เส้นเเรก
“ พวกเราไปด้วยกันไม่ได้น่ะ...คำว่า คนรัก เราว่าพวกเรายุติมันไว้แค่นี้แล้วเหลือแต่ความรู้สึกดีๆที่มีต่อกันเถอะ”
“ ... อืม เรายังเป็นคนที่มีความรู้สึกดีๆต่อกันเหมือนเดิมใช่มั้ย?”
“ แน่นอน..ในฐานะ..เพื่อนคนพิเศษ ”
ไปด้วยกันไม่ได้... บทสนทนานี้ผมได้ฟังหลายครั้งจนจำขึ้นใจ และรู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไรให้ถูกต้องที่สุด หากแต่ว่า มีแค่ผมคนเดียวมั้งที่คุ้นชิน ในประโยคที่ผู้พูดเปลี่ยนไปคนแล้วคนเล่า...แต่ผู้ฟังยังเป็นคนเดิม
คนที่โดนทิ้งเพราะไปกันไม่ได้..เหมือนเดิม
จะว่าไปผมอาภัพรักนะ ผมเป็นคนหน้าตาธรรมดา ผมมีผลการเรียนธรรมดา ฐานะทางบ้านก็ธรรมดา
สรุปว่า ผมไม่มีดีเด่ไปกว่าใครๆเลย ผมไม่เคยโทษพวกคนที่ทิ้งผมไปหรอกนะ ถึงจะรู้ว่าผมเป็นคนธรรมดา แต่ผมก็เชื่อเหลือเกินว่า จะต้องมีคนค้นพบบางสิ่งอย่างในใจของผม แล้วเขาหรือเธอคนนั้นจะชอบในสิ่งที่ผมเป็นจากใจ...
สักวันนะ
อืม....ที่เกริ่นไปว่าผมเป็นคนธรรมดานะ..ผมขอแก้ข่าวดีกว่า ผมมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร และมีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ และมองเห็น
ด้ายแดง..
ด้ายสีแดงที่เชื่อกันว่าผูกไว้ที่นิ้วก้อยข้างซ้ายของเราทุกคน
ด้ายสีแดงที่เชื่อมโยงหัวใจและจิตวิญญาณของเรากับคู่แท้ หรือที่รู้จักในนาม ‘ เนื้อคู่ ’
ผมเห็นมันได้ไงน่ะหรือ..? ... คือหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุตกบันไดสลบไปหลายวัน ผมตื่นมาอีกทีก็เป็นวันเกิดของผม วันเกิดอายุครบ 15 ปี ในเช้าวันนั้นแหละ ที่ผมได้เจอกับ ด้ายแดง
ผมคิดว่ามีคนเอามาผูกเล่นแต่พอเอามือไปจับมันแล้ว กลับกลายเป็นว่า ว่างเปล่า เหมือนกับกำลังจับอากาศ ทั้งๆที่ตาผมก็มองเห็นด้ายนี้ แต่กลับจับและสัมผัสมันไม่ได้ ผมบอกแม่พ่อ และหมอ ทุกคนคิดว่าผม... มีผลข้างเคียงทางสมอง หมอให้ผมทำ CT สมองอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบอะไร ผมเองก็คิดว่ามันไม่มีผลอะไรกับชีวิตผม ผมจึงไม่ได้ใส่ใจและทำเป็นมองข้ามมันไป ใช้ชีวิตให้เป็นปกติที่สุด
จากนั้นผมก็มีแฟน และก็ไปด้วยกันไม่ได้..ทุกคน ตั้งแต่ที่มีด้ายแดงเข้ามา
จนคนปัจจุบัน ... ภัทร หรือชื่อเต็มว่า ภัทรานิษฐ์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีเดียวกันแต่คนละกลุ่ม เธอเป็นคนที่ผมคิดว่า น่าจะ ไปด้วยกันได้ แต่ก็ได้ประโยคเดิมกลับคืนมา ผมไม่โกรธและไม่เกลียดหรอกนะที่เป็นแบบนี้ เพราะเธอเป็นคนที่มีอนาคตไกล เธอพูดเปรยๆไว้เสมอว่าถ้าต่อเป็นหมอเฉพาะทางได้แล้ว เธออยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าเรายังคบกันอยู่ อย่างไรก็คงได้เลิกกันแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว เลิกตั้งแต่ตอนเป็นเพื่อนกันแค่นี้ดีกว่า
ใช่...ผมเห็นด้วย และผมก็คิดไว้แล้วล่ะ ว่าจะเพลาเรื่องรักๆใคร่อะไรนี่ไปก่อน เพราะมีประจวบกันด้วยเหตุผลหลายอย่าง
ข้อแรก ผมกำลังจะกลับไปเรียนและฝึกงานในชั้นปี4ที่โรงพยาบาลของคณะแพทย์ของผมในต่างจังหวัดแต่โชคดีที่เป็นจังหวัดบ้านเกิดของผม พ่อแม่ของผมอาศัยและทำงานอยู่ที่จังหวัดนั่น
และสอง..ผมรอจะพบคนที่อยู่อีกฝั่งของด้ายแดง...คนที่ได้ชื่อว่าจะเป็นคู่แท้ของผม...หากเราเจอกันจะไม่มีวันที่ใครคนใดคนหนึ่งพูดว่า ‘ไปด้วยกันไม่ได้’
“ สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อพินยุพา พยาบาลวิชาชีพประจำโรงพยาบาล.............และจะเป็นผู้ดูแลนักศึกษาแพทย์ทุกท่าน ในรั้วโรงพยาบาลแห่งนี้ ก่อนอื่นนักศึกษาไปเซ็นชื่อและรับทราบหอพักของตนเองก่อนนะค่ะ จากนั้นฉันจะให้คุณพยาบาลกรรินพาไปหอพักนักศึกษาแพทย์ต่อไปคะ ”
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมารายงานตัวที่โรงพยาบาล หลังจากที่ลงชื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย พวกผมก็มาเข้าแถวรอคุณพินยุพากับคุณกรรินอีกครั้ง
“ ที่นี่คนไข้เยอะจังนะ” โด้ เพื่อนสนิทที่สุดในคณะเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ ผมพยักหน้ารับมันอย่างเห็นด้วย ขณะที่คุณพยาบาลกรรินพาพวกเราไปที่หอพัก
“ จะไม่ให้เยอะได้ไงค่ะ คุณน้องหมอ จังหวัดได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แถมโรงพยาบาลนี้ก็เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดอีก” คุณพยาบาล กรรินหันมาพูดคุยหยอกล้อกับพวกผมอย่างสนุกสนาน คงจะพอเดาได้นะครับว่าผมอยู่โรงพยาบาลอะไร เพราะจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยคือ นครราชสีมา นั่นเอง
พอตกเย็นพ่อและแม่ก็พาผมกลับบ้าน เนื่องจากบ้านของผมกับโรงพยาบาลไม่ไกลกันมาก ไม่เกิน5นาทีถ้าขับรถยนต์ก็ถึง เราแวะทานอาหารค่ำที่สวนอาหารแห่งหนึ่งแถวๆบายพาส เมื่อจองโต๊ะและสั่งอาหารเรียบร้อย แม่ลืมกระเป๋าไว้ที่รถท่านวานให้ผมมานำไปให้ รถจอดอยู่ที่ลานจอดรถเกือบๆจะติดถนนสี่เลนบายพาส หลังจากผมนำกระเป๋าออกมาได้แล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมองถนนอีกครั้งปรากฏว่า... รถสปอตสีแดงยี่ห้อหรู ที่ขับมาดีๆกับโดนรถกระบะอีกเลนหนึ่งที่จะพยายามแซงรถบรรทุกเสยเข้าให้
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด...ดดดดด
โครม!!!!
วินาทีแห่งชีวิตนั่นจบลงไปไม่สวยงามเท่าไรนัก คนขับรถกระบะสามารถออกมาจากรถได้ แต่คนขับสปอตสีแดง สลบไปในรถแล้ว เพี้ยงเสี้ยววินาทีผมจำได้ดีในคำตอบวิชาเฉพาะแพทย์ตอนที่จะเข้าคณะนี้ข้อหนึ่ง
หากคุณเรียนจบหมอแล้ว ขณะที่ออกเวรกำลังขับรถกลับบ้านเห็นอุบัติเหตุเกิดขึ้น คุณจะทำอย่างไร
ผมตอบว่า รีบเข้าไปช่วยคนบาดเจ็บจากนั้นให้ดูอาการและเรียกรถพยาบาลและตำรวจให้เร็วที่สุด...
ใช่... ถึงผมจะยังไม่จบหมอก็เถอะแต่แค่ปฐมพยาบาลผมสามารถทำรอรถพยาบาลที่เพิ่งโทรไปเมื่อครู่นี่ได้สักระยะ
ผมมองร่างคนบาดเจ็บที่ฟุ่บอยู่ที่ถุงลมนิรภัย ร่างชายหนุ่มโชคไปด้วยเลือด มือซ้ายและขวากำพวงมาลัยรถยนต์ไว้แน่น เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ผมรีบพาร่างเขาออกจากรถและปฐมพยาบาลโดยเร็วที่สุด... ลมหายใจของเขาขาดหายไปและเริ่มหายใจอ่อนทุกขณะ ผมวางร่างเขาและกระตุ้นหัวใจเป็นการด่วน หากเป็นคนอื่นผมคงช่วยเหลือเขาในฐานะว่าที่แพทย์ แต่..สำหรับเขาไม่ใช่
“ น้องจะทำอะไรน่ะ !? ”
คู่กรณีที่เป็นรถกระบะร้องมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นผมกำลังจะทำบางอย่างกับร่างที่ใกล้จะไร้ชีวิตนั่น
“ ผมเป็นหมอ ผมรับรองได้ว่า เขาไม่ตาย”
จบประโยคผมก็หันกลับมา บีบจมูกชายโชคร้ายไว้แน่น ทำการเงยศีรษะคนเจ็บขึ้นเล็กน้อย จับปากเขาให้อ้าออก นับ 1..2...3 ฟู่~~~~~~~
ผมผายปอดให้เขา แล้วกับมานวดหัวใจอีกครั้งเพื่อให้หัวใจของเขาสูบฉีดเลือด ทำสลับไปมาจนได้ยินเสียงรถพยาบาลมาใกล้ๆ
อย่าเป็นอะไรเลยนะ...
ถึงผมจะไม่เคยรู้จักเขามาก่อน...แต่เขาเป็นคนที่ผมรอมาตลอด...ก็เขาเป็น...
เนื้อคู่..คู่แท้
หรือที่ใครๆจะเรียกอะไรก็ช่าง แต่ ขณะที่สองมือของผมประสานกันอยู่นิ้วก้อยข้างซ้ายที่ผูกด้ายแดงลึกลับ กับมือที่ราบบนถนนทว่าบนนิ้วก้อยของเขาก็มีด้ายแดงเหมือนกัน ไม่ใช่แค่นั้น ด้ายแดงของผมกับเขา.... เราผูกติดกัน!!!
ให้ตายเถอะ! อย่าเป็นอะไรเลยนะ เพราะผมรอคุณมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว!!! อย่าแค่มาเจอหน้า แล้วก็ตายกันไปเลย ... ไอ้คุณเนื้อคู่ของผม!
-------------------
จะชอบกันมั้ยนะ นี่เป็นเรื่องสั้นเรื่องเเรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วย