*ช่วงนี้มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่แน่ใจว่าจะจบทันเดือนนี้ไหม ถ้าจบก็คงเป็นลักษณะแฮปปี้ทุกคู่ ล่ะนะคะ ส่วนเรื่องหวาน ๆ (และแอบเลือดกำเดาสาด) คงจะมีในตอนพิเศษ เพราะก็อยากเขียนแบบวันพักผ่อนสบาย ๆ ของแต่ละคนดูเหมือนกัน ^^ ยังไงก็ติดตามกันนะคะ จะทยอยลงให้อ่านเรื่อย ๆ จนจบ และถึงจะมีโปรเจ็คทำมือก็จริง แต่ก็ไม่ทิ้งนักอ่านในบอร์ดอยู่แล้วจ้ะ ได้อ่านตอนพิเศษกันแน่ค่ะ สำหรับเรื่องนี้
Miracle Café / 44
ไกรสรนิ่งอึ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นรุจในมาดอาจารย์ห้องพยาบาล แถมพอได้เห็นปฏิกิริยาจากลูกค้าสาวบางคนที่เข้ามาในร้านแล้วเห็นรุจเข้า เขาก็ยิ่งไม่ค่อยสบอารมณ์เข้าไปใหญ่
“ถ้าฉันประกาศตัวว่าเป็นแฟนเธอเสียตรงนี้ จะเป็นอะไรไหม”
รุจเปรยตามามองคนที่ยังคงนั่งข้างเขาอยู่แถวตู้ขนมหวาน ก่อนจะตอบกลับไปเสียงเรียบ ๆ
“ก็เอาสิครับ ใครห้ามคุณล่ะ”
ไกรสรหันมามองคนพูดนิ่งสักพัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา
“ไม่ดีกว่า ฉันยังไม่อยากถูกเธอให้คะแนนติดลบ แค่นี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มันบวกขึ้นมาแล้ว”
รุจเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะอมยิ้มกับตัวเอง แล้วจึงเปรยขึ้นลอย ๆ
“อืม...ตอนนี้ก็เข้าเกณฑ์บวกมานิดหน่อยแล้วล่ะนะครับ”
ไกรสรสะดุ้ง แล้วหันขวับกลับมามองคนพูดทันที
“จริงรึ!”
รุจไม่ตอบ เขาหันมายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานของตนต่อ เมื่อกวินเอาใบออเดอร์อาหารมาส่งเขาที่แคชเชียร์
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ...แค่ขอให้เธอรู้ว่าฉันกำลังดีใจมากก็พอ”
ไกรสรบอกแล้วก็นั่งวาดรูปชุดบนสมุดสเก็ตในมือไปเรื่อยเปื่อย จนทำให้รุจต้องเหลือบมอง แล้วถอนหายใจเบา ๆ แม้จะเป็นเพียงแค่เกมการพนันโดยที่เขาไม่ได้ใส่ใจนัก ทว่าเขากลับรู้สึกเริ่มเคยชินต่อการที่มีอีกฝ่ายคอยมาอยู่เคียงข้างเช่นนี้ บ้างแล้วเหมือนกัน
วันนี้ด้านหลังครัว ชานนกับขวัญตานั้นต้องผจญกับศึกหนัก เนื่องจากลูกค้าที่มาทานปกติก็สั่งอาหารกินกันประจำอยู่แล้ว ทว่าวันนี้คนที่ตั้งใจมากินนั้นต่างสั่งอาหารเพิ่มมากขึ้นจากปกติเป็นเท่าตัว เพื่อหวังโปรโมชันของร้านอีกทางหนึ่งด้วย
“คุณนนคะ...สลับกันดีกว่าค่ะ วันนี้คุณลุยหนักมาตั้งแต่เปิดร้านแล้วนะคะ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เดี๋ยวก็ล้มวูบไปหรอกค่ะ”
ขวัญตาเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง ทำให้ธีรัชที่ก้าวเท้าเข้ามาในช่วงพักชะงัก แล้วเดินไปสอบถามทั้งคู่
“เกิดอะไรกันหรือครับ ผมช่วยได้ไหม”
ขวัญตาหันมายิ้มน้อย ๆ ให้ชายหนุ่ม ก่อนจะแสร้งทำเป็นเปรยฟ้องอีกฝ่าย
“ก็คุณนนน่ะสิจ๊ะ ลุยทำอาหารหนักมาตั้งแต่เช้าแล้ว นี่ยังไม่ได้พักทานอะไรเลย ฉันบอกให้พักก็ไม่ฟัง ...คงไม่เชื่อมือว่าฉันจะทำรอดล่ะมั้ง”
ขวัญตาแสร้งถอนหายใจหนัก ทำเอาชานนสะดุ้งโหยง
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะครับ แต่คุณตาเองก็ยุ่งไม่แพ้ผมเหมือนกันนี่ครับ ผมว่าคุณต่างหากที่ควรไปทานข้าวก่อน”
ขวัญตาหันมายิ้มน้อย ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย
“ไว้ตาทานทีหลังก็ได้ค่ะ บอกตรง ๆ นะคะ ตาก็แค่ช่วยคุณเตรียมของกับเก็บจานล้าง คนที่เหนื่อยหนักน่ะคุณต่างหาก”
ธีรัชมองทั้งคู่อย่างเห็นใจ จากนั้นเขาจึงตบอกตัวเองเบา ๆ แล้วบอกกับทั้งคู่ออกไป
“เอาอย่างนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะช่วยล้างจานพวกนี้ให้เอง คุณตาก็จะได้มีเวลาช่วยเตรียมวัตถุดิบและจัดใส่จานให้ คุณนนก็จะได้เบาแรงขึ้น พอออเดอร์เริ่มซา พวกคุณก็สลับกันทานข้าว จะได้มีแรงทำต่อยังไงล่ะครับ”
ขวัญตามองคนเสนอความเห็น ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ตามมา ส่วนชานนเงียบไปเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยอย่างเป็นกังวล
“จะดีหรือครับ นี่เป็นเวลาพักของคุณนะครับ แล้วอีกอย่างคุณก็ยังไม่ได้ทานข้าวเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมมีเวลาพักตั้ง 1 ชั่วโมง และถ้าผมเร่งสปีดก็สามารถกินหมดได้ใน 10 นาทีด้วยซ้ำ”
ธีรัชบอกพร้อมยิ้มกว้าง แต่คนฟังนั้นถอนหายใจเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ ส่วนขวัญตาอมยิ้ม แล้วรีบตัดบท
“เอาเถอะค่ะ ในเมื่อธีเขาเสนอตัวช่วยขนาดนี้ เราก็ควรรับน้ำใจไว้นะคะ แล้วถ้าคุณนนกังวล คุณก็ค่อยตอบแทนธีเขาด้วยอาหารจานโปรดของเจ้าตัวทีหลังสิคะ จริงไหมจ๊ะธี”
“ใช่เลยครับคุณตา! นะครับคุณนน...” ธีรัชรีบรับคำของหญิงสาว แล้วหันไปอ้อนชานน จนกระทั่งอีกฝ่ายยอมใจอ่อน
“ก็ได้ครับ...” ชานนรับคำพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ธีรัชยิ้มกว้างอย่างยินดี แล้วจากนั้นพวกเขาจึงแบ่งงานกันทำอย่างคล่องแคล่ว แม้จะไม่ค่อยชอบใจนักแต่ชานนก็ต้องยอมรับว่า พอได้ธีรัชมาช่วยอีกคน เขาก็เบาแรงไปมากขึ้นทีเดียว
เมื่อการินกับวาโยหมดเวลาพักและเตรียมลงมาเปลี่ยนเวร พวกเขาก็ต้องพบกับความแปลกใจเมื่อเห็นธีรัชนั้นไปยืนล้างจานเป็นผู้ช่วยเชฟทั้งสอง และพอรู้เรื่องราวทั้งคู่ก็บ่นใส่ทั้งสามคนทันที
“แล้วทำไมไม่เรียกพวกผมล่ะครับ! นั่งว่างกันอยู่บนนั้นตั้งนาน ถ้ารู้นะ จะรีบลงมาช่วยแล้วเชียว!”
วาโยบ่นอุบ เพราะตอนที่เขามานั่งกินอาหารกับการิน ออเดอร์ยังไม่เยอะมากอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทั้งคู่จึงขึ้นไปพักผ่อนตามปกติที่เคยทำ
“นั่นสิ...พวกเราเลยเหมือนคนแล้งน้ำใจไปเลย”
การินบ่นเสริม ทำให้ชานนสีหน้าไม่ค่อยดี เพราะแค่นี้เขาก็เกรงใจธีรัชมากแล้วด้วยซ้ำ ขืนคนอื่นมาช่วยอีก เขาคงรู้สึกเหมือนเอาเปรียบทุกคนกว่านี้เป็นแน่
“งั้นเสาร์หน้าตอนพักก็มาขลุกกันอยู่ที่ครัวแทนสิ ถ้างานเข้าเมื่อไหร่ พวกนายก็ค่อยแจมตอนนั้นแทนไง”
ธีรัชขัดขึ้นเพราะไม่อยากให้ชานนลำบากใจมากกว่านี้ และเพราะคำพูดนั้นจึงทำให้วาโยและการินพยักหน้ายอมรับ และหันไปบอกกับชานนและขวัญตาว่า ถ้ายุ่งเมื่อไหร่ให้เรียกใช้พวกเขาได้เลยโดยไม่ต้องเกรงใจ ทำให้เชฟทั้งสองรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของทุกคนยิ่งนัก
“เอ้า! ไปเปลี่ยนตัวได้แล้ว หวานใจพวกนายเข้ามาแล้วเห็นไหม!”
ธีรัชตัดบทเมื่อเห็นกวินกับภูริเข้ามา วาโยและการินชะงักเล็กน้อย หน้าแดงระเรื่อที่อีกฝ่ายพูดเช่นนั้น โดยเฉพาะการินถึงกับทำปากขมุบขมิบบ่นใส่ชายหนุ่มเลยทีเดียว และเมื่อกวินกับภูริเดินเข้ามาหาอย่างแปลกใจที่เห็นทุกคนมารวมตัวกันในครัว วาโยกับการินจึงบอกเรื่องราวทั้งหมด โดยที่ชานนยังไม่ทันได้อ้าปากห้าม ดังนั้นในครัวตอนนี้จึงมีผู้ช่วยเพิ่มมาสองคน และธีรัชก็ถูกชานนไล่ให้ไปนั่งกินข้าวในเวลาพักอีกครึ่งชั่วโมงที่เหลือ ทว่าเจ้าตัวกับยังคงยืนต่อรองโดยไม่ยอมไปพักง่าย ๆ
“งั้นคุณนนก็ต้องพักด้วย... ออเดอร์แทบไม่เข้ามาแล้วนะครับ เมื่อครู่ตอนที่คุณตาไปพักทานข้าว คุณบอกว่าทำอีกสองจานก็จะพักบ้างไงครับ จริงไหมครับคุณตา”
ธีรัชหันไปหาพวกช่วยพูด ซึ่งขวัญตาก็รีบรับลูกจากอีกฝ่ายแล้วย้ำตามมาทันที
“จริงด้วยค่ะ ออเดอร์ที่เหลือ ตาจัดการเองค่ะ ตาชิมรสมือคุณนนจนทำตามได้แล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวว่าร้านจะเสียเครดิตหรอกนะคะ”
พอเจอขวัญตาพูดแบบนี้เข้า ชานนจึงต้องยอมแพ้ ปลีกตัวไปพักทานข้าวอย่างจำใจ โดยมีธีรัชกุลีกุจอลากเก้าอี้ พร้อมกับรินน้ำมาบริการอีกฝ่ายเต็มที่ จนภูริที่หันมาเห็นถึงกับนิ่งอึ้ง แล้วเริ่มจะคิดถึงเรื่องที่เพื่อนของเขากำลังตกหลุมรักกับใครบางคนในร้านขึ้นมาได้
“พวกเขาสมกันดีนะ...ว่าอย่างนั้นไหมล่ะจ๊ะ”
ขวัญตาเปรยกระซิบบอกคนข้าง ๆ เมื่อหันไปเห็นสายตาของภูริที่มองธีรัชอีกที ทำเอาภูริสะดุ้งโหยง แล้วหันมาสบตากับหญิงสาวอย่างตกใจ
“คิก ๆ อย่าลืมเอาใจช่วยเพื่อนเธอด้วยล่ะ ส่วนฉันน่ะ เชียร์เต็มที่เลยล่ะ”
ขวัญตาเอ่ยตามมา แล้วหันไปให้ความสนใจกับออเดอร์อาหารที่ทำค้างอยู่ต่อ ทำเอาภูริต้องกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเหลือบไปมองธีรัชที่กำลังยิ้มมองชานนกินอาหาร อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“คนเยอะใช่ย่อยเลยนะวันนี้ ...แล้วนี่ คุณนนคุณได้พักกินข้าวแล้วหรือยังน่ะ”
เวลาบ่ายสามกว่า ปวีร์ที่ลงมาดูแลร้านด้านล่าง หลังจากทำงานส่วนตัวเสร็จ หันมาเอ่ยถาม ทำเอาขวัญตาหัวเราะคิก ขวัญแก้วที่นั่งพักอยู่แถวนั้นนั่งยิ้ม ส่วนชานนถอนหายใจเบา ๆ จนปวีร์แปลกใจ
“เป็นอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไง”
ชายหนุ่มถามอย่างคาดเดา ซึ่งขวัญตาก็รีบตอบคำถามนั้นทันที
“ก็ก่อนหน้านั้นคุณนนทำงานหนักไม่ยอมพักน่ะสิคะ ธีเขาก็เลยมาช่วยล้างจาน ตาเลยมีเวลาไปช่วยคุณนนได้มากขึ้น แถมเจ้าตัวยังช่วยทำจนเกือบหมดเวลาพัก แล้วไม่ยอมไปทานข้าว ถ้าคุณนนไม่พักด้วยกันน่ะค่ะ”
ปวีร์เลิกคิ้วนิด ๆ เขาเองก็พอได้ฟังเรื่องจากปยุตมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าธีรัชจะจริงจังขนาดนี้
“ก็ดีนี่... แล้วคุณนนก็ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่า ผมเองเคยบอกพวกนั้นไปแล้วว่า ถ้ามีเวลาก็ให้ช่วยคุณบ้าง เพราะคุณอยากไม่เลือกสักอย่าง ระหว่างเป็นเชฟให้ร้านกับเป็นผู้ดูแลบ้านพัก มันก็ต้องเป็นแบบนี้นั่นล่ะ”
ปวีร์บอกอย่างนึกขำเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเชฟหนุ่ม ส่วนชานนนั้นถอนหายใจอีกครั้ง แล้วจึงเอ่ยตามมา
“งานทั้งสองอย่างผมก็ทำได้อยู่แล้วนี่ครับ คุณเองก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรือ แต่กลายมาเป็นว่าผมต้องมาทำตัวกินแรง พนักงานที่ตนต้องคอยดูแล มันก็ลำบากใจนะครับ และคราวนี้ก็ไม่ใช่แค่คุณธีรัชแล้ว แต่นี่ทุกคนกลับบอกว่า ถ้าถึงเวลาพักเมื่อไหร่จะแวะมาช่วย ทั้งที่แต่ละคนก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบหนักอยู่แล้วด้วย”
ปวีร์มองคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่จนเกินไปตรงหน้า เหมือนที่ราเมศเคยบอกไว้ อย่างนึกขำ แล้วจึงเอ่ยปลอบอีกฝ่าย
“ไม่เอาน่า คิดมากไปได้ วันที่คนจะเยอะจนพวกนั้นจะเข้ามาวุ่นวายในครัวของคุณได้ ก็คงมีแค่วันเสาร์นี่ล่ะ เพราะฉะนั้นก็ทนรำคาญใจไปแค่วันเสาร์ก็พอแล้วน่า”
ชานนลอบถอนหายใจ แล้วจึงพึมพำตามมา
“คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยนึกรำคาญ เพียงแต่ผมเกรงใจก็เท่านั้น”
“ใช่ ผมรู้ ...และเพราะรู้เลยอยากให้คุณนนชินและปรับตัวยอมรับความช่วยเหลือจากทุกคนที่นี่บ้าง”
ชานนเงยหน้าสบตากับนายจ้างของตนนิ่ง และก็ต้องชะงักเมื่อปวีร์เอ่ยตามมา
“...นี่คุณนน ผมไม่ใช่ผู้มีพระคุณอะไรมากมายที่คุณต้องตอบแทนถึงกับทุ่มสุดตัว จนไม่คำนึงถึงร่างกายตัวเองแบบที่เป็นอยู่นี่หรอกนะ ...เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ ผมไม่ได้แค่พูดลอย ๆ ให้ฟังดูดีเฉย ๆ แต่ผมรู้สึกแบบนี้กับทุกคนที่นี่จริง ๆ ...กับคุณเองก็เหมือนกัน คุณเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ชาย เป็นคนที่ผมจะฝากความไว้วางใจให้ดูแลทุกคนในร้านนี้แทนผมได้คนหนึ่งเลยนะ รู้ไหม”
ชานนนิ่งอึ้งและเงียบไปพักใหญ่ กระทั่งขวัญตาเองก็ยังแอบไปซับน้ำตาที่มันเอ่อล้นมาอย่างตื้นตันแทน ส่วนขวัญแก้วนั้นยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงลุกเดินออกไปช่วยงานด้านนอกต่อ เพราะวันนี้แขกเยอะเต็มร้านมากเสียยิ่งกว่าทุกวันที่ผ่านมาเลยทีเดียว จากนั้นสักพักเชฟหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“ผมเข้าใจแล้วครับคุณปวีร์...ขอบคุณนะครับ”
ปวีร์ยิ้มน้อย ๆ ตอบอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงเดินไปชะโงกดูด้านนอก แล้วขมวดคิ้วยุ่ง
“คนเยอะจริง ๆ นี่ขนาดบ่ายสามกว่าไปแล้วนะ สงสัยเพราะโปรโมชันถ่ายรูปจะหมดในเสาร์หน้า ก็เลยมีคนมาใช้บริการกันเยอะล่ะสิ”
ปวีร์พึมพำ จากนั้นจึงหันมามองในครัว ที่คาดว่าพอช่วงมื้อเย็นและค่ำมาถึง จะต้องผจญกับศึกหนักไม่แพ้กันกับช่วงกลางวันแน่
“คุณนน เดี๋ยวผมจะเรียกผู้ช่วยมาช่วยคุณตอนเย็นอีกแรงนะ อ้อ ไม่ต้องปฏิเสธ รายนั้นยินดีช่วยคุณเต็มที่อยู่แล้วล่ะ”
ปวีร์รีบเอ่ยดักคอ ทำเอาชานนสั่นศีรษะไปมาอย่างเอือมระอาแล้วเปรยบ่น
“ลำบากคุณปยุตเปล่า ๆ นะครับ”
“ไม่เห็นเป็นไร หมอนั่นอยู่บ้านสบายจะตาย เพราะผมมาขลุกที่ร้านเสียส่วนมาก อีกอย่างถ้าบอกว่าให้มาที่ร้านแล้วช่วยคุณด้วยล่ะก็ ดูเหมือนจะยินดีมาโดยไม่มีบ่นเลยทีเดียว เพราะเจ้าตัวกำลังหาเรื่องสนุกแก้เบื่อในช่วงนี้อยู่น่ะ”
ชานนขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่สุดท้ายเขาก็ขัดคำสั่งของปวีร์ไม่ได้อยู่ดี จึงต้องพยักหน้ารับคำจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สร้างความพอใจให้กับคนสั่งเป็นยิ่งนัก
ระหว่างที่ในครัวกำลังพูดคุยกันอยู่ อีกด้านหนึ่งนอกร้าน การินเองก็กำลังให้บริการลูกค้า เขามองจำนวนคนในร้านที่แทบไม่ค่อยพร่องลงเท่าใด แม้จะไม่ค่อยมีคนนั่งแช่ และเดินเข้าออกกันตลอดเวลาก็ตาม
“ดีนะ ที่เตรียมการด้านนอกไว้พร้อมแล้ว ยังไงคืนนี้เผลอ ๆ ก็คงจะได้ใช้โต๊ะจนเกือบหมดร้านแน่”
การินพึมพำกับตัวเอง เมื่อมองต้นไม้สมุนไพรไล่ยุง ที่เขาบอกให้อาสั่งมาปลูกแซมไปกับไม้ประดับอื่น ๆ และเขาก็ได้พิสูจน์กับตัวเอง และพวกกวินแล้วว่า ยุงที่เคยมีมากในช่วงกลางคืน เริ่มลดน้อยลงจนแทบไม่เจอเลยด้วยซ้ำ ประกอบกับอากาศเย็นสบายในตอนค่ำ และบรรยากาศจากแสงไฟที่ถูกประดับไว้ให้พ้นจากแมลงมารบกวนลูกค้าและอาหาร ก็ทำให้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีลูกค้ามาใช้บริการนั่งนอกร้านแทนในร้านอยู่หลายโต๊ะเลยทีเดียว
“เอ่อ...คุณรินคะ ...”
เสียงจากหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านนอกกับเพื่อนของเธออีกสามคนเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มเบา ๆ จนการินสะดุ้งแล้วหันมายิ้มให้
“มีอะไรให้รับใช้หรือครับ”
หญิงสาวคนนั้นทำท่าเอียงอายนิด ๆ แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้นในที่สุด
“ถะ...ถ้าไม่ว่าอะไร...ขอจับมือหน่อยจะได้ไหมคะ...”
เจ้าหล่อนหน้าแดงขณะพูด ทำเอาการินนิ่งอึ้ง แต่ก็ยังคงยื่นมือให้อีกฝ่าย เพราะไม่เห็นว่าน่าจะเสียหายอะไรนัก
“ได้สิครับ ถ้าไม่รังเกียจนะครับ”
“มะ ไม่เลยค่ะ! ...อา ผิวนุ่มจัง เนียนจริง ๆ ด้วย ....อ๊ะ ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวผู้นั้นบอกด้วยนัยน์ตาเคลิบเคลิ้ม แล้วเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายระหว่างที่ปล่อยมือข้างนั้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“อ๊ะ ฉันก็อยากจับมั่งเหมือนกัน!”
เพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนที่เห็นดังนั้นรีบเสริมขึ้น แต่คนที่จับมือคนแรกรีบขัดไว้
“ไม่ได้! ก็ตกลงกันแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายได้จับไงล่ะ”
“งก...อิจฉาชะมัด ฉันก็อยากจับคุณรินเหมือนกันนะ”
หญิงสาวคนเดิมบ่นอุบ ทว่าอีกคนที่เหลือกลับมองชายหนุ่มด้วยแววตายิ้มแปลก ๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“แต่ฉันอยากทำมากกว่าจับจัง”
การินกลืนน้ำลายลงคอ และก่อนที่จะถูกลวนลามด้วยคำพูดจากสาว ๆ ไปมากกว่านี้ เจ้าตัวก็ขอเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเสียก่อน
“เอ่อ...คือ ถ้าไม่ว่าอะไรผมขอตัวก่อนจะได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ ขอบคุณนะคะ คืนนี้ฉันฝันดีแน่เลย”
หญิงสาวที่ขอจับมือเป็นฝ่ายตอบแล้วยิ้มหวานให้ ก่อนจะชะงักเมื่อเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยกระเซ้าขึ้น
“...ฝันถึงคุณรินคนเดียว หรือฝันถึงใครด้วยล่ะจ๊ะ”
“แน่นอน ผิวนุ่มนิ่มเนียนน่าลูบไล้แบบนั้น ก็ต้องมีพระเอกประกอบด้วยสิจ๊ะ ...อ๊ะ! คุณวินคะ คุณวิน รบกวนอะไรหน่อยได้ไหมคะ!”
การินที่กำลังเดินเลี่ยงไปยืนให้ห่างจากโต๊ะสาว ๆ กลุ่มนั้น ชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นพวกเธอเรียกกวินที่เดินออกมาจากร้าน เพราะชายหนุ่มเห็นจากในร้านว่าการินนั้นกำลังยืนจับมือกับลูกค้า เขาจึงทั้งหึงทั้งห่วง เลยออกมาหวังที่จะช่วยดึงคนรักออกห่างพวกสาว ๆ ทว่าพอมาถึงก็ต้องถูกพวกเธอเรียกเสียอย่างนั้น
“เอ่อ…มีอะไรหรือครับ”
“ช่วยยืนข้างคุณรินแป๊บได้ไหมคะ แป๊บเดียวเองค่ะ ขอร้องนะคะ”
กวินชะงักด้วยความงุนงงเช่นเดียวกับการิน ทว่าทั้งคู่ก็มายืนเคียงข้างกันตามคำขอร้องของอีกฝ่าย แล้วคอยดูว่าพวกเธอจะทำยังไงต่อไป แต่กลับได้ยินเสียงกรี๊ดตอบ จนคนอื่นในร้านพากันตกใจ
“กรี๊ดใช่เลย! นี่ล่ะ เหมาะมาก อ๊ะ! ขอบคุณมากค่ะ ไม่รบกวนแล้วล่ะค่ะ ...กรี๊ด คืนนี้ฉันฝันดีแน่เธอ!”
สาว ๆ กลุ่มนั้นบอกกับกวินและการิน ก่อนจะหันไปพูดคุยกันเองอย่างเมามัน ทำเอาพนักงานเสิร์ฟทั้งสองคนมองตาปริบ ๆ ทว่าก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปประจำที่ เพื่อเตรียมตัวดูแลลูกค้ารายอื่น ๆ พวกเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงใส ๆ จากในกลุ่มนั้นดังขึ้น
“งั้นก็สั่งอาหารเพิ่มอีกสักอย่างสิ เอากลับหอพักก็ได้ เย็นนี้จะได้มีกับข้าวอร่อย ๆ กิน แล้วจะได้สิทธิ์ถ่ายรูปเพิ่มอีกใบด้วย...คราวนี้ล่ะจะให้คุณรินโพสท่าแบบที่อยากเห็นให้ดูให้ได้เลย!”
กวินมองสาว ๆ กลุ่มนั้น แล้วจึงหันมาทางคนรักที่ยืนอึ้ง ๆ
“ฉันว่านายลาป่วยตอนนี้เลยก็ได้นะ ไว้พวกนั้นกลับบ้านแล้วค่อยลงมาทำงานต่อ”
การินชะงักพลางหันไปมองคนที่จ้องเขาเขม็งด้วยความหึงหวง จากนั้นชายหนุ่มหน้าสวยจึงอมยิ้มน้อย ๆ ตามมาอย่างแอบดีใจนิด ๆ และจึงบอกคนรักออกไปอย่างใจเย็นกว่าเดิม
“บ้ารึ...ก็แค่ถ่ายรูปด้วย อีกอย่างพวกนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันในแง่นั้นหรอก เพราะวันก่อนที่มายังเห็นคุยสนิทสนมกับโยอยู่เลย แถมถ้าจำไม่ผิด พอคุณภูริเดินมาบอกโยเรื่องให้ไปรับออเดอร์อีกโต๊ะหรือไงเนี่ย สาว ๆ กลุ่มนั้นก็กรี๊ดเขาเหมือนกันนะ”
กวินขมวดคิ้วยุ่ง ก็โล่งใจที่ไม่มีใครในกลุ่มปิ๊งการินอยู่หรอก แต่พฤติกรรมยากจะเข้าใจของสาว ๆ กลุ่มนั้น ก็ทำให้เขารู้สึกสงสัยปนแปลกใจอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน
และกว่าที่ชายหนุ่มจะได้รู้คำตอบ พวกเขาก็ถูกเรียกให้มาถ่ายรูปคู่ด้วยกัน โดยสาว ๆ กลุ่มนั้นเป็นคนขอใช้สิทธิ์ตามโปรโมชันของร้าน โดยให้ทั้งสองถ่ายรูปในลักษณะเป็นคู่รักนักเรียน แม้การินนั้นจะเขินเพียงใด แต่ก็ยอมยืนควงแขนกวินและซบศีรษะลงกับไหล่ของอีกฝ่าย ทำเอาสาว ๆ กลุ่มนั้นกรี๊ดกันสนั่นอีกรอบ พอได้รูปแล้วพวกเธอก็เข้ามาขอบคุณทั้งสองคนอีกครั้ง และพอได้ยินที่พวกเธอพูด ก็ทำให้กวินลดอคติลงไปมาก แม้จะยังงุนงงอยู่บ้างก็ตาม
“อย่าตกใจและรำคาญพวกเราเลยนะคะ เพราะพวกเราชอบพวกคุณมาก ๆ จึงแสดงออกแปลก ๆ ไปนิด แต่ที่ทำลงไปไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยจริง ๆ นะคะ ...แต่เมื่อไหร่ที่คุณเกิดรู้สึกรำคาญ และคิดว่าพวกเราเริ่มล้ำเส้นกันจนเกินไป ก็ขอให้บอกกันตรง ๆ ได้เลยนะคะ พวกเราจะได้ลด ๆ อาการลงหน่อย เพราะบางทีพวกเราก็เผลอลืมตัวไปบ้างเหมือนกัน”
หญิงสาวคนที่ขอจับมือการินเป็นฝ่ายพูด จากนั้นเธอจึงขอตัวลากลับไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ส่วนขวัญแก้วที่เห็นสองหนุ่มยืนงง ๆ จึงเข้ามาอธิบายเพิ่มเติม
“พวกนั้นเป็นกลุ่มสาว Y น่ะ ...สาว ๆ ประเภทนี้บางคน ก็ชอบมองผู้ชายหน้าตาดี และแอบไปจินตนาการว่าคนนั้นเหมาะสมกับคนนี้ ...บางคนที่ถูกจับจินตนาการ แล้วรู้เข้าอาจจะมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของตัวเอง แต่ฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไรนักหรอก ก็แค่ความคิด มันไม่ได้ไปทำร้ายอะไรให้ใครเดือดร้อน ยกเว้นคนที่ถูกจับจินตนาการคนนั้นเกิดร้อนตัว เพราะตัวเองเป็นจริง ๆ เลยออกมาโวยวายว่าถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล นั่นก็ว่าไปอย่าง ...”
สองหนุ่มมองขวัญแก้วตาปริบ ๆ และพอจะคาดเดาจากคำพูดได้ว่า หญิงสาวเองก็คงเป็นหนึ่งในกลุ่มสาว Y อะไรนั่นเป็นแน่
“สรุปง่าย ๆ ก็คือ พวกนั้นชอบจับคู่หนุ่ม ๆ ในร้านเรา คิดว่าคนนั้นเหมาะกับคนนี้ และน่าเป็นคู่กัน ...ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือไง”
ท้ายประโยคขวัญแก้วลดเสียงพูดให้ได้ยินกันสามคน ทำให้กวินและการินสะดุ้ง หน้าแดงระเรื่อ จนหญิงสาวที่มองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ
“สาว Y น่ะ ความรู้สึกเรื่องพวกนี้ไวนะจ๊ะ ...ลองหลุดอาการไปนิด พวกเธอก็จับปะติดปะต่อกันไปยืดยาว และหลายคนก็ดันจินตนาการคาดเดาได้แม่นจนน่ากลัวเสียด้วยสิ!”
ขวัญแก้วเอ่ยเตือนก่อนขอตัวกลับไปทำงานที่บาร์ต่อ ทำให้ทั้งคู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และต่างคิดว่าคงต้องระวังตัวกันให้มากกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นคงได้ความแตกในเร็ววันนี้ ถึงแม้สาว ๆ กลุ่มนั้นอาจจะชอบใจ แต่พวกเขาก็รับประกันไม่ได้ว่า ลูกค้าคนอื่นในร้านจะชอบใจไปด้วยอย่างพวกเธอหรือเปล่ากันแน่
... TBC ...
