หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1377882 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rukki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
โอ้ยยยยยยยย เอาอิพี่เมษออกไปทีค่ะ !!
เกลียดมันนนนนนนนนนนน ไร้สาระ !
หวังดีห่าเหวภาษาอะไร โอ้ยยย สงสารน้องปอม ทำอะไรไม่ถูกแล้วนั่น
พี่วินช่วยด้วย เอาให้อิพี่เมษมันโดนจับได้ และเอาให้เสียไปทุกๆอย่างเลยยย
เกลียดดดดดดดดดดดด

คนเขียนสู้ๆ นะคะ

ออฟไลน์ Hope2TheEnd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นี่รักยังไงเนี่ย พี่เมษนิยามคำว่ารักผิดไปหรือเปล่า
พี่วินอย่าไปยอม ปอมอย่าไปเชื่อนะ T T

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

Augusm

  • บุคคลทั่วไป
ครั้งก่อนตอนโดนพี่เมษปั่นหัวเรื่องพี่วินหวังผลในการทำดีด้วย(ซึ่งพี่วินมีส่วนผิดนิดหน่อยเพราะรุกเร็วไป)

แต่น้องปอมก็เป็นเด็กฉลาดพอที่จะไม่ฟังความข้างเดียว แม้จะหวั่นแต่ก็กล้าถามพี่วินออกไปตรงๆ (อาจด้วยเพราะโดนสถานกาณ์บีบบังคับ)  แต่น้องก็ถามว่าพี่ตรงๆว่าพี่ทำแบบนั้นจริงไหม


และครั้งนี้ ก็หวังว่าปอมคงจะคิดได้แบบเดิม ถามเถอะลูก เอ่ยถามวินซะ หนูไม่ใช่นายเอกประเภทนายเอกจ๋าอยู่แล้วอย่างที่หนูแสดงออกว่ามีความเป็นลูกผู้ชายมากพอ เพราะงั้นก็ถามเถอะลูก คุยกันตรงๆ จะรักจะคบกันเรื่องเปิดปากเป็นเรื่องสำคัญ

 ไหนๆก็เชื่อใจพี่เขาแล้ว หนูควรจะถามแบบที่หนูเคยทำนะลูก (อินี่อินมาก)


พี่เมษก็น่าเห็นใจนะ เพราะรักและหวังดีกับน้องมาโดยตลอด ก็เข้าใจอะ เป็นธรรมดาที่ต้องโมโหที่อยู่ๆ ก็มีแมวมาคาบปลาย่างไปซะงั้น

แต่ถ้าถึงขนาดต้องโกหกคนที่รักหนูว่าพี่เมษเองคงสับสนแล้วล่ะค่ะ  แสดงว่าความดีที่ทำมาทั้งหมดจริงๆ แล้วพี่ต่างหากที่หวังผลกับน้อง  ไม่ได้ทำด้วยใจเลย เสียดายค่ะ อย่าทำแบบนั้นเลยพ่อคู้นน


รอต่อไปค่ะ  อยากบอกว่าไม่อยากอ่านเลย  คือเป็นประเภทไม่ชอบอ่านนิยายที่ยังไม่จบเพราะกลัวจะค้าง

แต่พอมาเจอทั้งแรงยุและกระแสแล้วมันอดไม่ไหวจริงๆก็เลยเริ่มอ่านตั้งแต่ต้นจนถึงเดี๋ยวนี้และมันก็....ค้างจริงๆด้วยว่ะ  55555555+



ป.ล.  เราเห็นด้วยกับหลายคนว่าอุปสรรคครั้งนี้มันน้อยนิดมากอะ ถ้าต้องมาเลิกกันเพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นอะไรที่....รักกันต่อไปมันจะเดินไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2012 09:53:56 โดย Augusm »

ออฟไลน์ Blurry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
อิเมษ อิบ้า
เดี๋ยวได้เป็นตัวร้ายแห่งปีซะหรอก

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
อย่างนี้พี่วินก็แย่น่ะสิ
แต่ยังดีที่น้องปอมรักจริง หนักแน่น
อย่าหวั่นไหวเลยนะปอม
เชื่อใจพี่วินคนเดียวก็พอแล้ว

อากาศใต้ผ้าห่ม

  • บุคคลทั่วไป
เมษา แล้วนายจะเสียใจ
ที่มาทำแบบนี้กับน้องปอม  :sad4:


น้องปอม ต้องเชื่อใจพี่วินนะ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้พูดกับพี่วินไปเลยสิปอม :sad4:
เมษา ถ้าปอมรู้ความจริงๆว่าแกโกหกคงจบเห่แน่ๆ o18 :z6:

kapukluk

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออออออ จะผิดไหมถ้าบอกว่าสงสารเมษา
เพราะเฝ้ารักเฝ้าทะนุถนอมปอมมาตลอด
ถึงแม้ไม่กล้าพอที่จะบอกรักไปเพราะปอมไม่เคยมีท่าทีจะชอบผู้ชาย
รู้ว่าที่ทำไปอาจเพราะกลัวอนาคตข้างหน้ากวินจะปกป้องปอมไม่ได้
แต่เมษาดูถูกความรักของคนอื่นไปรึเปล่า ทำไมถึงคิดว่ากวินจะดูแลปอมไม่ได้
ในเมื่อเค้ารักกันก็ต้องยอมให้เค้าฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกัน
การที่เมษาเอาเรื่องแบบนี้มาบีบบังคับปอมด้วยข้ออ้างว่าเป็นห่วง
ถ้าปอมรู้ขึ้นมาในภายหลัง ตัวเมษาเองนั่นแหละจะสูญเสียความเชื่อใจจากปอม
ถ้ารักปอมจริงคอยดูแลอยู่ห่างๆ และเป็นกำลังใจปอมฝ่าฟันอุปสรรคจะดีกว่ามั้ย
เพราะดูแล้วถึงแม้ปอมจะไม่รักตอบ เมษาก็ยังคงจะคอยดูแลปอมอยู่ดี
อย่าเอาความเป็นห่วงของตัวเองมาตีกรอบให้ปอมเลยนะ ทำใจซะเถอะ
คอยดูแลให้คนที่คุณรักมีความสุขในแบบของคุณต่อไปเหมือนที่เคย
เพราะถึงแม้ไม่ได้รักแบบคนรัก แต่เมษก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งของปอมแน่นอน
ตอนนี้เรายังไม่เกลียดนายนะ แต่ถ้านายยังดื้อไม่เลิกซักวันเราอาจจะเกลียดนาย

 :o12:

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อให้นะคะ เป็นกำลังใจให้และรออ่านตอนต่อไปนะคะ

Ultramann

  • บุคคลทั่วไป
ขอร้องละ อย่าทำให้นายเอกโง่เลย
เด็กมหาลัยแล้วนะ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sthattrt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z13: :z13: :z13:

เข้ามาเป็นกำลังใจให้น้องปอมคับปม

sheep.tk

  • บุคคลทั่วไป
อย่าไปเชื่อนะคะน้องปอม ไปถามพี่วินเองเลย

ออฟไลน์ plugie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ต้องไปเรียกไอ้เมษาว่าพี่แล้วปอม :fire:
ปอมกับพี่วินน่าสรสารจัง :sad4:

hades

  • บุคคลทั่วไป
เอาเมษออกไปปปปปปปปป๊ กรี๊ดดดดดดดด  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

หมั่นไส้อ่ะ อยากถีบมาก ( รุนแรงไปเปล่าคะ 5555 )

ทำไมต้องมาทำน้องปอมเสียน้ำตาด้วย ฮืออออออ

อย่างนี้ไม่ใช่รักแล้วค่ะ เค้าเรียกเห็นแก่ตัวววว  :m16: :m16: :m16: :m31: :m31: :m31: :m31:

golfjis

  • บุคคลทั่วไป
อ่านทันแล้ววว
ชอบมากๆเลยครับ ฉากเขิน กรุบกริบน่ารักมากกก

ออฟไลน์ The_outsider

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 222
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อ่านแบบเซอไวเวอร์รวดเดียวเลยครับ แต่กว่าจะทันก็เล่นเอาเหงือกแห้ง ตีนกาขึ้นเพราะยิ้มเหมือนกัน และทั้งหมดนี่เป็นความผิดของคนเขียนแต่เพียงผู้เดียว (แซวเล่นครับ แซวเล่น)  :laugh:

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ   :กอด1:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
มุกเก่าแก่ยังใช้ได้อยู่สินะ..
 :เฮ้อ:

รู้ว่าห่วงแต่ทำไมต้องคิดเองคนเดียวด้วย
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

khalwfarng

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อแล้วจ่ะ

^^

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
เจอกันวันอาทิตย์ค่ะ  :กอด1:


(สำหรับตอนนี้ขอตัวไปปั่นเปเปอร์ส่งอาจารย์ก่อน เดทไลน์พรุ่งนี้แล้วววววววววว T_____T)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






swordtails

  • บุคคลทั่วไป
น้องคนเขียนสู้ ๆ ค่ะ ^^

/ระหว่างรอก็กอดน้องปอมรอไปพลาง ๆ/

ice_painful

  • บุคคลทั่วไป
ผิดถูกที่ฉันทำทำลงไป สายตาใครยังไง
ฉันไม่มอง ไม่เห็น ไม่รับรู้อะไร

รู้เพียงว่าทำเพราะรัก ทำเพราะเธอที่รักก็พอ
เธอคือรักแท้คือใจดวงเดียวที่รอ ไม่อาจยอมเสียเธอไป
แม้รู้ว่าทำเพราะรัก สิ่งที่ทำจะร้ายหรือผิดแค่ไหน
ฉันอยู่โดยขาดรักไม่ได้ ให้ทำผิดเท่าไร ฉันคงต้องยอม...

ออฟไลน์ 【focus_kung】

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ จัง .////.

สู้ๆ นะคะนักเขียน ปั่นงานให้ทันล่ะ 555555

จะรอจ้า

MiniDevil

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วเกลียดเมษายิ่งกว่าเดิมอีก เห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ใช่ความรักหรอก คิดถึงแต่ตัวเอง เมษาเลวที่สุด ขอให้โดนจับได้เถอะ อยากให้ปอมไปถามพี่วินตรงๆไม่อยากให้เลิกกัน ขอให้ปอมเข้มแข็งมากๆและเชื่อใจพี่วินเถอะ สงสารพี่วิน สงสารปอมที่ต้องมาเจอคนเลวๆแบบนี้!!!

ออฟไลน์ Cheeze

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
สู้ๆนะคะคนเขียน
คนอ่านก็จะตั้งหน้าตั้งตารอค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ A_THan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
สู้ ๆ นะฮับ เรื่องนี้เจ๋งสุด ๆ ไปเลยยยย~  o13 o13 o13

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
รับทราบค่า
รอต่ออีก 1 วัน เอิ๊กๆ

arunoki

  • บุคคลทั่วไป

*สำหรับตอนที่แล้วมีการแก้ไขเนื้อหาบางส่วนนะคะ แต่หลักใหญ่ใจความยังเหมือนเดิม สงสัยจะยังมือไม่ถึงกับเรื่องหนักๆอย่างนี้จริงๆ  เลยคิดว่าเอาส่วนที่เป็นรายละเอียดออกไปดีกว่า  หลังจากนี้จะพยายามกลับไปพัฒนาฝีมือค่ะ* ขอขอบคุณทุกคำติชม
:pig4:


----------



หัวใจหลังเลนส์
#32

   

   -คนมีความรัก มักจะดูเด็กลงไปนิดนึง
    คนมีความรัก มักจะไม่ทำหน้าตาบึ้งตึง
    คนมีความรัก มักจะชอบทำแววตาหวานซึ้ง
    อย่างที่ฉันเป็นตอนนี้ อย่าถือสาแค่อยากขอนิดนึง-


   บทเพลงทำนองสดใสติดหูที่ได้ยินคลื่นวิทยุเปิดกันอยู่บ่อยครั้งดังแว่วมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกน้องสักคนที่หน้าห้อง   ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในเมื่อประตูและกำแพงที่กั้นห้องทำงานของเขาออกจากบริเวณด้านนอกก็ไม่ได้ใช้วัสดุหนาทึบ   แต่ไอ้ที่แปลก...เห็นจะเป็นปฏิกิริยาของเจ้าของห้องเสียมากกว่า

   เพลงรักกุ๊กกิ๊กที่ถูกขับร้องด้วยเสียงผู้หญิงน่ารักน่าฟังไม่ใช่แนวเพลงที่ถูกจริตกับกวินนักในเวลาปกติ   แต่สำหรับช่วงนี้...มันดูจะรื่นหูเป็นพิเศษ

   เนื้อหาของเพลงช่างบังเอิญตรงกับตัวเขาในตอนนี้เสียเหลือเกิน 


   ความรัก...มักทำให้คนดูเด็ก


   ความรัก...มักไม่ทำให้คนหน้าบึ้ง


   ความรัก...มักทำให้ตาหวานซึ้ง


   ทุกสิ่งอย่างที่ว่ามานี้...กำลังเกิดกับเขาครบถ้วนทุกประการ


   




   -ครืด-







   “อะไรเนี่ยพี่   เสียฮัมเพลงดังไปถึงข้างนอกเลย" สุ้มเสียงกวนประสาทที่คุ้นเคยดังขึ้นจังหวะเดียวกับที่ประตูบานเลื่อนสีดำถูกเปิดออก   ร่างขาวอวบของลูกน้องตัวดีเดินผ่านกรอบประตูเข้ามาพร้อมสีหน้าล้อเลียน   เอกสารงานส่งนิตยสารในมือดูจะกลายเป็นเหตุผลรองไปเลยเมื่อเข้ามาพบกับหน้าบานๆของเจ้านายตัวเอง "อารมณ์ดีจริงนะช่วงนี้   น้องปอมอีกล่ะสิพี่"

   ทันทีที่ได้ยินชื่อที่คิดถึงอยู่ในใจตลอดเวลากวินก็ยิ้มกว้างออกมาโดยอัตโนมัติ

   “เออสิ...” เสียงทุ้มต่ำตอบรับโดยไม่มีการปิดบังใดๆทั้งสิ้น   ติดจะดูภูมิใจเสียด้วยซ้ำ

   “ว่าจะถามตั้งแต่หลังกลับจากนิวยอร์คแล้ว...เป็นแฟนกันแล้วเหรอพี่?   เห็นยิ้มปากแทบฉีกถึงหูทุกวัน" ไม่เพียงเปิดบทสนทนาเท่านั้น   หากแต่กราฟฟิกดีไซเนอร์หนุ่มยังถือโอกาสปักหลักลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้านายตัวเองแบบชนิดที่เรียกว่าเนียนสนิท

   คนถูกถามพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาทำเหนียมไปเหนียมมาให้มากความ "ใช่   คบกันแล้วอย่างเป็นทางการ" พูดจบชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง 

   ได้ยินดังนั้นเต้ก็ตบเข่าดังฉาด   ยิ้มออกมากว้างไม่แพ้เจ้านายตัวเอง “โห   เจ๋งจริงเว้ยลูกพี่กู...พี่ขอน้องเขายังไงอ่ะ? สอนบ้างดิ   ผมจะเอาไปใช้มั่ง" 

   กวินมองหน้าลูกน้องคนสนิทของตนก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ “สอนได้ที่ไหนวะ   ของอย่างนี้มันต้องอยู่ที่ความรู้สึกสิ   กูร้สึกแบบไหนตอนนั้นกูก็พูดไปแบบนั้นแหละ" ชายภาพคนดังกล่าวเสียงจริงจัง   ซึ่งขัดกับหน้าตามีความสุขประหนึ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียเหลือเกิน



   แม้จะเริ่มคบกันในฐานะคนรักมาได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว   แต่ความรู้สึกที่จูบกันใต้ต้นโอ๊คในวันนั้นยังคงสดใหม่อยู่ทุกนาทีที่นึกถึง   ดังนั้นไม่แปลกอะไรหากเขาจะทำตัวเหมือนเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในประเทศอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...



   “แหม...น้ำเน่าขึ้นนะเนี่ยพี่" เต้เอ่ยปากแซวพร้อมกวาดสายตาขี้เล่นสำรวจไปทั่วสีหน้าท่าทางเจ้านายของตนอย่างนึกสนุกอยู่ในใจ "อย่าหาว่าผมเสือกเลยนะ...แต่อยากรู้อ่ะ   ว่าน้องเขาตอบยังไง   ผมนึกภาพน้องปอมตอนพูดอะไรแบบนั้นไม่ออกเลยว่ะ?   น้องแม่งดูปากแข๊งปากแข็ง   พี่แม่งเก๋าจริง   ง้างปากน้องได้เนี่ย"



   คำถามที่เพิ่งได้รับมาจากคนตรงหน้าเรียกให้ช่างภาพหนุ่มต้องหยุดคิดถึงคำตอบ...



   และจากตอนแรกที่เป็นการถามตอบสนุกๆ  กวินก็กลับต้องมานั่งคิดอย่างจริงจังมากขึ้น...





   วันนั้นเหรอ...



   จำได้ว่าพอเขาเอ่ยขอออกไป...เจ้าหนูของเขาก็ส่งยิ้มกลับมาให้...







   แล้วจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็จูบกัน...






   โดยไม่มีคำพูดใดๆต่อ...







   “อืม...” เสียงทุ้มต่ำครางฮึมฮัมในลำคออย่างครุ่นคิดแผ่วเบา "...เขาก็ไม่ได้พูดอะไรว่ะ...”

   

   คนฟังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้รับ "ไม่ได้ตอบอะไรเลยเหรอ...?”


   “อ่า...ใช่...” ชายหนุ่มทบทวนเหตุการณ์แสนหวานในวันนั้นดูอีกทีเพื่อให้แน่ใจเขาไม่ได้จำอะไรคลาดเคลื่อนไป


   ลูกน้องคนสนิทนิ่งไปครู่กับคำตอบที่ได้รับ   พยายามคิดตามเป็นภาพ "...งั้นเหรอ...”


   กวินมองปฏิกิริยานั้นอย่างมีคำถาม “เออ   แล้วทำไมวะ   หน้าตามึงดูสงสัย...”

   
   เต้เหลือบจ้องสบดวงตาคมดุของเจ้านาย   ก่อนจะยิ้มแห้งๆเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าเพิ่งจะแสดงท่าทีที่ดูเสียมารยาทออกไป "เปล่าๆพี่   ไม่สงสัยเว้ย   ผมดีใจด้วยที่พวกพี่สองคนคบกันสักที   แม่งกว่าจะคบกันได้ผมนี่ลุ้นขี้แทบแตก   ฮ่าๆ"


   “เวอร์ไปไอ้เต้    แล้วก็นะ...กูจะบอกอะไรให้" แม้ลูกน้องของเขาจะไม่ยอมถามอะไรต่อ   แต่กวินก็พอจะเดาได้ลางๆว่าความสงสัยของไอ้ตัวกวนส้นเท้านี่คืออะไร "บางทีคนจะคบกัน  แม่งก็ไม่ต้องมีขอบเขตอะไรชัดเจนขนาดนั้นก็ได้เว้ย   เอาเป็นว่ากูรู้จากการกระทำก็แล้วกัน...กูรู้ว่าเขาตอบตกลงกูแล้ว...”



   ใช่...เขารู้ว่าจักรวาลตอบตกลงเขาแล้ว...



   ก็ถ้าพฤติกรรมมันชัดเจนขึ้นขนาดนั้น   ยังจะต้องมีคำพูดใดๆมายืนยันอีก...



   เต้เดินหอบกองรูปถ่ายออกไป   ทิ้งให้ห้องทั้งห้องกลับมาเหลือเพียงเขาคนเดียวอีกครั้ง


   ไหนๆก็พูดถึงแล้ว...โทรหาสักหน่อยดีกว่า


   ช่างภาพหนุ่มเหลือบตามองนาฬิกาที่ข้างฝาผนัง   เวลานี้น่าจะถึงบ้านแล้วมั้ง...



   คิดได้ดังนั้นกวินก็คว้าโทรศัพท์ข้างกายขึ้นมาต่อสายหาคนที่อยู่ในใจอย่างอารมณ์ดี



   เสียงรอสายดังเป็นจังหวะยาวๆอย่างไม่น่าฟังมาจากเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่   ชายหนุ่มส่งเสียงขัดใจในลำคอสองสามทีก่อนจำต้องกดวางสายไป   แล้วก็ต่อใหม่อีกครั้ง...แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม  คือสายว่างแต่ไม่มีคนรับ


   ช่วงนี้เจ้าหนูนั่นยุ่งๆหรืออะไรกันนะ   ไม่ได้คุยไม่ได้เจอกันมาสองวันแล้ว   ได้อ่านแต่ข้อความที่ถูกส่งมาว่าไม่ว่างบ้างล่ะ   ไม่สะดวกคุยบ้างล่ะ...


   แต่ก็คงเป็นปกติของเด็กคณะสถาปัตย์กระมัง  จำได้ว่าตอนพี่ชายเขาเรียนก็นั่งเผาโมเดลกันทั้งวันทั้งคืนแบบนี้เหมือนกัน...





   ...แต่...คิดถึงจัง...







   ...ไปช่วยทำดีไหมวะ...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   เด็กหนุ่มนั่งคู้ตัวอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องพักของตัวเองอย่างนี้มานานร่วมชั่วโมง   นัยน์ตาว่างเปล่าทอดมองออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย

   โทรศัพท์มือถือข้างกายที่สั่นขึ้นสองรอบเมื่อครู่ทำให้เขายิ่งรู้สึกสับสนและกดดัน   โดยไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูก็พอจะเดาได้ว่าคนโทรมาคือใคร

   

   ไม่ใช่ไม่อยากรับ...



   กลับกัน...



   เขาอยากคุยกับกวินมากอย่างที่ไม่เคยมากเท่านี้มาก่อน...







   แต่เขากลัว...







   ตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนคนติดเกาะ   ไม่รู้ว่าต้องว่ายน้ำหนีไปทางทิศไหนถึงจะเจอฝั่ง   จะเดินหน้าก็เดินไม่ได้   ถอยหลังก็ยิ่งแย่  สุดท้ายแล้วเขาจึงทำได้แค่ยืนเฉยๆแล้วจมอยู่กับความคิดหาทางออกให้ตัวเอง




   เขากลัวจนไม่สามารถเริ่มทำอะไรได้เลย...




   หลังจากเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน   เมษาก็โทรเช็คเขาทุกวันเช้า กลางวัน เย็น  หรืออย่างเมื่อวานก็เพิ่งมาหาถึงคณะ   แล้วก็กำชับไม่ได้ขาดว่าห้ามยุ่งกับกวิน  ห้ามบอก  ห้ามคุย  ห้ามโทร  ห้ามเจอ  ห้ามทุกอย่าง   ไม่เช่นนั้นเอกสารที่เห็นเมื่อวันก่อนจะไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ทันที




   เขาโกรธ...




   เขาโกรธเมษาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...




   รู้ดีว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นห่วงเขาแค่ไหน   แต่ยังไงเขาก็ยังโกรธ...
   




   คิดๆไปก็ตลกดี   ตั้งแต่ได้เจอกับกวิน   ก็ดูเหมือนว่าชีวิตเขาได้เจออะไรใหม่ๆมากมาย  ทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย   ทั้งมีความสุขจนตัวลอย   ทั้งทุกข์จนไม่อยากตื่นมาเจอความจริง


   มองไปข้างหน้าแล้วก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะออกมาในรูปไหน   แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่าการอยู่เฉยๆไม่เยสไม่โนแบบนี้มันจะทำให้อะไรเกิดขึ้นบ้าง


   ไม่ได้เชื่อ...ไม่เคยคิดจะเชื่อว่าพี่วินของเขาทำเรื่องไม่ดีแบบนั้น   แต่ก็ไม่ได้คิดด้วยว่าพี่เมษจะโกหก   ปัญหาคงอยู่ที่เอกสารพวกนั้น   มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ...แต่อย่างไรก็ตาม...   




   เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง...   




   
   และในระหว่างที่เด็กหนุ่มปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปกับการหาทางออกที่ดูจะริบหรี่เหลือเกินอยู่นั้นเอง  เสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้น   เรียกให้เขาต้องหลุดออกจากภวังค์





   “ปอม...อยู่หรือเปล่า   พี่เอง...เปิดประตูให้หน่อยสิ" เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเอ่ยเรียกคนในห้อง   ถุงข้าวต้มปลาเจ้าอร่อยที่แวะซื้อก่อนเข้ามาถูกถืออยู่ในอุ้งมือใหญ่    ก็ในเมื่อโทรมาไม่รับ...เขาบุกมาเซอร์ไพรซ์เองถึงที่ก็ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกัน





   เด็กหนุ่มเจ้าของห้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงอันคุ้นเคยที่ได้ยิน...แววตาตื่นตระหนกขึ้นมาโดยฉับพลัน


   ...นี่คือสิ่งที่เขากลัว...





   เขากลัวการต้องเผชิญหน้ากับกวินในเวลานี้เหลือเกิน...

   เวลาที่เขายังไม่รู้ว่าควรเดินไปทางไหนดี...



   ทำยังไงดีล่ะทีนี้...




   “หรือยังไม่กลับวะ...ฟ้ามืดแล้วนะเนี่ย...” แว่วเสียงพึมพำมาจากหน้าประตูห้อง   ตามด้วยการเคาะลงบนบานประตูไม้อีกรอบ "ปอม...อยู่ไหม?”

   

   เด็กหนุ่มขบริมฝีปากล่างด้วยความกดดัน...


   และในอีกไม่ถึงนาทีให้หลังโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ไม่ไกลนักก็สั่นขึ้นมาอีกรอบ   โชคดีที่เขาปิดเสียงมันไว้   คนข้างนอกคงไม่ได้ยิน...

   แน่นอนว่าบนหน้าจอปรากฏชื่อที่คุ้นเคย...



   เด็กหนุ่มปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นด้วยความลังเลใจ   ถ้าหากเขารับ...จะเกิดอะไรขึ้น   แล้วถ้าไม่รับ...จะเกิดอะไรขึ้น...



   แล้วสุดท้ายเจ้าเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กก็หยุดเคลื่อนไหวลง   และมีข้อความถูกส่งเข้ามาแทนในเวลาต่อมา...




   -อยู่ไหนแล้ว
    พี่รออยู่ที่หน้าห้องปอมนะ   
    คิดถึง-


   

   รออยู่ที่หน้าห้อง...




   ...เหลือทางเลือกไหนให้เขาอีกบ้างไหม?...


   ...พอจะมีทางอื่นอีกหรือเปล่าที่ทำให้เขาไม่ต้องเจอหน้ากวินในตอนนี้?...





   ...เขาไม่พร้อม...






   หากแต่จนแล้วจนรอด   เมื่อเด็กหนุ่มส่องผ่านตาแมวไปสำรวจที่บริเวณหน้าห้อง   ก็ต้องพบว่าช่างภาพคนดังทำอย่างที่ว่าไว้ในเมสเสจจริงๆ   

   และเขาปล่อยให้กวินรออยู่แบบนั้นไม่ได้...

.
.

.


.

   “พี่วิน...” เสียงเรียกแผ่วเบาที่ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ถูกเปิดออกจากด้านในทำให้กวินที่ยืนเช็คอีเมล์ในมือถือฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อยต้องสะดุ้งขึ้นน้อยๆ   ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มที่เขาต้องการเจอที่แท้ก็อยู่ในห้อง..

   “อ้าว..พี่นึกว่าปอมยังไม่กลับซะอีก   ไม่ได้ยินเสียงเคาะหรือไง" กวินกล่าวทักทายไปแบบนั้นขณะเดินตามเจ้าของห้องเข้าไปภายใน   ฝ่ามือหนาลูบศีรษะทุยตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู



   และนั่นก็ยิ่งทำให้จักรวาลต้องเกร็งเนื้อเกร็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง...



   “อืม...ผมหลับอยู่น่ะครับ..” เด็กหนุ่มเลือกที่จะตอบออกไปแบบนั้น   แล้วค่อยๆขยับตัวให้พ้นสัมผัสก่อนที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้จนเผลอแสดงท่าทางอะไรออกมาเสียก่อน

   กวินนั่งลงบนพื้นห้อง   แล้วกล่าวติงในประโยคของคนรัก “ผมอีกแล้ว   ไหนบอกจะเรียกตัวเองว่าปอมไง"

   คนถูกท้วงส่งยิ้มจางๆให้อย่างเหนื่อยอ่อน "ลืมครับ  ขอโทษที...ว่าแต่พี่วินมาหาปอมวันนี้   มีอะไรหรือเปล่า...”

   เมื่อได้รับคำถามมาแบบนั้น   ถุงข้าวต้มปลาก็ถูกส่งมาตรงหน้า "ซื้อนี่มาฝาก...แล้วก็ว่าจะมาช่วยตัดโมเดลด้วย   ช่วงนี้งานเริ่มเยอะแล้วใช่ไหมล่ะถึงไม่ค่อยว่าง    ให้พี่ช่วยนะ...”

   

   ได้ยินอย่างนั้นเข้าไปเด็กหนุ่มก็ต้องสะอึก...



   “ว่าแต่ทำไมตาดูบวมๆล่ะปอม...” กวินตั้งคำถามขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาช้อนคางเด็กหนุ่มหมุนไปหมุนมาสำรวจดวงตาที่ดูจะโปนกว่าปกติ...อย่างกับ...




   คนร้องไห้...




   เพียงเท่านั้น   จักรวาลก็รีบดึงใบหน้าตัวเองออกจะฝ่ามือใหญ่ "ปอมไม่ค่อยได้นอนครับช่วงนี้   งานเยอะมากอย่างที่พี่ว่านั่นแหละ"

   “...งั้นเหรอ...” กวินรับคำเบาๆ   หากแต่คิ้วเข้มกลับค่อยๆขมวดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีที่วันนี้ดูจะประหลาดไปของคนรักตัวเอง "...ไม่มีอะไรใช่ไหมปอม...?....ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ?”

   

   สุ้มเสียงที่ถามออกมาอย่างอ่อนโยนทำเอาเด็กหนุ่มแทบจะหยุดหายใจไปตรงนั้นเสียให้ได้...



   กวินดูออกงั้นหรือ...



   “ผม....ปอม....” ริมฝีปากเย็นเยียบสั่นระริกขึ้นมาเมื่อถูกถามจี้จุด

   เห็นอย่างนั้น   คนที่นั่งอยู่อีกฟากก็รีบคลานเข้ามาใกล้พร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป "ปอม...เป็นอะไร?” ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อโอบรอบบ่าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มหลวมๆราวกับจะปลอบประโลม   แม้เขาจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มมีเรื่องอะไรในใจ


   ใบหน้าเรียวเงยขึ้นสบตากับชายหนุ่มข้างกาย   ริมฝีปากล่างถูกขบกัดลงไปอย่างแรงระบายความกดดันในใจโดยที่เจ้าของของมันเองก็ยังไม่รู้ตัว



   ดวงตาสองคู่สบกันอยู่อย่างนั้นสักพัก...ก่อนจะเป็นเด็กหนุ่มที่เอ่ยถามออกมา...



   “พี่วินครับ...ถ้าสมมุติว่า...” จักรวาลกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า "...ถ้าสมมุติว่า...ปอมหายไปจากชีวิตพี่...พี่จะเป็นยังไงเหรอ?”

   คนฟังเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อได้ฟังคำถามที่ถูกส่งมา "ถามอะไรอย่างนั้นปอม...ทำไม...มีอะไร?”

   เด็กหนุ่มส่ายหน้าแผ่วเบา "พี่ตอบมาก่อนสิ"

   ช่างภาพคนดังขมวดคิ้วไม่สบายใจ "ตอบไม่ได้หรอก...เพราะพี่ก็เดาไม่ออกว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้น   พี่จะทำยังไง...แต่ที่แน่ๆ   คงต้องแย่มาก...ถามอย่างนี้มีอะไรเหรอปอม...บอกพี่มาซิ...” ถ้าให้พูดตรงๆ   กวินคงต้องบอกว่าตอนนี้เขาใจเสียไปครึ่งนึงแล้ว   ไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไร...แต่ถ้าจู่ๆถามขึ้นมาอย่างนั้น   มันต้องไม่ใช่เรื่องดี

   

   จักรวาลกัดปากชั่งใจ...



   ใช่...มันคงต้องแย่มากๆ   ไม่สิ...มันคงแย่ที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้เลยหากว่ากวินหายไปจากชีวิต...



   ...แล้วเขาก็คงปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้...



   “พี่วินครับ...คือว่า...”





   -ก็อก ก็อก ก็อก-   






   “ปอม  เปิดประตูให้หน่อยสิ  นี่พี่เอง...”







   เสียงร้องเรียกที่ดังขึ้นจากหน้าประตูดูดกลืนคำพูดทั้งหลายที่เด็กหนุ่มเกือบจะหลุดมันออกมาอยู่แล้วให้กลับลงคอไปหมดในคราวเดียว   

   ไม่ต้องให้เอ่ยชื่อ  คนทั้งคู่ก็จำได้ดีว่าเสียงนี้เป็นของใคร




   “พี่เมษ....” เด็กหนุ่มครางแผ่วเบา 


   ไม่สิ...มันต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ



   ทำไมถึงต้องมาตอนนี้....



   “เขามาทำอะไรที่นี่" คำถามจากคนข้างกายถูกส่งมาอย่างสงสัย  น้ำเสียงที่จู่ๆก็เข้มขึ้นมาทำเอาเด็กหนุ่มทำอะไรต่อไม่ถูก   มือไม้สั่นเสียจนต้องแอบซ่อนมันไว้แนบลำตัว "เขามาที่นี่บ่อยเหรอ...?”

   เด็กหนุ่มมองสบเข้าไปในดวงตาคู่คม   หัวสมองขาวโพลนไปหมด...

   ...นี่เขาโดนใครบนฟ้าแกล้งอยู่หรือเปล่า...ทำไมทุกอย่างมันถึงได้เกิดขึ้นผิดเวลาเหลือเกิน...

   

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง "อยู่ไหมปอม?”



   เมื่อเห็นคนรักของตนได้แต่นั่งตัวแข็ง   ไม่ขยับแม้แต่ปาก   ช่างภาพคนดังก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ...


   สุดท้ายแล้วโดยที่คนเป็นเจ้าของห้องไม่ทันตั้งตัว   กวินก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญเสียเอง


   “สวัสดีครับคุณเมษา” นั่นเป็นคำกล่าวทักทายประโยคแรกที่เมษาได้รับจากคนที่ทำให้เขาต้องกัดฟันกรอด...   

   อย่าบอกนะว่ารุ่นน้องของเขาเล่ามันออกไปแล้ว...

   หากแต่หน้ากากการทูตที่เขาสวมมันประจำก็ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเก่า “สวัสดีครับคุณกวิน   แปลกใจจังเจอคุณที่นี่"

   ได้ยินดังนั้นคนฟังก็ต้องหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ "งั้นเหรอครับ  ผมเองก็แปลกใจที่เจอคุณที่นี่เหมือนกัน"



   เด็กหนุ่มเจ้าของห้องที่ลุกตามมารีบดึงแขนกวินกลับเข้ามาในห้อง   ก่อนจะเอาตัวเองไปยืนคั่น  กล่าวทักทายผู้มาเยือนเสียเอง "พี่เมษมีธุระอะไรครับ?”

   เมษามองแววตาตื่นตระหนกของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างครุ่นคิด   ตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรงด้วยความกลัวเสียจนรู้สึกเหนื่อยแม้จะยืนเฉยๆ   



   หวังว่าจักรวาลคงยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นให้กวินฟังหรอกนะ...



   จักรวาลเองก็รู้ดีว่าสายตาที่มองมาคู่นั้นกำลังอ่านเขาอยู่    เด็กหนุ่มก้มหน้าส่ายศีรษะเบาๆ    และเพียงเท่านั้น   โดยไม่ต้องมีคำพูดเมษาก็เข้าใจได้ทันที 

   ทายาทธนาคารชื่อดังยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก   ก่อนจะถือดีแทรกตัวผ่านประตูเข้าไปยืนในห้องโดยมีดวงตาคู่คมดุจากใครอีกคนจ้องมองเขาด้วยอารมณ์ไม่น่าพิศมัยนัก

   “วันนี้พี่เพิ่งพาลูกค้าไปเลี้ยงข้าวที่โรงแรมมา   เห็นมีเค้กน่ากิน   ปอมน่าจะชอบ   พี่ก็เลยซื้อมาฝาก" เมษาวางถุงกระดาษหน้าตาหรูหราลงบนโต๊ะตัวเตี้ยกลางห้อง

   หากแต่...แทนที่จะเป็นเด็กหนุ่มที่กล่าวอะไรขึ้นมา   กลับเป็นกวินที่เอ่ยปากเสียเอง "ขอบคุณแทนปอมด้วยนะครับ  โรงแรมไหนครับเนี่ย   เดี๋ยววันหลังผมพาปอมไปกินเองก็ได้   จะได้ไม่ต้องลำบากคุณเมษาต้องเอามาให้ถึงที่นี่"

   คนถูกถามเหลือบตามองเจ้าของประโยคแดกดัน "ไม่ลำบากหรอกครับ   เพื่อน้องผม   แค่นี้เรื่องเล็ก...”



   จักรวาลก้มหน้าฟังคนทั้งคู่ด้วยตัวที่สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม   รู้แค่ว่าบทสนทนาของคนทั้งคู่ตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกกดดัน...


   “ใจดีจังนะครับ" กวินเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง   ดวงตาคู่คมจ้องสบกับชายในชุดสูทเนี้ยบกริบตรงหน้าไม่หวั่นไหว



   และขณะที่บรรยากาศมันยิ่งดูเลวร้ายลงไปเรื่อยๆนั้น   เสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นจากใครอีกคน



   “พี่วินครับ   พี่เมษครับ" จักรวาลเรียกคนทั้งคู่แผ่วเบา  ใบหน้าเรียวยังคงก้มมองพื้นไม่ยอมสบตากับใครสักคน "วันนี้พี่สองคนกลับไปก่อนได้ไหมครับ   ผมเหนื่อยมาก...อยากนอนพักผ่อน"

   

   คนฟังทั้งคู่ขมวดคิ้วลงกับประโยคขับไล่ที่ได้ฟัง...



   “นะครับ...ผมเหนื่อยมากจริงๆ...”



   แล้วก็เป็นกวินที่กล่าวตอบกลับมา "โอเค   นอนเยอะๆนะปอม   ถ้ามีงานอะไรให้พี่ช่วยก็โทรมาได้เลย  ไม่ต้องเกรงใจ" ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นจับบ่าเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน "เอาล่ะครับ   เราไปกันเถอะคุณเมษา" และแม้ตอนมาจะมากันคนละที   แต่ตอนกลับ  เขาจะไม่ยอมกลับก่อนผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน   ยังไงก็ต้องออกไปพร้อมกัน

.
.

.


.

   คนทั้งคู่ออกจากห้องไปแล้ว



   ทันทีที่ประตูปิดลง  เด็กหนุ่มก็ทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง   สองมือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะ   เขารู้สึกเครียดมากเสียจนปวดหัวไปหมด...


   เมื่อครู่เขาแทบจะยืนไม่ไหวตอนที่เห็นเมษามายืนอยู่ตรงหน้าประตู...


   หากต้องให้เผชิญหน้าทั้งกวินทั้งเมษาพร้อมๆกันในตอนนี้เห็นทีเขาคงฝืนใจให้พูดจาเป็นปกติไม่ไหวแน่ๆ   เขาต้องการเวลาอีกสักพักก่อนจะต้องเจอหน้าใคร


   หากแต่ไม่ถึงห้านาทีให้หลังโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง   และเมื่อหยิบดูก็พบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรุ่นพี่สมัยมัธยมคนที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่

   ปลายนิ้วที่แทบจะไม่มีแรงกดรับสายลงไปอย่างจำใจ   พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเมษาต้องการโทรมาพูดเรื่องอะไร...



   “ครับพี่เมษ..” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า

   “ปอม...พี่หวังว่าปอมยังไม่ได้ทำลายสัญญาของเราหรอกใช่ไหม" นี่คือประโยคแรกที่ถูกกรอกเข้าหูโทรศัพท์มา...ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย...

   “สัญญาอะไรครับ...ผมยังไม่เคยสัญญาอะไรกับพี่สักคำ..”

   เมษาที่นั่งต่อสายมาจากในรถพ่นลมหายใจออกอย่างขัดอกขัดใจ "ปอม...ที่คุยกันไปวันนั้นปอมก็เข้าใจดีแล้วไม่ใช่เหรอ   รู้ใช่ไหมว่าถ้าปอมยังไม่เลิกยุ่งกับคุณกวิน  พี่คงต้องเอาจริง"

   “พี่เมษเลิกขู่ผมได้หรือยังครับ   ผมฟังประโยคนี้ของพี่มาเป็นสิบรอบแล้ว...” แม้เนื้อความของประโยคที่จักรวาลสวนกลับไปจะฟังดูโกรธเคืองแค่ไหน   แต่เชื่อเถอะว่าน้ำเสียงที่เขาสามารถใช้ได้ในตอนนี้เป็นเพียงแค่เสียงแผ่วๆเท่านั้น

   “พี่ไม่ได้ขู่   ไม่เคยอยากใช้วิธีนี้...แต่ถ้าปล่อยปอมไว้   ปอมก็ยังเจอกับคุณกวินเรื่อยๆ   ตัดขาดกันไม่ได้สักที...พี่เป็นห่วงปอมนะ...ตัดใจจากเขาเถอะ   เขาทำเรื่องแบบนี้ไว้   ในอนาคตก็มีแต่จะพาเราให้เจอแต่เรื่องเดือดร้อน...”

   “ไม่จริงหรอกครับ   ผมว่าเอกสารนั่นมันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด...ขอให้ผมได้ลองคุยกับพี่วินดูไม่ได้เลยเหรอพี่เมษ  นะครับ   ผมเชื่อว่าเรื่องทุกอย่างมันต้องออกมาดี   ไม่มีใครทำอะไรผิด   เป็นแค่เรื่องเข้าใจคลาดเคลื่อนกันแน่ๆ"

   “พี่บอกแล้วไงว่าอย่า...” เสียงทุ้มนุ้มที่เคยฟังดูอบอุ่น   บัดนี้มันช่างฟังดูเคร่งขรึมไร้ชีวิตชีวา "...ถ้าคุณกวินรู้ว่าเรารู้   เรื่องมันยุ่งกว่านี้แน่ปอม   ไม่คิดเหรอว่าเขาคงหาทางทำอะไรสักอย่างแน่...ถึงตอนนั้นปอมอาจจะเจ็บปวดมากกว่าตอนนี้หลายเท่าก็ได้”



   เมษาคนที่เคยเป็นพี่ชายใจดีสมัยตอนอยู่โรงเรียนหายไปไหนแล้วนะ...



   น้ำตาเอ่อขึ้นมาบดบังการมองเห็น   หากแต่เด็กหนุ่มก็ยังพยายามรักษาน้ำเสียงให้นิ่ง "อะไรสักอย่างของพี่มันอะไรล่ะ...พี่ก็เอาแต่พูดอย่างนี้   พี่เชื่อแบบนี้ของพี่คนเดียว   พี่วินไม่ใช่คนเลว   ผมยืนยันได้   ถามจริงๆนะครับ...พี่จะให้พี่วินอยู่แบบคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนี้เหรอครับ?...พวกผมต้องตัดขาดกันเพราะเรื่องที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเข้าใจผิดน่ะเหรอครับ?”


   
   “เชื่อพี่เถอะว่าเดินจากมาเงียบๆแบบนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว...” เมษากล่าวเสียงเรียบ   ความรู้สึกร้อนรุ่นในอกทำเอาแอร์ในรถแทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย



   “พี่เมษครับ" เด็กหนุ่มเรียกชื่อคู่สนทนาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเลื่อนลอย







   "....พี่เมษเคยรักใครไหมครับ?...”







   เมษาสะอึกไปกับคำถามที่ได้ฟัง   รู้สึกราวกับโดนเอาเหล็กร้อนมาจี้ลงไปที่หัวใจ







   “...เคยสิ...รักมากๆด้วย...”








   “ถ้าเคย...แล้วทำไมพี่ถึงไม่เข้าใจความรู้สึกผมบ้างครับ?” จักรวาลเอ่ยถามออกไปอย่างใจคิด "ทำไมพี่ทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ?   ทำไมพี่ทำเหมือนพี่ไม่เคยรักใคร?  พี่เคย 'รัก' จริงๆน่ะเหรอครับ?”
   

   




   และเพียงเท่านั้น  เส้นความอดทนของชายหนุ่มก็ขาดผึงลง   ฝ่ามือชื้นเหงื่ออีกข้างกำพวงมาลัยไว้แน่น "ปอมจะรู้อะไร! คิดเหรอว่าการได้รู้จักกันได้แค่ไม่กี่เดือนจะทำให้รักกันได้! ไม่มีทาง!   มันเทียบอะไรกับที่พี่รักคนๆนั้นของพี่มาเป็นปีๆไม่ได้หรอก   ไม่ได้เลยสักนิด   ดังนั้นอย่าเอาความรักของพี่มาเทียบกับความหลงของปอม! มันเทียบกันไม่ได้เลย!”




   “พี่รู้ได้ยังไงว่าเวลาไม่กี่เดือนจะทำให้รักกันไม่ได้!  ถ้าพี่วัดเรื่องความรู้สึกจากระยะเวลา   ก็แปลว่าพี่ไม่ได้รู้จักความรักดีพอเลยสักนิด!"





   “หยุดนะ! หยุดพูดจาอวดดีได้แล้ว!" ชายหนุ่มมาดผู้ดีตะโกนดังลั่นรถอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ "ฟังนะ! พี่ขอยื่นคำขาด   ไปเลิกกับเขาซะ  ถ้าพี่รู้ว่าปอมยังติดต่อกับเขาอีกคราวนี้พี่จะไม่เตือนอะไรอีกแล้ว   เอกสารฉบับนั้นจะไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ทันทีโดยที่พี่จะไม่บอกอะไรกับปอมทั้งสิ้น...แล้วก็อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ว่าปอมกับเขายังเจอกันหรือโทรหากันอยู่ไหม   รู้ใช่ไหมว่าเรื่องแค่นี้พี่เช็คได้ไม่ยากเลย   แต่ถ้ายังไม่ฟังกัน...ก็ลองดู   จะคบ  จะคุยกันต่อก็เอา   แล้วกว่าปอมจะรู้สึกตัว   ถึงตอนนั้นคุณกวินก็เข้าไปนอนกินข้าวแดงอยู่ในคุกแล้ว!"   




   โทรศัพท์ถูกตัดสายไปพร้อมความเดือดดาลของคนพูด   ทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มที่นั่งฟังทั้งน้ำตา...




   เมษาเป็นอะไรไป...ทำไมพี่ชายใจดีของเขาถึงเป็นไปได้ขนาดนี้กัน...







TBC.

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
หัวใจหลังเลนส์
#33



   ภาพถ่ายมากมายหลายร้อยใบที่ควรจะถูกเลือกส่งไปให้ลูกค้าถูกมองผ่านๆโดยช่างภาพหนุ่มที่ดูวันนี้จะสมาธิเสียไปไม่น้อย

   เรื่องเมื่อคืนวานยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของกวิน   ท่าทีของคนรักที่ดูยังไงก็บอกได้ว่าต้องมีปัญหาในใจสักอย่างทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง  หากแต่จากข้อมูลเพียงนิดเดียวก็ไม่สามารถทำให้เขาเดาได้ว่าไอ้ปัญหาที่ว่าน่ะมันคือเรื่องอะไร 



   วันนี้ก็ยังคงเหมือนเคยที่เขาโทรไปแล้วเด็กหนุ่มไม่ยอมรับสาย...



   '...ถ้าสมมุติว่า...ปอมหายไปจากชีวิตพี่...พี่จะเป็นยังไงเหรอ?'



   ประโยคคำถามประโยคนั้นมันหมายความว่ายังไง...ฟังแล้วไม่สบายใจเลยจริงๆ


   
   และระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่ว่าอยู่นั้น   โทรศัพท์ตั้งโต๊ะเบอร์บริษัทก็ดังขึ้นขัดจังหวะให้เขาต้องเอื้อมมือออกไปยกหูขึ้นรับสาย

   
   “สวัสดีครับ  กวินพูดครับ" น้ำเสียงสุขุมเช่นนี้มักจะถูกใช้เสมอหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน

   หากแต่คู่สายกลับไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกิ๊ฟท์  สาวสวยประจำเคาท์เตอร์ต้อนรับนั่นเอง "สวัสดีค่ะพี่วิน   นี่กิ๊ฟท์เอง   พี่วินคะ   คือคุณเมษาจะมาขอพบน่ะค่ะ    พี่วินสะดวกให้เข้าพบไหมคะ"

   เมื่อได้ยินชื่อที่ฟังดูเฝื่อนหู   ช่างภาพคนดังก็ต้องรู้สึกหน้าตึงขึ้นมาดื้อๆ "...งั้นเหรอ   เขาจะมาเมื่อไหร่ล่ะ"

   “เอ่อ...ตอนนี้เลยค่ะ   คุณเมษามารออยู่ที่บริษัทแล้ว..."

   กวินเลิกคิิวขึ้นเล็กน้อย   ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "เอาสิ   เชิญเขาเข้ามาที่ห้องพี่เลย"

   ฝ่ามือใหญ่วางหูโทรศัพท์ลง   ในหัวพยายามคาดเดาถึงเหตุผลที่ผู้ชายคนนั้นมาขอพบเขาในวันนี้...




   ...เห็นทีคงไม่พ้นเรื่องเมื่อวาน...





   เสียเวลารอเพียงไม่นาน   ประตูบานเลื่อนสีดำก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นชายหนุ่มมาดดีในชุดสูทเนี๊ยบกริบที่วันนี้ไม่ยักมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจเหมือนทุกที

   เมษาก้าวเข้าห้องมาก่อนจะปิดประตูลง

   “สวัสดีครับคุณกวิน   ขอโทษที่มารบกวนกระทันหัน   แต่วันนี้ผมปลีกตัวออกมาจากบริษัทได้แค่ช่วงนี้ช่วงเดียว" คำกล่าวทักทายถูกส่งมาให้คนเป็นเจ้าของห้องพร้อมกับการเดินเข้ามาใกล้บริเวณหน้าโต๊ะทำงานของช่างภาพคนดัง

   กวินไม่ปล่อยให้บทสนทนาเริ่มขึ้นอย่างยืดเยื้อ   ชายหนุ่มเพียงทักสั้นๆแล้วพาเข้าประเด็นทันที   แต่ที่จริงแล้วเขาก็สัมผัสได้เช่นกันว่าเมษาเองก็ไม่ได้อยากอยู่คุยกับเขานานนักหรอก “สวัสดีครับคุณเมษา   มีธุระอะไรถึงได้มาหาผมถึงนี่"

   “คาดว่าคงพอจะเดาออกอยู่แล้ว...วันนี้ผมมาพูดเรื่องปอมครับ" เมื่อวานหลังโดนจักรวาลขอร้องให้กลับ   พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เดินออกจากห้องพักเล็กๆนั้นมาอย่างจำใจ   นอกจากการลอบสังเกตฝ่ายตรงข้ามและคำกล่าวลาอย่างเสียมิได้ตรงหน้าหอแล้ว  ทั้งเขาและกวินต่างก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวโดยไม่ได้เปิดบทสนทนาใดๆขึ้นเลย

   แต่หลังจากที่ทายาทธนาคารหนุ่มได้กลับไปนั่งไตร่ตรองสถานการณ์ดูแล้ว   เห็นทีว่ารุ่นน้องที่รักของเขาคงไม่มีทางใจแข็งพอที่จะเอ่ยตัดขาดกับช่างภาพคนดังอย่างที่เขาต้องการสำเร็จแน่นอน


   

   สงสัยหน้าที่นั้น...ต้องกลายเป็นของเขาเสียเอง...




   กวินขยับตัวคลายความอึดอัดเล็กน้อยก่อนกล่าวรับเสียงเข้ม “ว่ามาเลยครับ...”

   “ก่อนอื่นต้องขอโทษล่วงหน้า   เพราะวันนี้ผมจะไม่ขออ้อมค้อมนะครับ" รอยยิ้มที่มักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาน่ามองนั่น   บัดนี้ถูกเก็บไว้ไม่เอาออกมาใช้   เหลือเพียงความเคร่งขรึมจริงจังที่กวินเองก็ไม่เคยเห็นจากเมษามาก่อน

   “เชิญเลยครับ   ตามสบาย"

   เมษาหยุดปากพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมดุตรงหน้าครู่หนึ่งราวกับต้องการเว้นจังหวะให้คนฟังสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด   ก่อนที่เขาจะได้จังหวะกล่าววาจาไม่น่าฟังที่สุดออกไป







   “...ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับปอมครับ...”







   คิ้วหนาเข้มขมวดลงด้วยความไม่พอใจอย่างไม่มีการปิดบัง


   ...ก็แน่สิ...อีกฝ่ายพูดมาถึงขนาดนี้   เขาคงไม่มีอะไรต้องรักษาน้ำใจกันอีก


   “หมายความว่ายังไงครับ?  คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาแบบนี้?”




   “ผมหมายความอย่างที่พูดตรงตัวเลยครับ   ผมทราบมาว่าคุณกำลังตามจีบปอมอยู่   และผมอยากให้คุณหยุดครับ" เมษาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้สีหน้า

   กวินจ้องไปยังคู่สนทนาด้วยสายตาแข็งกร้าว "ไม่ใช่ตามจีบแล้วครับ   ตอนนี้พวกเราคบกันอยู่...ผมกับปอมเป็นแฟนกันแล้ว" ช่างภาพหนุ่มกล่าวอย่างท้าทายอยู่ในที "แต่ยังไง  ผมคงต้องขอถามคุณหน่อยว่าที่มาพูดกับผมแบบนี้   คุณมีเหตุผลอะไร"

   

   “เป็นแฟนกันอยู่หรือครับ?   คุณแน่ใจแล้วหรือครับว่าปอมเข้าตกลงปลงใจกับคุณแล้วจริงๆ"

   

   ประโยคที่ได้ฟังทำเอาชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีน้ำร้อนมาเดือดปุดๆอยู่ในใจ "พูดอย่างนี้คุณหมายความว่ายังไง?  อยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า”

   เมษาหลุบตาลงต่ำพลางเรียบเรียงคำพูดในหัว

   “เท่าที่ผมทราบมาจากปอม   ผมว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับการต้องทนไปไหนมาไหนกับผู้ชายในฐานะที่คุณต้องการเลยนะครับ   เรื่องนี้คุณน่าจะรู้ดี...น้องชายผมไม่ได้เป็นเกย์"

   ได้ฟังดังนั้นกวินก็ต้องกำหมัดแน่น "ผมกับปอมเคยคุยเรื่องนั้นกันไปแล้ว   แล้วเราก็เข้าใจกันดี" เสียงทุ้มต่ำที่ช่างภาพหนุ่มใช้ในเวลานี้ฟังดูน่าเกรงขาม "คุณมีจุดประสงค์อะไรผมไม่แน่ใจ    แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ากว่าที่ผมกับปอมจะผ่านมาได้ถึงขั้นนี้   ไม่ใช่แค่ผมไปจีบเขาแล้วเราจะได้เป็นแฟนกันง่ายๆแบบที่คุณคิด   ปัญหาที่คุณชี้ขึ้นมาพวกเราผ่านกันมาแล้ว   และคุยกันรู้เรื่องไปแล้วด้วย...”



   กวินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า...หนักแน่น...จริงจัง...และแข็งกร้าว



   “แล้วก็นะคุณเมษา...คุณเองเถอะ   คำว่า 'น้องชาย' ที่คุณใช้...แน่ใจแล้วเหรอว่าคิดกับ 'คนรัก' ของผมแค่นั้นจริงๆ   อย่าคิดว่าปอมดูไม่ออกแล้วผมจะดูไม่ออกนะ"

   เมษากัดฟันกรอด   สายตามองนิ่งไปยังอีกฝ่ายด้วยความเจ็บใจ   หากแต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เขาจะยอมยืนฟังอยู่แบบนั้น "แล้วยังไงครับ   ผมรู้สึกกับปอมยังไงน่ะไม่สำคัญหรอก   เรื่องที่สำคัญกว่าคือผมไม่เคยคิดจะไปทำให้เขาต้องอยู่แบบผิดธรรมชาติอย่างที่คุณทำ!"

   

   “คุณ!” กวินตวาดเสียงดังลั่นห้องด้วยความเดือดดาล   ข้อความที่เมษากล่าวมาทั้งหมดนั้นทำเอาเขาอยากจะพุ่งเข้าไปตะบันหน้าไอ้คุณชายสักที




   “เท่าที่เห็น  คุณอาจจะคิดว่าปอมมีความสุขดี   แต่คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าเขาจะต้องขมขื่นขนาดไหนที่ต้องมาทนอยู่กับผู้ชายด้วยกัน   ผมจะบอกให้คุณรู้ไว้เลยนะว่าเหตุผลเดียวที่เขายังคงติดแหงกอยู่กับคุณแบบนี้น่ะ   เพียงแค่เพราะคุณคือกวิน  จารุกิตติ์   ช่างภาพคนที่เขาชื่นชมในฝีมือและเคยมีบุญคุณต่อเขา   คนขี้เกรงใจอย่างปอมน่ะคิดอยู่ตลอดเวลานั่นแหละว่าใครเคยทำอะไรให้เขา   เขาจะต้องทดแทน   น้องผมเป็นคนอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร...สรุปง่ายๆเลยคือ   ที่เขายอมคุณไม่ใช่เพราะรักแต่เป็นเพราะเขาไม่กล้าปฏิเสธคุณไงล่ะ   และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องเป็นคนมาพูดเอง   ไม่อย่างนั้นปล่อยไว้ยังไงปอมก็ไม่มีวันกล้าออกปากเองหรอก   เข้าใจหรือยังครับ"




   คำบอกเล่าที่ได้ฟัง   ต่อให้หนักแน่นขนาดไหนแต่ก็ทำเอากวินเซไปได้ไม่น้อย

   

   “นั่นมันเรื่องที่คุณคิดเอาเองทั้งนั้น   ฟังนะคุณเมษา...'พี่ชาย' อย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินเรื่องนี้แทนปอม    ผมกับเขาเรากำลังไปกันด้วยดี   ถ้ารักน้องจริงก็กลับไปเปลี่ยนความคิดมาใหม่เถอะ   หรือถ้าคิดจะมาตีท้ายครัว...ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าคุณไม่มีทางทำสำเร็จ!" กวินกล่าวด้วยหน้าตาขึงขัง   แววตาที่ฉายออกมาดูโกรธจัด   ชายหนุ่มยกแขนขึ้นผายมือไปยังประตูห้องบานเดิม "ผมคิดว่าบทสนทนาของเราควรจะจบลงตรงนี้  ก่อนที่ผมจะมองคุณแย่ไปกว่านี้   เชิญครับ"

   เมษายืนนิ่งมองคนที่ออกปากไล่เขาอยู่ครู่   ถ้าเข้าใจไม่ผิด...เขาคิดว่าเขาเห็นแวววูบไหวน้อยๆในดวงตาของช่างภาพหนุ่ม   

   


   ...สงสัยว่าวันนี้เขาจะไม่ได้มาเสียเที่ยว...





   “ก็ได้ครับ   ผมเองก็ไม่ได้อยากมายืนให้คุณโกรธเคืองอยู่อย่างนี้นานนักหรอก   แต่ยังไงก็ลองคิดถึงสิ่งที่ผมพูดดูนะครับ...แล้วก็ตัดสินใจเอาซะว่าอยากให้ปอมมีความสุขจริงๆหรือจะยังเห็นแก่ตัวเก็บเขาไว้แบบนี้...”





   เมษาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนก้าวออกจากห้องไป   ทิ้งไว้เพียงปมใหม่ในใจของช่างภาพหนุ่ม



   บทสนทนาระหว่างเขาและเต้เมื่อวานวกกลับเข้าสมองมาอีกรอบ...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “แน่ใจแล้วเหรอวะมึง   จะมาอยู่กับกูเนี่ย" อ้นถามขึ้นกับเพื่อนรักที่นั่งซึมอยู่เคียงไหล่กันบนรถเมล์สายที่คนไม่แน่นนัก "กูล่ะกลัวมึงเฉาตายจริงๆเลยไอ้ปอมเอ้ย"

   วันนี้ไอ้เพื่อนตัวดีของเขามันแบกเป้ใบโตมาเรียนที่คณะ   ก่อนจะบอกกับเขาตอนนั่งฟังเลคเชอร์ว่าจะขอมาอยู่ที่หอด้วยสักระยะ   สำหรับคนที่ไม่ได้แชร์ห้องกับรูมเมทที่ไหน   มีเพื่อนมาอยู่ด้วยสักคนก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก   แต่สีหน้าเศร้าสร้อยราวกับหมาตายของมันเริ่มทำให้ไม่แน่ใจนัก   และเมื่อเอ่ยถามเหตุผลออกไป   เรื่องที่เจ้าตัวเล่าให้ฟังก็ทำเอาเขาอยากเอาหัวโขกกำแพงมันเสียเดี๋ยวนั้น



   เพิ่งคบกันได้ไม่กี่วันก็มีปัญหาเสียแล้ว...




   คนถูกถามเพียงร้องรับในลำคอเบาๆพลางนั่งเหม่อมองออกไปนอกตัวรถ   ตึกรามบ้านช่องที่ผ่านตาไปเรื่อยๆไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นสักนิด

   

   จักรวาลรู้ดีว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันคือการหนี   หนีจากทั้งกวินและเมษา...




   หนีไปดื้อๆ...



   “มึงจะหลบคุณกวินเขาไปได้สักกี่วันกันวะ   ไปคณะยังไงก็เจออาจารย์วิทย์   กูว่ามึงไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องไม่ดีกว่าเหรอ   พี่เมษไม่น่าใจร้ายทำอย่างที่พูดจริงๆหรอกมั้ง" เสียงแหบห้าวกล่าวออกความเห็น   เขาเองเคยรู้จักกับเมษาผ่านๆมาบ้าง   เท่าที่เห็นก็ดูเป็นคนใจดีแล้วก็เอ็นดูไอ้เพื่อนรักของเขาจะตายไป   

   เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมาหาคนพูด "แล้วถ้าเขาทำล่ะ?”


   “ก็...” โดนถามกลับมาอย่างนั้นอ้นเองก็พูดอะไรต่อไม่ได้   เขามันคนนอก   เรื่องราวที่ได้ฟังมาก็กระท่อนกระแท่นเนื่องจากไอ้คนเล่าพอได้พูดขึ้นมาแล้วก็ร้องไห้อย่างกับปี่แตกจนต้องพาออกมานั่งคุยกันตรงบันไดหนีไฟแทนในห้องเลคเชอร์ "...เอาน่ามึง   ทุกอย่างมีทางออกเว่ย"


   โทรศัพท์ที่สั่นขึ้นในกระเป๋ากางเกงทำเอาจักรวาลสะดุ้ง   เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมาดูด้วยมือที่ไร้เรี่ยวแรง   ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่ในนาทีนี้

   
   เด็กหนุ่มจดจ้องมันอยู่อย่างนั้นนิ่งๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับนิ้วกดรับหรือแม้แต่ตัดสาย


   อ้นเหลือบตามองชื่อคนโทรเข้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "รับสายสิวะมึง"


   จักรวาลส่ายศีรษะเบาๆ   แล้วปล่อยให้เครื่องมือสื่อสารในมือสั่นอยู่อย่างนั้นจนหยุดไปเอง   หากแต่ในอีกไม่กี่วินาทีถัดมามันก็สั่นขึ้นอีกอย่างที่คาดไว้   ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยังคงให้มันเป็นแบบนั้นอยู่อีกหลายต่อหลายที





   ...เขาไม่กล้ารับมันหรอก...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “รับหน่อยสิปอม...” เสียงทุ้มต่ำร้องขึ้นกับตัวเองอย่างไม่สบายใจ 


   คงต้องยอมรับตามตรงว่าคำพูดเมื่อช่วงบ่ายของเมษามันรบกวนจิตใจเขาอยู่ไม่น้อย


   จักรวาลขี้เกรงใจ...ข้อนั้นเขารู้ดีกว่าใคร


   จักรวาลไม่ได้ชอบผู้ชาย...ข้อนั้นเขายิ่งรู้ดีกว่าข้อที่แล้วเสียอีก


   ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่ทายาทแบงค์หนุ่มคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องที่เป็นไปได้...ในเมื่อคิดดูดีๆแล้ว...เขาก็ยังไม่เคยได้คำยืนยันให้มั่นใจจากเด็กหนุ่มแม้แต่ครั้งเดียว


   ทางเดียวที่จะรู้ได้คือต้องถามเอาจากเจ้าตัว...


   เขาอยากไปถามเด็กหนุ่มให้มั่นใจดูสักที   ว่าเขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียว...






   อยากมั่นใจว่า...อีกฝ่ายก็รู้สึกกับเขาไม่ต่างกัน...






   แต่ตอนนี้...ไม่ว่าจะพยายามโทรติดต่อเท่าไหร่   ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเสียที

   
   โดยไม่เสียเวลาคิดต่อให้ยืดเยื้อ  ชายหนุ่มตัดสินใจคว้ากุญแจรถก่อนเดินดุ่มๆออกจากบริษัทไป...

.
.

.


.

   ไม่อยู่...



   เคาะประตูกี่รอบก็ไม่มีใครมาเปิด...



   รอนานกี่ชั่วโมงก็ยังไม่กลับ...



   จากที่เพียงแค่รู้สึกไม่สบายใจ   ตอนนี้ช่างภาพหนุ่มกลับรู้สึกร้อนในอกมากขึ้นเป็นเท่าตัว   

   เขามาป้วนเปี้ยนอยู่แถวหอพักของเด็กหนุ่มได้สามสี่ชั่วโมงแล้ว   แต่ก็ยังไร้วี่แววว่าคนรักของเขาจะกลับมาแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้วก็ตาม


   “สวัสดีพี่วิทย์” เมื่อคิดอะไรไม่ออกชายหนุ่มก็ตัดสินใจต่อสายหาพี่ชายที่น่าจะได้เจอกับจักรวาลที่คณะ “พี่...คือผมมีอะไรจะถามนิดนึง   วันนี้พี่เห็นปอมบ้างไหม?  ปอมไปเรียนหรือเปล่า?”

   “เอ...วันนี้ฉันไม่มีสอนเด็กปีสี่นะ...แต่ก็เดินสวนกันครั้งนึงตอนกลางวัน   ทำไม?...มีอะไรเหรอ?”

   “ก็ผมมานั่งรออยู่ที่หน้าหอตั้งแต่หกโมงเย็น   ตอนนี้ปอมก็ยังไม่กลับเลย   โทรไปก็ไม่รับ    พี่พอจะรู้ไหมว่าเขาไปไหน?   เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” ช่างภาพหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

   “อืม...อาจจะนั่งทำงานอยู่ที่สตูดิโอก็ได้นะ   บางทีไอ้เจ้าพวกนี้ก็อยู่โต้รุ่งที่คณะกันทั้งคืน    ถ้าอยากหาแกก็ลองไปที่คณะแล้วขึ้นไปชั้นเจ็ดดู   สตูปี่สี่อยู่ชั้นนั้นแหละ...แต่ฉันไม่รับประกันนะเว่ยว่าจะอยู่หรือเปล่า    แค่เดาเฉยๆ”

   “โอเค...ขอบคุณมากพี่   เดี๋ยวผมจะลองไปหาดู”

   ทันทีที่วางสายลง   กวินก็ก้าวขึ้นรถเพื่อตรงไปยังจุดหมายต่อไปที่กรวิทย์แนะนำมาทันที

.
.

.


.

   ภายในห้องกว้างขวางที่เต็มไปด้วยโต๊ะเขียนแบบนับร้อยตัว   ยังคงมีไฟเปิดอยู่หรอมแหรมเป็นจุดๆ   นักศึกษาชายหญิงราวสิบสี่สิบห้าคนกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองอย่างขมักเขม้น   และทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดพร้อมกับการก้าวเข้ามาของผู้มาใหม่   บางคนในจำนวนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ

   ร่างสูงใหญ่ของชายไม่คุ้นหน้ากลายเป็นจุดสนใจในเวลาต่อมา

   กวินกวาดสายตามองไปทั่วห้อง   หวังจะได้พบกับใบหน้าที่เขาอยากเจอ   หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าเป้าหมายของเขาไม่ได้อยู่ในห้องนี้อย่างที่กรวิทย์คาดไว้

.
.

.


.

ดวงตาเรียวหรี่ของนักศึกษาหนุ่มที่กำลังร่างแปลนอยู่ที่โต๊ะเพิ่งจะสังเกตุเห็นถึงอาการของเพื่อนๆรอบข้างจึงค่อยๆหันมองไปตามสายตาหลายคู่เหล่านั้น    ก่อนจะต้องผงะไปเมื่อพบว่าชายคนที่ยืนชะเง้ออยู่บริเวณทางเข้าสตูดิโอเป็นใคร

นิ้วมือกลมอวบเร่งสะกิดเพื่อนหน้าหนวดข้างกายยิกๆ “ไอ้เจๆ   ดูนั่น!”

“อะไรของมึงเหี้ยเม้ง   ตีฟกูเบี้ยวเลยเห็นไหมเนี่ย!” คนโดนเรียกบ่นกระปอดกระแปดพลางขยับมือลบเส้นที่วาดผิดเมื่อครู่ออกอย่างระมัดระวัง    ก่อนที่สุดท้ายก็ต้องยอมหันไปมองตามอย่างเสียมิได้เนื่องจากไอ้แป๊ะยิ้มข้างๆมันไม่ยอมเลิกสะกิดเขาเสียทีนี่สิ

และทันทีที่หันกลับไป   เจเองก็ต้องแสดงปฏิกิริยาไม่ต่างจากเพื่อนรักเท่าไหร่เลย



ท่านกวินของไอ้ปอม...ที่สตูดิโอของพวกเขา...ณ เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ...ในวันที่ปอมเพิ่งจะร้องไห้ฟูมฟายไปเมื่อช่วงกลางวัน...



อืม...เอายังไงดีวะ...



กวินยังคงยืนนิ่งกวาดตามองไปทั่วห้องอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าคนรักของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ   หากแต่ครั้งนี้สิ่งที่หยุดสายตาเขาไว้คือนักศึกษาหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาสองคนที่เพิ่งจะหันหลังกลับมาซึ่งกวินจำได้ดีว่าเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของจักรวาล

โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน    ช่างภาพคนดังก็เดินดุ่มๆตรงไปยังคนทั้งสองที่นั่งมองเขาอยู่แล้วเช่นกัน

เม้งกับเจเผลอตัวเหลือบมองหน้ากัน   ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ชายตรงหน้าโดยอัตโนมัติ

“สวัสดีครับ    เพื่อนสนิทของปอมใช่ไหม?” กวินเอ่ยถามประโยคแรกขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังที่ทำเอาคนฟังต้องยิ้มออกมาแห้งๆ

“ครับผม...คุณกวินมาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย” เป็นเจที่ตอบกลับมา   เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรหน้าผาก   ก็เพื่อนเขากับท่านกวินผู้นี้มีปัญหาอะไรกันพวกเขาก็ยังไม่รู้เลยนี่สิ   รู้แค่ว่าวันนี้เจ้านั่นมันร้องไห้ระหว่างนั่งคุยกับไอ้อ้นแล้วสักพักก็พากันออกไปปรับทุกข์กันแค่สองคน    รู้เรื่องเพียงแค่นี้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก


   “มาหาปอม...น้องพอจะรู้ไหมว่าคืนนี้ปอมเขาไปไหน   โทรไปไม่ยอมรับ   ไปรอที่ห้องก็ไม่กลับมาเลย...”


   น้ำเสียงที่ทั้งสองหนุ่มได้ฟังจากช่างภาพคนดังตรงหน้าฉายชัดถึงความเป็นห่วง   หากแต่พวกเขาก็ไม่รู้จะตอบยังไง...รู้นะว่าวันนี้เจ้าเพื่อนตัวเล็กมันย้ายสำมะโนครัวไปอยู่หออ้นชั่วคราว   แต่ประเด็นคือ...พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนี้ให้กวินรู้หรือเปล่า   สุดท้ายแล้วทั้งคู่จึงทำได้เพียงส่ายหน้าออกไปเจื่อนๆ

   ได้รับคำตอบอย่างนั้นกวินก็ยกมือขึ้นกุมขมับ...ตอนนี้นอกจากความกังวลเรื่องที่ถูกเมษาพูดกรอกหูเมื่อตอนบ่าย   มันยังมีความเป็นห่วงปริมาณมหาศาลแทรกเข้ามาอีก   ดึกดื่นป่านนี้ติดต่อไม่ได้...บ้านก็ยังไม่กลับ...หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนรักของเขากัน...ประสบอุบัติเหตุหรืออาจไปเจอคนไม่ดีพาไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้...



   “ถ้าอย่างนั้น...พวกน้องพอจะมีวิธีอื่นที่ติดต่อกับเขาได้นอกจากเบอร์มือถืออีกไหม    หายไปดึกดื่นอย่างนี้มันไม่ปกติแล้ว...”



   คนถูกถามทั้งสองมองหน้ากันไปมา...



   เห็นอาการเป็นกังวลเสียมากมายของคนตรงหน้าก็รู้สึกไม่ดี...แต่ครั้นจะให้บอกว่าเพื่อนเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอนุญาตไหม...



   กวินยังคงรอคอยคำตอบจากนักศึกษาหนุ่มทั้งสองอย่างมีความหวัง...



   “...เอ่อ...คือ...” เจกระอึกกระอักกล่าวออกมา “...คุณกวินไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ...คือ...ไอ้ปอมมันอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแน่นอน...”

   


   ได้ยินดังนั้นคนฟังก็ต้องชะงักไป   คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันอย่างเคลือบแคลง “ปอมอยู่ในที่ที่ปลอดภัย?...หมายความว่าพวกน้องรู้เหรอว่าปอมอยู่ที่ไหน?”

   เจกับเม้งเหลือบมองหน้ากันอย่างลำบากใจ    ก่อนจะเป็นเจอีกครั้งที่สารภาพออกมาเสียงแห้ง



   “...ครับ...”

   
   “แล้วถ้าอย่างนั้นตอนนี้ปอมอยู่ที่ไหนล่ะ?”


   “คือ...พวกผมบอกได้แค่นี้แหละครับ...ต้องขอโทษจริงๆ”


   ประโยคที่ได้ฟังทำเอาช่างภาพคนดังหัวสมองตีบตันไปหมด   อย่าบอกนะว่าจักรวาลกำลังพยายามหนีหน้าเขา “...ทำไม...?”

   คนถูกถามทั้งสองไม่ได้ตอบอะไรกลับมา   ทั้งคู่เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาส่ายหัวเบาๆอย่างรู้สึกผิดแม้ความจริงแล้วมันจะไม่ใช่ความผิดของพวกเขาก็ตาม...

.
.

.


.

   กวินเดินกลับออกมาจากตึกคณะในสภาพไร้วิญญาณ

   จักรวาลกำลังหลบหน้าเขา...

   เป็นเพราะอะไรล่ะ...ถ้าเหตุผลคือเรื่องที่เมษาพูด...แล้วความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่เขาสัมผัสได้หลายๆครั้งมันคืออะไร?...ไม่ใช่ว่าใจตรงกันหรอกหรือ...



   ไม่สิ...



   เรื่องมันไม่น่าเป็นแบบนี้...


   เมษาเข้ามาหาเขาถูกจังหวะเกินไป...



   สาเหตุของเรื่องมันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ...เพราะจักรวาลเองก็มีใจให้เขาไม่ใช่หรือไง...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   วันนี้ก็เป็นอีกวันที่กวินพยายามติดต่อเด็กหนุ่มอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง   มือถือที่ชาร์จแบตเตอร์รี่มาจากบ้านจนเต็มก็แทบจะดับลงเสียตั้งแต่ยังไม่พักเที่ยง...

   สองสามวันที่ผ่านมาเขาพยายามหาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดปลีกตัวจากงานเพื่อไปรอพบเด็กหนุ่มที่คณะ    หากแต่ไม่ว่าครั้งไหนเขาก็ไม่ได้เจอเสียที   ซ้ำ...ด้วยเวลาที่ไม่เอื้ออำนวยก็ทำให้เขามีเวลาไม่มากนัก   เพียงพักเดียวก็ต้องกลับไปทำงานต่อ

   ความรู้สึกเชิงลบมากมายถาโถมเข้าใส่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดหย่อน   และต้นเหตุเดียวที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้คือการไม่รู้

   เขายังไม่รู้อะไรทั้งสิ้นว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไง   ถ้าเพียงแต่เขาได้รู้...ถ้าเพียงแต่เขาได้รับคำยืนยันจากเด็กหนุ่ม...ไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะกลายเป็นเรื่องขี้ฝุ่นไป...

   ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำ...และพยายามทำมันอยู่ในตอนนี้คือเอาตัวเจ้าหนูนั่นมาคุยให้รู้เรื่อง

   และถ้าหากได้รับคำยืนยันว่าพวกเขาทั้งสองคนใจตรงกันจริงๆเมื่อไหร่...จะเป็นเรื่องร้ายแค่ไหนก็จะขอรับช่วงต่อมาจัดการเอง



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


(ต่อหน้า 104)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2012 04:32:17 โดย arunoki »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด