หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1377912 ครั้ง)

ออฟไลน์ eyeaptchy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มาแล้ววว  :sad4:
เยเย้ น้องปอมพี่วินนนนนนน เข้าใจกันสักที น่ารัก
ฮือออฟิน มาแล้ว 555555555555555

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
พาร์ทนี้มาแบบเบาๆ คงเพราะหมดช่วงดราม่าแล้ว
พี่วินก็น่ารักไปป่ะ แบบลุกขึ้นมาโวยวาย ใครทำอะไรน้องปอม...
โถ่ น้องปอมก็กล้าตอบเนาะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่กล้าแล้วนะเนี่ย

แอบสงสารคุณเมษานะ อยากให้มีคู่

ออฟไลน์ Saantos

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
^
^
^
^
นี่แหน่ะ จิ้มให้ทะลุไป4หน้า (โหดปะล่าาาาาา)  :z1: :z1: :z1:


พี่วินเจ๋งมาก ขอจุ๊ฟที  :impress2: :impress2: :impress2:

มาต่อไวๆเด้อ  o13  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ nirun4

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
 :o8: :o8: :o8: สุดๆอ่ะ :mc4:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
สะใจกับวิธีของวิน เมษาสมควรโดนแล้ว
แต่น้องปอมนี่น่ารักเนอะ ยอมที่จะพูดความจริงให้พีวินฟัง

vevi

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ด ตอนนี้สนุกมากคะ สมค่าการรอคอยสุดๆไปเลย

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
เข้าใจกันซะทีนะพี่วินกับน้องปอมดราม่าไปแล้วตอนหน้าคงได้สวีทหวาน

น้ำตาลหกแน่ๆเลย

ออฟไลน์ มือซ้าย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
จะได้มีความสุขกันซะที พี่วินแอบร้ายว่ะ

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ชอบกวินจัง ดูเปนผู้ใหญ่มากเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ไอ้หัวแห้ว

  • ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน...
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +568/-5
หึุหึ

ชอบเอาความรัก ความไว้ใจของคนอื่นมาขู่แบบนี้

ก็ต้องโดนแบบเดียวกันนี่แหละ

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
เข้าใจกันแล้วนะ
สู้ๆ ยังมีเรื่องให้ต้องเผชิญอีกยาวไกลจ๊ะ
หวานๆ กันได้แล้วนะ

ขอบคุณ และรออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ lazat.mchub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
มาสักทีนะพี่วินน้องปอม จำตอนเก่าไม่ได้ว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไงถึงกับต้องย้อนไปอ่านมานึงรอบ

พี่วินแมนมาก ยกนิ้วให้  o13

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
หวังว่าพี่เมษจะคิดได้ซะทีนะ
รอตอนสวีทๆของน้องปอมกะพี่วิน อิอิ

ออฟไลน์ มือซ้าย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :impress2:รออยู่นะจ๊ะ

tankungza

  • บุคคลทั่วไป
กินมาม่าหมดซักทีสงสารเมษาเหมือนกันนะเนี้ย
แต่ก็อย่างว่าอะนะไม่ใช่พระเอกก็ต้องทำใจ

ออฟไลน์ littlesmall

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
 o13 o13 o13 เยี่ยมมากพี่วิน แมนโครต
 
เห็นใจน่ะพี่เมษ สภาพดูไม่ได้เลย
แต่น้องเค้าไม่รักนิ  :เฮ้อ:

 

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
โอ้วพระเจ้า นิยายอะไรวะเนี่ยแต่งออกได้ไง!!!!!! :z3: :angry2:



เหอะๆ ......มัน....มัน...มันสนุกมากจนไล่ตามอ่านลืมนอนเลยจ้าาาา  :-[ :o8:

โฮกกกกก ตอนหน้าขอแบบหวานหยดย้อยนะจ๊ะ หุหุ :impress2:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เคลียร์กันแล้วทั้งสองฝ่าย พี่วินพูดให้คิดเยอะแยะเลย จากนี้ไปก็ต้องปรัคับประคองกันไปเรื่อยๆเนอะ :กอด1:
พี่เมษาเลิกเป็นตัวร้ายเถอะ พี่เป็นพี่ชายที่แสนดีก็ดีอยู่แล้วล่ะค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ในที่สุดก็มาต่อแล้ววว เย้ๆๆๆ

เคลียร์กันลงตัวซะที  น้องปอมก็จะได้ไม่เสียความรู้สึกต่อพี่ชายด้วย
หวังว่าคงไม่มีใครมาป่วนความรักอีกนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เคลียร์ปัญหาแบบหมดเปลือก  o13
พี่วินน่ารักที่สุด น้องปอมก็น่ารัก  :o8:

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคนเขียนมากครับ
ตอนนี้พี่วินหล่อที่สุดเลย
ต่อยไอ้เมษาด้วย

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
รอบนี้มาเร็วไหม?
เดี๋ยวได้หิมะตกแน่ๆพรุ่งนี้ 555


ปล.มีทวิตเตอร์แล้วนะคะ เพิ่งทำ...ยังใช้ไม่ค่อยเป็น 55  เข้าไปติดตามอัพเดทนิยายและพี่วินกับน้องปอมได้ที่
https://twitter.com/Arunoki1990

ปล2. มีความรู้สึกว่าต้องมีบางคนอ่านข้ามตอน 34 ไปแน่เลย  หลังจากวันที่ 29 เป็นต้นมา  ถ้าใครมาเจอตอนนี้เป็นตอนแรก  ให้กลับไปดูตอนที่ 34 ก่อนน้า  เพราะว่าหลังจากที่หายหน้าไปนานๆ ได้มาอัพไปสองตอนแล้วค่ะ คือตอนที่ 34 และ 35 



----------



หัวใจหลังเลนส์ # 35



   “วันนี้เลิกเรียนกี่โมง" เสียงทุ้มต่ำกรอกใส่โทรศัพท์มือถือเครื่องบาง   ในขณะที่มือข้างที่เหลือก็ถือไม้ลูกชิ้นปิ้งอาหารเที่ยงสำหรับวันนี้ค้างไว้ด้วย "โอเค  งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เลิกงานแล้วพี่จะรีบตามไปนะ   เจอกัน...”

   รอยยิ้มบางๆถูกระบายขึ้นบนใบหน้าหล่อคมของช่างภาพหนุ่มหลังจากกดวางสายลงไป

   หลังจากเหตุการณ์ปวดตับปวดไตเมื่อไม่กี่วันที่แล้วผ่านพ้นไป   ความสัมพันธ์ของเขากับจักรวาลก็ดูเหมือนจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าเก่าเสียอีก




   ...จะเรียกว่าฟ้าหลังฝนก็คงได้




   คิดไปคิดมาก็แอบกระดากตัวเองอยู่เหมือนกัน   เพราะตั้งแต่คืนดีกัน   เขาก็ทำหน้าหนาอ้อนจะเอานู่นจะเอานี่จากคนรักไปเสียหลายรอบแล้ว   อ้อนให้มาค้างที่ห้องบ้างล่ะ   อ้อนให้กอดให้หอมบ้างล่ะ  ลุคแบบนี้นะ...เขาสาบานเลยว่าจะไม่มีวันทำให้ใครนอกจากจักรวาลเห็นเป็นอันขาด


   คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่เขาเรียกร้องของให้เด็กหนุ่มมาค้างที่ห้อง   จริงๆถ้าทำได้...ก็อยากจะไปย้ายสำมะโนครัวเจ้าหนูนั่นมาอยู่กับเขาแบบถาวรไปเลย   จะติดก็แค่เจ้าตัวไม่ยอมเท่านั้น

   
   ส่วนเมษา...หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรอีก...



   ...ก็ได้แต่หวังว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเข้าใจอะไรๆสักที  เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงต้องลงมือจัดการจริงๆจังๆเสียที...



   ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นมองนาฬิกาข้างผนังห้องทำงาน   ก่อนที่ปากจะรีบรูดลูกชิ้นสองลูกที่เหลือติดอยู่บนไม้เข้าไปเคี้ยวพร้อมๆกันเพื่อลงมือตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ

   หากแต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้คลิกเปิดโปรแกรมใดๆขึ้นมา   โนทิฟิเคชั่นของเมล์บ็อกซ์ก็เด้งแจ้งเตือนจดหมายเข้าขึ้นมาเสียก่อน   แน่นอนว่าอีเมล์แอดเดรสที่ล็อกอินค้างเอาไว้ในเครื่องที่ทำงานอย่างนี้ต้องเป็นอีเมล์ที่เขาเอาไว้ติดต่องานที่เป็นกิจจะลักษณะเท่านั้น   ฟอร์เวิร์ดเมล์ไร้สาระหรือโฆษณาขายของใดๆไม่มีทางเด้งขึ้นมารบกวนจิตใจ

   ชื่อผู้ส่งที่ปรากฏอยู่ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาน้อยๆ



   

   Prof.Taylor




   
   อาจารย์คนสนิทสมัยที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่อเมริกา   และเป็นปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพอีกคนหนึ่งของวงการโลก

   ...คนเดียวกับที่เขาพาจักรวาลไปเจอที่นิทรรศการณ์ในนิวยอร์กเมื่อหลายวันก่อนนั่นแหละ



   ไม่รอช้า   ช่างภาพหนุ่มกดเปิดดูเนื้อหาในอีเมล์ทันที

   เพียงแค่ประโยคขึ้นต้น  เขาก็รู้แล้วว่าอีเมล์ฉบับนี้ส่งมาเรื่องใคร...




   สายตาทั้งสองข้างไล่กวาดดูเนื้อความที่ผู้เป็นอาจารย์เขียนมายาวพรืดอย่างตั้งอกตั้งใจ...





๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “โอย...กูล่ะอยากจะเอานิตโต้แปะปากคมสันแม่งจริงๆเลย   ล้มแบบกูมาสามรอบแล้วนะเว้ย...พวกมึงคิดดู  ตอนแรกเป็นคนบอกให้กูวางแปลนมาแบบนี้เองแท้ๆ   พอกูทำมาส่ง  ดันบอกห่วย  คอยดูนะพวกมึง  ตรวจแบบรอบหน้ากูจะไปสเก็ทช์ทำเนียบขาวมาส่ง   ถ้าล้มแบบกูอีก   กูจะได้บอกให้แม่งไประเบิดทำเนียบขาวทิ้งเอาเอง  วุ๊ย!...หงุดหงิดเว้ย!” หนุ่มหนวดดกมาดซกมกอย่างเจบ่นเป็นต่อยหอยไปตลอดทางให้จักรวาลและอ้นที่เดินอยู่ข้างๆได้ฟัง   ก็อย่างนี้แหละ...อุตส่าห์นั่งคิดนั่งทำมาตั้งหลายคืน  มาโดนล้มกันง่ายๆแบบนี้เป็นใครก็ต้องออกอาการเซ็ง



   ...แต่ก็นะ...




   สัจธรรมของโลกนักเรียนสถาปัตย์...



   “เออน่า...คมสันแม่งก็อย่างนี้แหละ   กูเห็นวันก่อนจอยแม่งก็ออกมานั่งร้องไห้หน้าสตู   มึงไม่ได้โดนคนเดียวหรอกเว่ย" เด็กหนุ่มที่ดูแล้วจะตัวแกนที่สุดในกลุ่มเอื้อมมือตบบ่าเพื่อนรักปุๆอย่างให้กำลังใจ   โดยมีอ้นคอยสำทับให้มันรีบๆปลงซะก่อนที่จะเครียดจนหน้าหนวดๆนั่นแก่ไปกว่านี้

   “โธ่...พวกมึงก็พูดได้สิ   อยู่กับ'จารย์วิทย์นี่   แม่งอิจฉาชิบหาย" เจไม่วายบ่นกระปอดกระแปด "เออ  พูดถึง'จารย์วิทย์   ช่วงนี้มึงดูสนิทชิดเชื้อกับ'จารย์เป็นพิเศษนะไอ้ปอม  ดูแล้วรู้สึกเหมือนพี่น้องมากกว่าอาจารย์กับลูกศิษย์   ฮั่นแน่!...เตรียมฝากฝังตัวเป็นน้องสะใภ้ล่ะสิ..”

   “ห่า...” คนถูกแซวสบถออกไปเบาๆพลางเสตามองทางอื่น "สะใภ้บ้านพ่อมึงสิ...”

   “แหม  ทำเหนียม   เดี๋ยวปั๊ดตบกะโหลกเลยนิ่  หมั่นไส้จริง...แล้วนี่พี่วินของมึงจะมากี่โมงอ่ะ?” อ้นถามขึ้นน้ำเสียงยียวนตามแบบฉบับของตน

   หลังเลิกคลาสเมื่อชั่วโมงที่แล้ว   นักศึกษาหนุ่มทั้งสามก็พากันออกมาเดินทอดหุ่ยอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆมหาวิทยาลัย   ส่วนสมาชิกกลุ่มอีกสองคนก็รีบขอบายกลับบ้านไปปั่นงานต่อนั่นแหละ

   “เห็นบอกว่าเลิกงานแล้วเดี๋ยวจะตามมา   ก็คงอีกสักเกือบๆชั่วโมงมั้งกูว่า"

   “ดีเลย   วินนิ่งไหม   ไหนๆก็ต้องแกร่วอยู่แถวนี้อยู่แล้ว" อ้นชวนขึ้นอย่างกระตือรือร้น   แต่กลับเป็นเจที่ตบปากรับคำขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องคิด

   “เห้ยกูไป!”

   “เออดี   งั้นไปกัน" อ้นทำท่าจะเดินนำออกจากห้างไป   แต่จักรวาลก็กล่าวเบรกไว้ก่อน

   “พวกมึงไปกันเหอะ   เดี๋ยวกูอยู่แถวนี้แหละ   ขี้เกียจไปๆมาๆ" ร้านเกมเจ้าประจำของพวกเขาน่ะ   อยู่ในตรอกหลังห้าง   ซึ่งกว่าจะเดินไปถึงก็ไม่ใช่ใกล้ๆ

   “อ้าวเหรอ...งั้นพวกกูอยู่เป็นเพื่อนมึงก็ได้"

   “ไม่ต้องหรอก   พวกมึงไปเล่นเหอะ   กูว่าจะไปหาหนังสือกล้องอ่านเล่นๆด้วย"

   สุดท้ายอ้นและเจก็โบกมือลาเจ้าเพื่อนบ้ากล้องออกจากห้างไป

   จักรวาลที่ตอนนี้เหลืออยู่คนเดียวแล้วก็เดินตรงไปยังร้านขายหนังสือตามที่บอกเพื่อนไปเมื่อครู่อย่างไม่รีบร้อน  แต่ก่อนที่จะเข้าไปปักหลักยืนอ่านฟรีเขาก็ขอเข้าห้องน้ำเสียหน่อย

.
.

.


.

   หลังจากทำธุระปลดทุกข์เบาจนเรียบร้อยเด็กหนุ่มก็เดินผิวปากออกจากห้องน้ำ  สองมือเปียกๆที่ล้างมาเมื่อครู่ถูกเช็ดลงไปกับกางเกงลวกๆตามประสาเด็กผู้ชาย   

   พื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำในชั้นนี้ออกจะเงียบกว่าชั้นอื่นสักหน่อย   เพราะเป็นชั้นบนๆที่ขายเครื่องเรือนหรูหราจำพวกแก้วไหจานชาม   ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าร้านหนังสือที่เป็นเป้าหมายของเขามันดันมาผุดอยู่ที่ชั้นนี้รวมกับสินค้าพวกนั้นได้ยังไง

   

   สองเรียวขาก้าวไปแบบสบายๆ   เจ้าของของพวกมันเองก็ฮัมเพลงการ์ตูนเรื่องโปรดให้ตัวเองฟังแบบสบายๆเช่นเดียวกัน



   หากแต่...สบายอยู่ได้ไม่นาน   เด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัวเมื่อมีแรงกระแทกอัดเข้ามาที่บริเวณหัวไหล่พร้อมกับร่างของชายผิวคล้ำแต่งตัวน่าสงสัยวิ่งผ่านเขาไป   ตามด้วยเสียงร้องตะโกนของผู้หญิงวัยกลางคนที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง



   “ขโมย!”



   เด็กหนุ่มหันกลับไปมองและพบกับผู้หญิงเจ้าของเสียงกำลังยืนทำสีหน้าตื่นตระหนกตกใจอยู่   และทันทีที่เขาจับต้นชนปลายได้ถูก   กว่าจะรู้ตัวอีกทีสองขาก็พาร่างทั้งร่างพุ่งตามชายคนเมื่อครู่ไปตามสัญชาตญาณเสียแล้ว


   “เห้ย! หยุดนะโว้ย" เด็กหนุ่มตะโกนไล่หลังเจ้าหัวขโมยข้างหน้าไปขณะที่พยายามเร่งสปีดให้ขาตัวเอง


   น่าแปลกว่าห้างสรรพสินค้าใหญ่โตแห่งนี้ดันมีรปภ.ประจำไม่ครบตามจุดที่สมควร   คนรอบข้างที่เขาวิ่งผ่านไปก็ดันมีแต่คุณหญิงคุณนาย  หรือไม่งั้นก็คนชรา   ดังนั้นแปลได้ง่ายๆว่า   งานนี้เลยกลายเป็นโซโล่เปิดตัวพ่อยอดชายนายจักรวาลไปคนเดียวเดี่ยวๆเลย

   แล้วไอ้โจรนั่นนี่ก็ท่าทางชำนิชำนานผังห้างเสียเหลือเกิน   วิ่งซอกแซกหลบจุดพลุกพล่าน   หลบมุมกล้องวงจรปิดได้ชนิดที่เรียกได้ว่าคงทำการบ้านมาดี

   หัวขโมยตรงหน้าเหลือบกลับมามองเด็กหนุ่มเป็นระยะด้วยความหวั่นใจไม่น้อย

   “หยุดนะ!  กูเหนื่อย!” จักรวาลวิ่งไปตะโกนไปอย่างเมามัน  แต่ก็แอบหวังลึกๆว่าจะมีพี่ยามสักคนได้ยินแล้ววิ่งมาช่วยดัก

   “หยุดให้โง่สิไอ้เด็กเปรต" คนถูกไล่ได้แต่สบถพึมพำกับตัวเองในขณะที่วิ่งหนีหน้าตั้ง



   แต่แล้วจักรวาลก็ถึงคราวต้องขอบคุณรักบี้...กีฬาประจำคณะ   และฟุตบอลที่เล่นมาตั้งแต่เด็ก  ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะทางด้านกีฬาให้เด็กผู้ชายตัวแกนๆคนหนึ่งจนวิ่งทันจับตัวโจรวิ่งราวไว้ได้



   มือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มเอื้อมคว้าไหล่คนตรงหน้าไว้อย่างทุลักทุเล   แต่ก็จับไม่อยู่เมื่อแรงของอีกฝ่ายดูจะเยอะ่ไม่ใช่น้อย   สุดท้าย...เมื่อกลัวว่าผู้ต้องหาจะวิ่งหนีไปอีก   จักรวาลจึงต้องใช้วิธีออกแรงผลักให้เจ้าโจรนั่นกระเด็นไปชนผนังด้านข้างก่อนที่ตัวเองจะปรี่เอาตัวเข้าไปยันไว้

   แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้จับง่ายๆ   แขนข้างที่เป็นอิสระภายใต้เสื้อแจ็คเก็ตปิดบังเนื้อหนังนั่นยกขึ้นวาดวงสวิงแล้วแลนดิ้งลงไปที่ปลายคางของเด็กหนุ่มแบบสวยๆเสียหนึ่งที

   “โอ๊ย! เจ็บนะเว้ย" จักรวาลสบถออกมาก่อนจะต่อยกลับไปบ้าง   แต่ก็ไม่ใช่แค่คนโดนต่อยที่เจ็บ   มือเขานี่แหละ...น่าจะเจ็บกว่า...คนอะไรวะ...กระดูกหน้าแข็งชิบเป๋ง

   เมื่อต่างฝ่ายต่างทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้   คนอยากหนีก็หนีไม่ได้   คนอยากจับก็จับไม่ค่อยจะอยู่   สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือผลัดกันต่อยผลัดกันตีแบบที่ถ้าพวกเขาทั้งคู่อายุน้อยกว่านี้แล้วล่ะก็    ใครมาเห็นก็คงคิดว่าเด็กตีกันแย่งของเล่น




   ...แย่จริง  ทำไมมันไม่เท่เหมือนพระเอกในหนังเขาทำกันบ้างวะจักรวาล...




   แล้วในที่สุดตัวช่วยพระเอกก็มาถึงเสียที

   “นั่นไงคะ   คนนั้นแหละที่ขโมยกระเป๋าดิฉันไป" เสียงหญิงวัยไล่เลี่ยกับแม่ของเด็กหนุ่มดังขึ้นทางด้านหลังไม่ใกล้ไม่ไกล   ตามด้วยเสียงฝีเท้าสองสามคู่วิ่งเข้ามาใกล้

   รปภ.สามนายที่รู้สึกว่าจะมาช้าไปเสียหน่อยตรงเข้ามารวบตัวเจ้าหัวขโมยที่จักรวาลพยายามยันไว้อย่างสุดกำลัง   และเมื่อเห็นว่าเจ้าโจรถูกจับไว้จนอยู่หมัดแล้วเขาก็ปล่อยมือแล้วพาตัวเองขยับถอยหลังมาให้เป็นอิสระ   

   เด็กหนุ่มย่อตัวลงเก็บกระเป๋าถือสตรีที่ดูแล้วราคาน่าจะสูงใช้ได้ขึ้นมาจากพื้นแล้วหันหลังส่งคืนให้ผู้เป็นเจ้าของ

   “ตายแล้วลูก   เลือดออกเต็มเลย" หญิงวัยกลางคนเจ้าของกระเป๋าถึงกับตกใจเมื่อเห็นร่องรอยบนใบหน้าของเด็กหนุ่มชัดๆ "ตายแล้วๆ   ป้าว่าไปทำแผลก่อนลูกไป   คุณรปภ.คะ   ที่นี่มีห้องพยาบาลหรือเปล่า   พาเด็กคนนี้ไปทำแผลทีได้ไหมคะ"

   จักรวาลยกมือขึ้นแตะบริเวณมุมปากข้างที่แตก   เลือดเพียงเล็กน้อยติดมือเขามาด้วย   ไม่ได้ 'เลือดออกเต็มเลย' แบบที่หญิงตรงหน้าว่าหรอก   แต่เขาก็พอจะเข้าใจ   เพราะแม่เขาเองก็เป็นเหมือนกัน   เวลาเห็นเด็กๆเลือดออกนิดๆหน่อยๆก็ตกอกตกใจ   ทึกทักไปว่าบาดเจ็บเสียมากมาย

   เด็กหนุ่มสั่นศีรษะเบาๆพลางส่งยิ้มให้ "ไม่เป็นไรหรอกครับ   แผลนิดเดียวเอง   เดี๋ยวผมเข้าไปล้างเลือดออกในห้องน้ำก็หายแล้ว   คุณป้าเถอะครับ   เป็นอะไรหรือเปล่า...บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”

   “ไม่เลยจ้ะ   จริงสิ...ป้าลืมขอบคุณไปเสียสนิทเลย   ขอบคุณมากนะลูก   ไม่ได้หนูป้าคงแย่   พอดีป้าเก็บใบเสร็จสำคัญไว้ในกระเป๋านี่ด้วยสิ   ถ้าหายไปคงลำบาก   เมื่อกี้ป้าไม่ทันระวังเอง   เลยทำให้หนูต้องเจ็บตัวไปด้วย   ขอโทษนะ...แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งจ้ะ" พูดจบคุณป้าท่าทางใจดีและมีราศีคนนี้ก็ก้มลงเปิดกระเป๋าควักแบงค์พันจำนวนหลายใบขึ้นมายื่นให้เด็กหนุ่ม "นี่ถือเป็นสินน้ำใจขอบคุณเล็กๆน้อยๆนะลูก"

   “ไม่เป็นไรครับ  ไม่เป็นไร" จักรวาลรีบระล่ำระลักปฏิเสธ "เรื่องเล็กน้อยเองครับ"

   “รับไว้เถอะ   ถือว่าเอาไปทำแผลหรือเก็บไว้เรียนหนังสือก็ได้   ให้ป้าได้ตอบแทนอะไรสักนิดก็ยังดี"

   “ไม่เป็นไรจริงๆครับคุณป้า   เงินเยอะแยะขนาดนี้ผมรับไว้ไม่ได้หรอก" จังหวะเดียวกันกับที่พูดจบประโยค   โทรศัพท์มือถือในกางเกงก็ดังขึ้น   และเมื่อล้วงขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของกวิน   เด็กหนุ่มจึงขอตัวรับสายและได้ความว่ากวินมาถึงที่ห้างนี้แล้ว   

   “คนที่ผมนัดไว้มาถึงแล้วล่ะครับคุณป้า   ผมขอตัวก่อนนะครับ" เด็กหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพ   

   “แล้วเงินนี่...”

   “ผมไม่กล้ารับจริงๆครับ   ยังไงคุณป้ารักษาตัวด้วยนะครับ" จักรวาลยกมือขึ้นไหว้ลาและขอบคุณสำหรับของกำนัลที่ถูกหยิบยื่นมาให้ "ผมไปล่ะครับ"

   พูดจบเด็กหนุ่มก็หมุนตัวเดินออกมาก่อนที่หญิงเจ้าของกระเป๋าที่ทำท่าจะยัดเงินใส่มือเขาจะทำสำเร็จ    พลางใช้แขนเสื้อซับเลือดที่มุมปากข้างที่แตกไปด้วย

   ทิ้งไว้เพียงหญิงวัยกลางคนที่ได้แต่ยืนถือสตางค์ค้างไว้ในมือ   พร้อมกับความคิดที่เพิ่งผุดขึ้นมาจางๆในใจว่า...






   ...เด็กคนนี้   เธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “พี่วิน"

   เสียงเรียกคุ้นเคยที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมอง   




   “เห้ยปอม! หน้าไปโดนอะไรมา!”




   ช่างภาพหนุ่มช้อนคางคนตรงหน้าขึ้นพลิกดูไปมาด้วยความตกใจ  ช้ำตรงนู้นเขียวตรงนี้  ปากแตกอีกต่างหาก   ถึงแต่ละรอยจะดูไม่ใช่แผลใหญ่โตอะไร   แต่พอมันมีหลายที่บนใบหน้าก็ทำเอาเขาหวั่นๆได้เหมือนกัน

   คนถูกถามหัวเราะเอิ๊กอ๊าก   ก็พอจะคิดไว้แล้วว่าต้องได้รับปฏิกิริยาแบบนี้กลับมา

   “ไม่ต้องหัวเราะเลย   บอกพี่มาเดี๋ยวนี้ว่าไปทำอะไรมา"

   “โธ่...ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลยพี่วิน" เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด "ไปต่อยกับโจรมา"



   “หา???” คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังตกใจยิ่งกว่าเก่า "โจรอะไร   แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า...ไปโรงพยาบาลกัน   พี่พาไป"



   “ไม่ต้องเลยๆ   ไม่ใช่โจรน่ากลัวๆแบบที่เห็นในหนังหรอกน่า   แค่วิ่งราวกิ๊กก๊อกธรรมดา...ปอมไปช่วยคุณป้าคนนึงจับโจรมา   เท่จะตายนะ" อธิบายจบก็ต้องขออวดเสียหน่อย

   ได้ฟังอย่างนั้นกวินก็ต้องยกมือขึ้นกุมขมับเรียกเสียงหัวเราะจากเด็กหนุ่มได้อีกระลอก




   ให้ตายสิ...ทำไมมันซนอย่างนี้



   “วันนี้ไม่ต้องกินข้าวที่นี่แล้ว   กลับไปทำแผลที่ห้องพี่เลย   เดี๋ยวค่อยโทรสั่งอะไรเข้าไปกิน" ว่าแล้วช่างภาพคนดังก็คว้าแขนแล้วออกแรงดึงเบาๆให้เด็กหนุ่มเดินตาม




   ตลอดระยะทางจากห้างสรรพสินค้ากลับมาจนถึงคอนโด   จักรวาลก็เอาแต่เล่าเหตุการณ์เล่นจริงเจ็บจริงของตัวเองไม่หยุดปาก   ท่าทางจะตื่นเต้นน่าดู   ความจริงฟังแล้วมันก็สนุกอยู่ล่ะนะ   แต่เหนือสิ่งอื่นใด   กวินหวาดเสียวมากกว่าน่ะสิ    คิดแล้วก็ได้แต่ขอบคุณพระขอบคุณเจ้าอยู่ในใจที่คนรักของเขาโชคดีไม่ไปเจอกับโจรพกปืนพกมีดที่น่ากลัวกว่านี้เข้า




   กล่องยาปฐมพยาบาลถูกยกมาตั้งบนโต๊ะรับแขกตัวเตี้ยหน้าโซฟา

   “ไม่เอาแล้วนะ   ห้ามทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีกเข้าใจไหม   มีอย่างที่ไหนต้องให้พี่มาทำแผลให้ตั้งสองรอบ" รอบนี้ก็รอบนึง   ส่วนอีกรอบก็ตอนไปช่วยเพื่อนตะลุมบอนกับนักเลงที่ไหนก็ไม่รู้ในสนามฟุตบอล "ห้าวจริงนะน้องชาย...”

   ได้ฟังแบบนั้นจักรวาลที่เสยผมเปิดหน้าเตรียมพร้อมรับการทำแผลก็เหยียดยิ้มทะเล้นยียวน "เป็นพระเอกก็ต้องห้าวแบบนี้แหละ...จะปล่อยให้คุณป้าโดนขโมยกระเป๋าไปได้ยังไง"

   “พระเอกที่ไหนตัวเตี้ยแบบนี้" จบคำสบประมาท   หัวคิ้วของคนฟังก็ตีกันยุ่งเป็นปมอย่างไม่พอใจ "...แล้วยามแถวนั้นไม่มีให้เรียกหรือไง   ไม่เห็นต้องลงทุนไปบู๊เองขนาดนี้"

   “ก็ไม่มีน่ะสิ" เด็กหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะยู่ปากระบายความแสบที่แผลเล็บข่วนบนหน้าผาก "...แล้วก็ไม่ได้เตี้ยด้วย"

   “ครับๆ ไม่เตี้ยก็ไม่เตี้ยครับ...แค่ไม่ค่อยสูง...โอ๊ย!..” กวินหดมือที่ถูกอีกฝ่ายตีกลับเข้าหาตัว "ซาดิสม์หรือไงเรา?”

   จักรวาลไม่ได้ตอบอะไรออกมา   ได้แต่หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างคาดโทษ

   เห็นอย่างนั้นกวินที่หยิบสำลีชิ้นใหม่มาชุบยาล้างแผลก็ส่ายหัวเบาๆ "อย่าทำให้เป็นห่วงบ่อยนักสิ   ทำอะไรช่วยระวังตัวหน่อยเถอะ   เดี๋ยวพี่ก็ได้หัวใจวายเข้าโรงพยาบาลพอดี"

   “พูดจาเป็นคนแก่ไปได้" เด็กหนุ่มค่อนแคะเบาๆ

   “เออๆ  แก่ก็ยอม" กวินเพิ่มแรงกดสำลีลงไปบนแผลอย่างหมั่นไส้พ่อบรู๊ซลีนักบู๊ตรงหน้า "หรืออยากให้พี่พูดแบบวัยรุ่นไหมล่ะ?  ก็ได้นะ...อย่าไปต่อยกับชาวบ้านบ่อยสิปอม...ปากแตกแบบนี้แล้วเราจะจูบกันได้ยังไง...เป็นไง   พูดแบบนี้เร้าใจสมเป็นคนหนุ่มดีไหม?...โอ๊ยๆๆ...เจ็บนะ...โอ๊ย...”

   คนขยับแขนประทุษร้ายบุรษพยาบาลกำลังหน้าแดงแปร๊ด...



   บ้าเอ๊ย...


   ประโยคแบบนี้...ฟังเท่าไหร่ก็ทำใจให้ชินไม่ได้สักที...

.
.

.


.

   “นี่...” เสียงทุ้มต่ำดังเรียกคนในอ้อมกอดขึ้นท่ามกลางความมืด "...หลับหรืือยังปอม"

   เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเหลียวหน้ากลับมามองช่างภาพคนดังที่นอนกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง "ยังครับ...”

   ดวงตาคู่คมของกวินทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง "...พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

   “ได้สิ" จักรวาลกล่าวตอบออกมาพลางนึกสงสัยและรอฟังคำถามที่ว่าอย่างตั้งใจ





   “...ปอมมองอนาคตตัวเองในฐานะช่างภาพไว้ยังไงบ้างเหรอ?...”




   “หือ?...ถามทำไมเหรอครับ?"

   “ตอบมาก่อนเถอะน่า"

   เด็กหนุ่มเลิกคิ้วกับตัวเอง   แต่ก็ยอมตอบออกมาโดยไม่อิดออด "อืม...ก็อยากเป็นช่างภาพที่เก่งๆ   มีเอกลักษณ์...มีลายเซ็นต์อยู่ในผลงาน   แบบที่เวลาคนดูภาพแล้วบอกได้เลยว่าเป็นผลงานของนายจักรวาล...เหมือนภาพของพี่วินนั่นแหละ   ปอมดูแล้วรู้เลยว่าภาพไหนพี่วินเป็นคนถ่าย...ปอมอยากจะทำให้ได้อย่างนั้นมั่ง...ตอนนี้ก็กำลังพยายามหาอยู่" ขณะที่ปากพูด  ในหัวก็วาดภาพความฝันของตนตามไปด้วย "แล้วถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำงานกับช่างภาพเก่งๆเยอะๆ   จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์กับความรู้หลายๆแบบ   ตอนที่ทำงานกับพี่วินปอมก็เรียนรู้อะไรไปเยอะ   รู้สึกตัวเองเลยว่าไปได้เร็วกว่าตอนงมเข็มเองเยอะมาก"

   ไม่ต่างจากที่กวินคาดไว้เท่าไหร่   เขาเอง..ก่อนหน้านี้  ตอนเด็กๆก็เคยคิดอย่างนี้เหมือนกัน

   “แล้วถ้าในแง่ของสไตล์หรือแนวทางที่อยากทำล่ะ   มีไว้ในใจบ้างหรือเปล่า?” คำถามนี้ก็เช่นกัน   ในฐานะผู้ดูแลและคนสอนแล้ว   เขาคิดว่าเขาบอกได้ว่าเด็กหนุ่มชอบแบบไหน  และอยากทำอะไร...เพียงแต่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้น

   ทางด้านคนถูกถาม   เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอยู่ดีๆก็ต้องอมยิ้มแบบไม่มีเหตุผล   เขาก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆเป็นกันหรือเปล่า   แต่สำหรับเขาแล้ว  เวลานึกถึงเรื่องอะไรที่อยากทำมากๆก็มักจะตื่นเต้น  มีความสุขจนต้องยิ้มขึ้นมาแบบนี้ทุกครั้ง   แม้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้ทำมันหรือเปล่าก็ตาม




   “เรื่องนั้น...” แน่นอนว่าจักรวาลมีเป้าหมายอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว “...ปอมสนใจพวกอารมณ์ดิบของคน   อยากจะบันทึกอารมณ์หลายๆแบบของคนเอาไว้   จะว่าแคนดิดก็คงใช่   แต่จริงๆแล้วถ้าเป็นในเชิงศิลปะการแสดงที่ตัวแบบเค้นอารมณ์เก่งๆก็ชอบเหมือนกัน”   

   ใช่แล้วล่ะ...แนวทางที่เขาชอบและเพิ่งจะค้นพบหลังจากได้มาลองงานกับกวินไม่ใช่แฟชั่นเซ็ท  ไม่ใช่ภาพถ่ายโฆษณา  ไม่ใช่ภาพโชว์เทคนิคระดับเทพ   ภาพกีฬา  สารดคี  แลนด์สเคปก็ไม่ใช่   หรือแม้แต่จำพวกคอนเซปชวลจ๋าก็ยังไม่ตรงเป้าเสียทีเดียว   



   ...แต่เป็นภาพดิบๆที่ออกมาจากก้นบึ้งความรู้สึกของมนุษย์ต่างหาก...



   
   กวินยิ้มออกมาจางๆในความมืด "...นั่นสินะ...”

   คำตอบออกมาตรงกับที่เขาเดาไว้อีกครั้ง   ไม่แปลกใจเลยหลังจากได้คลุกคลีถ่ายภาพกับเด็กหนุ่มมาพักใหญ่   ก็เห็นอยู่แล้วล่ะว่าจุดเด่นของจักรวาลอยู่ที่ตรงไหน   และดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่ดูออกด้วย   ถ้าคำตอบไม่ออกมาแบบนี้สิถึงจะน่าแปลก




   เด็กหนุ่มค่อยๆพลิกตัวกลับหลังมาเผชิญหน้ากับคนรักในระยะใกล้ชิด   ดีที่ว่าใบหน้าของเขามันอยู่ระดับเดียวกับอกของอีกฝ่าย   ไม่อย่างนั้นคงได้มีฉากสวีตกันอีกเป็นแน่

   “พี่วินถามทำไมเหรอ?"




   ช่างภาพหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรออกมา   แต่กลับถามต่อยิ้มๆ



   “กลัวฝรั่งหรือเปล่า?”

   “ฮะ?...ฝรั่งอะไร?”

   ช่างภาพคนดังหัวเราะน้อยๆกับความงงงวยของเด็กหนุ่ม "ก็ฝรั่งที่ผมสีทองน่ะสิ...กลัวไหม?”

   “อ๋อ...นึกว่าผลไม้...” แต่ถึงกระนั้น  เขาก็งงอยู่ดีนั่นแหละ "...ก็...กลัวนิดหน่อย...พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง"

   “ไม่หรอก   คิดไปเองมากกว่า...ตอนไปนิวยอร์กก็พอพูดได้นี่นา" ฝ่ามือใหญ่เอื้อมขึ้นลูบผมนุ่มของเด็กหนุ่มไปมาแผ่วเบา    และโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายที่ทำท่าจะเปิดปากถามขึ้นมาอีกครั้งได้ทำสำเร็จ   กวินก็กล่าวเปลี่ยนเรื่องเสียก่อน "...นี่...วันเสาร์เราเอากล้องไปออกรอบกันอีกไหม?   ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันมานานแล้ว...”

   “ด..ได้สิครับ...” จักรวาลตอบตกลงไปแบบมึนๆ   แต่ในเมื่อหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปแล้ว  เขาก็ปล่อยความสงสัยไว้อย่างนั้น   ไม่ได้ถามอะไรต่อ

   “ไปที่ไหนดีนะ...มีไอเดียบ้างไหม?”

   “อืม...ขอนึกก่อน" จักรวาลไล่นึกสถานที่ดีๆที่ตนรู้จัก "...มีอยู่ที่นึง  เป็นชุมชนเก่าติดริมเจ้าพระยา   จำไม่ได้แล้วว่าเขาเรียกว่าอะไร   เดี๋ยวต้องลองเปิดเน็ตดู   แต่ว่าเมื่อก่อนพี่เมษเคยพาไปลองกล้องตอนสมัยเริ่มถ่ายรูปใหม่ๆ   สวยมากเลยพี่วิน   คนในชุมชนมีหลายอาชีพด้วย   มีอะไรแปลกๆให้ถ่ายเยอะเลย   สนใจไหม?”



   เป็นที่น่าประหลาดใจสำหรับกวินที่ครั้งนี้พอได้ยินชื่อนายเมษาออกจากปากคนรักแล้วเขาไม่ยักรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างที่แล้วๆมา



   “เอาสิ  ไปกันนะ"

   “ครับ..."




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2012 23:42:19 โดย arunoki »

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
“เยี่ยมเลย   ไม่เห็นเคยรู้ว่ามีที่แบบนี้อยู่ในกรุงเทพฯด้วย" กวินเอ่ยชมไม่ขาดปากตั้งแต่เดินเข้ามาในบริเวณชุมชนแห่งนี้ "ดีนะที่เอาทิลท์-ชิฟท์ติดกระเป๋ามา   ไม่งั้นเสียดายแย่   อุตส่าห์ได้มาเจอบ้านทรงแบบนี้"

   “ใช่ไหมล่ะ   จำได้ว่าตอนมาเมื่อหลายปีที่แล้วยังใช้กล้องไม่ค่อยจะเป็นเลย   รูปออกมาสวยได้ไม่ถึงครึ่งของของจริง   เซ็งโคตรๆครับ" เด็กหนุ่มพูดไปขณะยกกล้องขึ้นเล็งไปยังมุมหนึ่งของตรอกแคบๆ

   “ไม่แปลกหรอก  บ้านแถวนี้ถ่ายยาก   มันแคบ   หามุมลำบาก   ถ้าไม่รู้เทคนิคนี่คงต้องเหงื่อตกอย่างเดียว   ขนาดใช้ทิลท์-ชิฟท์พี่ยังว่ายากเลย" เป็นตามที่กวินว่า   มองจากสายตาคนถ่ายรูปมาโชกโชนอย่างเขา   แวบเดียวก็บอกได้ว่าลักษณะทางกายภาพของที่นี่เป็นแบบฝึกหัดให้คนชอบถ่ายภาพสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี



   แต่...



   “แต่พี่ว่า   วันนี้เราถ่ายคนกันดีกว่า   มีหลายบ้านทำอาชีพแปลกๆอย่างที่ปอมบอกจริงๆ" จุดประสงค์หลักที่เขาชวนเด็กหนุ่มมาออกรอบในวันนี้ก็อยู่ที่การฝึกมือเพื่อถ่ายในแบบที่เจ้าตัวบอกไว้ว่าชอบเมื่อคืนก่อน

   ฝึกเพื่อเตรียมพร้อม...

.
.

.


.

   คนทั้งคู่เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพยามบ่ายแก่ๆแบบนี้มาก   แม้อุปกรณ์กล้องที่พกมาด้วยจะหนัก  หรือจะเดินจนขาลากอย่างไรก็ไม่ทำให้รู้สึกอยากพัก 

   ภาพหลายต่อหลายช็อตถูกบันทึกลงในเมมโมรีการ์ดไปภาพแล้วภาพเล่า   ไม่เพียงแค่ภาพนิ่งแต่จักรวาลยังถ่ายวีดิโอสั้นๆเก็บไว้บางช่วงด้วย   ส่วนกวิน...วันนี้ก็พกกล้องฟิล์มมาเป็นอ็อปชั่นเสริม





   ช่างภาพทั้งสองเดินไล่เก็บภาพไปเรื่อยจนกระทั่งมาถึงบริเวณริมน้ำ...




   
   ร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนเล็งกล้องเก็บภาพอยู่ที่นั่นก่อนหน้าพวกเขาก็สะดุดเข้ากับตาของคนทั้งคู่


   “พี่วิน   นั่นมันพี่เมษหรือเปล่า?” จักรวาลกระซิบขอความเห็นขึ้นทันทีที่มองเห็นชายหนุ่มมาดเนี๊ยบที่วันนี้อยู่ในชุดสบายๆตรงหน้าห่างออกไปไม่กี่เมตร   ก่อนจะตระหนักถึงบางอย่างได้   จึงหันมองคนข้างกายแล้วถามขึ้นอีกครั้ง "เอ่อ...พี่วินกับพี่เมษ   คุยกันเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ?  หรือว่าพี่วินยังโกรธพี่เมษอยู่?"

   หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น   กวินบอกกับจักรวาลว่าตนจะเป็นคนไปคุยกับเมษาเรื่องการเข้าใจผิดนี้เอง   และหลังจากกลับมาจากการแจกหมัดในวันนั้น   ช่างภาพคนดังก็บอกเพียงแค่ว่าทุกอย่างจบลงไปแบบเรียบร้อยดี   เมษาได้แก้ไขความเข้าใจใหม่แล้ว

   “อืม...ไม่โกรธแล้วมั้ง" ความจริงก็ยังโกรธอยู่   โดนทำซะขนาดนั้น   มันลบไม่หายไปง่ายๆหรอก   แต่แสดงออกไปก็เท่านั้น   จักรวาลจะยิ่งคิดมากเปล่าๆ...อีกอย่างเขาเองก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องทุกอย่างดี   ไม่อยากจะไปซ้ำเติมคนที่แพ้หมดรูปไปมากกว่านี้

   “งั้นผมไปทักพี่เมษได้หรือเปล่า"

   “ไปสิ"

   เมื่อได้รับคำอนุญาตจากคนรัก   เด็กหนุ่มก็สาวเท้าเข้าไปหาเมษาที่กำลังเช็คดูภาพในกล้องอยู่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง   




   ...ไม่รู้ว่าจักรวาลคิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้เมษาดูไม่สดชื่นเอาเสียเลย...




   “พี่เมษ" คำกล่าวทักทายที่ดังขึ้นข้างกาย  พร้อมกับสัมผัสเบาๆบริเวณไหล่ขวาเรียกให้เมษาต้องหันหน้ามามองอย่างตกใจ   ก่อนจะพบกับเด็กหนุ่มในความคิดยืนส่งยิ้มเก้อๆมาให้

   “...ปอม...”

   “ไหนบอกว่าเลิกถ่ายรูปไปแล้วไงครับพี่" จักรวาลเอ่ยปากถามขึ้นแทนคำทักทายขณะที่สายตาเหลือบลงมามองกล้องรุ่นเก่าแต่ราคาไม่เบาในมือของอีกฝ่าย   ความรู้สึกประดักประเดิดก่อตัวขึ้นรอบกายโดยอัตโนมัติ   ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก   ในเมื่อครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสองคนคุยกันมันไม่ใช่บทสนทนาที่น่าประทับใจนัก   


   
   หลังจบเหตุการณ์เด็กหนุ่มยังคงรู้สึกไม่อยากเจอหน้าพี่ชายคนนี้เท่าไหร่นัก  จึงไม่ได้พยายามติดต่อ



   แต่การได้มาเจอวันนี้ทำให้จักรวาลรู้ว่าเขาหายเคืองเมษาแล้วล่ะ...



   คนถูกถามอึกๆอักๆพูดอะไรไม่ออก   เพราะไม่นึกว่าจะได้มาเจอคนที่เขาแอบรักมานานในที่แบบนี้   ชายหนุ่มเหลือบตามองไปยังร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาเช่นเดียวกัน

   “เอ่อ...ก็...อยู่ดีๆก็อยากมาถ่ายรูปแถวนี้น่ะ...” สถานที่แห่งความทรงจำ...

   “ผมก็มาฝึกมือที่นี่เหมือนกัน   โลกกลมเป็นบ้าเลยเนอะพี่" จักรวาลกล่าวยิ้มๆ   ก่อนจะเงียบเสียงลงไปก่อให้เกิดเป็นความเงียบน่าอึดอัดไปพักใหญ่   จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงที่เบาลง "...วันก่อน...ที่ผมพูดจาไม่ดีกับพี่ในโทรศัพท์...ผมขอโทษนะครับ...”

   กวินยืนฟังอยู่เงียบๆทางด้านหลังของคนรัก

   คนถูกขอโทษหัวใจสั่นหวิวอยู่ในอก   






   ใครกันแน่...ที่ควรเอ่ยคำขอโทษ...






   “พี่เมษโกรธผมหรือเปล่า...”

   




   “พี่ขอโทษ...” เมษาไม่ตอบคำถาม   แต่กลับเอ่ยในสิ่งที่เขาสมควรจะพูดออกมา "...ขอโทษจริงๆ"

   เด็กหนุ่มจ้องลึกเข้าไปในแววตาหม่นแสงที่พยายามหนีหลบเขาอยู่ตรงหน้า   ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ




   “ไม่เป็นไรครับ...ก็พี่หวังดีกับผมนี่"



   กวินยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก   ไม่รู้ว่าชอบใจหรือไม่ชอบใจ   แต่อย่างไรก็ตาม   นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ...ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกลายเป็นความลับต่อไปแบบนี้แหละดีแล้ว...



   เมษากำมือแน่นจนรู้สึกถึงเหงื่อชื้นๆที่ซึมออกมา   


   ยิ่งจักรวาลดีเท่าไหร่...เขายิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้นเท่านั้น...



   “...ปอม...”

   “ครับผม?”

   


   “อาทิตย์หน้าพี่จะย้ายไปประจำสาขาที่สิงคโปร์แล้วนะ...”





   “อ้าว?...ทำไมกะทันหันจัง?...ไปอยู่นานเลยหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มถามขึ้นอย่างประหลาดใจ   ผิดกับกวินที่จ้องมองชายหนุ่มมาดเนี๊ยบตรงหน้าด้วยสายตาคมกริบ...

   “อืม...คงหลายปี...คนเก่าเพิิ่งเกษียณไปน่ะ...”

   เหตุผลที่แท้จริงไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก...



   ความจริงคือเขาขอพ่อไปดูแลที่นั่นเอง...


   “โธ่...” เด็กหนุ่มทำหน้าหงอย "...แต่สิงคโปร์อยู่ใกล้แค่นี้เอง   นั่งเครื่องบินสองชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพฯแล้ว  พี่เมษกลับมาบ่อยๆสิ!"

   “หึ...” ชายหนุ่มยิ้มจางๆขณะหลุบตามองพื้น...




   ...ไม่หรอก...


   ...เขาคงจะปักหลักอยู่ที่นั่นอีกยาว...

   ...อย่างน้อยๆก็จนกว่าจะทำใจได้...



   “แล้วเดินทางวันไหนครับ   ผมไปส่งที่สนามบิน"

   เมษาสั่นศีรษะเบาๆ "ไม่ต้องหรอก   เดี๋ยวพี่จะตัดใจไม่ลงซะเปล่าๆ"

   “ฮั่นแน่!...กลัวคิดถึงผมล่ะสิ" เด็กหนุ่มเอ่ยปากแซวขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศหดหู่ที่เมษาสร้างขึ้นมานี้ให้หายไป "...อย่างนี้ยิ่งต้องไปส่งเลย   ผมจะได้ดูพี่เมษร้องไห้ขี้มูกโป่ง   ฮ่าๆๆ"


   เมษาขำออกมาน้อยๆพลางทอดสายตามองรอยยิ้มสดใสของคนที่อยู่ในใจเขาตลอดเวลาด้วยความรู้สึกวูบโหวง


   และก่อนที่จะปล่อยให้บทสนาที่แสนขมปร่าดำเนินไปได้นานกว่านี้   ชายหนุ่มก็เอ่ยตัดบทขึ้นเสียก่อน


   “ถึงเวลาที่พี่ต้องกลับแล้วล่ะ   ต้องไปเตรียมตัวย้ายของต่ออีก" เมษากล่าวเสียงเบา "...ขอตัวก่อนนะปอม  ขอตัวก่อนครับคุณกวิน"

   
   “อ่ะ...โอเค  บ๊ายบายครับพี่" จักรวาลตอบกลับพลางโบกมือให้   ในขณะที่กวินที่เพียงพยักหน้าส่งออกไปน้อยๆ




   “อืม...ลาก่อน...”





   เมษาค่อยๆพาตัวเองเดินห่างออกมาจากสองคนนั้นเรื่อยๆ   สองตากวาดมองภาพรอบกายราวกับอยากจะเซฟมันเก็บไว้ในใจในสภาพที่ละเอียดที่สุด

   สถานที่ในความทรงจำ...


   ยังจำได้ดีอยู่ในมโนสำนึกว่าตอนนั้นเขาและจักรวาลทำอะไรอยู่ที่มุมไหนของย่านนี้บ้าง   จำได้แม้แต่ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีสีหน้าอย่างไรขณะใช้กล้องที่ยืมจากเขามาเล็งถ่ายไปทั่ว

   คงเป็นวันนั้นเอง...ที่ทำให้เขาเริ่มรู้ตัวว่าสิ่งที่ตนรู้สึกกับเด็กคนนี้...



   ไม่ใช่เพียงรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันอีกต่อไป...



   น่าแปลกที่นอกจากจะเป็นสถานที่แห่งการเริ่มต้นความรักของเขา...ที่แห่งนี้ยังต้องมากลายเป็นที่ๆมันจบลงเสียด้วย





   ...เขาได้ส่งไม้ต่อให้ใครอีกคนรับไปดูแลแล้ว...




   คงหมดหน้าที่เสียที...




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   ก่อนอื่น...ควรจะต้องให้ผู้ใหญ่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาเสียก่อน...



   ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจักรวาลจะตกลงยอมรับข้อเสนอของศาสตราจารย์เทย์เลอร์หรือไม่   อย่างไรซะ...สักวันกวินก็คงต้องบอกให้คนที่บ้านรู้อยู่ดี

   

   “เป็นไงบ้างล่ะตาวิน   งานยุ่งไหมช่วงนี้" ผู้เป็นพ่อกล่าวถามขึ้นขณะเอื้อมมือตักกับข้าวที่อยู่ตรงหน้า "ได้ข่าวจากเจ้าวิทย์ว่าช่วงนี้ชีวิตกำลังรุ่ง   สงสัยจะจริง   ดูจากหน้าตาแล้วพ่อว่าแกสดใสขึ้นนะ"

   ได้ฟังดังนั้นเจ้าตัวก็ยิ้มขึ้นมาเต็มแก้ม   เรียกให้คนเป็นพี่ชายที่รู้เรื่องชีวิตส่วนตัวของน้องดีที่สุดในบ้านต้องแอบยิ้มขำตามไปด้วย

   “ใช่เรื่องงานแน่เหรอพ่อ...หนูว่าพี่วินมีแฟนชัวร์   หน้าอย่างนี้ไม่ใช่หน้าของคนมีความสุขเพราะเรื่องงานหรอก" วรรณ...น้องสาวตัวดีพูดขึ้นอย่างรู้ทัน   แม้จะไม่เคยได้รับการบอกเล่าใดๆอย่างเป็นทางการ   แต่จากเซ้นส์แล้วเธอเชื่อว่าเธอเดาไม่ผิดหรอก

   ส่วนคนถูกแซว   แทนที่จะปฏิเสธหรือถลึงตาใส่กลับหัวเราะขึ้นมาเป็นการยอมรับไปกลายๆ   แน่สิ...ก็วันนี้เขามาเพื่อการนี้นี่แหละ

   แน่นอนว่าเรื่องอย่างนี้   คนที่หูผึ่งกว่าใครคงจะไม่พ้นผู้เป็นแม่...

   “หือ?...วินมีแฟนแล้วเหรอลูก?”

   เมื่อบทสนทนาถูกพาเข้าเขตเป็นงานเป็นการมากขึ้น   กวินก็ได้จังหวะทำตามความต้องการของตัวเองเสียที



   “ครับ...มีแล้วครับ   เพิ่งคบกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี่เอง" ชายหนุ่มยืดอกรับแบบไม่มีกั๊ก...




   กรวิทย์ที่นั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆได้แต่อมยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอย่างนึกลุ้นในใจ




   อยากรู้นัก...ว่าเจ้าวินจะพูดยังไงเรื่องที่....




   “เหรอจ้ะ...แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ   นิสัยดีไหม?” ผู้เป็นมารดาถามต่ออย่างสนอกสนใจ   แน่นอนว่าเธอไม่ใช่แม่ยายจำพวกที่เห็นในละคร   ไม่ได้สนใจว่าลูกสะใภ้จะต้องเป็นทายาทเศรษฐีหรือผู้หญิงเพียบพร้อมทุกกระเบียดนิ้ว   แต่อย่างไรก็ดี   ด้วยความเป็นแม่   เป็นธรรมดาที่เธอต้องอยากให้ลูกได้คนที่ดีมาเป็นคู่ครอง   อย่างน้อยๆเธอก็อยากมั่นใจว่าเจ้าหล่อนคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงหยาบกระด้างไร้หัวนอนปลายเท้า

   ไม่เพียงคุณหญิงเท่านั้นที่สนใจ   แต่คุณผู้ชายของบ้านและน้องชายน้องสาวอีกสองคนก็สนใจเช่นกัน   เรียกได้ว่าตอนนี้คนทั้งโต๊ะต่างก็นั่งจ้องเจ้าของประเด็นเป็นตาเดียว

   “เขาเป็นคนดีครับ   นิสัยน่ารัก   เข้ากับผมได้ดี...” ช่างภาพคนดังค่อยๆสาธยายความน่ารักของแฟนตนออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข "...ฐานะที่บ้านไม่ได้ดีอะไร   ตอนนี้ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย   เขาทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียนไปด้วย   แล้วเขาก็ชอบถ่ายรูปมากๆเหมือนผมเลยล่ะ   อาจจะยังเด็กไปนิด   แต่เป็นคนเรียนรู้เร็ว   อีกไม่นานคงกลายเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงแน่ๆ   เคารพผู้ใหญ่   รักเพื่อน  แล้วเพื่อนก็รัก   มนุษยสัมพันธ์ดี   ใจดี  เข้าใจคน...เอ...มีอะไรอีกนะ...อืม...อ้อ...หน้าตาน่ารัก"

   “โอ้โห...ไม่มีเขินเลยเว้ยพี่ชายผม" กวี..น้องชายตัวแสบเอ่ยปากแซว   ก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนเป็นเด็กๆ "พูดจนผมอยากแย่งเลยนะเนี่ย"

   “ลองสิ...เดี๋ยวมีต่อย" กวินกล่าวเสียงเข้มพลางชี้หน้าคาดโทษ

   “ไปล้อพี่เขาตาวี" ผู้เป็นพ่อหันมาห้ามทัพ   

   “แม่ชักอยากเห็นแล้วสิ   พามาให้ที่บ้านรู้จักบ้างได้ไหม"

   “ได้ครับ  ผมก็กะว่าจะพามาหาพ่อแม่เร็วๆนี่แหละ" เอาล่ะ...ถึงส่วนที่ยากที่สุดของบทสนทนาครั้งนี้แล้วสินะ "...แต่ว่าพ่อครับ  แม่ครับ   มีบางเรื่องที่ผมอยากจะมาบอกไว้ก่อน...”

   กรวิทย์ขยับตัวเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ...

   “อะไรล่ะ" ชายวัยภูมิฐานที่หัวโต๊ะเอ่ยถาม

   “ก่อนอื่น...ผมอยากจะบอกว่าถ้ารู้เรื่องนี้   พ่อแม่คงตกใจ...และก็เป็นไปได้ว่าอาจจะโกรธผม   แต่ผมอยากให้รู้เอาไว้ว่าผมคิดดีแล้ว   และอยากให้พ่อกับแม่มั่นใจว่าผมจะสามารถจัดการไม่ให้เรื่องนี้กลายมาเป็นปัญหากับการใช้ชีวิตและหน้าที่การงานได้แน่นอน"

   ได้ยินแบบนี้   คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายของบ้านก็เริ่มเหลือบมองหน้ากันอย่างหวาดๆ

   “คือ...แฟนผม...” กวินเอง   ทั้งที่ตั้งใจมาจากที่บ้านแล้ว   แต่พอถึงเวลาต้องพูดจริงเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย  ชายหนุ่มมองหน้าผู้เป็นบิดาและมารดาสลับกันไปมา  ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆอีกทีเรียกความมั่นใจ




   


   “แฟนผมเป็นผู้ชายครับ...”






   เกิดเป็นความเงียบขึ้นนานเกือบนาที

   กรวิทย์ได้แต่เหลือบมองปฏิกิริยาคนนู้นทีคนนี้ทีอย่างประเมินสถานการณ์




   แล้วก็เป็นผู้เป็นพ่อที่เปิดปากพูดขึ้นมาเป็นคนแรก   โทนเสียงที่ใช้ฟังดูจริงจังกว่าเมื่อครู่มาก

   “พูดจริงเรอะ?”

   “ครับ...จริงครับ" ช่างภาพหนุ่มตอบน้ำเสียงหนักแน่น   หากแต่ก็อ่อนน้อมอยู่ในที

   “คิดดีแล้วเหรอ?”

   “คิดดีแล้วครับ   คิดมาหลายรอบแล้วด้วย...ผมเองตอนแรกผมก็ตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่อยู่ดีๆก็ไปชอบเด็กผู้ชาย   แต่สุดท้ายก็ห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกอย่างนั้นไม่ได้ครับ"

   “แล้วแกรู้ใช่ไหมว่าต่อไปยิ่งแกใหญ่โตในหน้าที่การงานมากขึ้นเท่าไหร่   แกกับแฟนก็จะยิ่งได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเท่านั้น"

   “ครับ...ทราบครับ"
   
   คนเป็นพ่อเงียบไปอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด   เปิดโอกาสให้ผู้เป็นภรรยาได้ออกความเห็นเป็นคนต่อมา

   “แม่ไม่ได้เตรียมใจมาฟังเรื่องแบบนี้...” ได้ฟังมารดากล่าวด้วยเสียงติดจะสั่นน้อยๆกวินก็ต้องเม้มปากระบายความอึดอัดใจ

   กรวิทย์ที่เห็นท่าไม่ดีก็ใช้จังหวะนี้พูดแทรกขึ้นช่วยเสริมทัพน้องชาย "แม่ครับ   บ้านเรามีลูกชายตั้งสามคน   ผมเองก็แต่งงานไปแล้ว   เรื่องทายาทสืบทอดอีกแป๊บเดียวแม่คงได้หลานมาอุ้มแน่นอน   ผมว่าคงไม่มีอะไรต้องกังวลมั้งครับ"

   ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเบาๆ "แม่ห่วงเรื่องนั้นเสียเมื่อไหร่กันเล่าตาวิทย์"

   “แล้วแม่ห่วงเรื่องอะไรครับ?” กวินเอ่ยถามออกมาด้วยใจลุ้นระทึก

   “...ไม่รู้สิวิน...อย่างที่แม่บอกว่าแม่ไม่ได้เตรียมใจมากฟังเรื่องนี้   อีกอย่างเลี้ยงมากับมือยี่สิบห้าปี  ลูกก็ไม่เคยส่งสัญญาณอะไรให้แม่รู้ล่วงหน้าเลยว่าลูกจะเป็น...เอ่อ...ลูกจะชอบเพศเดียวกัน"

   “ปกติผมก็ชอบผู้หญิงนั่นแหละครับ   ไม่เคยคิดจะชอบผู้ชายด้วยกันหรอก   แต่มีแค่คนนี้จริงๆที่ผมมีความรู้สึกแบบนี้กับเขา" กวินพยายามอธิบายให้ทั้งแม่ที่มีสีหน้าไม่สู้ดี   และพ่อที่นั่งจ้องตนเขม็งอย่างสุดความสามารถ "ผมก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนหรอกครับ   แต่เรื่องแบบนี้บางทีมันก็ไปกำหนดไม่ได้  อยากให้เข้าใจ"

   “นั่นสิครับ   เรื่องความรู้สึกคนมันควบคุมยากนะแม่   ขอแค่คนๆนั้นเป็นคนดี   เข้าใจไอ้วินมันก็น่าจะพอแล้วนะผมว่า" กรวิทย์เองก็ไม่อยากให้ทั้งน้องชายของตนและศิษย์รักต้องเจอกับอุปสรรคอีกเช่นกัน

   ชายหญิงวัยกลางคนทั้งคู่เหลือบมองหน้ากันอีกครั้งด้วยความลำบากใจ

   “พ่อก็ไม่อยากจะไปยุ่งอะไรกับเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของแก" ผู้เป็นบิดากล่าวขึ้น "สำหรับพ่อ  แกเป็นคนมีเหตุผลแล้วก็ความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก   เรื่องนี้...พ่อหวังว่าแกจะได้ไตร่ตรองดูอย่างรอบคอบแล้วนะตาวิน   สังคมบ้านเรามันยังไม่เปิดกว้างกับเรื่องชายรักชาย  หญิงรักหญิง  ซึ่งพ่อคิดว่าแกคงรู้ดี   แต่ถ้าแกยืนยันว่าแกคิดดีแล้ว...พ่อก็ไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามอะไร  นี่มันไม่ใช่ชีวิตของพ่อ"

   “แต่คุณคะ...” ผู้เป็นแม่กล่าวขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าสามีทำท่าจะปล่อยเรื่องนี้ไป

   ผู้เป็นสามีส่ายหน้าเบาๆ “คุณก็รู้ว่าเจ้าวินมันไม่ใช่คนฉาบฉวย   คิดว่าลูกจะไม่นึกถึงปัจจัยเรื่องอื่นๆเหรอ...คงเพราะคิดมาเยอะแล้วนั่นแหละ   ถึงได้กล้าตัดสินใจมาบอกพวกเรา" แม้จะนึกไม่เห็นด้วยอยู่ในใจ   แต่ก็อย่างที่พูดไปว่านี่มันเป็นชีวิตของผู้ชายชื่อกวิน   คนเลือกคนตัดสินคงเป็นคนอื่นไม่ได้

   หญิงวัยกลางคนแสดงสีหน้ากังวลใจ 

   กวินเห็นแล้วก็เข้าใจดีทุกอย่าง   รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

   “เอาอย่างนี้ดีไหมครับแม่...ผมอยากให้แม่เจอเขาก่อน   ถึงเวลานั้น...จะยังไงค่อยว่ากัน   แต่ผมมั่นใจว่าแม่จะต้องชอบเขาแน่ๆ" ใช่...เขามั่นใจว่าถ้าได้เจอกัน   แม่เขาจะต้องหลงรักเด็กผู้ชายที่ชื่อจักรวาลอย่างที่เขาเป็นอย่างแน่นอน




   คุณหญิงของบ้านถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างลำบากใจ....






   จะเป็นคนยังไงนะ   เด็กผู้ชายคนนั้นที่ทำให้ลูกชายของเธอมาตกหลุมรักได้...





TBC.





แถม




   “นี่พี่วิน" หญิงสาวกระซิบถามขณะออกมาส่งพี่ชายที่หน้าบ้าน

   “อะไร" ช่างภาพหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้น้องสาวตัวดีตามที่เจ้าหล่อนกวักมือเรียก















   “พี่เป็นรุกหรือรับอ่ะ?”















   “วรรณ!”

ออฟไลน์ eaey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
อ้างถึง
“หยุดนะ!  กูเหนื่อย!”
ฮาอันนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องปอมนี่น่ารักน่าฟัดมากกกกกกกกกกกกก
แม่พี่วินนี่คือคนที่น้องปอมช่วยไว้ในห้างหรือเปล่าคะ?   :m28:
ขอให้ความรักของพี่วินกับน้องปอมยั่งยืนและน่ารัก (น่าฟัด)ตลอดไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2012 21:41:54 โดย chisarachi »

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ตอนนี้มาเร็วมาก :mc4:
บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี :-[

แอบฮาตอนจบ ถ้าเป็นเรานะ...เราก็ถามแหละ :laugh:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คุณแม่ต้องเป็นคนที่ปอมช่วยแน่ๆเลย

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
มันจะเป็นจุดใต้ตำตอหรือเปล่า คนที่ปอมช่วยจะเป็นแม่ของวิน
แล้วที่ว่าจะไปนอก เป็นเพราะฝีมือการถ่ายภาพของปอม ทำให้โอกาสมาถึงปอมใช่ไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2012 07:09:33 โดย evilheart »

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
ขำอีตาพี่วิน  :m20: จะฮาไปใหนเนี่ยะ  :laugh: :pigha2:



โอ้ววว  ได้อ่านสองตอนรวดเลย  อิอิ   :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2012 22:13:11 โดย ASSASSIN »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด