[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 223549 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
 :L2:

Miracle Café / 46





     จากที่คิดว่าโชคดีที่ได้นอนห้องเดียวกัน ไกรสรก็แทบอยากจะถอนคำพูดที่เคยชวนเจ้าตัวเอาไว้ก่อนหน้านั้นให้หมด เพราะคนที่เขาสนใจนั้นหันมายิ้มหวาน พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ทำให้เขาต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่ลำพังในห้องรับแขกด้านล่าง ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้าห้องมา

    “ผมคิดว่า ผมจะเริ่มให้คะแนนความชอบคุณตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปแล้ว ... ถ้าก่อนครบกำหนดสองอาทิตย์ที่เราสัญญากัน คุณได้คะแนนความชอบจากผมเกิน 80 คะแนนขึ้นไป ผมจะยอมตกลงคบกับคุณเป็นแฟนจริง ๆ หลังจากนั้น”

    ตอนที่ได้ยินครั้งแรกไกรสรก็แทบจะหลุดไชโยอย่างยินดีออกมา แต่ว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อมาหวนคิดถึงความเป็นจริงในปัจจุบัน

    “งั้น ถ้าฉันทำตัวผิดสัญญาในระหว่างสองอาทิตย์นี้ นอกจากจะถูกปรับโมฆะ คะแนนความชอบจากนายก็อาจจะติดลบด้วยสินะ”

    รุจยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบ

    “ก็ราว ๆ นั้นล่ะครับ”

    คนฟังแค่นยิ้ม แล้วหันไปสบถอะไรเบา ๆ เมื่อรุจนั้นเดินไปที่เตียง และเอนกายนอนบนเตียงใหญ่ของเขา

    “นุ่มจังนะครับ ...ไม่มานอนด้วยกันหรือครับ”

    คนชวนแย้มยิ้มหวาน ทำเอาไกรสรชักอยากจะลืมเรื่องสัญญาทั้งหมดไปเสีย แต่เขาก็ทำไม่ได้ และตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด

    “เชิญเธอนอนตามสบาย ฉันจะไปหาอะไรดื่มแก้เซ็งที่ด้านล่างนั่นแทนแล้วกัน!”

    รุจหัวเราะในลำคอ แต่พอไกรสรเตรียมจะเดินออกจากห้องไป เสียงทุ้มนุ่มก็ดังตามไล่หลังมาเบา ๆ

    “บวกให้สิบคะแนนสำหรับความอดทนนะครับ”

    ไกรสรหันขวับ เขาเห็นรุจยิ้มให้เขา ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดแว่นวางไว้หัวเตียง และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย ลักษณะการนอนของชายหนุ่มที่ยึดกลางเตียงของเขานอนเช่นนั้น ย่อมบ่งบอกให้เห็นว่า ไม่อนุญาตให้เขาขึ้นร่วมเตียงด้วยแน่ ๆ

    “...เอาเถอะวะ ยังไงก็ได้คะแนนบวกกับเขามั่งล่ะนะ”

    ไกรสรบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วจัดแจงปิดไฟห้องให้ เหลือแต่เพียงไฟส้ม ๆ แสงสลัวที่หัวเตียงเท่านั้น และพอชายหนุ่มเจ้าของห้องปิดประตูออกไปแล้ว รุจก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเปรยกับตัวเองเบา ๆ

    “บวกคะแนนพิเศษสำหรับความเป็นสุภาพบุรุษ ให้อีกห้าคะแนนแล้วกันนะครับ”

    จากนั้นชายหนุ่มจึงหยิบมือถือของตนขึ้นมาตั้งนาฬิกาเป็นเวลาตีห้า เพราะเขาตั้งใจจะตื่นขึ้นมาเดินเล่นรับลมในตอนเช้าเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง

   

    อีกด้านหนึ่งคนอื่น ๆ นั้น จัดห้องนอนเหมือนกับตอนอยู่ที่หอพัก ยกเว้นธีรัชที่ได้นอนห้องเดียวกับชานน เพราะปยุตนั้นขอตัวไปที่โรงแรมเพื่อไปหาเพื่อนสนิทของเขา และอาจจะกลับในตอนเช้าเลยก็ได้  ทำเอาชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าและถูกจับให้มานอนด้วยกันกับเชฟหนุ่ม ต้องเบิกตาค้างด้วยความตื่นเต้น และพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไร และเป็นเรื่องปกติทั่วไป

    “...เอ่อ ถ้าคุณธีรัชนอนไม่หลับ ผมออกไปนอกห้องให้ก็ได้นะครับ เพราะนี่ก็ตีสามกว่าแล้ว เป็นเวลาใกล้ตื่นของผมพอดี ผมนอนไม่หลับแล้วล่ะครับ”

    ชานนที่สังเกตเห็นคนข้างกายพลิกตัวไปมาเอ่ยขึ้น ทำเอาธีรัชสะดุ้งโหยง แล้วรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ใช่เพราะคุณนนหรอกครับ ...คือ ผม... ง่า... ตื่นเต้นนิดหน่อยที่จะได้มาเที่ยว… จริง ๆ แล้วคนที่น่าออกไปนอนที่อื่น น่าจะเป็นผมมากกว่า ขอโทษด้วยนะครับ ที่รบกวนคุณนนจนไม่ได้พักผ่อนแบบนี้”

    ธีรัชแก้ตัวเพื่อไม่อยากให้เชฟหนุ่มต้องกังวล ซึ่งพอได้ฟังอีกฝ่ายก็ถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก

    “อย่างนั้นหรือครับ ผมเองก็กลัวว่าคุณจะไม่ชินที่ต้องนอนร่วมห้องกับคนอื่นเสียอีก”

    “ไม่หรอกครับ...จริง ๆ แล้วผมดีใจด้วยซ้ำ”

    ธีรัชรีบบอกแล้วชะงักคำพูดของตัวเอง ด้วยกลัวว่าชานนนั้นจะรู้สึกแปลกใจและสงสัยต่อคำพูดของเขา ทว่าเชฟหนุ่มกลับตีความไปว่า อีกฝ่ายคงคิดถึงครอบครัวที่เสียไปแล้วนั่นเอง

    “ถ้าคุณไม่อึดอัดอะไร เรามานอนใกล้กันก็ได้นะครับ”

    ชานนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน เพราะเตียงที่ทั้งสองนอนนั้นเป็นเตียงคู่ และเขากับธีรัชก็ขยับไปนอนกันเสียคนละมุม สำหรับชานนเพราะเกรงใจ แต่ธีรัชนั้นกลัวเผลอลืมตัวหลุดทำอะไรแปลก ๆ ออกไปมากกว่า

    “เอ่อ...ครับ ก็ได้ครับ”

    ธีรัชที่เตรียมจะปฏิเสธ ต้องเอ่ยปากรับคำ เพราะได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายจากแสงไฟสลัวบนหัวนอน เขาขยับเข้าไปใกล้ จนได้กลิ่นแชมพูอ่อน ๆ จากเส้นผมของอีกฝ่าย หัวใจของเขาเต้นแรงจนเกรงว่าชานนจะได้ยิน ยิ่งได้เห็นใบหน้าคมคายนั้นหลับตาพริ้มใกล้ ๆ ธีรัชก็อยากก้มลงไปจูบเชฟหนุ่มเสียเดี๋ยวนั้น

    ‘…โธ่โว้ย เรา...นี่เราชอบเขาจริง ๆ ด้วยสินะ...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ...’

    ธีรัชที่เคยพยายามโกหกหัวใจตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับ เพราะถ้าเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเสมือนตัวแทนพ่อแม่ ยังไงก็คงไม่เกิดใจเต้น และเกิดอยากสัมผัสเรือนร่างของคนข้าง ๆ แบบนี้เป็นแน่

    ‘…คุณนน ...ถ้าคุณรู้ คุณจะรังเกียจผมไหมนะ...ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงต้องทนไม่ได้แน่เลย...’

    แม้จะเคยผ่านการอกหักมามาก แต่พอหวนคิดว่าจะถูกชานนปฏิเสธ ธีรัชก็รู้สึกปวดแปลบที่ใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...บางทีกับคนคนนี้ อาจจะเป็นรักแท้ ที่เขาไม่เคยพบมาก่อนก็เป็นได้

     “...ผมชอบคุณนะ คุณนน”

    ธีรัชพึมพำแผ่วเบา แล้วจึงหลับตาลง ก่อนจะเคลิ้มหลับตามมาหลังจากนั้นไม่นาน ทว่าคนที่หลับตาไปแล้วก่อนหน้านั้นกลับลืมตาขึ้นน้อย ๆ แล้วจ้องมองชายผู้อ่อนวัยกว่าตนนิ่ง ชานนพยายามตีความคำว่าชอบของอีกฝ่าย ว่าเป็นในลักษณะไหนกันแน่ เพราะแม้เขาจะรู้ดีว่าธีรัชนั้นชอบทั้งชายและหญิง แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่ถูกชอบในแง่แบบนั้น เพียงแต่ท่าทางและแววตาในบางครั้งที่ชายหนุ่มแสดงออกให้เห็น มันก็ทำให้เขายากที่จะปฏิเสธเป็นแบบอื่นไปได้

    “หลับฝันดีนะครับ ...”

    ชานนที่นิ่งคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่สักพัก ลูบศีรษะคนที่นอนหลับไปแล้วแผ่วเบา แล้วจึงลุกขึ้นนั่งมองคนบนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินลงไปเดินเล่นบริเวณหน้าบ้านพัก เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองจะนอนต่อไม่ลงขึ้นมาเสียแล้ว

   

    ก่อนหน้านั้น พอแต่ละคนแยกห้องเข้านอนพักผ่อนกันต่อ ปยุตก็ขอตัวเลี่ยงมาที่ทางโรงแรม เขาลองโทรหาอดีตคนรัก ซึ่งก็ใช้เวลารอสายไม่นานนัก อีกฝ่ายก็กดรับแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงยินดี

    “ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วน่ะ จะให้ฉันไปรับนายมาที่นี่ไหม”

    “ไม่ต้องหรอก...ฉันอยู่แถวนี้เอง กำลังเดินมาหานายที่โรงแรมนั่นล่ะ”

    พอได้ยินคำตอบเช่นนั้น ปลายสายก็แทบจะตาสว่าง ก่อนจะโพล่งกลับเสียงดัง

    “เดินมา! ให้ตายเถอะ นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วเนี่ย...หือ...ตีสามกว่า บ้าเอ๊ย! นายนี่มัน... นี่มาจากทางไหน เดี๋ยวฉันลงไปรับ ...ไม่ค่อยรู้จักระวังตัวเหมือนเคยเลยนะนายน่ะ!”

    น้ำเสียงนั้นบ่น ๆ ตามมายืดยาว ชวนให้คนฟังอมยิ้ม ที่อีกฝ่ายนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะตอนสมัยที่ยังเป็นเพื่อนกัน ตอนคบกัน หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่เลิกรากันไปแล้วก็ตาม

    “ฉันมาจากทางบ้านพักของเพื่อนเจ้านายน่ะ ตรงแถว...”

    ปยุตอธิบายเส้นทางให้ปลายสายฟังคร่าว ๆ และก็ถูกทางนั้นกำชับมาว่าให้หาที่สว่าง ๆ ยืน และหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ให้รีบโทรศัพท์บอกเขา ส่วนตัวเขากำลังจะลงไปรับชายหนุ่มด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้

    “...เป็นเสียแบบนี้ ก็เลยพูดไม่ออกทุกทีสิน่า”

    คนที่เคยคิดจะตัดสัมพันธ์เด็ดขาดพึมพำกับโทรศัพท์ที่วางไปแล้ว ก่อนจะถอนหายใจตามมา เมื่อหวนนึกถึงคำพูดที่ปวีร์ให้ไว้ และนึกถึงราเมศที่ตอนนี้ก้าวเข้ามาคอยดูแลปกป้องคุณหนูคนสำคัญของเขา ซึ่งตอนนี้ราเมศเองก็ได้กลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของปวีร์ไปเสียแล้ว 

    “ให้หาความสุขใส่ชีวิตอย่างนั้นหรือ... จะทำได้ไหมนะ”

    ปยุตพึมพำ แล้วจึงยืนรอแถวนั้นสักพัก ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงที่สวมเสื้อคลุมทับชุดนอนอีกชั้นหนึ่ง เดินตรงมาที่เขาอย่างเร่งรีบ

    “ไง...พล ไม่ได้เจอกันเสียนาน...”

    ยังไม่ทันที่ปยุตจะทักจบ คนตรงหน้าก็ดึงร่างเขาไปกอดแน่น แล้วเอ่ยตามมาอย่างโล่งอก

    “บ้าจริง ๆ ฉันเป็นห่วงนายแทบตาย ...เมื่อปีที่แล้ว แถวนี้เคยมีคนถูกฉุดไปทำร้ายมาแล้วนะ รู้ไหม ถึงตอนนี้จะมีการตรวจตราเข้มงวดกว่าเดิม ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้เสียที่ไหนเล่า!”

    ปยุตซบหน้ากับไหล่ของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันต่อความเป็นห่วงนั้น เขาปล่อยให้อีกฝ่ายกอดสักพัก จนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว แล้วผละออกมาด้วยใบหน้ายิ้มเจื่อน ๆ

    “ขอโทษ...ฉันลืมตัวไปหน่อย”

    ปยุตนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ตามมา แล้วจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างไม่นึกโกรธเคืองอันใด

    “ไม่เป็นไรหรอก ...เราไปที่โรงแรมของนายกันเถอะ ฉันตั้งใจมาตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ เพราะไม่อยากรบกวนครัวของโรงแรมในตอนเช้าน่ะ ช่วงนั้นคงจะยุ่งน่าดูใช่ไหมล่ะ”

    “ก็ยุ่งนั่นล่ะ แต่ไม่ได้ยุ่งอะไรมากมาย จนถึงกับที่ทำให้นายต้องเสี่ยงมาเดินกลางคืนคนเดียวแบบนี้สักหน่อย”

    ทรงพลยังคงบ่นต่อ ทำให้ปยุตอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงคล้องแขนอีกฝ่ายเดิน ทำเอาชายหนุ่มเงียบกริบทันที

    “คราวหน้าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก แล้วจะรอให้นายไปรับด้วยตัวเอง โอเคไหมล่ะ”

    ทรงพลนิ่งอึ้ง เขามองปยุตอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะตั้งแต่เลิกกัน เขาก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้มาพบหน้ากันอีก ถ้าไม่อยากจะถูกตัดสัมพันธ์เด็ดขาด แต่การที่ปยุตมาหาเขา และยังพูดเหมือนว่าจะมาหาอีกครั้งในอนาคต ก็ทำให้ทรงพลเริ่มมีความหวังที่จะสานสัมพันธ์ฉันท์คนรักกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

    “ปยุต...นาย...นายกับฉัน เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกได้ไหม...”

    ทรงพลที่ชะงักฝีเท้าและหยุดนิ่งเอ่ยขึ้นเสียงสั่นพร่า ทำให้คนฟังถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยออกไปตามตรง

    “รู้ไหมพล ว่าที่ฉันมาที่นี่ นอกจากจะมาเจอนายอีกครั้งแล้ว...ฉันก็อยากจะทำให้เรื่องของพวกเรามันจบสิ้นไปสักที เพื่อที่นายจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่ดีกว่า”

    ทรงพลเงียบกริบ ตัวชาวาบ พูดอะไรไม่ออก... สีหน้าเจ็บปวดของอดีตคนรักที่มองมา ทำเอาปยุตแทบจะทนใจแข็งไม่ไหว มาถึงตอนนี้ก็ทำให้เขารู้ตัวแล้วว่า เขาเองนั้นก็ยังคงรักอีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม แต่เขาก็ไม่อยากให้ทรงพล ต้องเอาอนาคตมาผูกไว้กับเขาที่ไม่อาจอยู่เคียงข้างกับเจ้าตัวได้ตลอดเวลาเช่นนี้

    “ไม่ว่าใครจะดีเท่าไหน... สำหรับฉัน ถ้าไม่ใช่นายแล้ว ฉันก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกทั้งนั้น...”

    คำพูดที่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปนาน ทำให้ปยุตต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วบอกกับอีกฝ่าย

    “แต่ว่า...ถึงเราจะกลับมาเหมือนเดิม ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า ฉันจะทิ้งงานพ่อบ้านของตัวเองได้”

    ปยุตเอ่ยต่อเสียงแผ่ว ทำเอาคนฟังชะงัก ทรงพลจับไหล่ของอีกฝ่ายบีบ พลางสบสายตากับคนตรงหน้านิ่ง ก่อนจะเอ่ยตามมาอย่างหนักแน่น

    “ขอแค่นายยอมกลับมาคบกันเหมือนเดิม ฉันก็ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น... และถ้านายทิ้งทางนั้นมาไม่ได้ ฉันจะเป็นฝ่ายทิ้งทุกสิ่งไปหานายเอง...”

    ปยุตนิ่งอึ้งกับคำพูดจากใจของอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเมื่อทรงพลนั้นปล่อยมือที่บีบไหล่ของเขาออก แล้วย้ายมาเกาะกุมมือทั้งสองของเขาแทน ก่อนจะยกมันขึ้นมาจุมพิตเบา ๆ 

     “ฉันมันเคยโง่ เคยขี้ขลาด จนเสียนายมาแล้วครั้งหนึ่ง ...ซึ่งฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งแน่”

    คำยืนยันจากทรงพล ทำให้ปยุตหมดสิ้นความลังเลในหัวใจ ส่วนเรื่องที่จะต้องให้อีกฝ่ายทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาอยู่เคียงข้างเขา ปยุตไม่เคยมีความคิดแบบนั้นในสมองมาก่อนเลยสักนิด และเขาคงจะปล่อยให้เจ้าตัวทำเช่นนั้นไม่ได้ แม้จะมั่นใจว่าหากเขาออกปาก ทรงพลก็พร้อมจะทำตามที่เขาขอทุกอย่างจริง ๆ ก็ตาม 

    “คนที่ฉันให้ความสำคัญมากที่สุด เขาบอกให้ฉันรู้จักหาความสุขใส่ตัวบ้าง ... ทั้งที่ฉันก็เคยคิดมาตลอดว่า ฉันมีความสุขที่จะได้อยู่เคียงข้างรับใช้เขาแบบนั้น ...แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกโลภ และอยากไขว่คว้าหาความสุขมาเพิ่มขึ้นอีกสักอย่างบ้างแล้ว”

    ปยุตเปรยขึ้นในขณะที่จ้องหน้าอีกฝ่าย ที่บัดนี้กำลังมีสีหน้าตื่นตะลึงด้วยความหวังเล็ก ๆ เมื่อได้ยินในคำพูดของพ่อบ้านหนุ่ม จากนั้นทรงพลก็ต้องหลุดตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ยินประโยคถัดมา

    “ฉันอยากให้นายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันอีกครั้งนะพล...จะได้ไหม”

    ทรงพลนิ่งอึ้งแล้วจึงกอดตอบร่างนั้นแน่นจนปยุตรู้สึกเจ็บ แต่เขาก็ไม่ได้โวยวายอะไรไป เพราะรู้ดีว่าตลอดเวลาที่เลิกกัน อีกฝ่ายก็คงเจ็บยิ่งกว่านี้หลายเท่านักเป็นแน่

    “...ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า....และฉันคิดว่าจะเลื่อนเวลาทำเค้กวันเกิดของคุณนนออกไปสักหน่อย...แต่ระหว่างนั้น ฉันก็ยังไม่มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษ...นายคิดว่าฉันควรจะหาอะไรทำแทนการนอนพักรอเฉย ๆ ดีล่ะพล”

    ปยุตถามคนรักพร้อมรอยยิ้มแฝงความนัย ที่ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ ใจเต้นแรง ก่อนจะรีบบอกเสียงสั่นพร่า

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไปนั่งคุยรำลึกความหลังของพวกเราที่ห้องของฉันเถอะ...ฉันเองอยากจะคุยกับนายให้มากกว่านี้...อยากจะสัมผัสนายให้รู้สึกว่า นี่มันคือเรื่องจริง ไม่ใช่ฉันกำลังหลับฝันอยู่บนเตียงของตัวเอง”

    ปยุตแย้มยิ้มหวาน เขาใช้สองแขนคล้องคออีกฝ่ายและรั้งใบหน้าของร่างสูงลงมาใกล้ชิด และแลกจุมพิตอันดูดดื่มระหว่างกันอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นทรงพลก็แทบจะอุ้มคนรักกลับโรงแรม แทนการเดินเรื่อย ๆ อย่างที่ปยุตทำอยู่

     และกว่าพ่อบ้านหนุ่มจะตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเกือบสามโมงเช้าเข้าให้แล้ว เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ มองชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายของเขา ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข และจัดแจงดึงผ้าห่มมาปิดคลุมร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ส่วนเขาก็เดินนิ่วหน้านิด ๆ ตรงเข้าห้องน้ำ เพื่อจะไปอาบน้ำชำระร่างกายและเตรียมตัวลงไปทำเค้กวันเกิดอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกต่อไป



... TBC ...


.ตอนนี้มาสั้น ๆ หน่อยนะคะ แต่สั้นแบบหวาน ๆ จ้ะ ... สำหรับตอนนี้ คู่ผู้ใหญ่เขามาไวเคลมไวอีกคู่แล้วครับท่าน! (หุ ๆ) อีกอย่างเพราะคู่นี้ยังไงก็เคยคบกันมาถึงขั้น...(ละไว้ในฐานเข้าใจ)แล้ว  เขี่ยหน่อย ๆ ถ่านไฟเก่าก็คุง่ายเป็นธรรมดา (จริง ๆ แล้วคือคนแต่งขี้เกียจลากดราม่ายืดยาว-*-) 

สำหรับตอนนี้ใครเป็นแฟนคลับ ไกร-รุจ เตรียมเสียงเก็บไว้กรี๊ดกันได้เลยจ้ะ!!

ออฟไลน์ waan_warunee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เย้~ ตามอ่านทันแล้ว~ ^^

ออฟไลน์ nongnette

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรี๊ดดดดดดดด จัดไป หาความสุขใส่ตัว อิอิ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ทรงพลงเป็นห่วงปยุตน่าดูเลยนะนั่น และก็ดูท่าจะรักปยุตมาก ๆ เลยด้วย รุจชอบแกล้งนะนั่น สงสารไกร นนเหมือนจะรู้ หรือว่าไม่รู้กันแน่เรื่องธีรัช

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
คู่นี้มาทีหลัง แต่แซงหน้าใครเค้าเลยอ่ะ  กิ๊วๆ    :-[ :-[

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พวกผู้ใหญ่นี่เขาไม่ต้องคุยกันมากเลยเนอะ มองตาก็รู้ใจกันไปถึงไหนๆ
อีกอย่างเขาไม่ยืนคุย นั่งคุยกันแบบพวกเด็กๆหรอก รอจนเมื่อย สู้พวกผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ เขานอนคุยกันถึงความหลังนู่น :laugh:
สรุปคนอ่านหื่นมาก :m20:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
วู้วววว พี่ำไกรก็น่าสงสาร ดูเหมือนจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆๆ

แต่พี่รุจเรา อันนี้เดายากจังแหะ

คู่คุณปยุตน่ารักเน้ออออ ชอบบบ

5555 ตอนนี้้มีแต่ผู้ใหญ่ๆแหะ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เย้ สมหวังอีกคู่แหละ คุณนนท์รู้แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะเนี่ย ธีจะโดนถอยห่างรึเปล่า

คุณไกรมีหวังแล้วล่ะ มีเพิ่มคะแนนพิเศษด้วยอ่า

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คู่พ่อบ้านเขาคุยกันง่ายเพราะเป็นแฟนเก่า
คู่รุจกับไกรสรนี่เริ่มจะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่คู่ธีรัชกับชานนเนี่่ยท่าจะช้ากว่าคู่อื่นแน่เลย

alekung103

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
*ตอนนี้มีสองคู่ชู้ชื่น(?) ค่ะ  เชิญอ่านกันได้ตามสบายนะคะ  :L2:




Miracle Café / 47




    พอถึงเวลาตีห้ารุจก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินลงมาชั้นล่าง ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นไกรสรนอนขดตัวอยู่ที่โซฟาแทนที่จะไปหาห้องว่างห้องอื่นนอนอย่างที่ควรเป็น

    “คุณไกรสร...ตื่นเถอะครับ” รุจเขย่าร่างนั้นปลุก อีกฝ่ายปรือตาขึ้น แล้วชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนปลุกตน

    “อ้าว...เช้าแล้วหรือ ...แล้วนี่ฉันทำไมมานอนแถวนี้ล่ะเนี่ย...”

    คนกำลังงัวเงียพึมพำ ก่อนจะหวนนึกถึงก่อนหน้านั้น แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า เพราะลงมานั่งเล่นแก้เบื่อ นั่งไปนั่งมาก็เกิดง่วงแล้วก็หลับไปเมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

    “คุณนี่ล่ะน้า...” รุจพึมพำพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำ แล้วจึงบอกกับชายหนุ่ม

    “คุณไปนอนห้องของคุณเถอะครับ ขอโทษด้วยที่แย่งที่นอนไปแบบนั้น”

    ไกรสรมองคนพูด ก่อนจะเลิกคิ้วนิด ๆ

    “แล้วเธอล่ะ”

    “ผมจะไปเดินเล่นแถวหน้าบ้านพัก รอดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะครับ”

    ไกรสรขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงยันกายขึ้นยืนมองไปทางหน้าต่าง ก่อนจะนิ่วหน้า

    “ยังมืดอยู่เลย อันตรายนะ ถึงจะเป็นหน้าบ้านพักก็เถอะ ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีพวกมิจฉาชีพ หรือพวกคนเมาหลงมาตอนไหน...”

    รุจมองคนที่บ่นยาวเพราะเป็นห่วงเขาอย่างพอใจ แล้วจึงเปรยชวนเบา ๆ ตามมา

    “ถ้าอย่างนั้นไปเดินเล่นด้วยกันสองคนไหมล่ะครับ”

    ไกรสรสะดุ้งเมื่อได้ยิน แต่พอมองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้พูดเล่นแกล้งแหย่ เขาก็แย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงพยักหน้าตอบรับ

    “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เลย”

    รุจอมยิ้ม แล้วจึงเดินนำออกไป ชายหาดในตอนมืดดูวังเวงและน่ากลัวอย่างที่ปวีร์และไกรสรเตือนเอาไว้ รุจถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงหันไปมองคนที่เดินตามมาใกล้ ๆ

    “เบื่อไหมครับ มาเดินมืด ๆ กับผมแบบนี้”

    ไกรสรชะงัก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ และตอบออกไปตามตรง

    “ไม่หรอก แต่ถ้าจะให้ดี ก็อยากให้เดินควงแขนกันบ้าง จูงมือกันบ้าง มันคงโรแมนติกดีล่ะนะ”

    รุจแย้มยิ้มน้อย ๆ กึ่งเอือมระอา เขามองไกรสรที่เดินห่อไหล่ เพราะอีกฝ่ายนั้นสวมเสื้อด้วยเนื้อผ้าค่อนข้างบาง ประกอบกับอากาศตอนเช้านี้ก็ค่อนข้างเย็นทีเดียว

    “ขอโทษนะครับ...” รุจเปรยขึ้น พลางเบียดกายชิดอีกฝ่าย แล้วควงแขนชายหนุ่มหลวม ๆ

    “แบบนี้เดินลำบากหรือเปล่าครับเนี่ย”

    รุจแสร้งเอ่ยถามคนที่ยืนนิ่งอึ้ง ไกรสรชะงักนิด ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะตามมา

    “ไม่เลย…ไม่ลำบากสักนิด แถมยังอุ่นมากอีกด้วย”

    รุจยิ้มตอบ แล้วจึงพิงศีรษะกับท่อนแขนของอีกฝ่าย ก่อนจะเปรยขึ้นเบา ๆ

    “ชายหาดตอนมืดถึงจะดูน่ากลัว แต่มันก็โรแมนติกดีนะครับ”

    “อะ...อืม” ไกรสรตอบสั้น ๆ เพราะกำลังรวบรวมสมาธิควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอเตลิดทำเกินเลยกับอีกฝ่าย เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่ารุจจะมาไม้ไหน แต่เขาก็ต้องพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้ เพื่อจะได้ชนะใจชายหนุ่มให้จงได้



    “...ผมจะตั้งเวลาเอาไว้หกโมงแล้วกัน”

    จู่ ๆ รุจก็เอ่ยขึ้นกับตัวเอง หลังจากที่ลอบสังเกตคนข้างกายที่พยายามอดทนเต็มที่มาได้สักพัก

    “หมายความว่ายังไง” ไกรสรถามอย่างงุนงง แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มหวานให้กับเขา หลังจากตั้งเวลามือถือของตนเสร็จสิ้น

    “ก็หมายถึงว่า ผมจะให้รางวัลพิเศษกับคุณในช่วงนี้...คุณอยากทำอะไรกับผมก็ให้คุณทำได้ตามใจ จนกว่าจะถึงเวลาหกโมงเช้า โดยไม่ถือว่าผิดข้อตกลงของพวกเรา ...แบบนี้ดีไหมครับ”

    ไกรสรนิ่งอึ้งหลังจากฟังจบ เขายืนนิ่งไปสักพักอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง จนรุจนึกขำ

    “เหลืออีกสามสิบนาที จะหกโมงแล้วนะครับ”

    ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบเขาก็ถูกร่างสูงดึงเข้าหา ก่อนจะกอดแน่นอย่างที่อยากทำมานาน รุจนั้นตกใจในทีแรก แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักและปรารถนาที่แฝงมากับอ้อมกอดนั้น เขาเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ หลับตาพริ้มรอ เมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาใกล้ และบดเบียดจุมพิตดุดันและเร่าร้อนจนคนถูกจูบแทบจะขาดอากาศหายใจเลยทีเดียว

    “หวานยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก...” ไกรสรพึมพำ ขณะถอนริมฝีปากออกมาช้า ๆ

    “ทำแค่นี้พอหรือครับ...เวลายังเหลืออีกมากพอนะครับ...”

    รุจแกล้งยั่วแล้วรอดูท่าที แต่ไกรสรนั้นแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วเลือกที่จะจูบหน้าผากของอีกฝ่ายแทน

    “เด็กแสบเอ๊ย...ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอกำลังใช้ตัวเองหลอกล่อดูท่าทางฉันอยู่...ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจริงจังกับเธอจริง ๆ และฉันจะทำให้เธอเชื่อมั่นก่อนสัญญาสองอาทิตย์นี้ของเราจะจบลงให้จงได้เลยทีเดียวล่ะ”

    รุจนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ และคราวนี้รอยยิ้มที่ตามมาจึงเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนผิดเคย

    “แต่ถึงอย่างนั้น เวลาก็ยังเหลืออีกเยอะนะครับ... และที่สำคัญ ผมเองก็ชอบจูบเมื่อครู่ของคุณมากเลย”

    ไกรสรอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง แต่พอเห็นรุจทำเป็นแสร้งถอนหายใจและทำท่าจะผละจากไป เขาจึงรีบโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยความเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม จนรุจแทนจะยืนไม่อยู่และต้องโอบแขนคล้องคออีกฝ่ายพยุงร่างของตนไว้แทน และหลังจากที่ทั้งสองผละกัน รุจก็ตัดสินใจนั่งลงที่ชายหาดแถวนั้นเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น โดยมีไกรสรนั่งซ้อนและประคองกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง

    “อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ ไม่อยากให้มันเดินไปถึงหกโมงเลยนะ”

    ไกรสรพึมพำพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก รุจนั้นพิงศีรษะกับไหล่กว้างของอีกฝ่าย แล้วแย้มยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง พวกเขานั่งกันอยู่สักพัก จนฟ้าเริ่มสางและเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้น

    เสียงถอนหายใจของไกรสรดังขึ้นจนรุจต้องอมยิ้ม แต่พออีกฝ่ายจะขยับมือคลายอ้อมกอด รุจก็จับแขนของชายหนุ่มเอาไว้เสียก่อน   

    “กอดอีกสักครู่นะครับ เดี๋ยวถ้าผมจะให้เลิก ผมจะเป็นฝ่ายบอกเอง”

    ไกรสรชะงัก แต่ก็ยอมกอดเจ้าตัวไว้ตามใจปรารถนาแต่โดยดี ด้านรุจเองนั้นมีรอยยิ้มบางผุดขึ้นที่ริมฝีปาก เขาหวนคิดถึงเมื่อก่อน ที่เคยตั้งใจไว้ว่าหากอีกฝ่ายเกิดจริงจังขึ้นมา และตัวเขายังคงไม่ได้คิดรักตอบ เขาก็จะพยายามหาเรื่องตัดสัมพันธ์กับชายหนุ่มให้ได้ ...แต่พอมาถึงวันนี้ เขาก็ต้องยอมรับว่า ตัวเองนั้นเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ กับไกรสรเข้าบ้างแล้ว ...เหลือก็เพียงแค่ว่าไกรสรนั้นจะแสดงให้เขามั่นใจได้สักเพียงใดว่า เจ้าตัวจะรักเขามากพอจนเขาสามารถจะมอบหัวใจรักตอบได้ โดยไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง

     ถึงแม้ว่ารุจจะยอมรับเรื่องความรู้สึกที่ไกรสรมีต่อตนก็ตาม แต่เรื่องความเจ้าชู้ของชายหนุ่มก็ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นแค่วันสองวัน และถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงจีบเขา เจ้าตัวเลยไม่คิดแลใคร แต่รุจก็ยังคงไม่มั่นใจว่าหากคบกันแล้ว อีกฝ่ายจะกลับไปเป็นเช่นเดิมหรือไม่ และถ้าหากไกรสรเกิดไม่สามารถรักเขาคนเดียวได้ ต่อให้ตอนนั้นเขาจะรักอีกฝ่ายมากเพียงใด เขาก็พร้อมจะเลิกรากับชายหนุ่มได้ทุกเวลาเช่นเดียวกัน

    “พระอาทิตย์ขึ้นแล้วล่ะครับ...”

     รุจพึมพำแผ่วเบา และจากนั้นเขาจึงจับแขนของไกรสรดึงออกน้อย ๆ ทำให้คนกอดอยู่รู้ตัว และแม้จะเสียดายขนาดไหน แต่ไกรสรก็จำต้องยอมปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เพราะเท่าที่รุจยอมให้เขาถึงขนาดที่ผ่านมา ก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกรักและหลงชายหนุ่มคนนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าแล้ว

    “ขอบใจสำหรับช่วงเวลาพิเศษที่ผ่านมานะ” 

     ไกรสรกระซิบบอก และลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือส่งเพื่อจะช่วยฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้น แต่เพียงครู่เดียวเจ้าตัวก็ชะงักมือเล็กน้อย เพราะเห็นรุจจ้องเขาอยู่

    “ง่า...โทษที ฉันลืมไป... หวังว่าคงไม่นับว่าเป็นการผิดสัญญานะ” 

     ไกรสรรีบบอกแล้วยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเตรียมจะหดมือกลับ ทำให้คนจ้องมองอมยิ้มน้อย ๆ จากนั้นจึงยื่นมือของตนจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วฉุดตัวเองยืนขึ้น ก่อนจะปล่อยมือของอีกฝ่ายออก

    “ผมไม่ได้ห้ามหรือรังเกียจสำหรับความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้หรอกนะครับ...เพียงแต่เมื่อครู่ที่เผลอจ้องไป เพราะกำลังคิดว่า คุณเองก็ดูดีเหมือนกัน”

    ไกรสรนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบถามต่ออย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    “มะ เมื่อครู่นี้ หมายความว่าไงน่ะ!”

     รุจมองคนที่มีสีหน้าตกใจอย่างนึกขำปนเอ็นดู แล้วจึงชะโงกหน้าไปจูบที่แก้มของอีกฝ่ายเบา ๆ

    “ผมคิดว่า ตัวเองอาจจะเริ่มสนใจคุณตอบขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้น่ะสิครับ”

    ไกรสรตกตะลึงตาค้าง และขณะที่เขาเตรียมจะตรงไปโอบกอดคนตรงหน้า รุจก็ถอยหลังหลบสองสามก้าว แล้วยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

    “ยังสิครับ...เวลาสองอาทิตย์ตามสัญญาของเรายังไม่จบเลย ...ถ้าผมไม่อนุญาตเอง ก็ห้ามคุณถูกตัวผมในเชิงแบบนั้น จำไม่ได้หรือครับ”

    คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็ถอนหายใจหนักตามมา ก่อนจะพยักหน้ารับรู้อย่างจำใจ ทำให้รุจต้องยิ้มน้อย ๆ ตอบ แล้วจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากเดินเล่นต่อ เป็นเดินกลับเข้าบ้านพัก  ทำเอาไกรสรต้องรีบจ้ำเร่งฝีเท้าเดินตามไปติด ๆ ทว่าระหว่างเดินตามเจ้าตัวก็ยังคงมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับที่ริมฝีปากอย่างพึงพอใจ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่สามารถสัมผัสอีกฝ่ายได้อย่างใจปรารถนาในทุกเวลา แต่พอรู้ว่ารุจนั้นเริ่มมีใจตอบ ก็ทำให้เขาเริ่มมีแรงฮึดและกำลังใจขึ้นมาอีกหลายเท่าทีเดียว

   

    อีกด้านหนึ่งธีรัชที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืดก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าข้างกายเขาไม่มีคนนอนอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง แล้วลุกเดินไปที่ห้องน้ำ ลองเคาะเบา ๆ และเปิดดู ก็ไม่พบว่าชานนอยู่ข้างในนั้นแต่อย่างใด

    “คุณนนไปไหนนะ ...นี่มันก็เพิ่งตีห้ากว่าเอง จะว่าไปเตรียมอาหารก็ไม่น่าใช่”

    ธีรัชพึมพำอย่างเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านั้นปวีร์ย้ำนักย้ำหนาว่า มื้อเช้าทุกคนจะกินพร้อมกันตอนประมาณสองสามโมงเช้า ซึ่งวัตถุดิบนั้นจะเป็นอาหารทะเลที่คนดูแลบ้านพักจะนำมาให้ในช่วงราว ๆ เจ็ดโมงเช้า เพราะฉะนั้นชานนก็ไม่น่าจะต้องตื่นมาเตรียมอาหารเช้าเหมือนอย่างที่เคยเป็น

    “ไปเดินข้างนอกหรือเปล่าก็ไม่รู้...”  ธีรัชพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจหาเสื้อคลุมมาใส่ทับเสื้อยืดอีกชั้นหนึ่ง เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าอากาศยามเช้าริมทะเลนั้นน่าจะเย็นอยู่พอสมควรทีเดียว

    “ข้างนอกมืดขนาดนี้ แถมยังวังเวงจะตาย ...คุณนนนะคุณนน เขาคิดอะไรของเขานะ”

    ธีรัชบ่นอย่างเป็นห่วง และรีบจ้ำเท้าออกนอกห้อง ลงไปด้านล่าง ทว่าพอคิดว่าจะออกไปหาชานนจากทางไหนก่อนดี เขาก็เห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของร่างหนึ่งเดินเข้ามาบริเวณที่เขายืนอยู่

    “อ้าว... คุณธีรัช ทำไมตื่นเช้าจังล่ะครับ แล้วนี่จะออกไปเดินเล่นหรือครับ อันตรายนะครับมืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้”

    ธีรัชถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นชานนเดินกลับมาอย่างปลอดภัย เขารอจนชานนเข้ามาใกล้ แล้วบอกกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างไม่คิดปิดบัง

“ผมต่างหากครับที่ควรจะพูดแบบนั้น ...รู้ไหมครับว่าตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ หาแถวบ้านก็ไม่เจอ แล้วพอเจอก็เห็นคุณเดินออกมาจากข้างนอก ผมเป็นห่วงมากเลยรู้ไหมครับ”

     ชานนนิ่งอึ้ง ยิ่งได้เห็นท่าทางที่ชายหนุ่มกำลังแสดงอยู่ มันก็ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่เขาเข้าใจได้เป็นอย่างดี

    “ขอโทษนะครับ...ที่ทำให้เป็นห่วง”

    ชานนเอ่ยพึมพำตอบ ก่อนจะห่อไหล่นิด ๆ ด้วยความหนาว เมื่อมีลมเย็นพัดวูบผ่านมา

    “อ๊ะ! สวมนี่เถอะครับคุณนน”

    ธีรัชรีบถอดเสื้อนอกของตัวเองสวมคลุมให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จนชานนไม่ทันได้ห้ามด้วยซ้ำ

    “คุณนนเดินมานานขนาดไหนแล้วนี่...ขอโทษนะครับ”

    เพราะตอนสวมเสื้อให้อีกฝ่ายมือของชายหนุ่มบังเอิญไปแตะโดนแขนข้างหนึ่งของเชฟหนุ่ม เจ้าตัวจึงนิ่วหน้าแล้วยกมือของอีกฝายมาเกาะกุมเบา ๆ

    “หวา! มือเย็นเฉียบเลย ไปนั่งข้างในดีกว่าครับ เดี๋ยวผมชงกาแฟร้อน ๆ ให้”

    ธีรัชบอกพลางรีบดันคนที่กำลังยืนอึ้งเข้าบ้าน ชานนเตรียมจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปเห็นแววตาห่วงใยของชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่าตน จากนั้นจึงปล่อยให้ธีรัชที่เปลี่ยนจากดันหลังเป็นมาจูงมือของเขาไปแทน มืออุ่น ๆ ของชายหนุ่ม ส่งผ่านความอ่อนโยนของเจ้าตัวมาให้เขาได้รับรู้เป็นอย่างดี

     ชานนลอบถอนหายใจเบา ๆ เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจธีรัชที่มีใจให้เขา แต่เพราะอายุที่แตกต่างกันจนเกินไป จนทำให้เขากังวลว่าด้วยช่องว่างระหว่างวัย ชีวิตคู่ของพวกเขาคงดำเนินไปได้ไม่ราบรื่นเป็นแน่ และอาจจะทำให้ธีรัชต้องมาเสียเวลากับเขา แทนที่จะได้เจอคนที่เหมาะสมกับตัวเองอย่างแท้จริงก็ได้

   

     ชานนนั่งมองธีรัชที่ชงกาแฟให้เขาอย่างขะมักเขม้น และเอ่ยขอบคุณเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มนำกาแฟมาเสิร์ฟเขาถึงที่โต๊ะรับแขก

    “เป็นไงครับ...รสชาติแย่ไหม”

    เพราะกาแฟที่บ้านพักเป็นแบบบดผงและต้องเติมน้ำตาลกับครีมเทียมเอง ธีรัชจึงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล เนื่องจากเกรงว่ามันจะไม่ถูกปากเชฟหนุ่มนั่นเอง

    “...อร่อยครับ รสเดียวกับที่ผมชอบเลยล่ะครับ”

    ชานนเอ่ยชมอย่างนึกทึ่ง เพราะไม่คิดว่าธีรัชจะชงได้ถูกปากเขามากถึงขนาดนี้

    “แหะ ๆ โชคดีไป...จริง ๆ คือผมคอยสังเกตเวลาคุณชงกาแฟดื่มน่ะครับ แล้วจำ ๆ มา แต่ก็กลัวจำผิดเหมือนกัน”

    ธีรัชบอกไปตามตรง ทำให้คนกำลังดื่มกาแฟชะงัก และเงยหน้าสบตามองกับชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง จนธีรัชรู้สึกแปลก ๆ ระคนกังวล

    “เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าครับคุณนน ทำไมจ้องผมแบบนี้ล่ะครับ...หรือว่าจะโกรธที่ผมทำเหมือนคอยจับสังเกตคุณตลอดแบบนั้น”

    ชานนชะงักเมื่อเห็นสีหน้ากังวลแฝงความกลัวอย่างหนักของอีกฝ่าย เขาแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบชายหนุ่ม

    “เปล่าหรอกครับ ผมแค่รู้สึกดีใจ ที่มีคนคอยเอาใจใส่ตัวผมแบบนี้”

    ธีรัชลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ออกมาได้

    “ค่อยยั่งชั่ว ...แค่คิดว่าจะถูกคุณนนเกลียดเอา ผมก็แทบอยากจะร้องไห้แล้วล่ะครับ”

    คนที่เผลอหลุดความในใจออกมาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มเศร้า ๆ จนชานนนึกสงสารแกมเวทนา

    “ผมไม่ได้สำคัญสำหรับคุณขนาดนั้นหรอกครับ...”

    ชานนเอ่ยด้วยสีหน้าที่ขรึมลง จนธีรัชสะดุ้ง ก่อนจะจ้องมองอีกฝ่ายตอบนิ่งสักพัก แล้วจึงเอ่ยตามมาแผ่วเบา

    “เมื่อก่อนอาจจะไม่ใช่...แต่เดี๋ยวนี้มันเป็นแบบนั้นแล้วล่ะครับ”

    ธีรัชบอกออกไปแล้วรอคอยคำตอบนิ่ง เขาค่อนข้างมั่นใจว่าชานนคงพอจะเดาท่าทางของเขาออกได้บ้างแล้ว สังเกตจากแววตาเมื่อครู่นั่น ก็ทำให้เขาทั้งหวาดกลัวและมีความหวังปะปนกันไปในคราเดียว

    “เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ ...” ชานนยังคงตั้งคำถามต่อ ทำเอาธีรัชนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่แสดงความลังเล

    “ผมไม่รู้...ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้ได้...แต่ว่า พอรู้ตัวขึ้นมา สายตาของผมก็มีแต่คุณนนคนเดียวเสียแล้วล่ะครับ...คุณนน คงไม่เกลียดผมใช่ไหมครับ...”

    ธีรัชจ้องอีกฝ่ายและรอฟังคำตอบด้วยความกระวนกระวายใจยิ่งกว่าเดิม เขาใจหายวาบ เมื่อเห็นเชฟหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ 

    “ผมไม่เกลียดคุณหรอกครับ...เพียงแต่เรื่องความรู้สึกของคุณ ผมคงยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ ...อีกอย่าง ผมอยากให้เวลาคุณทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างเสียก่อน... บางที ความรู้สึกของคุณตอนนี้ มันอาจจะซ้อนทับอะไรหลายอย่างจนทำให้คุณคิดว่าคุณชอบผมในแง่นั้นก็เป็นได้”

    ชานนเอ่ยตอบอีกฝ่ายตามตรง ทางด้านธีรัชนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ ให้กับคนตรงหน้า

    “...ก่อนหน้านั้น ผมก็พยายามบอกตัวเองแล้วว่า บางที ผมอาจจะมองภาพของพ่อแม่ซ้อนทับอยู่ในตัวคุณ ...ทั้ง ๆ ที่ ถ้ามันเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดี ...ผมก็คงจะได้ไม่ต้องมารู้สึกเจ็บในอกแบบตอนนี้ที่เป็นอยู่”

    ธีรัชบอกเสียงสั่นเครือเบา ๆ คำพูดของชานนนั้นแม้จะไม่ได้ปฏิเสธตรง ๆ แต่ก็พอจะอ่านออกได้ว่า อีกฝ่ายคงจะตอบรับความรู้สึกของเขาไม่ได้เป็นแน่

    “คุณธีรัช...ผมขอโทษนะครับ...”  ชานนเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสารและเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ ทว่าชายหนุ่มอีกคนนั้นกลับสั่นศีรษะค่อย ๆ แล้วฝืนยิ้มร่าเริงให้อีกฝ่าย

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ...มันไม่ใช่ความผิดของคุณนนสักหน่อย ผมเข้าใจและชินแล้วล่ะ ...เรื่องของหัวใจยังไงมันก็บังคับกันไม่ได้หรอกครับ”

    “คุณธีรัช...” ชานนลุกขึ้นและเอื้อมมือไปจับไหล่ของอีกฝ่าย ธีรัชเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงจับมือของเชฟหนุ่มออกจากบ่าเขา

    “ไม่ได้จริง ๆ นั่นล่ะครับ... มันไม่เหมือนที่เคยอกหักทุกครั้งก่อนหน้านั้น... ขอโทษนะครับคุณนน ...ผมขอตัวก่อนนะครับ”

    ธีรัชบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแล้วเดินออกจากบ้านพักไป ชานนมองตามไล่หลังของชายหนุ่ม แล้วจึงมองเสื้อคลุมของอีกฝ่ายที่เขายังคงสวมอยู่ เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ  ใบหน้าเศร้า ๆ นั้น ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเขาอย่างน่าประหลาด ชานนยืนนิ่งทบทวนอยู่สักพัก แล้วจึงตัดสินใจตามธีรัชออกไปด้านนอกด้วยเช่นกัน

   

    ทางด้านธีรัช พอออกมาแล้วเขาก็ตัดสินใจเดินไปตามชายหาดในทิศที่ชานนไปเดินเล่นมาก่อนหน้านั้น ชายหนุ่มเดินไปได้สักพักก่อนจะหยุดยืนนิ่ง แล้วเหม่อมองท้องทะเลดำมืดเบื้องหน้าตนอยู่เนิ่นนาน จนมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีใครบางคนคลุมเสื้อทับลงบนร่างของเขา

    “อากาศเย็นนะครับ...ระวังจะเป็นหวัดเข้า”

    ธีรัชหันกลับมามองอย่างตกใจ ชานนยิ้มน้อย ๆ  แล้วจึงขยับมายืนเคียงข้างอีกฝ่าย

    “เศร้ามากเลยหรือครับ ที่ถูกผมปฏิเสธ”

    คำถามแรกจากชานน ทำให้คนฟังเงียบกริบ แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมชานนต้องมาตอกย้ำเรื่องนี้ให้เขาฟังอีก

    “คุณธีรัชในสายตาผม... เป็นคนที่ร่าเริง เวลาใครอยู่ด้วยก็สบายใจ ถึงจะดูเหมือนทำเล่น ๆ แต่ก็ตั้งใจเต็มที่กับทุกเรื่องรอบตัวเสมอ...”

    ชานนหยุดเว้นวรรค แล้วจึงจ้องมองคนที่หันกลับมาทางเขาอย่างงุนงง เชฟหนุ่มจ้องอีกฝ่ายนิ่งอยู่เช่นนั้นสักครู่ ก่อนจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้

    “เวลาที่ผมทำอาหารออกมาไม่ได้ดั่งใจตัวเอง ผมก็ไม่เคยคิดจะเลิกล้มและทิ้งมันไป ...แต่ผมจะลองพยายามทำใหม่ จนกว่ารสชาติที่ได้มันจะออกมาตามที่ผมตั้งใจไว้ ...แล้วคุณล่ะครับ พอใจเพียงแค่นี้แล้วหรือครับ”

    ธีรัชตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ก่อนจะถามกลับเสียงสั่น

    “ตะ แต่ว่า คุณนนไม่ได้คิดกับ...”

    “ครับ...ผมไม่ได้คิดกับคุณในแง่นั้น  แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจหรือรำคาญอะไร ถ้าหากคุณจะลองพยายามทำตามที่หัวใจของคุณปรารถนา ...ตัวผมเองก็บอกไม่ได้หรอกครับ ว่าอนาคตผมอาจจะยังมีคำตอบเดิมให้ หรือว่าใจผมอาจจะเปลี่ยนไป ...”

    ชานนที่เอ่ยขัดขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายที่ทั้งดีใจทั้งลังเลทั้งกังวลปะปนกันไป ซึ่งทั้งหมดล้วนฉายออกมาจากแววตาคู่นั้นที่กำลังจ้องตอบเขากลับมา

     “...แต่ถ้าคุณพอใจที่จะหยุดอยู่แค่นี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะครับ”

    ชานนเอ่ยตัดบท แล้วหันกลับไปอีกทาง เตรียมจะเดินกลับบ้านพัก แต่ธีรัชที่รู้สึกตัวนั้นก้าวตามไป แล้วกอดอีกฝ่ายหมับจากด้านหลัง

    “คุณนน...ขอบคุณนะครับ...ขอบคุณที่ให้โอกาสผมอีกครั้ง... และถึงแม้ผลมันจะออกมาเหมือนเดิม ...แต่ผมจะไม่ให้คุณต้องมาคอยเป็นห่วงเหมือนอย่างวันนี้อีกแล้ว ...ผมสัญญา”

    ชานนพลิกกายหันกลับมามองชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่า อีกฝ่ายมีรอยยิ้มเป็นประกายสะกดสายตา เป็นใบหน้าที่ชานนอยากให้มันอยู่คู่กับธีรัชตลอดไป และสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง เขาไม่รู้ว่าตนจะตอบรับอีกฝ่ายได้หรือไม่ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ เขาเองไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้า ๆ ของชายหนุ่มแบบก่อนหน้านั้นอีกต่อไปแล้ว



... TBC ...

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เกือบร้องตามธีรัชแล้วว คุณนนเงียบจนหน้าตกใจ

5555 แต่ก็พลิกล็อค คู่พี่รุจก็น่ารัก อ่านแ้ล้วยิ้ม

พี่ไกรดูมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยอะ่

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
เกือบเสียน้ำตาแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คู่ไกรรุจเริ่มเห็นแววหวาน แต่คุณไกรก็ต้องรักรุจคนเดียวน้า

คู่ธีรัชกับชานนท์เนี่ยธีพยายามเข้านะ จะเป็นกำลังใจให้ เปลี่ยนคำตอบของชานนท์เป็นเซย์Yesให้ใด้น้า

ออฟไลน์ nongnette

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เหวยๆ มีแววว่าจะได้กันแล้ว อิอิ เขินๆ หน้าแดงเลยเนี่ย

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
รุจใจกล้ามากนะเปิดโอกาสให้ไกรสรด้วย ห้ามให้ไกรสรเปลี่ยนใจนะ
ตอนแรกสงสารธีรัชนึกว่าต้องกินแห้วแต่คุณนนตามไปให้กำลังใจแสดงว่ายังมีหวัง

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ไกรสรนี่ไม่ต้องลุ้นแล้วล่ะมั้ง แบบว่าหวานแหววขนาดนี้ รอฉลองคืนเข้าหอเลยดีไหมอ่า :o8:
ธีรัชกับชานนนี่สิ ทำเอาใจแป้วเลย  :monkeysad:
พยายามเข้านะธีรัช เอาชนะใจชานนให้ได้เร็วๆนะจ๊ะ :man1:

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ชอบสองคุ่นี่จัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
:impress2: :impress2:มาแบบนิ่งๆอีกคู่แล้วอิอิ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
นนท์ไม่อยากเห็นธีเศร้าก็แสดงว่าห่วงใยใช่ไหม ธีน่าจะพอมีหวังนะ รุจเริ่มใจอ่อนแล้ว ดีจังเลยนะไกร

ออฟไลน์ gam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ธีต้องให้เวลาคุณเชฟเขาหน่อย
อยู่ดีๆมีหนุ่มๆมาติดพันแบบนี้  ย่อมตั้งตัวตั้งใจไม่ทันกันเป็นธรรมดาแหละเนอะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ธีพยายามเข้าน้า สักวันคุณนนใจอ่อนแน่

ส่วนคู่รุจเ่ริ่มหวานกันแล้ว ชอบจัง

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ และอ่านรวดเดียวสองวันอ่านแล้วมีความสุขที่สุด
เนื้อนเรื่องสบายๆ หนุ่มๆน่ารักทุกคน  จนอยากรวบเก็บมาไว้ในฮาเร็มส่วนตัว
เลยล่ะ  :impress2:

สำนวนอ่านง่าย  ให้อารมณ์เหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะ  สุโค่ยยยย

รอเรื่องนี้รวมเล่มนะคะ  อยากได้หนุ่มๆมาไว้ในครอบครองจัง

+1และเป็ดให้เกือบทุกตอนเลย (บางตอนกดไม่ขึ้นอ่ะ)

 :กอด1:

รอตอยต่อไปค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
แวะมาแปะตอนที่ 48 ค่ะ พรุ่งนี้ค่ำ ๆ ตอน 49 จะตามมานะคะ

สำหรับเรื่องนี้ไม่คิดว่าจะลากยาวมาได้ขนาดนี้ คิดว่าจะจบสั้น ๆ คั่นเวลาคิดพล็อตใหม่ๆ แท้ ๆ.... แต่ที่สามารถเขียนมาได้ยาวเช่นนี้ก็เป็นเพราะมีนักอ่านคอยติดตามอยู่  ทั้งนักอ่านขาประจำที่ตามอ่านและคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้  แล้วก็รวมไปถึงนักอ่านหน้าใหม่ของเรื่องนี้ ที่ตามอ่านกันจนทัน และยังแสดงตัวคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งเป็นระยะ ๆ ... รวมไปถึงนักอ่านเงาที่ซุ่มอ่านทั้งหลาย ที่ทำให้ยอด view กระเตื้องทุกครั้งที่ท่านเข้ามาชม แม้จะไม่รู้ว่าท่านพอใจกับเนื้อเรื่องหรือไม่ แต่ปัดก็หวังว่าท่านคงจะมีความสุขและรอยยิ้มยามเมื่อได้อ่านเรื่องนี้นะคะ  ... สุดท้ายก็ขอขอบคุณ บอร์ดไทยบอยเลิฟที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้ลงนิยายด้วย ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

ป.ล. อีกไม่กี่ตอนสำหรับนิยายเรื่องนี้ก็คงจบลง (หวังว่างั้นนะคะ) แน่นอนว่าแฮปปี้เอนดิ้งตามสไตล์งานเขียนของปัดแน่ค่ะ (ยัยคนนี้เขียนดราม่ากับเขาไม่ค่อยเก่งอะค่ะ --" ได้แต่เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ตลอด)   

ส่วนเรื่องหน้าหลังจากเติมความหวานกันมามากมาย ปัดว่าจะเปลี่ยนแนวไปแต่งแฟนตาซีให้อ่านกันแทนค่ะ อยากเขียนแนวผจญภัยนิด ๆ หวานหน่อย ๆ อารมณ์ประมาณเรื่องดวงใจจ้าวมังกร แต่คงเน้นผจญภัยมากกว่าเรื่องนั้นค่ะ  หวังว่านักอ่านคงจะติดตามกันต่อไปนะคะ





Miracle Café / 48





    เช้าวันรุ่งขึ้น คนอื่น ๆ ต่างก็ต้องพากันประหลาดใจ เมื่อธีรัชและไกรสรนั้น ดูร่าเริงผิดเคยอย่างเห็นได้ชัด และต่างฝ่ายก็ต่างตามตื๊อพัวพันคนที่พวกตนหมายปองแทบจะทุกฝีก้าวเลยทีเดียว

    “คุณนนครับ ให้ผมช่วยเตรียมอาหารด้วยคนนะครับ...คุณตาไปนั่งเถอะครับ เดี๋ยวผมจะเป็นลูกมือแทนคุณนนให้เองครับ”

    ชานนลอบถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มให้คนข้างกาย ส่วนขวัญตามองทั้งคู่อย่างแปลกใจ และหวนคิดว่าเธอพลาดเหตุการณ์สำคัญตอนไหนระหว่างพวกเขาไปกันแน่ ธีรัชจึงได้กล้ารุกชานนอย่างไม่คิดปิดบังต่อไปอีกอย่างที่เห็น

    “โดนแย่งคุณเชฟรูปหล่อไปเสียแล้วหรือจ๊ะตา”

    ขวัญแก้วเอ่ยกระเซ้า ส่วนขวัญตาที่เดินกลับมานั่งใกล้พี่สาว พอได้ยินเข้าก็หัวเราะเบา ๆ แล้วจึงตอบกลับไป

    “นั่นสิคะ สงสัยงานนี้จะโดนแย่งไปจริง ๆ เสียแล้ว...แต่ถ้าน่ารัก ๆ อย่างธีเค้าล่ะก็ ตายอมถูกแย่งนะคะพี่แก้ว”

    ขวัญแก้วหัวเราะคิกคักตอบ ทว่าหนุ่ม ๆ ที่นั่งอยู่แถวนั้นกลับมองสองสาวตาปริบ ๆ โดยเฉพาะวาโย เพิ่งมาได้รู้ตอนนี้เองว่า คนที่ธีรัชแอบชอบอยู่นั้น ก็คือชานนนี่เอง

    “ว่าแต่อีกรายนั่นเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แหม! รู้งี้สั่งให้ติดกล้องวงจรปิดไว้ทั่วบ้านก็ดี จะได้ไว้คอยเช็คได้ว่าใครทำอะไรกันที่ไหนบ้าง”

    ขวัญแก้วเปรยขึ้น หลังจากที่เหลือบมองไกรสรที่คอยเอาอกเอาใจ พูดคุยไม่ห่างกับรุจตลอดเวลา แม้จะไม่ได้จับมือถือแขน แต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่นั้นก็ผิดแผกไปจากเดิมลิบลับ ดูอบอุ่น อ่อนโยน และสนิทสนมกันมากขึ้น จนคนรอบข้างสังเกตได้ทีเดียว



    ทว่าระหว่างที่สาว ๆ กำลังจ้องมองหนุ่ม ๆ จีบกันอยู่นั้น ปวีร์ที่นั่งไม่ห่างออกไป ก็ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

    “เป็นอะไรไปปวีร์ ทำหน้ายุ่งเชียว”

    ราเมศที่หันมาสังเกตเห็นคนข้างกายเอ่ยทัก ปวีร์หันมามองแล้วจึงบ่นอุบให้ฟัง

    “ก็ปยุตน่ะสิ ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ปกติไม่เคยทิ้งงานตัวเองแบบนี้มาก่อน ถึงจะบอกว่ากลับเช้าก็เถอะ!”

    ราเมศมองคนบ่นอย่างนึกขำ แม้ปากจะบอกว่าให้อีกฝ่ายกลับไปคืนดีกับอดีตคนรัก แต่เอาจริง ๆ แล้วปวีร์นั้นก็อดห่วงและหวงพ่อบ้านหนุ่มอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

    “เอาน่า เขาไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ สักหน่อย เดี๋ยวก็กลับมาเองนั่นล่ะ เมื่อตอนตีสามกว่านั่น เขาก็ส่งเมสเซสมากว่าถึงโรงแรมแล้ว ไม่ต้องห่วงไม่ใช่หรือ”

     ราเมศปลอบ ทำเอาปวีร์หน้าหงิกนิด ๆ ก่อนที่จะถอนหายใจตามมาในที่สุด

    “ยังไงก็เป็นห่วงอยู่ดี เลือกส่งข้อความมาแทน แถมยังปิดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อกลับแบบนั้น มันเดาได้ทั้งดีทั้งแย่นี่นะ!”

    “แต่ฉันว่าน่าจะเป็นทางดีมากกว่า ...เพราะถ้าแย่จริง ป่านนี้แค่ทำเค้กอย่างเดียว เขาก็คงกลับมาแล้วล่ะ”

    ราเมศเอ่ยปลอบ ทำให้ปวีร์หันมามองคนรัก แล้วถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง

    “ก็หวังว่าคงจะเป็นอย่างนั้น...ถึงฉันจะเสียดาย หากปยุตต้องลาออก แต่ถ้าให้เลือก ฉันอยากให้เขามีความสุขกับคนที่เขารักมากกว่า...เพราะฉันเองตอนนี้ก็มีความสุขมาก ฉันถึงรู้ไงว่า การที่ต้องอยู่ห่างคนที่ตนเองรัก มันทรมานขนาดไหน”

    ปวีร์พูดจบก็ยิ้มให้กับราเมศ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ บรรยากาศหวาน ๆ ระหว่างทั้งคู่ ทำเอาคนที่อยู่แถวนั้นและมองเห็นเข้า พากันเลี่ยงออกไปทางอื่นแทนกันเป็นแถว

   

    “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับ ว่าคุณราเมศกับคุณปวีร์จะคบกันแบบนั้น”

    วาโยที่เลี่ยงมาเดินเล่นหน้าบ้านกับเพื่อน ๆ เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ ทำเอาคนอื่น ๆ ต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว

    “หา! นายไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนหรอกหรือโย”

     กวินเอ่ยถามอย่างตกใจ แต่ก็ถูกการินตีเผียะเข้าที่แขนค่อนข้างแรง

    “เพิ่งมารู้เมื่อสองสามวันนี้เพราะฉันบอกแท้ ๆ อย่ามาทำตัวเป็นรู้มานานนักเลยน่า”

    กวินหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคนรัก ส่วนภูริถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลูบศีรษะคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู จนวาโยหน้าแดงนิด ๆ

    “ว่าแต่ที่นี่ดีจังเลยน้า  น้ำในสระก็น่าอาบ น้ำทะเลก็น่าเล่น บรรยากาศก็ดี๊ดี ...ชักอยากให้คุณปวีร์ย้ายสาขามาเปิดริมทะเลแทนจัง”

    กวินพึมพำอย่างถูกใจกับบรรยากาศบ้านพักละแวกนี้ แต่การินนั้นถอนหายใจ แล้วเอ่ยขัดทำลายความฝันของคนรักทันที

    “ขืนขายแถวนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ถ้าไม่ไปตั้งตามตัวเมืองที่ทำเลดี ๆ มีนักท่องเที่ยวมาตลอด คงขายไม่ได้หรอก ย่านนี้มันชายหาดส่วนตัวทั้งนั้นล่ะนะ”

    กวินชะงักแล้วหันมามองคนพูดตาละห้อย จนการินนึกสงสาร แล้วจึงบอกกับคนรักตามมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

    “ไว้นายก็ทำงานเก็บเงินเข้าสิ ...บางทีพวกเราอาจจะแยกมาหาทำเลดี ๆ ริมทะเลในไทยที่ไหนสักแห่ง เปิดร้านกาแฟด้วยกันบ้างก็ได้”

    กวินนิ่งอึ้งไปครู่ ก่อนจะแย้มยิ้มกว้างตามมาอย่างตื้นตันที่การินนั้นเอาใจใส่ต่อความรู้สึกของเขาเช่นนี้  ทางด้านวาโยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หน้าแดงแทนด้วยความเขิน ก่อนจะสะกิดภูริชวนชายหนุ่มไปเดินเล่นบริเวณอื่น ปล่อยให้คู่รักอีกคู่หวานใส่กันตามลำพัง



    “แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ...”

    จู่ ๆ ภูริก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ทำให้วาโยหันไปมองอย่างแปลกใจ

    “อะไรหรือครับ”

    “ก็เปิดร้านกันสองคนยังไงล่ะ ...พอมีเงินเก็บสักก้อน เราก็มาลงทุนงานที่เรารักร่วมกัน...”

    วาโยนิ่งอึ้ง เขาไม่คิดว่าภูริจะคิดไปถึงเรื่องในอนาคตของพวกเขาล่วงหน้าเช่นนี้ วาโยยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้าตอบ

    “ถ้ามีโอกาสและเวลาเหมาะสมนะครับ ...แต่ตอนนี้ผมเองยังอยากจะอยู่ร่วมกับทุกคนให้นานมากกว่านี้อีกสักนิด”

    ภูริมองคนตรงหน้าแล้วสั่นศีรษะค่อย ๆ คล้ายเอือมระอา แต่เขาก็ยอมรับว่า การที่ได้อยู่ร่วมกันกับทุกคนในมิราเคิลคาเฟ่แห่งนี้ ก็ทำให้เขาได้รู้จักถึงความสุขในอีกรูปแบบหนึ่ง  อีกอย่างสถานที่แห่งนี้ก็ยังทำให้เขาได้พบคนสำคัญที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ร่วมเคียงข้างกันไปตลอดชีวิตอีกด้วย

     “อ๊ะ ...จริงสิ เกือบลืมแน่ะ”

    ภูริเปรยขึ้นเหมือนนึกบางอย่างได้ ทำให้วาโยมองคนพูดอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นภูริล้วงหยิบกล่องกำมะหยี่กล่องหนึ่งในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา แล้วเปิดออกให้ดู ก็ทำเอาเขาถึงกับอึ้ง เพราะมันเป็นแหวนทองขาว ซึ่งเป็นแหวนเกลี้ยง แต่มีสลักด้านในเป็นชื่อของพวกเขาสองคน

    “ฉันสั่งร้านที่รู้จักทำให้ แล้วให้เขาส่งมาทางไปรษณีย์น่ะ... มันอาจจะไม่มีราคาค่างวดอะไรมากมาย...แต่ฉันอยากจะให้นายได้ใส่ติดตัวไว้...แล้วถ้ามีโอกาสฉันจะเปลี่ยนเป็นของที่มันดีกว่านี้ให้นะ”

    วาโยมองคนที่กำลังสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของเขาอย่างตื้นตัน ส่วนภูริลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่กะขนาดของแหวนได้พอดีกับนิ้วของอีกฝ่าย

    “ของฉันก็มีนะ แต่ถ้าใส่แหวนแบบเดียวกันเดี๋ยวจะโดนลูกค้าสงสัย ฉันก็เลยใส่นี่ไว้...”

    ภูริโชว์สร้อยคอของเขาที่มีแหวนแบบเดียวกันแต่คนละไซส์ ร้อยอยู่ในสร้อย วาโยมองแหวนที่มือของตน ก่อนจะโอบกอดคนตรงหน้าแน่นพร้อมกับพึมพำแผ่วเบา น้ำตาซึมขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

    “ขอบคุณนะครับ ผมดีใจมาก ๆ เลย...”

    “อืม...จริง ๆ ฉันก็อยากเปิดเผยเรื่องของพวกเรากับทุกคน...แต่นายก็คงรู้สินะ ว่าถึงจะมีคนรับได้ แต่คนรับไม่ได้ก็คงมีอยู่มาก แล้วฉันก็ไม่อยากให้คุณปวีร์ต้องเดือดร้อนด้วย”

    ภูริเอ่ยตามมาด้วยสีหน้าที่ขรึมลง แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อวาโยเขย่งเท้าพร้อมกับรั้งคออีกฝ่ายลงมา แล้วหอมแก้มชายหนุ่มฟอดหนึ่งเบา ๆ

    “ผมเข้าใจครับ ...ผมก็คิดเหมือนคุณนั่นล่ะ และจะพยายามเข้าใจด้วยว่า บางครั้งคุณภูริก็ต้องยิ้ม ต้องสนิทสนมกับลูกค้าตามหน้าที่...ถึงผมจะหึงที่เห็นแบบนั้นก็ตามเถอะ”

    ท้ายประโยคคนพูดหน้าแดงระเรื่อ แล้วก้มหน้าบ่นอุบอิบโดยไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย ทำเอาภูริถึงกับยิ้มด้วยความดีใจ ที่อีกฝ่ายนั้นคิดและหึงหวงเขาแทบไม่แตกต่างกับที่เขาเป็น

    “งั้นพวกเราก็ต้องรักกันให้มากกว่าเดิม จะได้ไม่ต้องคอยหึงหวงกันเองไงล่ะ ดีไหม”

    วาโยหน้าแดง แล้วบอกตอบอย่างเขินอาย

    “แค่นี้ก็รักมากอยู่แล้วล่ะครับ ยังจะให้รักกันมากขึ้นอีกขนาดไหนล่ะครับ”

    “ก็มากพอที่จะ...” ภูริก้มลงกระซิบข้างหู ทำให้คนที่หน้าแดงน้อย ๆ กลายเป็นแดงก่ำในพริบตา

    “เรื่องแบบนั้น วะ...ไว้ก่อนเถอะครับ...”

     วาโยพูดแทบจะกลายเป็นติดอ่าง เห็นดังนั้นภูริก็อดไม่ไหวจึงก้มลงไปขโมยจูบชายหนุ่มผู้น่ารักของเขาเบา ๆ จนวาโยต้องถอยหลังออกไป เพราะเกรงว่าภูริจะรุกต่อซ้ำ ทั้งที่พวกเขายืนอยู่กลางสนามหน้าบ้านพักแบบนี้

    “หึ ๆ ไม่ต้องหนีขนาดนั้นก็ได้... มานี่เถอะ ไปบังคับช่วยธีกับคุณนนดีกว่า เราจะได้กินข้าวเช้าไว ๆ แล้วมานั่งเตรียมแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดในเย็นนี้กัน  และถ้าเตรียมการเสร็จเร็ว ก็จะได้ไปเล่นน้ำทะเลกันต่อไงล่ะ ดีไหม”

    ภูริเอ่ยขึ้นอย่างนึกเอ็นดูต่อท่าทางเขินอายของอีกฝ่าย วาโยแม้จะยังเขินอยู่ แต่พอได้ยินแบบนั้นเขาเองก็เห็นด้วยกับชายหนุ่มเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้นไม่ว่ายังไงธีรัชก็ไม่ยอมมอบหน้าที่ผู้ช่วยของชานนให้กับใคร ขนาดขวัญตาที่เป็นผู้ช่วยประจำในครัวของชานนเอง ยังโดนไล่ให้ไปนั่งพักด้วยซ้ำ

    จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปทางการินและกวิน ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ริมสระ ซึ่งพอได้รับฟังสิ่งที่ภูริบอก ทั้งสองคนก็เห็นดีด้วย และพากันไปสมทบในครัว ทำเอาธีรัชยืนหน้ายุ่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ไม่สามารถขัดทุกคนที่รุมบังคับเขาได้



    “ผมเองก็ไปช่วยพวกนั้นด้วยดีกว่า”  รุจที่ปลีกตัวมานั่งคุยกับพวกไกสรและขวัญแก้วกับขวัญตาเปรยขึ้น เมื่อมองเห็นรุ่นน้องของตนลงมือเตรียมอาหารทะเลด้วยกัน ทำเอาคนที่กำลังนั่งคุยอยู่ข้าง ๆ ชะงัก

    “ถ้าเธอไป ฉันก็ไปด้วย!”

    รุจสบตาอีกฝ่าย แล้วจึงแสร้งเปรยขึ้นเรียบ ๆ ในสิ่งที่ทำให้คนฟังสะดุ้งโหยง

    “ถ้าอยู่รอเฉย ๆ จะบวกให้ห้าคะแนน แต่ถ้าไปด้วยจะติดลบห้าแทนนะครับ”

    “ฮึ! งั้นนั่งรอก็ได้ ...แต่อย่าช้านักล่ะ ไม่งั้นถึงจะติดลบ แต่ก็จะตามไปด้วยล่ะนะ!”

    ไกรสรบ่นพึมพำแถมยังกำชับตามมาจนรุจนึกขำ ส่วนขวัญแก้วกับขวัญตามองพี่ชายของพวกเธออย่างเวทนาแกมระอา แล้วจึงเปรยขัดขึ้นบ้างอย่างหมั่นไส้

    “มากไปค่ะพี่ไกร ทำยังกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันห่างกันไม่ได้เลยสักก้าวเสียอย่างนั้น แล้วอีกอย่างรุจก็แค่ไปที่ครัว มองจากตรงนี้ก็เห็นว่าเขายืนอยู่ตรงไหนทำอะไรบ้างแท้ ๆ”

    “คนไม่เคยมีแฟนก็พูดได้นี่เรา” ไกรสรหันไปย้อนบอกขวัญแก้ว ทำเอาหญิงสาวชะงักก่อนจะแค่นยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปทางขวัญตาที่อยู่ใกล้ ๆ

    “งั้นเราไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ๆ แล้วไปเดินอ่อยหนุ่มฝรั่งหล่อ ๆ ที่โรงแรมใกล้ ๆ นี่กันเถอะ ...เผื่อจะได้รู้ว่ามีแฟนแล้วมันจะดีจริงหรือไม่ดีกันแน่”

    ขวัญตาหัวเราะคิก รู้ดีว่าพี่สาวชวนไปอย่างนั้นเพื่อต้องการแหย่ให้ไกรสรโมโห แต่เธอก็ยังคงพยักหน้าตอบรับมุกอีกฝ่าย

    “งั้นก็ได้ค่ะ ...ส่วนตาชอบแบบคนสูงวัยหน่อย แต่คนแก่โสด ๆ นี่ดูยากจังนะคะ กลัวไปคว้าสามีใครมาเข้า แล้วกลายเป็นน้อยเขาไปนี่แย่เลย”

    ไกรสรฟังสองสาวคุยกันแล้วเบิกตากว้าง ก่อนจะโพล่งขัดขึ้นอย่างหงุดหงิด

    “ไม่ได้! ไม่ให้ไปกันเองเด็ดขาด ถ้าจะไปพี่ต้องไปด้วย!”

    “แล้วจะทิ้งรุจไว้แถวนี้หรือคะ ...เกิดมีหนุ่มหล่อ ๆ หลงผ่านมา แล้วปิ๊งรุจเข้า พี่ไกรจะทำยังไงล่ะคะ”

    ขวัญแก้วแกล้งกระเซ้า ทำให้ไกรสรชะงัก นิ่งคิดหนัก ก่อนจะนึกได้ตามมา

    “แล้วไอ้หนุ่มที่ว่า มันจะเข้ามาบ้านพักเราได้ยังไงล่ะ!  ไม่ต้องมาพูดชักใบให้เรือเสียเลย ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้น้องสาวแต่งตัวเซ็กซี่ ไปเดินให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมันมองโลมเลียด้วยสายตาหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด!”

    ขวัญแก้วกับขวัญตาหัวเราะคิกคัก แล้วจึงยกมือยอมแพ้ พลางเกาะแขนพี่ชายคนละข้างอ้อนขอโทษ ทำให้รุจที่เหลือบมองมาอมยิ้มอย่างนึกขำแกมชื่นชมที่เห็นทั้งสามรักใคร่กันดีแบบนี้

     

    และเมื่ออาหารเช้าเตรียมเสร็จ ชานนที่ทำข้าวต้มทะเล และ ไข่เจียวหอยนางรมจานใหญ่ สำหรับทุกคน ก็หันไปถามปวีร์ที่นั่งรออยู่บริเวณโต๊ะอาหารของบ้าน

    “แล้วคุณปยุตล่ะครับ...เขาจะกลับมาทานมื้อเช้าด้วยไหม”

    “ไม่รู้สิ ปิดเครื่องด้วยแบบนี้ จะโทรตามก็ไม่ได้” ปวีร์บอกตามตรง ทำให้ชานนนึกกังวลขึ้นมา

    “งั้นพวกคุณทานกันไปก่อน เดี๋ยวผมไปตามไปดูเขาที่โรงแรมดีไหมล่ะครับ”

    พอชานนพูดแบบนั้นธีรัชก็เริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมานิด ๆ แต่ก็พยายามเก็บสีหน้าเต็มที่

    “ไม่ต้องหรอกคุณนน ถ้าจะกลับมากินข้าวเช้า ป่านนี้ก็คงกลับมาแล้วล่ะ ...แต่ถ้าเป็นห่วงจริง ๆ ไว้พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว คุณก็ลองตามไปดูสิ”

    ปวีร์เอ่ยตัดบท ทำให้ชานนพยักหน้ารับรู้ และในขณะที่มีบางคนเตรียมจะอาสาตามเชฟหนุ่มไปด้วย เจ้าตัวก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปวีร์ขยิบตาเป็นเชิงห้าม และนั่นจึงทำให้คนที่เตรียมจะไป นึกขึ้นได้ว่าหลังจากนี้พวกเขามีภารกิจลับต้องเตรียมการสำหรับวันนี้กันต่อ โดยไม่ให้ชานนล่วงรู้นั่นเอง



     ปวีร์มองธีรัชที่นั่งกระวนกระวายหลังจากชานนออกไปจากบ้านพักแล้วอย่างนึกขำ พวกเขากำหนดเวลาจัดงาน และเตรียมจัดปาร์ตี้ฉลองวันเกิดให้ชานน ในช่วงตอนเย็นที่จะถึงนี้ และเมื่อสรุปกันได้แล้ว พวกหนุ่ม ๆ ก็ขอตัวไปเล่นน้ำทะเลกันก่อน ยกเว้นธีรัชที่ตรงเข้าครัวทำเค้กวันเกิดให้ชานน โดยมีขวัญตาที่ให้สูตรการทำเค้กชายหนุ่มไป มองดูห่าง ๆ  อย่างชื่นชม

    “เด็กนั่นก็จะทำเค้กด้วยหรือ”

     ปวีร์ที่ยังคงนั่งพักอยู่ในบ้านพักกับพวกราเมศ ขวัญแก้ว และขวัญตา หันไปเอ่ยถามหญิงสาว ขวัญตาขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วย้อนถามกลับ

    “ทำด้วย...หรือว่าพี่วีก็เตรียมเค้กไว้ให้คุณนนแล้วหรือคะ”

    “ไม่ใช่พี่หรอก ปยุตน่ะ เขาทำเค้กให้กันทุกปีเป็นของขวัญอยู่แล้ว ...หึ ปีนี้น่าสนุกนะ รถไฟชนกันเสียแล้วสิ”

    ปวีร์เอ่ยด้วยสีหน้าระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ขวัญตากับขวัญแก้วอุทานเบา ๆ แล้วหันไปมองชายหนุ่มในครัวที่กำลังคร่ำเคร่งในการทำเค้กอย่างนึกสงสาร

    “โถ...เค้กของมืออาชีพอย่างคุณปยุต กับเค้กหัดทำครั้งแรกของธี...ไม่อยากคิดถึงตอนที่เขาเห็นเค้กของคุณปยุตเลย คงใจฝ่อน่าดู”

    ขวัญตาพึมพำอย่างสงสาร ทว่าปวีร์กลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

    “งั้นพี่จะให้ปยุตซ่อนไว้ดี ๆ ไม่ให้ธีรัชเห็นแล้วกัน  จะได้ไว้เซอร์ไพรส์พร้อมกันทีเดียวเลย อ๊ะ…เดี๋ยวต้องบอกคุณนนด้วยว่าถ้าใกล้ถึงแล้วให้โทรบอก จะได้คอยกันท่าไม่ให้จ๊ะเอ๋กันก่อน ...อ้อ จริงสิตา ห้องข้างบนนั่นก็มีตู้เย็นอีกตู้ใช่ไหม”

    ปวีร์ถามหญิงสาว เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นตู้เย็นกับบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ ตรงห้องพักผ่อนบนชั้นสองผ่านตา ซึ่งขวัญตาก็พยักหน้าค่อย ๆ เป็นการยืนยันว่าชายหนุ่มเข้าใจถูกแล้ว

    “ใช่ค่ะ บางทีเวลามาพัก ตากับพี่แก้วก็ขี้เกียจเดินขึ้นเดินลงหาของกิน ก็เลยขนตู้เย็นกับบาร์น้ำไปไว้ด้านบนอีกที่น่ะค่ะ”

    ปวีร์ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเปรยต่อ พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    “ดีแล้ว งั้นก็ให้ปยุตเอาไปเก็บข้างบนแทนแล้วกัน เดี๋ยวฉันเฝ้าแถวนั้นให้เอง ...เพราะวันนี้ฉันตั้งใจแล้วว่าจะไม่เล่นน้ำทะเล เพราะกลัวเพลียแดด ...อีกอย่างฉันว่าจะแอบถ่ายรูปพวกนั้น เก็บไว้จากชั้นบนนั่นด้วย  พอดีได้กล้องซูมเจ๋ง ๆ มาตัวหนึ่ง เดี๋ยวจะลองกล้องถ่ายไปพลาง ๆ รอปยุตมาอีกที แล้วค่อยยกเป็นหน้าที่ให้หมอนั่นจัดการ”

    พอได้ยินดังนั้นทั้งขวัญแก้วและขวัญตาก็เริ่มสนใจ และขอลองใช้กล้องที่ว่านั่นบ้าง ปวีร์จึงพาทั้งคู่ขึ้นไปบนชั้นสอง ส่วนราเมศได้แต่มองตามไปด้วยสายตาเอือมระอา ทว่าก็ยังคงตามคนอื่นขึ้นไปด้วยอยู่ดีนั่นเอง





... TBC ...

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ใช่เลยรถไฟชนกันซะแล้ว ธีจะเป็นยังไงน้าถ้าเห็นเค้กที่ปยุตทำ

ตอนนี้มีฉากหวานของหลายคู่เลย น่ารักมากค่ะ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
รอมาปยุตมา
ไม่ใช่ว่าเขามีคนช่วยถือเค้กมาด้วยหรอกนะ^^

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
รู้สึกเหมือนหนุ่มๆ โดนสต๊อกเกอร์สะกดรอยตามยังไงก็ไม่รู้แฮะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด