[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 221817 ครั้ง)

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
รอลุ้นหนุ่มคนใหม่

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย

บอสขี้แกล้งอ่ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เจ้าหญิงวาโย :o8:
ใครน้อจะเป็นเจ้าชายมาคู่กับเจ้าหญิง :z1:
ลุ้นๆทุกตอน :impress2:

jaejoong22

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีจ้า...

ชอบมากเลยค่า อ่านรวดเดียวเลย  o13

ต่อไปนี้จะคอยติดตามนะค่ะ  สู้ๆ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
อ่านมาได้ หน้า ที่ 1 แล้ว สนุกดีครับ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เจ้าหญิงวาโย ถูกเจ้าชายห้อมล้อมประคบประหงม ดูแล
น่าอิจฉาเนอะ

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
+ {} +  คู่หูคุณหัวหน้า นี่ มาแบบน่ารักๆ อึนๆดีจัง เขินอั๊ยยะ

ชอบพี่ริน :give2:
หลงพี่รุจ :m1:
ชอบที่สุด ภูริวาโย นะ นะ น๊า  :m5:

จิ้นริน วิน อิอ๊าง

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
คู่ของปวีร์กับราเมศนี่ก็น่าลุ้น เมื่อไหร่จะตกลงกันได้น๊า

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


ตอน 18 มาแล้วจ้า ยังไม่ถึงวันเสาร์อย่างที่ทุกคนรอคอยก็จริง แต่ไม่นานแล้วค่ะ ตอนหน้า (19) ได้เจอกันแน่พร้อมตัวละครใหม่ค่ะ ^^

   

Miracle Café / 18




     วาโยนอนพักผ่อนอยู่ในห้องอย่างเบื่อหน่าย พอตอนกลางวันชานนก็แวะเอาอาหารกลางวันมาให้เขาถึงห้อง ทำเอาเขารู้สึกเกรงใจ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มแย้มแถมยังบอกว่าตอนเย็นจะเอาข้าวมาให้อีกรอบด้วยซ้ำ

    “เฮ้อ! คุณนนนี่นะ บางทีก็ใจดีจนแอบน่ากลัวเลยแฮะ”

    วาโยพึมพำกับตัวเอง เพราะบางครั้งเห็นยิ้ม ๆ แบบนั้น มันก็เหมือนกับการบังคับให้เชื่อฟังในตัวนั่นเอง

    “เบื่อจัง...อยากกลับไปทำงานชะมัด”

    คนป่วยนอนกลิ้งไปกลิ้งมาพลางบ่นพึมพำอย่างเบื่อหน่าย แม้ตอนทำงานจะรู้สึกเหนื่อยแต่พอไม่ได้ทำก็รู้สึกเหงาขึ้นมานิด ๆ เหมือนกัน

    “กินยาแล้วนอนพักดีกว่า จะได้หายไว ๆ”

    ชายหนุ่มตัดบทกับตัวเอง เขาไม่อยากต้องถูกบังคับให้นอนอีกแล้ว ยังไงพรุ่งนี้เขาต้องอาการดีขึ้นและแข็งแรงให้ปวีร์เห็นได้ว่าเขาทำงานไหวให้ได้

   

    กวินกลับมาจากที่ทำงานก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว เขาเคาะประตูห้องนอนของวาโยเบา ๆ แต่ก็เงียบ ชายหนุ่มจึงลองบิดประตูดู และเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ล็อกเขาจึงเปิดเดินเข้าไป ร่างบนเตียงนั้นกำลังนอนหลับอย่างสบาย  กวินจึงลองเอามืออังหน้าผากและซอกคอของอีกฝ่าย  เมื่อเห็นว่าระดับความร้อนลดลงจนเกือบเป็นปกติเขาก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างยินดี

    “ดีแล้วล่ะนะ...ไม่อยากเห็นนายป่วยเลย”

    กวินมองคนบนเตียงแล้วก็หน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา

    “ขอโทษนะ...ฉันขอแค่นี้แล้วกัน...นายคงไม่โกรธฉันใช่ไหม”

    กวินพึมพำ ทั้งที่อยากจะทำมากกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าหากวาโยรู้สึกตัวตื่นมาจะโกรธและรังเกียจเขา และไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีกก็ได้

    “เฮ้อ...ความรักนี่มันยากจังเลยนะ”

    กวินถอนหายใจเปรยเบา ๆ เขานั่งพิงเตียงนอนอีกฝ่าย และหวนคิดถึงเมื่อก่อนที่เคยคบหากับแฟนสาวคนอื่นที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลยสักครั้ง จนกวินคิดว่าบางทีนี่มันอาจจะเป็นรักครั้งแรกที่มาจากใจเขาเองก็เป็นได้

    สักพักชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินกลับห้อง ส่วนเจ้าของห้องนอนก็ยังคงหลับลึกเช่นเคยไม่ได้รู้สึกว่ามีใครเข้ามา และเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งเวลาเช้ามาถึง

   

    “อืม...กี่โมงแล้วเนี่ย”

    วาโยบิดกายน้อย ๆ ก่อนจะคว้านาฬิกาตรงหัวเตียงมาดู จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องยิ้มออก ที่อาการไข้เมื่อวานดูเหมือนจะหายเกือบปลิดทิ้งแล้ว

    “ฉีดยาแล้วหายไวกว่าเดิมจริงด้วย...แต่ถ้าจะให้ดี ขอเลือกไม่ฉีดดีกว่าแฮะ”

    ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง จะว่าเจ็บไหมมันก็ไม่เจ็บ แต่พอรู้ว่ามีอะไรแหลม ๆ เตรียมจะทิ่มผิวหนังเข้ามา มันก็ทำให้เขาเกิดการเกร็งและกลัวอย่างช่วยไม่ได้อยู่ดี

    “วันนี้รีบไปเช้า ๆ ไปช่วยจัดร้านดีกว่า”

    เมื่อตัดสินใจได้ชายหนุ่มก็รีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เขาเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบว่าเสื้อผ้าชุดที่เขาใส่วันป่วย มีคนช่วยซักรีดให้เรียบร้อย วาโยถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงหยิบชุดลำลองมาใส่ก่อน เพราะขืนเขาแต่งตัวแล้วออกไปเตรียมทำงานแต่เช้าแบบนี้ คงจะโดนหลายคนบ่นแน่ ๆ โดยเฉพาะรูมเมทข้างห้องเขานี่ล่ะ

    “โย! ทำไมตื่นเช้าจัง นี่หายดีแล้วหรือไง!”

    กวินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นอกห้องหันไปมองคนที่เดินออกมาจากห้องนอน แล้วรีบลุกพรวดไปทักทายและเอามือแตะหน้าผากอีกฝ่ายอย่างห่วงใย

    “หายดีแล้วล่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง”   

    วาโยยิ้มหวานให้ ทำเอาคนลืมตัวชะงักหน้าแดงน้อย ๆ แล้วหดมือลง ก่อนจะบอกเขิน ๆ

    “อะ อืม...ดีแล้วล่ะ  อ๊ะ! แต่ห้ามเลิกกินยานะ ต้องกินอย่างน้อยอีกสักสองสามวันเข้าใจไหม!”

    กวินรีบบอกตามมา ทำให้วาโยหัวเราะเบา ๆ อย่างนึกขำ แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบรับ

    “อื้ม! ฉันไม่เกเรเรื่องนี้หรอกน่า อยากจะหายไว ๆ จะได้ทำงานตอบแทนพวกนายด้วย”

    กวินมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชมยิ่งกว่าเดิม วาโยไม่ได้เพียงแต่หน้าตาน่ารักเท่านั้น แต่ยังเป็นคนมีน้ำใจน่าคบหา  ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เล่นด้วย เขาก็คงจะลุยจีบเต็มที่โดยไม่ยอมปล่อยให้ใครมาคว้าตัดหน้าไปแน่

    “วิน...เป็นอะไรไป หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอ”

    วาโยถามอีกฝ่ายที่นิ่งจ้องหน้าเขาอยู่สักพักอย่างสงสัย กวินสะดุ้งพอรู้สึกตัวก็แกล้งยิ้มกลบเกลื่อน

    “ง่า...คือแบบว่าหน้านายคล้ายเพื่อนสมัยเรียนของฉันเลยน่ะ เลยเผลอจ้องนานไปหน่อย”

    กวินแก้ตัวมั่วซั่วไปแล้วก็ลุ้นว่าวาโยจะเชื่อไหม ทว่าชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกตามมาเมื่ออีกฝ่ายย้อนถามอย่างไร้เดียงสา

    “จริงหรือ! ฉันก็เคยได้ยินเรื่องพวกนี้เหมือนกันนะ ที่ว่าไม่ใช่ญาติแต่ก็หน้าตาคล้ายกันน่ะ อยากเห็นมั่งจังเนอะ ว่าจะเหมือนแค่ไหน นายมีรูปถ่ายเขาบ้างไหมล่ะ”

    กวินกลืนน้ำลายลงคอพลางโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

    “มะ ไม่มีหรอก พอดีเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นน่ะ”

    วาโยทำหน้าเสียดาย แล้วก็ยิ้มน้อย ๆ ส่งให้อีกฝ่าย

    “งั้นก็ไม่เป็นไร แต่ก็แอบเสียดายเหมือนกัน อยากรู้ว่าจะเหมือนขนาดไหน”

    กวินหัวเราะแห้ง ๆ บางทีเขาก็บอกไม่ถูกว่าตัวเองโชคดีหรือร้าย ที่อีกฝ่ายเป็นคนความรู้สึกช้าไร้เดียงสาเรื่องความรักขนาดนี้

    “จริงสิ ฉันว่าจะไปช่วยคุณนนเตรียมข้าวเช้าน่ะ แล้วถ้ากินเสร็จจะแวบไปจัดเตรียมร้านก่อน พวกนายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากไงล่ะ”

    กวินมองคนตรงหน้าก่อนจะสั่นศีรษะเบา ๆ

    “ไฟแรงมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ...อีกอย่างเพื่อนายแล้ว... เอ่อ ฉันหมายถึงว่า เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้สบายมาก!”

    คนพูดรีบแก้ตัวก่อนจะเผลอหลุดความในใจออกไป ทว่าความจริงใจที่แฝงไว้ในประโยคก็ยังคงสื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และนั่นทำให้วาโยรู้สึกตื้นตัน ทั้งที่เขาเจอกับอีกฝ่ายแค่ไม่ถึงสองอาทิตย์ดีด้วยซ้ำ แต่เพราะนิสัยร่าเริงจริงใจเปิดเผยของชายหนุ่ม ก็ทำให้วาโยยอมรับกวินเข้ามาเป็นเพื่อนสนิทได้ไม่ยากนัก

    “ขอบใจนะวิน ฉันดีใจที่มีนายเป็นเพื่อนฉันแบบนี้”

    คำพูดพร้อมรอยยิ้มหวานทำให้คนฟังแทบยิ้มทั้งน้ำตาที่อีกฝ่ายคิดกับเขาได้แค่เพื่อน แต่ชายหนุ่มก็ต้องบอกตัวเองว่า นี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น หากเขาพยายามกว่านี้ สักวันวาโยก็อาจจะมีใจให้เขาบ้างก็ได้

    “งั้นก็ไปช่วยคุณนนด้วยกันเถอะ แล้วถ้านายอยากจะไปร้านไวขึ้น ฉันก็จะไปเป็นเพื่อนด้วย!”

    กวินตัดบททำให้วาโยยิ้มน้อย ๆ พลางพยักหน้าตอบรับ จากนั้นทั้งคู่จึงลงไปชั้นล่างเพื่อช่วยชานนเตรียมมื้อเช้า และเพียงไม่นานการิน ภูริ และรุจก็ลงตามมาสมทบด้วยกัน

   

    “จะขยันอะไรก็ให้มันมีลิมิตบ้าง เพิ่งฟื้นไข้ไม่ใช่หรือ ถ้าออกแรงมากไข้กลับไปจะทำยังไง”

    หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ภูริก็เริ่มบ่นทันทีที่รู้ว่าวาโยจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปที่ร้านก่อนเวลากำหนดและสะสางงานในส่วนของพวกเขาเป็นการชดเชยเรื่องที่ลาป่วยเมื่อวานแทน

    “หึ ๆ หมอนี่เขาห่วงนายน่ะ กลัวว่าจะไข้กลับอีกครั้ง”

    รุจเอ่ยเสริมทันทีที่เห็นสีหน้าสลดของรุ่นน้อง วาโยชะงักแล้วเหลือบมองภูริอย่างลังเล ทางด้านภูริหันไปมองรุจอย่างหมั่นไส้ แล้วทำเสียงฮึในลำคอ ก่อนจะเบือนหน้าไม่ยอมสบสายตาใส ๆ ที่จ้องมาทางเขา

    “ถ้าจะรั้นไปให้ได้ ก็รอด้วยแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปด้วยคน ...”

    การินเปรยเบา ๆ เขาพอจะมองออกว่าวาโยนั้นค่อนข้างรั้นในเรื่องที่เจ้าตัวคิดว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ บางทีถ้าห้ามปรามแล้วยังไม่ยอมฟัง ก็คงต้องเลยตามเลยร่วมมือกับเจ้าตัวด้วยนั่นล่ะ ถึงจะได้เพลา ๆ ความรั้นไปได้บ้าง

    “แต่ถ้าแบบนั้น แล้วจะเป็นการชดเชยได้ยังไงล่ะ...”

    วาโยเริ่มลังเล ทำให้การินหันไปมองก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้ในแบบที่ไม่ค่อยมีกับคนอื่นมากนัก

    “การชดเชยมันก็ไม่จำเป็นว่าต้องใช้แรงกายทำงานชดใช้เสมอไปนี่... ไม่ลองมาถามคนที่นายอยากชดเชยให้เขาบ้างล่ะว่า เขาต้องการให้นายทำอะไรน่ะ”

    พอการินพูดแบบนั้นกวินที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ทุบมือตุบ แล้วหันไปโพล่งชมคนพูดทันที

    “เจ๋งเลยริน! อย่างที่หมอนี่พูดนั่นล่ะ ชดเชยแบบอื่นก็ได้นี่นะ”

    กวินเห็นดีด้วย เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้วาโยฝืนมากเกินไป ที่ยอมตามไปด้วยก็เพราะจะคอยจับตามองนี่ล่ะ

    “อย่างนั้นหรือ... งั้นก็ได้ล่ะนะ”

    วาโยบอกอย่างลังเล แต่พอเห็นเพื่อนทั้งสองยิ้มให้เขา เขาจึงยิ้มน้อย ๆ ตอบ ก่อนจะหันมาทางภูริและรุจที่มองอยู่ ด้านรุจอมยิ้มแล้วพยักหน้า ส่วนภูริถอนหายใจแรง ๆ แต่ก็ยังพยักหน้าเป็นการเห็นด้วยในสิ่งที่การินพูดอยู่ดี นั่นจึงทำให้วาโยยอมละความคิดเดิมไป และตั้งใจจะออกไปทำงานพร้อมคนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลาแทน ทว่าพอเขาหันไปถามแต่ละคนว่าจะให้เขาชดเชยอะไร กลับยังคงไม่ได้รับคำตอบ แถมต่างคนต่างนิ่งคิดหนักจนวาโยชักหวาดระแวง

    ‘…อืม จะให้ทำอะไรดีนะ ให้ไปเดทด้วยดีไหม อ๊ะ ไม่ได้ มันโจ่งแจ้งไป...หรือขอให้จูบแก้มเป็นรางวัล...เหอะ ไม่สิ แบบนั้นโดนถูกมองว่าโรคจิตแน่...เอาไงดีหว่า’

    กวินนิ่งคิดอย่างเคร่งเครียด จนวาโยที่ตั้งท่าจะถามรูมเมทถึงกับถอยกรูดออกมาเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจประหลาดพิกล จากนั้นเขาจึงเดินไปหาการินแทน

    “แล้วริน อยากให้ฉันชดเชยด้วยอะไรล่ะ”

    การินมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแต่พอเห็นแววตาหวาดระแวงนั่นเขาก็นึกสงสาร แล้วจึงเปรยตอบเบา ๆ

    “ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยากเย็นขนาดต้องฝืนใจทำหรอกน่า”

    วาโยฟังแล้วก็ยิ้มกว้างส่งให้ เขากล่าวขอบคุณอีกฝ่าย แล้วจึงหันมาทางรุจและภูริ ซึ่งรุจก็ยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบออกไป

    “อืม...มันมีเยอะแยะหลายอย่างจนเลือกไม่ถูก เลยต้องขอคิดดูก่อนน่ะ”

    วาโยกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเหลือบไปมองทางภูริบ้าง

    “...ไว้เดี๋ยวค่อยบอกแล้วกัน”

    ภูริตัดบท ทั้งนี้เพราะเขาเองก็คิดไม่ออกว่าจะให้อีกฝ่ายทำอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงพูดไปเลยว่า อย่าให้วาโยมายุ่มย่ามกับเขามากนัก แต่มาตอนนี้เพราะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นทำอะไรด้วยความจริงใจไร้หวังผลมาตลอด จึงทำให้เขารู้สึกสนิทใจและยอมรับวาโยมากขึ้นกว่าเดิม แต่เพราะดันไปตั้งกำแพงเย็นชามาแต่แรก จะให้เปลี่ยนปุบปับเขาก็ค่อนข้างรู้สึกเสียฟอร์มเล็กน้อยเหมือนกัน

    “อ้อ โย ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนนะว่าอย่าไปเผลอพูดเรื่องชดใช้อะไรนี่ให้อาได้ยินเข้า...ไม่อย่างนั้นนายโดนแกล้งยิ่งกว่าเดิมแน่”

    การินเอ่ยเตือนอย่างคนที่รู้จักนิสัยปวีร์ดี ซึ่งวาโยก็ยิ้มแห้ง ๆ แต่ก็อดคิดหนักไม่ได้ เพราะวันก่อนก็ได้ปวีร์คอยช่วยเหลือเขาหลายอย่าง แถมยังยอมให้หยุดงานเพื่อพักผ่อนอีกต่างหาก

    “จะพยายามบอกว่ายอมชดเชยให้ได้บางอย่างแล้วกันนะ”

    วาโยตอบเสียงอ่อย ทำให้การินลอบถอนหายใจแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างเอือมระอาปนเอ็นดูในนิสัยของคนตรงหน้าเขา

    “นายนี่มันแปลกคนจริง ๆ เชียว”

    การินบอกพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งวาโยก็ยิ้มตอบเจื่อน ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองได้รับคำชมหรือถูกบ่นกันแน่

   

    เมื่อถึงเวลางานทั้งหมดก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและทยอยกันไปเตรียมจัดร้าน ทำความสะอาดรอลูกค้าเข้าร้าน และพอปวีร์กับราเมศมาถึง ปวีร์ก็รีบตรงมาดูอาการของพนักงานคนโปรด ซึ่งก็พบว่าวาโยมีอาการดีขึ้น ไข้หาย ทว่าเขาก็ยังคงขู่ให้อีกฝ่ายกินยาต่อไปอีก ไม่อย่างนั้นเขาจะจับชายหนุ่มไปฉีดยาต่ออีกเข็มแน่

    “คุณปวีร์นี่บางครั้งก็ชอบแกล้งคนอื่นจังนะ”

    วาโยบ่นอุบเบา ๆ หลังจากที่ปวีร์กลับขึ้นห้องทำงานไปแล้ว ทำให้การินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับหลุดขำออกมา

    “ชอบแกล้งตลอดต่างหากล่ะรายนั้น...ยิ่งชอบก็ยิ่งแกล้งด้วย นายก็ระวังไว้แล้วกัน”

    การินเอ่ยเตือนยิ้ม ๆ ทำให้คนฟังทำหน้ายุ่ง เพราะไม่คิดว่าตัวเองน่าจะเป็นเป้าหมายการแกล้งให้คนอื่นได้

    “เด็กนั่นเริ่มเป็นที่นิยมเรื่อย ๆ แล้วนะ ...ถ้าเอาแต่ประมาท ระวังจะโดนแย่งไปก่อนล่ะ”

    รุจที่เดินผ่านด้านหลังกวินซึ่งแอบมองวาโยอยู่เปรยขึ้น ทำเอากวินสะดุ้งเฮือก แต่พอหันไปทางรุจก็เห็นอีกฝ่ายยกยิ้มนิด ๆ ติดเจ้าเล่ห์ พร้อมกับใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้น ก่อนจะหันไปสนใจอีกทางแทน ทำเอากวินลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า รุจนั้นรู้เรื่องที่เขาแอบชอบวาโยอยู่หรือไม่กันแน่

    อีกทางหนึ่งภูริที่อยู่ไม่ไกลทั้งคู่และได้ยินถ้อยคำสนทนานั้นดีนิ่งเงียบคิด เขาเหลือบมองกวินที่ตอนนี้หันกลับมามองวาโยอีกครั้ง แล้วจึงเหลือบมองวาโยที่กำลังพูดคุยกับการินพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นชายหนุ่มจึงถอนหายใจขึ้นแผ่วเบา แล้วหันไปสนใจทำความสะอาดในส่วนของตนต่อ ทว่าเขากลับรู้สึกถึงความหงุดหงิดซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นภายในใจอย่างประหลาด ที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร

   

    พอถึงเวลาเปิดร้าน วาโยก็ต้องพบกับความปลาบปลื้มตื้นตันใจ เมื่อมีลูกค้าขาประจำหลายคนถามไถ่ทักทายถึงอาการป่วยของเขา เพราะต่างทราบจากเพื่อนของเขาที่ชี้แจงเรื่องที่เขาหยุดไปให้ฟัง

    “ไข้ผมหายแล้วล่ะครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

    วาโยบอกกับสาวออฟฟิศกลุ่มหนึ่งที่มากินอาหารในร้านตอนพักเที่ยง และสามคนในกลุ่มนั้นก็เป็นลูกค้ากลุ่มแรกของร้านที่วาโยเคยต้อนรับนั่นเอง พวกเธอพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างสนิทสนมยิ่งกว่าเดิม ซึ่งวาโยเองก็ไม่ได้ถือสา แถมดีใจที่พวกเธอเริ่มคุ้นชินกับเขาด้วยซ้ำ

    “พอไม่เห็นรอยยิ้มของน้องโยแล้ว รู้สึกว่าร้านขาดอะไรไปอย่างเลยล่ะจ้ะ”

    หญิงสาวคนหนึ่งบอกพลางยิ้มหวาน ซึ่งวาโยก็ยิ้มตอบแล้วกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย

    “แต่ก็ดีไปอย่างนะ ที่มาป่วยเอาวันธรรมดา ถ้ามาป่วยวันเสาร์ล่ะก็ ฉันคงเสียดายแย่...”

    “นั่นสิ อุตส่าห์ได้รับบทเด่นขนาดนั้นทั้งที จะให้คนอื่นแทนก็คงไม่เหมาะล่ะเนอะ!”

    อีกคนเสริมตามมาแล้วซุบซิบพลางหัวเราะคิกคัก แต่วาโยนั้นกลับทำหน้าเหรอหราอย่างแปลกใจ ทำให้สาว ๆ นึกขึ้นมาได้

    “อุ๊ยตายแล้ว! ความลับนี่นา เกือบลืมตัวพูดไปแน่ะ!”

    หญิงสาวคนหนึ่งรีบบอก ทำให้เพื่อน ๆ ต่างพากันหุบปากเงียบและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตาม ๆ กัน

    “เอ่อ ...พวกคุณรู้อะไรกันมาหรือครับ...หรือว่าเกี่ยวกับธีมวันเสาร์นี้”

    วาโยถามอย่างแปลกใจ เท่าที่สังเกตดูเพื่อน ๆ ของเขาแต่ละคนก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องการคอสเพลย์ในวันเสาร์เลยสักคน เพราะอย่างเสาร์ที่ผ่านมาปวีร์ก็มาบอกพวกเขาในเช้าวันนั้นเลย โดยไม่ได้ให้พวกเขาเตรียมใจหรือรู้ล่วงหน้าสักนิด

    “ความลับระหว่างลูกค้าวีไอพีกับเจ้าของร้านจ้ะ  ขืนเรื่องปูดออกไป พวกเราจะโดนลบแต้มสะสมน่ะ เพราะฉะนั้นบอกไม่ได้หรอกจ้ะ”

    หนึ่งในนั้นบอกพร้อมยิ้มหวานติดเจ้าเล่ห์ ทำเอาวาโยเผลอขมวดคิ้วยุ่งอย่างลืมตัว ยิ่งทำให้สาว ๆ รู้สึกเอ็นดูและอยากแกล้งเข้าไปใหญ่

    “เดี๋ยววันจริงก็รู้เองล่ะจ้ะน้องโย  ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าเหมาะกับน้องโยแน่ ๆ”

    พวกพี่สาวออฟฟิศพากันสุมไฟแล้วหัวเราะคิกคัก ทำเอาวาโยเริ่มปวดหัวตุบ ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะไข้กลับ แต่เพราะความเครียดที่ไม่รู้ว่าตนต้องพบเจออะไรในวันเสาร์นี้ แถมดูจากปฏิกิริยาของสาว ๆ กลุ่มนั้นแล้ว เขาพนันได้เลยว่า ย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาแน่นอน





… TBC …

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 910
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
^-^ อยากให้ถึงวันเสาร์เร็วๆจังเลย อยากรู้จริงๆว่าคราวนี้จะเป็นอะไร
ตอนหน้าคนใหม่เข้ามาแล้วซินะ จะเป็นคนยังไงกันน๊า น่าสนุกจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2012 13:49:26 โดย 111223 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
โยเป็นที่นิยมจริงๆ ก็คนมันน่ารักหนิเนอะ

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
555+ อยากรู้ว่าวันเสาร์ที่จะถึงเป็นธีมไรจัง

มีความรู้สึกว่าวินไม่เหมาะกับโยอ่ะ

เชียร์ภูริกับโยมากกว่า ^^

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อยากให้ถึงวันเสาร์เร็วๆจัง อ่านแล้วยิ้มได้ตลอดเลยครับ มาต่อเร็วๆนะครับ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อยากให้ถึงวันเสาร์ เร็วๆๆๆๆ *0*

อั๊ย ภูริเริ่มแล้วใช่มะ ใช่มะ

กรี๊ดๆๆๆ เอฟซีภูริ 55555

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ธีมวันเสาร์เหรอ  อืมม  กระต่ายน้อยน่ารักกับธีมสัตว์เลี้ยงแสนรักหรือเปล่านะ  คริ คริ

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
อยากเห็นธีมวันเสาร์จังเลย โยต้องน่ารักแน่ๆ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
แต่ละคนคงอยากให้เจ้าหญิงวาโยชดใช้อะไรให้แบบแปลกๆ :o8: 
ตอนหน้าจะมีหนุ่มๆมาใหม่อีกใช่มะ งั้นเรายังไม่ตัดสินใจว่าจะเชียร์ใครดีกว่าเนอะ :z1:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ขอเชียร์ภูริอย่างออกนอกหน้าได้ไหมเนี่ย?

และโยเอ๋ย...ทำใจได้เลย วันเสาร์เหล่าลูกค้าฟินแน่...ฮาาาา

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
รู้สึกสงสารน้องโยนิดๆ แต่เค้าก็ชอบอ่า

เชียร์ภูริ สุดใจเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


มาแล้วจ้า  ตอนนี้แถมให้ยาวหน่อย อ่านกันให้จุใจไปเลยค่ะ  นอกจากเฉลยธีมของเสาร์นี้แล้ว ยังมีหนุ่มหน้าใหม่มาขอฝากตัวฝากใจกับนักอ่านอีกคนด้วยค่ะ ^^   :L2:

   

Miracle Café / 19



    “โยจ๋า พวกเราแวะมารับแล้วจ้า”

   เสียงหวาน ๆ ที่แอบแฝงมาด้วยความสนุกของสองสาวที่ปรากฏตัวมาตั้งแต่เช้าตรู่ในเช้าวันเสาร์ พร้อมกับปวีร์ที่ยิ้มน้อย ๆ ติดเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นหน้าเขา และราเมศที่ยืนตีสีหน้าเอือมระอาคนข้างกาย

   “จะพาผมไปไหนกันครับ...”

   วาโยถามอย่างหวาดระแวง เพราะเขาถูกเรียกลงมาจากห้องตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารเช้าด้วยซ้ำ

   “ก็เหมือนเดิมไงจ๊ะ แต่งหน้า ทำผม ลองชุด และก็ทำโน่นทำนี่อีกเยอะแยะ ...ที่สำคัญอยากเห็นหนุ่ม ๆ ทำหน้าตะลึงกันอีกรอบด้วย”

   ขวัญแก้วบอกพร้อมหัวเราะคิกคัก ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้นพากันตีสีหน้าทะแม่งไปตาม ๆ กัน

   “ขอแต่งที่นี่พร้อมทุกคนไม่ได้หรือครับ...”

   วาโยบอกเสียงอ่อย ลองแบบนี้แสดงว่าเขาก็คงไม่แคล้วต้องแต่งหญิงอีกวันเป็นแน่

   “เอ๋...เอาไงดีล่ะวี”

   ขวัญแก้วหันมาถามปวีร์ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าน้อย ๆ

   “ตามใจเขาเถอะ ไหน ๆ ก็อุตส่าห์เต็มใจแต่งหญิงให้เราโดยไม่คิดขัดขืนแล้วนี่”

   “เพราะโดนบังคับต่างหากล่ะครับ ไม่ใช่เต็มใจทำเอง”

   วาโยแย้งแก้ประโยคของอีกฝ่าย ทำให้ปวีร์อมยิ้ม

   “หึ ๆ ไม่เป็นไร แค่ตอนทำงานแล้วยังยิ้มแย้มเหมือนปกติก็ใช้ได้แล้ว”

   วาโยลอบถอนหายใจกับคำพูดของอีกฝ่าย จากนั้นชานนจึงชักชวนให้ขวัญแก้วกับขวัญตาทานข้าวเช้าด้วยกันก่อน แล้วค่อยไปจับหนุ่ม ๆ แต่งตัวทีหลัง และเพราะมีขวัญตามาเป็นผู้ช่วยเสริมอีกคน อาหารเช้าวันนี้จึงมีของหวานเสริมมาด้วย  ทำให้หนุ่ม ๆ อิ่มหนำสำราญเอร็ดอร่อยไปตาม ๆ กัน และบางคนกำลังจะขอเติมถ้าไม่ถูกปวีร์ติงไว้ก่อน

   “...ฉันตัดชุดมาพอดีไซส์พวกเธอของอาทิตย์ก่อนนะ ถ้าใครใส่ไม่ได้ นั่นคงไม่ใช่ความผิดของฉันแล้วล่ะ”

   และนั่นทำให้คนเตรียมจะเติมกลืนน้ำลายลงคอ บางคนก็ลอบถอนหายใจ ส่วนชานนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปบอกกับปวีร์

   “คงยังไม่เปลี่ยนไซส์กันไวขนาดนั้นหรอกครับคุณปวีร์  เพราะถึงจะกินกันเยอะแต่ก็ทำงานหนักเผาผลาญกันไปเยอะเหมือนกัน”

   ปวีร์หัวเราะเบา ๆ เขาไม่ได้แย้งขัดคำพูดของชานน แต่หันไปบอกกับพนักงานของเขาแทน

   “ถึงจุดขายของพวกเธอจะเป็นหน้าตาก็จริง แต่รูปร่างเองก็สำคัญไม่แพ้กัน... ถ้าใครน้ำหนักขึ้นจนไซส์เปลี่ยนไปในทางที่แย่แล้วล่ะก็...”

   ปวีร์เว้นคำพูดของเขา ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ แล้วเอ่ยตามมา

   “...ฉันจะให้คน ๆ นั้นแต่งหญิงเป็นเพื่อนกับโยในธีมเสาร์นั้น ๆ เป็นการลงโทษแทน”

   คำพูดของปวีร์ทำให้แต่ละคนแทบจะวางช้อนเลิกกินไปเลยเดี๋ยวนั้น จนขวัญตาต้องโวยวายเบา ๆ

   “พี่วีล่ะก็! อย่างนี้ขนมของตาก็เหลือกันพอดีสิคะ”

   “ตาก็เก็บแช่เย็นไว้กินกลางวันแทนสิ ไม่ต้องห่วงหรอก พอทำงานเหนื่อย ๆ ก็ซัดกันหมดเองนั่นล่ะ”

   ปวีร์บอกทำให้คนฟังพยักหน้ายอมรับ ส่วนหนุ่ม ๆ กลืนน้ำลายลงคอ และคิดว่าต่อไปนี้คงต้องเริ่มควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายกันบ้างแล้ว เพราะฝีมือของชานนนั้นทำให้พวกเขาเผลอกินกันเกินลิมิตประจำ แถมชานนยังขยันทำเผื่อและคอยเติมให้เสมออีกด้วย

   “แต่ก็ไม่ได้หมายความให้อดจนผอมโซหรอกนะ ...ถ้าผอมกว่าเดิม จนหน้าซูบ ผิวเสีย แบบนั้นก็ต้องโดนลงโทษเหมือนกัน”

   ประโยคที่เสริมมาของปวีร์ทำให้แต่ละคนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะนั่นเท่ากับพวกเขาจะต้องควบคุมน้ำหนักให้พอดี ซึ่งมันก็ยากยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัวทีเดียว

   “งั้นผมจะทำเมนูเพื่อสุขภาพช่วยให้แล้วกันนะครับ”

   ชานนบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน และนั่นก็ทำให้หลายคนยิ้มน้อย ๆ ออกมาอย่างโล่งอก

   “เอาล่ะ ...อย่ามัวแต่คุยกันเลย ไปลองชุดกันดีกว่า เกิดต้องแก้ไขไซส์อะไรยังไงจะได้มีเวลาทัน”

   ปวีร์ตัดบท และไม่นานนักราเมศก็หอบชุดของแต่ละคนจากในรถของเขามาให้ ซึ่งแต่ละชุดบรรจุในถุงผ้าและแปะชื่อเจ้าของมาเรียบร้อย ยื่นส่งให้แต่ละรายที่รับมาแกะดูด้วยใจระทึก



   “อาวี! นี่มันอะไรกันน่ะ!”

   การินหันไปโพล่งใส่ผู้เป็นอาอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ใส่มากับชุดด้วย

   “ก็ที่คาดผมรูปหูหนูไงล่ะ น่ารักดีไหม”

   ปวีร์บอกแล้วยิ้มกว้าง เล่นเอาวาโยที่เห็นชุดตัวเองเงียบกริบ และคิดว่ามันค่อนข้างดูธรรมดาเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่หยิบอุปกรณ์เสริมการแต่งกายขึ้นมาดูแล้วทำตาปริบ ๆ ไปตามกัน

   “น่ารักบ้าสิ! ทำไมต้องมีของพรรค์นี้ด้วยเล่า!”

   การินยังโวยอีก แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่ออาของเขายกมือห้ามให้เขาหยุดโวยแล้วชี้แจงตามมา

   “ก็เพราะมันเป็นส่วนสำคัญของธีมในวันนี้ยังไงล่ะ เห็นแค่นี้แล้วยังไม่รู้อีกหรือไง”

   การินขมวดคิ้วยุ่ง เขามองไปที่เพื่อน ๆ ก็เห็นกวินกำลังจ้องที่คาดผมหูกระต่ายสีขาวในมือด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ ส่วนภูริก็มีหมวกทรงสูงแปลก ๆ ประดับพู่ขนนกและดอกกุหลาบสวยงาม และรุจหยิบสูทสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ

   “ไหนลองโชว์ชุดของเธอให้พวกนี้ดูซิโย”

   ปวีร์หันมาบอกกับวาโย เจ้าตัวกลืนน้ำลายลงคอ แล้วหยิบชุดกระโปรงสีฟ้าที่มีระบายลูกไม้ขาวที่แขนเสื้อและริมชายกระโปรงแถมยังมีผ้ากันเปื้อนสีขาวอันใหญ่ไว้สวมทับชุดนั้นอีกชั้นด้วย

   “อลิซในแดนมหัศจรรย์หรือครับ?”

   รุจเปรยขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ปวีร์หันกลับมายิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับ

   “ใช่แล้ว  วาโยเป็นอลิซ   กวินเป็นไวท์แรบบิท  ภูริเป็นแมดแฮทเทอร์   รินเป็นดอร์เมาส์  ส่วนรุจก็เป็นแอ๊บโซเลมไงล่ะ... ฉันเลือกตามคาแรคเตอร์พวกนายเลยนะเนี่ย”

   คนอื่นสบตากันปริบ ๆ มีบางคนลอบถอนหายใจ และบางคนก็พอรับได้ แต่ก็มีที่ยังรับไม่ได้อยู่เช่นกัน

   “ถึงจะใช้ธีมอลิซ แต่ไม่จำเป็นต้องสวมหูบ้า ๆ นี่ด้วยสักหน่อย”

   การินยังคงเถียงต่อ ทว่าคราวนี้ปวีร์ยักไหล่นิด ๆ แล้วตอบไปด้วยสีหน้าเฉยชา

   “งั้นรินจะเปลี่ยนกับโยแทนหรือเปล่าล่ะ”

   การินฟังแล้วก็เงียบกริบ เขาเหลือบมองชุดกระโปรงฟูฟ่องระบายลูกไม้ของวาโยแถมในถุงยังมีที่คาดผมเป็นโบอันใหญ่สีเดียวกับชุด แล้วจึงมองที่คาดผมรูปหูหนูในมือตัวเอง

   “ฮึ! แต่งก็แต่งสิ ก็แค่หูปลอม ๆ”

   การินบอกแล้วค้อนขวับ ปวีร์เห็นดังนั้นจึงยิ้มออก ส่วนวาโยมองเพื่อนของเขาด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ

   “คิดว่าคงพอจะรู้จักคาแรกเตอร์ตัวละครกันมาบ้างแล้วสินะ แต่ก็นั่นล่ะไม่จำเป็นต้องเลียนแบบให้เหมือนหรอก แค่เป็นตัวของพวกเธอเอง แล้วก็ใช้คาแรกเตอร์ของตัวละครในนิทานที่พวกเธอสวมบทบาท แสดงให้ลูกค้าเห็นบ้างก็พอ”

   ทุกคนพยักหน้าตอบรับคำพูดนั้น ก่อนจะแยกย้ายไปลองชุดที่ห้องส่วนตัวของตน ทว่าสำหรับวาโยนั้นพิเศษกว่าใคร เพราะเขามีผู้ช่วยเป็นสองสาวคอยช่วยแต่งตัวและแต่งหน้า จนกลายมาเป็นอลิซผู้น่ารักไม่แพ้นิทานในที่สุด

   

   พวกหนุ่ม ๆ ที่แต่งกายในชุดของตนเองเสร็จเรียบร้อย และมารวมกันอยู่ที่ห้องอาหารชั้นล่าง ต่างพากันตกตะลึงเมื่อวาโยในร่างของหญิงสาวปรากฏกายขึ้นและถูกจับแปลงโฉมจนดูผิดตาไปราวกับเป็นคนละคน

    สาวน้อยตรงหน้ามีผมบลอนด์หยักศกยาวสลวยถึงกลางหลัง ประดับโบคาดผมอันใหญ่สีฟ้า ซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดกระโปรงฟูฟ่องยาวถึงหัวเข่า มีผ้ากันเปื้อนสีขาวผืนยาวพอดีกระโปรงสวมทับและผูกด้านหลังเป็นโบใหญ่  สวมถุงน่องลายขวางฟ้าสลับขาว และรองเท้าส้นเตี้ยมีสายรัดสีแดงเข้ม

   สำหรับวาโยเองก็ตกตะลึงไม่แพ้เพื่อน ๆ ของเขา เพราะแต่ละคนนั้นแต่งออกมาได้เท่และน่ารักราวกับหลุดออกมาจากนิทานกันเลยทีเดียว

   เริ่มตั้งแต่กวินในชุดไวท์แรบบิท กระต่ายขาวผู้เร่งรีบและโวยวายอยู่เสมอ ชายหนุ่มสวมเสื้อสูทสีขาวทั้งชุดซึ่งออกแบบมาหรูหรา ตัวเสื้อสูทจะตัดเย็บริมขอบด้วยสีน้ำตาลทอง ปลายแขนเสื้อมีกระดุมติดและมีระบายลูกไม้ด้านใน ส่วนที่ลำคอมีเชือกผ้าไหมสีน้ำตาลผูกเป็นทรงโบเอาไว้แทนเนคไท  ทว่าอุปกรณ์เสริมที่ชวนให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับดูน่ารักผิดแปลกไปก็คือหูกระต่ายยาวสีขาวซึ่งถูกออกแบบมาในลักษณะที่คาดผม นอกจากนั้นก็ยังมีนาฬิกาพกสีทองห้อยคอประดับไว้อีกด้วย

   สำหรับการินในคาแรกเตอร์ของดอร์เมาส์ หรือเจ้าหนูน้อยที่มักจะชอบง่วงหลับอยู่เสมอ ทว่าดอร์เมาส์ในแบบฉบับของชายหนุ่มหน้าสวยกลับดูน่ารักผิดแผกแปลกไป เริ่มจากชุดสูทสีส้มสดใสลายสก็อต ที่สวมทับเชิ้ตสีขาวด้านใน และมีเนคไทสั้นแบบสำเร็จรูปสีดำผูกกับคอเสื้อ  กางเกงสีน้ำตาลอ่อน เช่นเดียวกับสีหูหนูซึ่งเป็นที่คาดผม ดูแล้วยิ่งเสริมให้ใบหน้าสวย ๆ นั้นเด่นขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว

   ภูริเองก็สร้างความตกตะลึงให้วาโยไม่แพ้คนอื่น ชายหนุ่มในบทของ แมด แฮทเทอร์ ที่บุคลิกในนิทานออกจะเป็นคนแปลก ๆ เสียสักหน่อย  ชุดที่สวมถึงจะเป็นสูทดำแทบทั้งชุด แต่ภูรินั้นกลับแต่งแล้วออกมาได้อย่างดูดีลงตัว ถึงแม้จะสวมหมวกดำทรงสูงซึ่งประดับด้วยพู่ขนนกและกุหลาบขาวบนนั้นด้วยก็ตาม ถ้าจะเปรียบแล้วชายหนุ่มดูเหมือนกับพวกพระเอกแนวมาเฟียในภาพยนตร์หรือละครเสียมากกว่าด้วยซ้ำไป

   ส่วนรุจเองนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าคนอื่น เขารับบทคาแรกเตอร์ของแอ๊บโซเลม หนอนผีเสื้อสีน้ำเงินผู้รอบรู้  แม้เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มเป็นมันวาบจะดูแปลกสะดุดตาไปสักหน่อย แต่เมื่อมันมาประดับอยู่บนร่างของชายหนุ่มก็กลับทำให้ดูดีขึ้นมาได้ ด้านในสูทเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว มีหูกระต่ายสีน้ำเงินผูกอยู่ตรงคอเสื้อ กางเกงเป็นสีเดียวกับสีเสื้อสูท แต่แว่นตากรอบดำที่เคยใส่ วันนี้กลายเป็นแว่นทรงรีไร้กรอบ ที่มีคานแว่นและขาแว่นเป็นสีทอง ตรงขาแว่นยังร้อยเป็นสร้อยคล้องกับคอ ด้วยความเรียวของเลนส์แว่น ทำให้ชายหนุ่มดูหล่อเหลาอีกทั้งยังดูดีกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว



   “ออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้อีกนะวี”

   ขวัญแก้วที่ลงมาพร้อมกับวาโยหันไปบอกกับเพื่อนชายของเธอ ซึ่งปวีร์เองก็พยักหน้ารับรู้อย่างพึงพอใจ

   “ใช่! ดีกว่าที่คิดไว้อีก ...อย่างนี้คงต้องขอถ่ายรูปแบบรวมกลุ่มเก็บไว้เป็นที่ระลึกดูสักรูปแล้วล่ะ”

   พอปวีร์พูดจบขวัญตาก็แย้งขึ้นมาอย่างนึกได้

   “แต่ยังขาดไปอีกคนไม่ใช่หรือคะพี่วี”

   ปวีร์ชะงักแล้วจึงทุบมือเบา ๆ

   “อา...จริงสิ ขาดตัวละครสำคัญไปอีกคนนึงนี่นะ ...เมื่อวานแวะเอาชุดไปให้ เห็นชอบอกชอบใจใหญ่เลย และบอกฉันว่าจะใส่มาจากที่พักเลยด้วยซ้ำนะนั่น”

   พนักงานคนอื่นพากันเงียบกริบ ไม่คิดว่าจะมีคนชื่นชอบในไอเดียของปวีร์จนกล้าใส่ชุดพวกนี้ต่อหน้าสาธารณชนได้โดยไม่มีความอายอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้

   “ฟังจากที่วีเล่าแล้วอยากเห็นตัวจริงเร็ว ๆ จังเลยนะ”

   ขวัญแก้วเอ่ยขึ้นบ้างพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เช่นเดียวกับขวัญตา

   “รับรองว่าพวกเธอจะต้องประทับใจแน่ ...ถึงจะมีนิสัยเสียในบางเรื่องไปนิด แต่คนนี้ค่อนข้างเป็นมืออาชีพในตอนทำงานอยู่พอสมควรเหมือนกัน เรียกง่าย ๆ ก็คือรู้จักกาลเทศะเฉพาะในเวลางานดีล่ะนะ”

   คำพูดของปวีร์ทำให้คนฟังบางคนขมวดคิ้วยุ่ง พลางอยากจะย้อนถามกลับไปว่า แล้วถ้าเป็นนอกเวลางานล่ะ คนที่ว่านั้นจะเป็นคนแบบไหนกันแน่



   จากนั้นสักพัก สมาชิกทุกคนของมิราเคิลคาเฟ่จึงทยอยกันเดินทางไปจัดเตรียมร้านค้า และพอมาถึง พวกเขาก็ต้องพบกับความตกตะลึงซ้ำสอง เมื่อด้านหน้าร้านถูกเนรมิตให้กลายเป็นคาเฟ่กลางแจ้งที่มีหลังคาเป็นกระจกใส และมีไม้ระแนงสีขาวซึ่งประดับด้วยไม้เลื้อยตกแต่งเป็นกำแพงกั้นโดยรอบยกเว้นตรงส่วนทางเข้า ด้านนอกมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งถูกนำมาลงปลูกแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา และมีน้ำตกจำลองและลำธารเล็ก ๆ เพิ่มความสบายตาและความเย็นฉ่ำยามที่ลมพัดผ่านเข้ามาในตัวคาเฟ่อีกด้วย

   “สุดยอด! ขนาดทำเฉพาะตอนกลางคืนแท้ ๆ”

   วาโยพึมพำกับตัวเองอย่างตกตะลึง บริเวณด้านหน้าร้านที่ปรับปรุงใหม่มีชุดโต๊ะกาแฟกลมกะทัดรัด ซึ่งจัดไว้อย่างสบาย ๆ ไม่เบียดเสียด และรับรองลูกค้าได้เกือบยี่สิบคนเลยทีเดียว

   “ถ้าเป็นช่วงวันที่ไม่ค่อยมีแดดจัด หรือตอนเย็น ๆ ก็อาจจะมีลูกค้าสนใจมานั่งเล่นได้อยู่ เพราะข้างนอกจะอาศัยลมธรรมชาติเสียส่วนใหญ่ แต่ก็นั่นล่ะ ฉันให้เขาติดตั้งพัดลมไอน้ำเสริมด้วย ก็ช่วยได้เยอะอยู่ล่ะนะ”

   พอได้ยินปวีร์บอก แต่ละคนก็มองหาพัดลมตัวที่ว่า แล้วก็พบมันถูกตั้งอยู่มุมหนึ่งหลังรั้วระแนงไม้ และดูกลืนไปกับรั้วจนแทบมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

   “จริง ๆ จะทำล้อมเป็นเรือนกระจกแล้วติดแอร์ก็ได้ แต่มันก็จะไม่ได้บรรยากาศแบบเอาท์ดอร์แทนจริงไหมล่ะ”

   ปวีร์บอกพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งบางคนก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบ มีเพียงราเมศที่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างเอือมระอา เพราะอีกฝ่ายบทอยากจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรก็มักจะลงมือตัดสินใจโดยไม่ค่อยสนเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลยสักนิดเดียว ขอให้ถูกใจเจ้าตัวไว้ก่อนเป็นพอ

   “เดี๋ยวทุกคนก็จัดเตรียมทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อย  ส่วนพนักงานพาร์ทไทม์ของเรา ถึงจะเริ่มงานเที่ยงก็จริง แต่วันนี้เห็นว่าจะมาไวหน่อยเพราะอยากทักทายทำความรู้จักคุ้นเคยกับพวกนายแต่ละคนไว้เนิ่น ๆ น่ะ...”

   ปวีร์ยังไม่ทันพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่แล่นเข้ามา วาโยมองคนที่ลงมาจากมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์คันนั้นอย่างนึกทึ่ง เพราะคนไทยน้อยคนจะขับรถประเภทนี้ได้ดูดีชวนมองเช่นนี้ แต่พอเจ้าตัวถอดหมวกกันน็อกออก วาโยก็แทบจะตกตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นหูสีชมพูบานเย็นสดคาดไว้บนศีรษะของอีกฝ่าย

   “อ้าว...นั่นไง มาแล้ว แต่งมาจริง ๆ เสียด้วยสิ”

   ปวีร์หันไปมองร่างที่กำลังเดินมาหาพวกเขาอย่างนึกขำ ไม่เสียแรงที่รับอีกฝ่ายมาทำงานด้วยกันแบบนี้  ส่วนคนอื่น ๆ มองร่างสูงเพรียวได้สัดส่วนราวกับนายแบบของอีกฝ่ายอย่างนึกอึ้ง  คนตรงหน้านั้นสูงพอ ๆ กับภูริ เจ้าตัวไว้ผมยาวสลวยถึงกลางหลังเหมือนปวีร์  ทว่าสำหรับปวีร์นั้นไว้ผมยาวแล้วดูค่อนข้างไปทางสวย แต่คนผู้นี้กลับดูหล่อเหลาผิดแผกออกไป โดยเฉพาะผิวสีแทนเข้มแบบชายไทย ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูแมนสมชายมากไปอีก

   นอกจากหูแมวสีชมพูบานเย็นสะดุดตานั่นแล้ว อีกฝ่ายก็แต่งชุดเหมือนพนักงานเสิร์ฟทั่วไป ทว่าเสื้อเชิ้ตด้านในแทนที่จะเป็นสีขาว กลับเป็นเสื้อยืดลายขวางชมพูอ่อนสลับสีชมพูบานเย็นแทน ส่วนบริเวณคอก็มีผ้าคลุมขนสัตว์สีชมพู คล้องเอาไว้

   “สวัสดีครับรุ่นพี่ทุกคน ยินดีที่รู้จักนะครับ”

   เจ้าตัวยกมือเอ่ยทักทาย แล้วก็หันมายกยิ้มให้ภูริ ที่จ้องอีกฝ่ายเขม็งนับตั้งแต่เห็นเจ้าตัวเดินเข้ามาใกล้เขาแล้ว

   “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้!”

   “ก็คุณปวีร์เขาชวนมาน่ะสิ  ฉันเองก็อยากจะลาออกมาทำฟูลไทม์เต็มเวลาอย่างนายหรอกนะภูริ แต่ขืนทำแบบนั้นฉันต้องโดนลุงไล่ออกจากบ้าน กลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่”

   เจ้าตัวบอกพลางยักไหล่ แล้วละสายตาจากภูริไปมองคนอื่น ๆ ก่อนจะสะดุดตาที่การินกับวาโยเป็นพิเศษ

   “อ้าว... มีเด็กผู้หญิงด้วยหรือเนี่ย ตั้งสองคนแน่ะ ไหนคุณปวีร์บอกว่ามีแต่ผู้ชายยังไงล่ะ”

   “ถ้าตาสั้นก็ไปเอาแว่นใส่ซะไป ผู้ชายกับผู้หญิงแยกไม่ออกหรือไง หา!”

   การินสวนกลับทันทีโดยไม่ต้องรอให้ปวีร์อธิบาย ทำให้คนพูดชะงักหันกลับมาพิจารณาคนตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขอโทษขอโพยยกใหญ่

   “โอ๋! ผู้ชายหรอกหรือ ขอโทษ ๆ เธอ เอ๊ย นายหน้าตาสวยจนฉันเข้าใจผิดน่ะ  ไม่ได้มีเจตนาร้ายดูถูกจริง ๆ นะ”

   การินกัดฟันนิด ๆ แต่ก็ยอมจำใจพยักหน้ารับคำขอโทษอีกฝ่าย แม้จะยังหงุดหงิดอยู่บ้าง ส่วนวาโยหันมามองเพื่อนตาปริบ ๆ ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อชายหนุ่มคนเดิมหันมาทางเขาแทน

   “แล้วเธอล่ะ คงไม่ใช่ผู้ชายอีกคนล่ะนะ”

   คนถามเอ่ยด้วยอารมณ์ขันมากกว่าจะจริงจังกับคำพูดของตน แต่วาโยกลับกลืนน้ำลายลงคอแล้วบอกไปเสียงแผ่ว

   “เอ่อ ผมก็ผู้ชายเหมือนกันครับ”

   “อ้อเหรอ....หา! โกหกน่า!”

   วาโยมองปฏิกิริยาที่แตกต่างกับการินอย่างสิ้นเชิงแล้วลอบถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มตอบเจื่อน ๆ

   “ไม่โกหกหรอกครับ ผมเป็นผู้ชายจริง...”

   ยังไม่ทันวาโยจะพูดจบ มือใหญ่ของอีกฝ่ายก็แปะหมับที่หน้าอกของเขา วาโยสะดุ้งหน้าแดงแล้วถอยหนีไปด้านหลังอัตโนมัติ ส่วนกวินนั้นสะดุ้งเฮือกไม่แพ้กัน ทว่าชายหนุ่มนั้นก้าวออกมาขวางหน้าอีกฝ่ายแล้วจ้องด้วยแววตาเขม็ง

   “โอ๋ ๆ ขอโทษที ก็แค่อยากพิสูจน์ อีกอย่างผู้ชายด้วยกันก็ไม่เห็นเสียหายอะไรเลยไม่ใช่หรือไง”

   เจ้าตัวบอกพร้อมรอยยิ้มร่าเริง ทำเอากวินแค่นยิ้มกลับ ส่วนวาโยดึงเสื้อเพื่อนยิก ๆ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องราวกันเพราะเขาเป็นสาเหตุ

   “ยังนิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลยนะนายน่ะ”

   ภูริบอกตามมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย จนคนได้ยินหันกลับไปมองก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้

   “ใครว่านิสัยเสีย ฉันก็แค่เป็นพวกมือปากตรงกับใจเท่านั้นเอง”

   และก่อนที่จะมีการปะทะคารมกันเกิดขึ้น ปวีร์ก็เข้าไปแทรกระหว่างทั้งคู่ และแนะนำตัวชายผู้มาใหม่ให้ทุกคนรู้จักเสียก่อน

   “เอาล่ะ ๆ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอกันดีแล้ว  ฉันจะแนะนำอย่างเป็นทางการอีกครั้งแล้วกัน ผู้ชายคนนี้ชื่อ ธีรัช เป็นพนักงานที่จะมาทำพาร์ทไทม์ให้เราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

   “ธีรัชครับ อายุ 23 เป็นเพื่อนร่วมงานเก่าของภูริเขา ...เนอะ”

   ธีรัชหันไปยักคิ้วให้ภูริ ซึ่งอีกฝ่ายก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่ค่อยสน แต่เจ้าตัวก็ยังคงร่าเริงและไม่ใส่ใจในท่าทางเช่นนั้นของอีกฝ่าย ราวกับคุ้นชินกันเสียแล้ว

   “เขาเป็นนักร้องนำของคลับที่ภูริเคยทำงานอยู่น่ะ”

   ปวีร์อธิบายเสริมตามมาทำให้คนที่งุนงงกับปฏิกิริยาของทั้งสองพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ

   “ใช่...พอภูริลาออกมา ก็หามือกีตาร์มือดีเรียกลูกค้าสาว ๆ มาแทนยังไม่ได้เลย ...ลุงฉันสิบ่นใหญ่บอกว่าลูกค้าสาว ๆ ลดลงไปเพียบ ...นี่ นายไม่คิดจะกลับมาทำงานที่เดิมกับพวกเราจริง ๆ หรือไง”

   “ไม่ล่ะ ทำอยู่ที่นั่นก็มีแต่คนสนแค่หน้าตาของฉัน ไม่ได้สนเรื่องฝีมือของฉันสักหน่อย”

   ภูริเปรยบอกอีกฝ่าย ในขณะที่คนอื่น ๆ มองทั้งคู่คุยกันอย่างสงสัย แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปห้ามแม้กระทั่งปวีร์ ชายหนุ่มเลือกมองดูทั้งคู่สนทนาเรื่อย ๆ โดยยังคงมีรอยยิ้มประดับบนสีหน้าด้วยซ้ำไป

   “แล้วงานที่นี่ไม่เหมือนกันหรือไง นายก็ขายหน้าตาเรียกลูกค้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

   ธีรัชแย้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายยกยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไป

   “ไม่เหมือนสักหน่อย งานพนักงานเสิร์ฟเป็นงานบริการที่ต้องใช้รอยยิ้ม หน้าตา ศิลปะการพูดจาในการทำให้ลูกค้ายอมรับอยู่แล้วต่างหาก  ...แต่ตอนเป็นนักดนตรีมันไม่ใช่แบบนี้ พวกนั้นไม่ได้ฟังที่ฉันเล่นด้วยซ้ำ ขนาดฉันแกล้งดีดผิด ๆ เพี้ยน ๆ ก็ยังตามมากรี๊ด ๆ กันอยู่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันสู้มาทำงานแบบที่ต้องขายหน้าตาโดยตรงแทนไม่ดีกว่าหรือไง”

   ธีรัชเงียบกริบ เขารู้ดีว่าไม่ใช่แค่เพราะแฟนคลับของภูริเท่านั้นที่ทำให้ชายหนุ่มเบื่อ กับเพื่อนร่วมวงคนอื่น ๆ ก็ล้วนอิจฉาชายหนุ่ม และแอบนินทาลับหลังภูริว่าแค่หน้าตาดีต่อให้ดีดมั่ว ๆ ส่ง ๆ ก็ไปรอดแล้วด้วยซ้ำ

   “เฮ้อ...งั้นก็ตามใจ ลุงฉันเองก็เสียดายที่นายลาออก แต่ถ้านายอยากกลับมาก็ได้เสมอนะ  ส่วนพวกนั้นที่นินทานาย ...ฉันยุให้ลุงไล่ออกไปแล้วล่ะ”

   ธีรัชบอกแล้วยิ้มกว้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเสียงฮึในลำคออย่างไม่สบอารมณ์นัก

   “ธุระไม่ใช่สักนิด”

   “น่า ๆ ฉันเองก็รำคาญพวกดีแต่ปากพวกนั้นเหมือนกัน ก็เลยบอกลุงว่าถ้าจะเก็บพวกนั้นไว้ก็ให้หานักร้องคนใหม่แทน แล้วนายคิดว่าลุงฉันจะเลือกใครล่ะ”

   ภูริมองคนตรงหน้านิ่ง แม้ธีรัชจะชอบเซ้าซี้ทำตัวน่ารำคาญ แต่ก็เป็นคนปากตรงกับใจจนบางครั้งกลายเป็นขวานผ่าซากแทนด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นล่ะ เขาก็ยอมรับชายหนุ่มในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเช่นเดียวกัน เพราะอีกฝ่ายก็จัดว่าเป็นคนนิสัยดีพอตัว ถ้าจะไม่นับเรื่องนิสัยเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอีกฝ่ายล่ะนะ

   “ว่าแต่ฉันก็พอเข้าใจแล้วล่ะนะว่าทำไมนายถึงเลือกทำงานที่นี่  ก็แหมมีแต่คนหน้าตาดี ๆ แวดล้อมให้เจริญหูเจริญตาแบบนี้นี่เองเล่า  เจ้าของร้านก็สวย เพื่อนร่วมงานก็น่ารัก”

   ธีรัชบอกแล้วมองไปรอบ ๆ ก่อนจะยักคิ้วให้วาโยซึ่งก็ยิ้มเจื่อน ๆ ตอบอีกฝ่าย

   “ที่พูดมานั่นผู้ชายทั้งนั้นเลยนะ”

   ภูริเปรยเบา ๆ แต่คนฟังยักไหล่นิด ๆ

   “ผู้ชายแล้วไง ขอให้ถูกใจก็เป็นพอแล้ว”

   เจ้าตัวประกาศเจตนารมณ์อย่างไม่แคร์ใคร ทำเอาคนฟังบางคนขยับกายถอยหนีอย่างลืมตัวเลยทีเดียว

   “คิดว่าคงพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันเรียบร้อยแล้วนะ  เอาเป็นว่าเดี๋ยวภูริช่วยพาเพื่อนของเธอไปแนะนำตัวกับพวกที่บาร์และในครัวด้วยแล้วกัน แล้วก็สอนเรื่องงานให้เขาด้วยเลยนะ ฝากด้วยล่ะ”

   ภูริรับฟังคำสั่งของปวีร์ตาปริบ ๆ แต่ก็พยักหน้าตอบรับอย่างเสียไม่ได้ ส่วนธีรัชหันไปยิ้มแย้มให้กับปวีร์ แล้วโปรยยิ้มหวานเผื่อมาที่วาโยและการิน ซึ่งสองหนุ่มก็มีปฏิกิริยาแตกต่างไป การินนั้นเมินใส่อีกฝ่าย ส่วนวาโยยิ้มแห้ง ๆ ตอบรับ

   “นิสัยแย่ชะมัด ...แบบนี้จะดีหรือครับอา ถ้าไปทำเจ้าชู้ หรือลวนลามลูกค้าเข้าจะไม่แย่หรือไง”

   การินหันไปถามผู้เป็นอาหลังจากที่เห็นภูริพาธีรัชเข้าไปในร้านเรียบร้อย

   “ไม่หรอก อาบอกแล้วไง เขาเป็นคนรู้จักกาลเทศะเวลาทำงานดี โดยเฉพาะกับลูกค้า”

   ปวีร์ยืนยันหนักแน่น ทำให้การินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะลองชายหนุ่มรับรองแบบนี้ แสดงว่าคงสืบประวัติธีรัชมาละเอียดแล้วเป็นแน่

    “แล้วกับพนักงานด้วยกันล่ะครับ”

   กวินถามขึ้นบ้าง ยังคงไม่สบอารมณ์เรื่องที่อีกฝ่ายมาจับหน้าอกของรูมเมทเขาเมื่อครู่อยู่ดี

   “อืม...เรื่องนั้นก็รับปากไม่ได้หรอก  แต่เท่าที่สังเกตก็แค่ถึงเนื้อถึงตัวนิด ๆ หน่อย ๆ แค่นั้น  ซึ่งนั่นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรไม่ใช่หรือ ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันนี่”

   ปวีร์บอกแล้วยิ้มน้อย ๆ ติดเจ้าเล่ห์ ทำให้กวินลอบถอนหายใจเบา ๆ และคิดว่าต่อไปนี้คงต้องคอยดูแลวาโยไม่ให้อยู่ใกล้ธีรัชเกินความจำเป็นเสียแล้ว โชคดีที่อีกฝ่ายเข้ามาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ขืนมาทำงานประจำ เขาคงต้องเครียดหนักกว่านี้

   จากนั้นทั้งหมดก็ต่างแยกย้ายกันรับผิดชอบงาน ทางด้านธีรัชนั้นเข้ากับแต่ละคนในร้านได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีบางคนไม่ค่อยสบอารมณ์เรื่องที่ชายหนุ่มชอบทำเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่คนที่เจ้าตัวเล็งไว้บ้างก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องงานก็ดูเหมือนชายหนุ่มจะเรียนรู้ได้รวดเร็วและขยันขันแข็งในการทำงานพอสมควร เห็นได้จากพอร้านเปิด ธีรัชก็ทำให้ลูกค้าสาว ๆ ให้ทิปเขาในวันแรกได้แล้ว



... TBC …



ป.ล. ตอนหน้าเดี๋ยวหนุ่ม ๆ ในธีมตัวละครจากอลิซ จะมาขอรับใช้บริการคุณลูกค้าของร้านในแบบฉบับอิมเมจตัวละครที่เจ้าตัวคิดกันนะคะ จะออกมาเยี่ยม หรือ แย่ รอติดตามอ่านได้ค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2012 15:08:31 โดย Xenon »

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ่าาาา เรานึกว่า โยจะกลายเป็นบันนี่ซะอีก

แต่อลิซก็น่ารักก ธีรัชกับการิน อั๊ยยะๆๆๆๆ

555 จิ้นกันต่อไป รอตอนต่อไปจ้า คนแต่ง

เขาชอบมากก ทั้งสนุก แล้วก็น่ารักเลย

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป

sarama

  • บุคคลทั่วไป
คาแรกเตอร์ชุดเข้ากับคนใส่
รอพิสูจน์ว่าตอนบริการลูกค้าจะเป็นยังไง

finray

  • บุคคลทั่วไป
น่าร้ากกกกก   ชอบจังเลย 

นู๋โยน่ารักมาก  อยากอ่านต่อแล้วค่ะ

รอ...... :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ธีรัชมือไวใจเร็ว ไม่ต่างจากคาแรกเตอร์ที่เขาได้รับเลยแฮะ

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
อ๋าไม่ได้เข้่ามาแปปเดียว อัพไป2ตอนแล้วงื้อออออ

อลิซเหรอ น่ารักนึกภาพน้องโยแต่งชุดอลิซแล้วมันช่าอิอ๊างจริงๆ

มีคู่จิ้นเพิ่มขึ้นแล้วสิ* 0 * การิน เธอช่าง อ๊ายย

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 910
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
โยกลายเป็นอลิซไปซะแล้ว >///< น่ารักมากๆ
ธีรัชมือไวสุดๆ มาแปบเดียวจับหน้าอกโยแล้ว (คนอื่นอยู่ตั้งนานยังไม่ได้จับเลย)
ทำไมพอเราอ่านตอนนี้แล้วภูมิเป็นเคะไปเ้ลย ฮุฮุฮุ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
วาโยเหมาะมากที่จะป็นอลิซ แต่การินเองก็น่าสนใจเหมือนกันนะ :z1:
ธีรัชนี่มือไวมาก เจอหน้ากันไม่ถึงห้านาทีก็มาจับหน้าอกโยแล้วอะ กวินอย่าปล่อยให้คลาดสายตานะ อุ๊บ! ไม่ได้เชียร์กวินนะ ยังรอดูท่าทีทุกคนก่อน :-[
กดบวกแล้วรออ่านตอนต่อไปค่า :กอด1:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อยากเห็นวาโยในชุดของอลิซจังเลย ว่าจะสวยน่ารักขนาดไหน

+1  และให้เป็ดจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด