[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 223603 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ฮาาาาาาา

พอจะคลำทางถูกบ้างอะไรบ้างอะไรบ้างแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2012 14:44:19 โดย Ali$a฿eth »

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ปาดเหงื่อแทนคุณไกรสร ดันมาจับคู่กับคนรู้ทันกันแบบนี้ คงต้องเหนื่อยออกแรงกันหน่อยละ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
**ส่งตอน 31 มาอย่างต่อเนื่อง แก้ตัวจากที่หยุดป่วยไปจ้ะ ตอนนี้ร่างกายคืนสภาพแล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใยนะคะ ^^



Miracle Café / 31




อีกด้านหนึ่งวาโยมองภูริที่จับคู่กับตัวเองอย่างเป็นกังวล เพราะเขาสังเกตเห็นอีกฝ่ายชะงักไปตอนได้คู่กับเขา แถมยังดูขรึมลงและเหมือนจะพยายามไม่สบตากับเขาอีก

“คุณภูริ...ถ้าไม่อยากคู่กับผม จะเลือกคู่ใหม่ก็ได้นะครับ”

วาโยพึมพำเสียงแผ่วด้วยใบหน้าสลด ทำให้อีกฝ่ายชะงักแล้วหันมาขมวดคิ้วนิด ๆ

“...ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

“ก็คุณทำเหมือนลำบากใจที่ได้คู่กันนี่ครับ...ผมก็รู้ตัวนะ ว่าชอบทำตัวให้คุณไม่ชอบหน้าเสมอ ...ผมก็พยายามปรับปรุงตัวเองแล้วนะครับ...แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ผมก็ไม่อยากฝืนความรู้สึกของ...”

ยังไม่ทันวาโยจะพูดจบ ภูริก็วางมือแหมะบนศีรษะอีกฝ่ายค่อนข้างแรง ทำเอาคนกำลังพูดสะดุ้ง แล้วเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ

“ถ้าฉันรำคาญ ฉันจะบอกตรง ๆ เองว่ารำคาญ เพราะฉะนั้นก็เลิกคิดมาก แล้วทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าฉันรังแกนายอีกหรอก”

ชายหนุ่มพูดห้วน ๆ เหมือนจะเบื่อหน่ายก็จริง แต่สีหน้ากึ่งเขินที่วาโยเห็นก็ทำให้ชายหนุ่มตัวเล็กยิ้มออกมาได้

“พวกนั้นเตรียมตัวกันแล้ว เราก็ไปเข้าจุดสตาร์ทกันเถอะ”

ภูริบอกแล้วเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือส่งให้อีกฝ่าย วาโยชะงักเมื่อเห็นมือข้างนั้นส่งมา ก่อนจะยิ้มเขิน ๆ แล้วยื่นมือของตนส่งให้ภูริบ้าง พลางปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจูงมือเขาไปรวมกับคนอื่น ๆ เมื่อธีรัชหันมาเห็นเข้าจึงแกล้งโพล่งขึ้นมาดัง ๆ อย่างต้องการที่จะแซวเพื่อนสนิทโดยตรง

“แหม ๆ น่าอิจฉาคนมีคู่กันจริ๊ง...”

วาโยหน้าแดงน้อย ๆ ด้วยความเขินเช่นเดียวกับภูริที่รีบปล่อยมือ ส่วนกวินเม้มปากน้อย ๆ แต่พอเห็นสายตากังวลของการินเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแทน เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาพลอยกังวลใจไปด้วยกันกับเขา

“อะแฮ่ม! เอาล่ะครับ ถ้าอย่างนั้น ขอแจ้งกติกาแล้วกัน เราจะให้คนเล่นเป็นม้าว่ายไปฝั่งโน้น โดยแบกคู่ของตัวเองไว้บนหลัง จะแนบชิดสนิทแนบแน่นกันยังไงก็ได้ แต่ระหว่างที่ว่ายน้ำอยู่ ห้ามให้มือหลุดจากม้าของตัวเอง ไม่งั้นจะถือว่าแพ้ เพราะฉะนั้นล็อกคอได้ก็ล็อกไว้เลยนะครับ”

ทั้งสามคู่มองกรรมการจำเป็นตาปริบ ๆ และมีบางคนคิดในใจว่าชักอยากจะเปลี่ยนกรรมการเป็นคนอื่นแทนธีรัชเสียแล้ว

“กติกาเพิ่มเติมของเกมนี้ก็คือ หลังจากว่ายน้ำจากจุดเริ่มต้น พวกคุณก็ต้องว่ายไปฝั่งโน้นแล้วพอถึงฝั่ง ก็จะอนุญาตให้คนขี่หลังปล่อยมือจากคู่ของตัวเองได้ และวิ่งไปเอาผ้าขนหนูที่ทางเราเตรียมไว้ มาคล้องคอตัวเอง และว่ายกลับฝั่งพร้อมคู่ของตน ถ้าใครกลับมาถึงฝั่งแล้วเอาผ้าผืนที่หยิบมานำไปใส่ในตะกร้าที่เตรียมไว้ได้ก่อน ก็ถือให้เป็นทีมชนะ โอเคไหมครับ!”

ทั้งสามคู่นิ่งอึ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นไลฟ์การ์ดเดินไปจัดเตรียมอุปกรณ์ตามที่ธีรัชบอก สมแล้วกับที่อีกฝ่ายนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของสระแห่งนี้

“ฉันว่าจะให้แข่งแค่รู้แพ้ชนะกันเฉย ๆ ก็น่าเบื่อ... ให้มีเดิมพันอะไรด้วยดีไหม”

ไกรสรเสนอเงื่อนไข ทำให้คนอื่น ๆ หันมามองอีกฝ่ายเป็นตาเดียว

“อืม...เอาอะไรดี.... อ๊ะ! เอาเป็นว่า คู่ที่ได้ที่โหล่ ต้องบอกชื่อคนที่ตัวเองชอบออกมาให้เพื่อน ๆ รู้ดีไหม”

คนอื่น ๆ ที่เข้าแข่งขันนอกจากรุจหน้าแดงไปตาม ๆ กัน ก่อนจะมีบางคนรีบทำกลบเกลื่อนเป็นเฉยชา สร้างความบันเทิงใจให้กับคนที่มองอยู่ยิ่งนัก

“แล้วถ้ายังไม่มีใครที่ชอบเลยล่ะครับ...จะให้ทำยังไง”

วาโยถามเสียงอ่อย ซึ่งไกรสรก็หันมามองชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าตน แล้วจึงบอกพร้อมรอยยิ้ม

“งั้นถ้าไม่มีคนที่ชอบ ก็ให้บอกชื่อเพื่อนร่วมงานในนี้ที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีที่สุดมา 1 คน ...แค่คนเดียวนะ คัดมาด้วยล่ะ”

เงื่อนไขถัดมายิ่งทำให้คนถามถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความลำบากใจ เพราะเขาไม่อยากเลือกใครเพียงคนใดคนหนึ่ง เนื่องจากกลัวคนที่เหลือจะรู้สึกน้อยใจนั่นเอง และสำหรับเขาทุกคนก็สำคัญด้วยกันหมดแท้ ๆ

“ก็แค่ชนะให้ได้ก็ไม่ต้องมีปัญหาแล้ว”

ภูริตบบ่าคนที่ทำสีหน้ากลุ้มใจ วาโยสะดุ้งนิด ๆ ก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่ของเขา แล้วแย้มยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

“นั่นสินะครับ”

จากนั้นทั้งสามคู่ก็เริ่มต้นจับคู่กัน โดยคนที่เป็นม้านั้นลงไปเตรียมรออยู่ในน้ำ ส่วนคนที่ทำหน้าที่ขี่ก็รอสัญญาณปล่อยตัวอยู่บนบก และพอธีรัชให้สัญญาณ ...การิน วาโย และรุจก็โผตัวไปเกาะคอของคู่ตัวเองที่รออยู่ทันที



วินาทีที่แผ่นหลังของคนในน้ำสัมผัสกับแผ่นอกคู่ของตน กวินก็เริ่มคิดว่าตัวเองโชคดีแล้วที่ไม่ได้จับคู่กับวาโย เพราะขืนเป็นเช่นนั้นมีหวังเขาคงว่ายต่อแทบไม่ไหว เพราะดันมัวแต่เผลอคิดจินตนาการเพ้อเจ้อลามกอยู่เป็นแน่ ขนาดคู่ของเขาเป็นการินแท้ ๆ เขาก็ยังคงรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาจนได้

“วิน! เร็วสิ! ว่ายเร็วเข้า!”

การินตะโกนบอกเพื่อนเมื่อเห็นไกรสรว่ายนำไปก่อน ชายหนุ่มนั้นยังคงยืนทื่ออยู่ในน้ำไม่ยอมออกตัว ส่วนคู่ของภูริที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พอได้ยินเสียงการินเตือนกวิน เขาก็ได้สติและว่ายออกไปเช่นเดียวกัน ส่วนกวินที่รู้สึกตัวก็รีบว่ายตามไปอย่างติด ๆ

“เจ็บชะมัด ทีหลังไม่ต้องจิกมาก็ได้”

ไกรสรที่ว่ายออกตัวไปก่อนบ่นพึมพำกับคนที่ขี่หลังเขา เพราะดันเผลอรู้สึกดีกับผิวเนียน ๆ ที่ถูไถบริเวณหลัง เลยหลุดปากเคลิ้มชม จนรุจที่ได้ยินถึงกับจิกเล็บเข้ากับบ่าเขาแรง ๆ จนเขาสะดุ้งและรีบว่ายน้ำออกไปก่อน

“ม้าจะวิ่งได้เร็ว ก็ยิ่งต้องใช้แส้เฆี่ยนกระตุ้น จริงไหมครับ”

รุจบอกยิ้ม ๆ พลางเอามือคล้องคออีกฝ่ายไว้หลวม ๆ ไม่แน่นอะไรมากนัก แล้วยังปล่อยตัวตามสบายไม่ขืนร่างของตน ทำให้ไกรสรว่ายได้ง่ายมากขึ้น

“เหอะ ๆ เอาเถอะ ยอมให้หนก็ได้ ยังไงก็ได้กำไรแบบนี้ทั้งที”

ไกรสรเปรยอย่างอารมณ์ดีแล้วออกแรงว่ายนำไปอีก ภูริเองก็เร่งเครื่องตามมา กวินที่อยู่รั้งท้ายพยายามเร่งว่ายแต่ก็ยังตามไม่ทัน เขาจึงคิดแผนบางอย่างแล้วแกล้งตะโกนบอก

“เฮ้ย! โย! กางเกงว่ายน้ำหลุดแล้ว!”

ได้ผลภูริชะงักกึกหยุดนิ่งหน้าแดงสลับซีดไม่กล้าแม้แต่จะหันไปดูคนด้านหลัง กระทั่งไกรสรที่นำไปแล้วก็ยังหยุดว่ายพลางหันมามองอย่างสนใจ เมื่อเห็นคู่แข่งทั้งสองคู่หยุดนิ่ง กวินก็ฉวยโอกาสจ้ำพรวด ๆ ว่ายตามไปจนใกล้ภูริที่นำอยู่ การินเองรีบกอดคออีกฝ่ายแน่นด้วยความฉุนปนขันที่ชายหนุ่มดันคิดแผนการทุเรศแบบนี้ออกมาได้ ทางด้านวาโยหน้าแดงก่ำแล้วรีบโวยวายลั่นหลังจากตั้งสติและเหลือบมองกางเกงของตัวเองเรียบร้อย

“วิน! เจ้าบ้า! เกมจบเมื่อไหร่ระวังตัวไว้เหอะ! คุณภูริ! หมอนั่นแกล้งหลอกกันต่างหาก กางเกงผมยังอยู่ครบ ว่ายต่อสิครับ!”

ภูริสะดุ้งโหยงสติคืนกลับมาทันที เขากัดฟันกรอดมองคนที่ว่ายตีเสมอกันมาอย่างหงุดหงิดแล้วออกตัวว่ายไปบ้าง ส่วนไกรสรนั้นหัวเราะเจื่อน ๆ เมื่อได้ยินเสียงรุจเปรยขึ้นเรียบ ๆ ข้างหู

“สัญชาตญาณนี่มันน่ากลัวจังนะครับ...”

“แหม เป็นใครได้ยินแบบนั้นก็หันทั้งนั้นล่ะ...หึงหรือไง”

ไกรสรกระเซ้าทำให้คนที่บ่นอย่างระอาถอนหายใจแล้วโน้มลงไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย

“รีบว่ายไว ๆ เถอะครับ ...บางทีถ้าชนะเลิศล่ะก็ อาจจะยอมหึงให้เห็นก็ได้นะครับ”

คนฟังชะงักกึก พลางเหยียดยิ้มนิด ๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนจะเปรยตอบ

“สัญญาแล้วนะ... ถ้าอย่างนั้นเตรียมหึงให้เห็นกันไว้ได้เลย”

จากนั้นคนที่เกือบจะถูกแซงก็เร่งเครื่องนำไปอีก สมแล้วที่อีกฝ่ายมีหุ่นและร่างกายบึกบึนขนาดนั้น ใช้เวลาไม่กี่วินาที เจ้าตัวก็กลับมาเป็นฝ่ายนำห่างอีกจนได้



พอถึงฝั่ง รุจก็ยันบ่าไกรสรกระโดดสปริงตัวจากน้ำขึ้นฝั่งไปอย่างง่ายดาย เจ้าตัวกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหยิบผ้าขนหนูเป็นการต่อให้รุ่นน้องอีกสองคนที่กำลังจะมาถึงฝั่งในเวลาไล่เลี่ยกัน

“ถ้าไม่อยากแพ้ ก็ใช้กลโกงกันหน่อยนะพวกนาย ไม่งั้นขืนแพ้ล่ะก็ คงรู้สินะว่าต้องเจออะไรบ้าง”

รุจแสร้งตะโกนบอกการินและวาโย ที่หันมาสบตากัน และเมื่อไกสรและรุจออกตัวว่ายไปแล้ว ทั้งสองคู่ที่มาถึงฝั่งพอดีก็วิ่งแข่งกันไปที่โต๊ะซึ่งวางผ้าขนหนูอยู่ การินนั้นเร็วกว่าเล็กน้อย เขาคิดถึงคำพูดของรุจ และคิดถึงว่าถ้าพวกเขาแพ้ บางทีกวินอาจจะยอมสารภาพเรื่องชอบวาโยก็ได้

มือเร็วกว่าความคิดการินหยิบผ้าขนหนูของวาโยหมับ เจ้าตัวมีท่าทางตกใจไม่แตกต่างจากเขา แต่การินก็ไม่เสียเวลาคิดนานนัก เขาเขวี้ยงผ้าผืนนั้นไปอีกทางพร้อมตะโกนบอก

“ขอโทษนะโย! แต่ฉันไม่อยากเป็นทีมที่ได้ที่โหล่น่ะ!”

วาโยอ้าปากเหวอแล้วรีบวิ่งตามผ้าผืนนั้นไป การินหยิบผ้าของตัวเองแล้วตรงไปที่กวินรออยู่ เขากลัวว่ากวินจะโกรธ แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้ายินดีผิดคาด

“เจ๋งอ่ะริน! กลยุทธ์เยี่ยมกว่าฉันอีก เอ้า! รีบ ๆ ลงมาเร็วเข้าสิ ยืนอยู่ทำไมเล่า โยวิ่งมาโน่นแล้วนะ!”

การินรีบกระโดดลงไปขี่หลังอีกฝ่ายและคล้องผ้าไว้ที่คอของตน เขาซบหน้าลงบนบ่าของชายหนุ่มเพื่อซ่อนรอยยิ้มยินดีที่เห็นว่ากวินไม่ได้โกรธอย่างที่เขาคาดไว้

อีกด้านหนึ่งวาโยที่มาหลังสุดรีบขอโทษขอโพยภูริยกใหญ่ ภูริรอจนวาโยพร้อมแล้วจึงบอกออกไปอย่างจริงจัง

“นายจับไว้แน่น ๆ แล้วกัน ฉันจะเร่งเครื่องให้เต็มที่ ไม่ยอมให้พวกเราแพ้แน่ ๆ”

วาโยชะงักแล้วจึงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกอดคออีกฝ่ายแน่น

“ครับ! พยายามเข้านะครับคุณภูริ!”

ภูริยิ้มกับตัวเองแล้วว่ายเต็มที่ โดยที่ธีรัชนั้นลุ้นเพื่อนอยู่บนฝั่งอย่างสนุกสนาน ส่วนคู่ของไกสรสรและรุจน่าจะเป็นที่หนึ่งแน่แล้ว เหลือเพียงที่สองและที่สามซึ่งว่ายใกล้กันมาอย่างคู่คี่สูสีจนกระทั่งถึงฝั่ง…



“ตัดสินแล้วนะครับ! คู่ที่ได้ที่โหล่ได้แก่คู่ของ ภูริ และหนูโยครับ!”

ธีรัชทำมือเป็นไมค์แล้วโพล่งขึ้นอย่างร่าเริง ส่วนคู่คนแพ้ที่แพ้อย่างฉิวเฉียด ถึงกับทำท่าหมดแรงไปตาม ๆ กัน แต่สักพักวาโยกับภูริต่างก็หันมาสบตา แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้กัน โดยไม่มีใครโทษอีกฝ่ายเลยสักคน

ทว่าบรรยากาศสบาย ๆ ของทั้งคู่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงกระแอมของไกรสรที่เหลือบมองมา ส่วนกวินที่กำลังดีใจกับการินก็หันมามองต้นเสียง แล้วมองตามไล่ไปที่จุดสายตาของชายหนุ่มจับจ้อง ก่อนจะชะงักนิด ๆ แล้วนิ่งรอว่าภูริกับวาโยจะพูดชื่อใครออกมา

“ตามกติกา... บอกมาได้แล้ว ว่าทั้งสองคนแอบชอบใครกันอยู่”

ไกรสรบอกด้วยน้ำเสียงรื่นเริงบันเทิงใจ จนรุจต้องเหลือบมอง และนึกเห็นใจรุ่นน้องและรูมเมทของเขาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายต้องการแกล้งจนได้รับคำตอบจากทั้งคู่จริง ๆ

“เอ่อ...ไม่มีนี่ครับ”

วาโยบอกเขิน ๆ ทำให้คนฟังอมยิ้ม ส่วนกวินนั้นทั้งโล่งอก ทั้งเสียดายคละกันไป ภูริเหลือบมองคนถามอย่างไม่สบอารมณ์ แม้จะรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นอีกฝ่ายไปเซ้าซี้วุ่นวายกับรุจแทน แต่เขาก็ยังไม่ลืมเรื่องที่ไกรสรประกาศไว้ว่าเคยจะจีบวาโยมาก่อน

“ผมก็ยังไม่ได้ชอบใครเหมือนกัน”

ภูริบอกเสียงห้วน ทำเอาวาโยเหลือบมอง แล้วก็ต้องชะงักพลางรีบหันกลับ เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาเขาเข้าพอดี

“อืม...ยังฟรีทั้งคู่หรอกหรือ ...อ้อ ดีใจนะที่เธอหัวใจยังว่างน่ะ”

ไกรสรยังไม่วายแกล้งหยอดแซววาโย แล้วเหลือบมามองรุจพร้อมกับพึมพำเบา ๆ แต่ชายหนุ่มที่มองอยู่ก็พอจะอ่านฝีปากได้พอรู้เรื่องโดยเฉพาะคำว่า ‘สัญญา’ ที่เหมือนไกรสรจะเน้นเป็นพิเศษ เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงเดินไปใกล้ ๆ ก่อนจะเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ

“ผมว่าเลิกล้อเล่น แล้วเข้าประเด็นสักทีดีกว่านะครับ ...ยังมีคำถามสำรองถ้าทั้งคู่ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษอยู่ไม่ใช่หรือครับ”

ไกรสรมองอีกฝ่ายตาปริบ ๆ แล้วพึมพำถาม

“นี่นะ หึงแล้ว”

รุจเหลือบมองแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเปรยตอบ

“เอาแค่นี้ไปก่อนแล้วกันครับ...ไว้ค่อยจัดหนักให้ทีหลัง”

คนฟังขมวดคิ้ว พลางยักไหล่นิด ๆ แล้วจึงหันไปทางวาโยต่อ

“เอ้า ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนคำถามใหม่ ...ในบรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งหมดของเธอ ใครกันที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีที่สุด บอกมาแค่คนเดียวนะ ห้ามเหมารวมตอบ”

วาโยสะดุ้งเล็กน้อย เขามีสีหน้าเครียดหนัก และเป็นกังวล จนบางคนอยากให้ยกเลิกคำถาม แต่ไกรสรก็ดูเหมือนยังคงรอฟังคำตอบอย่างสบายอารมณ์อยู่

“อย่าซีเรียสโย ไม่มีใครโกรธหรอกน่า ชอบมากชอบน้อย ยังไงก็เพื่อนกันทั้งหมดไม่ใช่หรือไง!”

กวินให้กำลังใจอีกฝ่าย ทำเอาวาโยชะงักแล้วหันไปทางคนพูดพลางแย้มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันไปทางไกรสร

“นั่นสินะ...เอ่อ ผมตอบล่ะนะครับ”

“เอาสิ ฉันรอฟังอยู่”

ไกรสรบอกยิ้ม ๆ จากนั้นวาโยก็เตรียมเอ่ยปาก โดยค่อย ๆ กวาดไปมองแต่ละคน ก่อนจะหันมาทางคนตั้งคำถามอีกครั้ง

“จริง ๆ แล้วผมอยู่กับทุกคนที่นี่ก็มีความสุขดีทั้งนั้น แทบไม่มีใครเหนือกว่าด้อยกว่าเลย ...แต่ถ้ายังไงก็จะเอาคำตอบให้ได้ ...เพื่อนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด ก็คือ วินครับ”

กวินนิ่งอึ้งแล้วจึงเผลอกำหมัดแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างดีใจตามมา ส่วนการินนั้นทั้งที่รู้สึกโหวง ๆ ในอก แต่เขาก็ยังคงดีใจที่เห็นรอยยิ้มของคนข้างกายแบบนี้

ทางด้านภูริเองก็นิ่งอึ้งและเงียบขรึมไปสักพัก จนไกรสรหันมาทางเขา แล้วถามขึ้นบ้าง

“แล้วเธอล่ะ ใครที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด หวังว่าคงจะมีสินะ...”

ไกรสรเอ่ยยั่ว ทำให้รุจถอนหายใจแรง ๆ แล้วเหลือบมองคนข้างกายอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์ พอไกรสรหันมาเห็นจึงยักไหล่นิด ๆ แล้วเลิกแหย่กระเซ้าให้ภูริโมโห พลางนิ่งรอคำตอบแทน

“...สำหรับผมก็คงเป็น รุจมั้ง ก็เขาเป็นรุ่นพี่แล้วก็รูมเมทผมนี่”

ภูริบอกแค่นั้นแล้วเงียบขรึมไปอีก ไกรสรอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นบรรยากาศอึมครึมที่เริ่มก่อตัว เขาจึงตัดบทสนทนาแล้วแสร้งเปรยขึ้นดัง ๆ

“เอาล่ะ! เวลาเหลืออีกเกือบชั่วโมงพวกเธอจะเล่นน้ำกันต่อ หรือไปรวมตัวรอกันที่สระด้านในก็ได้นะ ส่วนฉันขอตัวไปหาพวกปวีร์ก่อนล่ะ”

จากนั้นชายหนุ่มก็เดินนำไป โดยไม่วายหันมาส่งสายตาให้กับรุจ อีกฝ่ายถอนหายใจแล้วเดินตามไปเงียบ ๆ ส่วนธีรัชก็ตบบ่าเพื่อนสนิทแล้วถามขึ้นด้วยเสียงเบาคล้ายกระซิบไม่ให้คนอื่นนอกจากภูริได้ยิน

“โอเคไหมเพื่อน...ก็แค่เกมตอบคำถามก็แค่นั้นน่า ไม่ได้หมายความว่านายจะแพ้สักหน่อย”

ทางด้านภูรินิ่งรับฟัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“ฉันเองก็กลับไปด้านในบ้างดีกว่า”

ธีรัชมองเพื่อนที่เดินจากไปอย่างไม่คิดรอเขา แล้วจึงยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะเดินตามภูริไปห่าง ๆ จนเหลือแต่เพียงพวกวาโย การิน และกวินยืนอยู่กันสามคนเท่านั้น โดยวาโยเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเขารู้สึกว่าภูริอารมณ์ไม่ค่อยจะดีผิดจากตอนที่แข่งเสร็จเป็นคนละคน

“เพราะฉันแพ้ เขาเลยโมโหหรือเปล่านะ...”

การินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พอเห็นเพื่อนกังวลก็รู้สึกผิด จึงรีบบอกออกไป

“ไม่หรอก...ถ้าจะโกรธก็น่าจะโกรธฉันมากกว่า ...ขอโทษนะโย ที่แกล้งโยนผ้าทิ้งไปแบบนั้น”

“บ้าน่า! มันเป็นเกมนี่ เป็นฉันไปถึงก่อนก็นึกอยากแกล้งอะไรแบบนั้นเหมือนกันนั่นล่ะ”

วาโยหันมาปลอบอีกฝ่ายแทน ก่อนจะชะงักเมื่อกวินถามขัดขึ้นเบา ๆ อย่างคนที่ค้างคาใจและกำลังคาดหวังบางอย่าง

“ง่า ...โย ทำไมถึงเลือกฉันล่ะ...ฉันนึกว่านายจะรำคาญฉันมากกว่าเสียอีก”

วาโยหันไปมองเพื่อนร่วมห้อง ส่วนการินนั้นชะงักเล็กน้อย แล้วเตรียมจะเลี่ยงเดินออกมา เพราะไม่อยากอยู่ขัดจังหวะทั้งคู่ แต่ยังไม่ทันก้าวเท้าเดิน วาโยก็ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา

“บ้าน่า ฉันจะรำคาญนายได้ยังไง ...ก็ฉันเจอนายเป็นคนแรก แถมนายยังเป็นรูมเมทของฉันอีกนี่นะ”

กวินนิ่งอึ้ง ก่อนจะฝืนยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยทวนออกไปแผ่วเบา

“เพราะเราเป็นรูมเมทและเจอกันก่อนใครงั้นหรอกหรือ...นายถึงได้เลือกฉัน”

“ใช่แล้ว เพราะงั้นเราถึงได้สนิทกันกว่าคนอื่นหน่อยนึงยังไงล่ะ”

วาโยบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันไปทางการิน

“แล้วรินก็เป็นคนที่สอง แต่ก็น้อยกว่าวินแค่นิดเดียวเองนะ”

การินพูดไม่ออก ยิ่งเหลือบไปเห็นสีหน้าผิดหวังของกวิน เขาก็ยิ่งสงสารอีกฝ่ายจับใจ แล้วรีบชวนวาโยเปลี่ยนเรื่องคุยแทน

“อืม...ขอบใจนะ... แต่ฉันว่าเราไปรวมตัวกันด้านในดีกว่า”

“เอ๋...เอางั้นหรือ...ก็ได้อยู่หรอก”

วาโยมองสระด้านนอกอย่างนึกเสียดายเล็กน้อย แต่เขาเองก็ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาส วันหยุดคราวหน้าจะลองนัดกับพวกจรัลดูสักครั้ง เพราะที่เคยคุยกันทางโทรศัพท์ ก็ทำให้รู้ว่าโรงพิมพ์ที่ชายหนุ่มทำงานอยู่ ก็หยุดวันอาทิตย์ด้วยเช่นเดียวกัน

“โย...บางครั้งนายก็ใจร้ายจังเลยนะ”

กวินพึมพำกับตัวเอง ทำเอาคนที่เดินนำหน้าไปก่อนหันมามองอย่างแปลกใจ เพราะเขาได้ยินไม่ค่อยชัดนั่นเอง

“มีอะไรหรือเปล่าวิน”

“...ไม่มีหรอก ฉันก็บ่นอะไรกับตัวเองเรื่อยเปื่อยนั่นล่ะ”

“ประหลาดจริงนะนาย งั้นเราตามคนอื่น ๆ ไปกันเถอะ แต่ละคนเดินจ้ำไปโน่นกันหมดแล้ว”

วาโยบอกแล้วหันหลังกลับไปเดินต่อโดยไม่คิดใส่ใจคนด้านหลังที่ตามมา ส่วนการินที่อยู่ข้าง ๆ กวินและได้ยินคำพูดนั้นชัดเจนดี ถึงกับพูดอะไรไม่ออก และรู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่แกล้งโยนผ้าขนหนูของวาโยทิ้งไป บางทีเหตุการณ์อาจจะไม่กลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้

“ไปกันเถอะริน โยเดินลิ่ว ๆ ไปโน่นแล้ว ...เฮ้ย! ริน นายเป็นอะไรน่ะ!”

“ฉัน...ฉันเป็นอะไรหรือ...อ๊ะ...”

การินชะงักเมื่อรู้สึกถึงน้ำใส ๆ ที่อาบใบหน้า เขาพยายามเบือนหน้าไปอีกทางแล้วใช้แขนทั้งสองปาดน้ำตาของตัวเองยกใหญ่

“ไม่เป็นไร แค่น้ำเข้าตาแล้วแสบตาก็แค่นั้น นายรีบตามโยไปเถอะ”

กวินมองเพื่อนอย่างแปลกใจเขาขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจับอีกฝ่ายหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างพิจารณามากกว่าเดิม

“น้ำเข้าตาบ้านนายสิ ถึงได้น้ำตาไหลพรากแบบนี้ ตกลงนายเป็นอะไรกันแน่ บอกฉันไม่ได้หรือไง เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือริน”

การินที่พยายามกลั้นสะอื้น ยิ่งหลุดร้องไห้หนัก เพราะสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของอีกฝ่าย เขาบอกตะกุกตะกักจนกวินเกือบจับใจความไม่ได้ และเมื่อรับฟังจนพอจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้แล้ว กวินก็ถอนหายใจแรง ๆ แล้วขยี้เส้นผมอีกฝ่ายเบา ๆ

“คิดมากน่า! ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย เพราะนายทำให้พวกเราไม่ต้องเป็นที่โหล่ มันก็ดีแล้วนี่”

“ตะ...แต่...”

การินแย้งทั้งสะอื้น ทำให้อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนและรวบร่างเล็กมากอดโดยไม่สนสายตาใคร

“นายเป็นคนดีจังนะริน... ขอบใจนะที่แคร์ความรู้สึกฉันขนาดนี้”

การินหน้าแดงวาบ เขารีบผลักร่างของกวินออกห่าง แล้วโพล่งใส่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาที่ไหลเมื่อครู่เหือดหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

“บ้า! ใครแคร์กัน! ฉันก็แค่รับหน้าที่ที่ปรึกษามาแล้ว ก็อยากทำให้ดีที่สุดก็แค่นั้นเอง!”

บอกแล้วการินก็เดินจ้ำพรวด ๆ ไปทางทิศของสระส่วนตัว โดยมีกวินมองตามอย่างงุนงงกับท่าทางที่เปลี่ยนปุบปับของอีกฝ่าย

“ฉันไม่ได้แคร์นายเลยนะ!”

การินหันกลับมาตะโกนบอกอีกรอบ ทำให้กวินถอนหายใจแล้วยกสองมือยอมแพ้ อีกฝ่ายก็ค้อนเข้าให้ ก่อนจะเดินนำไปอีกสักหน่อย แล้วหันกลับมาอีกครั้ง

“แต่ยังไงก็ขอบคุณ...ที่ช่วยปลอบนะ”

คนพูดบอกไม่ดังมากนัก แต่ใบหน้าเขินอายแดงระเรื่อนั้นก็ทำให้คนมองถึงกับตกตะลึง และกว่าจะรู้สึกตัวการินก็เดินจากไปได้สักพักหนึ่งแล้ว




… TBC …



จบไปอีกตอน ...ความรักของหนุ่ม ๆ นี่ก็ยังไม่ลงตัวสักที ...หลายคนอาจจะลุ้นให้หนุ่มวินไปชอบการินเร็ว ๆ แต่มันก็คงเร็วแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเจ้าตัวก็ยังรักโยอยู่ ถึงจะมีหวั่นไหวกับการินบ้าง แต่ในใจนี่ก็ยังมีโยอยู่นะ ...

จะว่าไปเขียนถึงหนุ่มวิน นี่ก็แอบสงสารเจ้าตัว ตอนแรกตั้งใจจะให้เป็นพระเอกคู่โย...แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น จะจับ 3P ไปแทนดีไหม ...พอไปต่อเรื่อย ๆ ก็กลายมาเป็น เอ หรือจะจับโยนเป็นเคะให้นายเจเพื่อนโยแทนดี ...จนล่าสุดนี่ หรือจะยกให้หนูรินที่แอบชอบเจ้าตัวอยู่ดี ....


สรุป คนเขียนก็ยังเลือกไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะค่ะ (กวิน : คนเขียนใจร้าย!!) ฮ่า ๆ แต่ยังไงไม่ว่าคู่กับใคร ลูกรักคนนี้ ก็ต้องมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ (ถึงอาจจะถูกกลั่นแกล้ง ให้เจ็บปวด เสียน้ำตาบ้างก็เถอะ ...หึๆๆๆๆ)

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อ่านะ ตกลงจะให้ใครคู่ใครล่ะค่ะคนแต่ง เลือกไปซักหน่อย เหอะๆ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
น้องโยทำคุณภูริอารมณ์เสียซะแล้ว ก็ไม่ได้สนิทกันหนิเนอะโย
สงสารวินและสงสารรินด้วยแอบรักเขาข้างเดียวเหมือนกัน

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เง้อออ คุณภูริอย่าคิดมาก น้องโยใสซื่อมากมาย 5555

แต่เขาชอบนะ สงสารวินนะ แต่สงสารรินมากกว่า

5555 ตัดใจจากโยแล้วมาชอบรินแทนเถอะ หรือจะยุรินให้คุณธีรัชดีน้าา

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
จะยังไงต่อละทีนี้

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สงสารใครดีฟระ  สงสารตัวเองดีกว่า  น้องโยตอบไม่ตรงกับที่คิดไว้

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
รีบห้ามใจกับโย แล้วมาปล่อยใจกับริน  ยังทันอยู่นะจ๊ะหนุ่มวิน  :o8:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
 :o8:
เพิ่งมาอ่าน แล้วก้อ่านตามทันจนได้ ...

สนุกมากๆเลยค่า   .... ~ o13

รอ รอ รอ ตอนต่อไป  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
วินหันมาสนใจรินเลยนะ รู้สึกสงสารรินมากเลย

ส่วนโยก็ยกให้คุณภูไปเลย ฮ่าๆๆ

ปล.ตอนนี้แอบทำให้หลายคนเจ็บ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คิดอยู่ว่าเพื่อนที่สนิทน่าจะเป็นวินนั่นแหละ แต่ก็แค่เพื่อนไง ถ้าคนที่ชอบนี่หนูโยเขายังไม่รู้ตัว :z1:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้ว่าใครจะคู่ใครอะ o18 o18

รออ่านจ้า :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
.... มาแบบยาว ๆ จุใจกว่าเดิม  แถมตอนนี้บอกได้เลยว่า มีทุกรสชาติ ....ขอเชิญอ่านได้เลยค่ะ ...หึ ๆ (หัวเราะแบบมีเลศนัย)
 o18


Miracle Café / 32



    ปวีร์สังเกตเห็นความอึมครึมจากพนักงานบางคนของเขาที่มารวมตัวกันบริเวณสระ แล้วก็ต้องนิ่วหน้า จากนั้นชายหนุ่มจึงเรียกรุจมาถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็เล่าไปตามตรง พอได้ฟังแล้วปวีร์ก็ถอนหายใจ แล้วเหล่มองไกรสรที่เดินตามรุจมาด้วยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

    “พี่ไกรนี่จริง ๆ เลยเชียว ชอบหาเรื่องยุ่งมาให้ผมอยู่เสมอตั้งแต่เมื่อก่อนนั่นแล้วนะ”

    “...สงสัยเขาคงจะแอบชอบคุณมานานแล้วก็ได้มั้งครับ ถึงได้ทำอย่างนั้น”

    รุจเปรยขัดด้วยใบหน้าเอือมระอา ทำให้ปวีร์ขมวดคิ้วประหลาดใจ ส่วนไกรสรที่ได้ยินก็ยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจ

    “แบบนี้สิ ...ค่อยเหมือนหึงหน่อย...  อ๊ะ ไม่ได้สิ ฉันต้องทำหน้าที่ง้อแก้ความเข้าใจผิดสินะ”

    “ไม่ต้องก็ได้ครับ ...อ้อ ผมทำตามสัญญาแล้วนะ ขออนุญาตไปใช้เวลาส่วนตัวบ้างล่ะครับ”

    รุจเปรยตอบอย่างเซ็ง ๆ ส่วนปวีร์ก็มองตามลูกน้องที่เดินห่างไป แล้วหันมาถามคนที่อยู่ใกล้ ๆ

    “เล่นอะไรกันน่ะพี่...”

    “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากให้เด็กของนายหึงให้ดูเฉย ๆ   อ้อ ... ก็แค่เกมน่าราเมศ ไม่ต้องทำหน้าบึ้งอย่างนั้นหรอก ถ้าฉันชอบแฟนนายจริง ๆ ฉันแย่งไปตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เค้ารอนายรู้สึกตัวมาถึงป่านนี้หรอก”

    ไกรสรบอกจบก็เดินฮัมเพลงจากไป ส่วนปวีร์หันมามองคนข้าง ๆ แล้วก็หลุดยิ้มน้อย ๆ ออกมา

    “หึงฉันหรือ...”

    ราเมศไม่ตอบ แต่เบือนหน้าหนีไปด้วยความเขินแทน เขายอมรับว่ารู้สึกหึงปวีร์กับไกรสรขึ้นมาจริง ๆ เมื่อได้ยินรุจพูด เพราะแต่ไหนแต่ไรทั้งคู่ก็มักจะคุยกันถูกคอ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวเป็นประจำอยู่แล้ว

    “ฉันรักนายคนเดียว ...ยืนยันด้วยความรักกว่าสิบปีของฉันได้เลยล่ะ”

    ปวีร์กระซิบบอกคนข้างกาย แล้วจึงลุกขึ้นไปดูพนักงานของเขาแต่ละคน ทิ้งให้คนข้าง ๆ นั่งยิ้มมองตามไปอย่างอารมณ์ดี  ส่วนปวีร์ก็ไปพูดคุยล้อเล่นกับคนอื่น ๆ จนบรรยากาศอึมครึมกลับมาตามปกติ จากนั้นทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมกลับ โดยปวีร์นำทีมไปอำลาอนุชิตและกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย และให้สัญญาว่าจะบอกต่อเรื่องสระว่ายน้ำของชายหนุ่มกับคนรู้จักของเขา รวมไปถึงลูกค้าที่ร้านได้ทราบแน่นอน

   

    เช้าวันจันทร์...พนักงานแต่ละคนพากันแปลกใจ เพราะวันนี้ปวีร์ไม่มาทำงาน ถามราเมศอีกฝ่ายก็ตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง และบอกเพียงว่าปวีร์ไม่สบาย เลยต้องนอนพักผ่อนอยู่บ้าน คนอื่นพอได้ฟังต่างก็เชื่อสนิทใจ ยกเว้นรุจที่มองด้วยสายตาตั้งคำถามและรอยยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ทำให้ราเมศรู้สึกโล่งอกแม้จะอดคิดไม่ได้ว่า อีกฝ่ายคงพอคาดเดาเรื่องที่ปวีร์หยุดงานวันนี้ได้ไม่มากก็น้อยบ้างแล้วแน่

     “เป็นห่วงคุณปวีร์จังแฮะ ไว้งานเลิกแล้วแวะไปเยี่ยมกันไหม?”

    วาโยหันไปถามการินซึ่งนิ่วหน้าแล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ

    “ไม่ล่ะ กว่าร้านจะเลิกก็ค่ำแล้ว อีกอย่างอานั่นก็เป็นอะไรได้ไม่นานหรอก แป๊บ ๆ ก็หาย เห็นแบบนั้นเขาแข็งแรงจะตาย นี่มาป่วยแค่เพราะเล่นน้ำฉันยังแปลกใจเลย”

    การินพึมพำ ทำเอาราเมศที่ได้ยินชะงักเล็กน้อย แต่ก็ทำเป็นเมินเฉย จนรุจที่อยู่แถวนั้นลอบยิ้ม ก่อนจะหันไปทางประตูที่เปิดออกพร้อมกับขวัญแก้วและขวัญตาที่ปรากฏกายขึ้น

    “สวัสดีจ้า หนุ่ม ๆ เมื่อวานเล่นน้ำกันสนุกดีไหม”

    คนอื่นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ตามมาว่าทั้งสองสาวนั้นเป็นน้องแท้ ๆ ของไกรสร การที่ชายหนุ่มจะเล่าอะไรให้ฟัง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก

    “น่าเสียดาย ถ้ารู้ก็จะตามไปด้วยแล้ว ไม่ปล่อยให้ไปกันแค่หนุ่ม ๆ หรอก ...อ้อ รุจจ๊ะ มีคนเอาดอกไม้มาฝากน่ะ”

    ดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ก้านยาวเข้าช่อ แม้จะมีแค่ดอกเดียว แต่ดูลักษณะแล้วก็คงไม่ใช่ดอกไม้ที่ราคาถูกเป็นแน่

    “เจ้าตัวเขามาไม่ได้เลยฝากมา ฉันว่าจะไม่รับฝากแล้วล่ะ แต่กลัวมีปัญหา ก็เลยต้องเอามาส่ง อ้อ...ขอถ่ายรูปยืนยันด้วยนะ เดี๋ยวรายนั้นจะหาว่าฉันเอาดอกไม้เขาไปทิ้งกลางทางน่ะ”

    รุจถอนหายใจเบา ๆ แล้วปล่อยให้ขวัญแก้วถ่ายรูปเขากับดอกไม้ผ่านมือถือของเจ้าหล่อน ก่อนจะวานให้หญิงสาวนำดอกไม้ที่ได้รับไปปักแจกันประดับร้านแทน โดยมีสายตาพิศวงของพนักงานบางคนมองตามอย่างแปลกใจ

    “ตกลงหมอนั่นเขาเปลี่ยนมาจีบนายแทนหรอกหรือ...”

    ภูริเดินมาถามเสียงค่อย ด้วยสีหน้าสงสัย รุจยิ้มน้อย ๆ แล้วแสร้งตอบรูมเมทของตน

    “ไม่รู้สิ อาจจะจีบหว่านไปทั่วก็ได้ ...นายเองก็ระวังเอาไว้ล่ะ บางทีคราวหน้าที่เขามา เขาอาจจะเปลี่ยนมาเล็งนายแทนก็ได้นะ”

    ภูริขมวดคิ้วพลางสบถพึมพำในลำคออย่างรู้สึกขนลุกขึ้นมานิด ๆ ก่อนจะชะงักเมื่อหันไปเจอสายตาของวาโยจ้องเป๋งมาที่เขา และพออีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าเขามองตอบ ชายหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาหลบ แล้วเลี่ยงไปจัดโต๊ะทำความสะอาดด้านนอกร้านแทนทันที

    “ยังไม่คืนดีกันอีกหรือ เฮ้อ...ทำเหมือนเด็กแย่งเพื่อนกันไปได้... ถ้าไม่ใช่ที่หนึ่งเมื่อวาน ก็ทำให้เป็นที่หนึ่งในวันนี้และวันต่อไปแทนก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่นะ”

    ภูริสะดุ้งกับคำเปรยบ่นของรูมเมท เขายอมรับว่าเมื่อวานนี้เขารู้สึกหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์ที่วาโยเลือกกวินแทนเขา แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และทั้งคู่ก็เป็นรูมเมทที่อยู่ห้องเดียวกัน จะนับว่าสนิทกันที่สุดในร้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่พออีกฝ่ายเป็นกวินที่แข่งเรื่องความรักกับเขา เขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองพ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มรุ่นน้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    “เป็นฉันนะ...ฉันจะฉวยโอกาสนี้แกล้งงอนให้ง้อเสียเลย ...แต่แน่นอนว่า ฉันคงไม่บึ้งใส่ให้เขากลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้แบบนี้แน่...”

    รุจเอ่ยเสริม ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ทำให้คนฟังขมวดคิ้ว ภูริพอจะเข้าใจหรอกว่ารุจอยากให้เขาทำอะไร แต่เขาก็เขินเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น แต่พอเห็นกวินเดินผ่านพวกเขาออกไปด้านนอก แล้วพูดคุย ทักทาย ยิ้มแย้มกับวาโยตามปกติ ชายหนุ่มก็ต้องนิ่วหน้าขมวดคิ้วขึ้นอีกรอบ

    “หมอนั่นน่ะ...ขนาดโดนโยย้ำหลายต่อหลายครั้งว่าเป็นแค่เพื่อน  แต่เขาก็ยังไม่ถอดใจ และพยายามขนาดนั้นแท้ ๆ”

    เสียงการินเปรยขึ้นใกล้ ๆ ทำให้ภูริสะดุ้งโหยง แล้วหันไปมองชายหนุ่มหน้าสวยอย่างประหลาดใจ อีกฝ่ายนั้นจ้องเขานิ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง

    “ถ้าไม่ชอบโยได้เท่าหมอนั่น คุณก็ถอยออกมาดีกว่านะครับ”

    การินพูดจบก็เดินเลี่ยงไปดูแลปัดกวาดเช็ดถูโต๊ะด้านในร้านต่อ ทำให้ภูรินิ่งอึ้ง เขารู้สึกอิจฉากวินอยู่เสมอที่สามารถพูดคุยสนิทใจกับวาโยได้ขนาดนั้น แต่ตรงกันข้ามหากเขาเป็นกวิน เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถยิ้มกับวาโยที่คิดกับตนแค่เพื่อนได้แบบนี้หรือไม่

     “เรื่องการต่อสู้แย่งชิงความรักของคนเกินสองคน ยังไงมันก็ต้องมีคนผิดหวังและสมหวังอยู่แล้วล่ะนะ ...แต่ถ้าจะต้องผิดหวังเพราะไม่ได้ทำเต็มที่ ...นายคิดว่ามันดีแล้วหรือ”

    รุจเปรยเบา ๆ คล้ายพูดกับตัวเอง พอได้ยินดังนั้น ก็ทำให้ภูริกำมือแน่น แล้วจึงตัดสินใจกระทำบางอย่างขึ้นมาบ้างภายในวันนั้น

   

    พอเริ่มมีลูกค้าเข้าร้าน แต่ละคนก็ตั้งอกตั้งใจทำงานกันเต็มที่ แม้แต่ธีรัชที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ก็ยังขยันขันแข็ง จนราเมศที่มีอคติเรื่องความเจ้าชู้ของชายหนุ่มในตอนแรก ยังนึกชื่นชมและลดอคติลงไปเกือบหมด

    “ธี...ฝากไปให้เด็กนั่นหน่อยสิ”

    ภูริที่แอบหยิบกระดาษแสดงความเห็นของทางร้าน มาเขียนข้อความบางอย่าง ฝากธีรัชไปส่งให้กับวาโยที่รับผิดชอบด้านนอกในช่วงนี้  ธีรัชมองกระดาษที่พับในมือและใบหน้ากึ่งเขินกึ่งเฉยแปลก ๆ ของเพื่อนก็ต้องอมยิ้ม แล้วพึมพำเบา ๆ

    “ไว้ใจกามเทพคนนี้ได้เลยเพื่อนรัก”

    จากนั้นเจ้าตัวจึงเดินไปหาวาโย โดยทำทีเหมือนออกมาช่วยดูแลด้านนอกปกติแต่กลับส่งกระดาษที่ได้รับมาให้อีกฝ่าย

    “คนหน้าดุข้างในเขาฝากมาให้น่ะ”

    วาโยชะงักและรีบเปิดอ่าน ก่อนจะหน้าแดงนิด ๆ อย่างไม่อาจห้ามได้ จากนั้นเขาจึงหยิบปากกามาเขียนอะไรบางอย่างตอบต่อท้ายข้อความในกระดาษแผ่นนั้นกลับไป

    “ฝากคุณธีรัช ส่งให้ เอ่อ...เขา หน่อยได้ไหมครับ”

    ธีรัชมองคนตรงหน้าแล้วก็อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะรับกระดาษที่พับไว้เรียบร้อยแล้วนั้นมา มองจากปฏิกิริยาของวาโยแล้ว เพื่อนของเขาคงจะมีหวังลุ้นได้ไม่ยากนักหรอก

    “เอ้า! นี่สารตอบจากเจ้าหญิง ...ถ้าจะแลกเปลี่ยนจดหมายกันอีก รอบนี้ก็เดินไปบอกเองแล้วกัน เพราะคนรับเขาคงไม่รังเกียจอะไรหรอก”

    ธีรัชส่งกระดาษแผ่นนั้นคืนกลับมาให้กับภูริ ชายหนุ่มรับมาแล้วหามุมไปเปิดอ่านเงียบ ๆ ลำพัง ก่อนจะหลุดยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้อ่านข้อความที่เขียนต่อท้ายประโยคของเขา



    อีกด้านหนึ่งวาโยที่ได้รับข้อความของอีกฝ่ายและตอบกลับไป ก็ยังคงมีใบหน้าแดงระเรื่อให้เห็น  เขาหวนคิดถึงข้อความของอีกฝ่ายบนกระดาษ ซึ่งเขายังคงจดจำเนื้อหาในนั้นได้เป็นอย่างดี

     ‘ถ้าไม่นับรูมเมทของนายแล้ว เวลาอยู่กับฉันล่ะ...เคยรู้สึกดีบ้างไหม’

    “เขาคิดอะไรนะ ถึงได้ถามแบบนี้... แสดงว่าเมื่อวานที่โมโหนั่น ก็แค่น้อยใจใช่ไหมนะ”

    วาโยพึมพำกับตัวเอง รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด เมื่อรู้ว่าภูริไม่ได้โกรธเขาจริงอย่างที่เขากังวล

    “ตอบไปแบบนั้นจะดูแปลกไหมนะ... ไม่หรอก ก็คงคิดว่ามันปกตินั่นล่ะ”

    วาโยไม่แน่ใจว่าภูริจะรู้สึกเช่นไรหากได้อ่านข้อความตอบกลับของเขา ที่พอมาลองทบทวนดูในตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะแปลกไปนิด หากจะเขียนถึงคนเป็นเพื่อนกันแบบนั้น

    ทว่าเพราะตอนนี้วาโยนั้นอยู่ด้านนอก จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนด้านในบางคน ซึ่งกำลังอารมณ์ดีผิดหูผิดตาจนพนักงานคนอื่นยังนึกสงสัย ยกเว้นธีรัชที่รู้ดี แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ถึงข้อความข้างในกระดาษแผ่นนั้น เพียงแต่แน่ใจว่าวาโยต้องเขียนอะไรที่มันดีมากจนเพื่อนของเขาถึงกับยิ้มได้ขนาดนี้

    “บอกบ้างสิ เห็นอารมณ์ดีแบบนี้ก็ชักอยากรู้บ้างแล้วล่ะ... น่านะ ถือว่าเป็นรางวัลตอบแทนที่เดินส่งสารให้แล้วกันนะ”

    ธีรัชตามตื๊อถามเพื่อนไม่ห่าง ทำให้ภูริเริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่ฝากอีกฝ่ายเอาข้อความไปส่งให้

    “อ่านเองแล้วกัน...แล้วอย่าปากมากล่ะ”

    ภูริกระซิบขู่ ทว่าคนเป็นเพื่อนไม่ได้นึกกลัวอะไร มิหนำซ้ำยังรับกระดาษแผ่นนั้นมาเปิดอ่านอย่างร่าเริงแทน ก่อนจะชะงักแล้วพับเก็บส่งคืนเจ้าของ พลางยิ้มน้อย ๆ เอ่ยแซวอีกฝ่าย

    “หวานจังว่ะ...อ่านแล้วเขินแทนเลย”

    “บอกแล้วไงว่าอ่านแล้วอย่าปากมาก”

    ภูริกระซิบเสียงดุ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อวาโยกลับเข้ามาในร้าน เนื่องจากลูกค้าที่นั่งด้านนอกสั่งเช็คบิล ทว่าระหว่างเดินไปหารุจ ชายหนุ่มก็เหลือบมามองภูริ แล้วก็ต้องยิ้มน้อย ๆ เมื่อภูริยิ้มตอบ ก่อนจะรีบหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียงกระแอมแซวเบา ๆ ของรุจที่ลอบมองทั้งคู่อยู่

    “แหม ๆ พอรู้ว่าเขาชอบให้ยิ้ม ก็รีบยิ้มโกยคะแนนใหญ่เลยนะ”

    ธีรัชเอ่ยแซว ซึ่งภูริก็ทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินเลี่ยงไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ โดยมีสายตาของอีกฝ่ายมองตามไปอย่างนึกขำ เพราะเขานั้นจดจำถ้อยคำที่วาโยตอบมาในกระดาษแผ่นนั้นได้เป็นอย่างดี

    ‘ผมเองก็รู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้คุณนะครับ... ยิ่งเวลาคุณยิ้มให้ ก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก’

    “เอาล่ะ เพื่อนเรานำไปแล้วแต้มนึง แล้วทางนั้นล่ะ จะทำยังไงต่อไปกันนะ ...แถมยังมีเรื่องของคุณหนูเข้าไปเอี่ยวด้วย มันช่างอีรุงตุงนังกันดีแท้ พวกนี้”

    ธีรัชพึมพำกับตัวเอง เขาพอมองออกเรื่องความรู้สึกของทั้งกวินและการิน เขาเองก็อยากจะช่วยคุณหนูหน้าสวยนั่นให้สมหวังอยู่หรอก แต่เรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้ ยกเว้นเพื่อนของเขาจะชนะใจวาโยได้ การินก็คงได้มีสิทธิ์ลุ้นกับกวินอยู่บ้าง เพราะดูแล้วกวินก็ไม่ได้นึกรังเกียจอะไรการินสักนิด และถ้าไม่มีวาโยในหัวใจเจ้าตัวล่ะก็ อีกฝ่ายก็คงชอบการินได้ไม่ยากนักหรอกนะ

    “เฮ้อ! ฉันนี่มันเป็นทั้งพ่อพระ ทั้งกามเทพ เลยนะ”

    ธีรัชเปรยชมตัวเองเบา ๆ ตั้งแต่รู้ว่าใจการินไม่ว่าง เขาก็ไม่คิดจะเซ้าซี้และดึงการินมาทางเขา นอกเสียจากว่าการินจะถูกปฏิเสธและตัดใจจากกวินได้ ถึงตอนนั้นเขาก็ค่อยเข้าไปจีบอีกทีก็ยังไม่สาย

    ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงนิสัยเสียของตัวเอง ที่ชอบถูกใจคนอื่นไปเรื่อย แถมยังไม่คิดจริงจังกับใครแบบนี้ แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นว่า วันใดถ้าเขาเจอคนที่คิดว่าใช่จริง ๆ ขึ้นมา เขาก็พร้อมจะหยุดเรื่องไม่ดีทุกอย่างที่เคยทำก่อนหน้านั้น และเริ่มต้นปรับปรุงตัวเสียใหม่เพื่อคนที่เขารักจริงอย่างแน่นอน



   เมื่อถึงเวลาพักของพนักงานรอบแรก ซึ่งเวรพักของวันนี้เป็นเวรของกวินและวาโย  ทางด้านการินนั้นแอบกระซิบเอาใจช่วยให้กวินทำคะแนนกับอีกฝ่ายให้สำเร็จ  ส่วนภูริแม้ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดอะไรออกมา เพราะถือว่านี่คือการแข่งขันระหว่างเขากับกวินนั่นเอง

    และเมื่อวาโยกับกวินทานข้าวกลางวันเรียบร้อย พวกเขาก็ขึ้นไปนั่งพักผ่อนและคุยเล่นกันที่ด้านบนห้องพักของพนักงานอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งกวินเริ่มตัดสินใจเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงความในใจของวาโยขึ้นมาบ้าง

    “โย...นายคิดว่าคุณภูริเขาเป็นยังไงบ้าง...น่าคบดีไหม”

    วาโยสะดุ้งกับคำถามของรูมเมท เจ้าตัวหน้าแดงนิด ๆ แล้วอุบอิบตอบไม่เต็มเสียง

    “คุณภูริเขาก็เป็นคนดีน่าคบนี่...ถามทำไมหรือ”

    กวินฝืนยิ้มกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เพราะมันแสดงออกชัด ๆ ว่าแตกต่างจากเพื่อนคนอื่นที่วาโยรู้จัก

    “แล้วถ้านายเป็นผู้หญิง แล้วเขามาชอบนายล่ะ ...นายจะชอบเขาไหม”

    คำถามที่ตามมาทำให้คนฟังสะดุ้ง แล้วเงยหน้ามองคนถามอย่างประหลาดใจ

    “ทำไมถามอะไรแบบนี้ล่ะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน”

    “ก็สมมุติยังไงล่ะ”

    กวินบอกเรียบ ๆ แล้วรอคอยคำตอบของอีกฝ่าย วาโยมีสีหน้าขัดเขินปนลำบากใจ แล้วจึงตอบเสียงแผ่ว

    “ถ้าฉันเป็นผู้หญิง...ก็คงชอบเขาได้ไม่ยากล่ะนะ”

    กวินเงียบกริบ เขานิ่งไปสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ

    “แล้วกับฉันล่ะ...จะชอบได้บ้างไหม”

     “เอ๋...กับนายน่ะหรือ”

    คราวนี้วาโยมองเพื่อนด้วยความประหลาดใจยิ่งขึ้น กวินมีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วจ้องเขานิ่งอย่างน่ากลัว

    “เอ่อ...วิน ฉันว่าเราลงไปด้านล่างกันดีไหม...นี่ก็ใกล้เวลาเปลี่ยนเวรแล้วนะ”

    วาโยเลี่ยงตอบ และทำท่าจะลุกขึ้น แต่กวินนั้นฉุดแขนเขาเอาไว้ แล้วถามเสียงกระชาก

    “บอกมาสิ! ถ้าเป็นกับฉันล่ะ นายจะชอบบ้างไหม จะยอมคบด้วยหรือเปล่า!”

    “ถามอะไรไร้สาระกันวิน ...วันนี้นายแปลก ๆ ไปนะ”

    วาโยบอกกลับอย่างสงสัยปนหวาดหวั่น เพราะท่าทางของกวินนั้นผิดจากทุกทีที่เขาเคยเห็น

    “กับเขานายโอเค แต่กับฉันมันไร้สาระสินะ!”

    กวินบอกอย่างแค้นใจ แล้วดึงร่างเล็กแรง ๆ จนอีกฝ่ายเสียหลัก ล้มไปด้วยกันบนพื้นพรม จากนั้นกวินจึงจับร่างของวาโยตรึงไว้โดยมีร่างของเขาคร่อมทับอีกที จนวาโยถึงกับนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก แต่พอกวินจะก้มลงมาเหมือนจะจูบเขา ชายหนุ่มร่างเล็กก็รีบเบือนหน้าหนี จนอีกฝ่ายพลาดเป้าไป

    “โย...นายรังเกียจฉันใช่ไหม...ต้องเป็นเขาถึงจะได้อย่างนั้นหรือ”

    กวินถามด้วยสีหน้าเจ็บปวดแล้วพยายามจะปล้ำจูบอีกฝ่ายให้ได้อีกครั้ง ทว่าคราวนี้วาโยฮึดสู้ เจ้าตัวขืนร่างแล้วงอเข่ากระแทกท้องอีกฝ่ายเต็มแรง จนกวินลงไปนอนจุก วาโยจึงผลักรูมเมทออกไปข้าง ๆ แล้วจ้องมองคนที่นอนอยู่ด้วยสายตาผิดหวัง

    “ทำไมกันวิน...ทำไมต้องเป็นทำแบบนี้  ฉันเป็นเพื่อนนายไม่ใช่หรือไง!”

    คนนอนจุกแค่นหัวเราะ พลางบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงขมขื่น

    “ใช่สิ... ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ไหน ทำดีด้วยเท่าไหร่ ฉันก็เป็นได้แค่เพื่อนนายเท่านั้น...”

    วาโยเงียบกริบ ก่อนจะชะงักนึกขึ้นได้ เขาหวนทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา คำพูด และท่าทางที่ชายหนุ่มแสดงต่อเขา รวมไปถึงเรื่องที่กวินเคยมาปรึกษากับเขาก่อนหน้านั้น

    “เรื่องเพื่อนที่แอบชอบเพื่อนตัวเองนั่น ...เป็นเรื่องของนายสินะวิน”

    กวินเงียบไม่ยอมตอบอะไร  เขานิ่งไปจนวาโยใจหาย  ชายหนุ่มขยับไปนั่งใกล้ ๆ แล้วแตะไหล่ของรูมเมท แต่ถูกสะบัดหลบ แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระชาก

    “ไม่ต้องมาสงสารฉัน! ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมาทำดีด้วยหรอก ...นายทำแบบนี้ฉันยิ่งสมเพชตัวเองเข้าไปอีก!”

    “ขอโทษวินฉันไม่เคยรู้เลย...ไม่เคยรู้สักนิด...ฉัน...”

    วาโยที่หดมือของตัวเองบอกเสียงสั่นเครือ น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้มทั้งสอง ด้วยความสงสารเพื่อนจับใจ เขาไม่เคยรู้สักนิดว่าใบหน้ายิ้มแย้มที่มีให้เขาตลอด จะซ่อนความรู้สึกบางอย่างต่อเขาเอาไว้ โดยเขาไม่เคยสัมผัสมันได้ และไม่อาจจะตอบรับอีกฝ่ายได้ในแบบเดียวกับที่กวินต้องการ



        ทั้งคู่นิ่งเงียบไปสักพัก จนกระทั่งกวินค่อยยังชั่ว เขายันกายลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับคนที่นั่งตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มามาก ชายหนุ่มเม้มปากแน่น พลางดึงร่างเล็กนั่นมากอด โดยที่วาโยนั้นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะชะงักเมื่ออีกฝ่ายบอกกับเขาแผ่วเบา

    “ขอโทษนะโย...ขอโทษที่รักนาย...แล้วก็ขอโทษที่ลืมตัว ทำเรื่องแย่ ๆ กับนายไปเมื่อครู่ด้วย”

    วาโยสะอื้นค่อย ๆ น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีก เขากอดอีกฝ่ายตอบ พลางกระซิบบอกกลับไป

    “อย่าพูดเลยวิน...ฉันขอร้อง...ถ้าพูดแล้วนายจะต้องมีสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้น...ก็อย่าพูดเลยดีกว่า”

     “ไม่ได้หรอกโย...ฉันต้องพูด ...ต้องบอกนายให้รู้ความรู้สึกของฉันทั้งหมด....ไม่อย่างนั้นมันก็ยังคาอยู่ข้างใน และฉันก็ไม่อาจจะตัดใจ และกลับเป็นเพื่อนกับนายเหมือนเดิมได้สักที”

    กวินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าขมขื่น แต่แววตาคู่นั้นฉายแววจริงจัง จ้องมองคนที่เงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากับเขานิ่ง

    “ฉันรักนายโย ...แล้วนายล่ะ รักฉันบ้างไหม มีฉันในหัวใจนายบ้างหรือเปล่า”

    วาโยนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    “ขอโทษนะวิน ...แต่ฉันคิดกับนายได้แค่เพื่อน...ฉันให้ได้แค่นั้นจริง ๆ ...ขอโทษ”

    กวินหลับตานิ่งด้วยหัวใจที่แตกสลายกับคำตอบที่ได้รับ แต่พอเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขากลับยิ้มน้อย ๆ ให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนแทน

    “ขอบคุณโย ...ขอบคุณที่พูดความจริง ...ขอบคุณที่ไม่โกหกกัน”

    วาโยพยักหน้าน้อย ๆ แล้วกอดอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะกระซิบถามเสียงสั่น

    “นับจากวันนี้ไป เราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมสินะวิน...ใช่ไหม”

    กวินมองคนที่กอดเขา แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกระซิบตอบ

    “แน่นอน... เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนี่ล่ะ...ถามอะไรโง่ ๆ แบบนั้น ...แล้วที่สำคัญคนที่ต้องถามคำถามนั้นมันควรจะเป็นฉันมากกว่า”

    วาโยเงยหน้ามองอีกฝ่าย เขาเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วบอกออกไปเบา ๆ

    “ก็ฉันกลัวนายจะเกลียดฉัน แล้วเลิกคบกันน่ะสิ...ฉันชอบนายนะวิน ถึงจะไม่ใช่ชอบในแบบที่นายต้องการก็เถอะ”

    กวินยิ้มรับน้อย ๆ  สำหรับเขาได้เพียงแค่นี้ ก็ควรที่จะพอใจได้แล้ว

    “อืม...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่มีวันเกลียดนายลงหรอกโย ...”

    ทั้งคู่นิ่งเงียบกันไปสักพัก ก่อนที่กวินจะเอ่ยขอร้องอะไรบางอย่างต่ออีกฝ่าย

    “โย...หลังจากนี้ฉันคงต้องพยายามตัดใจจากนายให้ได้ ...แต่ฉันขอได้ไหม ...ขอฉันจูบนายสักครั้ง...นะ”

    วาโยชะงักกึกหน้าแดง แล้วมีสีหน้าลำบากใจหนัก จนกวินต้องยิ้มน้อย ๆ

    “ไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่ชิงเฟิร์สคิสนายไปหรอก...ฉันก็แค่จะจูบแก้มนายก็แค่นั้น...แต่ถ้านายรังเกียจ ก็ไม่เป็นไร”

    กวินยิ้มเศร้า ๆ แล้วทำท่าจะผละออกไปจากร่างเล็ก จนวาโยนึกสงสารจึงจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะบอกเบา ๆ ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

    “ถ้าแค่ที่แก้มก็ไม่เป็นไร...”

    กวินชะงัก แล้วจึงยิ้มกว้างอย่างยินดี ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้หน้าอีกฝ่าย แล้วกระซิบบอก

    “ขอบคุณนะโย...”

    ‘แล้วก็ลาก่อนนะ...รักแรกของฉัน’

    กวินคิดในใจแล้วจูบเบา ๆ ที่แก้มของอีกฝ่าย แต่ทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงทุบผนังดังปึง พร้อมกับภูริที่มองอยู่ด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเจ็บปวด แล้วเดินจากไป โดยที่ทั้งวาโยและกวินยังไม่ทันพูดอะไรแก้ตัวสักคำ

    “เอ่อ...พวกฉันเห็นว่าได้เวลาเปลี่ยนเวรแล้ว ก็เลยขึ้นมาตามน่ะ...แต่ถ้าพวกนาย มีธุระคุยกัน...ฉันก็ขอตัวก่อน....”

    การินที่ขึ้นมาด้วยกันกับภูริบอกตะกุกตะกัก พวกเขาทันขึ้นมาเห็นตอนกวินจูบแก้มของวาโยเข้าพอดี ชายหนุ่มหน้าสวยคิดไปเองเช่นเดียวกับภูริว่า ทั้งคู่นั้นคงสารภาพรักและไปกันได้ด้วยดีแล้วแน่ และพอการินพูดจบเขาก็รีบหันไปอีกทาง น้ำตาเหมือนจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ แต่พอเขาจะเดินจากไป เสียงกวินก็เรียกไว้เสียก่อน

    “เดี๋ยวริน! นายเข้าใจผิดนะ พวกฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ ...เฮ้! โย! มัวอึ้งอะไรเล่า ตามไปอธิบายกับเขาสิ ถ้าเขาเข้าใจผิดมันก็ไม่ดีสำหรับนายใช่ไหมล่ะ!”

    วาโยที่นั่งตกตะลึงสะดุ้งได้สติจากเสียงเตือนของกวิน ก่อนจะมีทีท่าลุกรี้ลุกรนจนคนมองปวดใจ

    “ตะ...แต่ ...แล้วฉันจะบอกว่าอะไรล่ะ...แล้วทำไมเขาต้องโกรธด้วยล่ะ...ฉันกับเขาพวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันนะ...ฉัน...แล้วฉันจะทำไงดี...เขาโกรธฉันจริง ๆ หรือวิน...”

    “โย! ใช่เวลาจะสติแตกหรือไงกัน  มานี่! ไปด้วยกันเลย!  เฮ้! ริน! นายก็ตามมาด้วยนั่นล่ะ!”

    กวินดึงแขนวาโย แล้วบอกการินให้ตามเขามา ทางด้านการินที่ตอนนี้กำลังมึนงง ได้แต่เดินตามทั้งคู่ไปต้อย ๆ พวกเขาเดินลงมาด้านล่าง ก็เห็นภูริเปิดประตูหลังร้านทิ้งไว้ แล้วออกมายืนสงบสติอารมณ์ข้างนอก ทว่าพอภูริเห็นกวินจูงมือวาโยมาทางเขา ชายหนุ่มก็เบือนหน้าหนีแล้วเอ่ยถามเสียงห้วน

    “มีธุระอะไร!”

    กวินมองอีกฝ่ายนิ่ง แล้วจ้องมองวาโยที่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ก่อนกัดฟันกรอด แล้วโพล่งตอบไปเสียงดัง

    “ผมสารภาพรักกับโยเรียบร้อยแล้ว!”

    ภูริชะงักกึก ภาพที่กวินจูบแก้มวาโยย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง เจ้าตัวกำหมัดน้อย ๆ แล้วหันไปมองอีกฝ่าย ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยตอบห้วน ๆ

    “ก็ดีนี่ ยินดีด้วยแล้วกัน”

    ชายหนุ่มบอกแล้วทำท่าจะเดินกลับเข้าร้าน แต่ก็ถูกกวินเรียกไว้เสียก่อน

    “นี่คุณ! หัดฟังชาวบ้านเขาพูดให้จบเสียก่อนสิ  ผมสารภาพรักกับโยแล้ว และก็อกหักไปเรียบร้อย หมอนี่เขาคิดกับผมแค่เพื่อน ไม่ได้คิดกับผมในแง่นั้นสักนิด ...ส่วนจูบที่คุณเห็นนั่น...ผมก็แค่ขอเขาแทนการตัดใจแค่นั้นเอง”

    ท้ายประโยคเจ้าตัวบอกเสียงค่อยลง ทว่าคนที่ฟังกลับนิ่งอึ้ง ชะงักกึก แล้วมองวาโยกับกวินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

    “ผมมาก็เพื่อจะพูดแค่นี้...ที่เหลือ ใครอยากเคลียร์อะไรก็เชิญตามสบาย ผมไม่ยุ่งด้วย...อ้อ โย นายไม่ต้องรีบกลับไปทำงานหรอกนะ เดี๋ยวฉันทำแทนให้เอง ไม่ต้องห่วง”

    กวินหันไปยิ้มให้กับรูมเมทที่ยืนอึ้ง ๆ อยู่แถวนั้น ก่อนจะเดินไปทางการินที่จ้องมองเขาไม่กะพริบตา พลางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มเจื่อน ๆ

    “ฮะ ๆ อกหักเสียแล้วล่ะริน ...แย่จัง นายอุตสาห์ช่วยรับเป็นที่ปรึกษาแท้ ๆ”

    การินเงียบกริบ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยคู่นั้นจะค่อย ๆ มีน้ำตาไหลออกมา จนกวินตกใจ

    “เฮ้ย! รินเป็นอะไร!”

    “เจ้าบ้า! อกหักแล้วยังหัวเราะได้อีก ...นายมันบ้าที่สุดเลย วิน!”

    การินตวาดใส่ด้วยความรู้สึกโมโหที่เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ จนวาโยกับภูริสะดุ้ง เห็นดังนั้นกวินจึงดึงมือของการินไปข้างในด้วยกัน แล้วปิดประตูหลังร้าน ปล่อยให้วาโยและภูริอยู่ด้วยกันตามลำพัง

   


… TBC …



ตอนหน้าเริ่มเคลียร์...ในแต่ละคู่ค่ะ หลังจากนี้ก็อยากจับคู่แล้วเขียนอะไรหวาน ๆ สักทีล่ะนะ

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อ๋อยยย  หลากหลายอารมณ์แท้ว๊า  อ่านไปยิ้มไปอยู่ดี ๆ ดันมาเครียด ๆ ตอนท้ายซะงั้น

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
กวินกับการิน แล้วก็คุณภูริกับโย

ไม่เสียแรงที่เป็นเอฟซีคุณภูรินะเนี้ย 55555

ทำไมปวีร์ไม่สบาย หรือว่า อ๊ายยยยย เฉลยหลังฉากให้ด้วยนะค่ะ

ชอบอ่าาา น่ารักเว่อร์ ตอนนี้เริ่มเคลียร์แล้วก็หวานกันแล้วใช่ม้าาา

ติดตามต่อค้าบบบบบ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดดดดดด ขอตอนต่อไปเลยได้ไหมค่ะ จบแบบนี้ มันลุ้นอะ อยากอ่านต่อมากกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
กวิน รีบๆ รู้ตัวสักทีสิ

(จะได้ยกโยให้ภูริได้อย่างเต็มใจสักที...จากใจภูริเอฟซี)

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
รีบๆเคลียร์กันซะนะ วาโย กับภูริ

กวิน ก้รีบรุ้สึกตัวสักที

คนอ่านมันลุ้นนะ   o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






alekung103

  • บุคคลทั่วไป
หลายอารมณ์จริงๆ ด้วยอ่ะ

แต่ว่าวีไม่มาทำงานเนี่ยเมทำให้ลุกไม่ไหวใช่มะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
นึกว่าโยจะโดนวินจูบซะแล้ว ดีใจที่โดนแค่แก้ม
โยรีบๆ ง้อภูริเลยนะ ทำหนุ่มอารมณ์เห็นภาพบาดตาบาดใจ
รินก็บอกความรู้สึกตัวเองให้วินรู้บ้างสิ

บวกหนึ่งจ้า

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
แบบนี้คุณภูก็หมดคู่แข่งแล้วสิ

เดินหน้าเต็มกำลังเลยนะคะ คุณภู เชียร์สุดใจ

ส่วนรินก็ช่วยปลอบใจวินด้วยนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ต่อไปสถานการณ์คงคลี่คลาย

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
นั่้นแน่ะ คุณเพื่อนอะเกน 
มีการส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวสารภาพรักถึงที่เลยนะ  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
คุณภูริเลิกเก๊กขรึม
แล้วสารพาพรักซะ!!!

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4



**ตอนนี้เหมือนจะหวาน (รึเปล่าหว่า) .... เอาเป็นว่า ต่อจากนี้จะค่อย ๆ เคลียร์ ของแต่ละคู่ไปนะคะ ^^

-ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ตามกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ ต่อแต่นี้ไป ก็จะเป็นเรื่องราวของความรักหวาน ๆ (มั้ง) ในแต่ละคู่ แล้วล่ะค่ะ แต่ก็คงเรทโชเน็นไอ ไร้NC เหมือนเดิมตามคอนเซปต์นะคะ ถึงจะไม่ใช่ฮาเร็มแล้วก็เถอะ (แต่ก็ตั้งใจให้มีคนมาตกหลุมรักหนูโยอีกอยู่ดีล่ะนะ แต่งวดนี้มีก้างชิ้นโตคอยขวางเสียแล้วล่ะ หุ ๆ)
:L2:


Miracle Café / 33





     กวินมองเพื่อนร่วมงานอย่างแปลกใจเล็กน้อย ทางด้านการินพอตะโกนออกไปแล้วเขาก็ร้องไห้ตามมายกใหญ่ จนกวินต้องคอยปลอบ ก่อนจะชะงักเมื่อธีรัชเปิดประตูจากครัวออกมา 

    “อ้าว...กำลังยุ่งกันอยู่สินะ ...งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปทำงานแทนให้ก่อนก็ได้”

    “อ๊ะ! คุณธีรัช ผมขออีกแค่สิบนาทีนะครับ เคลียร์ตรงนี้แล้วเดี๋ยวจะตามไปช่วยแน่นอน”

    กวินรีบบอก ซึ่งธีรัชมองทั้งคู่ แล้วก็ยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะโบกมือค่อย ๆ

    “เอาน่า ๆ คนช่วงนี้ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย ฉันคนเดียวก็พอไหว หนักมากนักเดี๋ยวก็ขอให้คุณรุจมาช่วยเสิร์ฟแทนก็ได้  ฉันว่าพวกนายน่ะเคลียร์ปัญหาหัวใจกันให้เรียบร้อยดีกว่า  วันอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาวุ่นวายตามมาอีก”

    ธีรัชเปรยอย่างอารมณ์ดี แต่คนฟังกลับขมวดคิ้ว และการินนั้นสะดุ้งเล็กน้อยอย่างคนถูกแทงใจดำ

    “นี่คุณหนู ยังไงก็ขอให้โชคดีนะ พยายามเข้าล่ะ!”

    ธีรัชเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูครัวจากไป ทำให้การินหน้าแดง ส่วนกวินนิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ

    “เขาหมายความว่าอะไรกันน่ะ”

    “หมอนั่นก็พูดจาเหลวไหลไร้สาระก็แค่นั้น นายไม่ต้องสนใจหรอกน่า!”

    การินรีบบอก เจ้าตัวเช็ดน้ำตาที่เริ่มเหือดแห้ง แล้วดันกวินให้ไปทางครัว

    “ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวอารู้ก็ถูกหักเงินเดือนให้หรอก!”

    “แล้วนายไม่เป็นอะไรแน่นะ...”

    กวินยังคงถามด้วยความเป็นห่วง การินหน้าแดงหนักก่อนจะโพล่งใส่

    “ฉันไม่ได้อกหักอย่างนายนี่ จะได้ต้องห่วงน่ะ! ...อ๊ะ ...ขอโทษ”

    พอหลุดปากออกไปด้วยความอาย การินก็นึกได้ แล้วหน้าสลดลงอีกครั้ง กวินที่อึ้งในตอนแรก แม้จะรู้สึกปวดใจ แต่พอเห็นสีหน้าสำนึกผิดของอีกฝ่าย เขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อย ๆ แล้วตบบ่าคนตรงหน้าแทน

    “อย่าคิดมาก...หรือถ้าคิดมาก คืนนี้ก็เตรียมปลอบฉันแล้วกัน เพราะฉันจะไปนอนค้างที่ห้องนาย แล้วนายก็เตรียมแคะหูฟังฉันพล่ามทั้งคืนได้เลย!”

    การินชะงัก เขาเงียบไปสักพัก แล้วจึงเริ่มหน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะอุบอิบตอบ

    “ได้สิ...แล้วฉันจะรอนะ”   

    กวินยิ้มให้ แล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อ โดยการินนั้นมองไปทางประตูด้านหลัง ที่มีภูริและวาโยอยู่ เขาตัดสินใจไม่แอบฟัง แต่กลับไปในครัวและกินมื้อกลางวันของตนต่อแทน

   

    ธีรัชที่กำลังดูแลลูกค้าเหลือบมองคนที่เดินออกมาอย่างแปลกใจเล็กน้อย พอกวินมาถึง เจ้าตัวจึงตรงเข้าไปกระซิบถามเบา ๆ

    “ทำไมรีบมาล่ะ แล้วคุณหนูเขาเลิกร้องไห้แล้วหรือไง”

    กวินนิ่วหน้านิด ๆ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

    “หมอนั่นเลิกร้องแล้วล่ะครับ ...จะว่าไปก็แปลกนะ ที่เขาร้องไห้ให้ผมขนาดนี้ จริง ๆ คนที่ควรจะเป็นฝ่ายร้องมันควรเป็นผมต่างหาก...แต่พอรินร้องไห้ให้แทน น้ำตามันก็เลยไม่รู้หายไปไหนหมดเสียอย่างนั้น”

    กวินเปรยพลางยิ้มเศร้า ๆ เขาตัดสินใจบอกอีกฝ่ายเพราะมั่นใจว่าธีรัชนั้นรู้เรื่องของพวกเขาดีอยู่แล้วแน่ ทางด้านธีรัชพอได้ยินดังนั้นประกอบกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ ก็ทำให้เขาประมวลสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

    “ทำใจไอ้น้องชาย เรื่องความรักก็อย่างนี้ล่ะ...มีสมหวัง มีผิดหวัง ...แต่สำหรับนาย ฉันว่ามันก็คงไม่จบเลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้หรอก เชื่อได้เลย”

    “หมายความว่าไง?”

    กวินถามอย่างแปลกใจ ธีรัชหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยักไหล่ แล้วเตรียมเดินไปอีกทางพร้อมเปรยขึ้น

    “โทษทีว่ะไอ้น้อง  ยังไงฉันมันก็ไม่ได้ใจดีถึงขนาดจะช่วยคนที่เกือบจะได้เป็นคู่แข่งของตัวเองให้สมหวังง่าย ๆ หรอกนะ ...อืม แต่ก็บอกใบ้ให้นิด ๆ ก็ได้อยู่หรอก”

    เจ้าตัวเอ่ยค้างไว้แค่นั้น แล้วจึงหันกลับมาทางกวินที่จ้องมองอยู่

    “นายน่ะ หัดสังเกตความรู้สึกคนใกล้ตัวเสียบ้างก็ดีนะ ...ถ้าทำได้ ก็จะรู้เองนั่นล่ะ ว่าฉันหมายความถึงอะไร”

    ธีรัชเอ่ยจบก็ยกยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเดินเลี่ยงไปดูแลลูกค้าอีกโต๊ะ กวินมองตามไปอย่างสงสัย แต่ก็สลัดความคิดนั้น แล้วหันมาสนใจลูกค้าในร้านต่อ แม้จะมีบางครั้งที่ยังคงเผลอเหลือบมองไปทิศด้านหลังร้าน ที่ตอนนี้มีวาโยและภูริ กำลังปรับความเข้าใจกันอยู่



    อีกด้านหนึ่ง ภูรินั้นกำลังยืนนิ่ง ๆ โดยไม่พูดไม่จาอะไร ตรงหน้าเขามีวาโยที่ยืนอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน

    “เอ่อ...คุณภูริครับ...ถ้าไม่มีอะไร...ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

    วาโยตัดสินใจปลีกตัวออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี  ถึงกวินจะบอกให้เคลียร์แต่เขาก็พูดอะไรไม่ออก เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นคิดกับเขายังไงกันแน่  แม้ว่าพอฟังจากสิ่งที่รูมเมทพูดแล้วจะคล้ายกับว่าภูริเองก็แอบชอบเขาเหมือนกันก็ตาม

    “เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป!”

    ภูริที่เห็นวาโยเตรียมจะเดินจากไปทั้งเรียกและจับข้อมืออีกฝ่ายดึงรั้งไว้ วาโยชะงักหันมามองชายหนุ่ม ภูรินั้นมีสีหน้าคล้ายกำลังตัดสินใจบางอย่าง ก่อนจะหลับตาลงสักพัก และลืมตาจ้องมองเขานิ่งด้วยแววตาที่ทำให้คนถูกจ้องใจเต้น

    “ฉันชอบนาย...ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนหรือรุ่นพี่...แต่ชอบ ในความหมายที่ใกล้เคียงกับรัก...”

    วาโยหน้าแดงวาบ เขานิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก เห็นดังนั้นภูริจึงถอนหายใจเบา ๆ แล้วใช้มือข้างที่ว่างลูบไล้ใบหน้าของอีกฝ่ายแผ่วเบา

    “จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่แน่ใจตัวเองว่าจะรักนายได้เท่าหมอนั่นไหม...แต่เท่าที่รู้ก็คือ ฉันมักจะไม่สบอารมณ์ทุกครั้ง เวลาเห็นนายยิ้มหวาน ๆ กับคนอื่น ...และไม่ชอบที่คนอื่นมาทำท่าเหมือนจีบนายนั่นด้วย”

    ภูริบอกด้วยสีหน้าเขินน้อย ๆ  ก่อนจะดึงมือข้างที่จับไว้ขึ้นมาจูบเบา ๆ

    “ฉันอาจจะดูแย่ และไม่ชัดเจนในสายตานาย ... แต่ขอเวลาฉันหน่อยได้ไหม ...อย่าเพิ่งไปรักใครตอนนี้ ...แล้วก็ช่วยชอบฉันให้มากกว่าเดิมก็พอ”

    วาโยนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่กับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สร้างความงุนงงให้กับคนที่รอคอยคำตอบอยู่ยิ่งนัก

    “ขำอะไร!”

    ภูริถามเสียงห้วน เพราะเขาพยายามเรียบเรียงคำพูดบอกคนตรงหน้าแทบตาย แต่วาโยกลับดันมาขำเขาเสียแทนแบบนี้

    “ผมอุตส่าห์เตรียมใจว่าจะได้ยินคำบอกรักหวาน ๆ กับเขาเสียอีก...แต่คุณเล่นพูดแบบนั้นจะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะครับ”

    วาโยบอกพร้อมด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกดีใจที่ได้รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ...บางที เขาอาจจะชอบคนตรงหน้านี้ไปแล้วก็ได้ แต่ก็คงจะยังไม่แน่ชัดเหมือนกับที่ภูริเป็นอยู่

    “ฉันก็พยายามพูดให้มันหวานที่สุด เท่าที่จะคิดได้อยู่แล้วนะ!”

    ภูริบอกอย่างไม่สบอารมณ์ แต่คนตัวเล็กก็ยังยิ้มให้ แล้วแย้งกลับ

    “คำพูดเห็นแก่ตัวแบบนั้นน่ะนะครับที่ว่าหวาน.... ยังไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า แต่ห้ามไปชอบคนอื่น แล้วให้ชอบตัวเองให้มากกว่าเดิมนี่นะ”

    “ฉันก็แค่พูดจากใจตัวเองเท่านั้น!”

    ภูริบอกหน้าบึ้ง ๆ ทำให้วาโยอมยิ้ม แล้วเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะซบหน้าลงกับอกของอีกฝ่าย เล่นเอาภูริถึงกับสะดุ้ง

    “ที่ผมหัวเราะ ไม่ใช่เพราะขำคำพูดของคุณอย่างเดียวหรอก...ที่จริงผมขำเพราะเราใจตรงกันต่างหาก ...ผมเองก็รู้สึกคล้ายคุณนี่ล่ะ ...ไม่แน่ใจนักว่าชอบ แต่ก็อยากให้คุณชอบตัวเอง และก็รู้สึกไม่ดีทุกครั้ง เวลาที่ถูกคุณเมินเฉยล่ะนะ”

    ภูริพอฟังแล้วก็นิ่งอึ้งไปสักครู่ ก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ ตามมาเช่นกัน จากนั้นพอตั้งสติได้แล้ว เขาก็ยิ้มน้อย ๆ ส่งให้กับคนตัวเล็กตรงหน้าเขา

    “ไม่แปลกใจแล้วที่นายหัวเราะ ...จะว่าไปมันก็น่าขำจริง ๆ ล่ะนะ...นี่กลายเป็นว่าพวกเรารู้สึกคล้าย ๆ กันมาตลอดอย่างนั้นหรือเนี่ย...”

    ภูริเปรยขึ้นกับอีกฝ่าย จากนั้นพวกเขาจึงเดินเข้าไปในร้านพร้อมกัน ทว่าก่อนที่วาโยจะเปิดประตูหลังร้าน เขาก็ต้องชะงัก เมื่อภูริที่เดินเข้ามาใกล้ ชะโงกหน้าเข้ามาแล้วจูบที่ริมฝีปากของเขาเบา ๆ โดยที่เขายังไม่ทันจะได้ตั้งตัว

    “จองไว้...เกิดมีใครชิงไปก่อน ฉันคงหงุดหงิดแย่เลย”

    วาโยนิ่งอึ้ง หน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะหน้าแดงหนักขึ้นอีกเมื่อภูริกระซิบบอกเขาอีกครั้ง

    “คราวนี้ถ้าลองหัวเราะขำอีกรอบล่ะก็ จะจับจูบให้หายขำไปข้างเลย คอยดูสิ”

    จากนั้นชายหนุ่มก็เดินนำเข้าไปก่อน โดยปล่อยให้วาโยยืนใจเต้นหน้าแดงก่ำอยู่เพียงลำพัง และพอตั้งสติได้ เจ้าตัวก็อมยิ้มน้อย ๆ แล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

    “แย่จัง... ทำแบบนี้ก็ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีกน่ะสิ...”

    จากนั้นวาโยก็เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัว เขายิ้มให้การินกับรุจ ก่อนจะหลบสายตาของภูริด้วยใบหน้าเขินอาย ภูริเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็อมยิ้มน้อย ๆ ระหว่างนั่งกินอาหารกลางวันของตน จนรุจและการินที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันสังเกตเห็นได้  ด้านรุจนั้นอมยิ้มนิด ๆ ไม่ได้เอ่ยทักหรือแซวอะไร แม้ว่าเขาพอจะคาดเดาบางอย่างได้บ้างแล้วก็ตาม  ส่วนการินนั้น เจ้าตัวลอบถอนหายใจเบา ๆ ถึงจะสงสารกวิน แต่การที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นมีความสุข มันก็เป็นสิ่งที่เขาสมควรจะแสดงความยินดีด้วยล่ะนะ

   

    กวินมองคนที่เดินอมยิ้มน้อย ๆ ออกมา ก่อนจะชะงักเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากับเขา จากนั้นต่างคนก็ต่างนิ่งไป ก่อนที่กวินจะทำเป็นยิ้มแย้มให้ แล้วเดินเลี่ยงไปดูแลลูกค้าอีกมุมแทน

    “...โย ไปทำงานเข้าสิ ยืนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวลูกค้าก็แปลกใจหรอก”

    ราเมศที่หันมามองชายหนุ่มเอ่ยทัก วาโยสะดุ้งแล้วรีบจ้ำเท้าเดินผ่านหลังอีกฝ่ายออกไปอย่างเร่งรีบ  ราเมศจ้องตามไป ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เพราะเท่าที่ฟังเรื่องราวของพนักงานในร้านจากปวีร์ และสังเกตจากปฏิกิริยาของคนที่เดินเข้าออกผ่านเขาไปมา ก็พอจะคาดเดาอะไรหลาย ๆ อย่างได้แล้วล่ะนะ

    “หนุ่ม ๆ วันนี้ แปลก ๆ กันไปจังเลยนะเม ว่าไหม”

    ขวัญแก้วที่ทำหน้าที่แคชเชียร์แทนรุจหันมาบอกยิ้ม ๆ แสดงว่าเจ้าหล่อนเองก็พอจะสังเกตอะไรบางอย่างได้เช่นเดียวกัน

    “แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือเรื่องที่วีหยุดงานนี่ล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วย จะว่าป่วยเพราะเล่นน้ำ ก็ไม่เห็นพี่ไกรบอกอะไรเลย ...เมว่าแปลกไปไหมล่ะ หือ”

    ท้ายประโยคเจ้าหล่อนแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์  ทำเอาคนถูกถามลอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วจึงตอบตัดบทออกไป

    “จะไปรู้หรือไง ถึงอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย”

    ขวัญแก้วหัวเราะคิก ๆ ก่อนจะแกล้งเปรยบางอย่างที่ทำให้คนฟังหน้าแดงก่ำ

    “งั้นหรือ... ไอ้เราก็คิดว่าป่วยเพราะดันไปทำตัวให้ติดกันเสียอีก”

    “แก้ว!” ราเมศโพล่งใส่ด้วยความเขิน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อทุกสายตาในร้านมองเขาเป็นตาเดียว

    “ง่า....ขอโทษครับ พอดีผมเกือบทำแก้วตกน่ะครับ”

    ราเมศแก้ตัวกับลูกค้า ซึ่งแต่ละคนก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปสนใจอาหารและเครื่องดื่มของตนต่อ จะมีก็แต่บางคนที่ยังแปลกใจว่าคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึมตลอดอย่างราเมศ จะซุ่มซ่ามแบบนี้กับเขาเป็นด้วย

    “คิก ๆ ความลับไม่มีในโลกหรอกนะจ๊ะเม คิดว่าฉันจะไม่รู้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ  ต่อให้พี่ไกรไม่บอก ฉันก็ต้องรู้เองอยู่วันยังค่ำจนได้  วีน่ะเนียนปิดมิดอยู่หรอก แต่เมนี่สิหลุดง่ายจะตายไป”

    ราเมศกัดฟันกรอดนึกคาดโทษคนที่ไม่อยู่ด้วยไว้เรียบร้อย เขาแทบไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ขวัญแก้ว ไม่สิอาจจะรวมไปถึงขวัญตารู้เรื่องของเขากับปวีร์ เพราะพี่ชายของสองสาวนั้นรักน้องสาวมาก และแทบไม่เคยมีความลับปกปิดระหว่างกันเลยแม้แต่น้อย

    “ไม่เอาน่า อย่าโมโหเลย รู้ไหมฉันกับตาน่ะ ดีใจแทนวีกับเมแค่ไหน ...พวกเราลุ้นพวกเธอมานานมากเลยนะ ...แล้วอย่าทำให้วีเสียใจล่ะ  วีเขารักเมมากเลยรู้ไหม”

    ขวัญแก้วบอกด้วยสีหน้าที่จริงจังไร้การล้อเล่นผิดเคย ทำให้ราเมศระงับอารมณ์ลง แล้วพยักหน้าตอบรับ

    “ฉันรู้...ฉันจะดูแลและคอยอยู่เคียงข้างเขา มอบความรักให้เขา เพื่อชดเชยสิบกว่าปีที่ผ่านมานั่นให้ได้”

     ขวัญแก้วยิ้มรับ จากนั้นเธอจึงพูดคุยสอบถามอาการปวีร์สองสามประโยค และพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อาการหนักมากมายและน่าจะมาทำงานได้ในวันสองวันนี้ เธอก็ยิ้มอย่างยินดี และตั้งใจว่าจะตามไปเยี่ยมปวีร์หลังจากเลิกงานคืนนี้ด้วย

   

    บรรยากาศของอาหารมื้อค่ำสำหรับพนักงานภายในวันนี้นั้น ล้วนเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ทั้งจากคนที่ดูเหมือนจะสมหวัง และบางคนที่ผิดหวังกับเรื่องความรักมาหมาด ๆ

    “เอ่อ...คุณนนครับ ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอเอามื้อเย็นใส่กล่องไปกินที่หอพักได้ไหมครับ...”

    ชานนหันมามองกวิน เขานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตามมาโดยไม่ถามเหตุผลของอีกฝ่าย

    “จะให้ทำอะไรเพิ่มเป็นพิเศษด้วยไหมครับ”

    “อ๊ะ! ไม่ต้องครับ แค่นี้ก็พอแล้วครับ”

    กวินรีบตอบแล้วก็เงียบไป เห็นดังนั้นชานนจึงไปนำกล่องพลาสติกมาเตรียมใส่กับข้าวของชายหนุ่มให้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อการินเอ่ยขึ้นบ้าง

    “ถ้าอย่างนั้นเผื่อผมด้วยนะครับ...ผมก็กะว่าจะไปกินกับหมอนี่ที่บ้านพักด้วย”

    กวินหันไปมองการิน ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมายิ้มให้เขา แล้วมองไปทางอื่น และเมื่อชานนแพคมื้อค่ำในส่วนของกวินและการินเสร็จแล้ว จึงใส่ถุงนำมาให้ทั้งคู่ ซึ่งกวินก็เอ่ยขอบคุณ แล้วจึงหันมาทางวาโย

    “เดี๋ยวฉันไปจัดการเก็บกวาดเช็ดถูในร้านให้นะ ส่วนเรื่องปิดร้านฝากนายด้วยแล้วกัน  อ้อ! คืนนี้ฉันจะค้างที่ห้องรินนะ”

    กวินเอ่ยขึ้นพลางยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินเลี่ยงออกไปเก็บร้าน โดยไม่รอให้คนอื่นที่เหลือกินเสร็จ วาโยมีสีหน้าลำบากใจและเป็นห่วงรูมเมท แต่การินที่เตรียมจะลุกตามกวินไปนั้น ตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ

    “หมอนั่นเข้มแข็งกว่าที่นายคิดไว้นะ  แต่เขาเองก็ต้องการเวลาทำใจในแบบของตัวเองเหมือนกัน หวังว่านายคงจะเข้าใจเขานะ”

    วาโยมองการิน แล้วหันไปมองทางทิศที่กวินเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมาบอกการินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

    “ฝากวินด้วยนะริน...”

    การินพยักหน้าตอบรับ แล้วขอตัวเดินไปช่วยงานกวิน พวกเขาได้ยินเสียงเลื่อนโต๊ะกันอยู่สักพัก และเมื่อเสียงกระดิ่งแขวนประตูดังขึ้นคล้ายมีคนออกไปข้างนอก เสียงนั้นก็ค่อย ๆ เงียบไป แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่คงกลับไปบ้านพักกันเรียบร้อย

    “พรุ่งนี้ถ้าเจอหน้ากัน  ผมจะทำยังไงดีครับ... จะยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีไหม”

    วาโยพึมพำถามคนข้างกาย ระหว่างที่ช่วยภูริและชานนเก็บกวาดในครัว หลังมื้อค่ำจบลง  โดยที่พวกขวัญแก้วกับขวัญตาหลังจากจัดการทำความสะอาดในส่วนของพวกเธอเรียบร้อย ก็ขอตัวตามราเมศไปเยี่ยมเยียนปวีร์ด้วยกันทั้งคู่

    “ฉันว่าแค่นายทำตัวให้สมกับเป็นตัวเองก็พอแล้ว... ถึงฉันจะสนิทกับเขาไม่มากเท่านาย แต่ฉันก็เชื่อว่าเขาจะเข้มแข็งพอที่จะผ่านมันไปได้ และกลับมาเป็นคนเดิมในไม่ช้านี้ล่ะนะ”

    ภูริเปรยเบา ๆ ทำให้วาโยยิ้มออก ก่อนจะพึมพำขอบคุณอีกฝ่าย จากนั้นเมื่อรุจเข้ามาบอกว่าปิดหน้าร้านเรียบร้อย ทุกคนก็ทยอยออกจากหลังร้าน ปิดล็อกร้านและตรงกลับบ้านพักไปพร้อม ๆ กัน ภูรินั้นเดินมาส่งวาโยที่หน้าห้องของชายหนุ่ม ทั้งคู่เหลือบมองห้องข้าง ๆ ที่ยังคงเงียบคล้ายกับไม่มีคนอยู่ ก่อนจะถอนหายใจไล่เลี่ยกัน จากนั้นภูริจึงโน้มใบหน้าไปจูบแก้มวาโยเบา ๆ กล่าวราตรีสวัสดิ์ แล้วเดินกลับห้องของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้วาโยยืนจับแก้มหน้าแดงอยู่ตรงแถวประตูห้องอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เจ้าตัวจะหลุดยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปบ้างหลังจากนั้น

   


… TBC …

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ถ้าภูริจะน่ารักขนาดนั้น....

แอร๊ยยยยย...ฟินและตายอย่างสงบ...

ฮาาาา

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
หลังจากกินมาม่าแล้วต้องต่อด้วยน้ำผึ้ง

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โหหห เขาไม่ิคิดว่าคุณภูริจะหวานแบบเถื่อนๆอย่างนี้

5555 วันแรกที่บอกชอบ มีจูบ มีหอมแก้ม

เขินแทนหนูโย ฮาาาา

แล้วทีนี้ก็เหลือกวินกับการิน วิน ลองทำอย่างที่ธีรัชบอกแล้วจะรู้เองเนอะ

หุหุ หรือว่าต้องมีตัวกระตุ้น

ติดตามต่อไปค้าบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด