หรือจ่ามันก็ขึ้นอยู่กับวินาทีถัดไปนี่แหละ

   

   "ปอม..." เสียงทุ้มต่ำที่เปล่งออกไปฟังดูแหบแห้ง



   "ครับ?" คนถูกเรียกขานรับด้วยความประหลาดใจ   ดวงตาเรียวได้รูปสำรวจมองท่าทีของคนตรงหน้าอย่างงงงวย


   

   "ฉันว่า....เราก็...ศึกษากันมาพอสมควรแล้วเนอะ..."




   ได้ยินแบบนั้น  คนที่ไม่ทันตั้งตัวก็เผลอเสตามองต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างแทนสายตาจริงจังคู่นั้น "อืม...ครับ..."



   "คือ...มันถึงเวลาหรือยัง..."


   ถึงตรงนี้เม็ดเหงื่อจำนวนมหาศาลก็พากันพรั่งพรูออกจากรูขุมขนบนไรหน้าผากของช่างภาพหนุ่มราวกับน้ำตก



   ส่วนคนฟังเองก็เริ่มเดาได้ลางๆแล้วล่ะ...



   "มันได้เวลาหรือยัง...ที่เราจะ...









   ...เป็นแฟนกันสักที"




   คำร้องขอที่ได้รับจากอีกฝ่ายทำให้ระบบทุกอย่างในร่างกายของเด็กหนุ่มเหมือนจะหยุดทำงานไปดื้อๆหลายวินาที   ก่อนจะเป็นกล้ามเนื้อแก้มที่เริ่มกลับมาทำงานก่อนเพื่อน 




   

   โดยการค่อยๆยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่...






   ภาพรอยยิ้มตรงหน้าเป็นเหมือนกันลมเย็นๆที่มาพัดพาความร้อนในใจให้ลอยหายไป  หลงเหลือไว้เพียงความอุ่นวาบ



   ช่างภาพหนุ่มเองก็ค่อยๆยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเช่นเดียวกัน




   โดยไม่มีคำพูดใดๆ   ใบหน้าของคนทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันโดยอัตโนมัติ...




   ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ   ไม่มีปัจจัยภายนอกใดๆมาทำให้ไขว้เขว...   


   
   มีเพียงความรู้สึกจากข้างในเท่านั้นที่ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างอยู่ ณ วินาทีนี้...






   ริมฝีปากค่อยๆแตะกันเบาๆตามลำดับ



   เรียวลิ้นเปียกชื้นที่สอดเข้ามาเป็นสัญญาณให้จักรวาลเผยอริมฝีปากออกเป็นการอนุญาตให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาได้อย่างไม่มีการอิดออด   


   ยิ่งไปกว่านั้น...เมื่อจับจังหวะถูก  เขาเองก็ส่งลิ้นตัวเองเข้าไปอย่างเก้ๆกังๆบ้างเช่นเดียวกัน




   คนทั้งคู่จุมพิตกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน




   จริงๆก็ไม่รู้หรอกว่านานขนาดไหน   เพราะตอนนี้ทุกอย่างบนโลกดูเหมือนจะถูกพอสไว้นิ่งสนิท   มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ดำเนินกิจกรรมแสนหวานนี้ไปเรื่อยๆ




   จนกระทั่งในที่สุด   จักรวาลจะเป็นฝ่ายที่เริ่มกอบโกยลมหายใจไม่ทันไปเสียก่อน   กวินจึงยอมถอนจูบออกมา




   สัมผัสชื้นแฉะบนกลีบปากยังคงชัดเจนนักในความรู้สึกของเด็กหนุ่ม




   คงต้องสารภาพตามตรงเลยว่าตอนนี้เขาเขินเสียจนหน้าจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว


   ดวงตาคู่เรียวค่อยๆช้อนสบมองกับคนตรงหน้าที่จ้องเขาด้วยแววตาหวานเชื่อมอยู่แล้ว



   คนทั้งคู่ยิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มกว้างที่สุด...


   มองกันด้วยสายตาที่จริงใจสุด...









   "เป็นแฟนกันแล้วนะปอม..."








TBC.
   





เรื่องตำนานต้นโอ๊คนี้  ไม่ต้องไปถามอากู๋หาดูหรอกนะคะ  ไม่มีอยู่จริงนะ   เราแต่งขึ้นมาเอง 555
แล้วก็เนื้อหาบางส่วนในตอนนี้แอบเอาความชอบส่วนตัวมาใส่อีกแล้วค่ะ 55  อย่างตอนที่พูดถึงกุกเกนไฮม์ 

เพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจนะคะ   ตึกของพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ที่ว่านี้มีระบบโฟลว์ที่น่าสนใจค่ะ  การเข้าชมภายในจะแตกต่างจากที่อ่ืนๆคือ  เขาจะให้เราขึ้นลิฟท์ไปเริ่มจากชั้นบนสุดก่อน   แล้วค่อยๆเดินชมภาพศิลปะที่จัดแสดงอยู่ไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงชั้นล่าง   โดยที่ลักษณะของส่วนจัดแสดงจะเป็นแปลนแบบวงกลม  และการเดินขึ้นลงของแต่ละชั้นจะไม่ใช้บันได   แต่จะเป็นการเดินต่อเนื่องเรื่อยๆตั้งแต่ชั้นบนยันชั้นล่างราวกับทุกชั้นเป็นชั้นเดียวกันหมดเลยค่ะ   เอื้อต่อการชมศิลปะแบบไม่ให้อารมณ์สะดุดเลยทีเดียว   คอร์ศิลปะจะเอ็นจอยมากกับการชมผลงานที่นี่
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? คำตอบคือ  พื้นที่เขาออกแบบมาให้เราเดินมันเป็นทางลาดที่ความชันน้อยมาก(แทบจะไม่รู้สึกว่าเดินอยู่บนทางลาด)  ที่ลาดตามแปลนก้นหอยมาเรื่อยๆค่ะ   ลองไปหารูปดูได้  แล้วจะเข้าใจว่าก้นหอยที่ว่านี่มันเป็นยังไง
หรือถ้ายังนึกไม่ออก  ลองนึกถึงชั้นบนๆของหอศิลป์กรุงเทพฯ(bacc ตรงสี่แยกปทุมวัน)  ตึกนั้นก็ได้แรงมาจากกุกเกนไฮม์ของ Frank Lloyd Wright(สถาปนิกผู้ออกแบบ) นี่แหละค่ะ   


ออฟไลน์ ✿PIERRE

  • ดองนิยายข้ามปี
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-6
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด




คุ้มค่ากับที่รอคอย

 :laugh: :laugh: :-[ :-[


น่ารักมากๆคะ พี่วินอบอุ่นใจดี เอาใจน้องปอมซะจนอิจฉา ชิชิ

ส่วนคุณเมษา...แอบหวั่นๆวุ้ย พี่แกมีแผนการแน่ๆ


รอตอนต่อไปนะคะ

ขอให้การงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค มาแต่งนิยายให้ได้อ่านกันเรื่อยๆ อิอิ
สุดท้ายนี้ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
 :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2012 01:32:02 โดย pierre »

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
"เป็นแฟนกันแล้วนะปอม..."

 ''ค่ะ''   :m1:(แกใช่ปอมหรอ  :beat:)


โอ๊ยยยยอยากจะกรี๊ดตอนดึกสงัด

พี่กวินวางแผนมาหลายวันสินะ มิน่ามาช้า กร๊ากกก (ไม่เกี่ยว)

ขวยเขิน กัดหมอน บิดผ้าห่ม จิกเล็บ ทำทุกอย่างก็หุบยิ้มไม่ลง 

น่ารักมากกกกกกกก ใครก็ได้พาไปขอเป็นแฟนใต้ต้นโอ๊คที   :o8:

ไม่อยากให้กลับไทยเลย ควรหนีตามกันไปใช้ชีวิตตั้งรกรากที่นิวยอร์คซะ  อิพี่เมษรอดราม่าอยู่แหง ฮึ่มๆ :a5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2012 04:07:59 โดย Millet »

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
เขินแทนน้องปอม
อ่านแล้วก็อุ่นวาบในอก
เสียวแปล๊บในหัวใจ
เขารักกันแล้ว เขาเป็นแฟนกันแล้ววววว
กลับไทยจะมีมารความรักหรือเปล่าน้อ

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
"เป็นแฟนกันแล้วนะปอม..."
กะ...กรี๊ดดดดดดดดดดด
สมกับที่รอคอย ^^


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
เป็นแฟนกันแล้ว :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ ChigoRita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ในที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!

คุ้มค่ากับการรอคอยมากค่ะ ตอนนี้ขอยกนิ้วให้พี่วินเลย ผู้ชายอะไรเนี่ย จะดีได้ขนาดนี้ แถมไอ้ตำนานต้นโอ๊คนี่อีก เชื่อเถอะว่ามีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่จะสนใจ โอยยย โรแมนติกสุดๆเลยไป  o13

bozang

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้ว
โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว
เขิน
พี่วินอ้ะ ทำไมน่ารักแบบนี้
โอ๊ย ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
>\\\<
คุ้มค่าการรอคอยจริงๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนใจตรงกัน รักกัน เป็นแฟนกันสิเนอะ อุ๊ยเขิน...
ขอบคุณในความหวังดีของพี่เมษา แต่หน้าที่ดูแลปอมให้พี่วินทำดีกว่าจ้า

obab

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ายยยยย !
เราเป็นแฟนกันแล้ววว เอ้ยย
เขาเป็นแฟนกันแล้ววว 555
 :L2:

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
"เป็นแฟนกันแล้วนะปอม..."
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย เขินจนอยากจะลงไปดิ้นกับพื้น
พี่วินน้องปอมทำเค้าเขินนนนน โรแมนติกมาก  จุ๊บๆกันด้วยยย :กอด1:

ส่วนเมษาไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมากจากไหนย๊ะ !!!! นิสัยๆๆๆ ของแบบนี้มันต้องอยู่ที่น้องปอมโว้ยย
ซึ่งตอนนี้น้องปิมเค้าเลือกพี่วินไปแล้ว เธอหมดสิทธิ์น๊ะ ขอบอกกกก  :angry2:

ออฟไลน์ smirnoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-4
เค้าได้กันแล้วววว :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
หายไปนานนนนนนนน
แต่กลับมาทีนี้สิ คนอ่าน เขิลตายไปแล้วววววววว

เป็นแฟนกันแล้ว *จุดพลุ*
แต่ยังมีอุปสรรคที่รอคอยอีกโอยยยยยย

มาต่ออีกนะ ยังรออยู่ :))))

ออฟไลน์ Scream

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อร๊ายยยยยยยยยยย พี่วินน่ารักมากกกกกกกกกกกก
กรี๊ดดดดด โอ้ยยยยย ตั้งเเต่อ่านเรื่องนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเขินได้ขนาดนี้
โอ้ยยยยยยยย รักตายเรย !!!
พี่เมษทำใจเหอะ ปล่อยเค้าไปเถ้อะะะะ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
กริ๊ดดดดดดดดดด หายไปนานมาก แต่พอมาแล้ว อื้อหืออออ . . เป็นที่น่าพอใจค่า55555555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด