16 - GET OUT OF MY HEAD! (2)
ห้องกว้างเหมือนเดิม หรูหราเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ...
ตึกตักตึกตักตึกตัก
ใจมันเต้นแรงกว่าเดิม...
ทำไมอาการผมมันเหมือนสาวน้อยจะเข้าไปเสียตัวแบบนี้ฟ่ะ? มันต้องไม่ใช่สิ นี่ผมเป็นผู้ชายและกำลังจะเข้าห้องรุ่นพี่ที่หล่อลากหล่อมากๆหล่อไม่บันยะบันยังแค่นั้นเอง
แค่มาดูแลมัน...แค่นั้น...ท่องไว้ไอ้แกรนด์ มันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ข้อมือซ้นแบบนั้น...
ผมเดินมานั่งที่โซฟาหน้าทีวีราคาแพง
“ไอ้แกน” เจ้าของห้องเรียกผม
“มีไร” ผมตอบมันทั้งๆที่สายตายังไม่ละไปจากจอยักษ์
“กูหิว”
“ก็โทรสั่งดิ” อย่าคิดว่ากูจะลุกมาทำกับข้าวให้มึงกินเด็ดขาด
“เปลือง”
สาดดดดดดดดดดดดดดด
กูละอยากตั้นหน้ามันจริงๆ พูดมาได้ว่าเปลือง ไอ้ที่มึงมีรถ2คัน คอนโดหรูหราซื้อบ้านได้3หลังเนี้ย...ไม่เปลืองเลยเน๊อะ
ดูเหมือนมันจะรู้แน่ๆว่าบอกผมก็ไม่ได้ไรขึ้นมา มันเลยเลือกที่จะเดินเข้าครัวไป
เคร้งงงงงงง!!
เสียงเหมือนถ้วยหล่น...ซุ่มซ่าม
แกร๊งงงงงง!!
ตะหลิวปลิวละมั้ง...มือมีเอ็นจับไหมเนี่ย?
และอีกหลายๆเสียงตามมาจากห้องครัว ไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่าห้องครัวจะเละขนาดไหน ผมยังนั่งนิ่งฟังเสียงของตกหล่นไปเรื่อยๆ คอยดูว่ามันจะทำอาหารเสร็จมั้ยวันนี้ แต่แล้วผมก็ต้องลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตก
เพล้งงงงงงงงงงงงง!!
แม่ง ดันทุรังจังสัดนี่
หวังว่าคงไม่มีอีกแผลให้กูต้องรู้สึกผิดหรอกนะ...
ผมเดินเข้าไปในห้องครัว สภาพไม่ได้เละอย่างที่คิด เพียงแต่การที่มันหั่นแตงกวาได้แย่พอๆกับที่เนื้อหมูหนาจนต้มครึ่งวันก็ไม่สุกนั่นทำให้รู้ว่าไอ้พอสมันพยายามที่จะทำจริงๆ เสียแต่ว่าข้อมือไม่เอื้ออำนวยก็เท่านั้น
“เข้ามาทำไม ออกไป”
“มึงอะออกไป อยากแดกมากเดี๋ยวกูทำให้ เห็นแล้ว...แม่ง...รมณ์เสียวะ”
ผมไม่ผิดใช่ไหมที่ไล่เจ้าของห้อง
แล้วทำไมมันเพียงแต่เขยิบไปตรงตู้เย็นเองละ? เห้อออ ช่างมัน ขอแค่อย่ามายุ่งวุ่นวายก็พอ
จากการที่ของสดถูกหยิบยกมาไว้บนโต๊ะนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจะตั้งใจทำเมนูอะไรออกมากันแน่ ไม่นึกว่าคนอย่างมันจะมีอาหารสดเก็บแช่ไว้เยอะ ทั้งๆที่ท่าทางมันก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไปที่ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็ต้องพึ่งเจ้า ‘มาม่า’ กันทั้งสิ้น ผมยืนคิดครู่หนึ่งก่อนจะลงมือทำหมูทอดแบบง่ายๆ หมักแล้วทอด ไม่ต้องมีอะไรให้มากความ ต่อจากนั้นก็หุงข้าว รอข้าวสุก แต่ทั้งหมดนี้ผมกระทำโดยมีเจ้าของห้องยืนมอง ชวนอึดอัดและใจเต้นตึกตักไม่แพ้กัน
ทำไมมันเหมือนแฟนสาวทำกับข้าวให้หนุ่มที่รักแบบนั้นวะ??
บ้าไปแล้วกู..คิดได้ไง...แฟนสาวกับชายหนุ่มที่รัก..ผมหันไปมองหน้ามัน
กูจะอ้วก
รักกับมันผมยอมไปรักกับกระเทยในภาคดีกว่า
“ออกไปรอข้างนอกดีกว่า อีกนานกว่าข้าวจะสุก” มันบอกผมแล้วเดินนำออกไปลิ่วๆ ได้ยินดังนั้นจึงจัดการทำความสะอาด เก็บของที่เหลือเข้าตู้เย็น
ผมเดินกลับมาที่หน้าทีวีอีกครั้ง แต่มันก็น่าเบื่อ รู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้ ไอ้พอสก็เอาแต่มองผมอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าแม่งจะมองทำไม กูรู้ตัวว่าหล่อ ไม่ต้องอิจฉา
“นาทีละ100” ผมพูดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แน่ละ ไอ้พอสงง
“อะไร”
“ค่ามองกูไง นาทีละ100” ผมเฉลย มันหัวเราะเบาๆ
“งั้นถ้ามองทั้งชีวิต คิดเท่าไหร่?”
ตึกตักตึกตัก
ผมคงหูฝาดไปไม่ก็มันเมาแน่ๆ
“อะไรของมึง ดูดเนื้อมาเหรอไง?”
“เปล๊า ฮ่าๆๆๆ”
“บ้า...” ไอ้พอสขำครับ ผมว่ามันดูดีนะ ผมชอบเวลามันยิ้มหรือขำ ดีกว่าทำหน้าดุปากเสียเป็นไหนๆ “ขำไรวะ” แต่บางทีมันก็หงุดหงิด ขำเหี้ยไรนักหนา กูไม่ได้มีนามสกุลเชิญยิ้มนะสัด
“ขำคนหน้าแดง ฮ่าๆ...ว่าแต่..มึงหน้าแดงไรวะ? ร้อนเหรอ”
ผมเอามือจับหน้าตัวเองทันที ไอร้อนๆที่แผ่ออกมานี่...ผมแก้มแดงจริงเหรอ?
เพราะไอ้ประโยคนั้นแน่ๆ
ติ๊ง!
เสียงหม้อหุงข้าวดัง ไอ้พอสกำลังจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวกูทำเอง มึงนั่งอยู่เฉยๆเถอะ”
“อะไร กูจะไปนั่งรอมึงตักมาให้ตรงโต๊ะกินข้าวหรอก..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เร็วๆนะหน่อยนะจ๊ะน้องแกรนด์ พี่หิว กร๊ากกก”
แม่งหัวเราะได้น่าถีบที่สุดในโลก!
ได้ทีใช้กูใหญ่เลยนะมึง เดี๋ยวเถอะ...
ผมตักข้าวใส่2จาน จานแรกของผม ไม่เยอะมากนักเพราะไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่อีกจานเนี่ยสิ เห็นว่าหิวมากใช่มั้ย งั้นจัดไปเลยหมดหม้อ!
หยิบจานหมูทอด ขวดน้ำเปล่า แก้ว และตบท้ายด้วยจานข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะ ประเคนให้ถึงหน้าตัก
“นี่มึงกะให้กูอิ่มยันเดือนถัดไปเลยปะวะ?” มันเงยหน้ามาถามผมหลังจากได้เห็นข้าวในจานของตัวเอง ซึ่งผิดกับของผมลิบลับ แต่ผมไม่ตอบมัน ยกไหล่เชิงทำนองว่า ‘แล้วแต่มึงจะคิด’ มันไม่ได้บ่นอะไรออกมาอีกหยิบหมูชิ้นที่ใหญ่ที่สุดไปวางไว้ในจานของตัวเอง ลงมือกินแบบเงอะๆงะๆ เพราะมันถนัดขวา แต่มือซ้ายก็ยังสามารถตักข้าวเข้าปากได้โดยที่ไม่หกอยู่ นี่ผมนึกว่ามันจะแกล้งให้ไปป้อนให้อีก มันไม่วิจารณ์เรื่องหมูทอด รอดไป
“กินให้หมดนะ ไม่งั้นเสียน้ำใจคนทำแย่” ผมพูดไปงั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันกินหมดจริงหรอก พุงแตกตายก่อนพอดี
เป็นครั้งแรกที่ผมกินข้าวฝีมือตัวเองกับคนอื่น
หมูทอดที่ไม่พิเศษ รสชาติธรรมดาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเป็นหมูทอดอัศจรรย์ ที่ทำให้ผมกับคนตรงหน้านี่ร่วมโต๊ะกันได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าวหุงสวยๆคงไม่ได้อยู่ในจานนิ่งๆให้ผมได้กินแน่ อาจจะต้องหกกระเด็นไปทั่วด้วยฝีมือไม่ผมก็มัน
กินกันไปเรื่อยๆโดยมีแค่เสียงช้อนกระทบกับจานเท่านั้น ไม่นานนักผมก็กินหมด จานตรงกลางมีหมูเหลืออยู่2-3ชิ้นแต่ข้าวในจานไอ้พอสยังพร่องไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ คนตรงข้ามกวาดหมูใส่จานตนเอง
“มึงไปทำไขเจียวไข่ดาวไข่ต้ม อะไรก็ได้มาให้กูหน่อย”
ห๊ะ? อะไร ยังจะกินอีกเหรอ
“ถ้ามึงอิ่มก็พอเถอะ กูพูดไปงั้น” รู้สึกสงสารมันตงิดๆ...หรือว่ามันจะติดใจกับคำพูดที่ผมบอกว่าถ้ากินไม่หมดคนทำจะเสียใจ?
“ไปทำมาเหอะน่า” มันยังยืนยันคำเดิม ผมก็ไม่ขัดศรัทธาเข้าครัวอีกรอบ ออกมาอีกทีพร้อมไข่ดาวแบบสุกๆ แต่มันกลับช้อนไข่ดาวไปไว้ในจานตัวเองแล้วสั่งมาอีกว่าให้ผมไปหยิบแม๊กกี้กับทำไข่เจียวเพิ่ม
มันเอาจริง?
“มึงยังไม่อิ่มอีกไง๊?”
“อิ่มสิวะ ข้าวตั้งเยอะ”
“อ่าว งั้นแดกทำไม อิ่มก็พอสิวะ” เรื่องแค่นี้ต้องให้กูบอกรึไง
“ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า...แม่กูสอนไว้”
แม่งงงง กูอุตส่าห์ดีใจ นึกว่ามึงจะติดใจสเน่ห์ปลายจวักกูซะอีก โธ่
สุดท้ายก็หมด...เกลี้ยง...ไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียว
แต่ทำไมต้องกูต้องมาลำบากล้างจานอีกเนี่ยยยย เครื่องล้างจานก็มี แต่แม่งสั่งให้ล้างด้วยมือเพราะเปลืองค่าน้ำค่าไฟกับน้ำยาล้าง ไอ้ตัวผมก็ไม่กล้าเปิดเครื่องใช้เองซะด้วย
รวยแล้วยังงก หรือว่าตั้งใจจะแกล้งกูเนี่ย?
ได้แต่เดินปลงเข้าไปอาบน้ำ ครั้งนี้ไม่ต้องบอกแล้วครับ ผมเดินเข้าไปหยิบชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเลย คำว่าเกรงใจ สำหรับมันผมสะกดไม่เป็นชั่วขณะ ฮ่าๆ
ครั้งที่2แล้วที่ผมมาเหยียบห้องนี้ ไม่อยากจะนึกถึงครั้งแรกแต่ก็อดคิดไม่ได้สิน่า...กล้ามงามๆ ผิวน่าลูบ ใบหน้าที่มีเหงื่อ และ มังกรน้อยๆของมัน...
เห้ยยยยย!! นี่ผมกำลังคิดอะไรเนี่ยยยยยย
ไม่ๆๆๆๆ ห้ามคิด!!
ผมล้างฟองสบู่ออกจากตัว จะได้ไม่ต้องคิดอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าของห้องอีก
แต่ก็นะ...เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว...เอ่อ จะเอาไรไปสู้มันละเนี่ย? เห้ออออออ สวรรค์ช่างลำเอียง
เมื่ออาบน้ำเสร็จ เดินออกมาไอ้พอสก็พูดขึ้นทันที
“ช้าสัด ชักว่าวอยู่ไง๊?” ขอให้ได้ด่า...คนแบบนี้ก็มี แต่ผมไม่โต้ตอบกลับไปเพราะ...มันคือความจริงครับ ฮ่าๆๆๆๆ ก็แหม ผู้ชายนะคร้าบบบบ ไม่ได้ตายด้านด้วย แถมช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนกับสาวๆเท่าไหร่ มันก็ต้องมีบ้างแหละน่า
“มึงมานี่ ช่วยกูเขียนเลย ส่งพรุ่งนี้” มันไม่ได้อยู่หน้าทีวีครับ แต่อยู่บนโต๊ะเตี้ยๆ มีชีท หนังสือ เอกสาร ปากกาวางเต็มโต๊ะไปหมด ผมเข้าไปใกล้ๆอยากรู้เหมือนกันว่าเรียนอะไร ยังไงซะไม่เจอปีนี้อีก2ปีก็ต้องเจออยู่แล้ว มันหน้าดำคร่ำเครียดกับตัวเลข ผมทำเขียนตามที่มันบอก ลากเส้นนู่นนี่ไปมา เห็นแล้วมึนแทน ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่
หลายครั้งที่โดนมันด่า คำนวณผิดบ้าง ทำไม่ตรงตามที่มันบอกบ้าง ขนาดเปิดเท๊กซ์ควบคู่ไปด้วยก็ยังเข้าใจยาก
กูแค่ปี1เข้ามาได้แค่เดือนกว่าๆเองนะสาดดดดดดดด จะอะไรนักหนามากมายวะ แล้วมึงจะเอาหน้ามาใกล้กูทำเชี่ยไร บอกกูเฉยๆก็ได้ สัด
สมาธิเริ่มหลุดลอย จากที่เขียนผิดอยู่แล้วก็ยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ เขยิบเข้ามานั่งใกล้กัน อาจจะรู้สึกไปเองว่าริมฝีปากมันเฉียดแก้มผมหลายครั้งหลายครา จากที่บอกเฉยๆกลับกลายเป็นบอกใกล้ๆชิดใบหู
ตึกตักตึกตัก
ทำไมคนเราถึงบังคับการเต้นของหัวใจไม่ได้วะแม่ง จะเต้นเร็วไปไหน กลัวตัวเองหัวใจวายวะ
แต่ที่กลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ..กลัวไอ้คนข้างๆมันได้ยินมากกว่า...
“เสร็จแล้ว เก็บของให้ด้วย”
ฟู่วววววววว
“ว่าแต่มึงหน้าแดงอีกละ เป็นไร ไม่สบาย?”
“เปล่าๆ กูร้อน” ผมเขยิบตัวออกห่างจากมัน ทำเป็นวุ่นวายกับการเก็บหนังสือและชีทต่างๆให้เรียบร้อย เคาะแล้วเคาะอีก ทั้งๆที่มันก็เรียงกันเป็นระเบียบ
“งี้แหละ อยู่ใกล้คนฮอท ฮ่าๆๆๆๆ”
สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กูเผลอใจเต้นกับไอ้คนหลงตัวเองแบบนี้ได้ไงเนี้ยยยยยย
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้น เจ้าของเบี่ยงตัวไปรับ มันคุยเสียงหวาน ถ้าให้เดาคนโทรมาก็คงต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ
ทนหมั่นไส้ไม่ไหวต้องระเห็จตัวเองเข้าไปในห้องนอน คุยไลน์ เฟซ วอทแอพไปเรื่อย
อัพเดทชีวิตกันสักหน่อย
ไอ้ทัช รายนี้กกอยู่กับเมียคนใหม่ดีกรีดาวคณะ หวานแหววซะจนคนรอบข้างอิจฉา ทำเอาสาวๆและหนุ่มๆหลายคนน้ำตาตกใจ
นายแทนไท เห็นว่ากำลังซ้อมเต้น จากที่มันอัพรูปลงอินสตาแกรม เพื่อแข่งงานวันประกวดดาวเดือนที่ใกล้จะถึงนี้
ว่าที่สัตวแพทย์ อ่านหนังสืออย่างคร่ำเครียด
ไอ้บิ๊กกับแต๊งกิ้ว 2คนนี้อยู่ด้วยกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง แม่งเที่ยวทุกวันไม่เหนื่อยรึไงวะ
พี่รหัสผม อารมณ์เสีย หงุดหงิดจากเด็กซับน้ำ คาดว่าไอ้คนที่เรียนเซคเดียวกับผมเมื่อเช้านั่นแหละครับ
และยังมีสาวๆอีกหลายคนที่ผมคุยด้วย ส่วนตัวผมก็ได้แต่บอกไปว่าอยู่หอๆ กำลังติดการ์ตูนเรื่องใหม่ ไอ้การโกหกนี่มันไม่ดีเลยแหะ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมผมถึงบอกออกไปไม่ได้ว่าอยู่คอนโดไอ้พอส?
ว่าแล้วก็ไปส่องเฟซมันซะหน่อย สาวๆโพสข้อความถามไถ่ถึงอาการบาดเจ็บที่ข้อมือกันใหญ่ ผมเลื่อนอ่านเร็วๆแล้วกดปิดทันที หันมาเล่นเมการันดีกว่า เงินใกล้ครบได้ตัวใหม่แล้ว
มันหงุดหงิด บอกไม่ถูก…
หงุดหงิดแทนสาวๆที่หลงเป็นห่วงมัน ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ยังคุยอี๋อ๋อกับสาวอีกคนละมั้ง...ต้องใช่แบบนี้แน่ๆ
เหลือบไปเห็นไอแพดบนเตียง ผมไม่รอช้า คว้ามาเล่นทันที
ไม่มีเกมที่ผมอยากจะเล่น แต่ไม่เป็นไร กูเล่นเกมอื่นก็ได้วะ ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเล่ยคิงโอเปร่าแล้วครับ หมุนๆเด้งๆ ชนกระเด็น เห็นแล้วฮา แอบส่องรูปที่มันถ่ายเก็บไว้ หล่อทุกอิริยาบถจริงๆ ไม่มีรูปหลุดๆเลย เสียดายว่าจะเอาไปแฉสักหน่อย ผมกดๆจิ้มๆถูๆไถๆในไอแพดอยู่นาน เล่นจนไม่รู้จะเล่นอะไร โหลดแอพใหม่มาเล่นก็แล้ว ฟังเพลงก็แล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าไอ้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์จะวางแล้วมานอนสักที
หันไปมองนาฬิกาดิจิตอลเรือนเดิม
1.42 AM
เริ่มง่วงๆแล้ววะ
2.25 AM
ตากูจะปิด
2.45 AM
หลับคาไอแพด
.
.
.
.
เหมือนฝัน แต่ทำไมฝันได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงซะขนาดนั้น
เหมือนถูกกอด สัมผัสแบบนี้ อบอุ่น ปลอดภัย
เสียงกระซิบหวานหู
‘ฝันดีครับ’
โปรดติดตามตอนต่อไป