หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1377961 ครั้ง)

ออฟไลน์ oa_ko

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
ใสๆ มากกกกกกก
ว่า วินปอม ใส แล้ว

คู่นี้ใสกว่าอ่ะ อินโนเซนท์กันมากกกก   :-[

bluekawai

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ

ออฟไลน์ JingJing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ยาวสุดๆยาวชนะเลิศ เจ๋งมาก o13  :pig4:

น่ารักอ่ะ ขออีกได้เปล่าตัวเอง :impress:


ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอยย !
อ่านคู่เมษอาร์ทแล้วแบบว่าสนุกมากก !
>< ยาวได้ใจคนอ่านคนนี้มากเลยค่ะ แล้วก็สนุกมากจริงๆ
ดำเนินเรื่องได้ดีมาก อ่านแล้วเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้เลย
ชอบมาก !
อยากให้แต่งคู่นี้ออกมาอีกเยอะๆเลย


เมษ-อาร์ทททท ♥
ฟินนน ><  :z2:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
คู่รองน่ารักมาก อ๊ากกกกกกกกกกกกก เอามาให้เชยชมบ่อยๆนะ ชอบจริงจัง

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0

ออฟไลน์ littlesmall

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
โอววววววว พี่เมษ ย๊าววววววว ยาวววววว จุใจจริงๆ
ขอบคุณคนเขียนค่ะที่เขียนให้เห็นอีกมุมหนึ่งของพี่เมษ
ผู้ที่ได้ตำแหน่งตัวร้ายยอดเยี่ยม จะมีมุมที่น่ารักและไร้เดียงสา
จูบแรกยังไม่เคย แปลว่ายังบริสทุธิ์ผุดผ่องอ่ะซิ  :o8:

ถ้ามีโอกาส คนเขียนอย่าลืมเสริมคู่นี้บ้างน่ะค๊า

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
โหววววว
ยาวจุใจมากค่ะ

พี่เมษน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ AiiSoul

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เมษกับอาทิตย์ น่ารักมาก!!!!!!!!!
อยากอ่านคู่นี้ต่อจังค่า

ออฟไลน์ มือซ้าย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ตอนแรกเห็นชื่อตอนก็แปลกใจว่าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้
อ่านไปอ่านมาถึงได้เข้าใจว่าเป็นเรื่องของ เดือนเมษ(า) วันอา(ร์ท)ทิตย์ นี่เอง

ขอตอนคู่นี้พัฒนาความสัมพันธ์ให้สนิทแนบแน่นกว่านี้ด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2012 12:30:41 โดย kasarus »

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
คือ กลับมาอ่านตอนพี่เมษกับพี่อาร์ทอีกรอบอะ
ติดใจ 555 55
เมื่อวานลืมกดบวกเป็ดให้
คืนนี้กดให้แล้วน้าาา
อ๊ายยย !
ชอบคู่นี้จริงๆอ่ะ !
โรคจิตถึงขั้นมาอ่านอีกรอบ = ='

รออัพตอนต่อไปนะคะ  :z3:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เป็นสองคนที่ต่างกันสุดขั้วไปเลย
ตอนพิเศษทำให้เรารู้จักพี่เมษมากขึ้นนะ
เป็นคนที่จริงจังซะจริงๆ
ส่วนพี่อาร์ท แกก็อาร์ทสมชื่อนั่นแหละ

มาแบบชุดใหญ่ ยาวมาก
แต่เราก็ยังอยากจะอ่านต่ออยู่นะคะ

ออฟไลน์ eyeaptchy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ยอมรับว่าไม่ชอบเมษ หึ ยังงอนอยู่
แต่พอมาอ่านแล้วแบบ โอ้ยยยน่ารัก อยากได้ตอนของคู่นี้อีกนะคะ ยาวไปเลย อิ้อิ้

ออฟไลน์ Running girl~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-2
ยาวมากกก

แต่อบอุ่นมากเลย^^

tippawanjj

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจนจุใจ แต่ยังไม่หายคิดถึงน้องปอมกับพี่วินนนนนนนน
เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้สู้
แล้วจะรออ่านตอนต่อไปจ้า


ออฟไลน์ Ta_ii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
 :mc4: :mc4: :mc4:
...ฉลอง!!! เราตามอ่านทันแล้วว ว ว~~~

เม้นทีเดียวรวดเรยนิ ^^

-------------------------------------------------

เวอร์ชั่น :: มีสาระ/ทางการ

บอกตามตรงตอนแรกเคยเห็นเรื่องนี้อยู่นะ แต่แบบพอเราอ่านชื่อเรื่องแล้ว..
รู้สึกว่ามันไม่โดนอ่ะ เลยไม่ได้เปิดเข้ามาอ่าน ซักพักมีเพื่อนหลายๆคนมาบอกให้ลองอ่านดู
ประจวบเหมาะกับช่วงนี้เราว่างๆ เลยเข้ามาอ่าน...และเมื่อคลิกเข้ามาอ่านปุ๊บ!

 o13 ประทับใจมว๊ากกก  o13

คนเขียนสร้างตัวละครได้สมจริงมาก คือไม่ได้สร้างเนื้อเรื่องขึ้นมาแล้วสักแต่ว่าให้รักๆกันแล้วจบ
แต่คนเขียนกำลังสื่อมันเหมือนเป็นการเริ่มต้นของแต่ละฝ่ายที่เป็นธรรมชาติค่อยเป็นค่อยไป
ความมุ่งมั่นของตัวละครที่ไม่เว่อร์จนเกินไป ภาษาที่ใช้เขียนช่วยทำให้คนอ่านอย่างเราเข้าถึงอารมณ์มากยิ่งขึ้น
เรื่องนี้มีครบทุกรสชาติจริงๆ หลายๆฉากในเรื่อง มองดีๆจะเป็นคติที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้
จะรอติดตามเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ  :L2:

--------------------------------------------------------------------

เวอร์ชั่น :: เป็นกันเอง

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด กร๊าดดดดดดดดดดดดด วี๊ดดดดดดดว้ายยยยยย

อ่านมาตั้งแต่ต้น ลุ้นจนตัวโก่งมาก กว่าน้องปอมเราจะยอมรับอย่างเปิดเผยกับพี่วิน  :z2:

ส่วนพี่วินนี่แรกๆพี่แกเนียนไปเยอะ ยังดีที่น้องยังให้โอกาสอีกนะ

ส่วนตอนดราม่า บอกตามตรงคือเราไม่ค่อยชอบกินมาม่าซักเท่าไหร่(...เกี่ยวหรอว่ะ!)
นั่นแหละคือเราไม่ค่อยชอบเสพดราม่า อ่านแล้วมันหน่วงๆทุกครั้งเรย :z3:
ยิ่งมาอ่านเรื่องนี้ คนเขียนแต่งซะแบบเราอ่านแล้วโคตรอึดอัดอ่ะ คือเราอ่านแล้วอินมากกอ่ะ :o12:
เข้าถึงอารมณ์ตัวละครทุกตัวที่คนเขียนต้องการสื่อเรยอ่ะ ที่เกริ่นมาเนี่ยจะพูดถึงพี่เมษคนเดียวเรยนะเนี่ย

อารมณ์ประมานอ่านช่วงมาม่าแรกๆ โคตรเกลียดพี่เมษอ่ะ อยากจะ  :beat: :beat: :z6:
แต่พอไปเรื่อยๆ เราเริ่มเข้าใจเองนะ ว่าแบบ...คือพี่เมษมันรักน้องมาก มากจริงๆอ่ะ
จนบางครั้งเราคิดไปเองว่าพี่เมษแยกไม่ออกรึป่าว? ว่ารักแบบ 'คนรัก' หรือ รักแบบ 'น้องชาย'
แต่พื้นฐานของความรักแล้วยังไงก็ต้องอยากให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขสิเนอะ

แต่สุดท้ายก้ผ่านมาม่ามาได้ด้วยดี  :เฮ้อ: แม้ว่าน้องปอมเราเกือบจะเสียตัวให้พี่วิน ซึ่งเดาว่าถ้าคืนนั้น
น้องปอมโดนพี่วินปล้ำจริงๆแบบยังไม่พร้อม ไม่เต็มใจ เราว่าคงได้กินมาม่ากันจนอืดเรย
แต่โชคดีที่คนเขียนยังใจดี มีเมตตากับคนอ่านอย่างเรา ฮ่าาๆ ๆ   :really2:

ทีนี้ก้เหลือแต่เปิดตัวให้ทางฝั่งผู้ใหญ่ของน้องปอมรู้แล้วสินะ พี่วินน้องปอมสู้ๆ
เราไม่หวังจะเสพมาม่า...แต่ก้คงต้องตามใจคนเขียน คงต้องรอลุ้นกันต่อไป

...อีกอย่างคือ...พี่วินจะไม่ไปคุมน้องปอมที่เมืองนอกหรอ จะปล่อยน้องปอมไปคนเดียว?

---------------------------------------------------------------------------

ตอนพิเศษ ทำให้เราเห็นถึงความน่ารักเอาใจใส่ของพี่เมษดีนะ ฮ่าาๆ ๆ
แม้ว่าอาร์ทจะทำให้ปวดหัวอยู่ตลอด ถ้าทางคู่นี้รับ(อาร์ท)จะคุมเกมรึป่าวนะ  :laugh:


 :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ polla_x

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนต่อไปจะมาก่อนปีใหม่รึเปล่าคะ

ออฟไลน์ max_ang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-3
ยาวมาก น่ารักมาก สนุกมาก ชอบมาก
อยากอ่านคู่นี้ต่อๆๆๆๆๆ  :-[

Mocha01

  • บุคคลทั่วไป
 o13
มันเป็นตอนพิเศษ ที่พิเศษมากอะคับ

ผมชอบพี่เมษมานานละสมหวังสักที่แต่ไหนๆ ก็ปูมาซะอย่างนี้แล้ว ขอหนักๆพี่จัดอาทิตย์สักยกจะได้ไหมม o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Scream

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด น่ารักมากกกกกกกก  :z3:
จะบ้าตายเเล้วค่ะ ฮืออออ ㅜㅜ
เป็นตอนพิเศษที่โคตรยาวจริงๆ
มัน ชอบอ่ะ โอยยยย ไม่รู้จะบอกยังไงเลย
ชอบมากจริงๆ อยากอ่านตอนต่อไปของคู่นี้ซะเเล้วสิ
จริงๆชอบพี่เมษนะ มั่นคงในความรักมาก
มาเจอนายอาทิตย์นี่คุณเมษาไปไม่ถูกเลยทีเดียว 55555

อยากอ่านของคู่นี้ต่อจริงๆนะคะ ㅜㅜ


ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
คู่นี้มันต่างขั้ว แต่อยู่ด้วยกันแล้วลงตัว
น่ารักจัง อยากอ่านอีกค่ะ

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
หัวใจหลังเลนส์
# 37


   “แม่!” เสียงเรียกคุ้นเคยที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังเรียกให้หญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมบางที่กำลังขยับมือชงกาแฟโบราณอยู่นั้นต้องเงยขึ้นมองด้วยความดีใจ   เมื่อวันก่อนลูกชายคนเดียวของเธอได้โทรมาบอกไว้แล้วว่าจะกลับมาหาในวันหยุดที่จะถึงนี้...

   “ว่ายังไงไอ้ลูกหมาของแม่" ช้อนคนกาแฟคู่ใจถูกปล่อยลงไปในแก้วก่อนที่ตัวเธอจะเดินออกมาอ้าแขนรับเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้ามาสวมกอด   ดวงตาคู่สวยเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยกมือขึ้นไหว้เธอด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย   แต่ก็แย้มยิ้มรับออกไป

   “แม่เป็นยังไงบ้าง   ปอมคิดถึงแม่มากเลย" เด็กหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยสีหน้าสดใส

   มณี...แม่ค้าขายกาแฟโบราณ  เจ้าของห้องแถวเล็กๆโทรมๆห้องหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต...ไม่ใช่ร้านสวยๆเหมือนที่เห็นกันในอินเตอร์เน็ต    นอกจากพ่อแม่และสามีที่เสียไปนานแล้ว  ทั้งชีวิตตอนนี้ของเธอก็มีเพียงน้องสาวซึ่งช่วยกันทำงานมาโดยตลอด  และลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ที่เป็นความสุขทั้งหมดของเธอ

   “แม่สบายดีเหมือนเดิมนั่นแหละลูก   ลูกเถอะ  เป็นยังไงบ้าง...ผอมลงไปหรือเปล่า"

   “ไม่ผอมนะแม่   น้ำหนักเท่าเดิมเลย" เด็กหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธกับคำทักท้วง   ก่อนจะหันกลับไปยังคนที่พามาด้วยกันจากกรุงเทพฯ   เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกความมั่นใจแล้วจึงกล่าวแนะนำให้ผู้เป็นมารดาได้รู้จัก "แม่ครับ...นี่พี่วิน   เป็นคนที่ให้งานผมทำ   จำได้หรือเปล่าครับ?”

   มณีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม   ก่อนหน้านี้ลูกชายของเธอเคยโทรมาเล่าให้ฟังถึงช่างภาพชื่อดังใจดีที่ให้โอกาสตนได้มาทำงานด้วย "จำได้สิ...ต้องขอบคุณคุณวินมากนะคะ   ที่กรุณาลูกชายน้า"

   กวินยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งไปให้ "ผมต้องขอบคุณคุณแม่มากกว่าครับที่เลี้ยงแกมาได้ดีขนาดนี้"

   ช่างภาพหนุ่มไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่า 'น้า' ตามที่เธอเรียกแทนตัวเอง   หากแต่เขาจงใจใช้สรรพนามเดียวกันกับที่คนรักใช้..

   “อุ๊ย!ปอม! กลับมาแล้วเหรอ!” เสียงบุคคลที่สี่ดังขึ้นพร้อมหญิงอีกคนซึ่งหน้าตาดูละม้ายคล้ายคลึงกับมณีที่ยืนหิ้วถุงก็อบแก็บสองสามใบอยู่ในมือที่บริเวณหน้าร้าน

   “น้าริน  สวัสดีครับ   คิดถึงจัง!” เด็กหนุ่มผละจากมารดาแล้ววิ่งไปกอดผู้เป็นน้า   

   น้าหลานทั้งสองทักทายกันอีกครู่หนึ่ง  ปล่อยให้กวินและมณียืนมองนิ่งๆ   จนในที่สุดเมื่อมีลูกค้าเข้ามาเพิ่มคนเป็นน้าจึงต้องขอตัวกลับมาชงโกปี๊สูตรเด็ดของเธอต่อในร้าน

   มณีที่ยกช้อนกาแฟที่อยู่ในแก้วตูดจีบขึ้นคนอีกครั้งพลางเงยหน้ามองลูกชายที่ดูเหมือนว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับเธอด้วยความสงสัย "ปอมมีอะไรหรือเปล่าลูก  ไม่เอาของไปเก็บในบ้านล่ะ?”

   เด็กหนุ่มเหลือบตามองคนข้างกายแวบหนึ่ง   ซึ่งกวินเองก็ส่งกำลังใจผ่านสายตาออกไปอย่างเต็มที่   

   “แม่ครับ...ปอมมีเรื่องอยากคุยกับแม่...” น้ำเสียงหงอยๆเจื่อนๆที่ได้ยินจากลูกชายทำให้มณีรู้สึกประหลาดใจ   ก่อนจะตระหนักได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มกำลังไม่สบายใจกับเรื่องอะไรสักอย่าง

   “ถ้าอย่างนั้นลูกพาคุณกวินเอาของเข้าไปวางข้างในก่อนนะ   เดี๋ยวแม่ชงแก้วนี้เสร็จแล้วจะตามไป"

   เมื่อได้ยินอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ทำตามอย่างว่าง่าย...

   กวินและจักรวาลช่วยกันหอบหิ้วสัมภาระ   ที่จะหนักไปทางอุปกรณ์กล้องมากกว่าเสื้อผ้าหายเข้าไปที่หลังร้าน

   เด็กหนุ่มพากวินขึ้นไปเก็บของบนห้องนอนของตน...

   “มันแคบหน่อย   พี่วินนอนนอนได้หรือเปล่า?" จักรวาลถามอย่างไม่มั่นใจขณะกำลังใช้สายตาประเมินพื้นที่ในห้องว่าคืนนี้เขาควรจะให้ชายหนุ่มนอนตรงไหนดี

   กวินยิ้มรับ "สบายมาก   ไม่ต้องห่วงหรอก...ว่าแต่ปอมเถอะ   ตอนนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย   กังวลอีกแล้วใช่ไหม...?"

   จักรวาลพยักหน้ารับแต่โดยดี "อืม...พอได้มาเห็นหน้าแม่แล้วคำพูดที่เตรียมมามันหายไปหมดเลย...พี่วินว่าแม่จะโกรธปอมไหม?”

   ช่างภาพคนดังไม่ได้ออกความเห็นอะไร   เนื่องจาก...ถ้าให้พูดตรงๆ   เขาเองก็หวั่นใจอยู่ลึกๆเหมือนกัน...

   “ปอมจะเริ่มพูดว่าอะไรดี...ไม่อยากทำให้แม่เสียใจเลย...”

.
.

.


.

   มณีที่เพิ่งจะเดินตามขึ้นมาบนห้องนอนของลูกชายชะงักมือที่จะเปิดประตูห้องเข้าไป   เมื่อได้ยินบทสนทนาสะดุดหูที่ดังแว่วมาจากด้านใน

   ความหวั่นใจเริ่มก่อตัวขึ้นน้อยๆ

   และยิ่งเมื่อได้ฟังไปเรื่อยๆ เธอก็ยิ่งจับเค้าลางของเรื่องราวบางอย่างได้   แม้คนในห้องทั้งสองจะไม่ได้พูดมันออกมาตรงๆโจ่งแจ้งก็ตาม...





   -ก็อก ก็อก ก็อก-

   “แม่เข้าไปนะลูก" มณีส่งสัญญาณให้คนข้างใน   ก่อนจะปรับสีหน้ากังวลให้กลับมาเป็นปกติแล้วเปิดประตูเข้าไป "แม่มาแล้ว...เอาล่ะ   มีเรื่องอะไรเหรอพ่อลูกหมาของแม่...หืม?"

   “แม่ครับ...” เด็กหนุ่มเอ่ยเกริ่นขึ้นเสียงเบาขณะขยับตัวเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ไว้   ใบหน้าหันมองชายหนุ่มอีกคนที่ร่วมฟังอยู่ในห้องนี้ด้วย "...ปอมกลัวแม่โกรธจังเลย"

   มณีขมวดคิ้วลงเล็กน้อย   ฝ่ามือเรียวบางยกขึ้นลูบศีรษะลูกชายแผ่วเบา "แม่จะไปโกรธลูกเรื่องอะไร...ไหนบอกมาซิ" ความจริงแล้ว  เป็นที่แน่ชัดอยู่พอสมควรว่าสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นคงจะเป็นเรื่องจริง   เมื่อลูกชายของเธอปล่อยให้ช่างภาพหนุ่มคนนั้นนั่งฟังอยู่ด้วยกันในนี้

   


   “แม่...คือว่า...” พูดถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็ถูหน้าลงไปกับต้นแขนของแม่เบาๆ "...ปอม...เอ่อ...มีแฟนแล้ว...”




   หัวใจของหญิงผู้เป็นมารดากระตุกวูบ...ไม่ผิดจริงๆด้วย...




   เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ   แล้วรอเวลาให้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเองอีกครั้ง




   “วันนี้...” จักรวาลกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงคออย่างยากลำบาก   สายตาจ้องสบกับคนรักด้วยแวววิตก "...วันนี้ปอมพาเขามาเจอแม่ด้วย...”




   โดยไม่ต้องเอ่ยชื่อ  ไม่ต้องพูดตรงๆ   มณีก็เข้าใจประโยคของลูกชายได้ในทันที...

   เธอเบนสายตาจากสีหน้ากังวลของเด็กหนุ่มมามองที่บุคคลที่สามในห้อง



   มาถึงตรงนี้   กวินรู้ได้ด้วยเซ้นส์ว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องรับผิดชอบบทสนทนานี้ต่อจากเด็กหนุ่มแล้ว

   “คุณแม่ครับ...ผมขอแนะนำตัวอีกครั้ง   ผมชื่อกวิน   จารุกิตติ์  อายุ 25 ปี เป็นช่างภาพ...ตอนนี้ผมกำลังคบกับปอมอยู่ครับ...ผมอยากจะมาขออนุญาตคุณแม่ไว้..."

      น้ำเสียงหนักแน่นที่เอ่ยออกมาพร้อมแววตาซึ่งยังคงแสดงความนอบน้อมอยู่ในที   ไม่ได้ทำให้มณีสามารถคลี่ยิ้มได้อย่างเต็มใจ   


   เกิดเป็นความเงียบยาวนานปกคลุมไปทั่วทั้งห้องเล็กๆแห่งนี้   


   จักรวาลมองมารดาของตนด้วยจิตใจที่ฟีบลงไปมากกว่าเก่า...



   จนในที่สุด   ผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของห้องก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนจากปลายเตียงที่ฝากน้ำหนักตัวไว้เมื่อครู่ช้าๆ   เธอกล่าวออกมาเสียงค่อยพร้อมลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาแผ่วๆ "ปอม...ลูกยังเด็ก   อาจจะตัดสินใจอะไรผิดไปบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก...แม่ไม่โกรธที่ลูกมาบอก   แต่อยากจะให้ลองคิดดูดีๆ  ว่านี่ใช่ทางที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตแล้วหรือไง...”

   “แม่...” จักรวาลเอ่ยเรียกมารดาเสียงเบาหวิวด้วยหัวใจที่ตกไปที่ตาตุ่ม

   “เอาล่ะ...เรื่องนี้เดี๋ยวแม่จะมาคุยด้วยอีกทีตอนปิดร้าน   ตอนนี้แม่ขอลงไปช่วยน้ารินเขาทำงานก่อนแล้วกันนะ" มณีกล่าวนิ่งๆแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวไม่แพ้ลูกชายของเธอ   และก่อนที่จะพาตัวเองลับหายออกไปนั้น   ดวงตาคู่เรียวแบบเดียวกับที่จักรวาลได้รับมาก็เหลือบมองคนที่มาแนะนำตัวเองว่าคบอยู่กับลูกชายเธอด้วยสายตาหวาดระแวง



   

   ประตูห้องถูกปิดลงไปแล้ว...





   คนทั้งคู่ที่เหลืออยู่ต่างก็จ้องมองกันและกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันนัก   ก่อนจะเป็นกวินที่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างกายเด็กหนุ่มที่ดูจะเป็นหนักยิ่งกว่าเขา

   “ไม่เป็นไร   ไม่ต้องคิดมากนะปอม" ช่างภาพคนดังเอ่ยปลอบประโลมคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน   ทั้งที่ในใจของตนก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่เลย "คุณแม่ยังไม่ได้สั่งห้ามสักหน่อย   แค่บอกว่าให้เราลองไปคิดดูดีๆเท่านั้นเอง...”

   เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกาย "ก็นั่นแหละ...แปลว่าห้าม...”

   “ถอดใจแล้วเหรอ?”

   คำถามสั้นๆที่ได้รับมาทำให้เด็กหนุ่มสั่นศีรษะปฏิเสธเบาๆ

   “ถ้ายังไม่ถอดใจก็อย่าเพิ่งเศร้าสิ...ไม่แปลกหรอกที่คุณแม่จะยังรับไม่ได้   พ่อแม่พี่ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่เหมือนกันตอนที่่ไปบอก   แต่จำไม่ได้เหรอ...พอได้เจอกับปอม   สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเลยนะ...แล้วปอมไม่คิดว่าพี่จะมีดีพอให้แม่ปอมชอบสักข้อเลยหรือไง?” ทั้งหมดที่พูดไป   แท้จริงแล้วไม่ใช่แค่เพื่อการปลอบใจคนข้างกาย   หากแต่ตัวเองก็ด้วยเช่นกัน



   ถึงแม้จะเป็นผู้ชาย...เพศเดียวกับจักรวาล...แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแล้ว...เขายังเชื่อว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนประเภทที่ว่าหาข้อดีไม่ได้เลยเสียหน่อย...



   “อย่าเพิ่งเครียดเลยนะ" ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม

   คนเป็นผู้ฟังนิ่งไปอึดใจ   ก่อนจะพยักหน้าออกมาเบาๆ

   “คืนนี้ปอมจะหาทางคุยให้แม่เข้าใจให้ได้...” เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง "...งั้นเดี๋ยวระหว่างนี้ปอมลงไปช่วยแม่ขายกาแฟดีกว่า   พี่วินพักผ่อนตามสบายเถอะ..."

   หากแต่คนที่ถูกบอกให้พักผ่อนอยู่บนห้องกลับลุกขึ้นเช่นกัน "พี่จะลงไปช่วยด้วย"

.
.

.


.

   มณียืนชงกาแฟในแก้วไปด้วยความหนักใจลึกๆ

   เสียงฝีเท้าสองคู่ที่ดังมาจากทางหลังร้านเรียกให้เธอหันไปมอง   ก่อนจะพบกับลูกชายสุดที่รักและช่างภาพชื่อดังคนนั้นเดินออกมา

   แม้ใบหน้าจะเจือรอยยิ้ม   แต่ในฐานะคนเป็นแม่แล้วมณีดูออกตั้งแต่แรกเห็นว่าลูกชายเธอเองก็กำลังหนักใจอยู่เหมือนกัน

   “ปอมช่วยนะแม่" เด็กหนุ่มเดินเข้ามาหยิบจับข้าวของด้วยท่าทีชำนาญ   ก่อนย้ายไปเรียนกรุงเทพฯหรือช่วงที่กลับมาเขาก็ทำงานพวกนี้อยู่เป็นประจำ

   กวินยืนเก้ๆกังๆอยู่กลางร้านอย่างไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

   “อ้าวพ่อหนุ่ม  จะมาช่วยพวกน้าเหรอจ้ะ" จริน  น้องสาวมณีที่ยืนปัดกวาดอยู่แถวนั้นถามขึ้นเมื่อหันมาเห็นชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาอยู่   เมื่อครู่หลานชายของเธอแนะนำเพียงว่าเขาชื่อ 'พี่วิน' เท่านั้น

   “ครับผม" กวินตอบพร้อมรอยยิ้ม  ก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเก้อๆ

   “งั้นช่วยน้ารับออเดอร์ลูกค้าหน่อยได้ไหม   ช่วงวันหยุดแบบนี้คนจะเข้าร้านเยอะเป็นพิเศษ" จรินกล่าวก่อนจะหยิบสมุดฉีกหยิบกระดาษมาให้ชายหนุ่ม   เมนูพื้นฐานของที่ร้านถูกแนะนำคร่าวๆ

   ความจริงร้านนี้ก็ไม่ได้ขายอะไรเยอะแยะ   มีเพียงเครื่องดื่มจำพวกกาแฟโบราณและน้ำชาซึ่งขายอยู่ที่ราคาแก้วละไม่กี่สิบบาท  ส่วนเมนูเพิ่มเติมก็มีแค่ติ่มซำกับปาท่องโก๋เท่านั้น

   กวินรับหน้าที่มาและเรียนรู้เข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว

   จักรวาลเงยหน้าขึ้นจากกาแฟที่ชงอยู่เพื่อมองคนรักของตนพลางนึกขันเล็กๆแม้จะยังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็ตาม   ใครจะไปเชื่อว่าเจ้าของบริษัทและลูกชายตระกูลใหญ่โตจะมายืนจดออเดอร์ยิกๆอยู่ตามโต๊ะในร้านเล็กๆแบบนี้

   นึกได้ถึงตรงนั้นเด็กหนุ่มก็เหลือบตามองผู้เป็นมารดาซึ่งทำงานอยู่ข้างๆกัน...

   มณีเองก็จับจ้องคนที่มาฝากฝังตัวเป็นลูกเขยทั้งที่ลูกเธอเป็นผู้ชายอย่างพิจารณาเช่นเดียวกัน




   ซึ่งจักรวาลดูไม่ออกว่าแม่ของเขาคิดอะไรอยู่...




   “แล้วนี่พ่อหนุ่มเป็นรุ่นพี่ที่มหา'ลัยของเจ้าปอมเหรอลูก" จรินเอ่ยถามขึ้นเมื่อลูกค้าสองกลุ่มเพิ่งลุกออกไป "เห็นปอมบอกว่าชื่อวินใช่ไหมจ้ะ?"

   “ครับ  ชื่อวินครับผม...แต่ว่าไม่ได้เป็นรุ่นพี่ที่มหา'ลัยหรอกครับ   ผมเป็นช่างภาพทำเคยทำงานกับปอมน่ะครับ"

   “อ๋อ...คนที่ว่าเป็นช่างภาพที่ดังๆใช่ไหม" จรินกล่าวอย่างตื่นเต้น



   มณีมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก...


   พวกคนรวยนี่เขาคิดอะไรกันอยู่   เธออ่านไม่เคยออกสักที...



   กวินยังคงตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างขันแข็ง   




   ผ่านไปเป็นชั่วโมง   มณีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวันนี้ลูกค้าที่ร้านชักจะเยอะผิดปกติ...ความจริงช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์แบบนี้จะมีลูกค้ามากก็ไม่แปลก   แต่นี่มันมากเกินไปน่ะสิ

   ยิ่งเมื่อได้หันไปพิจารณารอบๆร้านดูดีๆแล้วก็จะพบว่ากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นน่ะ เป็นลูกค้าสาวๆทั้งนั้นเลย...

   โดยปกติ  ร้านกาแฟเก่าๆโทรมๆแห่งนี้ของเธอในวันธรรมดามักจะมีแต่คนแก่หรือคนในท้องถิ่นเข้ามาอุดหนุน   ช่วงไหนวันหยุดยาวๆหน่อยก็พอจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาบ้าง   หากแต่วันนี้กลับมีสาวจีน  ญี่ปุ่น เกาหลี  หรือแม้แต่แหม่มหัวทองอยู่ในร้านกันอย่างแน่นขนัด...




   “คุณอาศัยอยู่ที่นี่เหรอคะ" นักท่องเที่ยวสาวชาวเอเชียกลุ่มหนึ่งเอ่ยถามขึ้นขณะกวินเดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะของพวกหล่อน   ดวงตาหลายคู่ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางเหล่านั้นต่างก็พากันจ้องมองชายหนุ่มเป็นประกาย   บางคนก็กระซิบกระซาบหัวเราะคิกคักกันอย่างไม่ปิดบัง

   “อ่า...ก็ไม่ใช่หรอกครับ   ผมแค่มาช่วยงานชั่วคราว" ช่างภาพคนดังเอ่ยตอบสาวๆเหล่านั้นไปโดยที่รู้ดีว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรกัน

   “อ้าว  อย่างนั้นเหรอ...แล้วถ้างั้นคืนนี้คุณพักที่ไหนเอ่ย" พูดจบพวกหล่อนก็หันไปหัวเราะกันคิกคักอีกรอบ "สนใจไปแฮงค์เอ้าท์กับพวกเราไหม?”

   ได้ยินอย่างนั้น   กวินก็ยิ้มอย่างสุภาพส่งไปให้ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สุภาพไม่แพ้กัน "ขอบคุณมากครับที่ชวน   แต่คืนนี้ผมกับคนรักมีแผนจะทำอย่างอื่นอยู่แล้วล่ะครับ"

   ชายหนุ่มเน้นเสียงที่ประโยคหลังเป็นพิเศษ...เป็นการประกาศตนว่ามีเจ้าของแล้วอย่างไม่แข็งกระด้างให้เป็นการเสียลูกค้า

   พวกหล่อนพากันอุทานเสียอกเสียดายด้วยเสียงน่ารักกันใหญ่   ก่อนจะหัวเราะกันออกมาอีกระลอกแล้วจึงยอมเอ่ยปากสั่งเครื่องดื่มแต่โดยดี

   ไม่ใช่โต๊ะนี่เพียงโต๊ะเดียวที่มีปฏิกิริยาเช่นนี้กับพนักงานจำเป็นสุดหล่อ   หากแต่ยังมีอีกหลายครั้งที่กวินต้องประสบกับสถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้   ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบออกไปแบบเดิมทุกครั้ง..




   เหตุการณ์ทั้งหมดยังคงอยู่ในสายตาของมณี

   “มีพ่อวินมาช่วยขายนี่ร้านคึกครื้นขึ้นเยอะเลยนะพี่   ดูสิสาวๆตอมกันหึ่งเชียว" จรินเดินเข้ามาพูดน้ำเสียงตื่นเต้นกับคนเป็นพี่สาวพลางมองไปยังพนักงานจำเป็นอย่างชื่นชมก่อนจะหันไปหาหลานชายบ้าง "พามาบ่อยๆสิ   ขายดีอย่างนี้วันนี้คงได้หลายตังค์   แล้ววันหลังก็หัดไปฟิตหุ่นแบบพี่เขาบ้างนะเจ้าปอม...จะได้มาช่วยดึงลูกค้าเข้าร้านกับเขาบ้าง"

   เด็กหนุ่มเพียงยิ้มเจื่อนๆแล้วลอบมองหน้ามารดาเงียบๆ

   มณีพ่นลมหายใจออกมาด้วยความมึนตึง "เห็นเป็นคนหล่อหน่อยเป็นไม่ได้นะจริน   นิสัยใจคอเป็นยังไงก็ยังไม่รู้จัก"

   “อ้าว! วันนี้พูดจาพิลึกจังนะพี่   ปกติเพื่อนๆเจ้าปอมมาบ้านเห็นชมนั่นชมนี่มันทุกคน   คนนี้เขาทำไมเหรอ...รูปร่างหน้าตาดูมีสง่าราศีจะตาย"

   ครั้งนี้มณีไม่ตอบอะไรออกมาต่อ   หากแต่กลับยกแก้ววางใส่ถาดแล้วออกปากสั่งน้องสาวเป็นการตัดบท "เอ้า! เอาไปเสิร์ฟโต๊ะสองให้ฉันหน่อย" กล่าวจบเธอก็หันกลับมาหาลูกชายก่อนเอ่ยปากสั่งขึ้นมา "เดี๋ยวแม่ขอไปพักหลังร้านสักสิบนาที   ปอมช่วยดูแทนแม่สักพักแล้วกันนะ"

   ว่าแล้วมณีก็ผละออกจากที่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย...

   ทิ้งให้คนเป็นลูกชายต้องถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความคิดไม่ตก....




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “แม่ณี  โกปี๊มาส่ง!" เสียงที่ดังขึ้นจากบริเวณหน้าประตูบานเฟี้ยมโบราณซึ่งถูกปิดไปแล้วเรียกให้มณีที่ทำการเช็ดถูโต๊ะชงกาแฟของตนอยู่ต้องเดินออกไปเปิด

   ตามกำหนดการแล้ว   ในวันนี้ของแต่ละเดือนจะเป็นวันที่ผงกาแฟผงชาชนิดต่างๆที่สั่งซื้อไว้กับพ่อค้าเจ้าที่ไว้ใจกันมานานจะมาส่งที่ร้าน

   “สวัสดีเฮีย  มาซะเย็นเลยนะวันนี้" มณีเอ่ยทักชายที่ง่วนอยู่กับกล่องลังมากมายบนท้ายกระบะด้วยความอัธยาศัยดี

   “พอดีเมียไอ้ดำมันคลอดลูกน่ะ   วันนี้มันเลยขอลาไปเฝ้า   เฮียเลยต้องทำงานอยู่คนเดียวเนี่ย...เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว" พ่อค้าวัยกลางคนกล่าวบ่นให้ลูกค้าเจ้าประจำฟัง

   “อ้าวงั้นเหรอ   เดี๋ยวฉันเรียกลูกชายออกมาช่วยดีกว่า   มันกลับมาเยี่ยมบ้านพอดี" ว่าแล้วมณีก็ตะโกนกลับเข้ามาเรียกจักรวาลที่เก็บข้าวของอยู่ในร้าน

   เด็กหนุ่มวิ่งออกไปช่วยขนลังมากมายเหล่านั้นโดยไม่อิดออด

   และไม่เพียงเท่านั้น   กวินที่กำลังช่วยยกเก้าอี้ขึ้นไปคว่ำบนโต๊ะอยู่นั้น   เมื่อได้ยินก็รีบวิ่งออกไปเสนอตัวช่วยเช่นเดียวกัน

   “โชคดีจริง   มีเด็กหนุ่มๆแน่นๆอยู่ช่วยตั้งสองคน   ก่อนมานี่เพิ่งไปส่งที่ร้านเจ๊หมวยมา   มีแต่ผู้หญิงทั้งน้านนนน  เฮียยกอยู่คนเดียวหลังแทบหัก" คนเป็นพ่อค้ายังคงเล่าเรื่องความลำบากของตนในวันนี้ให้มณีฟังอย่างเป็นกันเองขณะที่ก้มๆเงยๆส่งลังให้จักรวาลและกวินช่วยถือเข้าร้านไป

   หากแต่มณีไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่นัก   เนื่องจากสายตาของเธอกำลังจับจ้องไปยังพ่อช่างภาพคนดังด้วยความตะลึงไม่น้อย...ในขณะที่ลูกชายของเธอค่อยๆแบกลังเข้าร้านไปทีละลังสองลัง   แต่อีกฝ่ายกลับยกซ้อนๆกันสี่ห้าลังต่อรอบได้ด้วยท่าทีสบายๆ




   ...นี่มันถึกกว่าไอ้ดำลูกน้องเฮียเขาอีกนะเนี่ย...




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “เหนื่อยไหมพี่วิน" เด็กหนุ่มยิ้มถามคนรักของตนที่นอนแผ่อยู่บนพื้นไม้ในห้องนอนของเขาขำๆ "หมดสภาพเลย"

   ได้ฟังดังนั้นกวินก็หัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่ได้หมดสภาพสักหน่อย   พี่แค่อยากนอนเล่นเฉยๆ"

   “ใครเชื่อก็บ้าแล้ว   โคตรโทรมเลย...หน้าพี่ตอนนี้น่ะ"

   

   ชายหนุ่มยิ้มกว้างขณะมองสบตากับจักรวาล   ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมาอีก   ไม่เถียงก็ได้...เพราะจริงๆมันก็เหนื่อยอยู่เหมือนกันนั่นแหละสำหรับเขาที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน   โดยเฉพาะกล่องลังพวกนั้น...ทำเขาเกือบหลังเดาะ



   “ไม่รู้ว่าแม่อาบน้ำเสร็จหรือยัง...ปอมจะได้ไปคุย" น้ำเสียงที่ใช้พูดเปลี่ยนไปเล็กน้อยทำให้คนที่นอนอยู่ค่อยๆลุกขึ้นเปลี่ยนท่ามาเป็นนั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้องแทน

   “ไม่ให้พี่ไปด้วยจริงๆเหรอ"

   จักรวาลสั่นศีรษะ "ไม่เป็นไรหรอก   ปอมจะคุยกับแม่เอง...” พูดจบเด็กหนุ่มก็หันมองนาฬิกาติดผนัง "ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว...ปอมไปห้องแม่ดีกว่า"

   หากแต่ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะลุกไปนั่น   เสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้นเสียก่อนพร้อมเสียงเรียกที่คุ้นเคยจากคนเป็นมารดา

   “ปอม...แม่เอง"

   น้ำเสียงที่มักจะอ่อนโยนอยู่เสมอ   บัดนี้ฟังดูแข็งกว่าปกติเล็กน้อย  บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแม่ของเขายังคงไม่รู้สึกดีขึ้นจากเมื่อตอนเช้าสักเท่าไหร่

   “ครับ" จักรวาลลุกมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว "ปอมกำลังจะไปหาแม่อยู่พอดีเลย"

   มณีปรายตามองใครอีกคนที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ภายในห้องนิดๆ   ก่อนจะออกปากเสียงดังฟังชัดราวกับให้ใครคนนั้นได้ยินมันถนัดๆ

   “คืนนี้เดี๋ยวปอมไปนอนห้องแม่   แม่ปูเบาะไว้ให้แล้ว...ให้คุณเขานอนที่ห้องนี้ไปเถอะ   อย่าไปรบกวนความเป็นส่วนตัว" แม้ถ้อยคำจะฟังดูสุภาพไม่มีอะไร   หากแต่น้ำเสียงและแววตาของมณีฉายชัดถึงเจตนาที่ไม่อยากให้ลูกชายของเธอกับกวินต้องมาอยู่ใกล้ๆกันในห้องหับมิดชิดยามค่ำคืนอย่างนี้...

   

   และเมื่อเห็นอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่มีท่าทีอิดออดแต่อย่างใด   เข้าใจดีว่าแม่ของเขารู้สึกอย่างไรในตอนนี้

   

   “ไปเถอะ   ตามแม่มา" มณีกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินนำกลับไปที่ห้องตัวเองโดยไม่ได้กล่าวร่ำลาอะไรกับช่างภาพคนดังแม้แต่คำเดียว

   เด็กหนุ่มเม้มปากแล้วมองคนที่ทำหน้าเจื่อนสนิทอยู่กลางห้องด้วยอารมณ์หลากหลาย

   กวินรู้สึกถึงความฟีบเหี่ยวในหัวใจได้อย่างชัดแจ้งเป็นที่สุดในเวลานี้   ไอ้ที่ฮึกเหิมมาก่อนออกจากบ้านมันระเหยหายไปไหนหมดก็ไม่รู้

   คราวนี้กลายเป็นว่าต้องเป็นจักรวาลเสียเองที่เป็นฝ่ายปลอบและให้กำลังใจ   ทั้งที่ปกติแล้วจะกลับกันเสียมากกว่า

   

   เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้คนรักพลางสบตาอย่างแน่วแน่ครู่หนึ่ง



   “ปอม...มาสิลูก" เสียงเร่งเร้าจากผู้เป็นมารดาลอยมาแว่วๆ

   ได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มจึงรีบขยับเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่คนรักยังคงนั่งทิ้งตัวอยู่ตรงนั้น   ก่อนจะย่อตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกันอย่างรวดเร็ว

   

   ใบหน้าเรียวได้รูปเคลื่อนเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วบรรจงจรดลงไปบนแก้มที่ยังคงมันเยิ้มไปด้วยเหงื่อไคลนั้นเต็มฟอด



   “ฝันดีพี่วิน  พรุ่งนี้เจอกัน" เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้ม   แล้วจึงรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปก่อนที่แม่ของเขาจะได้ตะโกนเร่งมาอีก

   กวินที่เพิ่งจะได้ยาดีมาหมาดๆก็ดูเหมือนจะถูกเติมลมให้กลับมาสู่สภาพเดิม   รอยยิ้มหล่อเหลาผุดขึ้นบนใบหน้าอีกครั้งพร้อมความหวังในใจว่าหากตื่นมาพรุ่งนี้เขาคงจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคุณแม่...

.
.

.


.

   “อยู่กรุงเทพฯไปค้างด้วยกันอย่างนี้เป็นประจำเลยหรือ?” มณีเอ่ยถามขึ้นทันทีที่ลูกชายของเธอปิดประตูห่้องลง    รู้สึกประหลาดๆอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาถามคำถามแบบนี้ทั้งที่ลูกของเธอก็เป็นผู้ชาย 

   เด็กหนุ่มหลุบตาลงพร้อมด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆนิดหน่อย   แต่ก็ยอมตอบออกไปตามตรง "ครับ...ก็บางที" และทันทีที่เงยขึ้นไปเห็นสีหน้าตระหนกกว่าเก่าของคนเป็นแม่เขาก็ต้องระล่ำระลักพูดขึ้นต่อ "แต่แค่ไปนอนเฉยๆนะแม่...ม...แม่อย่าเพิ่งคิดลึก...” พูดไปก็รู้สึกกระดากตัวเองอยู่ในใจไม่น้อย

   ได้ฟังดังนั้นคนเป็นแม่ก็ค่อยๆถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบครู่ใหญ่

   จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลงเล็กน้อย



   “เอาล่ะ...ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ   เป็นยังไงมายังไงเรื่องมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้"



   จักรวาลค่อยๆปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงที่ข้างมารดา   ก่อนจะขยับเข้าไปเกยคางไว้กับไหล่ในท่าที่ทำเป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก   ฝ่ามือเรียวเล็กของผู้เป็นแม่ยกขึ้นลูบหัวลูกชายคนเดียวแผ่วเบา

   เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วจึงเริ่มเล่า...

   เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่เขาได้เข้าไปทำงานในบริษัทของกวินในฐานะช่างภาพฝึกหัด   จนกระทั่งถึงตอนที่ความสัมพันธ์มันพัฒนามาถึงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันถูกถ่ายทอดออกมาช้าๆ ไม่รีบร้อน    จักรวาลรู้สึกได้ชัดเจนถึงความร้อนบนใบหน้าที่ขึ้นสูงเป็นระยะๆ   เขาพยายามเลือกใช้คำพูดที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้   ลึกๆในใจได้แต่หวังว่ามารดาคงจะไม่รู้สึกแย่ยิ่งไปกว่าเก่า

   มณีฟังเรื่องราวจากปากของลูกชายเธอด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก   น้ำเสียงที่ได้ฟัง...เธอบอกได้ว่าเด็กหนุ่มกำลังมีความสุขกับเรื่องที่เล่าแค่ไหน   หากแต่อย่างไรก็ดี...ข้อเท็จจริงหลายประการเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบนี้ก็ยังบีบใจเธอไว้ไม่ให้คลายออกง่ายๆ

   เด็กหนุ่มเล่าจบลงไปแล้ว  และไม่ได้พูดอะไรต่อ...เพียงแค่รอให้มารดาเป็นฝ่ายแสดงความเห็นออกมา

   มณีทอดสายตาลงมองพื้นไม้เก่าๆในห้องนอนของเธอเองด้วยความไม่สบายใจ   ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอีก "แล้วลูกแน่ใจได้ยังไงว่าเขาเป็นคนดี...จะไม่มาหลอกให้เราเสียใจทีหลัง?...พวกคนรวย   บางทีคนจนๆอย่างเราก็ไม่เข้าใจความคิดเขาหรอกนะลูก”

   “พี่วินไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกปอมรับรองได้ครับ...จากทุกๆอย่างที่พี่วินทำ   ปอมว่าปอมเข้าใจไม่ผิดหรอก   ไม่รู้จะอธิบายให้แม่ฟังยังไงดี...เรื่องอย่างนี้แม่อาจจะต้องสัมผัสเอง   ถ้าแม่ให้โอกาส...ให้พี่วินได้มาเจอแม่บ่อยๆ   แม่จะคิดเหมือนปอมครับ" เด็กหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...เขาเป็นผู้ชาย   ลูกก็เป็นผู้ชาย...มันจะไปอยู่ด้วยกันได้ยังไง"

   “ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะแม่...จะผู้ชายผู้หญิงก็คนเหมือนกัน...ปอมขอโทษที่มันออกมาในรูปนี้   ปอมไม่ได้อยากจะทำให้แม่เสียใจ   แต่ปอมไม่ได้คบกับพี่วินที่เขาเป็นเพศอะไร...ถ้าพี่วินเป็นผู้หญิง  ปอมก็จะคบ   ปกติปอมก็ไม่ได้คิดจะมาชอบผู้ชายด้วยกันหรอก...ก่อนหน้านี้ปอมก็คิดหนักนะแม่   แต่สุดท้ายมันก็ยังคิดเหมือนเดิมอยู่ดีว่าต่อให้จะเป็นเพศอะไรยังไงปอมก็คงเลือกพี่วินเพราะพี่วินเป็นพี่วินไม่ใช่เพราะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง    แต่บังเอิญว่าเขาเป็นผู้ชายน่ะสิ...คนรอบข้างเลยอาจจะเข้าใจยากสักหน่อย” เสียงที่ใช้เล่าค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ   ประเด็นอย่างนี้เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟที่อธิบายยากที่สุด...

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
มณีนิ่งฟังสิ่งที่ลูกชายของเธอพยายามกลั่นกรองให้ฟังทั้งหมดเงียบๆด้วยจิตใจที่ยังคงลังเลและสับสน   จนกระทั้งเมื่อเด็กหนุ่มพูดจบเธอก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง




   
   “แล้วลูกรักเขาจริงๆเหรอ?...” บางที...มันอาจจะเป็นความปลาบปลื้มชั่วครั้งชั่วคราว   ยิ่งฝ่ายนั้นเป็นถึงช่างภาพชื่อดังคนที่ลูกชายของเธอชื่นชมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว   ด้วยวัยเพียงแค่นี้...อะไรมันก็เขวได้ทั้งนั้น




   
   หากแต่แรงพยักหน้าหนักแน่นที่รู้สึกได้จากบริเวณที่จักรวาลเกยคางอยู่บนไหล่เธอก็เป็นสิ่งยืนยันถึงคำตอบของเด็กหนุ่มได้ดีที่สุด "รักจริงๆครับ"

   



   เมื่อได้รับคำตอบที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างนั้นมณีก็ได้แต่ต้องนั่งนิ่งไป   คิ้วเรียวบางได้รูปบนใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยขมวดเข้าจนแทบจะชนกัน



   เมื่อเห็นว่ามารดาของตนยังคงไม่กล่าวอะไรออกมา   เด็กหนุ่มจึงถือโอกาสเอ่ยอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่เคยบอกใครขึ้นแผ่วเบา





   เป็นเรื่องที่เขารู้สึกมาตั้งแต่ได้เริ่มทำความรู้จักกับกวินจริงๆจังๆ...รู้สึกมาตลอด  แต่ไม่เคยบอกใครเลยสักคน...แม้แต่ตัวกวินเองก็ไม่เคยรู้






   “อยู่กับพี่วินแล้วปอมมีความสุข...เหมือนที่ปอมเคยมีสมัยพ่อยังอยู่...”






   มณีสะอึกไปทันทีที่ฟังจนจบประโยค...

   เด็กคนนี้...ยังจำได้อีกอย่างนั้นหรือ...



   สามีของเธอจากไปตั้งแต่เด็กหนุ่มอายุได้เพียงห้าหกขวบ...

   ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้ยินคำเรียกร้องงอแงอะไรเกี่ยวกับการที่เด็กหนุ่มต้องกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว   ไม่เคยทำตัวมีปัญหา   ไม่เคยเรียกร้องหาความรักที่ขาดไป   ไม่เคยต้องทำให้เธอต้องคิดหนักถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง

   กลับกัน...ลูกชายของเธอยังทำตัวประหนึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวในบางที   แน่นอนว่ามันไม่สมบูรณ์...ด้วยวัย   ด้วยอุปนิสัยใจคอ   แท้จริงเธอก็ยังเป็นเสาหลัก...แต่อย่างน้อยๆเธอก็ได้เห็นมาตลอดว่าเด็กหนุ่มพยายามอย่างมากมายที่จะขึ้นมายืนในตำแหน่งที่ช่วยไม่ให้เธอต้องลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่

   เพราะอย่างนั้น...เธอจึงไม่เคยรู้เลยว่าลึกๆแล้วลูกชายของเธอเองก็ยังคงคิดถึงความรู้สึกที่เคยได้รับจากผู้เป็นพ่อเมื่อครั้งยังเด็กอย่างที่เธอก็รู้สึกอยู่บ่อยๆเช่นกัน





   “พี่วินใจดีมากๆ...ใจดีเหมือนพ่อเลยครับแม่...”





   ถ้อยคำซื่อๆง่ายๆที่ได้รับฟังกลับมีความหมายมากมายอยู่ในนั้น

   




   ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง   เนิ่นนาน...

   



   จนกระทั่งเป็นฝ่ายมณีเองที่ละมือที่ลูบหัวลูกชายอยู่ลง "เอาเถอะ...วันนี้แม่เหนื่อยมากแล้ว   เราเข้านอนกันดีกว่านะไอ้ลูกหมาของแม่" รอยยิ้มละไมถูกส่งมาให้ผู้ฟัง   ก่อนที่เธอจะเดินไปปิดไฟแล้วเดินกลับมาที่เตียง

   “คืนนี้ปอมไม่นอนบนเบาะที่แม่ปูให้ได้ไหม?” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด "ปอมอยากนอนกอดแม่บนเตียง...”




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “เดี๋ยวจะรีบกลับมานะแม่" เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากหน้าร้านไปพร้อมกับจริน   สองน้าหลานพากันมุ่งตรงไปยังตลาดสดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนี้เพื่อซื้อของทำติ่มซำซึ่งยังขาดอยู่   ทิ้งให้มณีและกวินอยู่ช่วยกันเปิดร้านเพียงสองคน

   ช่างภาพหนุ่มรู้สึกใจตุ๊มๆต่อมๆกับบรรยากาศอึดอัดแปลกๆที่ลอยอบอวลอยู่รอบตัว   ปกติเขาไม่ใช่คนขี้กลัวหรือขาดความมั่นใจแบบนี้   แต่พอต้องมาอยู่กับคนที่เขาอยากจะฝากฝังตัวเป็นลูกเขยตามลำพังแบบนี้เป็นใครก็คงต้องเหงื่อตกกันทั้งนั้น   


   สองแขนแข็งแรงยังคงออกแรงยกเก้าอี้จัดโต๊ะอย่างขันแข็ง...



   แต่...ถ้าลองคิดอีกที   ในมุมกลับ...นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้พูดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อจักรวาลให้มณีได้รับรู้



   “เห็นตาปอมว่าคุณเป็นฝ่ายมาชอบพอเขาก่อนหรือ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ชายหนุ่มที่กำลังพยายามคิดหาคำพูดอยู่ว่าควรจะเริ่มประโยคแรกอย่างไรต้องชะงักมือลงไปเล็กน้อย   ก่อนจะหันหน้ากลับมามองทางต้นเสียง

   กวินพยักหน้ารับแบบไม่ต้องคิดอะไรให้เสียเวลา "ครับ"

   “ลูกฉันมีอะไรที่ทำให้คุณชอบ?” ประโยคที่ได้รับมาฟังดูห้วน   แต่ยังไงก็ดีกว่าเมื่อวานซึ่งหญิงตรงหน้านี้แทบจะไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรกับเขาสักคำ

   ช่างภาพหนุ่มหยุดมือจากงานที่ทำอยู่ลงชั่วครู่   ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาจางๆ

   “ทุกอย่างที่เป็นเขาครับ   นิสัยที่คอยห่วงใยเอาใจใส่คนอื่น   ขี้เกรงใจ   มุ่งมั่น   มีความพยายาม  รักศักดิ์ศรี   ใจดี   น่ารัก   ยิ้มเก่ง   หัวเราะง่าย...อ่ะ...เอ่อ...ขอโทษครับ" ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาเกาท้ายทอยเก้อๆ เมื่อเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่เขาเผลอตัวพูดเยอะเสียจนหญิงผู้เป็นมารดาของคนรักยืนจ้องเขาด้วยสายตาแปลกๆ "แต่ก็ตามที่พูดไปทั้งหมดเลยครับ   จริงๆมีมากกว่านี้ที่ไม่ทราบว่าจะอธิบายยังไงดี...”

   มณีนิ่งเงียบไตร่ตรองอยู่กับสิ่งที่ได้ฟัง   ซึ่งช่องว่างเงียบๆนี้เป็นโอกาสอย่างดีที่จะให้กวินได้กล่าวต่อขึ้นมาอีก

   “ผมเองก็พอจะเข้าใจว่าคุณแม่กำลังไม่ชอบใจเรื่องอะไร   ผมทราบดีครับว่ามันอาจจะยากสักหน่อยที่ผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้ในสังคมแบบนี้   แต่ว่าผมขอสัญญากับคุณแม่ไว้ตรงนี้เลยว่าผมจะดูแลแล้วก็ปกป้องลูกชายคุณแม่ให้ดีที่สุดจากอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต   ผมไม่มีวันปล่อยให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแน่นอน"

   ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง



   “ผมอยากจะขออนุญาตคุณแม่อีกครั้งครับ   ขอให้ผมได้คบปอมเถอะนะครับ...ผมขอร้อง"



   
   มณีหลุบตาลงต่ำ   ก่อนจะกล่าวนำ้เสียงนิ่งเรียบออกมาเป็นประโยคสุดท้าย

   “เรื่องนี้...คงต้องให้เวลาพิสูจน์"

.
.

.


.

   เสียงดังอึกทึกครึกโครมที่บริเวณหน้าร้านเรียกให้ทั้งมณีและกวินซึ่งต่างก็ครุ่นคิดถึงบทสนทนาเมื่อครู่อยู่กับตัวเองเงียบๆต้องหยุดงานในมือลง

   และยิ่งเมื่อได้ยินเสียงร้องของจริน  คนทั้งสองก็ต้องรีบออกไปดูหน้าตาตื่น

   

   “ปอม! เป็นอะไรไหมลูก!” จรินร้องเรียกจักรวาลที่นั่งแปะลงไปกับพื้นฟุตบาทหน้าเหยเกโดยมีจักรยานของเด็กแถวนั้นล้มอยู่ใกล้ๆ  เด็กหนุ่มหน้าซีดลงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อความรู้สึกทั้งปวดทั้งแสบที่บริเวณหน้าแข้งมันแล่นริ้วขึ้นมา




   ส่วนอีกสองคนที่เพิ่งจะวิ่งออกมาหน้าร้าน   ทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่ในสภาพเลือดเต็มขาต่างก็ตกอกตกใจวิ่งมาดูกันใหญ่

   “ปอม  เจ็บมากไหมลูก!  ตายแล้วๆ!  รีบเข้ามาทำแผลในบ้านเร็ว" หากแต่ยังไม่ทันจบประโยคของผู้เป็นมารดาดี   กวินก็รีบช้อนตัวคนรักที่กำลังกัดปากระบายความเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้ว

   ช่างภาพหนุ่มรีบอุ้มคนเจ็บเข้าไปวางไว้บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวภายในร้าน   ก่อนจะหันกลับไปรับกล่องยาจากจรินซึ่งวิ่งไปหยิบมันมาจากหลังร้านมือไม้สั่น

   ปกติเด็กหนุ่มก็ไม่ได้สำออยอะไร   เวลาเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆก็มีเรื่องบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง   แต่ครั้งนี้...มันรู้สึกเจ็บมากกว่าปกติหลายเท่า...น้ำตาจึงรื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้   ฟันบนและล่างขบกันแน่นระบายความเจ็บปวดจนคนอื่นๆได้ยินเสียงดังกรอดๆชัดเจน

   มณีที่ยังคงตื่นตกใจอยู่คว้าขวดยาล้างแผลและสำลีไม่ทันกวิน   เธอจึงได้แต่ผุดลุกผุดนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตระหนก

   “แสบหน่อยนะปอม...” กวินเอ่ยแผ่วเบา   ก่อนจะค่อยๆเอาสำลีชุบยาเช็ดเลือดออกไปจากขา

   จักรวาลหลับตาแน่นระบายความแสบ   เสียงครางเบาๆเล็ดรอดออกมาจากลำคอ

   หากแต่ยังไม่ทันจะเรียบร้อยดี   ช่างภาพหนุ่มก็หยุดมือลงก่อนเพ่งมองลงไปที่แผลนั่นอีกครั้ง

   “มีอะไรเหรอพ่อวิน" จรินเอ่ยถามอย่างสงสัยระคนลุ้นอยูในใจ

   ดวงตาคู่คมดุจ้องอยู่ที่วัตถุชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งที่อยู่บนปากแผลตรงหน้า "ดูเหมือนว่า...จะมีเศษเหล็กแผ่นเล็กๆฝังอยู่ในแผลน่ะสิครับ   สงสัยต้องดึงออก...”

   “ฮื้อ!...” คนเป็นเจ้าของแผลร้องขึ้นด้วยความกลัว

   กวินเงยหน้ามองคนรัก   ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม   หากแต่สีหน้ากลับดูเคร่งเครียดพอๆกับคนเจ็บ "ไม่เป็นไรนะ   เจ็บนิดเดียว   บีบไหล่พี่ไว้ปอม  อย่าไปนึกถึงมัน" ฝ่ามือใหญ่ข้างที่ว่างจับมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มขึ้นมาวางไว้บนไหล่หนาของตน "บีบแรงๆเลย   จะได้ลืมความเจ็บที่แผลนะ...”

   เด็กหนุ่มไม่เพียงบีบไหล่อีกฝ่ายตามที่ถูกบอกให้ทำ   หากแต่ยังฝังหน้าลงไปบนนั้นด้วย

   ทันทีที่มือกวินของพยายามขยับดึงแผ่นเหล็กที่ว่านั้นออก   จักรวาลก็รู้สึกเจ็บจนลืมตัวอ้าปากงับลงไปเต็มแรงที่เนื้อบริเวณหัวไหล่ของชายหนุ่ม...น้ำหูน้ำตาไหลออกมาหมดอย่างช่วยไม่ได้

   คนเป็นแม่และน้าที่ยืนมองอยู่ต่างก็ตกใจกับการกระทำของจักรวาลไปตามๆกัน...

   หากแต่คนถูกกัดกลับทำเหมือนว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่นิดเดียว...กลับกัน   เขายังตั้งอกตั้งใจเพ่งสมาธิไปที่แผลตรงหน้าอย่างแน่วแน่   ในขณะที่ปากก็พูดปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนไปด้วย

   “ไม่เป็นไรนะ...ไม่เจ็บนะ...” ชายหนุ่มกล่าวซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่มือยังขยับอยู่ที่แผลของอีกฝ่าย "ไม่ต้องกลัวนะครับคนดี...”

   มณีมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย...

   ใบหน้าของลูกชายที่โผล่พ้นไหล่แข็งแรงนั่นออกมาดูเจ็บปวดจนสติสตังกระเจิดกระเจิง   ฝ่ามือที่บีบเกร็งอยู่กับไหล่นั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกของเธอกำลังกลัวแค่ไหน...ในขณะที่อีกคนหนึ่งซึ่งท่าทางจะเจ็บที่ถูกฝังฟันลงไปเต็มแรงอย่างนั้นเหมือนกัน   กลับกัดฟันอดทนตั้งใจทำแผลให้เบามืออย่างสุดความสามารถ   น้ำเสียงที่ปลอบประโลมออกมานั่นเองก็ฟังดูสั่นน้อยๆ




   แล้วในที่สุดเศษเหล็กเจ้าปัญหาก็หลุดออกมาจนได้   เด็กหนุ่มคนเจ็บคลายแรงเกร็งลงทั้งที่บนใบหน้ายังคงเปียกโชกไปด้วยน้ำตาและหยาดเหงื่อ   ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลองับคนรักเข้าไปเต็มแรงจึงได้สะดุ้งตัวแล้วรีบปล่อย

   “พี่วิน...ขอโทษษษษษษ" เด็กหนุ่มลากเสียงยาวอย่างรู้สึกผิดกับคนที่ยังคงง่วนอยู่กับการปิดแผลให้เขา "เจ็บมากไหม?”

   กวินเงยหน้าขึ้นมองนิดๆก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วก้มลงกลับไปทำแผลต่อ





   มณีหลุบตาลงมองพื้นราวกับจะหลบสายตาหนีสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า...

.
.

.


.

   “เป็นยังไงบ้างเจ้าลูกหมา   ยังเจ็บแผลอยู่ไหม" ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามลูกชายที่ยืนขยับมือชงโกปี๊อยู่ข้างกัน

   หลังจากเมื่อสามสี่ชั่วโมงก่อนที่จักรวาลได้รับบาดเจ็บ   พอทำแผลจนเสร็จเรียบร้อยเด็กหนุ่มก็นั่งพักอยู่เพียงครู่สั้นๆก่อนจะลุกขึ้นมาช่วยงานต่อทันที   

   จักรวาลหันกลับมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้คนเป็นแม่ก่อนจะพยักหน้าลงเบาๆอย่างไม่ปิดบัง "แสบอ่ะแม่...”

   “ก็แม่บอกแล้วให้ไปพัก...ไปๆไม่ต้องทำแล้ว   แม่ก็ทำกันอยู่สองคนกับน้ารินทุกวัน    ขาดเราไปก็ไม่เป็นไรหรอก" มณีเอ่ยปากพลางปัดมือส่งสัญญาณให้ลุกชายหยุดมือลงเสียที

   “โธ่...ปอมไม่ได้เจ็บขนาดนั้นนี่"

   “พอก็คือพอ...นี่เป็นคำสั่ง" มณีทำเสียงเข้มขึ้นมาพลางส่งสายตาดุๆไปให้ลูกชาย   จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็ต้องค่อยๆวางช้อนลง "เอ้อ...แล้วก็   ไปบอกพ่อช่างภาพคนนั้นให้หยุดทำได้แล้ว...ลูกพาเขาออกไปหาอะไรทำในเมืองเถอะ...คนเยอะๆเกะกะร้าน"



   เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมาเลิกคิ้วให้กับสิ่งที่เพิ่งได้ฟัง...เมื่อกี้แม่เขาเพิ่งจะบอกให้เขาออกไปกับกวิน...




   “ไม่ต้องมามอง   ก็บอกแล้วว่าคนเยอะๆมันเกะกะ   ลูกค้ารำคาญตาย   ไปๆๆ...วันนี้ในเมืองมีงานอะไรไม่รู้   พาเขาไปดูไป   หรือจะพาไปหาดอะไรก็ไปๆเถอะ   เลือกเอาสักที่...” ไม่เพียงพูด  หากแต่มณียังดันหลังลูกชายให้ออกจากหลังเคาท์เตอร์ไปก่อนจะพยักพเยิดไปทางช่างภาพคนดังที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ชั่วคราวของตัวเองยิกๆ

   จักรวาลหันกลับมามองแม่ด้วยสายตาดีใจ   รอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าและอีกไม่กี่วินาทีถัดมาเด็กหนุ่มก็โผเข้ากอดร่างของหญิงตรงหน้าเต็มแรง




   “ขอบคุณครับแม่!"




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   สายลมที่หอบเอาความชื้นจากทะเลยามค่ำคืนขึ้นมาปะทะโดนหน้าทำให้เด็กหนุ่มต้องยิ้มออกมาก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ลมเหนียวๆแบบนี้พี่วินรำคาญหรือเปล่า?"

   คนถูกถามหันมาส่ายหน้าเบาๆ "จะไปรำคาญทำไม   ชอบจะตาย...”

   “เหรอ...มีเพื่อนบางคนบอกว่าลมแบบนี้มันทำให้ตัวเหนอะหนะ   เลยไม่ค่อยชอบ...แต่ปอมโตมาที่นี่   ปอมเลยชอบมาก   มากกว่าลมในเมืองเยอะเลย"

   “พี่ก็เหมือนกัน...ลมในเมืองมันมีแต่ฝุ่น"

   “นั่นสิ...”

   

   บทสนทนาสัพเพเหระแบบนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดสลับกับการนั่งปล่อยอารมณ์ไปเงียบๆอย่างนี้มาตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด   จนตอนนี้คนบนหาดก็ค่อยๆร่อยหรอลงไปจนแทบจะเหลือเพียงพวกเขาสองคนครอบครองที่นี่




   หลังจากเดินเที่ยวในตัวเมืองกันมาตลอดบ่าย   คนทั้งคู่ก็ตกลงจะจบวันนี้ลงที่หาดแห่งนี้




   เมื่อได้เจอบรรยากาศเงียบๆเหงาๆมาอยู่ตรงหน้า   เด็กหนุ่มก็อดคิดถึงช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากนี้ไม่ได้...ดวงตาคู่เรียวเหลือบมองคนข้างกายที่ไม่ยักมีทีว่าจะคิดหนักอะไรกับการต้องอยู่ห่างกันเหมือนเขาเลยแม้แต่นิดเดียว


   “พี่วิน..” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกแผ่วเบา

   คนถูกเรียกหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้มที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนดีแม้ฟ้าจะมืดก็ตาม "หืม?”

   จักรวาลหันกลับมาก้มลงมองเข่าตัวเองที่ใช้มือทั้งสองข้างกอดไว้    ก่อนจะค่อยๆอ้อมแอ้มพูดออกมาเสียงเบา "...ไปอยู่นู่นคนเดียวตั้งปี...ปอมต้องเหงาแน่เลย...”

   ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็หัวเราะออกมาเบาๆ   ฝ่ามือใหญ่ข้างที่ใกล้ตัวเด็กหนุ่มยกขึ้นขยี้หัวคนรักอย่างนึกเอ็นดู

   “กลัวคิดถึงพี่ล่ะสิ" กวินเอ่ยปากแซวด้วยน้ำเสียงทะเล้น   สายตาที่ส่งออกไปเจือแววล้อเลียนจนอีกฝ่ายต้องอ้าปากส่งเสียงประท้วง

   “มั่วน่า!   หมายถึงพี่วินคนเดียวที่ไหน   ปอมหมายถึงคนอื่นด้วย" แต่แม้ปากจะเอ่ยออกไปแบบนั้น   ในใจเด็กหนุ่มกลับรู้ดีว่าที่เมื่อครู่พูดออกไปนั้นมันหมายถึงกวินจริงๆนั่นแหละ "ไปอยู่นู่นคงหนาว   พอหนาวแล้วก็คงเหงา"

   ช่างภาพหนุ่มยิ้มน้อยๆ "อืม...ในฐานะคนที่เคยไปอยู่มาก่อน   มันก็โอเคนะ...ไปอยู่จริงๆก็ไม่เหงาขนาดนั้นหรอก   มีอะไรให้ทำเยอะแยะ   ไม่มีเวลามานั่งเหงาบ่อยๆ"

   สิ่งที่ได้ฟังทำเอาเด็กหนุ่มขมวดคิ้วลงเล็กน้อย...




   ...ทำไมดูเหมือนจะมีแค่เขาที่นึกกังวลอยู่ฝ่ายเดียว...




   “แล้ว...” น้ำเสียงลังเลเกริ่นขึ้นอีกครั้ง "...พี่วิน   จะ...ทำอะไรในระหว่างหนึ่งปีนี้" พูดจบเด็กหนุ่มก็รู้สึกอยากเอาทรายกรอกปากตัวเอง    ทำไมแค่ถามออกไปว่าจะคิดถึงกันไหมมันถึงได้พูดยากพูดเย็นนัก

   คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้น "หือ?...ก็ทำงานเหมือนเดิมน่ะสิ   จะให้พี่ทำอะไรล่ะ"

   จักรวาลถอนหายใจให้กับคำตอบที่ได้รับ   ก่อนจะส่ายหน้าแล้วกล่าวตัดบทก่อนที่จะต้องฟังประโยคชวนห่อเหี่ยวใจไปมากกว่านี้ "เปล่าครับ...ก็ทำงานนั่นแหละ   แค่ถามเฉยๆ"

   ช่างภาพหนุ่มเหล่มองคนข้างกายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์   ความจริงก็รู้หรอกว่าเด็กหนุ่มอยากจะพูดอะไร...เพียงแต่รู้สึกอยากแกล้งก็แค่นั้น

   “กลัวพี่ไม่คิดถึงก็บอกมาตรงๆก็ได้   ไม่เห็นต้องทำฟอร์ม" กวินกล่าวขึ้นลอยๆพลางเงยหน้ามองฟ้ามองดาวพร้อมสีหน้ากวนประสาท

   ได้ฟังดังนั้นคนถูกแกล้งก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมาทันที   สองมือวางลงกับพื้นแล้วกำทรายขึ้นมา   ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอี้ยวตัวเอาทรายพวกนั้นถูกลงไปกับหน้าแข้งของอีกฝ่ายเต็มแรง

   “โอ๊ย! เจ็บนะไอ้เปี๊ยก!” กวินอุทานขึ้นเสียงดังลั่น   ถ้าไม่ติดว่าหน้าแข็งของอีกฝ่ายมีแผลที่ได้มาเมื่อตอนเช้าอยู่ละก็   เขาคงทำแบบเดียวกันแก้แค้นไปแล้ว "เดี๋ยวพ่อจับปล้ำตรงนี้เลยคอยดู!”

   “พูดจาน่าเกลียดน่าพี่วิน!” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นเสียงดังไม่แพ้กัน   สองมือทำท่าจะกำทรายขึ้นมาอีกรอบ   หากแต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือของอีกฝ่ายจนได้

   “เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวดี   รอยกัดบนไหล่นี่พี่ยังไม่ได้ชำระความเลยนะ...เนื้อแทบหลุดเลยรู้หรือเปล่า" ถึงเวลาลำเลิกบุญคุณกันเสียหน่อย   ช่างภาพหนุ่มดึงเสื้อเปิดไหล่โชว์รอยฟันให้เจ้าคนเป็นต้นเหตุดูให้เต็มตา "ซาดิสม์หรือไงเรา   ชอบใช้ความรุนแรง...ระวังตัวไว้เถอะ   พี่เอาคืนเมื่อไหร่ลุกไม่ขึ้นไปสามวันแน่"

   “เห้ย! พูดอะไรน่ะ   ลามก!”

   “อะไร  ลามกตรงไหน...มีส่วนไหนที่พี่พูดลามก...ปอมหรือเปล่าที่คิดลามกเอง"

   “โว้ย...ไม่คุยด้วยแล้ว" เด็กหนุ่มหันหน้าหนีโดยมีฝ่ามือใหญ่ตามมาลูบหัวง้อทันที   สุดท้ายก็ต้องหันกลับมาจนได้ "แล้วแผลบนไหล่พี่เจ็บมากไหม?   ปอมขอโทษจริงๆนะ   มันลืมตัว"

   คนถูกถามหัวเราะเบาๆ "เจ็บน่ะเจ็บ...แต่ไม่เป็นไรหรอก   นิดๆหน่อยๆ"

   “ขอบคุณนะครับพี่วิน...แล้วก็ขอโทษอีกรอบด้วย” จักรวาลเอียงหัวชนเข้าชนออกที่ต้นแขนของอีกคนไปมา   ไม่รู้เป็นท่าขอโทษแบบใหม่หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ

   ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาจับหัวทุยๆที่ขยับอยู่นั้นให้ขึ้นมาซบอยู่บนไหล่ขอบตน "อยากซบไหล่ก็บอกดีๆสิ   ท่าทางจะซาดิสม์จริงๆด้วย" ชายหนุ่มยังไม่วายเอ่ยแซวไปอีกระลอก   ก่อนที่น้ำเสียงที่ใช้ในประโยคถัดมาจะเปลี่ยนไป "...เมื่อกี้ที่ถาม...ว่าพี่จะทำอะไรในระหว่างหนึ่งปีที่ปอมไม่อยู่...ขอตอบใหม่ได้ไหม?...”

   เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาๆ   รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที

   “จะคิดถึงปอมทั้งปีเลย...” กวินเอ่ยออกมาแผ่วเบา "...กลัวอยู่ใช่ไหมปอม?  ไปอยู่ที่นู่นไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก  ตั้งใจทำงาน  ตั้งใจเรียนรู้   เก็บประสบการณ์กลับมาเยอะๆ   อย่างที่พี่บอก...ถ้ามีเรื่องยุ่งเราก็จะไม่ค่อยมีเวลามาเหงาหรอก...ดังนั้น   ปอมค่อยคิดถึงพี่เฉพาะตอนว่างๆนะ"



   เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรออกมา เพียงแค่ทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลนิ่งๆ



   “เดี๋ยวพี่จะเป็นคนคิดถึงปอมบ่อยๆเอง..."   




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “โชคดีนะลูก" มณีเอ่ยขึ้นขณะยืนส่งลูกชายที่กำลังจะออกเดินทางไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯที่หน้าร้าน   ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นจูบหน้าผากมนนั่นแผ่วเบา "ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วย   แล้วอย่าลืมเอาขนมพวกนี้ไปฝากพวกเจ้าอ้นด้วยนะลูก...เรื่องจะไปเมืองนอกก็เตรียมตัวให้ดีๆ  เสื้อผ้งเสื้อผ้าเตรียมหนาๆไป   เดี๋ยวใกล้ๆไปแล้วแม่จะโทรหาอีกทีนะ"

   จักรวาลยิ้มรับคำของมารดา    เด็กหนุ่มตรงเข้าสวมกอดหญิงตรงหน้าแน่นๆ "ดูแลตัวเองด้วยนะแม่   รักแม่ครับ" ใบหน้าเรียวได้รูปขยับเข้าไปหอมลงที่แก้มผู้เป็นแม่ไปเสียหลายฟอด

   จนในที่สุดเมื่อร่ำลากันเสร็จเด็กหนุ่มก็ผละไปลาน้าของตนที่ยืนอยู่ในร้านบ้าง

   เหลือไว้เพียงกวินที่ยืนยิ้มกว้างส่งให้กับมณีอยู่ตรงนั้น

   “ขอบคุณมากนะครับที่ให้ผมมาพักด้วย   สนุกมากๆครับ" ช่างภาพหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพขณะยกมือขึ้นไหว้ "แล้วก็...เรื่องปอมผม...” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะกล่าวจบ   มณีก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

   



   “ฝากดูแลปอมด้วยนะ"





   คำพูดที่ได้ยินทำเอากวินชะงักไปเล็กน้อย   ก่อนที่ในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา   รอยยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหูก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั่น   สองมือถูกยกขึ้นประนมไหว้อีกครั้งด้วยความดีใจ






   “ครับ! ผมจะดูแลให้ดีที่สุดครับคุณแม่   ขอบคุณมากครับ  ขอบคุณครับ!”





TBC.

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
 :z13: ไว้ก่อน

Lipoil

  • บุคคลทั่วไป
แปะก่อนนะ

Aeterna

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ายยยยยยยยยยยย (ฟินแทนขุ่นแม่) (หัวเราะ)
ฟินจริงๆกับช๊อตทำแผลกัดไหล่เนี่ย (ซาดิสม์สินะ)
แต่น่ารักเนอะ เข้าใจอารมณ์คุณแม่เลยค่ะ เห็นเขาเป็นแบบนั้น เรามองแล้วก็รับรู้ได้เนอะ
การกระทำมันแสดงออกมาชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะแยะแหละค่ะ
ไม่มีอะไรยืนยันว่าใครจะรักใครได้ตลอดไปก็จริง แต่แค่ปัจจุบันเขารักกันก็พอแล้วแหละเนอะ (อิน)

ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันค่ะ แต่พี่วินท่าจะได้ปล้ำยากละมั้งงงง อีกตั้งปีหนึ่งค่อยคุยกันใหม่ (ฮา)


thari

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ายยยย อ่านไปก้กลั้นหายใจลุ้นจนเหนื่อยว่าแม่ปอมจะอะไรยังไงมั่ง
เย้~ ในที่สุดก็ยอมรับแล้ว *ระบำ*


ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
โอ่ยยย ดีใจกับพี่วินน้องปอมจริงๆค่ะ ><
ตอนแรกใจเหี่ยวตามไปด้วยเลย
โชคดีที่คุณแม่เข้าใจเนอะ...ลูกใครใครก็รัก :D
น้องปอมตั้งใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆน๊าา
เด๋วเราจะคิดถึงน้องปอมเป็นเพื่อนพี่วินอยู่ที่นี่เอง  :o8:

ปล. กลับกรุงเทพฯไป พี่วินอย่าลืมพาน้องปอมไปฉีดยากันบาดทะยักนะคะ ><

ออฟไลน์ ladiiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยินดีด้วยกับพี่วินและน้องปอม

 o13 o13 o13 o13 o13 o13

จุดพลุฉลองงงงงงง  :mc4: :mc4: :mc4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด