เกมชิง Special Booklet จากนิยายเรื่อง"ทัณฑ์กามเทพ" (นิยายทัณฑ์กามเทพบทที่1-จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกมชิง Special Booklet จากนิยายเรื่อง"ทัณฑ์กามเทพ" (นิยายทัณฑ์กามเทพบทที่1-จบ)  (อ่าน 74877 ครั้ง)

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #120 เมื่อ06-08-2012 16:18:37 »

อินมากกับนิยายเรื่องนี้
แอบหวังว่าตอนหน้าอาจมีอะไรพลิกความคาดหมาย
แบบว่าซีดีนั้นอาจจะไม่ใช่คลิปของวิศรุตกับนภัทร
แต่กลับกลายเป็นหลักฐานทุจริตของสองพ่อลูกแทน
ขอให้ศรารัตน์ไม่ใจร้ายจนทำลายพี่ชายตัวเองได้ลงคอ

ออฟไลน์ ลูกหมีน้ำแดง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #121 เมื่อ06-08-2012 17:37:13 »

เพิ่งจะเริ่มอ่านได้ 5 ตอน กว่าจะถึงตอนปัจจุบัน หนทางช่างยาวไกล :z3:

ออฟไลน์ ~@มาวินฮับ@~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #122 เมื่อ06-08-2012 17:42:12 »

เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก น่าจะเขียนบทละครได้เลย น่าติดตามจะรอตอนจบนะครับ เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #123 เมื่อ06-08-2012 19:41:55 »

กรี๊ดๆ!!! ลุ้นจนเครียดอ่ะ......

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #124 เมื่อ06-08-2012 20:25:11 »

ค้างงงง  :serius2: :serius2: :serius2:

ศราไม่น่าทำกับวินได้ถึงขนาดนี้เลยนะ  :sad4: :sad4:


ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #125 เมื่อ06-08-2012 21:53:28 »

:m31: :m31: :m31: :m31: :angry2: :angry2:ปวดใจจังเลยอะ :serius2: :serius2:


 :m15: :m15: :m15:สงสารวินใจจะขาดแล้วนะ :monkeysad: :monkeysad:


รีบมาต่อน๊าเค้าค้างอะ :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #126 เมื่อ06-08-2012 22:34:47 »

พออ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายของตอนนี้
ถึงกับตะโกนออกมาว่า " อ๊ากกกกก ค้างงงงงงง !!!! "  :z3: :z3:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #127 เมื่อ06-08-2012 22:42:53 »

ไม่เคยแช่งใครนะ แต่ขอแช่งศรา ขอให้ได้รับกรรมครั้งนี้อย่างสาสม

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #128 เมื่อ06-08-2012 22:58:34 »

ยังไม่อ่านตอนล่าที่โพสต์ล่าสุดแต่ขอมาเมนต์ก่อนละกัน

รู้สึกขัดใจกับ นภัทร มาก บ้าบอคอแตกทั้งสามคนเลย

นภัทร - ชีวิตก็เป็นของตัวเองนะ หัวใจก็เป็นของตัวเอง แต่ทำไมยังเอาตัวไปข้องเกี่ยวกับยัยศรานั่นอีกไม่เข้าใจ
ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องใส่ใจ บ้าเปล่า ทำเหมือนยัยศราเป็นเจ้าหนี้ เลยไม่มีทางเลือกต้องยอมทำโน่นทำนี่
คอยเอาใจ เอาตัวไปขัดดอก ถ้าไม่ยอมก็ไม่ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เลย แค่เลิกข้องเกี่ยวกับยัยบ้านี่ซะก็หมดเรื่อง  นี่อะไรก็ไม่รู้
ขนาดพูดกันแล้วหนิว่ารู้สึกกับยัยนั่นได้แ่ค่ไหน บ้าบอที่ต้องเอาชีวิตไปข้องเกี่ยว ไปรับสมอ้างเป็นแฟนหรือแต่งงานด้วย
นี่ผู้หญิืงมันหมดโลกแล้วเหรอ แล้วต่อให้ความรักของเกย์ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ชะนีนี่มีแ่ค่ยัยศราคนเดียวนี่เหรอ
อยากได้ผู้หญิงแบบนี้มาเป็นแม่ของลูกเหรอ ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวนี่นะ โอ๊ยยยย เป็นถึงหมอคิดได้แ่ค่นี้นะนภัทร
ถ้ามันยากนัก ยังไงวินก็จะเสียสละให้น้องสาว ก็สะบัดบ๊อบออกมาเถอะ หาคนใหม่ ใช่เรื่องไหนที่ต้องเอาทั้งชีวิตไปอยู่กับ
ผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่ได้รัก เพียงเพราะคำขอของคนรัก




ยัยศรา - เ็ป็นชะนีที่น่ารำคาญมาก หน้าตบมากๆ ยัยนี่ก็ประสาททั้งที่ผู้ชายก็ชัดเจนแล้วว่ายังไงก็ไม่รักเธอ
เห็นแก่ตัวมากๆๆ แต่ไม่โทษเธอนะ แต่เหมือนเธอทำตัวแบบว่ามีสิทธิ์ในการตัดสินใจของนภัทร ว่าจะให้อยู่หรือไป(แม้จะไม่ได้รักหล่อน)
ซึ่งที่จริงแล้ว ยัยนี่ไม่มีสิทธิ์เลยนะ แต่ก็นั่นแหละ คนที่โง่คือ นภัีทร ต่างหาก บ้าบอมาตามใจยัยนี่อยู่ได้  ควรจะเลิกยุ่งได้แล้ว
ยังเอาตัวมาข้องเกี่ยวอีก

วิน- พอเสียสละก็ทำเหมือนสามารถจะยกกานต์ให้ใครก็ได้นะ ซึ่งจะบอกว่า เธอสองพี่น้องไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับหรือยกนภัทรให้กันและกันเลยนะ แต่ก็นั่นแหละ คนกลางก็ทำตัวโง่เง่าเิดินตามเกมเอง ปล่อยให้สองพี่น้องบ้าบอกันเอง แล้วก็ยอมเป็นลูกบอลที่กลิ้งไปทางโน้นที่ทางนี้ที ตามที่สองพี่น้องอยากเล่น  เลิกทำตัวเป็นนางเอกผู้เสียสละเถอะ


ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #129 เมื่อ07-08-2012 00:23:42 »

หนีไปอยู่้ด้วยกันเหอะหนีเรื่องราวไปเริ่มใหม่ทั้งสองคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
« ตอบ #129 เมื่อ: 07-08-2012 00:23:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #130 เมื่อ07-08-2012 00:30:54 »

ค้างตอนนี้ได้ไงอะ ใจร้าย เขาต้องรอต่อไปหรือเนี๊ย รอก็ได้ อยากอ่านมากก ขอบคุณที่มาลงให้อ่านนะค่่ะ

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #131 เมื่อ07-08-2012 01:32:21 »

กล้าเลวได้ขนาดนี้เหรอศรา ถ้าทำได้จริงเธอเสียชาติเกิดมากนะ

Patty-Tata

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #132 เมื่อ07-08-2012 01:34:33 »

ขอประโยคเดียวค่ะ อิ ศรา ไป ตาย ซะ นังชั่ว!!!!

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #133 เมื่อ07-08-2012 05:29:20 »

คอมเมนต์ตอน31-35 สิ่งที่วินทำและขอตอบรับคำสั่งของยัยศราเป็นการกระทำที่โง่เง่ามาก  และ ใจร้าย กับ นภัทรมาก นั้นคือชีวิตความสุขทั้งชีวิตของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่วินรัก ต่อให้รักน้องแค่ไหนก็ตาม หรืออยากให้ตัวเองเจ็บปวดเองแต่ก็ไม่ควรพลักนภัทรลงเหว ส่วนนภัทร โง่เง่าพอกันการที่ตอบรับในสิ่งที่วินขอ ไม่ได้ดูเท่เลย ที่บอกว่ายอมทำทุกอย่างตามที่วินต้องการ ถ้าวินจะมีความสุขเป็นทางออกที่สิ้นคิดมาก มันคิดไม่ได้รึไงนะ ว่ามันไม่มีทางมีความสุขได้   ส่วนยัยศรา บางทีลืมว่ามีน้องไปเลยก็ดีนะวิน ถ้ามันจะชั่วและไม่รักดีและไม่มีความรักต่อพี่น้องที่คลานตามกันมาได้ขนาดนี้ ถ้ามันยุ่งยากนัก ก็หนีไปอยู่สันโดษเถอะ วิน ดีกว่าไปขอร้องให้กานต์แต่งงานบ้าบอ ปล่อยให้ยัยศรามันบ้าซะให้พอนอนอยู่บนกองเงินกองทองซะให้พอแม้แต่พี่ยังไม่รักบ้าผู้ชายอยู่ได้ทั้งที่เหลือกันอยู่สองพี่น้อง ก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปซะเลย หมั่นไส้ ให้กานต์ไม่ต้องข้องเกี่ยวอีกด้วย แยกย้าย! เบื่อความดราม่าของยัยคนนี้ /// ส่วนพงษ์ กลับบ้ายัยนั่น จนยอมทำร้ายเพื่อนของตัวเอง เพื่อนที่ตัวเองรักและคบกันมานาน ทำโดยไม่รู้ว่าเค้าจะทำอะไร จะเกิดผลร้ายแค่ไหน เห็นแก่ตัวและเลวมาก // แต่ดีอย่างหนึ่งนะ ที่ยัยศราไม่มอมยา แล้วแก้ผ้าเสนอตัวให้กานต์ ตอนแรกหวั่นมาก // ตอนหน์าไม่ขอเดาความเป็นไปได้ทั้งสอง คือ ชั่วสุดติ่ง จะทำลายพี่จริงๆ และแบบสำนึกได้อาจจะแผนซ้อนแผนอีกที

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่36
«ตอบ #134 เมื่อ07-08-2012 09:36:04 »

บทที่ 36


ภาพเคลื่อนไหวที่อยู่บนจอโปรเจคเตอร์กลับเป็นภาพที่วันชัยและภาคินกำลังปรึกษากันในการวางแผนทำร้ายวิศรุตและศรารัตน์เพื่อฮุบสมบัติของทัดเทวา ซึ่งคลิปนี้เป็นคลิปที่ได้มาจากเมริษานั่นเอง ภาพภาคินกับวันชัยที่หน้าเด่นหราอยู่ในคลิปอย่างชัดเจนทำให้คนทั้งคู่หน้าซีดเผือดและตกใจมากกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่กลับตาลปัตรไปแบบนี้ แทนที่คลิปนี้จะเป็นคลิปลับเพื่อแฉว่าวิศรุตเป็นเกย์ แต่ทำไมถึงกลายมาเป็นคลิปนี้ไปได้? กลายเป็นว่าตอนนี้ภาคินและวันชัยกลับโดนแฉเข้าเสียเอง

วิศรุตมองโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายคลิปไปเรื่อยๆสลับกับมองไปรอบตัวด้วยความมึนงง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมโครงการบ้านเทวานิรมิตของเขาถึงเป็นคลิปนี้ไปได้? ส่วนนภัทรก็สบตากับพงศธรด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน สองคนหันไปทางศรารัตน์เป็นตาเดียว หญิงสาวน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำให้คำตอบเรื่องนี้กระจ่างออกมา

“ปิด ปิดเดี๋ยวนี้เลย ฉันบอกให้ปิดไง” วันชัยตะโกนก้องไปทั่วห้องจัดงานด้วยแรงอารมณ์ ชายสูงวัยก้าวเท้ายาวเพื่อจะไปปิดคลิปด้วยตัวเองแต่ว่าศรารัตน์พูดขัดเสียงกร้าวทันที

“ไม่ต้องปิด วันนี้ทุกคนจะได้รู้ทั่วกันไปเลยว่าธาตุแท้ของนายวันชัยกับภาคิน ทัดเทวานั้นเลวแค่ไหน” ศรารัตน์พูดเสียงกระด้าง หญิงสาวเดินขึ้นไปหยุดที่โพเดียมบนเวที ในขณะที่สื่อจากทุกสำนักถ่ายรูปกันมือเป็นระวิงเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอการแฉเบื้องลึกเบื้องหลังกลางงานแบบนี้มาก่อน “จากคลิปนี้ทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่าคุณวันชัยและคุณภาคิน ทัดเทวา ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมีพฤติกรรมที่เป็นความผิดร้ายแรงอย่างยิ่ง ทั้งคู่ร่วมมือกันยักยอกเงินของบริษัท นอกจากนี้ยังเคยวางแผนฆาตกรรมดิฉันเพราะดิฉันบังเอิญได้รู้ความลับเรื่องการยักยอกเงินและวางแผนฆ่าคุณวิศรุตเพื่อที่จะฮุบกิจการของทัดเทวาเอาไว้”

“ไม่จริง เธอโกหก เธอใส่ร้ายฉันกับลูก นังหลานไม่รักดี แกมันโกหก” วันชัยกระชากเสียงแข็ง สีหน้าของวันชัยในตอนนี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์

   “จากคลิปที่เป็นหลักฐานอยู่ทนโท่ตรงนี้แล้ว อากับภาคินยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอคะ?” วันชัยหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อหลักฐานทั้งภาพและเสียงมันชัดขนาดนี้ ภาคินมองศรารัตน์พลางกำมือแน่นด้วยความเค้น ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ที่แท้ศรารัตน์ก็แสร้งทำเป็นว่ายอมร่วมมือกับเขาเพื่อกำจัดวิศรุต แต่ที่แท้เธอก็หักหลังเขาโดยการเอาความลับมาแฉกลางงานแบบนี้

   “ศรารัตน์ แกทรยศฉัน” ภาคินคำรามเสียงดังด้วยความเค้น ตอนนี้บรรดาแขกคนอื่นๆทั้งบรรดากรรมการบริหารรวมถึงลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทกำลังมองมาที่เขาและวันชัยพร้อมกับเสียงวิจารณ์ที่ดังเซ็งแซ่ถึงความเป็นจริงที่เพิ่งได้รับรู้

   “นี่มันเรื่องอะไรกันศรา ทำไม...” วิศรุตถามขึ้นด้วยเสียงร้อนรน ทำไมไม่มีใครบอกเขาเลยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ศรารัตน์หันมองผู้เป็นพี่ชายแล้วยกมือปรามบอกว่าอย่าเพิ่งถามอะไร ตอนนี้เธอขอจัดการกับเรื่องทั้งหมดก่อน

“มอบตัวซะเถอะ ยังไงซะหลักฐานแน่นหนาขนาดนี้คุณสองคนก็หนีไม่รอดหรอก” คำพูดนี้ศรารัตน์หันไปบอกกับภาคินและวันชัย แต่ภาคินตะคอกกลับ

“แกอย่านึกว่าแกแน่นะศรารัตน์ ฉันไม่ยอมแพ้พวกแกสองพี่น้องหรอก พวกแกก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะไอ้วิน...ไอ้คนวิปริต ไอ้พวกชอบ...”

“หยุดได้แล้วภาคิน ไอ้สารเลว ไอ้ฆาตกร” คำว่าชอบเพศเดียวกันยังไม่ทันได้หลุดออกจากปากของภาคินเพราะภาณุเข้ามาขัดจังหวะพอดีพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ3-4นาย ภาคินหันไปมองผู้มาใหม่อย่างตกตะลึง ภาณุรู้เรื่องเมริษา “จับมันเลยครับคุณตำรวจ” ภาณุชี้มาที่ภาคิน “ผมมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามันเป็นฆาตกรที่ฆ่าเมริษา”

วิศรุตต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อได้รู้ว่าเมริษาตายแล้ว ชายหนุ่มขบริมฝีปากแน่นแล้วมองไปที่ภาคินอย่างคิดไม่ถึง ในใจก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ตนเองก็มีส่วนทำให้เมริษาต้องตาย ถ้าหากว่าเขาไม่ขอให้เมริษาร่วมมือ ถ้าหากว่า...

“อย่าไปฟังมันครับคุณตำรวจ มันรวมหัวกันใส่ร้ายผมกับลูก” วันชัยกรีดเสียงแหลมอย่างไม่ยอมแพ้ เขาไม่มีวันจะมายอมจนแต้มแบบนี้เป็นอันขาด

“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณทั้งสองคนไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ ทั้งเรื่องคดียักยอกเงิน วางแผนฆาตกรรมคุณศรารัตน์และคุณวิศรุต รวมถึงการที่คุณภาคินเป็นผู้ต้องสงสัยในการตายของคุณเมริษาด้วย” ตำรวจจะเข้ามาเชิญตัวภาคินและวันชัยให้ไปโรงพัก แต่ตอนนี้ภาคินเลือดเข้าตาแล้ว ชายหนุ่มผลักตำรวจที่จะเข้ามาคุมตัวเขาอย่างแรง จากนั้นจึงวิ่งขึ้นไปบนยังโพเดียมบนเวทีที่ศรารัตน์ยืนอยู่

“แกจะทำบ้าอะไรน่ะภาคิน?” ศรารัตน์ถามเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าภาคินเอาชักเอาปืนจากภายในเสื้อสูทมาจ่อที่ขมับตน เมื่อตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น วันชัยจึงฉวยโอกาสที่ทั้งหมดกำลังตะลึงงันอยู่รีบวิ่งเข้าไปสมทบกับภาคิน ในขณะที่แขกในงานและสื่อมวลชนต่างก็ตื่นตกใจเพราะไม่คิดว่าภาคินจะบ้าคลั่งขนาดเอาปืนออกมาขู่กลางงานเลี้ยงแบบนี้

“อย่าทำอะไรบ้าๆนะภาคิน ปล่อยศราเดี๋ยวนี้” วิศรุตที่ได้สติก่อนใครเพื่อนรีบพูดขึ้น ชายหนุ่มกลัวว่าน้องสาวจะเป็นอันตรายเพราะภาคินไว้ใจไม่ได้เลย “ปล่อยศราก่อน แล้วมีอะไรค่อยมาพูดกันก็ได้”

“วางปืนลงเถอะครับ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริงก็ไม่ต้องกลัว ทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับคุณแน่นอน” ตำรวจพยายามพูดเกลี้ยกล่อมภาคิน แต่เพื่อความปลอดภัยจึงต้องชักปืนออกมาเล็งควบคุมสถานการณ์เอาไว้ด้วย

“ไม่ พวกแกรวมหัวกันทำร้ายฉันกับพ่อ ฉันไม่ยอม” ภาคินใช้มือหนึ่งล็อคคอแล้วกระชากศรารัตน์ลงจากเวที อีกมือหนึ่งก็ถือปืนเอาไว้ข่มขู่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ “อย่าตามมา ไม่งั้นนังนี่เป็นศพแน่” เมื่อเห็นว่าวิศรุตไม่ยอมและจะตามไปช่วยศรารัตน์ ภาคินจึงยิงมาที่วิศรุตเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ตน โชคดีที่วิศรุตหลบได้ทันโดยไปแอบหลบหลังโต๊ะวางอาหาร

“เป็นอะไรหรือเปล่าวิน โดนตรงไหนหรือเปล่า?” นภัทรรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของวิศรุต เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัยก็โล่ง อก
การยิงปืนข่มขู่ของภาคินจุดชวนให้ตำรวจต้องพยายามเข้าควบคุมสภานการณ์ ตำรวจ2-3นายพยายามยิงสกัดทางหนีของภาคินและวันชัยแต่ก็ไม่ได้ผล เสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้บรรดาแขกผู้มาร่วมงานทั้งหมดแตกฮือ ต่างพากันวิ่งหนีและหาที่หลบกันจ้าละหวั่น

วิศรุตใช้สายตาเพ่งมองท่ามกลางแขกที่แตกตื่นไปรอบบริเวณห้องจัดเลี้ยงอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่าภาคินและวันชัยกำลังลากศรารัตน์หนีไปทางประตูด้านข้าง ชายหนุ่มมองหน้านภัทรเป็นเชิงรู้กันก่อนทั้งคู่จะรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภาณุด้วยความที่แค้นภาคินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปเช่นกัน ชายหนุ่มวิ่งไปอีกทางกะว่าจะไปดักอีกด้านหนึ่งแทน ในขณะที่พงศธรก็วิ่งตามวิศรุตและนภัทรไปติดๆ ในใจของเขาตอนนี้นึกเป็นห่วงศรารัตน์จับใจ





ภาคินและวันชัยลากศรารัตน์ที่พยายามดิ้นรนมาที่ลานจอดรถ แต่ก็พบว่าตำรวจได้ดักทางหนีเอาไว้หมดแล้ว ยิ่งคิดภาคินยิ่งแค้นใจ ชายหนุ่มออกแรงใช้ท่อนแขนรัดคอศรารัตน์ให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกจนหญิงสาวหายใจแทบไม่ออก

“มอบตัวเถอะภาคิน หนีไปก็ไม่รอดหรอก ตำรวจล้อมเอาไว้หมดแล้ว” ศรารัตน์พยายามพูดด้วยเสียงอ้อแอ้แต่ภาคินไม่ฟัง ชายหนุ่มกล่าวโทษว่าเป็นเพราะเธอ เขาและพ่อถึงต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ วันชัยเหลียวมองภาคินแล้วพูดเสียงเครียด

“ตำรวจมันคงจะไปดักรอเราที่รถแล้ว เราจะทำยังไงกันดี?” ภาคินมองไปรอบตัวอย่างเริ่มจนมุม ที่ลานจอดรถมีตำรวจเต็มไปหมด ถ้าหากว่าเขาหนีออกไปทางด้านหน้าโรงแรมก็คงจะต้องเจอกับด่านตำรวจที่มารอดักเช่นกัน ชายหนุ่มกัดฟันแน่นแล้วตัดสินใจ ในเมื่อพวกนั้นบีบให้เขาจนมุม เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว หากวันนี้เขาไม่รอด พวกมันก็ต้องไม่รอดเหมือนกัน

“ไปที่ดาดฟ้าโรงแรม” ภาคินหันไปพยักหน้ากับวันชัยขณะที่กระชากศรารัตน์ไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที
ระหว่างที่กำลังรอลิฟต์มาจอด วิศรุต นภัทร พงศธรและภาณุก็ตามมาถึง ศรารัตน์จะร้องขอให้ช่วย แต่ภาคินกลับบีบลำคอเธอไว้แน่น ภาพที่ภาคินกำลังทำร้ายศรารัตน์ทำให้วิศรุตตากร้าวด้วยความเดือดดาล ชายหนุ่มจะรีบเข้าไปช่วยน้องสาวแต่โดนภาคินตวาดห้ามเอาไว้

“อย่าเข้ามานะไอ้วิน ไม่งั้นฉันเป่าสมองน้องแกกระจุยแน่” เมื่อเห็นว่าภาคินเลื่อนเอาปืนไปจ่อกะโหลกของศรารัตน์ วิศรุตก็ได้แต่ยืนฮึดฮัดไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะกลัวน้องสาวได้รับอันตราย

“แกต้องการอะไร? บอกมาฉันจะให้แกทุกอย่าง” วิศรุตพยายามต่อรองแต่ภาคินไม่ฟัง เมื่อลิฟต์มาถึงวันชัยและภาคินก็ใช้ปืนขู่ทั้งหมดก่อนจะดันศรารัตน์ให้เข้าไปในลิฟต์ก่อนที่ตัวเองจะตามเข้าไปทันที

วิศรุต นภัทร พงศธรและภาณุสบตากันด้วยความกังวลระคนหวั่นใจอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง นภัทรพยายามกดเรียกลิฟต์อีกครั้งแต่ว่าตอนนี้วิศรุตร้อนใจด้วยความเป็นห่วงศรารัตน์จนทนรอลิฟต์ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบวิ่งไปทางบันไดหนีไฟเพื่อขึ้นตามพวกภาคินไปยังชั้นดาดฟ้าของตึกโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของเพื่อนๆที่เหลือ




วิศรุตขึ้นมาทันพวกภาคินและวันชัยพอดี ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังยืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายบนดาดฟ้าของโรงแรม ท้องฟ้ายามค่ำคืนช่วยบดบังสายตาที่แสดงถึงความสบใจของภาคิน อย่างน้อยถ้าคืนนี้เขาหนีไม่รอด เขาก็จะได้ใช้โอกาสนี้ จัดการวิศรุต คู่แค้นตลอดกาลของตนไปพร้อมกับศรารัตน์เลย ถ้าจะตายก็ตายกันหมดทั้งตระกูลทัดเทวานี่แหล่ะ

“ปล่อยศราไปเถอะนะ ฉันรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแกเกลียดฉันมาก ศราไม่เกี่ยวอะไรด้วย ปล่อยเธอไปซะ” วิศรุตพูดด้วยเสียงที่พยายามข่มไม่ให้สั่นสะท้าน ชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบของภาคินแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ

“หยุด อย่าเข้ามานะไอ้วิน ไม่งั้นฉันจะฆ่าศราจริงๆ ไม่เชื่อก็คอยดู” ภาคินเอาปืนจ่อวิศรุต แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ

“คนที่แกอยากจะฆ่าที่สุดก็คือฉันไม่ใช่เหรอไง ตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้แล้ว แกกล้าฆ่าฉันไหมล่ะไอ้ภาคิน? หรือว่าเก่งแต่เป็นหมาลอบกัด” ดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายไหววูบเป็นประกายท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี

“แน่นอน ฉันอยากจะฆ่าแกที่สุดไอ้วิน” ภาคินมองคู่แค้นของตนด้วยแววตากร้าวโชนแสง “ตั้งแต่เด็กแกก็ดูถูกฉันตลอดเวลาหาว่าฉันเป็นแค่ไอ้ลูกที่ขอมาเลี้ยง ฉันต้องยอมเป็นลูกไล่ให้แกโขกสับและระบายอารมณ์ แกดูถูกหาว่าฉันเป็นพวกกาฝากที่มาเกาะใบบุญของทัดเทวา แต่แกไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าแกน่ะนอกจากจะใช้เงินเป็นอย่างเดียวแล้ว แกก็ไม่เคยทำประโยชน์ให้ทัดเทวาเหมือนกัน” คนพูดหยุดหอบด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังประทุอยู่ในใจอย่างแรงกล้า

“แกก็เลยวางแผนจะฆ่าฉันแล้วก็ศรา?”

“บริษัททัดเทวาเติบโตมาอย่างยิ่งใหญ่และมั่นคงจนเป็นแนวหน้าของวงการอสังหาฯได้ขนาดนี้ มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของฉันกับพ่อทั้งนั้น ทายาทที่ไม่ได้เรื่องอย่างแกไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์แม้จะมาอ้างความชอบธรรมอะไรทั้งสิ้น” ภาคินเค้นเสียงหนักแล้วหันปลายกระบอกปืนไปทางวิศรุต “ถ้าไม่มีแกสักคน เรื่องทุกอย่างมันก็คงไม่ต้องจบลงแบบนี้”

“ถ้าอย่างนั้นเรามาตัดสินกัน ระหว่างฉันที่เป็นทายาทแท้จริง กับแก...ไอ้พวกกาฝากของตระกูล เรามาลองพิสูจน์กันสักตั้งไหมว่าใครมันจะแน่กว่ากัน?” วิศรุตท้าทายอีกฝ่ายให้มาสู้กันแบบตัวต่อตัว เมื่อเห็นว่าภาคินมีแววตาลังเล ชายหนุ่มจึงตั้งใจยั่วให้อีกฝ่ายโกรธ เขาเชื่อว่าถ้าหากสู้กันแบบตัวต่อตัวโดยไม่ใช้ปืนแล้วล่ะก็ เขาไม่เป็นรองฝ่ายนั้นแน่ “หรือว่านายก็แค่ไอ้พวกดีแต่ปาก” คำพูดยั่วโมโหของวิศรุตได้ผล ภาคินหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำก่อนจะรับคำท้าของอีกฝ่ายทันที

ภาคินให้วันชัยเป็นคนจับศรารัตน์ไว้แทนพร้อมกับให้ปืนเอาไว้ด้วย ชายหนุ่มเดินมาหยุดหน้าวิศรุตที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ทั้งคู่ประสานสายตากันด้วยแววตาที่สื่อถึงความเกลียดชังอย่างปิดไม่มิด ภาคินแสยะยิ้มเหี้ยมแล้วพูดเบาๆให้วิศรุตได้ยิน

“วันนี้จะเป็นวันตายของพวกแกสองพี่น้อง”

“ไม่รู้เหรอไงว่าฉันกับศราเป็นพวกหนังเหนียว แกพยายามวางแผนฆ่าเรามาตั้งหลายครั้ง แต่สุดท้ายเราก็รอดมาได้ทุกที” วิศรุตจุดยิ้มมุมปากเช่นกัน การต่อสู้ตัวต่อตัวแบบนี้เขาถนัดเป็นที่สุด “ถ้านายยังจำได้ คราวที่แล้วในโกดังนั่น ฉันอัดแกจนหน้ายับไปหลายวันเลยนะภาคิน” ภาคินขบกรามแน่นเมื่อได้ยินคำปรามาสจากอีกฝ่าย ครั้งที่แล้วเขาพลาดไป รับรองว่าไม่มีรอบสองแน่
ภาคินเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน ชายหนุ่มต่อยโดยพุ่งเป้าไปที่หน้าของวิศรุต แต่อีกฝ่ายเอียงตัวหลบทันก่อนจะใช้สันมือกระแทกไปที่หลังของภาคินอย่างแรงจนเซไป

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้กัน นภัทร พงศธรและภาณุก็ขึ้นมาถึงดาดฟ้าแล้ว ศรารัตน์หันไปมองทั้งสามคนก่อนจะบอกให้ช่วยตนด้วย หญิงสาวพูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดเพราะวันชัยเอามืออีกข้างบีบคอเธอไว้จนเกือบจะขาดอากาศหายใจ
พงศธรถลาจะเข้าไปช่วยศรารัตน์ด้วยความเป็นห่วงแต่วันชัยก็เอาปืนมาขู่ไว้ ทั้งสามคนที่ไม่มีปืนก็ได้แต่รีรอไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวว่าวันชัยจะยิงตัวประกันจริงๆ จึงได้แต่รอคุมเชิงอยู่ห่างๆ

ฝ่ายภาคินกับวิศรุตที่กำลังสู้กันอีกมุมหนึ่งก็เป็นไปอย่างดุเดือดเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเรื่องแค้นเคืองและบาดหมางใจกันมานาน สุดท้ายแล้วภาคินก็กลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ วิศรุตได้จังหวะพลิกตัวขึ้นคร่อมภาคินก่อนจะระดมรัวกำปั้นใส่แบบไม่ยั้งมือจนภาคินมึนไปหลายตลบ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติก่อนจะใช้สองมือที่ว่างอยู่กระชากคอเสื้อของวิศรุตเพื่อยื้อร่างอีกฝ่ายเอาไว้ให้อยู่ในท่านั้นแล้วตะโกนเสียงดังบอกวันชัยให้ใช้โอกาสนี้ฆ่าวิศรุตทิ้งเสีย

“พ่อ ยิง...ยิงไอ้วินเดี๋ยวนี้เลย” จังหวะคับขันที่วันชัยกำลังเล็งปืนเพื่อยิงวิศรุต มือที่ล็อคคอศรารัตน์อยู่ก็คลายลงกว่าเดิม หญิงสาวจึงใช้โอกาสนี้สะบัดให้หลุดจากวันชัยแล้วพยายามแย่งปืนจากผู้เป็นอา

ด้านนภัทร พงศธรและภาณุที่รอท่าอยู่แล้วก็รีบเข้ามาช่วยศรารัตน์ทันที พงศธรเข้าไปช่วยศรารัตน์ออกมาในขณะที่ภาณุกับนภัทรเข้าไปแย่งปืนกับวันชัยจึงทำให้ปืนลั่นขึ้นหนึ่งนัดแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพราะกระสุนเฉียดไป ส่วนพงศธรก็กอดศรารัตน์เอาไว้แน่นด้วยความเป็นห่วงและต้องการปกป้องร่างในอ้อมแขนตน

เสียงปืนที่ก้องไปทั่วทั้งดาดฟ้าทำให้วิศรุตชะงักจากร่างที่อยู่ในสภาพเริ่มสะบักสบอมของภาคิน ชายหนุ่มหันไปมองด้านหลังด้วยความตกใจเพราะนึกเป็นห่วงศรารัตน์ นภัทรและเพื่อนอีกสองคน แต่การที่วิศรุตทำอย่างนั้นทำให้ตัวเองเสียสมาธิและในที่สุดก็พลิกกลับเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบภาคินจนได้

อีกด้านหนึ่ง ภาณุและนภัทรอาศัยแรงที่เหนือกว่าผลักวันชัยจนล้มกระเด็นไปอยู่ใกล้กับที่ภาคินและวิศรุตกำลังต่อสู้กันอยู่ ปืนในมือวันชัยจึงหลุดกระเด็นไถลไปอีกฝั่งด้านหนึ่งของดาดฟ้า

เมื่อภาคินเห็นได้จากทางหางตาว่าวันชัยเสียท่าอีกฝ่ายและถูกผลักล้มจนหัวแตกเพราะกระแทกกับพื้นซีเมนต์ ชายหนุ่มรีบละมือจากการบีบคอวิศรุตที่กำลังหน้าเขียวเพราะขาดอากาศหายใจ จากนั้นก็วิ่งไปดูวันชัยที่กำลังนอนหมดแรงอยู่ที่พื้นใกล้ๆกันทันที
“พ่อ เป็นยังไงบ้าง พ่อ...” เมื่อเห็นว่าวันชัยมีเลือดซึมออกจากบริเวณศีรษะที่แตก ภาคินก็ยิ่งโมโหจะเข้าไปจัดการกับภาณุและนภัทร

“ปืน...ปืน...” ภาคินตวัดสายตามองตามที่วันชัยชี้ ปืนของเขาตกอยู่อีกด้านหนึ่ง ไวเท่าความคิด ภาคินจึงรีบวิ่งถลาเข้าไปจะหยิบปืน ซึ่งภาณุกับนภัทรก็จะรีบวิ่งเข้าไปแย่งปืนเช่นกัน แต่ไม่ทันเสียแล้ว ภาคินไปถึงปืนก่อน

“ตายซะเถอะไอ้วิน” ภาคินประทับปืนจะยิงวิศรุตที่พยายามพยุงตัวยืนขึ้นมาจากอาการบอบช้ำที่ถูกทำร้าย แต่เมื่อ
เห็นว่าภาคินกำลังเล็งปืนมาทางตน วิศรุตจึงพยายามป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ โดยการกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วกระชากร่างของวันชัยที่อยู่ใกล้ๆกับตนมาบังวิถีกระสุนแทน ทำให้ภาคินพลั้งมือฆ่าวันชัยตาย

“พ่อออออออออออออ....” ภาคินตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าร่างของวันชัยค่อยๆล้มลงต่อหน้าตนเองท่ามกลางความตกใจของคนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้แต่ศรารัตน์ยังกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า ภาคินจ้องวิศรุตด้วยความแค้นที่สุดในชีวิต ชายหนุ่มจะยิงวิศรุตอีกรอบ นภัทรกับศรารัตน์ร้องเสียงหลง

“วินระวัง/วินหลบไป” ศรารัตน์ตะโกนเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าภาคินจะทำอะไร ส่วนนภัทรที่ได้สติก็รีบพุ่งตัวเข้ามาผลักวิศรุตให้พ้นจากวิถีกระสุน ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปกับพื้นด้วยกัน รอดจากการถูกยิงอย่างหวุดหวิด

แต่ภาคินไม่ยอมหยุดแค่นั้น ตอนนี้เลือดเข้าตาแล้ว ชายหนุ่มไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว มาถึงตอนนี้เขาไม่คิดเสียดายชีวิต อย่างน้อยถ้าเขาตายเขาก็จะไม่มีวันยอมให้อีกฝ่ายรอดเช่นกัน ภาคินเดินย่างสามขุมเข้าไปหาวิศรุตกับนภัทรที่ล้มลงอีกด้านหนึ่ง มือที่ถือปืนอยู่ไม่สั่นแม้แต่น้อยราวกับรอเวลานี้มานานแล้ว วิศรุตกุมมือนภัทรเอาไว้แน่น ไม่มีร่อยรองความกลัวในแววตาสีน้ำตาลโศกแม้เพียงสักนิด ในขณะที่ศรารัตน์ พงศธรและภาณุเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“ถ้ารักกันมากนัก เดี๋ยวฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้” โดยไม่มีใครคาดคิด ศรารัตน์สบัดหลุดจากอ้อมกอดของพงศธรแล้วเข้าไปแย่งปืนจากมือของภาคินท่ามกลางความตกใจของทุกคน

“หนีไปเร็ว ไม่ต้องห่วงฉัน...บอกให้หนีไปไง” ศรารัตน์ตะโกนบอกด้วยเสียงแหบพร่าในขณะที่พยายามจะเบนปลายกระบอกปืนให้หันไปทางอื่น แต่วิศรุตไม่ยอมหนี เขาไม่มีวันจะทิ้งน้องสาวตัวเองให้เป็นเหยื่อของคนเลวอย่างภาคินแน่ ชายหนุ่มบอกนภัทรให้พาทุกคนหนีไปก่อน เดี๋ยวทางนี้ตนจะจัดการเอง

“ไม่มีทาง ถึงตายฉันก็จะต้องปกป้องนายให้ได้วิน” นอกจากนภัทรจะไม่ยอมทำตามแล้ว คุณหมอหนุ่มยังเข้าไปช่วยวิศรุตกับศรารัตน์แย่งปืนกับภาคินด้วย ส่วนพงศธรกับภาณุก็มองหน้ากันด้วยความวิตกและหวาดเสียว ก่อนที่พงศธรจะได้สติแล้วบอกให้ภาณุรีบไปนำตำรวจขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้า ส่วนตนจะเข้าไปช่วยเพื่อนอีกแรง

   หลังจากที่ภาณุรีบลนลานลงไปขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยแล้ว พงศธรก็อ้อมไปด้านหลังแล้วล็อคคอภาคินเอาไว้หวังว่าให้อีกฝ่ายปล่อยมือจากปืน แรงดึงจากทางด้านหลังทำให้มือภาคินที่ถือปืนอยู่บิดไปอีกข้างหนึ่งเป็นโอกาสให้ นภัทรใช้เข่ากระแทกลำตัวของภาคินเพื่อบังคับอีกให้ฝ่ายทิ้งปืน แต่ภาคินก็ไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ ชายหนุ่มใช้ขายันนภัทรจนอีกฝ่ายล้มลงก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างอยู่ศอกกลับหลังเพื่อสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมของพงศธรและมันก็ได้ผลเพราะในที่สุดพงศธรก็ยอมปล่อยมือจากการล็อคคอภาคิน

   ภาคินจะกระแทกศรารัตน์ให้หลุดออกไปอีกคนแต่หญิงสาวไม่ยอมแพ้ เธอออกแรงดันปลายกระบอกปืนลงต่ำก่อนจะ ช่วยกับวิศรุตเพื่อพยายามปลดปืนออกมาจากมืออีกฝ่าย แต่เสียงปืนในมือภาคินกลับดังขึ้นอีกรอบ

   ภาคินสบตาสองพี่น้องทั้งวิศรุตและศรารัตน์ด้วยความเกลียดชัง ซึ่งทั้งคู่ก็มองภาคินด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ชั่วอึดใจ ร่างของคนๆหนึ่งก็ล้มลงพร้อมกับเลือดที่เปรอะชุดที่สวมอยู่จนแดงฉาน



จบบทที่36

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่37
«ตอบ #135 เมื่อ07-08-2012 09:39:33 »

บทที่ 37


   ภาคินแสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมกับมองร่างของวิศรุตที่ล้มด้วยความสะใจ วินาทีนั้นนภัทรและพงศธรตัวชาไปกับภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าที่วิศรุตโดนยิง ศรารัตน์หวีดร้องดังลั่นก่อนจะถลาเข้าไปประคองร่างผู้เป็นพี่ชาย คำพูดที่เอ่ยออกมาสั่นพร่าแทบไม่เป็นภาษา “วิน นายต้องไม่เป็นไรนะวิน ทำใจดีๆเอาไว้” วิศรุตหายใจหอบหนักแต่ก็ยังอดเป็นห่วงศรารัตน์ไม่ได้เมื่อเห็นว่าภาคินกำลังเล็งปืนมาที่เขาทั้งสองคนอีกครั้ง

   “ศรา...ระวัง...” ศรารัตน์หันไปมองภาคินที่กำลังเล็งเป้ามาที่ตนอย่างไม่กลัว

   “ตายตามพี่แกไปเถอะนังคนทรยศ” ยังไม่ขาดคำ เสียงปืนก็ดังขึ้นรัวหลายนัดพร้อมกับร่างภาคินที่กระตุกและล้มลงตรงหน้าของหญิงสาว ดวงตาคมกริบเบิกโพรงด้วยความแค้นที่อัดแน่นในใจ ภาคินกระอักเลือดออกจากปากก่อนค่อยๆหันศีรษะมาทางศรารัตน์และวิศรุต “ฉัน...เกลียด...พวกแก” จากนั้นทั้งร่างของภาคินก็แน่นิ่งไปโดยที่ดวงตายังคงเบิกกว้างจับจ้องอยู่ที่สองพี่น้องทัดเทวา

   เมื่อได้สติ นภัทรกับพงศธรจึงรีบวิ่งมาหาวิศรุตที่นอนหายใจรวยรินอยู่ใกล้ๆกับศรารัตน์ ภาณุเองก็เช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรีบวิ่งแหวกกลุ่มตำรวจเข้ามาหาเพื่อนรักของตนด้วยสีหน้าซีดเผือด นภัทรเอามือของวิศรุตไปกุมไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น อย่างควบคุมไม่อยู่ ในขณะที่เลือดสีแดงสดก็ยังคงไหลออกจากบาดแผลที่โดนยิงอย่างไม่ยอมหยุดง่ายๆ

   “วิน นายต้องเข้มแข็งไว้นะ นายต้องอดทน ฉัน...ไม่ต้องห่วง ฉันจะรักษานายเอง” ริมฝีปากของนภัทรสั่นระริก ภาพวิศรุตที่นอนจมกองเลือดกำลังบีบเค้นหัวใจของชายหนุ่มอย่างรุนแรง วิศรุตฝืนยิ้มบางๆให้คุณหมอหนุ่ม

   “กานต์...ศรา...ปลอดภัยใช่ไหม?” น้ำเสียงแผ่วระโหยของวิศรุตเรียกหยาดน้ำตาของศรารัตน์ให้ไหลลงมาเป็นทาง ถึง   ขนาดนี้แล้ววิศรุตก็ยังเป็นห่วงเธอ หญิงสาวจับมือวิศรุตแน่นแล้วบอกว่าเธอปลอดภัยดีและชายหนุ่มจะต้องไม่เป็นอะไร วิศรุตไม่ทันได้ตอบก็หมดสติไปก่อนท่ามกลางความตกใจของทุกคน




   วิศรุตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพราะเสียเลือดมากและกระสุนโดนอวัยวะสำคัญ ทั้งหมดกรูกันวิ่งตามร่างของวิศรุตที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ศรารัตน์มองภาพนั้นด้วยความหวั่นใจไม่น้อย ในใจก็พยายามปลอบตัวเองว่าวิศรุตจะต้องไม่เป็นอะไร และที่สำคัญคือหญิงสาวเชื่อมือหมอนภัทร เชื่อแน่ว่าเขาจะต้องรักษาชีวิตของพี่ชายเธอเอาไว้ได้อย่างแน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็พยายามบอกตัวเองให้เชื่ออย่างนั้น

   เมื่อวิศรุตถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว ศรารัตน์ก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นั่งแถวนั้นด้วยอาการหมดแรง หญิงสาวโทษตัวเองอยู่ในใจว่าเรื่องนี้เธอเป็นต้นเหตุทั้งหมด ถ้าไม่เป็นเพราะแผนการบ้าๆของเธอ วิศรุตก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพปางตายแบบนี้ พงศธรมองอาการของศรารัตน์ด้วยความเครียดไม่แพ้กัน ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งข้างๆแล้วกุมมือเธอเอาไว้

   “ทำใจดีๆนะครับคุณศรา วินต้องไม่เป็นอะไร” แม้จะปลอบไปอย่างนั้นแต่ลึกๆพงศธรก็อดจะกลัวไม่ได้ สภาพวิศรุตที่ถูกยิงอาการปางตายทำให้ชายหนุ่มพูดปลอบอีกฝ่ายได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก

   “เพราะแผนการโง่ๆของฉันเอง เพราะฉันเองแท้ๆ ถ้าฉันบอกวินเรื่องแผนการนั่นก่อน วินก็คงจะไม่โดนยิง” ศรารัตน์น้ำตาไหลพรากด้วยความรู้สึกผิดที่กดทับในใจอย่างรุนแรง เพียงเพราะต้องการให้แผนการนี้แนบเนียนที่สุด หญิงสาวจึงเลือกที่ จะไม่บอกใคร เธอยอมถูกพงศธรเข้าใจผิด ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่ทำร้ายได้แม้กระทั่งพี่ชายร่วมสายเลือดของเธอเอง เธอเลือกที่จะจัดการทุกอย่างเองโดยไม่ขอความเห็นชอบของวิศรุต เพราะถ้าหากวิศรุตรู้ล่ะก็ แผนการเปิดโปงความชั่วของวันชัยและภาคินก็คงไม่แนบเนียนขนาดนี้ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็คาดการณ์ผิดจนได้

   “ไอ้วินเป็นคนดวงแข็ง อีกอย่างไอ้กานต์ก็เป็นหมอผ่าตัดชื่อดัง พี่เชื่อว่าไอ้วินต้องอยู่กับพวกเราไปอีกนาน” ภาณุเข้ามาช่วยปลอบด้วย ถึงแม้ว่าจะหนักใจไม่น้อยกับอาการบาดเจ็บของเพื่อนรัก แต่อีกใจหนึ่งภาณุก็โล่งใจที่ภาคินตายแล้ว อย่างน้อยคนที่ผิดก็ได้ชดใช้กรรมที่ก่อไว้แล้ว อย่างน้อยเมริษาก็ไม่ได้ตายฟรี “สรุปว่านี่ก็เป็นแผนการของศราตั้งแต่ต้นเลยเหรอ? แล้วก็เรื่อง เอ้อ คลิปอะไรนั่นด้วย” ศรารัตน์พยักหน้ารับแล้วค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งคู่ฟัง
   


“ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะพูดกับเธอ” วิศรุตพูดเสียงหนักแน่นในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลโศกมีแววเคร่งเครียดอย่าง
ปิดไม่มิด “อันที่จริงต้องเรียกว่าขอร้องเธอถึงจะถูก” เมื่อเห็นว่าศรารัตน์มีสีหน้าสงสัยในสิ่งที่ตนพูด วิศรุตจึงระบายลมหายใจบางก่อนจะตัดสินใจ ‘เล่า’ เรื่องราวบางอย่างให้ศรารัตน์ฟัง “จำได้ไหมที่ฉันเคยบอกเธอว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอถึงสองครั้งสองคราน่ะ ที่แท้แล้วเป็นฝีมือของอาวันชัยกับภาคิน?”

   “นายรู้ได้ยังไง?” น้ำเสียงศรารัตน์คลางแคลงใจ หญิงสาวไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งคู่จะกล้าทำได้ถึงขนาดนี้เพราะเธอเอง ก็เป็นหลานแท้ๆของวันชัย

   “เรื่องนี้เมริษาเป็นพยานให้ได้ ตอนนี้เธอกลายมาเป็นพวกของเราแล้ว เธอจะคอยสืบเรื่องจากสองพ่อลูกนั่นแล้วมารายงานเรา” ศรารัตน์นิ่งไปกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รู้ เมื่อครู่วิศรุตบอกว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ ตอนนี้เธอเริ่มอยากรู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร

   “เอาเป็นว่าขอบใจที่บอก แล้วฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้ เอ้อ แล้วนายมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันอีกหรือเปล่า?”

   “ฉันอยากจะขอร้องเธอให้ร่วมมือกับฉัน ตอนนี้ฉันกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับสองคนนั้นอยู่ ฉันรู้ว่าตอนนี้หน้าฉันเธอยังไม่อยากจะมอง แต่ถ้าเราพักเรื่องของ...นภัทร แล้วเรามาร่วมมือกันเปิดโปงแผนชั่วของ...” ชื่อของนภัทรทำให้ ศรารัตน์ชะงักไป ดวงตาสีน้ำตาลไหววูบเล็กน้อยก่อนจะกลับเป็นนิ่งสนิทตามเดิม

   “เรื่องนี้ฉันจะเก็บไปคิดอีกทีหนึ่ง นายออกไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อน”

   “แต่ว่าเรื่องนี้รอไม่ได้นะศรา” วิศรุตพยายามท้วงแต่ศรารัตน์ยังคงมีท่าทีเฉยชาจนคนพูดเริ่มหมดความพยายาม
   “ตามใจเธอก็แล้วกัน ถ้าเธออยากปล่อยให้ไอ้พวกที่ทำร้ายเธอลอยนวล ให้พวกนั้นได้เสวยสุขอยู่ในทัดเทวาต่อไปก็ตามใจเธอ แต่ฉันไม่มีวันยอมแน่” วิศรุตพูดทิ้งท้ายก่อนออกไปจากห้องด้วยความหัวเสียไม่น้อย

   เมื่อลับหลังอีกฝ่าย ดวงตาเรียบสนิทของศรารัตน์ก็เป็นประกายเจิดจ้าทันที เธอไม่ได้จะปล่อยให้พวกนั้นลอยนวลหรอก เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เธอก็มีวิธีจัดการในแบบของเธอเช่นกัน



   “หลังจากนั้นฉันก็แกล้งทำเป็นพวกเดียวกับภาคิน แต่เพื่อให้มันวางใจฉันเต็มที่ ฉันก็เลยวางแผนแอบอัดคลิปตอนที่วินกับหมอกานต์มีอะไรกันเพื่อให้แนบเนียนสมจริงมากขึ้น โดยที่ไม่ได้บอกคุณพงษ์และปล่อยให้เข้าใจผิดอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันก็ได้ผล ภาคินเชื่อสนิทใจว่าฉันกำลังหักหลังวินและจะเอาคลิปนั้นไปแฉเพื่อทำลายชื่อเสียงของพี่ชายตัวเอง”

   “ขอโทษนะครับคุณศราที่ผมเข้าใจคุณผิด” พงศธรเอ่ยขอโทษศรารัตน์ซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดถือสาเพราะรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเธอเป็นต้นเหตุตั้งแต่แรก

   “แต่ที่พี่สงสัยก็คือคลิปที่ถ่ายไอ้วินกับไอ้กานต์อยู่ที่ไหน ทำไมคลิปที่อยู่ในมือของภาคินถึงเป็นคลิปหลักฐานที่พวกเราได้มาจากเมริษาล่ะ”

   “คลิปที่ถ่ายวินกับหมอกานต์อันนั้นฉันทำลายทิ้งไปแล้วค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งคู่ที่ยังสงสัยอยู่ ศรารัตน์จึงอธิบายต่อ “ตอนที่ภาคินมาเอาคลิปจากฉันไป ตอนนั้นฉันแอบเอาแผ่นซีดีที่วินได้มาจากเมริษามาสับเปลี่ยนกับแผ่นซีดีที่อัดคลิปของวินกับหมอกานต์น่ะค่ะ” คนฟังจึงถึงบางอ้อ พงศธรเหลียวมองศรารัตน์ด้วยความชื่มชมในความฉลาดของอีกฝ่าย แผนการนี้ช่างแนบเนียนเหลือเกิน ไร้ช่องโหว่จนแม้แต่จอมเจ้าเล่ห์อย่างภาคินก็มองไม่ออก

   “แล้วศราก็เลือกที่จะปิดบังวินไว้” หญิงสาวพยักหน้ารับคำพูดของภาณุ

   “คนรู้น้อยก็จะยิ่งดี แต่ถ้าฉันรู้ว่าวินจะต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ สู้บอกแผนการในตอนนั้นก็ยังจะดีเสียกว่า เพราะอย่างน้อยวินจะได้ระวังตัวเองมากขึ้น”

   “อย่าโทษตัวเองเลยนะครับคุณศรา คุณทำดีที่สุดแล้ว ใครมันจะไปรู้ได้ล่ะว่าไอ้ภาคินจะพกปืนมาในงานเลี้ยงด้วย” คำปลอบของพงศธรก็ไม่ได้ทำให้ศรารัตน์ดีขึ้นเท่าไหร่ เมื่อพูดถึงวิศรุต ศรารัตน์ก็มีสีหน้าหมองไปทันที หญิงสาวชะเง้อหน้าไปทางห้องฉุกเฉินด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าป่านนี้คนในห้องนั้นจะเป็นยังไงบ้าง

   ผ่านไปหลายชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก นภัทรเดินออกมาในขณะที่ศรารัตน์ พงศธรและภาณุก็รีบเข้าไปถามอาการของวิศรุตด้วยความเป็นห่วง

   “วินเป็นยังไงบ้างคะ ปลอดภัยหรือยัง?”

   “ไอ้วินไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมวะ แล้วเข้าไปเยี่ยมได้หรือเปล่า?”

   “ว่าไงล่ะไอ้กานต์ ตกลงไอ้วินเป็นยังไงบ้าง?” นภัทรมองหน้าทั้งสามคนที่รอลุ้นคำตอบจากเขาโดยเฉพาะศรารัตน์ ดวงตาสีน้ำตาลแบบเดียวกับวิศรุตกำลังจ้องเขาเขม็ง คุณหมอหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว แม้จะผ่านการผ่าตัดรักษาคนไข้มามากมาย แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกหนักใจเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยในชีวิต

   “วิน...กระสุนโดนอวัยวะสำคัญ ตอนนี้...ยังไม่พ้นขีดอันตราย” คำพูดของนภัทรดับความหวังในใจของศรารัตน์เสียจนแทบมอด มือที่ยื่นไปกุมแขนของนภัทรไว้เปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบประดุจน้ำแข็ง “ถ้าหากพ้นคืนนี้ไปได้ก็น่าจะ...ไม่มีปัญหา” พูดจบนภัทรก็ขอตัวแยกไปทันที คุณหมอหนุ่มเดินห่างจากทั้งสามคนไปเรื่อยๆ เขาไม่อยากให้ใครต้องเห็นความอ่อนแอในดวงตาของเขา นภัทรสูดลมหายใจลึกพลางสะกดกลั้นน้ำใสๆที่กำลังคลอเอ่อดวงตาสีถ่าน นายต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้นะวิน...




   นภัทรเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงในห้องฉุกเฉินซึ่งวิศรุตนอนอยู่ สายจากเครื่องมือแพทย์ที่ถูกโยงไปทั่วร่างคนตรงหน้าทำให้นภัทรเม้มปากแน่น คุณหมอหนุ่มเอามือของวิศรุตที่ยังอุ่นอยู่มาแนบหน้าแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว

   “ฉันมีเรื่องมากมายที่อยากจะอยากจะบอกกับนาย เมื่อไหร่นายจะตื่นซะทีล่ะวิน?” นภัทรไล้มือไปตามใบหน้าหล่อเหลาของวิศรุตที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีซีดเผือด “นายอย่าเป็นอะไรไปนะ อย่าทิ้งฉันไปแบบนี้”

   ศรารัตน์ที่แอบฟังอยู่หลังม่านกั้นเตียงผู้ป่วยชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของนภัทร หญิงสาวมองนภัทรที่กำลังกุมมือวิศรุตอยู่ด้วยความปวดใจกับภาพที่เห็น เธอเห็นกับตาว่านภัทรมีสีหน้าตกใจเพียงไรเมื่อเห็นว่าวิศรุตโดนยิง คุณหมอหนุ่มหน้าซีดไร้สีเลือดเมื่อตอนที่พี่ชายของเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือนภัทรกำลังร้องไห้...คุณหมอหนุ่มร้องไห้ให้วิศรุต

   “ลืมตาสิวิน ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ฉันอยู่ข้างๆนายแล้วนะ” นภัทรมองร่างที่ยังไม่รู้สึกตัวผ่านดวงตาที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำใส คุณหมอหนุ่มพยายามกลั้นก้อนแข็งๆลงคอแต่ก็ทำได้อย่างยากเย็น ตั้งแต่เป็นหมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงขนาดนี้ อาชีพของเขาเป็นอาชีพที่บางครั้งก็ต้องทำใจให้คุ้นชินกับความตายเพราะไม่อาจฝืนกฎธรรมชาติได้ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน คนที่นอนอยู่ตรงหน้าเขาก็คือผู้ชายคนที่เขารัก จะให้เขาทำใจได้อย่างไรหากว่าจะต้องสูญเสียวิศรุตไปจริงๆ

ภาพเมื่อในอดีตแล่นวาบเข้ามาในสมองของนภัทรอีกครั้ง ภาพตอนที่น้ำหวานจากไปทำให้นภัทรยิ่งกลัว กลัวว่าภาพเหล่านั้นจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง

   “จำได้ไหม ตอนวันเกิดฉันที่ผ่านมา นายเคยร้องเพลงให้ฉันฟังเพลงหนึ่ง” นภัทรกระพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำที่คลอเอ่ออยู่ ตรงบริเวณหน่วยตา ริมฝีปากที่หยักโค้งได้รูปค่อยๆเอ่ยเนื้อเพลงท่อนหนึ่งออกมา คุณหมอหนุ่มได้แต่หวังว่าวิศรุตจะรับรู้ได้ถึงความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ “…There could just be an only you...my only you and you alone that my heart really truly belong. I pledge my life to… to love you without asking anything in return” 

   ศรารัตน์น้ำตาไหลพราก เพราะเธอที่เป็นต้นเหตุใช่ไหม? เธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้วิศรุตบาดเจ็บก็แย่มากพออยู่แล้ว แต่ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นก็คือเธอกำลังทำร้ายหัวใจของคนสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ชายที่เธอรัก ส่วนอีกคนก็เป็นผู้ชายที่รักและห่วงใยเธอมากเหลือเกิน ความเห็นแก่ตัวของเธอกำลังทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด ภาพเบื้องหน้าทำให้เธอได้รู้ว่านภัทรรักวิศรุตมากแค่ไหน ความรักผิดธรรมชาติแบบที่เธอเคยปฏิเสธมาตลอด บัดนี้มันกำลังฉายชัดอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว

   “ฉันขอโทษนะวิน...ฉันขอโทษจริงๆ” ศรารัตน์กัดริมฝีปากจนเจ็บ หญิงสาวพร่ำขอโทษวิศรุตซ้ำไปซ้ำมาในใจอยู่อย่าง  นั้นตลอดทั้งคืน




   อาการบาดเจ็บของวิศรุตรอดพ้นขีดอันตรายมาอย่างปาฏิหาริย์ หลังจากตรวจเช็คอาการและบาดแผลอย่างละเอียดแล้ว นภัทรจึงสั่งย้ายวิศรุตไปพักที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ ซึ่งหลังจากสลบไม่ได้สติไปถึงสองวันวิศรุตจึงค่อยรู้สึกตัว เมื่อพยาบาลโทรไปแจ้งว่าชายหนุ่มรู้สึกตัวแล้ว ศรารัตน์จึงรีบมาที่โรงพยาบาลทันที จังหวะที่หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง สายตาก็มองเห็นจากช่องกระจกใสที่ประตูว่าวิศรุตไม่ได้อยู่คนเดียว นภัทรเองก็อยู่ในนั้นด้วย

   ศรารัตน์มองวิศรุตที่กำลังยิ้มกว้างให้นภัทรด้วยแววตาเจือความเศร้า ทั้งที่เธอควรดีใจถึงจะถูกที่วิศรุตอาการดีขึ้นแล้ว แต่ทำไมเมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว หญิงสาวถึงรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังถูกมือที่มองไม่เห็นมาบีบขยี้จนแหลกสลาย ศรารัตน์ฝืนยิ้มเศร้าให้ตัวเอง ตั้งใจจะหันกลับแต่บังเอิญว่าได้เจอกับภาณุเสียก่อน

   “ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะศรา?” ภาณุสงสัยก่อนจะเดาอะไรได้ลางๆเมื่อเห็นสีหน้าของศรารัตน์ “วินคงดีใจมากที่เห็นว่าเธอมาเยี่ยม”

   “พี่โอมเข้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวศรากลับก่อนดีกว่า วันหลังค่อยมาใหม่” ศรารัตน์เอ่ยขอตัวแล้วเดินเลี่ยงออกไป เมื่อมองเข้าไปในห้อง ภาณุก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งที่ตนคิดไว้นั้นถูกต้องแล้ว ชายหนุ่มเรียกศรารัตน์เอาไว้

   “ถ้าศราไม่มีธุระที่ไหนต่อ พี่ว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันไหม?” ศรารัตน์สบตาอีกฝ่ายอย่างลังเลแต่ในที่สุดก็ยอมตกลง




   ภาณุพาศรารัตน์มานั่งคุยและดื่มกาแฟกันที่ร้านค็อฟฟี่ช็อปของโรงพยาบาล หญิงสาวสังเกตเห็นภาณุสวมชุดดำจึงทักขึ้นโดยไม่ทันได้คิด

   “ตอนเช้าพี่เพิ่งไปลอยอังคารของเมริษามาน่ะ” คำตอบของภาณุทำให้ศรารัตน์เงียบไป เมื่อเห็นท่าทางของคู่สนทนาภาณุก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูด ชายหนุ่มรู้ว่าในใจศรารัตน์ก็คงรู้สึกผิดไม่น้อยกับเรื่องการตายของเมริษา แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว คนชั่วก็ได้ชดใช้กรรมอย่างสาสมไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปโทษหาว่าใครผิดอีก “ว่าแต่ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”

   “เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อบริษัทมาก หุ้นบริษัทก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว พวกนักข่าวเองก็ตั้งใจจะเล่นข่าวนี้เป็นพิเศษ แต่สุดท้ายเราก็ใช้ทั้งเงินและอำนาจธุรกิจที่อยู่ในมือบังคับให้เรื่องมันจบลงจนได้” ภาณุมองอีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ หลายวันที่ผ่านมานี้ศรารัตน์คงต้องเหนื่อยมากพอดู ทั้งเรื่องพี่ชายที่มาโดนยิงอาการปางตาย อีกทั้งยังต้องรับมือกับเรื่องยุ่งๆที่บริษัทอีก

   “ตอนนี้วินก็ฟื้นแล้ว ขอโทษนะที่พี่ขอถามตรงๆ...ศราจะทำยังไงกับเรื่องของวินแล้วก็กานต์?” คำถามที่ไม่อ้อมค้อมของภาณุก็สามารถทำให้ศรารัตน์เกิดความกระอักกระอ่วนใจได้ในทันที หญิงสาวใช้หลอดคนกาแฟปั่นในแก้วเล่นก่อนจะถามย้อนกลับ

   “แล้วถ้าเป็นพี่โอมล่ะคะ จะทำยังไง?”

   “คำถามนี้พี่คิดว่าศราเองก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่อยากจะพูด” สีหน้าที่แสดงถึงอาการตั้งใจฟังของคู่สนทนาทำให้ภาณุยิ้มบาง “คนแต่ละคนมีมุมมองต่อความรักไม่เหมือนกัน เราอาจจะเห็นเป็นสิ่งหนึ่ง แต่คนอื่นกลับเห็นเป็นอีกอย่าง การจะทำให้คนอื่นเห็นในแบบที่เราเห็นหรือว่ามองในองศาเดียวกับที่เรามอง บางทีมันก็เป็นไปไม่ได้”

   “พี่โอมตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่คะ?”

   “ไอ้วินแอบรักกานต์ข้างเดียวมาตลอด13ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา วินเสียน้ำตาไปมากมายกับความรักที่หลายคนบอก ว่ามันผิดครรลองตามธรรมชาติ แต่ในที่สุดก็มีวันนั้น...วันที่กานต์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากไอ้วิน รู้ไหมว่าในใจของผู้ชายที่ชื่อวิศรุตมันทั้งมีความสุขและก็เจ็บปวดไปพร้อมกัน สุขที่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายตอบสนองความรู้สึกที่ตนมีให้มานาน...ทุกข์เมื่อรู้ว่าน้องสาวก็ชอบผู้ชายคนเดียวกับตัวเอง แต่สุดท้ายวินก็เลือก เลือก...ที่จะเอามือของนภัทรไปวางไว้ใส่มือเธอด้วยสองมือของตัวเอง” ศรารัตน์ใช้ฝ่ามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ ในขณะที่ภาณุก็พูดต่อไปเรื่อยๆด้วยแววตาสงบนิ่ง

   “แม้เธอกับวินจะเป็นเหมือนพี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก แต่ลึกๆแล้ววินก็ทั้งรักและเป็นห่วงเธอมากนะศรา วันที่เธอถูกภาคินจับตัวจะพาไปทำร้ายที่โกดังร้างนั่น ไอ้วินเข้าไปช่วยเธอแบบไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อย หมอนั่นบ้าเลือดมากจนแม้แต่พี่เองก็ยังกลัว ร่องรอยแผลฟกช้ำบนหน้าไอ้วินก็เป็นผลมาจากการไปฟัดกับภาคินนั่นแหล่ะ”

   “ทำไม...ทำไมวินไม่บอกฉันเรื่องนี้…” ศรารัตน์เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดมาตลอด หญิงสาวเข้าใจว่านภัทรต่างหากที่เข้าไปช่วยเธอจากภาคิน แต่สุดท้ายคนที่ช่วยเธอจริงๆก็คือวิศรุต

   “ตอนเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาก็เหมือนกัน เมื่อเห็นว่าเธอโดนจับเป็นตัวประกัน คนที่วิ่งตามจะเข้าไปช่วยเธอเป็นคนแรกโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเองก็คือไอ้วิน พี่รู้ว่าไอ้วินรักกานต์มาก รักพอๆกับที่รักน้องสาวตัวเอง ไม่อย่างนั้นคนที่เย่อหยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแบบวิศรุตก็คงจะไม่ยอมปล่อยมือจากคนที่ตัวเองรักมาตลอด13ปีได้ง่ายๆแน่” แม้จะสงสารศรารัตน์แค่ไหน แต่เขาจำเป็นต้องพูด ศรารัตน์ควรที่จะมีโอกาสได้มองความรักด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิม

   “นิยามความรักของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน นิยามความรักของวินคือการเสียสละ นิยามความรักของกานต์คือความมั่นคง ถ้าลองรักไปแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจง่ายๆ แล้วนิยามความรักของศราล่ะ เป็นแบบไหน?”

   “พี่โอม...” ภาณุประสานสายตากับศรารัตน์อยู่ชั่วอึดใจก่อนที่หญิงสาวจะหลุบตาลงต่ำเพื่อซ่อนความรู้สึกบางอย่าง เอาไว้ภายใต้ดวงตาคู่นั้น

   “ไม่ว่าจะเป็นความรักชายหญิง หญิงหญิง หรือแม้กระทั่งชายชาย ถึงอย่างไรมันก็คือ...ความรัก”


จบบทที่ 37

ปล. ประโยคนี้ของโอม เอาใจเราไปเลยอ่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่38
«ตอบ #136 เมื่อ07-08-2012 09:43:44 »

บทที่ 38


   อาการบาดเจ็บจากการโดนยิงดีขึ้นมากจนเกือบจะหายเป็นปกติ นภัทรจึงอนุญาตให้วิศรุตออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ศรารัตน์มารับผู้เป็นพี่ชายด้วยตัวเอง ตลอดระหว่างทางจากโรงพยาบาลกลับบ้านทัดเทวา หญิงสาวไม่ยอมพูดอะไรกับวิศรุตสักคำ แม้ว่าวิศรุตจะพยายามทำลายบรรยากาศอึดอัดภายในรถโดยการยกเรื่องต่างๆมาพูดก็ตาม แต่ ศรารัตน์ก็ยังตอบน้อยเสียจนแทบจะนับคำพูดได้ ในใจของหญิงสาวตอนนี้กำลังคิดใคร่ครวญบางอย่างเงียบๆ

   “เดี๋ยวสิศรา ฉันมีเรื่องอยากจะพูดด้วย” ศรารัตน์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนแล้วหันมาสบตาผู้พูดด้วยแววตาไม่แสดงอารมณ์

   “ขึ้นไปคุยที่ห้องทำงานก็แล้วกัน”





   “ไอ้โอมกับไอ้พงษ์เล่าให้ฉันฟังหมดแล้วเรื่องแผนการของเธอ” วิศรุตเริ่มเปิดประเด็นถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้

“ขอบใจเธอมากนะที่เลือกยืนข้างฉัน” ศรารัตน์ถอนหายใจบางแล้วส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

   “นายไม่ต้องมาขอบใจฉันหรอก ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่สมควรทำเท่านั้น อาวันชัยกับภาคินสมควรที่จะได้รับกรรมแล้ว ทั้งเรื่องยักยอกเงินบริษัทแล้วก็เรื่องที่วางแผนฆ่าเราสองคนด้วย” หญิงสาวยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยต่อ “ฉันต่างหากที่ควรจะขอบคุณนาย ถ้าไม่ได้นาย ฉันก็คงจะตายไปแล้ว” ศรารัตน์หมายถึงเรื่องที่วิศรุตมาช่วยเธอเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่โดนภาคินจับไปที่โกดังร้างแล้วก็ล่าสุดที่เขาตามไปช่วยเธอที่ถูกภาคินจับเป็นตัวประกัน

   วิศรุตยิ้มให้ผู้เป็นน้องสาวด้วยความคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำขอบคุณแบบนี้จากปากของศรารัตน์ แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่เด็ก เขากับศรารัตน์มักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ศรารัตน์เองก็ยอมลงให้เขาง่ายๆเสียเมื่อไหร่ ดังนั้นการได้ยินคำพูดขอบคุณจากอีกฝ่ายในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมากแล้ว

   “ในที่สุดเรื่องทุกอย่างก็จบลงเสียที” ศรารัตน์ระบายลมหายใจเป็นเชิงว่าโล่งอกที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปในทางที่ดี หากแต่เมื่อวิศรุตได้ยินประโยคนั้นจากหญิงสาว ชายหนุ่มกลับนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...เรื่องศรากับกานต์

   ศรารัตน์เคยบอกเอาไว้ว่าหลังจากที่เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจะแต่งงานกับนภัทรทันที คำว่าแต่งงานที่ผุดขึ้นมาในหัวของวิศรุตทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังระบายยิ้มน้อยๆค่อยๆคลายลงโดยไม่รู้ตัว วิศรุตเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่านภัทรไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของศรารัตน์ต่างหาก

   “ตอนนี้เรื่องยุ่งๆก็จบไปแล้ว เธอคิดจะ...แต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ?” คำว่าแต่งงานถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ศรารัตน์กลับได้ยินอย่างชัดเจน หญิงสาวหันหลังให้คู่สนทนา แววตาสีน้ำตาลเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้ายามเย็นภายนอก ผ่านทางหน้าต่างบานสูงในห้องทำงาน

   “แล้วนาย...อยากให้ฉันแต่งงานกับหมอกานต์จริงๆน่ะเหรอวิน?” คำถามย้อนกลับนั้นทำให้วิศรุตอึ้งไป ชายหนุ่มเสมองไปทางอื่นแล้วกลั้นใจพูดออกมาทั้งที่เจ้าตัวเองก็ทราบดีว่าความจริงมันคืออะไร

   “เธอสองคนแต่งงานกันก็เหมาะสมดีแล้ว อันที่จริงมันก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้วนี่นาศรา” ศรารัตน์หันกลับมาสบตากับวิศรุตทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ

   “ลองถามใจตัวเองให้ดีเถอะวินว่านายต้องการแบบนั้นจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า? หรือพูดแค่เพื่อให้ตัวเองตัดใจจากหมอกานต์ได้เท่านั้น”




   เสียงเคาะประตูห้องทำงานทำให้นภัทรหลุดออดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง คุณหมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามา ก่อนจะพบว่าเป็นพงศธร

   “กำลังเหม่อคิดอะไรอยู่วะไอ้กานต์?” ด้วยความที่เป็นเพื่อนรักกันมานานทำให้พงศธรจับสีหน้าและความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ “เรื่องวินกับคุณศราหรือเปล่า?” สีหน้าของนภัทรที่เปลี่ยนไปทำให้พงศธรรู้ว่าเขาเดาถูก

   “จบเรื่องวุ่นๆแล้ว ต่อไปก็คงจะเป็นงานมงคลของแกกับคุณศราสินะ” พงศธรฝืนยิ้มแล้วกระเซ้านภัทรที่กำลังทำหน้าเฉยชาแบบไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น “แกควรจะเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวได้แล้วนะ”

   “แกก็รู้ว่าฉันไม่อยาก”

   “แต่เพราะแกรักวินไม่ใช่เหรอ? เพราะว่าแกรักวิน แกถึงได้ยอมแต่งงานกับคุณศรา” ความจริงข้อนี้ทำให้นภัทรเงียบไปทันที เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองคิดแบบนั้น แต่หากว่าพอถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำได้อย่างที่ปากเคยบอกไปหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย นภัทรพยายามบังคับตัวเองให้ลืมวิศรุต แต่ยิ่งฝืนก็เหมือนยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปกว่าเก่า คุณหมอหนุ่ม รู้ดีว่าทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับศรารัตน์เลยสักนิด

   “แล้วแกล่ะไอ้พงษ์ ถ้าคนที่แกรักกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น แกจะทำยังไง?” พงศธรยิ้มเศร้าแต่คำพูดที่ออกจากปากแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นชัดเจนในความรู้สึกของเจ้าตัว

   “ถ้าเขาไม่ได้รักฉัน มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก สิ่งที่ฉันต้องการก็คงจะคล้ายๆกับวินนั่นแหล่ะ...การได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขกับคนที่เขารัก เท่านั้นก็พอแล้วล่ะ”




   เมื่อนภัทรกลับมาถึงบ้าน ผู้เป็นมารดาก็บอกเขาว่ามีเพื่อนมารอพบอยู่ที่ห้องรับแขก คุณหมอหนุ่มวางกระเป๋าเอกสารลงบนเก้าอี้ไม้ที่นั่งประจำของเขาก่อนจะเดินเข้าไปในตัวห้องรับแขก ภาพแผ่นหลังที่เคยคุ้นสายตาของคนที่นั่งอยู่ทำให้นภัทรต้องชะงักฝีเท้า ชายหนุ่มใช้ดวงตาสีถ่านจับจ้องภาพเบื้องหลังของวิศรุตจนผ่านไปไม่นานนักผู้ที่กำลังนั่งอิงอยู่บนโซฟาจึงรู้สึกตัวและหันมามอง

   “วิน” นภัทรทักก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย “มานานหรือยัง?” วิศรุตช้อนสายตามองนภัทรก่อนจะตอบเสียงแผ่วว่าตนเพิ่งจะมาไม่นาน

   นภัทรเงียบไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี คุณหมอหนุ่มจึงเสเปลี่ยนเรื่องไปถามว่าอาการบาดเจ็บของชายหนุ่มเป็นอย่างไรบ้าง?

   “น่าจะหายดีแล้วล่ะ ขอบใจมากนะที่เป็นห่วง” นภัทรพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเข้าสู่อาการนิ่งเงียบอีกครั้ง วิศรุตลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนร่างกายแทบจะติดกัน ลมหายใจอุ่นร้อนของวิศรุตที่เป่ารดข้างแก้มทำให้นภัทรเม้มริมฝีปากแน่น

   “ที่มาวันนี้ ฉันแค่อยากจะมาลานาย” ประโยคสุดท้ายของวิศรุตทำเอานภัทรตัวชาไป คุณหมอหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลโศกที่แสนคุ้นเคยนั้นก่อนจะถามเสียงแหบพร่า

   “นายจะไปไหน?” วิศรุตนิ่งไปซักพักก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้ทั้งที่ในใจกำลังทรมานเหลือเกิน

   “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะกลับอังกฤษ” คำตอบของคู่สนทนาเสมือนสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงมากลางใจของนภัทร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆวิศรุตถึงเลือกที่จะกลับไปอยู่ต่างประเทศอีกครั้ง แต่ถึงแม้ในใจจะรู้อย่างนั้น ปากเจ้ากรรมก็อดถามออกไปไม่ได้

   “ทำไมนายถึงต้องไปล่ะวิน? นายไม่เห็นเคยบอกก่อนหน้านี้เลย”

   “ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็คลี่คลายลงด้วยดีแล้ว นายเองก็กำลังจะแต่งงานกับศราในไม่ช้านี้ ฉันก็คิดว่าตัวเองควรจะกลับอังกฤษเสียที เพราะตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยนานๆอยู่แล้ว” นภัทรรู้ดีว่าวิศรุตมีเหตุผลมากกว่านั้น “อีกอย่าง ฉันคงจะทนทำใจไม่ได้แน่หากว่าต้องเห็นนายแต่งงานกับน้องสาวตัวเองจริงๆ” วิศรุตหมายความอย่างที่พูดทุกอย่าง แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังยิ้มอยู่ แต่ภายในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นไม่ได้มีรอยยิ้มเลยสักนิดเดียว

   “นาย...จะไปเมื่อไหร่?” คำพูดของนภัทรติดขัด ชายหนุ่มเอามือไปสัมผัสกับใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักของวิศรุตอย่างแผ่วเบาแต่อีกฝ่ายกลับเอามือของนภัทรออกจากใบหน้าตนช้าๆ

   “ฉันจะเดินทางพรุ่งนี้” สีหน้าตื่นตะลึงของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้วิศรุตตกใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องป็นแบบนี้ ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปโดยไม่ลานภัทรเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วความรู้สึกในใจก็ชนะจนได้ เขาอยากเจอหน้า  นภัทรอีกครั้งก่อนที่จะต้องจากกันไปไกลแสนไกล

   “วิน...”

   “ฉันรักนายมาตั้งแต่ม.หนึ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้ วันนี้ เวลานี้ ความรักที่ฉันมีต่อนายก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่นายรู้ไหมกานต์ สิ่งหนึ่งที่ฉันภูมิใจและดีใจที่สุดก็คือ...” วิศรุตเว้นวรรคไปเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้ สึกลึกซึ้งที่มีให้คนตรงหน้ามาตลอด13ปีเต็ม “การได้รับความรักจากนาย” สิ้นคำพูดของวิศรุต นภัทรก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นราวกับกลัวว่าชายหนุ่มจะจางหายไปกับอากาศเดี๋ยวนั้น

   “อย่าไปเลยนะวิน อย่าจากกันไปแบบนี้” วิศรุตส่ายหน้าแล้วพูดว่า

   “ถ้าฉันไม่ไป ศราก็จะต้องรู้สึกผิดมากกับเรื่องนี้ ส่วนนายเองก็จะต้องอยู่ท่ามกลางความรู้สึกครึ่งๆกลางๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราจากกันแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้วกานต์” นภัทรไม่ยอมรับให้เรื่องมันจบแบบนี้ คุณหมอหนุ่มใช้มือสองข้างดันตัววิศรุตออกห่างแล้วเอ่ยเสียงแหบเครือ

   “ฉันไม่อยากให้นายไป ถ้าหากเราไม่ได้เจอกัน...”

   “ไม่ต้องห่วงหรอก นายเคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าใจของนายจะเป็นของฉัน เหมือนกับที่หัวใจของฉันจะเป็นของนาย อย่าลืมสิ” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาดำคลับอย่างเงียบเชียบ คุณหมอหนุ่มกัดกรามแน่นเพื่อข่มความรู้สึกก่อนจะเค้นเสียงออกมาเป็นคำพูด

   “ถ้าอย่างนั้นก็...ลาก่อนวิน”

   “ลาก่อน” คำพูดลาของวิศรุตเหมือนเป็นค้อนหนักที่ทุบลงมายังหัวใจของนภัทรจนแทบแหลกสลาย คำว่าลาก่อนของวิศรุตเมื่อตอนที่ฝ่ายนั้นจะไปเรียนต่อเมืองนอกสมัยเพิ่งจบม.ห้ายังไม่ทำให้นภัทรรู้สึกเจ็บปวดเท่าวันนี้เลย อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเขาที่มีต่อวิศรุตในตอนนั้นยังไม่ได้ผูกพันลึกซึ้งเช่นในตอนนี้ก็เป็นได้

   คุณหมอหนุ่มมองวิศรุตที่เดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยแววตาฉ่ำน้ำก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาอย่างคนที่หมด  เรี่ยวแรงจะยืน เมื่อรักมากก็ย่อมเจ็บมากเป็นธรรมดา นภัทรเพิ่งเข้าใจคำพูดนี้อย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง




   “อะไรนะ นี่แกจะกลับอังกฤษงั้นเหรอ?” เสียงอุทานของภาณุดังลั่นห้องรับแขกบ้านทัดเทวา ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟที่กำลังยกจิบอยู่ทันที “แกจะไปเมื่อไหร่?”

   “พรุ่งนี้” คำตอบสั้นๆของวิศรุตทำให้ภาณุยิ่งอึ้งเข้าไปอีก “อันที่จริงฉันคิดเรื่องนี้ไว้ตั้งนานแล้ว แต่ก็มัวแต่ติดงานที่บริษัท ตอนนี้ก็คงได้เวลาที่จะต้องไปจริงๆเสียทีเพราะว่าที่บริษัทก็ลงตัวแล้ว”

   “แล้วทำไมแกถึงต้องไปด้วยวะ? ก็ใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยแกก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา ทำไมต้องกลับไปอังกฤษด้วย?”

   “ฉันกะว่าจะไปดูงานของบริษัททัดเทวาที่อังกฤษน่ะ ส่วนสาขาใหญ่ที่ไทยก็ให้ยัยศรารับช่วงต่อไป” ภาณุไม่เชื่อในคำตอบของวิศรุตแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเชื่อว่าต้องมีเหตุผลอื่นอย่างแน่นอน

   “ฉันไม่คิดว่าแกจะไปอังกฤษเพียงเพราะว่าเรื่องงานอย่างเดียว” วิศรุตเม้มปากแน่น ชายหนุ่มเบนหน้าไปอีกทางไม่อยากให้ภาณุเห็นบางอย่างข้างในแววตาของตนแต่เจ้าตัวก็รู้ดี เขาหลอกคนตรงหน้าที่เป็นเพื่อนรักกันมานานไม่ได้

   “ไม่ว่าจะเพราะอะไร ถึงยังไงฉันก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหล่ะ” ภาณุถอนหายใจเฮือกแล้วเอ่ยขัดเสียงเรียบ

   “เพราะเรื่องไอ้กานต์กับศราใช่ไหม?” คราวนี้วิศรุตหันไปสบตาคนพูดทันที ภาณุเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้วใช้สองมือจับไหล่คนตรงหน้าเอาไว้แน่น “การที่แกไปแบบนี้มันก็เหมือนกับการหนีหัวใจตัวเองนั่นแหล่ะวิน”

   “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงล่ะ? จะให้ฉันฝืนยิ้มมองดูเค้าสองคนแต่งงานกันทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้อย่างนั้นเหรอ จะให้ฉันเอาความรักของตัวเองไปผูกมัดกานต์เอาไว้ ทั้งๆที่เค้าควรจะได้แต่งงานมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบกับผู้หญิงสักคนเนี่ยนะ ฉันทำไม่ได้ไอ้โอม” มือที่จับไหล่วิศรุตค่อยๆคลายลง ถึงอย่างไรความจริงที่ว่าความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ ภาณุมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนด้วยความสงสารแต่ก็จนใจที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

   “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งแกนะ”

   “ไม่ต้องหรอก” วิศรุตปฏิเสธ ถ้าหากว่าภาณุไปส่งที่สนามบินจริงๆ ชายหนุ่มก็คงยิ่งรู้สึกอาลัยอาวรณ์และไม่อยากไปอังกฤษแน่ๆ

“ลากันวันนี้เลยจะดีกว่า”

   “แกทำให้ฉันนึกถึงความรู้สึกตอนม.ห้า หลังจากสอบเสร็จที่ฉันมาส่งแกขึ้นรถเพื่อไปสนามบิน ตอนนั้นแกก็บอกฉันกะทันหันว่าต้องไปอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้บอกตอนจวนตัวแบบครั้งนี้” ภาณุพยายามสูดลมหายใจลึกเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกใจหายเอาไว้ “ตอนนั้นแกไปเพื่อเรียนต่อ แต่ครั้งนี้แกไปเพราะ...เรื่องอื่น” วิศรุตฝืนยิ้มกับคำพูดนั้นในขณะที่ภาณุก็ตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆแบบที่เคยทำประจำเวลาต้องการให้กำลังใจอีกฝ่าย “ถ้าแกตัดสินใจแล้ว ขอให้แกโชคดีนะวิน...เพื่อนรัก” วิศรุตพยักหน้าก่อนจะเข้าไปกอดภาณุจนแน่นซึ่งอีกฝ่ายก็กอดตอบด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน

   ความรักความผูกพันฉันเพื่อนระหว่างเขาและภาณุงอกเงยขึ้นตามวันและเวลา ภาณุคือเพื่อนที่เขารักมากที่สุดและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของเขาได้โดยไม่คิดรังเกียจ ฝ่ายนั้นจะคอยตบบ่าปลอบใจเมื่อเขาท้อแท้หมดหวัง จะคอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเวลาที่เขามีปัญหาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องร้องขอ จะคอยซับน้ำตาและยืนเคียงข้างเมื่อเวลาที่เขาต้องการใครสักคน เพื่อมาเข้าใจ วิศรุตกอดภาณุด้วยความรู้สึกตื้นตันและขอบคุณกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนคนนี้ทำเพื่อตนมาโดยตลอด

   “ขอบใจนะโอม ขอบใจแกจริงๆ” ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่จะยืนยงไม่มีวันสลายก็คือมิตรภาพอันงดงามของคำว่าเพื่อนนั่นเอง





   ศรารัตน์ยืนนิ่งอยู่ในห้องพระมาเป็นเวลานานแล้ว หญิงสาวเหม่อมองรูปของบิดามารดาที่แขวนไว้บนพนังห้องด้วยความรู้สึกหลากหลายปนเปจนแยกไม่ออก วันนี้เป็นวันที่วิศรุตจะเดินทางไปอังกฤษ แต่เธอก็ไม่ได้ไปส่ง ยังคงยืนนิ่งอยู่ในห้องนี้เงียบๆ

   เสียงเปิดประตูทำให้ศรารัตน์เหลียวหน้าไปมอง เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือวิศรุต หญิงสาวจึงถามขึ้นเสียงเบา

   “ยังไม่ไปสนามบินอีกเหรอ?” วิศรุตสั่นศีรษะแล้วบอกว่าจะมาลาพ่อกับแม่ก่อน ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากรอบรูปขนาดใหญ่แล้วเอ่ย

   “ผมกำลังจะไปคุมงานบริษัทที่อังกฤษนะครับ ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ก็คงจะต้องภูมิในใจตัวผมมากแน่ๆ...แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ บริษัททางนี้ผมจะให้ศราเป็นคนดูแลทั้งหมดเอง ศราเค้าเก่งกว่าผมตั้งเยอะ เค้าไม่มีทางทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ไม่มีทางทำให้วงศ์ตระกูลทัดเทวาเสียชื่อเป็นอันขาด” วิศรุตหันไปพูดกับศรารัตน์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ฝากงานด้วยนะศรา”

   “จากผลงานบ้านเทวานิรมิตของนายทำให้บอร์ดผู้บริหารพอใจมากนะ พวกนั้นยอมรับในฝีมือของนายแล้ว คิดดีแล้วเหรอที่จะทิ้งงานที่นี่ไปกลางคันแบบนี้?” วิศรุตพยักหน้า ดวงตาสีน้ำตาลโศกทอประกายหนักแน่นกับการตัดสินใจของตนในครั้งนี้ ไม่ว่าศรารัตน์จะพูดอย่างไรก็คงไม่มีทางเปลี่ยนความตั้งใจของเขาได้อยู่ดี

   “งานที่อังกฤษคงมีเยอะมากที่รอให้ฉันไปคุมด้วยตัวเอง บางทีฉันอาจจะยุ่งมากจนไม่มีโอกาสมาร่วมงานแต่งงานของเธอกับกานต์ ขอโทษล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ” ศรารัตน์พยายามสบตาวิศรุตที่กำลังหลุบตาต่ำเพื่อซ่อนสีหน้าไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

   “ฉันอยากจะถามครั้งสุดท้าย นายอยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ?” วิศรุตตอบว่าใช่ ศรารัตน์จึงถามต่อว่าทำไม ทำไมถึงต้องยอมทำขนาดนี้ด้วยทั้งที่ชายหนุ่มเองก็กำลังเจ็บปวดมากเหมือนกัน?

   “ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายยอมเจ็บ เธอก็ต้องเจ็บ สู้ฉันยอมเสียสละดีกว่า แบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว” น้ำตาหยดหนึ่งค่อยๆไหล ออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลของศรารัตน์อย่างช้าๆเมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของวิศรุตที่หันไปพูดกับรูปภาพบิดามารดา “การเสียสละคือสิ่งที่คนเป็นพี่สมควรทำให้น้องใช่ไหมครับ?...ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าศราต้องการอะไร ผมก็ไม่เคยที่จะยอมสละของตัวเองให้เธอเลย และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เสียสละเพื่อน้องสาวของตัวเองบ้าง” วิศรุตพยายามกลั้นก้อนสะอื้นลงคอขณะที่พูดกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายตน “ขอให้เธอกับกานต์มีความสุขมากๆนะ รักกานต์ให้มากๆแทนฉันด้วยนะศรา”

ศรารัตน์ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาแล้วคุมเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้

   “นายไม่รักหมอกานต์แล้วเหรอวิน?” วิศรุตจุดยิ้มบางๆที่มุมปากขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังสะท้อนจนชัดเจนเข้าไปถึงในหัวใจของคนฟัง

   “รักสิ แต่ฉันก็รักน้องสาวของตัวเองเหมือนกัน” วิศรุตสบตาผู้เป็นน้องสาวราวกับต้องการบ่งบอกความรู้สึกทั้งมวลให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ถึงอย่างไรศรารัตน์ก็เหมาะสมและคู่ควรกับนภัทร ไม่ใช่พวกผิดเพศแบบเขา

   พูดจบวิศรุตก็ขอตัวทันที ชายหนุ่มบอกว่าถึงเวลาจะต้องไปรอเช็คอินที่สนามบินแล้ว ศรารัตน์ได้แต่มองตามแผ่นหลังของผู้เป็นพี่ชายด้วยความเศร้าและซาบซึ้งกับความรักความปรารถนาดีที่อีกฝ่ายมีให้ตนมาโดยตลอด หญิงสาวมองประตูห้องที่ปิดลงก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเอง

   “นายอยากให้เรื่องจบ แต่ฉันไม่มีวันยอมให้มันจบแบบนี้แน่วิน”




   วิศรุตเดินมาขึ้นรถยุโรปคันหรูที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ลุงมั่นเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังก่อนจะสั่งคนขับให้ไปส่งผู้เป็นเจ้านายที่สนามบินเพื่อออกเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ

   วิศรุตมองผ่านกระจกรถและทอดสายตาไปยังเบื้องนอก ภาพสองข้างทางที่รถกำลังแล่นผ่านไม่ได้เข้าหัวชายหนุ่มเลย ในสมองของวิศรุตในตอนนี้มีแต่เรื่องเดิมๆระหว่างตนกับนภัทรซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเอนตัวลงให้ศีรษะราบไปกับ  เบาะรถก่อนจะหลับตาลงปล่อยความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ


   “ฉันรู้ว่านายรังเกียจฉันมาก รู้ว่านายไม่ใช่คนที่ชอบเพศเดียวกันแบบฉัน รู้ว่านายคงเบื่อและอึดอัดที่ต้องมารับมือกับนิสัยร้ายกาจที่ฉันชอบแสดงใส่นายอยู่เสมอ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ฉันชอบนายมาตลอดตั้งแต่ม.หนึ่ง แม้จะผ่านมาห้าปีแล้วแต่ฉันก็ยังคงชอบนาย ได้ยินไหมนภัทร...ฉันชอบนาย”


   “ตั้งแต่เกิดเรื่อง ทุกครั้งที่ฉันหลับตาก็นึกถึงแต่เรื่องนี้ ฉันผิดมากนักเหรอที่เกิดมาเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน ผิดมากเหรอไงที่เลือกรักผู้ชายคนเดียวกับน้องสาวตัวเอง? ฉันไม่ได้อยากจะทำร้ายศรา ฉันไม่ได้อยากจะให้เป็นแบบนี้ ฉัน...”

   “ทุกครั้งที่ฉันเห็นนายเจ็บปวด เห็นนายเอาแต่โทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา เห็นนายต้องมาเสียน้ำตาเพราะเรื่องนี้ที่ฉันเป็นตัวต้นเหตุแต่แรก นายรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง? ไม่ใช่แค่นายที่เสียใจหรอกวิน ฉันเองก็เสียใจเหมือนกัน ยิ่งเห็นนายเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนี้ฉันก็ยิ่งเสียใจ...เสียใจที่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง แม้กระทั่งการปลอบใจนายฉันก็ยังทำไม่ได้เลย”



“ของขวัญพิเศษสำหรับนายคนเดียว”

   “อันที่จริงนายไม่จำเป็นต้องให้ก็ได้”

   “แหวนวงนี้ฉันเลือกเองกับมือ ด้านหลังของแหวนก็สลักเอาไว้เป็นชื่อของนาย ‘กานต์...ผู้เป็นที่รัก’ ดังนั้นถ้านายไม่รับไว้ฉันคงจะเสียใจมาก”



“ให้เรื่องทุกอย่างมันจบแค่นี้เถอะนะ ไม่ว่าจะพยายามฝืนแค่ไหน สุดท้ายเรื่องระหว่างเรามันก็ลงเอยด้วยคำว่าเป็นไปไม่ได้อยู่ดี”

   “การที่เรามีความสัมพันธ์กันในคืนนั้น คิดเหรอว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายเลย? แล้วความรู้สึกนั้นมันก็ไม่ใช่ทั้งความเหงาและความสงสารอย่างที่นายเข้าใจด้วย”

   “นาย...หมายความว่ายังไง?”

“ช่างเถอะ ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันคงไม่สำคัญแล้วเพราะนายเป็นคนบอกเองว่าถึงอย่างไรเรื่องระหว่างเราก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี ถ้านายอยากให้ฉันดูแลคุณศรามากนักล่ะก็ ฉันก็จะทำอย่างที่นายต้องการ”



“ฉันแค่หวังว่าต่อจากนี้นายจะดูแลศราให้ดี อย่าให้น้องสาวของฉันต้องเสียใจอีก”

    “เดี๋ยวก่อนวิน...ฉันขอ...กอดนายเป็นครั้งสุดท้ายจะได้ไหม...ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ฉันรักนายนะวิน ขอโทษด้วยที่ฉันรู้สึกตัวช้าไป”

   “ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง รวมถึงสิ่งที่นายจะทำเพื่อฉันด้วย”



“ถ้าคิดว่าการที่นายยอมเสียสละความรักของตัวเองเพื่อให้คุณศรามีความสุข ฉันก็อยากบอกให้นายรู้เหมือนกันว่า...ถ้าหากการเสียสละของฉันทำให้นายมีความสุข ฉันก็ยินดี...ถึงแม้ความเป็นจริงและกฏเกณฑ์ทางสังคมบางอย่างทำให้เราเดินไปด้วยกันไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าข้างในนี้...ใจของนายจะเป็นของฉัน เหมือนกับที่หัวใจฉันเป็นของนาย”



“ถึงแม้ในความเป็นจริงเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่สำหรับฉัน...นายจะอยู่ในนี้เสมอ”

   “ถ้านายบอกฉันอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อตอนเรียนม.ปลาย ฉันก็คงมีความสุขมาก...แต่นายก็เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้”

   “ขอโทษที่ฉันรู้ใจตัวเองช้าไป ขอโทษ...”   

“ฉันไม่ได้โกรธนายหรอก ดีใจมากกว่า เพราะถ้านายบอกรักฉันตั้งแต่วันนั้น ฉันก็คงจะมีความสุข แต่ก็คงจะไม่เท่าวันนี้ วันที่เราสองคนผ่านเรื่องราวต่างๆมาด้วยกัน...วันที่ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ยินคำบอกว่ารักจากปากของนาย”



   “ฉันรักนายมาตั้งแต่ม.หนึ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้ วันนี้ เวลานี้ ความรักที่ฉันมีต่อนายก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่นายรู้ไหมกานต์ สิ่งหนึ่งที่ฉันภูมิใจและดีใจที่สุดก็คือ...การได้รับความรักจากนาย”

   “อย่าไปเลยนะวิน อย่าจากกันไปแบบนี้”

   “ถ้าฉันไม่ไป ศราก็จะต้องรู้สึกผิดมากกับเรื่องนี้ ส่วนนายเองก็จะต้องอยู่ท่ามกลางความรู้สึกครึ่งๆกลางๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราจากกันแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้วกานต์”

   “ฉันไม่อยากให้นายไป ถ้าหากเราไม่ได้เจอกัน...”

   “ไม่ต้องห่วงหรอก นายเคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าใจของนายจะเป็นของฉัน เหมือนกับที่หัวใจของฉันจะเป็นของนาย อย่าลืมสิกานต์”



   13ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงบัดนี้นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่วิศรุตทั้งเจ็บปวดและมีความสุขไปพร้อมๆกัน ชายหนุ่มมีความสุขที่สุดท้ายนภัทรก็ตอบรับความรักของเขาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน แต่แล้วก็กลับต้องทุกข์เมื่อเข้าใจกับความจริงที่ว่ารักแบบผิดธรรมชาติเช่นนี้ ยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นจริงไปได้

วิศรุตคิดถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมาระหว่างตนกับนภัทรแล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัว



จบบทที่ 38

ปล. หลายคนเชียร์ให้วินหนีไปอยู่อังกฤษให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย คราวนี้วินจะไปจริงๆแล้วนะคะ ^ ^

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ข้าน้อยขอคาราวะท่านโอม!!!!

ยังรอคอยนิยามความรักในแบบของศรา..........
รอคอยว่าจะมีใครตามคุณวินกลับมาไหม????

และรอคอยตอนต่อไปของคนเขียนจ้า!!!!  :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2012 10:17:46 โดย ka[ze]na »

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
บทที่ 39


   พงศธรมาหานภัทรที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มถามพยาบาลประจำวอร์ดก็ได้ความว่าอีกฝ่ายไม่มีเวรตรวจคนไข้และกำลังอยู่ในห้องทำงาน พงศธรก็เอ่ยขอบคุณพยาบาลสาวคนนั้นก่อนจะรีบเดินไปทางห้องทำงานของนภัทรทันที

   เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นคุณหมอหนุ่มกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านฟิล์มเอ็กเรย์ของคนไข้อยู่ ดูท่าคงยังไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาในห้องแล้ว พงศธรถอนหายใจแรงก่อนจะแกล้งกระแอมเสียงดังเป็นเชิงให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมาของตน

   “อ้าว ว่าไงไอ้พงษ์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” นภัทรเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ พงศธรมองนภัทรที่ทำหน้านิ่งอย่างลังเลแต่สุดท้ายก็เอ่ย

   “ไอ้โอมเพิ่งโทรมาบอกฉันว่าไอ้วินจะไปเมืองนอกวันนี้” สีหน้าของนภัทรก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป คุณหมอหนุ่มตอบเรียบๆ

   “ฉันรู้แล้ว เมื่อวานวินมาหาฉัน” นภัทรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆแต่เจ้าตัวก็พยายามควบคุมไว้ พงศธรได้เห็นความเศร้า ที่ฉายสะท้อนออกมาจากดวงตาสีดำสนิทราวถ่านของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ

   “ไอ้กานต์...” ในตอนนี้พงศธรพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มมองนภัทรอย่างเข้าใจความรู้สึก เขารู้ว่าความรักเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนของตนคนนี้กำลังเจ็บปวดเพียงใดกับการต้องมองดูวิศรุตเดินจากไปโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

   “ฉันไม่เป็นไรหรอก” คำตอบสั้นๆนั้นไม่ได้ทำให้พงศธรเชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นความจริง

   ก่อนที่พงศธรจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้น ประตูห้องทำงานของนภัทรก็ถูกเคาะ คุณหมอหนุ่มรีบปรับสีหน้าก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาได้

   คนที่ก้าวเข้ามาในห้องก็คือศรารัตน์ หญิงสาวสบตาสีถ่านคู่นั้นด้วยแววตาสงบเยือกเย็นก่อนจะเอ่ยขึ้นว่าตนมีธุระที่อยากจะคุยกับนภัทรตอนนี้

   “ถ้าอย่านั้นเดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอกก็แล้วกัน เชิญตามสบายนะครับ” ประโยคท้ายหันไปพูดกับศรารัตน์ก่อนที่พงศธรจะขอตัวออกไปรอด้านนอก

   เมื่อในห้องเหลือเพียงแค่สองคน ศรารัตน์จึงพูดธุระของเธอทันทีอย่างไม่ต้องการเสียเวลา หญิงสาวเปิดประเด็นด้วยคำถามที่นภัทรเองก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาหาเขาเพราะเรื่องนี้

   “หมอทราบใช่ไหมคะว่าวินจะไปอังกฤษวันนี้?” นภัทรพยักหน้าแล้วบอกว่าตนรู้อยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้นหมอก็คงจะตอบคำถามของฉันได้”

   “คำถามอะไรครับ?” นภัทรเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ศรารัตน์จึงเอ่ยสิ่งที่ตนอยากรู้ออกมาช้าๆแต่ว่าชัดเจน

   “ฉันมาเพื่อถามว่า ในเมื่อตอนนี้วินก็ไม่อยู่แล้ว หมอสามารถเปลี่ยนใจหันมารักฉันได้หรือเปล่าคะ?” คำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้กลับทำให้นภัทรอึ้งไป ชายหนุ่มจึงย้อนถามกลับบ้าง

   “แล้วทำไมคุณศราถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?”

   “เพราะถ้าหมอตอบว่าได้ อย่างนั้นก็แสดงว่าการเสียสละจากไปของวินก็ได้ผล” ศรารัตน์สบตาคู่นั้นด้วยประกายตาเปิดเผยจริงใจ

“แต่ถ้าหมอตอบว่าไม่...อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่วินจะต้องไป” นภัทรอุทานเสียงแผ่ว

   “คุณศรา...”

   “ว่าไงยังล่ะคะ คำตอบของหมอคืออะไรกันแน่?” เมื่อเห็นว่านภัทรกำลังอ้ำอึ้ง หญิงสาวจึงพูดย้ำ “ตอบมาเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเสียใจ ได้โปรดตอบตามความรู้สึกที่แท้จริงของคุณหมอ” ศรารัตน์มองหน้าอีกฝ่ายก็นึกรู้ในใจแล้วว่าคำตอบมันคืออะไร แต่เธอก็อยากจะได้ยินจากปากของนภัทรให้ชัดๆ ทว่าคำพูดที่หลุดออกจากปากของคนตรงหน้าก็คือ

   “ผมขอโทษ” ศรารัตน์ฝืนยิ้มให้คุณหมอหนุ่มก่อนจะบอกว่าวันนี้เธอได้เข้าใจทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าวิศรุตจะอยู่หรือว่าไป ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ก็ไม่มีวันจะเปลี่ยนใจมารักเธอได้อยู่ดี หญิงสาวสูดลมหายใจลึกพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่

   “หมอไปตามวินกลับมาเถอะค่ะ เค้าเพิ่งไปสนามบินไม่นาน ถ้าหมอรีบไปอาจจะยังทัน” นภัทรมองศรารัตน์ด้วยความสับสนกับคำพูดของอีกฝ่าย ตอนแรกเธอยังกีดกันความสัมพันธ์ระหว่างเขาและวิศรุตอยู่ลย ตอนนี้ทำไมท่าทีของเธอถึงเปลี่ยนไป ทำไมศรารัตน์ถึงบอกให้ตนไปตามวิศรุตกลับมา “รีบไปเถอะค่ะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

   “คุณศรา ทำไมถึง...แล้วงานแต่งงาน...” คำว่างานแต่งงานทำให้หัวใจของศรารัตน์กระตุกวูบ หญิงสาวข่มความปวดร้าวในอกแล้วฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า

   “ฉันอุตส่าห์พูดถึงขนาดนี้แล้ว คุณหมอน่าจะเข้าใจนะคะ” สีหน้าของนภัทรเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มยินดีเมื่อได้ยินคำตอบยืนยันความคิดของตัวเองจากปากของศรารัตน์ ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณหญิงสาวอยู่หลายครั้งก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานด้วยความดีใจ จุดหมายของนภัทรในตอนนี้ก็คือสนามบิน เขาจะต้องไปหยุดวิศรุตให้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะหนีเขาไปยังดินแดนที่ไกลแสนไกลแห่งนั้น เขาจะบอกข่าวดีนี้ให้วิศรุตได้รู้เป็นคนแรก วิศรุตคงจะต้องดีใจมากหากรู้ว่าศรารัตน์ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนแล้ว ถ้าหากเพียงเขาไปสนามบินทันเวลาเท่านั้น...




   พงศธรเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับศรารัตน์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

   “คุณศรา...คุณร้องไห้?” ศรารัตน์เบือนหน้าหนีพงศธรที่กำลังจ้องเธออยู่ หญิงสาวใช้มือปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะหันมาพูด ด้วยน้ำเสียงที่ยังอู้อี้

   “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่พงศธรก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ชายหนุ่มแตะต้นแขนศรารัตน์เบาๆเป็นเชิงว่าให้หญิงสาวนั่งพักที่โซฟาก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาแล้วส่งให้อีกฝ่ายที่รับไปซับน้ำตา “คุณคงได้ยินหมดแล้ว”
พงศธรพยักหน้าช้าๆ

   “ความรักเมื่อมีคนที่สมหวังก็ย่อมต้องมีคนที่ผิดหวังเป็นธรรมดา บางทีการที่เราผิดหวังมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายนักหากเราคิดในแง่ดีว่าเรากำลังจะช่วยให้อีกคนหนึ่งได้สมหวัง ตอนนี้คุณคงจะรู้สึกเจ็บปวดกับมันมาก แต่ผมเชื่อนะครับว่าเวลาจะทำให้คุณสามารถผ่านมันไปได้ด้วยความเข้มแข็ง และเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อในอนาคตคุณได้หวนกลับมาคิดถึง ผมเชื่อว่าคุณศราคงจะต้องสุขใจมากแน่ๆที่เลือกตัดสินใจไม่ผิดในวันนี้”

   “คุณพงษ์...”

   “การได้อยู่กับคนที่เรารักแต่เค้าไม่ได้รักเรามันก็เหมือนเป็นการทรมานทั้งสองฝ่าย ผมดีใจที่คุณศราเลือกที่จะไม่เอาชีวิตของคุณไปทรมาน และก็ดีใจ...ที่คุณได้ปลดปล่อยไอ้กานต์กับไอ้วินออกจากความทรมานในครั้งนี้ด้วย”

   “ฉันนี่เหมือนนางมารร้ายเลยนะคะ สร้างความทรมานให้กับคนอื่นตลอด รวมถึงคุณด้วย” พงศธรหัวเราะน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวข้างตัวแล้วเอ่ยด้วยเสียงประหม่า

   “ถ้าคุณเป็นนางมารร้าย ผมก็อาจจะเป็นผู้ชายซาดิสม์ที่ดันมาหลงรักนางมารร้ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น” คำสารภาพรักกลายๆนั้นทำให้ศรารัตน์หน้าอุ่นวาบ หญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความเขินที่อีกฝ่ายมาบอกรักในสถานการณ์แบบนี้ แต่ลึกลงไปแล้วศรารัตน์กลับยังคงไม่แน่ใจซึ่งพงศธรเองก็เข้าใจดี

   “คุณพงษ์คะ คือฉันยังไม่พร้อมจะมีใคร...”

   “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีครับ ผมจะไม่เร่งรัดให้คุณมาชอบผม จะไม่ขอร้องให้คุณลืมไอ้กานต์ แต่ผมแค่อยากจะดูแล คอยยืนอยู่ข้างๆเวลาที่คุณต้องการใครสักคน ถ้าหากว่าคุณจะให้โอกาส ผมก็อยากจะเป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น” พงศธรพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนศรารัตน์อึ้งไป อันที่จริงหญิงสาวก็ดูออกมาตั้งนานแล้วว่าพงศธรรู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้ ชายหนุ่มจะกล้าพูดมันออกมาตรงๆ

   พงศธรมองหน้าศรารัตน์ด้วยความลุ้นระทึกกับคำตอบของอีกฝ่ายก่อนจะต้องยิ้มกว้างเมื่อศรารัตน์ตอบว่า

   “ค่ะ ฉันจะให้โอกาสคุณ” ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่สามารถลบนภัทรออกไปจากใจได้หมดสิ้น แต่ว่าการที่เธอตัดสินใจเปิดโอกาสให้พงศธรก็นับว่าก้าวหน้ามากแล้ว ซึ่งหากเปรียบเหมือนกำแพงก็นับได้ว่าเป็นกำแพงสูง การค่อยๆเลาะอิฐออกมาทีละก้อนๆก็อาจจะทำให้กำแพงในหัวใจของเธอเตี้ยลงได้ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานก็ตาม แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้วพงศธรก็จะต้องทำสำเร็จ อีกไม่นานเธอก็จะลืมนภัทรได้ อีกไม่นาน...

   “นี่คือตอนจบที่มันสมควรจะเป็นต่างหาก...พี่ชาย”





   วิศรุตมองนาฬิกาข้อมือแล้วถอนหายใจ คงได้เวลาที่ต้องไปแล้วสินะ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเหลียวมองไปรอบตัว ในใจก็แอบหวังลึกๆว่าจะได้พบหน้านภัทรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะต้องจากกันไปไกล แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองคงหวังมากเกินไป นภัทรจะมาอยู่ที่สนามบินนี้ได้อย่างไรกัน

   วิศรุตยิ้มขื่นให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะดึงหูกระเป๋าขึ้นมาแล้วลากไปตามพื้นทางเดินช้าๆ ชายหนุ่มนึกอยากให้ทางเดินนี้ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างน้อยก็หวังที่จะยืดเวลาออกไปให้นานกว่านี้ อยากจะให้ใครบางคนตามมา...

   “รอฉันอยู่หรือเปล่า?” เสียงหนึ่งที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลังทำให้วิศรุตถึงกับชะงัก ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าจะหันไปมองเพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกิน มือหนากำที่ลากกระเป๋าจนแน่น “ว่ายังไงล่ะวิน กำลังรอฉันอยู่ใช่ไหม?” คนที่ถูกถามค่อยๆหันกลับไปมองผู้มาใหม่

   “นาย...มาได้ยังไง?” น้ำเสียงวิศรุตสั่น ดวงตาสีน้ำตาลมีแววไหวระริกในขณะที่นภัทรส่งยิ้มกว้างมาให้

   “ฉันก็ขับรถมาน่ะสิ เกือบมาไม่ทันแน่ะ” เหงื่อเม็ดโตที่ผุดซึมออกมาบนใบหน้าของคุณหมอหนุ่มเป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดีว่าเจ้าตัวรีบมากเพียงใด “โชคดีที่นายยังไม่ทันได้ไป”

   “กำลังจะไปแล้วล่ะ ได้เวลาพอดี” วิศรุตหยักยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าแล้วลากกระเป๋าตั้งใจจะเดินอ้อมผ่านนภัทรไป แต่ว่าข้อมือกลับถูกนภัทรฉวยรั้งเอาไว้ “กานต์...”

   “ฉันไม่ให้นายไป อย่าทำแบบนี้เลยนะวิน” วิศรุตกระบอกตาร้อนผ่าวแล้วเอ่ยผ่านเสียงเครือ

   “ไหนว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วไง?” วิศรุตช้อนดวงตาโศกมองอีกฝ่าย วันนั้นเขาก็ได้บอกนภัทรไปแล้วว่าเรื่องระหว่างเราทั้งคู่มันเป็นไปไม่ได้และนภัทรเองก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ทำไมวันนี้อีกฝ่ายถึงยังมารั้งเขาไว้อีก วิศรุตมองนภัทรด้วยแววตาสับสน ชายหนุ่มพยายามบิดมือออกแต่ว่านอกจากคุณหมอหนุ่มจะไม่ยอมปล่อยแล้ว ฝ่ายนั้นกลับรวบร่างวิศรุตเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

   “ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่ยอมปล่อยนายให้ไปไหนอีกแล้ว” วิศรุตขืนตัวเองไว้ไม่ยอมให้นภัทรได้ทำตามใจ ชายหนุ่มมองไปรอบตัวก่อนจะพบว่าผู้คนมากมายบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกกำลังเริ่มเพ่งความสนใจมาที่ตนกับนภัทรที่กำลังยืนกอดกันในที่สาธารณะแบบนี้

   “ปล่อยเถอะกานต์ คนมองกันใหญ่แล้ว” คนในอ้อมกอดประท้วงแต่นภัทรกลับยิ้มกริ่มไม่สนใจ

   “มองก็มองไปสิ ฉันไม่สนใจหรอก แค่เพียงนายอย่าหนีไปก็พอ” วิศรุตระบายลมหายใจแรง ชายหนุ่มจ้องลึกลงไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นแล้วเอ่ยเสียงจริงจัง

   “ยังไงฉันก็ต้องไป ส่วนนายเองก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับศรา ลืมไปแล้วเหรอกานต์?”

   “แล้วถ้าฉันไม่ต้องแต่งงานกับคุณศราแล้วล่ะ?” คำถามย้อนกลับของนภัทรทำให้วิศรุตอึ้งไป ชายหนุ่มถามย้ำอย่างไม่ เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากของนภัทรจะเป็นเรื่องจริง

   “นายว่าอะไรนะ?” นภัทรสบตาคนในอ้อมกอดพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม หลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้วด้วยเพราะมีเรื่องที่ยังหนักใจอยู่ แต่พอมาวันนี้ เมื่อปัญหาทุกอย่างได้ถูกคลี่คลายไป คุณหมอหนุ่มจึงยิ้มออกมาได้อย่างปลอดโปร่งเสียที ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณศรารัตน์ นภัทรคิดในใจก่อนจะยอมเฉลยให้วิศรุตฟัง

   “คุณศรายอมยกเลิกงานแต่งงานแล้ว เธอยอมรับ...เรื่องของเรา” วิศรุตอึ้งไปอีกรอบหลังจากได้ยินสิ่งที่นภัทรพูด นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม? ศรารัตน์ยอมยกเลิกการแต่งงานกับนภัทร ที่สำคัญเธอยังเปิดใจยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนตรงหน้า

   “ศรา...” วิศรุตอุทานด้วยเสียงที่ไม่ต่างจากกระซิบ ดวงตาสีน้ำตาลโศกคู่นั้นรื้นไปด้วยน้ำใสที่คลอเอ่อ เขารู้ดีว่าศรา  รัตน์เองก็คงปวดใจไม่น้อยกับการตัดสินใจแบบนี้ แต่เธอก็ทำเพื่อเขา ขอบใจมากนะศรา ขอบใจเธอจริงๆ

วิศรุตสูดลมหายใจลึก ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวและคำถามมากมายที่อยากจะเอ่ยถามคนตรงหน้าให้ชัด แต่ทว่าวิศรุตก็กลับพูดไม่ออกเสียดื้อๆ กลายเป็นนภัทรที่พูดแทน

   “เรื่องทุกอย่างมันจบแล้ววิน นายไม่จำเป็นต้องหนีหัวใจตัวเองอีกแล้ว” คุณหมอหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักของอีกฝ่ายอย่างแสนรัก วิศรุตจับปลายนิ้วที่แตะแก้มของเขาเอาไว้อย่างแผ่วเบา

   “ถึงฉันพยายามหนีเท่าไหร่ สุดท้ายก็คงไม่พ้นอยู่ดี” วิศรุตยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกรักทั้งหมดที่ตัวเองมี “เพราะว่าหัวใจของฉัน...ได้มายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว” นภัทรอมยิ้มแล้วแกล้งหัวเราะน้อยๆเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้คลายจากความเศร้า

   “น้ำเน่าจังเลยครับคุณวิศรุต ทัดเทวา...ไม่น่าเชื่อเลยนะว่านายจะพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้ก็เป็นด้วย” วิศรุตหัวเราะเบาๆแล้วแกล้งใช้ข้อศอกถองอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนัก นภัทรได้ทีจึงรวบมือทั้งสองข้างของวิศรุตเอาไว้แล้วเอามาทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของตน คุณหมอหนุ่มมองวิศรุตด้วยดวงตาดื่มด่ำแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่จงใจให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น

   “แต่ถึงยังไงหัวใจดวงนี้ก็จะไม่มีวันเป็นของใคร...นอกจากนายเพียงคนเดียว” วิศรุตคลี่ยิ้มงดงามหลังจากได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนภัทรพูดประโยคที่แฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้งนั้นออกมา

   “ว่าแต่คนอื่น แล้ที่นายพูดมันไม่เรียกว่าน้ำเน่าหรือยังไงกัน?” คนในอ้อมกอดเแกล้งตีรวนเพื่อปกปิดความรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของอีกฝ่ายเพียงใด “ที่นายพูดน่ะ น้ำเน่าก็ยังเรียกพี่เลย”

   “แต่ฉันพูดออกมาจากใจจริงนะ” วิศรุตสบตากับนภัทรด้วยความเต็มตื้นในใจก่อนที่ชายหนุ่มจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าซึ่งนภัทรเองก็ตอบรับความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการกระชับอ้อมกอดจนแน่นราวกับจะทดแทนช่วงเวลาที่เคยขาดหายไป

   คนที่ผ่านไปมาบริเวณสนามบินต่างมองมาที่เขาทั้งคู่เป็นจุดเดียว หากแต่นภัทรและวิศรุตก็ไม่ได้สนใจ คุณหมอหนุ่มหลับตาลงช้าๆ อยากจะซึมซับความรู้สึกนี้ให้นานที่สุด เขาไม่รู้ว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันแบบนี้จะยืนยงไปได้นานแค่ไหน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นี้มันถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้รู้แต่เพียงว่าเขารักคนๆนี้มากเหลือเกิน ต่อให้อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร แต่นภัทรก็ยังคงเชื่อมั่น...ตราบใดที่ทั้งเขาและวิศรุตยังมั่นคงกับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อนั้นความรักก็จะเป็นนิรันดร์และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ต้องห้ามทั้งปวง

   “ฉันรักนายนะวิน ขอโทษด้วยที่ให้รอมาตั้ง13ปีเต็ม” วิศรุตส่ายหน้าพร้อมกับแววตาฉ่ำน้ำ ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอด  ของตนเองให้แน่นขึ้นอีก พลันน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลร่วงลงมาจากดวงตาสีน้ำตาลนั้น วิศรุตรู้ดีว่ามันไม่ได้มาจากความเสียใจเลย   สักนิด น้ำตาหยดนี้มาจากความปลื้มปิติยินดีต่างหาก ยินดีเมื่อในที่สุดวันนี้ที่เขาเคยเฝ้ารอมาตลอด13ปีเต็มก็มาถึงจนได้...วันที่เขารักนภัทรและนภัทรเองก็รักเขา...วันที่หัวใจสองดวงได้หล่อหลอมจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันในที่สุด


จบบทที่39

จบบริบูรณ์


Aislin : และแล้วทัณฑ์กามเทพก็ดำเนินมาถึงจุดจบของเรื่องแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยดีเสมอมาค่ะ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่8วันที่เราโพสนิยายในเล้า แต่ก็สัมผัสได้ถึงมิตรภาพของเพื่อนๆและความอิน(ในนิยาย)ที่ส่งผ่านมาถึงคนแต่งอย่างเราค่ะ
           อยากบอกว่าทัณฑ์กามเทพเป็นนิยายวายเรื่องแรกที่เราแต่ง และเราก็รักนิยายเรื่องนี้มาก และยิ่งดีใจหากว่ามีคนอื่นๆที่ชอบและคอยติดตามนิยายเรื่องนี้ ไม่รู้จะบอกอะไรไปมากกว่า...ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ
           ถึงแม้นิยายเรื่องนี้อาจจะไม่สนุกสำหรับใครหลายๆคน อาจจะน่าเบื่อ อาจจะมีข้อผิดพลาดเยอะแยะ แต่ยังไงถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้ เราก็ขอบคุณมากๆแล้วล่ะ สำหรับคำติชมเราก็ขอน้อมรับแต่โดยดีและจะนำไปปรับปรุงงานเขียนเรื่องอื่นๆต่อไปเน้อ
         อย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้แล้ว...นิยายเรื่องนี้มีตอนพิเศษค่ะ เป็นตอนพิเศษที่เราเขียนขึ้นเพื่อตอบแทนแฟนๆนิยายเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะไฟลล์นิยายตอนพิเศษจะแจกให้เฉพาะคุณผู้อ่านที่ส่งคำตอบมาเล่นเกมแลกไฟลล์ตอนพิเศษเท่านั้น จะไม่มการโพสลงเว็บเด็ดขาดค่ะ ^ ^ โดยสามารถอ่านกติกา-คำถามได้จากลิ้งค์ด้านล่างเลย โดยส่งคำตอบได้ทางอีเมลล์ของเราเท่านั้นค่ะ (ไม่รับผ่านทางคอมเม้นท์หรือว่าข้อความลับเด็ดขาด) พอเราได้รับอีเมลล์แล้ว เราจะส่งไฟล์ตอนพิเศษกลับไปให้ค่ะ ซึ่งตอนพิเศษรับรองไม่ดราม่าแล้วค่ะ เป็นตอนหวานซึ้ง(หรือเปล่า?~) ระหว่างวินกับหมอกานต์โดยไม่มีคนอื่นเข้ามาเอี่ยว เพื่อเป็นการไถ่โทษที่นิยายเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบมีฉากหวานซึ้งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เง้อออ

            อันที่จริงเราแต่งนิยายเรื่องใหม่ต่อจากเรื่องนี้ด้วย ชื่อเรื่อง "กุหลาบในเปลวไฟ" ค่ะ สไตล์ค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องนี้ ถ้าสนใจก็ลองตามลิ้งค์จากในเว็บเด็กดีนะคะ แต่เราคงยังไม่เอาเรื่องกุหลาบฯมาโพสในเล้าเพราะกะรอให้นิยายคืบหน้าไปเยอะๆก่อนน่ะค่ะค่อยเอามาโพส ไม่อยากให้เสียอารมณ์รอกัน แต่ถ้าใครอยากอ่านก็เชิญอ่านได้ตามสบายจ้า (ในเว็บเด็กดี)

            สุดท้ายนี้ใครอ่านมาถึงตอนสุดท้ายแล้วยังไม่เคยเม้นท์ก็ช่วยๆกันเม้นท์หน่อยเน้อ เห็นคอมเม้นท์แล้วมันชื่นใจจริงๆ เป็นกำลังใจในการอัพนิยายไ้ด้อย่างดีเยี่ยม เพราะเราเชื่อว่าความสุขของคนแต่งก็คือการได้รู้ฟีดแบ็คงานเขียนตัวเองจากคนอ่านเนี่ยแหล่ะค่ะ และถึงแม้ว่านิยายเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่ยังไงก็แวะไปกดlikeพูดคุยและเยี่ยมเยียนเราได้ที่หน้าแฟนเพจนิยายค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคนเลย
           ใครสนใจซื้อหนังสือรวมเล่มเก็บไว้ รีบๆหน่อยเน้อ เหลือน้อยนิดใกล้หมดแล้วจ้า (หมดรอบนี้ก็ไม่รีปริ้นท์อีกแล้วเน้อ อาจจะเว้นไปหลายๆปีค่อยเอามารีปริ้นท์ใหม่ ถ้าสนใจก็ตามรายละเอียดจากแฟนเพจนิยายได้เลยจ้า)
         
            จากนี้ไปก็คงไม่ต้องตื่นมาอัพนิยายให้อีกแล้ว แอบเหงา...เฮ้อ...


ปล. ขอบคุณ...ขอบใจ...ขอบพระทัย...Thank you สำหรับทุกอย่างค่ะ :bye2:

อันนี้เป็นลิ้งค์เกมชิงไฟล์นิยาย http://writer.dek-d.com/Aislin/story/viewlongc.php?id=695939&chapter=44 (แจกเฉพาะตอนพิเศษ ไม่แจกหนังสือแล้วค่ะ เพราะหมดเขตแจกหนังสือไปแล้ว)
อันนี้เป็นลิ้งค์นิยายเรื่องใหม่ของเราค่ะ บางคนบอกว่าเนื้อหาเข้มข้นกว่าเรื่องนี้อีก เอิ๊กๆ http://writer.dek-d.com/Aislin/story/view.php?id=811414 อ่านแล้วก็ฝากทิ้งคอมเม้นท์ไว้หน่อยเน้อ
  :z1:

ปล. (สุดท้ายจริงๆ) อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ช่วยกดreplyแล้วคอมเม้นท์ทิ้งท้ายให้หน่อยนะจ้ะ จะรออ่านความเห็นจากทุกคนคร้าบบบ

 :bye2: :bye2: :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2012 10:56:12 โดย Aislin »

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ยังไม่ได้อ่านตอนจบเลย แต่แอบไปดูคำถามชิงรางวัลก่อน
เห็นคำถามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
ยากกว่าสอบ thesis อีกนะเนี่ย
ต้องเค้นสมองยกใหญ่ หลังจากเลิกใช้สมองมานาน
เพราะช่วงนี้ใช้ไขสันหลังทำงานตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
:monkeysad: :monkeysad:อ่านตอนนี้แล้วร้องไห้ด้วยอะ :sad11: :sad11:


รออ่านจ้า :monkeysad: :monkeysad: :call: :call:

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ยังไม่ได้อ่านตอนจบเลย แต่แอบไปดูคำถามชิงรางวัลก่อน
เห็นคำถามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
ยากกว่าสอบ thesis อีกนะเนี่ย
ต้องเค้นสมองยกใหญ่ หลังจากเลิกใช้สมองมานาน
เพราะช่วงนี้ใช้ไขสันหลังทำงานตลอด

คำถามไม่ยากขนาดนั้นค่ะ แค่อยากรู้ความคิดเห็นเฉยๆ ยังไงลองส่งมานะคะ เดี๋ยวจะได้ส่งตอนพิเศษกลับไปให้ อยากแจก อิอิ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
ตั้งแต่ต้นจนจบเสียน้ำตาเยอะมาก อดหลับอดนอนอ่านอยู่ 2 คืน ตอนนี้ง่วงมาก ทำงานไม่ค่อยรู้เรื่องเลย  เห็นคำถามแล้วก็อยากตอบนะ แต่ช่วงนี้ลำบากไม่มีคอมใช้อะ อ่านก็จากมือถือเอา แต่ก็อยากอ่านตอนพิเศษ สงสัยต้องรอปิดเทอมได้คอมจากน้องคืนก่อน

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
นิยายสนุกมาก มีหักมุมด้วย เราสาปศราไปเยอะมาก 555555 ขอโทษนะจ๊ะ

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
เรื่องนี้ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย คิดว่าว่างๆจะมาตามอ่าน

แต่แอบเปิดเข้ามาดูเม้นท์ผ่านๆก่อน

เห็นมีให้ตอบคำถามชิงไฟล์ด้วย อยากอ่านนะ

แต่เห็นคำถามแล้วแบบว่า.......... ไม่อ่านก็ได้ 5555+

ไม่ใช่อะไร แค่ทำงานก็เหนื่อยใจจะขาดแล้ว

ยังต้องมานั่งนึกหาคำตอบเพื่อความบันเทิงอีก เราไม่ไหวจะสู้จริงๆ แหะๆ >_<"

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
ตอนนแรกเข้ามาอ่านนะ แต่ไม่ได้เม้น

ฮ่าๆโทษที พออ่านไปไม่กล้าอ่านต่อ


กลัวค้าง ปวดหนึบ ดังนั้นจึงรอจนจบแล้วเข้ามาอ่านอีกที

ในที่สุดตอนนี้ก็อ่านจบเรัยบร้อยแล้ว เป็นนิยายที่วางไม่ลงจริงๆ


เข้มข้นทุกตอน ตอนจบเล่นเอาน้ำซึมตามตัวละครเลย

หักมุมเอามมากๆ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แต่งมาให้ได้อ่านกัน

จะคอนติดตามผลงานต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เรื่องมันหักมุมจริงๆนั้นแหละ
ว่าศราซะเยอะเลย^^
จบแบบสมหวังกันทั้งคู่
จะรออ่านเรื่องใหม่นะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เข้าเล้ามา
ต้องมาดูว่านักเขียนจะมาอัพหรือยัง
สนุกมากๆ
+1 นะคะ


ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
ที่แท้ศราก็เป็นคนดี แอบหลงเข้าใจผิด

ขอบคุณที่นำนิยายดีๆสนุกๆมาให้อ่านนะค่ะ  :pig4: :pig4:

+1+เป็ด เป็นกำลังใจให้นะ  :กอด1:

mrt

  • บุคคลทั่วไป
อันดับแรกเลย อยากจะบอกคนเขียนว่าดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องนี้ คิดไม่ผิดเลย
ตอนที่อ่านถึงบท 35 นี่ โอ๊ย ทรมานใจมาก  เดาใจศรารัตน์ไม่ถูกเลย
แม้ว่าใครบอกว่าเธออาจจะกลับใจ มีแผนสูงตามตอนจบของเรื่องจริงๆ
แต่อ่านไปก็อดหวั่นใจไม่ได้ แอบวาดตอนจบด้วยตัวเองว่า
เกิดคลิบเกย์ของวินกับกานต์หลุดออกไปจริงๆ อยากจะขอให้จบ
แบบวินก็แตกหักกับศรารัตน์ไปเลย ถึงจะถูกขับออกจากบริษัท
แต่ก็ขอให้หนีไปต่างประเทศพร้อมกับนภัทพร้อมกับมีชีวิตใหม่ที่นั่น

แม้ว่าจะอ่านพบว่าศรารัตน์พลิกล็อคเอง แล้ววิศรุตก็รอดตายมาได้
ก็ยังแอบเขียนตอนจบเองเหมือนเคย ว่าให้วินบินไปก่อน
ศรารัตน์คิดได้ ยอมรับความจริง ซื้อตั๋วให้กานต์ไปเซอร์ไพรส์วิน
ที่อังกฤษแล้วก็จบที่นั่น

ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องที่มีปมขัดแย้งเข้มข้นแบบนี้มานานมากแล้วเหมือนกัน
แต่บอกตามตรงว่าอ่านไปๆ รู้สึกว่าวิศรุตหล่อขึ้นทุกทีเลยครับ
ขณะที่หมอณภัทรกลับนึกหน้าไม่ออกเลย  นอกจากดวงตาสีถ่าน

ขอบคุณนะครับ :bye2:

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
หลังจากตามลุ้นตัวเกร็งมาค่อนเรื่อง ขอบอกว่าจบได้ประทับใจมากไม่อยากให้จบเลย

สนุกดี ขอบคุณมากๆๆๆๆ ที่เอาลงให้ได้อ่าน หวังว่าจะได้อ่านเรื่องอื่นๆอีกน้า :pig4: :bye2:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด