24 - Space between us (1)
ผมตัดสินใจกลับไปหามะม๊าและปะป๊าในวันต่อมา บ้านหลังเดิมที่อบอุ่น ครอบครัวผมไม่ได้รวย แต่ก็ไม่ได้จน อย่างที่เคยบอกไป ขอแค่ไม่มีหนี้พวกเราก็สุขใจแล้วครับ
“สุดสวยยยยยยยยยย” ผมทิ้งกระเป๋า วิ่งโร่เข้าหาคุณแม่สุดที่รัก ดูม๊าผมตกใจมากที่จู่ๆผมก็โผล่มาแบบไม่บอกล่วงหน้า
“สุดหล่ออออออออออ” นี้ถ้าเป็นภาพสโลว์ ก็คงเหมือนนางเอกกับพระเอกพลัดพรากจากกันมาเป็น10ๆปีแหละครับ ฮ่าๆๆๆๆ เรา2แม่ลูกสวมกอดกันให้หายคิดถึง “จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อน?”
“จะมาเซอไพรซ์ไงครับ อิอิ”
“จ้า แหมมม มาๆ เข้ามาก่อน กินไรรึยัง หิวอะไรมั้ย?”
“อยากกินไข่เจียวฝีมือม๊าที่สุด”
“ได้เลย สุดสวยจัดให้ เอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะ”
“โอเคคร้าบบบบ”
ผมเดินขึ้นชั้น2 ตรงไปยังห้องนอนที่นอนมาตั้งแต่ประถม มันยังเหมือนเดิม มะม๊าผมไม่เคยย้ายที่สิ่งของที่ผมวางไว้ เพราะถ้าย้าย ผมจะโวยวายเพราะหาของไม่เจอ
กะว่าจะกลับหอวันเปิดเรียนซึ่งเป็นวันจันทร์ มีเวลาค้างหนึ่งคืน ผมไม่ได้หนีปัญหา แค่อยากมาพึ่งพิงคนที่รักผมมากที่สุดและผมก็รักมากที่สุดเช่นกัน
นอนกลิ้งเกลือกให้หายคิดถึงเตียงเน่าๆนี้สักพัก ผมก็ลงไปข้างล่าง กลิ่นข้าวไข่เจียวหอมฉุยมาแต่ไกล นั่นไง มันวางอยู่ตรงหน้าทีวี ที่ประจำผม
“สอบเสร็จแล้วเหรอครับคนเก่ง?” มะม๊าถามขณะที่ผมนั่งลงกับเก้าอี้
“เสร็จแล้วคร้าบบบ” พูดจบก็เคี้ยวตุ้ยๆ
อื้มมมมม อร่อยที่สุด เค็มๆหวานๆกำลังดี แบบนี้แหละที่ผมชอบ
มะม๊าเป็นคนที่น่ารัก ดูได้จากการพูดจากับผม อิอิ อายุก็ปาไป40ปลายๆแต่หน้ายังเด้งสวยเช้ง เพียงแต่หุ่น...เอ่อ ก็เป็นไปตามวัยที่ต้องมีไขมันมาเกาะสะสม แต่นั่นก็เป็นข้อดี เพราะผมชอบกอดหุ่นนิ่มๆท้วมๆแบบนี้
“แล้วปะป๊าไปไหนอะม๊า”
“ไปส่งไม้ให้ลูกค้าน่ะ เดี๋ยวเย็นๆคงกลับ” ม๊าตอบ “แล้วจะกลับหอเมื่อไหร่ละครับ?”
“กลับวันอาทิตย์ดึกๆอ่า...ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับม๊า” ผมทำสายตาเศร้า เขี่ยข้าวในจานไปมา มะม๊าเห็นผมเป็นแบบนั้นเลยลูบหัว
อยู่คนเดียวมันเหงาจริงๆนะครับ อุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆที่แทบไม่มีอะไร ได้แต่เล่นคอม เปิดทีวี ให้เสียงมันดังๆ กลบความเงียบ ทำอะไรก็ต้องทำคนเดียว ซักผ้า ล้างจาน กินข้าว แต่ถ้าถามว่าทำไมผมไม่หารูมเมทล่ะ? คำตอบคือผมไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าน่ะครับ มันไม่คุ้นไม่สนิทใจยังไงก็ไม่รู้ แล้วถ้าให้ไปอยู่กับไอ้ทัช ไอ้เต็ง ผมก็เกรงใจมันอีกแหละ พวกมันคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า
“แกรนด์เก่งอยู่แล้วครับ ถ้าเหงาก็โทรหาม๊าบ่อยๆสิ เอ...รึว่าคุยแต่กับสาวๆจนลืมม๊าไปแล้ว?”
“โหยยยยย ไม่มีเลยครับ มีสุดสวยคนเดียวในใจไม่มีใครมาแทนที่ได้”
“คร้าบบบบ แหม ลูกคนนี้ปากหวานจริง...ว่าแต่แกรนด์ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ?”
สะอึกเลยคำถามนี้
“ง่า ไม่มีครับ”
“แน่ใจ๊?”
“ที่สุด”
“แต่ทำไมม๊ารู้สึกเหมือนแกรนด์มีอะไรในใจยังไงก็ไม่รู้” มะม๊าทำท่าครุ่นคิด “อกหักมาเหรอครับ?”
“เง้อออ ไปกันใหญ่แล้วม๊า” ผมรีบโบกมือเป็นพัลวัน
“งั้น...มีคนมาแอบชอบแกรนด์แต่แกรนด์ไม่รู้จะทำยังไงดี?”
“เอ่อ...”
“ใช่มั้ย บอกม๊ามาซะดีๆ”
“เอ่อ คือ ก็ มันไม่ใช่...ทำนองนั้น เอ่อ ยังไงดีละครับ? ผมก็อธิบายไม่ถูก”
จะให้บอกคุณแม่บังเกิดเกล้าได้ยังไงว่าผมเสียเอกราชให้กับผู้ชายด้วยกันไปแล้ว แถมยังถูกเอาฟรีเหมือนกะหรี่ข้างทาง ไม่มีสถานะอะไรที่มันเหมาะสมไปมากกว่านี้เลย เหอะๆ คิดแล้วก็สมเพชตัวเอง
“จ้า เอาเถอะ ม๊าไม่ถามคาดคั้นไรมากหรอก เอาเป็นว่าม๊าอยากให้แกรนด์คิดทบทวนดูดีๆ ทำตามที่ใจคิด อย่าทำตามที่สมองสั่ง..บางครั้งความรักก็ไม่ได้ต้องการเหตุผลนะจ๊ะสุดหล่อ” แล้วม๊าก็ยิ้มให้ผม นั่นทำให้ผมยิ้มกลับ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ดีแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกมะม๊าหรอกครับว่า ไอ้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบเนี้ย มันคือผู้ชาย เพศเดียวกับผม
.
.
.
.
ในตอนเย็น ปะป๊ากลับมาแล้ว เรากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา รู้สึกมีความสุข ครอบครัวและบ้านเป็นที่ที่ปลอดภัย รู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง ไม่เหมือนที่อื่น เพราะยังไงบ้านก็ต้อนรับเราเสมอไม่ว่าเราจะท้อแท้สิ้นหวังหรือกลับมาพร้อมปัญหาบานตะไท
“ไปอยู่หอเป็นไงบ้างล่ะ?” ป๊าถาม
“ก็ดีครับป๊า .. แล้วปะป๊ากับมะม๊าละครับ ทำงานเหนื่อยมั้ย?”
“เรื่อยๆแหละ” ก็ยังคงเป็นป๊าที่ตอบ ความจริงคือผมสนิทกับม๊ามากกว่านะ แต่กับป๊านี่ก็ในระดับหนึ่ง เอาเป็นว่าคุยได้ไม่บาดหมางหรือมีข้อขุ่นใจละกัน
“แกรนด์ก็รีบจบแล้วรีบทำงานหาเงินแล้วป๊ากับม๊าสิ”
“โหยย...จะจบรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลยเนี่ยยย” ผมโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากป๊ากับม๊าได้
“เออน่ะ รีบๆจบแล้วมาช่วยป๊าได้แล้ว อย่านอกลู่นอกทางละ” ป๊าจะเป็นคนที่จริงจัง และพูดเสียงดังตามประสาคนจีน นั่นคงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยสนิทกับป๊ามากนัก
พอกินเสร็จผมก็ล้างจานให้ ม๊าไปปอกผลไม้ ส่วนป๊านั่งดูข่าว เรา3คนนั่งดูละครหลังข่าวจนจบ มีคำถามมาเป็นระลอกๆจากปากผม และเสียงวิจารณ์จากปะป๊า ละครจบป๊ากับม๊าก็ขึ้นไปนอน ส่วนผมนั่งดูหนังต่อ
มีสิ่งนึงที่กวนใจผมทั้งวัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ...
ไอโฟนนอนแน่นิ่ง ไม่มีเสียงเตือนจากไลน์หรือโทรเรียกเข้าเลย
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมนอนตื่น10โมง อาบน้ำแต่งตัว ลงไปกินข้าว นอนกลิ้งเกลือกเล่นทั้งวัน คุยกับป๊าม๊าบ้าง เนื่องจากวันนี้ป๊าหยุดแต่ม๊ายังคงนั่งเฝ้าแผงหนังสือ ผมไปช่วยขายบ้าง ก็ขายได้เรื่อยๆนะ จนสักเย็นๆม๊าก็ไล่ผมให้ไปเก็บของ เตรียมตัวกลับหอ
เห้ออออ ไม่อยากกลับเลยอะ ยิ่งรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแล้วด้วย
“ดูแลตัวเองดีๆนะครับสุดหล่อ”
“คร้าบบบบ”
“มีไรก็โทรหามาไม่ก็กลับมาบ้านเราเลยนะลูก” ม๊ายืนลูบหัวผม
“ตั้งใจเรียนล่ะ” คำลาสั้นๆจากป๊า
ผมไหว้ผู้มีพระคุณทั้งคู่ก่อนจะขึ้นแท็กซี่ โบกมือบ๊ายบายจนลัยสายตาไป
.
.
.
.
“กูดูอนาคตให้มึงได้นะ” จู่ๆไอ้แทนก็ถามนังส้ม ตอนนี้พวกผมนั่งกันที่ซุ้มรอเรียนตอนบ่ายเหมือนเดิมครับ
“ยังไงวะ” คนถูกถามทำหน้างง
“หลับตาดิ”
“จะแกล้งไรกูปะเนี่ย?” ส้มโอยังคงหวาดระแวง เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อใจไอ้แทน
“ไม่แกล้งๆให้ไอ้แกนเป็นพยานก็ได้” มันพยักเพยิดมาทางผม
อ่าวเกี่ยวไรกะกูวะเชี่ยแทน
“หลับตาดิ” แล้วส้มโอมันก็หลับตาครับ “เห็นอะไรมั้ย?”
“ไม่เห็นวะ มืดๆ”
“นั่นละอนาคตมึง 55555555+”
“สาดแทนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อนาคตมึงจะดับก็วันนี้แหละ ตายซะเถอะ!” แล้วคนถูกดูอนาคตให้ก็วิ่งไล่เตะไอ้แทนรอบโต๊ะ “แม่งงง หน้าอย่างกูอนาคตต้องผัวหล่อรวยเท่านั้นโว๊ยยยยย”
ประเด็นที่มาในการดูอนาคตของนายแทนนั้นคือคะแนนสอบนั่นเอง ผมเองก็หวั่นๆว่าจะต้องดรอปตัวไหนรึเปล่า
“ผมแย่แน่ๆ” ไอ้เมฆนั่งกุมขมับ
“แย่อะไรเหรอเมฆ” กิ๊งถาม
“ผมเพิ่งนึกได้ว่าคำนวณผิดไปข้อนึงอ่า...”
โธ่เอ๊ยยยยยยยยยยยย กูคิดผิดแถมกามั่วไปตั้งหลายข้อยังไม่มานั่งกังวลแบบมึงเลยไอ้เมฆ
“มึงจะเอาเกียรตินิยมเร๊อะ?” ไอ้ทัชหันมาทำตาโตใส่
“เปล่าครับ เทอมนี้ผมขอแค่2.5ขึ้นก็ดีใจแล้วครับ”
ห่าเมฆ ถ้ามึงได้2.5แล้วพวกกูไม่ต้องเหลือ1เลยเรอะ!?
เมื่อถึงเวลาเรียนพวกผมก็เข้าไปเรียนตามปกติ ฟังบ้างจดบ้างหลับบ้าง จนเลิกเรียนนั่นแหละไอ้ความง่วงหงาวหาวนอนกลายเป็นความกระตือรือร้น เก็บข้าวของภายใน10วินาที
ผมกลับถึงหอประมาณทุ่มกว่าๆเพราะมัวแต่เสียเวลาอยู่กับร้านเกมตั้งนาน ไอ้ทัชมันบังคับผมให้ไปเล่นพร้อมมันครับ เห็นว่าไม่ได้พร้อมกันนานแล้ว แต่นั่นก็เพราะมันอยู่กับทิวาตลอดไม่ใช่รึไง
เป็นแบบนี้มาตลอด3วันที่ผ่านมา ตื่นสาย ไปเรียน กินข้าวเที่ยง คุยเล่นกับเพื่อน ตกเย็นก็กลับหอ ชีวิตดูราบเรียบจนไม่มีอะไร ต่างกับเมื่อก่อนที่มีใครบางคนคอยลากผมให้ไปโน่นนี่หรือไม่ก็ไปนอนคอนโดมัน
ตั้งแต่วันที่ผมออกมาจากคอนโดมันจนถึงวันนี้ผมไม่ได้เห็นหน้ามันมา5วันแล้วครับ ถามว่ารู้สึกอะไรมั้ย?...ก็นิดหน่อยนะ แต่ผมเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ คนอย่างมันหยุดอยู่กับที่ไม่ได้หรอกครับ ก็เหมือนผมนั่นแหละ
“แกรนด์ๆ นั่นใช่พี่พอสปี3เจอร์เดียวกับแกรนด์รึเปล่าอะ?” หญิงสาวที่เดินเคียงคู่กับผมถาม พลางชี้ไปยังจุดๆหนึ่ง ผมมองตาม ก็พบกับใครสักคนที่คุ้นเคย
เธอคนนี้ชื่อ ‘อิง’ คุยกันได้สักพักแล้วครับ ปีเดียวกับผมแต่อยู่คณะมนุษยศาสตร์ นิสัยดีใช้ได้ หน้าตาน่ารัก แต่ผมยังไม่ได้มีอะไรกับเธอหรอกนะ อิงชวนผมมาดูหนังกินข้าว ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“เดินกับใครหว่า?...พี่เจนน่าแน่ๆเลย” อิงพูดเจื้อยแจ้วต่อไป ประสาทผมรับรู้ถึงภาพที่เห็น หูก็ฟังที่อิงพูด ในอกบีบเค้น ตัวชาวาบ
ทั้งคู่หายไปจากจุดนั้นแล้ว
ผมก้าวเดินต่อ แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วระหว่างความสัมพันธ์ของมันและผม ควรจะหยุดความคิดทั้งภาพและเสียง มันไม่มีอีกแล้ว
มันจบลงแล้ว
.
.
.
.
“เห้ยไอ้แกน เห็นพี่พอสบ้างปะวะ?”
“นั่นดิ กูเป็นหลานรหัสยังไม่เจอหน้าตั้งแต่หลังสอบเลย”
ผมไม่ตอบ ทำทีว่าฉลากข้างๆขวดชาเขียวนั้นมันน่าสนใจมาก
“มึงเป็นเมีย...”
“หุบปากไปเลยไอ้เหี้ย!!!” ผมตะโกนขัดสิ่งที่ไอ้แทนกำลังจะพูด มัน2ตัวถึงกับนิ่ง พอผมรู้ตัวว่าตะโกนใส่เพื่อนก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงปกติ “กูจะไปรู้เหรอสัด มึงอยากเจอก็ไปถามเพื่อนพี่เค้าสิวะ มาถามไรกู”
“มึงเป็นไรเนี้ย? เมนไม่มา?”
“ตลกมากปะสัด” ผมเหวี่ยง ผมรู้ตัว แต่มันเสือกอยากปากหมาใส่ผมก่อนทำไม
“จะว่าไปหมู่นี้พี่พอสไม่ค่อยมาป้วนเปี้ยนกะมึงเลยวะ แถมมึงก็กลับหอทุกวัน ไม่ได้มีสารถีรูปหล่อเจ้าของคอนโดสุดหรูมารับทุกวันเหมือนเคย” ไอ้ทัชวิเคราะห์ นั่นช่วยตอกย้ำว่าผมใช้ชีวิตปกติโดยไม่มีมัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย หรือนั่งนอนคิดแต่เรื่องมันจนไม่เป็นอันทำอะไร
ก็แค่ไม่มีมัน
ไม่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่มีร่างสูงใหญ่ให้อิจฉา ไม่มีเสียงกวนตีนๆ และที่สำคัญไม่โดนทะลวงตูด .. เห็นมะ ดีจะตาย อิสระก็กลับคืนมา ได้ไปเที่ยวกับหญิง ได้คุยเล่นกะคนอื่นบ้าง
จะว่าไปแล้วเย็นนี้มีนัดกับ เตย คณะบริหารสินะ
“มึงทะเลาะกับพี่พอส?”
“เปล่านิ กูไปก่อนนะ มีนัดวะ” ผมรีบเผ่นก่อนที่จะโดนซักไปมากกว่านี้
“เดี๋ยวไอ้แกน พรุ่งนี้8โมง แต่งชุดพิธีการนะโว๊ย เอาเสื้อช๊อปมาด้วย” ไอ้ทัชตะโกนตามหลัง นั่นทำให้ผมหยุดชะงักหันกลับมาถามมันว่า
“พรุ่งนี้มีไรวะ?”
“พิธี ‘ปลดไทด์ ใส่ช๊อป’ ไงละโว๊ยยยยยย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่อยากให้มันหดหู่หรือดราม่ามากไปอะ เลยออกมาเป็นแบบนี้
อดใจรอกันหน่อยนะคะ แพรไม่ชอบดราม่าเหมือนกัน รับรองว่าจะกลับมากวนๆแบบเดิมแล้วคะ
สำหรับแฟนคลับพี่วอร์ม...อดใจรอกันอีกนิสสสสสส แพรกำลังปั่นคะ แหะๆ
อ้อ..แจ้งข่าวด้วยนะคะ
คือแพรสอบตั้งแต่วันที่2ถึงวันที่11เลยค่ะ
หากหายไปไม่มาอัพก็อย่างเพิ่งหายหน้าหายตากันเน้ออออ
สอบเสร็จจะกลับมาอัพเรื่องนี้อย่างแน่นอนคะ (เผลอๆ สอบไปอัพไป หนังสือไม่อ่าน 555)
ขอบคุณค่ะ