เกมชิง Special Booklet จากนิยายเรื่อง"ทัณฑ์กามเทพ" (นิยายทัณฑ์กามเทพบทที่1-จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกมชิง Special Booklet จากนิยายเรื่อง"ทัณฑ์กามเทพ" (นิยายทัณฑ์กามเทพบทที่1-จบ)  (อ่าน 74825 ครั้ง)

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #90 เมื่อ04-08-2012 14:13:18 »

 :monkeysad:สงสารวินที่สุดดดดดดดดดดดด :monkeysad:

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #91 เมื่อ04-08-2012 14:31:08 »

ในที่สุดหมอกานต์ก็รู้ตัวและบอกรักวินแล้ว แต่ทำไมมันเป็นแบบนี้  :o12: :o12: :o12:

แล้วศราคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย  :serius2:

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #92 เมื่อ04-08-2012 15:52:28 »

ศึกหลายด้านนะวิน คนนอก คนใน แถมจากตัวเองด้วย เหนื่อยแทน  :เฮ้อ:
อย่างที่ศราพูดอ่ะ เรื่องความไม่เหมาะสมที่จะรักกัน ที่จริงเราว่าถูกต้องนะ เราก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่เราก็ทำใจไม่ได้อ่ะ ถ้าจะต้องพรากคนที่รักออกจากกัน  :o12:

รอตอนหน้าค่ะ o13

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #93 เมื่อ04-08-2012 16:36:38 »

สงสารวิศรุต มีเงินแต่ไม่มีความสุข
สมเพชศรารัตน์ คิดเหรอว่านภัทรจะหันมารักตัวเอง
สงสัยภาณุ คิดอะไรกับวิศรุตรึเปล่า รู้สึกมีออร่าสีม่วงวิ้ง วิ้ง เวลาอยู่กันสองคน

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #94 เมื่อ04-08-2012 17:56:50 »

สงสารวินมากมาย  เป็นกำลังใจให้ทำหน้าที่พี่ชายให้ลุล่วงก้อแล้วกัน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #95 เมื่อ04-08-2012 18:05:07 »

เราเป็นบ้าอะไรไม่รู้ นั่งrefreshหน้านิยายทั้งวันเลย แบบว่าลุ้นมากว่านักอ่านแต่ละท่านจะคอมเม้นท์ว่าอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ที่สังเกตได้ก็คือทุกคนสงสารวิน เห็นเกือบทุกคอมเม้นท์มีไอคอนลิง ถอนหายใจเฮ้อ 555

ปล. ยิ่งอ่านยิ่งน่าสงสารนะ ขอบอก...ไม่ใช่แค่วิน แต่สงสารทุกคน เหอๆ

ออฟไลน์ fastation

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #96 เมื่อ04-08-2012 19:29:49 »

อ่านแล้วแบบเกลียดตัวร้ายมาก
ส่วนศราคิดดีแล้วหรอที่จะทำ สุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดอาจจะเป็นคุณก็ได้นะ
รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #97 เมื่อ04-08-2012 21:50:03 »

เครียดอ่ะ คำว่าพี่มันค้ำคอ แง้ๆ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #98 เมื่อ04-08-2012 22:30:32 »

:m16:ทำมัยศรัตน์ถึงได้ทำแบบนี้กับพี่ชายได้ลงนะ :m31: :m31: :m31:


สงสารวินจนน้ำตาไหลแล้วอะ :sad11: :sad11: :sad11:


รอจ้า :sad11: :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #99 เมื่อ05-08-2012 00:41:49 »

อ่านถึงตอนนี้ ศราเห็นแก่ตัวมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
« ตอบ #99 เมื่อ: 05-08-2012 00:41:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #100 เมื่อ05-08-2012 01:29:43 »

สงสารวินอ่ะ ไม่ไหว  T^T

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #101 เมื่อ05-08-2012 09:39:04 »

วินน่าสงสารที่สุดมีน้องสาวเธอก็นะดีแต่แคร์ความรู้สึกของตัวเอง :z3:
(ดีนะที่น้องสาวตูไม่เป็นแบบนั้นไม่งั้นจะตบให้คว่ำเลย :beat:)

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #102 เมื่อ05-08-2012 13:46:06 »

วันนี้วันหยุด ไม่ลงนิยายเหรอครับ

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #103 เมื่อ05-08-2012 13:51:04 »

มาปูเสื่อด้วยคนครับ   :กอด1:

ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #104 เมื่อ05-08-2012 14:42:54 »




 :monkeysad:

มีแต่เรื่องทับถมวิน.... :z3:


 :เฮ้อ:

สู้ต่อไป



ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #105 เมื่อ05-08-2012 17:27:01 »

แวะมาบอกว่าวันนี้อัพให้ไม่ได้  เพราะว่าวันนี้ออกมาจากบ้านแต่เช้า ยังไม่ได้กลับบ้านเลยค่ะ
เดี๋ยวแก้ตัวอัพให้พรุ่งนี้เน้อ
ขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่ต้องให้รอ :D

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #106 เมื่อ05-08-2012 18:06:33 »

จะจบยังไงเนี้ย  :เฮ้อ: 

มนุษย์เราต่างก็มีความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละเนอะ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน


ขอบคุณคนแต่งค่ะ สำหรับเรื่องราวสนุกๆ กับความใจดีวันละ 5 ตอน   :กอด1:

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #107 เมื่อ05-08-2012 19:34:17 »

รอค่่ะ อ่านแล้วบีบคั้นมาก เสียน้ำตาไปเยอะแล้ว

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #108 เมื่อ05-08-2012 22:12:12 »

อ่านทันเสียที เฮ้อ......

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
«ตอบ #109 เมื่อ05-08-2012 22:26:03 »

 :n1: :mc4: :mc4: :bye2: o13 o13 o13 o13 o13 :t3: :z3: :z3: :z2:มันจะจบยังไงเนี่ย หมอกานกับนายวิน จะเป็นไงเนีย :o12: :o8: :o8: :o12: :serius2: :serius2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-30
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-08-2012 22:26:03 »





ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่31
«ตอบ #110 เมื่อ06-08-2012 12:53:51 »

บทที่ 31

   
งานเลี้ยงขอบคุณคุณหมอนภัทร อิสรีย์ถูกจัดขึ้นที่สนามหญ้าภายในบริเวณคฤหาสน์ทัดเทวา ศรารัตน์เป็นคนจัดการเรื่องงานเลี้ยงนี้ด้วยตัวเอง หญิงสาวจัดการให้พวกคนใช้ดูแลเรื่องการตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม ส่วนในด้านอาหารและเครื่องดื่มก็จ้างภัตตาคารชื่อดังมาจัดเตรียมให้ ศรารัตน์มองบรรยาศรอบงานด้วยความพอใจแต่แววตากลับนิ่งสนิท

   ภาณุมาถึงที่บ้านทัดเทวาก่อนใครเพื่อน หลังจากที่ทักทายศรารัตน์เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวแยกไปหาวิศรุตที่ยังอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวซึ่งศรารัตน์ก็ไม่ได้ว่าอะไร หญิงสาวจุดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแต่ทว่าแววตากลับมีร่องรอยความขึงเครียดเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนต้องทำในค่ำคืนนี้

   “คิดอะไรอยู่เหรอ?” เสียงทักของผู้มาใหม่ทำให้วิศรุตสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวกำลังยืนใจลอยอยู่ เจ้าของห้องหมุนตัวกลับมาก่อนจะพบว่าคนที่เรียกเขาก็คือภาณุนั่นเอง

   “มาแล้วเหรอ? มาเร็วกว่าเวลานี่นา”

   “เจ้าของงานอุตส่าห์เชิญทั้งที จะมาสายก็คงจะไม่เหมาะ” ภาณุตอบก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟาในห้องทำงาน “เมื่อกี้ฉันเห็นนายเหม่อ กำลังคิดเรื่องนภัทรกับยัยศราอยู่ล่ะสิ” วิศรุตถอนหายใจเฮือกก่อนยอมรับว่าใช่

   “ที่ฉันทำอยู่นี้มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหมไอ้โอม?”

   “บางทีสิ่งที่ถูกต้องกลับต้องแลกมาพร้อมกับความเจ็บปวดเสมอ” คำตอบของภาณุทำให้วิศรุตเม้มปากแน่น ใช่...เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

   ไม่นานหลังจากนั้น แม่บ้านก็มาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าคุณศรารัตน์เชิญให้พวกเขาทั้งคู่ลงไปงานเลี้ยงด้านล่าง เพราะว่าตอนนี้แขกที่เหลือซึ่งก็คือนภัทรและพงศธรต่างก็มาพร้อมหมดแล้ว ภาณุจึงดึงแขนให้วิศรุตลงไปยังสนามด้านล่างพร้อมกันกับตนโดยไม่ลืมบอก

   “ทำหน้าตาให้สดชื่นหน่อยสิ ฉันอยากเห็นเพลย์บอยหนุ่มวิศรุต ทัดเทวาคนเดิม” วิศรุตยิ้มกับคำพูดนั้นโดยไม่ตอบอะไรอีก




   เมื่อลงมาถึงสนามด้านล่างก็พบว่านภัทร พงศธรและศรารัตน์นั่งรออยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทักทายกันตามประสาคนคุ้นเคย ผู้มาใหม่ทั้งสองจึงนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคนที่นั่งอยู่ก่อน จากตำแหน่งที่นั่งอยู่ทำให้วิศรุตอดที่จะรู้สึกอึดอัดไม่ได้ก็เพราะว่าชายหนุ่มกำลังนั่งประจันหน้ากับคุณหมอนภัทร อิสรีย์นั่นเอง

   เมื่อแขกมาครบโต๊ะ ศรารัตน์ในฐานะแม่งานก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังนักแต่ก็พอได้ยินกันทั้งโต๊ะอาหาร

“วันนี้ฉันต้องขอบคุณคุณหมอกานต์มากๆเลยนะคะที่ให้เกียรติมางานเลี้ยงเล็กๆนี้ พี่โอมกับคุณพงษ์ด้วยค่ะ” ศรารัตน์ไม่ลืมที่จะหันไปบอกกับภาณุและพงศธรด้วยก่อนที่จะหันหน้ามาพูดกับนภัทรต่อ “คุณหมอช่วยชีวิตฉันเอาไว้ถึงสองครั้ง ถ้าไม่ได้คุณหมอ ฉันก็คงจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่ๆ ฉันก็เลยอยากจะถือโอกาสนี้เลี้ยงอาหารตอบแทนน้ำใจคุณหมอกานต์ค่ะ”
นภัทรยิ้มรับก่อนจะออกตัวว่าเขาเองก็ช่วยสุดความสามารถตามหน้าที่ของคนเป็นหมอก็เท่านั้น ไม่ได้ถือเป็นบุญคุญอะไร ศรารัตน์ยิ้มเล็กน้อยกับอาการถ่อมตนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนหญิงสาวจะให้สัญญาณกับบริกรเป็นเชิงว่าให้เริ่มเสริ์ฟอาหารได้

   งานเลี้ยงดำเนินเริ่มจากการเสริ์ฟอาหารหลัก เช่น พวกสเต็กกับไวน์ จนกระทั่งอาหารจานหลักถูกเสริ์ฟจนหมด จากนั้นจึงเป็นพวกของหวานต่างๆ ซึ่งบริกรจัดพวกของหวานและขนมทานเล่นต่างๆแยกเอาไว้ที่ซุ้มอาหารใกล้ๆกับโต๊ะทานข้าว ดังนั้นแขกจึงสามารถที่จะเดินเลือกอาหารและของหวานนานาชนิดได้ตามใจชอบของตน

   ระหว่างมื้ออาหาร นภัทรสังเกตเห็นว่าวิศรุตพูดน้อยกว่าปกติ อันที่จริงก็คือแทบจะไม่พูดเลยหากว่าไม่จำเป็น มีบ้างที่ภาณุจะเป็นฝ่ายชวนวิศรุตให้พูดคุยเรื่องต่างๆ หากว่าภาณุไม่ชวนเปิดบทสนทนา วิศรุตก็เลือกที่จะนั่งเงียบๆอยู่ที่โต๊ะอาหาร มีบางครั้งคุณหมอหนุ่มเผลอสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ทว่าวิศรุตกลับเป็นฝ่ายเบนสายตาหลบไปเสียก่อน นภัทรจึงได้แต่มองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าด้วยความปวดยอกในอก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวิศรุตตั้งใจจะหลบตาเขา เขารู้ว่าฝ่ายนั้นรู้สึกเช่นไรซึ่งเขาเองก็รู้สึกไม่ต่าง ก็แค่เพียงรู้สึกแต่...ทำอะไรไม่ได้

   “ขอตัวสักครู่นะ” วิศรุตวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

   “ไปไหนวะไอ้วิน?” พงศธรก็หันหน้ามาส่งสายตาคำถามให้วิศรุตเช่นกัน คนที่ลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนหันไปพูดกับเพื่อนแต่ทว่าก็ได้รู้กันทั้งโต๊ะ

   “ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวกลับมา” ภาณุพยักหน้าให้ก่อนมองตามวิศรุตไป แววตาของภาณุฉายแววห่วงเพื่อนสนิทเป็นอย่างมาก เขาเห็นว่าวันนี้วิศรุตดื่มไวน์เข้าไปมากกว่าปกติ สาเหตุที่เพื่อนรักดื่มมากขนาดนั้นเขาเองก็รู้ดี วิศรุตคงอยากจะลืมเรื่องบางอย่าง บางทีคนเราก็ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่เพราะความอยากดื่ม แต่เพราะหวังผลข้างเคียงของมันต่างหาก ภาณุถอนหายใจแรงก่อนตัดสินใจเดินตามวิศรุตไปบ้าง ปล่อยให้อีกสามคนนั่งคุยกันที่โต๊ะต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันได้สังเกตว่าศรารัตน์แอบหลิ่วตาเป็นสัญญาณบางอย่างให้กับพงศธร




   วิศรุตเดินตัดสนามตรงไปยังตัวบ้านเพื่อเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา เขาเพิ่งรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองดื่มแอลกอฮอล์ไป มากกว่าปกติซึ่งก็ทำเอาเขารู้สึกมึนๆตึงๆพอตัว ทั้งที่ปกติแล้วเวลาดื่มเหล้าเขาจะเป็นคนคอแข็งมาก แต่ทว่าวันนี้สิ่งที่ดื่มก็คือไวน์ชั้นดีซึ่งแน่นอนว่ามันซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเขาได้ง่ายกว่าเหล้ามากนัก อีกทั้งปริมาณที่ดื่มเข้าไปมันก็ไม่ได้น้อยๆเลย

   หลังจากล้างหน้าเสร็จ วิศรุตก็ยังไม่ค่อยคลายความมึนตื้อในสมองเท่าใดนัก ชายหนุ่มใช้สองมือลูบหน้าพลางสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสติ ขืนใครรู้เข้าว่าเพลย์บอยตัวพ่ออย่างเขามาหมดท่าเพียงเพราะไวน์ไม่กี่แก้วล่ะก็ รับรองว่ารู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น วิศรุตเหยียดยิ้มกับตัวเอง เพราะเรื่องของนภัทรแท้ๆเลย

   “ไหวรึเปล่าวะไอ้วิน?” ภาณุที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนทำท่าจะไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มเข้าไปช่วยประคองให้วิศรุตนั่งพักยังโซฟารับแขก “ฉันว่าแกไปพักก่อนเหอะ เห็นท่าไม่ดีตั้งแต่ตอนอยู่ที่โต๊ะแล้ว”

   “ฉันยังไหว ไม่เป็นไรหรอกหน่า” น้ำเสียงคนพูดเริ่มอู้อี้ในขณะที่ศีรษะเริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

   “ไปเถอะ ฉันไปส่งแกเอง เดี๋ยวจะไปบอกพวกที่เหลือให้ว่านายเพลียขอตัวไปพักก่อน” ภาณุไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มตรงเข้าไปประคองเพื่อนรักแล้วค่อยๆพาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยจุดหมายก็คือห้องนอนของวิศรุตเอง

   วิศรุตถูกเอามาทิ้งให้นอนแผ่หลาอยู่ที่เตียงกลางห้องกว้าง ภาณุส่ายหัวเบาๆอย่างอ่อนใจ บางทีการปล่อยให้เมาหลับไปแบบไม่รู้เรื่องเช่นนี้ก็อาจจะยังดีกว่าการให้ฝ่ายนั้นต้องมาทนเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างนภัทรกับศรารัตน์ แม้ว่าเขาจะดูออกก็ตามว่านภัทรไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับศรารัตน์ด้วยเลย คุณหมอหนุ่มออกจะอึดอัดกับการกระทำที่แสดงการเอาอกเอาใจของศรารัตน์ตลอดเวลามื้ออาหารค่ำด้วยซ้ำ

   “ฉันเชื่อว่าซักวันแกจะต้องเข้มแข็งขึ้นไอ้วิน” ภาณุทิ้งท้ายก่อนที่จะออกไป ปล่อยให้วิศรุตนอนอยู่ให้ห้องเพียงลำพัง





   “หมอกานต์คะ ฉันว่าเราไปตักขนมหวานกันทางนั้นดีกว่าค่ะ” ศรารัตน์ชวนด้วยรอยยิ้มหวานพร้อมกับแตะแขนเป็นเชิงว่าให้ช่วยเดินไปตักขนมกับเธอหน่อยซึ่งนภัทรเองก็ยอมลุกตามไปแต่โดยดี

   พงศธรมองคนทั้งคู่ที่เดินห่างออกไปด้วยแววตาที่หนักใจพร้อมระบายลมหายใจยาวเหยียด เขานึกถึงเรื่องที่เคยคุยกับศรารัตน์เมื่อหลายวันก่อน ศรารัตน์มาขอให้เขาช่วย‘ทำ’อะไรบางอย่างให้กับเธอ
   

“เรียกผมมาหาแบบนี้ คุณศรามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” แม้ว่าจะดีใจที่ศรารัตน์เอ่ยชวนตนให้มาหาถึงบ้านทัดเทวา แต่พงศธรก็นึกรู้ว่าการที่หญิงสาวโทรศัพท์ตามตัวเขาแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของนภัทรอย่างแน่นอน

   “ฉันมีเรื่องอยากขอร้องให้คุณพงษ์ช่วยน่ะค่ะ” ศรารัตน์หยุดเว้นวรรคไปนานก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันอยากให้คุณร่วมมือกับฉันบางอย่าง”

   “เรื่องวินกับไอ้กานต์ใช่ไหมครับ?” เสียงคนพูดเจือแววขมขื่นจนปิดไม่มิด พงศธรสบตาสีน้ำตาลที่เริ่มเป็นประกายโชน แสงของหญิงสาวตรงหน้าก่อนเอ่ยด้วยเสียงน้อยใจแกมเยาะหยันตัวเอง “คุณศราจะให้ผมทำอะไรล่ะครับ จะให้วางแผนพรากทั้งสองคนออกจากกันเหรอไง? หรือว่าจะให้ช่วยพูดเชียร์คุณศรากับไอ้กานต์บ่อยๆ”

   “เรื่องวางแผนคงไม่ต้องรบกวนให้คุณพงษ์ช่วยหรอกค่ะเพราะว่าเรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ศรารัตน์พูดต่ออย่างไม่ยี่หระ ดวงตาสีน้ำตาลแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบไร้ความรู้สึก “ที่อยากให้ช่วยก็คือ แค่แอบเอาไอ้นี่ผสมในเครื่องดื่มให้หมอกานต์กินก็พอ” มือบางยื่นขวดเล็กๆที่บรรจุของเหลวใสเอาไว้ให้กับพงศธร ชายหนุ่มรับไปพลางถามด้วยความสงสัย แม้ว่าลึกๆในใจเขาพอจะหาคำตอบให้ตนเองได้แล้วก็ตามว่าของเหลวตรงหน้าคืออะไร

   “แมลงวันสเปน” คำตอบของศรารัตน์ทำเอาพงศธรอึ้งไป ก่อนหลุดเสียงครางออกมาแผ่วเบา

   “ทำไม...คุณวางแผนอะไรกันแน่”

   “แผนที่จะทำให้วิศรุตเจ็บปวดแทบตายทั้งเป็น” คำพูดสั้นๆแต่ทำเอาพงศธรไหวเยือกไปตลอดทั้งร่าง แค่เพราะเรื่องของนภัทรทำให้ศรารัตน์ถึงกับตั้งใจจะทำลายวิศรุตให้ย่อยยับไปกับมือจริงๆน่ะเหรอ? ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่งพร้อมเค้นเสียงหนัก

   “เรื่องนี้ผมคงช่วยคุณศราไม่ได้” จะให้เขาทำแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อนภัทรเองก็เป็นเพื่อนที่รักที่สุดของเขา ส่วนวิศรุตนอกจากจะเป็นเจ้านายของเขาแล้ว ฝ่ายนั้นยังเคยมีบุญคุญช่วยเหลือเขาอีกด้วยในตอนที่เขาถูกพวกนักเลงเงินกู้ตามมาทวงหนี้ “คุณไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลย แค่เพราะไอ้กานต์ไม่ได้...” คำว่า’รักคุณ’ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงว่าเรื่องนี้กระทบกับจิตใจของศรารัตน์มากเพียงใด

   “คุณไม่เข้าใจฉันหรอก ไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง” ศรารัตน์เอ่ยเสียงต่ำ “ตกลงว่าคุณจะช่วยฉันหรือเปล่าคะ?” เมื่อพงศธรส่ายหน้าแทนคำตอบ หญิงสาวก็พูดโพล่งขึ้นมาทันที “แล้วถ้าฉันมีข้อเสนอล่ะ?”

   “ข้อเสนออะไรผมก็ไม่สนใจทั้งนั้น ผมไม่มีวันทำร้ายสองคนนั้นเด็ดขาด”

   “แล้วถ้าฉันบอกว่า...ฉันให้คุณได้ทุกอย่างขอเพียงแต่คุณยอมช่วยฉันเท่านั้น” ถ้าพงศธรยอมช่วยล่ะก็ แผนการครั้งนี้ของเธอจะต้องสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน นภัทรกับวิศรุตจะต้องไม่มีวันทันคิดอย่างเด็ดขาดว่าพงศธรจะยอมร่วมมือกับเธอ “คิดให้ดีๆก่อนตอบนะคะ ฉันรอฟังอยู่” น้ำเสียงของศรารัตน์เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเหลือล้น ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่า พงศธรคิดยังไงกับเธอ ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วผู้ชายตรงหน้าก็ต้องยอมใจอ่อนช่วยเธออยู่ดีนั่นแหล่ะ ศรารัตน์คิดอย่างหมายมาด

   “ก็ได้ ผมจะยอมช่วยคุณ” หลังจากเงียบไปนาน พงศธรก็ตัดสินใจได้ ชายหนุ่มมองจ้องลึกลงไปในดวงตาโชนแสงคู่นั้น “แต่มีข้อแม้ว่าครั้งนี้จะต้องเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณคิดจะทำร้ายสองคนนั้น” เมื่อจบคำพูดของพงศธร ดวงตาของศรารัตน์ก็มีแววเยียบเย็นอีกครั้ง




   บริกรที่เดินเข้ามาถามว่าตนจะรับอะไรเพิ่มอีกหรือไม่ก็ทำให้พงศธรสลัดหลุดออกจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มฝืนยิ้มให้ก่อนตอบว่าไม่รับอะไรเพิ่มแล้ว บริกรคนนั้นจึงเดินเลี่ยงออกไป พงศธรลอบระบายลมหายใจก่อนสายตาจะจับจ้องไปที่ศรารัตน์กับนภัทรที่กำลังเลือกขนมกันอยู่ ชายหนุ่มค่อยๆล้วงขวดแก้วขนาดเล็กที่ศรารัตน์เคยให้ตนออกมาแล้วมองอย่างชั่งใจเล็กน้อย สติความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแล่นปราดไปทั้งร่าง หากแต่สุดท้ายแล้วพงศธรก็เลือกที่จะเปิดจุกขวดแล้วหยดของเหลวที่เรียกว่า’แมลงวันสเปน’ลงไปในแก้วไวน์ของนภัทรสองสามหยด จากนั้นก็เขย่าแก้วเบาๆให้ของเหลวสีใสผสมเป็นเนื้อเดียวกับไวน์นั้น

   ไม่นานนักศรารัตน์กับนภัทรก็เดินกลับมาที่โต๊ะ พงศธรส่งสายตาให้ศรารัตน์เป็นเชิงว่างานของตนสำเร็จแล้ว หญิงสาวลอบยิ้มอย่างพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตนวางแผนไว้ ทุกอย่างเหลือแค่รอเวลาเท่านั้น

   “อ้าว ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะคะพี่โอม แล้ววินล่ะ?” ศรารัตน์แสร้งเอ่ยถามภาณุที่เพิ่งกลับมาถึงโต๊ะหลังจากที่อีกฝ่ายเดินตามวิศรุตไป หญิงสาวถามทั้งที่ความจริงเธอก็รู้ดีว่าวิศรุตเป็นอย่างไร ก็เธอเองนั่นแหล่ะที่แอบผสมยานอนหลับเล็กน้อยลงไปในแก้วไวน์ของวิศรุต ประกอบกับผู้เป็นพี่ชายที่วันนี้ดื่มหนักเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นมีเหรอที่เพลย์บอยอย่างวิศรุต ทัดเทวาจะเมาหลับไปอย่างง่ายดายขนาดนี้

   “ไอ้วินมันรู้สึกเพลียๆน่ะ ก็เลยขอตัวขึ้นห้องไปก่อน” คำพูดของภาณุทำให้นภัทรตีความได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากทนอยู่เห็นหน้าเขาก็เลยแกล้งหลบขึ้นไปบนบ้านก่อน ทำไมเรื่องของเขากับวิศรุตถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้ด้วย ทำไม... นภัทรเฝ้าแต่ถามตัวเองอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ “นี่ก็ดึกมากแล้ว งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะศรา ฉันไปก่อนนะเว้ย ไว้เจอกัน” ประโยคสุดท้ายภาณุหันไปเอ่ยกับนภัทรและพงศธร ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะอยู่ต่ออีกแล้ว

   หลังจากส่งภาณุขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ศรารัตน์ก็หันมาทำท่าจะชวนนภัทรกับพงศธรคุยต่อแต่คุณหมอหนุ่มกลับตัดบท

   “ผมว่าผมเองก็คงต้องขอตัวบ้างแล้วล่ะครับ ขอบคุณคุณศรามากสำหรับมื้อเย็นที่พิเศษแบบนี้” นภัทรยิ้มให้กับศรารัตน์อย่างขอบคุณที่เธออุตส่าห์จัดงานเลี้ยงนี้เพื่อเขา ก่อนจะหันไปพูดกับพงศธรบ้าง “แกจะกลับพร้อมกันไหมไอ้พงษ์?”

   “เอาดิ ฉันกลับพร้อมแกเลยแล้วกัน” พงศธรพูดโดยไม่สบตากับเพื่อนรัก ลึกๆในใจเขารู้ดีว่าคืนนี้นภัทรอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีกหากว่านภัทรดื่มไวน์แก้วนั้น

   “ถ้าอย่างนั้น...แก้วสุดท้ายแล้วดื่มให้หมดนะคะ” ศรารัตน์ยิ้มก่อนยกแก้วไวน์ขึ้น ซึ่งนภัทรเองก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ    ของคนตรงหน้าได้ จึงได้แต่ยกแก้วไวน์ขึ้นบ้าง “ดื่มให้กับหมอกานต์ค่ะ” ศรารัตน์ยิ้มพราวก่อนจะค่อยๆละเลียดจิบไวน์ของตนเองพลางมองดูคุณหมอหนุ่มกระดกแก้วไวน์จนหมดในที่สุด ท่าทางตอนนี้คงจะเริ่มกรึ่มๆแล้วล่ะ หญิงสาวคิดในใจพลางตวัดสายตาไปที่พงศธรเป็นเชิงว่าให้เริ่มจัดการตามแผนขั้นต่อไปได้เลย




   หลังจากปลีกตัวออกมาได้ นภัทรก็เดินไปที่รถพร้อมกับพงศธร คุณหมอหนุ่มเริ่มเดินไม่ตรงด้วยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เดิมเข้าไปไม่น้อยเลยในคืนนี้ พงศธรเหลือบมองอาการของเพื่อนสนิทก่อนเอ่ย

   “แกขับรถไหวหรือเปล่าวะไอ้กานต์? ถ้าไม่ไหวฉันว่าแกขอคุณศราค้างที่นี่จะดีกว่านะ ขับรถตอนเมามันอันตรายนะเว้ย” นภัทรสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แต่ทว่าร่างกายกลับตรงกันข้าม “เฮ้ย รถอยู่ทางนี้” พงศธรลากนภัทรที่เดินออกนอกทางเดินให้กลับมาก่อนจะดันหลังฝ่ายนั้นให้ไปยังรถ แต่ว่าในที่สุดคุณหมอหนุ่มก็ต้านความมึนและความง่วงงุนไม่ไหว ร่างหนาหนักจึงไถลลงไปกองอยู่ที่พื้นก่อนสติที่เหลือเพียงน้อยนิดจะวูบไปพร้อมเปลือกตาที่ปิดสนิท

   พงศธรมองร่างที่นอนทอดอยู่ด้วยแววตาที่ไม่แปลกใจนัก ยาปลุกเซ็กซ์คงออกฤทธิ์ในอีกไม่นานนี้ ชายหนุ่มที่ยังมีสติครบถ้วนอยู่ก้มลงประคองร่างของเพื่อนรักแล้วเอามือฝ่ายนั้นมาพาดไว้บนบ่า จุดมุ่งหมายของพงศธรก็คือห้องนอนของวิศรุต ทัดเทวา




   พงศธรวางร่างที่ยังไม่ได้สติของนภัทรนอนลงทอดตัวเคียงคู่กับวิศรุตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องเช่นกันก่อนถอยออกมาดูผลงานของตัวเอง

   “ขอบคุณมากที่ช่วยฉัน”

   “ผมไม่ได้ช่วยฟรีๆเสียหน่อย อย่าลืมสิ” ศรารัตน์ยิ้มเย็นแล้วบอกว่าเธอไม่มีทางลืมแน่

   “เสร็จเรื่องแล้ว คุณพงษ์กลับไปก่อนเถอะค่ะ” คำพูดกึ่งไล่ของศรารัตน์ทำให้พงศธรเม้มปากแน่นแต่ก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี ก่อนที่จะพ้นประตูห้องนอน ชายหนุ่มก็ไม่วายหันมาถามคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ภายในห้อง

   “ตกลงคุณจะไม่ยอมบอกผมจริงๆน่ะเหรอว่าคุณกำลังคิดทำอะไรกับสองคนนี้กันแน่” ศรารัตน์สบสายตาคู่นั้นด้วยแววตาว่างเปล่าแต่ไม่ยอมบอกอะไรจนพงศธรต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเองโดยได้แต่หวังว่าสักวันเธอคงจะบอกเขาในที่สุด

   ศรารัตน์มองประตูห้องที่ถูกปิดลงหลังจากที่พงศธรเดินออกไป หญิงสาวระบายลมหายใจยาว เธอไม่ได้อยากปิดบังพงศธรเลย แต่เรื่องนี้คนยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งเป็นผลดีเท่านั้น พงศธรแค่มีหน้าที่ทำตามที่เธอบอกก็พอ

   “ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้” แม้ปากจะพูดขอโทษแต่ดวงตาของศรารัตน์ไม่ได้มีแววสำนึกอะไรเลย หญิงสาวมองนภัทรที่เริ่มบิดตัวไปมาเพราะความร้อนรุ่มภายในร่างกายจากฤทธิ์ของแมลงวันสเปน สีหน้าของคุณหมอหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ อย่างห้ามไม่อยู่ ศรารัตน์มองภาพเบื้องหน้าแววตาเรียบนิ่งแต่มุมปากกลับหยักยิ้มเล็กน้อยขณะล้วงเอากล้องวีดีโอออกมา

   จากนั้นกล้องวีดีโอที่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบHDได้ก็ถูกศรารัตน์กดตั้งอัดแล้วเอาไปซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้าใกล้ๆกับเตียงนอนหลังใหญ่ จากมุมนี้ทำให้กล้องสามารถบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเตียงได้อย่างชัดเจนรวมถึงสิ่งที่จะเกิดในอีกไม่นานนี้

   ศรารัตน์กอดอกมองผลงานทั้งหมดของตนด้วยแววตาพอใจแล้วจึงค่อยเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่สนใจปฎิกริยาของสองร่างบนเตียงที่เริ่มจะมีการเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น ยาปลุกเซ็กส์ภายในร่างของหมอกานต์คงเริ่มจะออกฤทธิ์แล้ว

   นภัทรรู้สึกตัวร้อนรุ่มอย่างประหลาดทั้งที่ชายหนุ่มแน่ใจว่าเขาไม่ได้เป็นไข้ คุณหมอหนุ่มกวาดแขนสะเปะสะปะไปรอบตัวก่อนสะดุดเมื่อพบว่ายังมีอีกร่างที่นอนทอดกายอยู่ข้างตน ดวงตาสีถ่านปรือขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ชายหนุ่มเอี้ยวหน้าไปมองคนข้างกายก็ได้คำตอบทันที ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนของวิศรุต แต่คำถามเกิดขึ้นมาท่ามกลางสติที่เริ่มลางเลือน แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

   นภัทรพยายามฝืนยันตัวขึ้นมาจากที่นอนหนาหนุ่มแต่ทว่ากลับทำได้ยากนัก เหมือนกับว่าตลอดทั้งร่างของเขากำลังสั่นระริกผิดปกติ คุณหมอหนุ่มสะบัดศีรษะเพื่อหวังจะไล่ความมึนงงให้หมดไป แต่เจ้าตัวก็เริ่มรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในร่างกาย ส่วนอ่อนไหวกึ่งกลางลำตัวของเขากำลังร้อนผ่าวและเริ่มแข็งขึง นภัทรหอบหายใจแรงแล้วกัดฟันแน่น สิ่งที่เขาควรทำอันดับแรกก็คือปลุกวิศรุตที่ยังนอนไม่ได้สติเสียก่อน

   “วิน ตื่นสิ วิน” เมื่อถูกปลุกอยู่สองสามครั้ง วิศรุตจึงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ ชายหนุ่มพลิกตัวเป็นนอนหงาย ดวงตาสีน้ำตาลโศกเผยอขึ้นจากอาการหลับสนิทเมื่อครู่ เมื่อนภัทรเห็นว่าคนตรงหน้ารู้สึกตัวแล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแตกพร่าเพราะเจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นอารมณ์รุนแรงภายในเอาไว้ “เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

   วิศรุตสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าตัวเองก็ไม่รู้เช่นกัน ชายหนุ่มพยายามใช้แขนดันตัวเองขึ้นนั่งแต่ทว่าก็ไม่สำเร็จเพราะฤทธิ์จากยานอนหลับที่ถูกผสมลงในไวน์ให้เขาดื่ม ดังนั้นร่างกายเขาจึงเสมือนคนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ วิศรุตส่งสายตาให้อีกฝ่ายช่วยดึงมือตนให้ลุกขึ้นซึ่งนภัทรก็ยื่นมืออกมาจับไว้ คุณหมอหนุ่มออกแรงดึงแต่ว่าตัวเองกลับเป็นฝ่ายเสียหลักล้มลงมาที่เตียงนอนหลังกว้างในสภาพที่กำลังคร่อมทับอยู่เหนือร่างของวิศรุตอย่างพอดิบพอดี

   “นาย...” ร่างข้างใต้อุทานเสียงแหบเมื่อเห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาในเพศรสของนภัทร ดวงตาสีถ่านบัดนี้กำลังถูกหลอมละลายไปด้วยเพลิงแห่งดำกฤษณาจากฤทธิ์ยาปลุกอารมณ์ทางเพศ

   ร่างกายของฝ่ายตรงข้ามที่ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทำให้วิศรุตเริ่มมึนงงอีกครั้ง ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงแก่นกายแข็งขึงร้อนผ่าวที่บดเบียดเสียดสีอยู่แถวหน้าท้องของตน ก่อนที่วิศรุตจะค่อยๆเอื้อมมือไปเกาะกุมส่วนกลางลำตัวของนภัทรอย่างรู้ดีว่าตอนนี้นภัทรต้องการการตอบสนองอย่างไร

   นภัทรตาปรือก่อนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจกับสัมผัสนั้น คุณหมอหนุ่มก้มลงขบเม้มริมฝีปากสวยได้รูปของวิศรุตอย่างรุนแรงก่อนที่มือหนาจะเริ่มทำงานของตนในทันที เพียงไม่นานนักทั้งคู่ต่างก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ยอมแพ้สิ้นต่อดำกฤษณาที่เข้าครอบงำอารมณ์ เหลือไว้แต่เพียงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและรุนแรงเท่านั้น...

   เมื่อศรารัตน์เข้ามาในห้องนอนอีกครั้งก็พบว่ากิจกรรมทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วรวมถึงแผนการของเธอด้วย คนที่เดินตามหลังศรารัตน์มาถึงกับจุดยิ้มริมฝีปากด้วยความสะใจกับภาพที่เห็น เบื้องหน้าเขาคือวิศรุต ทัดเทวาที่กำลังนอนทอดกายเกี่ยวกระหวัดกับผู้ชายอีกคนราวกลับต้องการจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฝ่ายนั้น ถ้าหากว่าคนอื่นได้เห็นแบบที่เขาเห็นนี่ล่ะก็ รับรองว่าวิศรุตได้สิ้นชื่อแน่

   ระหว่างที่ภาคินกำลังนึกสมเพชกับเรื่องราวตรงหน้า ศรารัตน์กลับเดินตรงเข้าไปหยิบกล้องวีดีโอที่ซ่อนเอาไว้ออกมา หญิงสาวเปิดเช็คเทปที่ตั้งอัดไว้เพื่อดูความเรียบร้อยของงาน ถัดจากนั้นจึงเอาแผ่นซีดีออกมาจากตัวกล้องแล้วใส่กล่องไว้ให้เรียบร้อย

   “ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำได้ถึงขนาดนี้ เป็นผู้หญิงที่ใจเด็ดจริงๆ” ศรารัตน์หันไปทางภาคินแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

   “กับคนที่ทำร้ายฉัน ฉันทำได้มากกว่านี้อีก” ภาคินไม่ได้เหลียวมองศรารัตน์แต่กลับหยุดสายตามองจ้องไปยังสองร่างบนเตียงด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมสะใจ ถ้าวิศรุตรู้ว่าเรื่องนี้น้องสาวตัวเองเป็นคนจัดฉากขึ้นมาละก็ ไอ้วินคงแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว

   “เตรียมตัวไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน ต้นเดือนหน้าทุกอย่างจะจบ” ภาคินแสยะยิ้มพร้อมกับยื่นมือไปรับกล่องซีดีที่ศรารัตน์ยื่นให้ ในใจก็คิด ไม่น่าเชื่อว่าความรักจะทำให้ผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่งยอมตกเป็นทาสความริษยาได้ถึงเพียงนี้ ผู้หญิงที่เขาเคยคิดมาตลอดว่าเธอฉลาด แต่ทว่าความฉลาดต่างก็มีจุดบอดทั้งสิ้น และจุดบอดเพียงหนึ่งเดียวของศรารัตน์ก็คือนายแพทย์นภัทร    อิสรีย์ ผู้ชายคนเดียวกับคนที่พี่ชายของเธอหลงรักนั่นแหล่ะ

   ศรารัตน์มองตามภาคินที่เดินออกจากห้องไปพร้อมกล่องซีดีในมือด้วยความรู้สึกหลากใจในการกระทำของตน ริมฝีปากของหญิงสาวแห้งผากเฉกเช่นเดียวกับดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น เธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากว่าภาคินได้คลิปนั้นไป รับรองได้ว่า ผู้ชายคนนั้นจะต้องไม่ปล่อยวิศรุตไว้แน่ นี่เธอทำถูกแล้วน่ะหรือ?

   หลังจากยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ในห้องนานสองนาน ศรารัตน์ก็ปลุกสติตัวเองให้หลุดจากภวังค์ความคิดอันสับสน มาถึงขนาดนี้เธอจะถอยไม่ได้อีกแล้ว หญิงสาวบอกตัวเองเช่นนั้นก่อนจะกดลบข้อมูลในกล้องวีดีโอที่อัดไว้ทั้งหมด เพียงเท่านี้หลักฐานก็ถูกทำลาย
จนหมดแล้ว

   “ต้นเดือนหน้าทุกอย่างก็จะ...จบ” ศรารัตน์เอ่ยแผ่วเบาแต่ประกายตาแรงกล้า


จบบทที่ 31

ปล1. ขอโทษที่เมื่อวานปล่อยให้หลายๆท่านต้องรอเก้อ เมื่อวานเรากลับถึงบ้านก็ดึกแล้วค่ะ เหนื่อยด้วย เลยไม่ได้อัพนิยายให้ ขอโทษที่ให้ต้องรอค่ะ แหะๆๆ

ปล2. ศรา....บางทีคนเราก็มีเหตุผลในการกระทำต่างกันไปนะ เหอๆ  :sad4:

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่32
«ตอบ #111 เมื่อ06-08-2012 12:58:06 »

บทที่ 32


   วิศรุตตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอาการเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว ชายหนุ่มหันไปมองคนข้างกายที่ยังนอนนิ่งอยู่ แม้ว่าจะมีสติไม่แจ่มใสเต็มที่แต่เขาก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน วิศรุตถอนหายใจกับสภาพเปลือยเปล่าของตนและอีกฝ่าย ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกจากเตียงไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

   หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อย เมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำก็พบว่านภัทรตื่นแล้ว คุณหมอหนุ่มตอนนี้กำลังนั่งเอน หลังพิงหัวเตียง ดวงตาสีถ่านมีแววไหวระริก

   “เมื่อคืนนี้...”

   “เรามีอะไรกัน”

   “ได้ยังไง?” คำถามสั้นๆของนภัทรแต่ก็ทำเอาเจ้าของห้องตอบไม่ถูกเช่นกัน ด้วยเพราะตัวเองก็ยังไม่รู้คำตอบที่แน่ชัด

   “เมื่อคืนนายคงเมามาก ขับรถกลับบ้านไม่ไหว ก็เลยคงจะต้องนอนค้างที่นี่ แต่ฉันไม่รู้ว่านายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เพราะเมื่อคืนฉันก็...เอ้อ เมามากเหมือนกัน” วิศรุตหยิบเสื้อคลุมในตู้เสื้อผ้าอีกตัวแล้วโยนให้นภัทร “นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยว ค่อยลงไปกินข้าวเช้าด้วยกัน” นภัทรรับเสื้อคลุมไว้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปตามที่อีกฝ่ายบอก

   วิศรุตค่อนข้างแน่ใจว่านภัทรเองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แต่คุณหมอหนุ่มก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาเช่นกัน วิศรุตระบายลมหายใจหนักหน่วงพลางคิดว่าคนที่จะตอบคำถามของเขาได้คงมีแต่ศรารัตน์เท่านั้น




   เมื่อวิศรุตกับนภัทรลงมาทานอาหารเช้ากลับไม่พบว่าศรารัตน์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วย วิศรุตถามแม่บ้านก็ได้ความว่าอีกฝ่ายทานเสร็จเรียบร้อยแล้วและสั่งไว้ว่าเธอจะนั่งทำงานอยู่บนห้อง ถ้าไม่จำเป็นก็ห้ามใครรบกวน

   วิศรุตเม้มปากนิ่งโดยไม่พูดอะไร หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นเจ้าบ้านก็เดินมาส่งแขกที่รถ

   “นายกำลังคิดอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า?” วิศรุตเอ่ยถามอีกฝ่ายตรงๆ มือหนาจับกรอบประตูรถของนภัทรเอาไว้

   “เรื่องเมื่อคืนน่ะเหรอ?” วิศรุตพยักหน้า “คิดสิ แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คงต้องรบกวนฝากนายไปหาคำตอบให้ที” นภัทรทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะก้าวเข้าสู่ตัวรถแล้วสตาร์ทขับออกไป ทิ้งให้วิศรุตยืนครุ่นคิดกับตัวเองคนเดียวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น




   เมื่อวิศรุตเข้ามาในห้องทำงานก็พบว่าผู้เป็นน้องสาวกำลังนั่งอ่านเอกสารรายงานผลประกอบการของบริษัททัดเทวาอยู่ ดวงหน้าของอีกฝ่ายฉายแววเคร่งเครียดกับตัวเลขบนเอกสารในมือแต่ก็คงไม่เคร่งเครียดเท่าใบหน้าของวิศรุตในตอนนี้

   “เธอทำแบบนั้นทำไมศรา?”

   “ทำอะไรล่ะ?” คนพูดวางมือละจากเอกสารกองโตแล้วหันมองผู้มาใหม่ด้วยสายตานิ่งสงบไม่สะทกสะท้านต่อคำกล่าวของอีกฝ่าย

“หรือว่าเรื่องเมื่อคืนนี้?”

   “ฉันต้องการคำอธิบาย”

   “ก็แค่เมื่อคืนหมอกานต์เมามาก ฉันก็เลยให้คุณพงษ์พาขึ้นไปพักบนห้อง...ของนาย ก็เท่านั้นแหล่ะ” ศรารัตน์ทอดเสียงอ้อยอิ่งตั้งใจยั่วให้วิศรุตโกรธแค่ทว่าวิศรุตยังคงนิ่งอยู่ได้

   “อย่ามาไขสือเลย เธอก็รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เธอจงใจ!!!” วิศรุตเค้นเสียงหนักประโยคสุดท้าย แต่ศรารัตน์ถามกลับ

   “มากกว่านั้นนี่คืออะไรล่ะ มีอะไรมากเกินไปกว่าการที่หมอกานต์นอนค้างคืนในห้องนายอีกเหรอ?” คำพูดสองแง่สองง่ามเริ่มทำให้วิศรุตหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มหรี่ตาลง

   “แล้วการที่เธอวางยานอนหลับฉัน แล้วก็ใช้ยาปลุกเซ็กส์กับนภัทร เธอหวังจะให้เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอศรารัตน์?” ศรารัตน์หันมาจ้องหน้าคนพูดแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็นที่ทำเอาวิศรุตถึงกับเสียวสันหลังวาบ

   “แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ช่วยสนองความต้องการให้นายไม่ใช่เหรอไง?” หญิงสาวเว้นช่วง “นายควรจะขอบคุณฉันถึงจะถูกนะวิน เพราะเรื่องนี้เราได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย นายพอใจส่วนฉันเองก็พอใจ”

   “ประโยชน์บ้าบออะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ เธอต้องการอะไรกันแน่ศรา ทำไมถึง...”

   “ตอนนี้ยังไม่เข้าใจก็ไม่แปลก แต่อีกไม่นานนายก็จะเข้าใจเองนั่นแหล่ะ เข้าใจแบบกระจ่างแจ้งชัดเจนเสียด้วย”





   “ดูท่าคงจะมีเรื่องพิเศษอะไรที่ทำให้แกอารมณ์ดีแต่เช้า” คำทักของผู้เป็นพ่อทำให้ภาคินที่กำลังเดินลงบันไดมายิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า ชายหนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงยังโซฟาข้างๆวันชัยแล้วพูด

   “ก็แค่ดีใจน่ะครับที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแบบที่เราวางเอาไว้”

   “แล้วเรื่องนั้นว่ายังไง เรียบร้อยดีไหม?” คนถูกถามรู้ดีว่าเรื่องนั้นคือเรื่องอะไร ภาคินยิ้มตอบบอกว่าถ้ายังไม่เรียบร้อยแล้วตนจะอารมณ์ดีอย่างนี้หรือ?

   “พ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ หลักฐานที่จะแฉเรื่องไอ้วินเป็นเกย์น่ะอยู่ในมือผมแล้ว” ใช่แล้ว ทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อยในอีกไม่ช้านี้ ถ้าหากว่าเขาแฉความลับของวิศรุตให้ทุกคนในบริษัทได้รู้ รับรองว่าไอ้วินไม่มีหน้าไปสู้กับใครได้แน่ ดีไม่ดีตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัททัดเทวาอาจจะต้องเปลี่ยนมือ ใครๆในวงการธุรกิจต่างก็รู้ทั้งนั้นว่าภาพลักษณ์ของผู้บริหารเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งผู้บริหารระดับสูงด้วยแล้ว ภาพลักษณ์นี้ย่อมส่งผลต่อบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

   “อีกอย่างที่พ่อห่วงก็คือเรื่องของเมริษา ผู้หญิงคนนั้นกำลังทรยศเรา” วันชัยพูดเสียงกระด้าง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ไว้วางใจเมริษาเท่าใดนักแม้ว่าเธอจะมีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้ก็ตาม แต่ภาคินกลับเชื่อใจเธอและรับรองว่าเมริษาไม่กล้าหักหลังพวกเขาแน่ แต่ในที่สุดเธอก็ทำ วันชัยอยากจะรู้นักว่าคนเป็นลูกจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

   “สำหรับคนที่หักหลังเรา ผมไม่ปล่อยไว้แน่” จากคำพูดของภาคินทำให้วันชัยรู้ว่าคนตรงหน้าจะไม่มีวันยอมให้ใครมาขวางทางความสำเร็จอย่างเด็ดขาด คนอย่างภาคินจะต้องไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดให้ได้แม้ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม คิดจะทำการใหญ่ มันต้องกล้าได้กล้าเสียแบบนี้แหล่ะถูกแล้ว วันชัยมองบุตรชายด้วยสายตาที่ฉายแววสบใจ




   ช่วงนี้วิศรุตใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการประชุมแผนการจัดงานครบรอบของบริษัทเพราะเหลืออีกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นก็ใกล้จะถึงวันงานแล้ว โชคดีที่พงศธรทำงานที่เขามอบหมายให้ได้อย่างดีเยี่ยม ในที่สุดโครงการบ้านจัดสรรที่เขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจกับมันก็สำเร็จจนได้ วิศรุตปลื้มใจลึกๆกับความสำเร็จนี้ หากว่าพ่อกับแม่ได้รู้ว่าลูกชายเพลย์บอยที่เคยไม่เอาไหนอย่างตน คนที่รู้จักแต่ใช้เงินราวกลับเบี้ยที่ไร้ค่า วันนี้กลับทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาได้ แถมยังเป็นผลงานที่จัดได้ว่า‘ดี’เกินความคาดหมายเลยทีเดียว พ่อกับแม่เขาคงภูมิใจน่าดู

   “สรุปว่าสคริปต์งานทั้งหมดก็คือในช่วงแรกจะเป็นการฉายสไลด์นำเสนอถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มบริษัททัดเทวา ต่อมาจะเป็นการแสดงผลงานของหลายๆโครงการที่ประสบความสำเร็จในรอบหลายปีมานี้ แล้วไฮไลท์จะอยู่ที่การเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุดของบริษัทเรา จากนั้นเราจะปิดท้ายด้วยเบื้องหลังผลงานความสำเร็จต่างๆ” วิศรุตทวนตารางงานทั้งหมดที่ถูกสรุปเรียบร้อยแล้วอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มชะงักเมื่อมีข้อเสนอเกิดขึ้นกลางวงที่ประชุม คนที่พูดก็คือหัวหน้าวิศวกรผู้รับผิดชอบโครงการ พงศธรนั่นเอง

   “โครงการใหม่นี้ยังไม่ได้ถูกตั้งชื่อเสียที ผมคิดว่าเราควรจะตั้งชื่อให้มันก่อนที่จะโปรโมตโครงการนี้กับสื่อนะครับ” เสียงส่วนมากในที่ประชุมเห็นตรงกับพงศธร วิศรุตนิ่งไปนานเพราะยังคิดไม่ออกว่าจะตั้งชื่อโครงการนี้ว่าอย่างไรดีทั้งๆที่เขาเองก็เป็นผู้รับผิดชอบโครงการโดยตรงแท้ๆ

   “เอาเถอะครับ แล้วผมจะกลับไปคิดเรื่องจะตั้งชื่อโครงการว่าอะไรอีกทีนึง ตอนนี้เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมขอคุยเรื่องการประชาสัมพันธ์โปรโมตก่อน” วิศรุตเปลี่ยนไปประชุมเรื่องอื่นก่อนเพื่อไม่ให้เสียเวลา ขืนให้มานั่งคิดชื่อตอนนี้ ต่อให้คิดทั้งบ่ายก็ยังคิดไม่ออกหรอก แถมจะพลอยเสียงานอื่นไปด้วย ชายหนุ่มสะดุดความคิดตัวเอง นี่เขาเริ่มทำงานเป็นระบบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งที่แต่ก่อนก็ทำแบบสุกเอาเผากินแท้ๆ

   การประชุมดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด กว่าเขาจะหารือและสั่งงานกับฝ่ายต่างๆเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเย็นพอดี ใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้ว วันนี้เขานัดกับภาณุไว้ว่าจะไปหาอะไรอร่อยๆทานกันเนื่องจากไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายมานานเพราะว่าช่วงนี้เขาติดเรื่องวุ่นๆหลายอย่างทั้งเรื่องงานและก็เรื่องส่วนตัว

   ชายหนุ่มส่งแฟ้มงานให้คุณอิงอรรับไปก่อนจะขยับเสื้อสูทราคาแพงของตนให้เข้าที่เตรียมจะลุกเดินออกจากห้องประชุม แต่ว่าศรารัตน์ที่นั่งอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะเรียกเอาไว้เสียก่อน

   “ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายหน่อยวิน” วิศรุตชะงักเท้า ชายหนุ่มหันไปบอกผู้เป็นเลขาให้ออกไปก่อนได้เลย เขาจะคุยกับน้องสาวตามลำพัง เมื่อศรารัตน์เห็นว่าในห้องประชุมเหลือเพียงแค่เธอและวิศรุตเท่านั้น หญิงสาวจึงเริ่มเปิดประเด็น “นายคิดว่าไงถ้าฉัน...จะแต่งงานกับหมอกานต์?”

   “อะไรนะ” วิศรุตทวนคำเสียงดัง มือที่ถือเอกสารอยู่ดูเหมือนจะอ่อนลงในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของศรารัตน์ “เธอว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มถามย้ำโดยหวังว่าที่ตนได้ยินเมื่อครู่คงจะหูฝาดไปเอง

   “ได้ยินไม่ผิดหรอก นายจะว่ายังไงถ้าฉันกับหมอกานต์ เราจะแต่งงานกัน?” วิศรุตอึ้งไปอีกรอบ ก่อนที่ริมฝีปากหยักโค้งได้รูปจะเอ่ยเสียงแผ่วจนอีกฝ่ายเกือบจะไม่ได้ยิน

   “แล้วกานต์ว่ายังไงบ้าง?”

   “ยังไม่ได้บอก แต่...จะให้นายไปบอก” ศรารัตน์ยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่จะกอดอกเเล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ บ่งบอกถึงอารมณ์ภายในใจ “ถ้าฉันบอกหมอกานต์แบบนี้ เขาจะต้องไม่ยอมแน่ แต่ถ้านายเป็นคนบอกมันก็ไม่แน่” วิศรุตแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ทำไมคนๆนั้นต้องเป็นเขาด้วย

   “เธออยากแต่งงานกับกานต์ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

   “มันก็เป็นทางเดียวที่จะรั้งเขาไว้ได้ แล้วมันก็เป็นทางเดียวที่จะแยกนายออกจากหมอกานต์อย่างเด็ดขาด” ศรารัตน์รู้ว่านภัทรคิดกับเธอแค่เพียงน้องสาวเท่านั้น คุณหมอหนุ่มไม่เคยคิดเกินเลยกับเธอแม้เพียงนิดเดียว ที่เธอทำแบบนี้ก็เพื่ออยากลองใจวิศรุตเท่านั้น แค่เพียงอยากดูว่าวิศรุตกล้าที่จะเสียสละนภัทร ผู้ชายที่ตัวเองรักที่สุดให้กับคนที่เรียกว่าน้องสาวอย่างเธอหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง ถ้าหากว่ามีการแต่งงานระหว่างเธอกับนภัทรเกิดขึ้นจริง นั่นมันก็คือสิ่งที่เธอหวังเอาไว้อยู่แล้ว การแต่งงานจะช่วยให้วิศรุตรามือจากนภัทรได้เร็วขึ้น เธอค่อนข้างแน่ใจว่าวิศรุตจะไม่ยอมใช้ผู้ชายคนเดียวกับเธออย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะหากว่าผู้ชายคนนั้นกลายเป็นสามีของเธอตามกฎหมาย แต่หากหญิงสาวคาดผิดไป เธอเองก็จะได้รู้ว่าวิศรุตเป็นพวกพูดอะไรแล้วเชื่อถือไม่ได้ บอกว่าจะปล่อยมือจากนภัทร สุดท้ายแล้วก็แต่งเรื่องมาโกหกเธอทั้งเพ!

   “แล้วถ้ากานต์ไม่ยอมล่ะ?” วิศรุตพูดด้วยเสียงแหบแห้งเต็มที

   “ถ้านายพูด ฉันรับรองว่าต้องสำเร็จแน่ อยู่ที่ว่านายจะยอมเอ่ยปากหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง” ศรารัตน์เปลี่ยนเป็นเสียงแข็งกระด้าง หญิงสาวหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่านภัทรจะรักเธอหรือไม่ ตอนนี้เธอรู้แต่เพียงว่าการได้นภัทรมาครอบครองจะทำให้เธอชนะคนตรงหน้าได้ แม้ว่าลึกๆในใจหญิงสาวก็อดจะขมขื่นไม่ได้เมื่อคิดว่าหัวใจของนภัทรเป็นของคนอื่นไปแล้ว สุดท้ายเธอก็แพ้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

   “เธอ...จะแต่งงานเมื่อไหร่?”

   “ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย” ศรารัตน์หมายความอย่างที่พูดจริงๆ




   เสียงกดออดหน้าบ้านทำให้นภัทรละมือจากนิตยสารการแพทย์ที่ตนอ่านอยู่ ชายหนุ่มบอกมารดาที่เดินออกมาจากในครัวว่าเดี๋ยวเขาจะออกไปดูเองว่าใครมา ไม่น่าจะเป็นพ่อเพราะว่าพ่อติดราชการที่ต่างจังหวัด นภัทรคิดในใจ

   เมื่อเห็นคนที่มากดออดหน้าบ้านก็ทำเอานภัทรอึ้งไปเล็กน้อย วิศรุตสบตาอีกฝ่ายด้วยความอึดอัดกับจุดประสงค์การมาของตน ดูเหมือนว่านภัทรจะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างในดวงตาสีน้ำตาลโศกคู่นั้น

   “เข้ามาก่อนสิ” เจ้าของบ้านเชิญ “แม่กำลังทำกับข้าวอยู่พอดี นายอยู่กินด้วยกันนะ” วิศรุตสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ชายหนุ่มบอกว่าเขาแค่จะมาพูดธุระแค่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เมื่อเห็นว่านภัทรนิ่งไป วิศรุตก็กลืนน้ำลายแล้วพยายามจะพูดแต่ว่าก็พูดไม่ออกเสียทีจนนภัทรต้องถามซ้ำ “ตกลงว่าเรื่องอะไรกันแน่วิน?” ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ คนตรงหน้าคงไม่ขับรถถ่อมาหาเขาที่บ้านแบบนี้หรอก

   “ฉันอยากให้นายช่วยบางอย่าง” เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความสงสัย วิศรุตก็พูดต่อจนจบ “แต่งงานกับศรา แล้วดูและเธอตลอดไปได้ไหม?” คราวนี้คุณหมอหนุ่มนิ่งไปนานจนวิศรุตเองก็หวั่นใจ ชายหนุ่มเห็นประกายตาที่แสดงถึงความเจ็บปวดในดวงตาสีถ่านนั้น เขารู้ว่านภัทรรู้สึกอย่างไรเพราะเขาเองก็ไม่ต่างจากอีกฝ่าย เจ็บปวดไม่ต่างกัน ทว่าคำตอบของ นภัทรคือ

   “ได้สิ” คำตอบง่ายๆสั้นๆนั้นเปรียบเหมือนมีดกรีดหัวใจของวิศรุตให้เกิดเป็นแผลได้อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ “ฉันเคยบอกนายแล้วใช่ไหมว่าฉันจะทำอย่างที่นายต้องการ” วิศรุตหลุบสายตาลงต่ำไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้านภัทร ชายหนุ่มกลัวว่า หากเขาเผลอมองสบตากับอีกฝ่ายเข้า กำแพงน้ำแข็งในใจที่ตัวเองสร้างเอาไว้จะต้องพังลงมาอย่างราบคาบแน่นอน

   “ฉันรู้ว่ามันอาจจะเป็นการฝืนใจนาย แต่ว่า...”

   “ถ้าคิดว่าการที่นายยอมเสียสละความรักของตัวเองเพื่อให้คุณศรามีความสุข ฉันก็อยากบอกให้นายรู้เหมือนกันว่า...ถ้าหากการเสียสละของฉันทำให้นายมีความสุข ฉันก็ยินดี” คำพูดของนภัทรเรียกให้น้ำใสๆรื้นขึ้นมาเต็มสองตาของวิศรุต ชาย หนุ่มขบริมฝีปากแน่นพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา แต่สุดท้ายน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาจนได้เมื่อได้ฟังคำพูดถัดมาของ คนตรงหน้า

“ถึงแม้ความเป็นจริงและกฏเกณฑ์ทางสังคมบางอย่างทำให้เราเดินไปด้วยกันไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าข้างในนี้” คนพูดเอามือข้างซ้ายที่สวมแหวนทองคำขาวสลักชื่อที่เขาเคยให้ฝ่ายนั้นเป็นของขวัญวันเกิดมาแตะที่เหนืออกข้างซ้ายของเขา “ใจของนายจะเป็นของฉัน เหมือนกับที่หัวใจฉันเป็นของนาย”

   นภัทรเลื่อนปลายนิ้วมาเช็ดคราบน้ำตาให้วิศรุต เขาไม่อยากเห็นฝ่ายนั้นร้องไห้เลย ทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของคนตรงหน้า   เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร้องไห้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่ควรทำก็คือการเงยหน้ายิ้มรับกับความเป็นจริงแม้ว่าข้างในจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

   “นายร้องไห้แล้วทำให้ฉันคิดถึงวิศรุต ทัดเทวาคนเดิมสมัยมัธยม” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองคนพูด “วิศรุต ทัดเทวาคนนั้นเป็นคนกระด้าง ร้ายกาจ เย่อหยิ่งเอามากๆ แถมยังชอบทำตัวแย่ๆอีก” เมื่อเห็นว่าเรียกความสนใจคนฟังได้ คุณหมอก็ใส่ต่อทันที

“นอกจากฐานะเหลือกินเหลือใช้และหน้าตาแล้ว เรียกว่าไม่มีดีอะไรเลย” ฟังไปเรื่อยๆวิศรุตก็เริ่มขมวดคิ้วย่น

   “นายหลอกด่าฉันหรือเปล่าเนี่ย?”

   “เพิ่งจะรู้ตัวหรอกเหรอ?” สิ้นคำพูดคุณหมอนภัทรก็หัวเราะร่วน ฝ่ายคนที่โดนหลอกด่าก็หน้าแดงก่ำจนถึงใบหู นภัทร ร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลยทีเดียว

   “มานี่เลยนะกานต์ มาให้ฉันอัดนายซะดีๆ” นภัทรไม่รอให้วิศรุตพูดจบ ชายหนุ่มรีบวิ่งหนีไปตั้งแต่ที่วิศรุตเริ่มพูดแล้ว ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องไล่ตามจัดการเขาอย่างแน่นอนที่ไปหลอกด่าอยู่ตั้งนานสองนาน คุณหมอหนุ่มวิ่งหนีพลางแหย่อีกฝ่ายไปด้วย บรรยากาศตึงเครียดและชวนหดหู่เมื่อครู่กลายเป็นการหยอกล้อสนุกสนานระหว่างชายหนุ่มสองคนเท่านั้น

   บางทีวิศรุตก็อยากหยุดเวลาเอาไว้แค่นี้ เวลาที่มีแต่เขาสองคน แต่ในเมื่อเขาเองก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เขาจะทำได้ก็คือการเก็บบรรจุความทรงจำนี้ซ่อนเอาไว้ลึกสุดของหัวใจให้นานเท่านาน เก็บเกี่ยวช่วงเวลาของความสุขที่เขาและนภัทรได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดจนกว่าวันนั้นจะมาถึง...วันที่นภัทรจะต้องกลายเป็นของคนอื่น


จบบทที่32

ปล. หลายคนเม้นท์บอกว่าหลังๆนี่มาม่าและบีบหัวใจสุดๆ ไอ้เราก็สงสัยว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ? อิอิ

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่33
«ตอบ #112 เมื่อ06-08-2012 13:01:47 »

บทที่ 33


   ศรารัตน์กำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น เมื่อครู่นี้คุณหมอกานต์เพิ่งโทรมานัดเธอให้ออกไปพบหลังเลิกงาน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่านภัทรต้องการเจอเธอด้วยเรื่องอะไร ต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ๆ เรื่องที่เธอมอบหมายให้วิศรุตไปจัดการ ศรารัตน์ถอนหายใจแรง มือก็ค่อยๆคลายสิ่งที่กำไว้ลง หญิงสาวเริ่มลังเลเพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วในใจเธอต้องการอะไรกันแน่ อยากจะแต่งงานกับนายแพทย์นภัทร อิสรีย์จริงๆหรือเพียงแค่อยากเอาชนะวิศรุต ทัดเทวาผู้เป็นพี่ชายเท่านั้น หรือบางทีอาจจะทั้งสองอย่าง

   สถานที่นัดพบระหว่างนภัทรและศรารัตน์ก็คือสวนสาธารณะใกล้ๆกับโรงพยาบาลนั่นเอง เมื่อศรารัตน์ไปถึงก็พบว่าคนที่ออกปากนัดได้มาถึงก่อนแล้ว หญิงสาวเดินเข้าไปหาร่างสูงที่กำลังยืนหันหลังให้ตนอยู่

   “หมอโทรนัดฉันออกมา มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง นภัทรจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

   “คุณศราก็คงน่าจะทราบดีว่าเรื่องอะไร” ศรารัตน์นิ่งไปแต่แววตากลับทอแสงกล้า “ผมอยากจะมาพูดเรื่อง...ของเรา”

   “หมอไม่อยากแต่งงานกับฉันใช่ไหมคะ?” คนถามจี้ตรงจุดอย่างพอดิบพอดีและไม่อ้อมค้อม ศรารัตน์รู้ความจริงข้อนี้อยู่เต็มอกตลอดมา รู้มาตลอดว่าคนที่อยู่ในใจของผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่เธอและก็คงไม่มีวันจะเป็นด้วย แต่บางครั้งเธอก็ยังอยากมีความหวัง

   “ที่ผมนัดคุณศรามาก็เพียงเพราะอยากจะถาม” นภัทรไม่ตอบคำถามของศรารัตน์แต่กลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง “ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว คุณจะมีความสุขจริงๆเหรอครับ?” คุณหมอหนุ่มมองจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยที่เหมือนกับ ดวงตาของใครอีกคนราวกับต้องการจะอ่านความจริงภายใต้ดวงตาคู่นั้นให้ทะลุปรุโปร่ง “ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว คุณจะยอมรับตัวตนแท้จริงแบบที่ผมเป็นได้จริงๆน่ะเหรอครับ?”

   ศรารัตน์เงยหน้าสบตาสีถ่านของอีกฝ่าย หญิงสาวเข้าใจความหมายของถ้อยคำสองประโยคนั้นดีโดยไม่ต้องเสียเวลาตีความให้มากมาย “แล้วถ้าคุณหมอเลือกที่จะคบกับวินต่อไป ฉันว่าคนอื่นๆไม่แน่ก็อาจจะรับตัวตนแบบที่คุณหมอเป็นไม่ได้เหมือนกัน” ผู้หญิงฉลาดอย่างศรารัตน์รู้จักการเอาจุดบอดมาบีบให้อีกฝ่ายจนมุมเสมอ แต่ครั้งนี้เธอเองก็คาดไม่ถึงกับคำตอบที่ได้รับกลับมา

   “สังคมอาจจะขีดกรอบกฎเกณฑ์เอาไว้มากมาย แต่จำเป็นด้วยเหรอครับที่ความรักจะเกิดขึ้นแต่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายเท่านั้น คนทั่วไปหรือแม้แต่คุณศราเองอาจจะมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับวินเป็นเรื่องที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าผมเลือกที่จะรักใครสักคน กฏเกณฑ์ทุกอย่างก็ไม่มีความหมาย”

   “แต่คุณเป็นหมอนะคะ หมอเป็นอาชีพที่ได้รับการศรัทธา ความเชื่อมั่นและการยกย่องเชิดชูการสังคมทั่วไป หากว่าคนอื่นรู้เรื่องนี้มันจะไม่ดี...”

   “คุณศราก็เลยคิดหาทางออกให้ผมเรียบร้อยแล้วสินะครับ” คำพูดกึ่งประชดของคุณหมอหนุ่มทำเอาศรารัตน์ถึงกับสะอึก หญิงสาวไม่ปฏิเสธเพราะส่วนหนึ่งมันก็คือความจริง ร่างบางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนแย้มยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ย

   “ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันรับได้เรื่องตัวตนที่แท้จริงของคุณหมอและฉันเองก็คงจะมีความสุขมากหากว่าเราสองคนได้แต่งงานกันจริงๆ แม้ว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ความสุขจอมปลอมก็ตาม” ศรารัตน์เว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วพูดต่อด้วยเสียงเรียบเรื่อยไม่บ่งบอกอารมณ์ในใจ “เชื่อเถอะค่ะว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสามคนแล้ว”

   นภัทรฝืนยิ้มแห้งแล้งกับคำพูดนั้น ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสามคนจริงน่ะหรือ? มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเขาและศรารัตน์ แต่สำหรับวิศรุตแล้วมันกลับคือทางตันต่างหาก! แม้จะเคยบอกว่าตัวเองยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อให้วิศรุตมีความสุข แต่พอถึงเวลาจริงๆนภัทรกลับอยากจะยกเลิกคำพูดทุกอย่างเสียอย่างนั้น เขาไม่ได้อยากแต่งงานกับศรารัตน์เลย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกไม่ได้ เขาไม่กล้าที่จะทรยศต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ชายของคนตรงหน้า

   “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องไปเตรียมตัดชุดเจ้าบ่าวแล้วสินะครับ” ศรารัตน์หันหลังให้คู่สนทนาเพื่อซ่อนสีหน้าไม่ให้อีกฝ่ายเห็นจากนั้นจึงเอ่ยช้าๆแต่ว่าหนักแน่น

   “เราจะแต่งงานกันทันทีหลังจากผ่านงานเลี้ยงครบรอบบริษัททัดเทวาไปแล้ว เอ้อ เชิญคุณหมอมาร่วมงานเลี้ยงด้วยนะคะ” ปลายเสียงแผ่วไปเพราะศรารัตน์ต้องพยายามกลั้นก้อนแข็งๆลงคออย่างยากลำบากพร้อมกับน้ำใสที่ไหลรินออกมาจาก ดวงตาคู่งามเรื่อยๆ ตอนนี้เธอควรจะมีความสุขจากการที่ได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก แต่ทำไมเธอถึงร้องไห้ออกมาแบบนี้ ทำไม...

   นภัทรมองแผ่นหลังบอบบางของศรารัตน์ที่ค่อยๆเดินห่างออกไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่าง คำถามในใจเริ่มชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ แบบนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดจริงน่ะเหรอ? จนบัดนี้เขาก็ยังมองไม่เป็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์อยู่ดี





   เมื่อนภัทรกลับมาถึงห้องทำงานที่โรงพยาบาลก็พบว่าพงศธรมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว คุณหมอหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามเพราะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพงศธรมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร

   “ฉันได้ข่าวมาว่าแกจะแต่งงานกับคุณศรา” เรื่องนี้พงศธรได้ยินมาโดยบังเอิญจากเลขาหน้าห้องของศรารัตน์ “เป็นความจริงหรือวะไอ้กานต์?” อาการนิ่งเงียบของนภัทรยืนยันคำพูดของเขาได้เป็นอย่างดี พงศธรชะงักไปในขณะที่ประสานสายตากับคู่สนทนาตรงหน้า

   “แล้วแกคิดว่ายังไงล่ะไอ้โอม ฉันควรจะแต่งงานกับคุณศราหรือเปล่า?” ประโยคสุดท้ายทำให้ไหล่ของคนที่ถูกถามสะท้านไปเล็กน้อยแต่ชายหนุ่มก็ควบคุมตัวเองได้ดีพอสมควรขณะที่เอ่ยตอบออกไป

   “ก็ดีแล้วนี่นา คุณศราเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและน่ารัก ที่สำคัญคือเธอเองก็รักแกมาก อย่าทำให้เธอผิดหวังเลยนะ” พงศธรเสียงแผ่วกับประโยคสุดท้าย ชายหนุ่มฝืนยิ้มให้กับเพื่อนรักก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “แกกับคุณศราเหมาะสมกับจะตายไป”

   “แทบทุกคนพูดว่าฉันกับคุณศราเป็นคู่ที่เหมาะสม แต่บางทีเรื่องของความรัก...ความเหมาะสมเพียงอย่างเดียวมันไม่ได้ช่วยให้คนสองคนมีความสุขหรอกไอ้พงษ์”

“แล้วแบบไหนที่แกคิดว่าจะมีความสุขล่ะ วินอย่างนั้นเหรอ?” ชื่อของวิศรุตทำให้นภัทรต้องบิดริมฝีปากยิ้มอย่างขมขื่น     

“โลกความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่แกคิดหรอกไอ้กานต์ ถ้าแกไม่ได้แต่งงานกับคุณศรา สักวันหนึ่งแกก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ดีนั่นแหล่ะ ยังไงเมื่อถึงที่สุดแกก็ต้องยอมรับว่าเรื่องความสัมพันธ์ของแกกับวินมันคงเป็นไปไม่ได้”
นภัทรได้ยินคำพูดแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมเขายังคงต้องพยายามยื้อความรักที่ผิดธรรมชาติแบบนี้เอาไว้อีก คำตอบคงเป็นเพราะว่าเขาคงจะรักวิศรุตมาก เพราะรักมากจนถึงขนาดยอมมองข้ามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ทางสังคมไป

 พงศธรเข้าใจความรู้สึกของนภัทรดี ชายหนุ่มเองก็รู้สึกแย่เช่นกันที่จะต้องบอกเรื่องนี้กับนภัทรตรงๆ เขาไม่อยากให้เพื่อนรักต้องหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว นภัทรควรตื่นจากฝันเสียที

   “ถ้าฉันแต่งงานกับคุณศราก็เท่ากับว่าฉันกำลังทำร้ายเพื่อนรักของตัวเอง ซึ่งฉันไม่ได้อยากทำเลยซักนิด”

   “ไอ้กานต์...”

   “ฉันรู้มาตั้งแต่แรกว่าแกเองก็รักคุณศราเหมือนกัน เพราะความที่รักมาก แกก็เลยยอมช่วยเขาเพื่อวางแผนมอมยาฉัน”

   “แกรู้...” นภัทรมองพงศธรที่หน้าเสียไปกับสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อครู่ หลังจากที่เกิดเรื่องคืนนั้น คุณหมอก็กลับมาคิดทบทวนหลายครั้ง วิศรุตไม่น่าจะทำแบบนั้นกับเขาได้เพราะอีกฝ่ายก็มีสภาพไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลยสักนิด ก็เหลือแต่เพียงศรารัตน์กับพงศธร และเขาก็มั่นใจว่าศรารัตน์เพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้แน่ถ้าหากว่าพงศธรไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วย แต่ปัญหาสำคัญที่เขายังแก้ไม่ตกก็คือ ศรารัตน์ทำไปเพราะอะไร

   “อย่าโกหกฉันเลยไอ้พงษ์ แกอย่าลืมสิว่าฉันเป็นหมอนะ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโดนยาปลุกเซ็กส์”

   “ไอ้กานต์ ฉัน...ฉันขอโทษ” คำขอโทษแหบพร่าที่ออกจากปากคู่สนทนาไม่ได้ทำให้สีหน้าของคุณหมอหนุ่มคลายลง ที่เขาต้องการจากพงศธรไม่ใช่แค่คำขอโทษ แต่เขาอยากจะรู้จุดประสงค์การกระทำของอีกฝ่ายด้วย

   “ถ้าอย่างนั้นบอกฉันได้หรือเปล่าว่าคุณศราวางแผนอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องทำอย่างนั้นกับฉันแล้วก็วินด้วย?”

   “นายอย่ามาถามฉันเลย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรนอกจากนี้อีกแล้ว เอ้อ ขอตัวก่อนนะพอดีฉันนัดลูกค้าเอาไว้” พงศธรรีบขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มไม่สามารถทนอยู่เผชิญหน้าและตอบคำถามของนภัทรได้อีกต่อไปเพราะความรู้สึกผิดในใจมันมากมายเหลือเกิน

   “แกไม่รู้เรื่องจริงๆหรือว่าไม่บอกฉันกันแน่ไอ้พงษ์” นภัทรรำพึงกับตัวเองเบาๆเมื่อพงศธรออกจากห้องไปแล้ว




   วันนี้ภาณุว่างก็เลยแวะมาเยี่ยมวิศรุตที่บริษัททัดเทวา แต่อิงอรที่เป็นเลขาก็แจ้งว่าวิศรุตกำลังเข้าประชุมสำคัญครั้งสุดท้ายกับพวกกรรมการเรื่องการจัดงานเลี้ยงครบรอบบริษัทและไม่รู้ว่าจะประชุมเสร็จกี่โมง ภาณุยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะพบว่านี่ก็เลยเวลาเลิกงานมานานพอสมควรแล้ว ไม่รู้ว่าอีกนานไหมกว่าวิศรุตจะประชุมเสร็จ ชายหนุ่มลังเลใจว่าจะอยู่รอจนเพื่อนรักประชุมเสร็จดีหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่รอด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าเขาเกลียดการรอคอยเป็นที่สุด

   “เอาเป็นว่าถ้าวินประชุมเสร็จเมื่อไหร่ให้โทรหาผมด้วยละกันนะครับ” เมื่อฝากข้อความไว้กับคุณอิงอรเรียบร้อยแล้ว ภาณุก็ตัดสินใจกลับไปก่อนทั้งที่เดิมตั้งใจจะมาชวนวิศรุตไปกินข้าวเย็นด้วยกันแท้ๆ

   เมื่อภาณุไปเอารถที่จอดไว้ยังอาคารจอดรถของบริษัท ชายหนุ่มบังเอิญได้เจอกับเมริษาที่กำลังยืนกอดอกพิงฝากระโปรงรถอยู่ด้วยท่าทางที่ออกจะหัวเสียไม่น้อย

   “อ้าวคุณ มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย?” ภาณุเลื่อนกระจกรถลงแล้วชะโงกหน้าออกมาทัก “หรือว่ามาดักรอผม?”

   “ไอ้บ้า ใครมาดักรอคุณไม่ทราบ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย รถฉันเสียต่างหาก” เมริษาตอบกลับมาด้วยเสียงขุ่นมัว แค่ลำพังรถเจ้ากรรมเธอมาพยศเอาเสียดื้อๆก็แย่พออยู่แล้ว นี่ยังจะเพิ่มผู้ชายปากดีมายั่วโมโหเธออีก

   “อ่าวเหรอ ผมนึกว่าคุณอยากเจอหน้าผมจนต้องมาจอดรถดักรอเสียอีก” ภาณุหัวเราะขำก่อนจอดรถเอาไว้ริมด้านหนึ่งแล้วเปิดประตูลงไปช่วยดูอาการรถยนต์ของเมริษา

   “ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จู่ๆมันก็สตาร์ทไม่ติด ทั้งที่เดือนก่อนเพิ่งเอาไปเช็คสภาพมาแท้ๆ” เมริษาพูดเมื่อภาณุรับอาสาจะช่วยดูเครื่องยนต์ให้ “ตกลงว่าคุณพอรู้หรือเปล่าว่ารถฉันเป็นอะไร ทำไมถึงเสีย?”

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ภาณุพูดหลังจากเปิดกระโปรงหน้ารถแล้วลองขยับเครื่องยนต์อยู่สักพักก่อนจะต้องยอมแพ้เพราะตัวเขาเองก็มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์แค่งูๆปลาๆเท่านั้น จึงหาสาเหตุไม่ได้เช่นกันว่าทำไมรถเธอถึงสตาร์ทไม่ติด “เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณไปกับผม เดี๋ยวผมไปส่งที่คอนโดเอง ส่วนรถก็ทิ้งไว้ที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเรียกช่างเข้ามาดู”

“โธ่เอ๊ย วางท่าซะดูดี นึกว่าจะซ่อมได้เสียอีก” เมริษาถอนหายใจแรง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนกลับเป็นบึ้งตึงอีกครั้ง

“เอาเถอะหน่า เกิดผมหลับหูหลับตาซ่อมผิดซ่อมถูก รถคุณพังผมไม่รับผิดชอบด้วยนะ มาเถอะ ผมไปส่งคุณไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก” พูดจบภาณุก็ถือโอกาสลากแขนเมริษาให้ไปขึ้นรถเขาทันที หญิงสาวพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของมือใหญ่แต่ทว่าภาณุไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“นี่ปล่อยฉันนะ ฉันเดินเองได้” คราวนี้ภาณุยอมปล่อยแต่โดยดี เมริษาหันมาจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาวาววับก่อนจะสะบัดหน้าพรืดขึ้นไปนั่งรอบนรถ ภาณุอมยิ้มขำกับท่าทางโมโหของหญิงสาวก่อนจะอ้อมไปยังฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถขับออกไป

ระหว่างทางกลับคอนโด เสียงท้องร้องของเมริษาดังขึ้นทำลายความเงียบภายในรถ ภาณุหันมองหญิงสาวเพราะรู้สึกว่าเสียงนี้ดังมาจากข้างตัวของเขาเอง เมริษาหลุบตาลงด้วยความกระดากอาย เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่บ่าย ตอนนี้ท้องเจ้ากรรมของเธอกลับมาทำขายหน้าต่อหน้าภาณุเสียอีก ภาณุจุดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเสนอว่าให้หาอะไรทานก่อนกลับคอนโดเพราะกลัวว่าเสียงท้องร้องของเมริษาจะดังไปมากกว่านี้

   “ผมว่าเราแวะหาไรทานแถวนี้ก่อนเถอะ ดูเหมือนท้องของคุณเริ่มจะออกอาการประท้วงแล้ว” เมริษาพยักหน้าหงึกๆ เธอเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เธอหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว

   ร้านอาหารที่ภาณุจอดแวะไม่ใช่ร้านอาหารหรูหราราคาแพงตามโรงแรม แต่เป็นเพิงขายบะหมี่ริมถนนข้างทางเท่านั้น ภาณุเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะทานอาหารข้างถนนแบบนี้ได้หรือเปล่า

   “คุณทานได้ไหม? ถ้าไม่ได้ก็ทนหิวอีกหน่อยเพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหารดีๆเลย”

   “ไม่เป็นไร ฉันทานได้” เมริษาเปิดประตูนำลงไปก่อนจึงตามด้วยภาณุ หญิงสาวเลือกนั่งโต๊ะริมสุดติดถนน เมื่อทั้งคู่นั่งลงเรียบร้อยแล้วเมริษาจึงเริ่มสั่งทันที ดูจากรายการอาหารที่หญิงสาวสั่ง ภาณุก็คิดว่าเธอคงจะหิวมากจริงๆถึงได้สั่งมาเยอะขนาดนั้น และเพียงไม่นานชามบะหมี่ที่สั่งก็ถูกยกมาตั้งจนเต็มโต๊ะ

   “นี่คุณไปตายอดตายอยากที่ไหนมาเนี่ย? สั่งอย่างกับว่าจะกินเผื่อไปจนถึงเย็นวันพรุ่งนี้” ภาณุกวาดตามองบะหมี่น้ำ ชามโต ไม่น่าเชื่อว่าเมริษาจะกินได้หมดทั้งๆที่เธอก็ดูรูปร่างบอบบางกระเพาะเล็กแท้ๆ

   “เถอะหน่า กินหมดก็แล้วกัน” และหญิงสาวก็ทำได้อย่างที่พูดไว้จริงๆ ภาณุได้แต่มองภาพนั้นด้วยความทึ่ง

   “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณจะกินอาหารแบบนี้ได้ คุณออกจะดูเป็นพวกคุณหนูไฮโซแท้ๆ” เมริษาชะงักไปกับคำพูดนั้น มือที่กำลังถือแก้วน้ำอยู่ก็วางลง

   “ก็แค่เคยเป็น แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ฉันก็ต้องทำใจยอมรับสภาพตัวเองให้ได้ก็เท่านั้น” ภาณุเงียบไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปจี้จุดปมในใจของคนตรงหน้าเข้าพอดี เขาเคยให้ลูกน้องไปสืบประวัติเมริษาจึงได้รู้ว่าตอนนี้ฐานะทางบ้านของเธอกำลังอยู่ให้ขั้นเกือบจะล้มละลาย จากคุณหนูกลายเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น เมริษาคงจะอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากพอสมควร

   “ผมขอโทษ”

   “ช่างมันเถอะ ฉันอิ่มแล้ว เรียกคนขายมาเก็บเงินแล้วเราไปกันดีกว่า” เมริษาสะพายกระเป๋าขึ้นไหล่เตรียมจะลุกออกจากโต๊ะ แต่ว่ากลับมีเสียงเล็กๆดังขึ้นข้างโต๊ะที่เธอและภาณุนั่งอยู่

   “พี่คะช่วยหนูซื้อทองม้วนหน่อยนะคะ หนูจะหาเงินไปเรียนหนังสือ” เด็กหญิงหน้าตามอมแมมคนหนึ่งยื่นถุงขนมทองม้วนมาตรงหน้าเมริษา หญิงสาวยิ้มบางๆก่อนจะช่วยซื้อไว้หนึ่งถุง เธอยื่นแบงค์ร้อยให้เด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วบอกว่าไม่ต้องทอนเงิน สร้างความดีใจให้กับเด็กคนนั้นเป็นอย่างมากถึงขนาดพูดขอบคุณเธออยู่หลายครั้งทีเดียว

   “คุณชอบกินทองม้วนเหรอ?” ภาณุถามขึ้นหลังจากจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวและขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว “ผมเห็นคุณให้เงินเด็กนั่นไปตั้งเยอะ เกินราคาขนมเสียอีก”

   “ก็ไม่ได้ชอบกินหรอก ถือว่าซื้อมาเพื่อช่วยเป็นค่าเรียนของเด็กมันน่ะ คุณชอบกินหรือเปล่า? ถ้าชอบฉันจะยกให้”      เมริษายื่นถุงขนมให้ภาณุที่รับไปอย่างเก้อๆ ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวข้างตัวด้วยความรู้สึกที่แปลกไปจากเดิม อย่างน้อยเธอก็มีส่วนดีบ้าง ไม่ได้แย่ไปเสียหมดอย่างที่เขาเคยเข้าใจ ภาณุยิ้มบางๆกับความคิดตัวเองก่อนจะออกรถเพื่อไปส่งอีกฝ่ายที่คอนโดซึ่งไม่ได้อยู่ไกลจากตรงนั้นมากนัก

   ภาณุมาส่งเมริษาถึงหน้าห้อง แม้ว่าหญิงสาวจะบอกว่าไม่จำเป็นแต่ชายหนุ่มก็ดึงดันโดยอ้างเหตุผลว่าถ้าจะส่งก็ต้องส่งให้ถึงที่เลย ซึ่งเมริษาก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงให้มากความจึงต้องยอมในที่สุด

   “ถามจริงๆนะ คุณมาทำดีกับฉันเพื่อเหตุผลอะไรหรือเปล่า?”

   “ผมทำผิดกับคุณไว้มาก ก็เลยอยากจะขอโทษ” เมริษาเริ่มหน้าตึงเมื่อคิดว่าที่ภาณุมาทำดีด้วยก็เพราะต้องการขอโทษเรื่องที่ล่วงเกินเธอในคืนนั้น

   “ถ้าเป็นเรื่องคืนนั้นละก็ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น” ภาณุทำท่าจะเอ่ยแต่ว่าถูกอีกฝ่ายตัดบท “ขอบคุณมากที่มาส่ง ขอตัวก่อนนะคะ” เมริษาหมุนตัวจะเดินเข้าไปในห้องแต่ว่ามือบางกลับถูกอีกฝ่ายยึดเอาไว้ หญิงสาวปรายตาไปยังมือของภาณุที่จับอยู่แต่ชายหนุ่มไม่ยี่หระ

   “ผมรู้ว่าคุณโกรธผมมาก ให้ผมได้มีโอกาสชดเชยในสิ่งที่ผมทำพลาดไปด้วยเถอะนะครับ ผมอยากให้เราทั้งคู่ลองเปิดโอกาสทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ เผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น” สายตากึ่งเว้าวอนของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เมริษาเม้มริมฝีปากแน่น เธอชักจะใจอ่อนกับแววตาแบบนี้เสียแล้วแต่ปากก็มักจะไวเท่าความคิดเสมอ

   “เรากลับไปมึนตึงเย็นชาต่อกันแบบเมื่อก่อนนะดีแล้ว ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่คุณพูด...ไม่กลัวว่าฉันจะอ่อยคุณหรือยังไง? คุณยิ่งชอบหาว่าฉันเป็นพวกผู้หญิงหน้าเงิน อยากจะจับผู้ชายรวยๆอยู่ด้วย”

   “คราวนี้ผมจะยืนนิ่งยอมให้คุณจับแต่โดยดี” คำพูดแฝงนัยนั้นทำให้เมริษาหน้าแดงวูบ หญิงสาวมองภาณุที่อมยิ้มเล็กๆอยู่ด้วยประกายตาที่แสดงถึงความเขินอายที่น้อยคนนักจะได้เห็น

   “กลับไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน” หญิงสาวเสพูดตัดบท ขืนอยู่เผชิญหน้านานกว่านี้ รับรองว่าเธอต้องถูกผู้ชายตรงหน้าต้อนจนมุมอย่างแน่นอน เมริษาจึงเดินเข้าไปในห้อง ตั้งใจว่าจะปิดประตูตามทันทีแต่ทว่าภาณุกลับใช้มือยันเอาไว้ได้ เมริษามองหน้าชายหนุ่มเป็นคำถามว่ายังมีเรื่องอะไรจะพูดอีก

   “พรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงครบรอบบริษัททัดเทวา คุณแต่งตัวสวยๆนะ แล้วผมจะมารับไปงานด้วยกัน” พูดจบภาณุก็ผละไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ เมริษาได้แต่มองตามหลังชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มเล็กๆ รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก




   “วิน” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้วิศรุตหันไปมอง นภัทรนั่นเอง “ทำไมไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะ?” คุณหมอหนุ่มถามเมื่อสังเกตเห็นว่าวิศรุตคงมายืนตากน้ำค้างรอเขาที่หน้าบ้านนานแล้ว วันนี้เขาออกเวรช้าจึงกลับบ้านดึกกว่าทุกวัน

   “ไม่เป็นไรหรอก ฉันมาไม่นานก็จะกลับแล้ว” วิศรุตยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย “แค่คิดถึงนาย ก็เลยแวะมาหาน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน” ชายหนุ่มรู้ดีว่าเหลือเวลาอีกไม่นานก่อนที่นภัทรจะต้องแต่งงานกับศรารัตน์ เขาอยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายนี้กับ นภัทรให้มีความสุขที่สุด เพราะหลังจากงานเลี้ยงครบรอบบริษัทเสร็จสิ้นลง งานต่อไปก็คืองานแต่งงานระหว่างน้องสาวเขากับชายหนุ่มตรงหน้า

   “นายเป็นยังไงบ้าง? ช่วงนี้คงวุ่นวายน่าดูเพราะว่าพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงครบรอบบริษัทแล้ว” นภัทรเอื้อมมือไปไล้ใบหน้าหล่อคมของวิศรุตอย่างแผ่วเบา หมู่นี้วิศรุตดูซูบไปกว่าเดิม คุณหมอหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามสันจมูกโด่งเรื่อยไปยังแก้มที่ตอบลงเล็กน้อยด้วยเพราะเจ้าตัวอาจจะโหมงานหนัก “นายต้องดูแลตัวเองบ้างนะวิน ต้องทานข้าวให้เป็นเวลา นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็อย่าคิดมากด้วยไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม” วิศรุตยิ้มรับคำพูดนั้นพร้อมน้ำที่เริ่มคลอเอ่อเต็มสองตาอีกครั้งหนึ่งด้วย ความตื้นตันใจ   

   “ขอบคุณนะกานต์” วิศรุตพูดพร้อมกับการเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น ซึ่งนภัทรเองก็กอดตอบด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน

   “ให้ฉันได้ทำอะไรเพื่อนายบ้างเถอะวิน ให้ฉัน...ได้ตอบแทนความรักของนายบ้าง”

   “แค่นายสัญญาว่าจะดูแลศราให้ดี ฉันก็ถือว่านายตอบแทนความรักของฉันแล้ว” วิศรุตยิ้มบางๆกับคำพูดของตัวเอง วันนี้เขาไม่มีข้อกังขาอะไรอีกแล้วกับเรื่องที่ว่านภัทรรู้สึกยังไงกับเขา แค่นภัทรบอกว่ารักเขา เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เท่านี้จริงๆที่เขาต้องการจะได้ยินจากอีกฝ่าย

   “ถึงแม้ในความเป็นจริงเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่สำหรับฉัน...นายจะอยู่ในนี้เสมอ” นภัทรยกมือวิศรุตไปแนบตรงหน้าอกด้านซ้าย ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจคนตรงหน้าได้อย่างชัดเจน วิศรุตรู้ดีว่านภัทรไม่ได้โกหก

   “ถ้านายบอกฉันอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อตอนเรียนม.ปลาย ฉันก็คงมีความสุขมาก” เมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มชะงักไป วิศรุตจึงพูดต่อ “แต่นายก็เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้”

   “ขอโทษที่ฉันรู้ใจตัวเองช้าไป ขอโทษ...” วิศรุตใช้มือทาบทับริมฝีปากของนภัทรเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเอ่ยคำใดออกมา

   “ฉันไม่ได้โกรธนายหรอก ดีใจมากกว่า เพราะถ้านายบอกรักฉันตั้งแต่วันนั้น ฉันก็คงจะมีความสุข แต่ก็คงจะไม่เท่าวันนี้ วันที่เราสองคนผ่านเรื่องราวต่างๆมาด้วยกัน...วันที่ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ยินคำบอกว่ารักจากปากของนาย” นภัทรสบตาชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกเต็มตื้นจนบรรยายไม่ถูก เขาไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วจะต้องมารักคนที่ตัวเองเคยเกลียดแสนเกลียดอย่างวิศรุตได้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเจอเรื่องที่น่าหนักใจอะไรแบบนี้ แต่ถ้าไม่มีเรื่องนี้ ไม่มีเรื่องของศรารัตน์ให้ปวดหัว เขาเองก็คงจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองรักคนตรงหน้ามากมายขนาดไหน แต่ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้รู้เสียที...เขารักวิศรุต ทัดเทวามากเหลือเกิน



จบบทที่33

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่34
«ตอบ #113 เมื่อ06-08-2012 13:06:14 »

บทที่ 34


   ศรารัตน์มองภาพสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกเงาบานโตในห้องนอน หญิงสาวกำลังอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสีชมพูหวานที่ยาวกรอมข้อเท้า บนชุดมีคริสตัลปักเป็นลวดลายงดงามเข้าชุดกับเครื่องประดับราคาแพง ยิ่งขับเน้นให้บุคคลที่สวมใส่ดูอ่อนหวานและน่าทะนุถนอมขึ้นไปอีก ศรารัตน์สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกก่อนจะยิ้มบางๆแต่แววตาเจือไว้ด้วยความเศร้า

   “วันนี้แล้วสินะที่เรื่องทุกอย่างจะต้อง...จบ” หญิงสาวรำพึงกับตัวเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เธอเคยหวนกลับไปคิดอยู่หลายครั้งว่าที่เธอกำลังทำอยู่นี้มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วน่ะหรือ? แต่สุดท้ายแล้วคำตอบที่เธอได้กลับมาทุกครั้งก็คือ ใครที่มันทำร้ายเธอ เธอก็จะทำร้ายมันให้พินาศย่อยยับไปเช่นกัน




   เมื่อแต่งตัวเสร็จ ศรารัตน์ก็เข้ามาในห้องพระ หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่หน้ารูปถ่ายขนาดเท่าตัวจริงของบิดาและมารดาที่แขวนไว้บนผนังตรงข้ามกับแท่นบูชาพระพุทธรูป เธอสบตากับบิดามารดาที่อยู่ในภาพถ่ายด้วยอาการนิ่งเนิ่นนานก่อนจะเอ่ยเสียงเครือ

   “ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ พ่อกับแม่จะเห็นด้วยกับสิ่งที่ศราทำหรือเปล่าคะ?” ดวงตาสีน้ำตาลมีแววหม่นหมองฉายชัด แต่ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ อย่างไรเธอก็กลับตัวไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้เธอต้องการแค่ความสงบ อย่างน้อยก็ให้เธอได้มีเวลาคิดอะไรเงียบๆคนเดียวบ้าง

   “ทำไมเธอเข้ามาอยู่ในนี้ล่ะ?” วิศรุตเข้ามาทำลายความเงียบนั้นลง ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดที่ด้านหลังผู้เป็นน้องสาว

   “แล้วนายเข้ามาทำอะไรล่ะ?” คนที่ยืนอยู่ก่อนย้อนถามกลับบ้าง

   “ฉันอยากมาบอกพ่อกับแม่ว่า...วันนี้เป็นวันแห่งความสำเร็จของฉัน อยากให้ท่านได้เห็นว่าลูกชายที่เคยไม่เอาอ่าวคนนี้ก็สามารถที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เหมือนกัน” วิศรุตหมายถึงเรื่องโครงการบ้านจัดสรรของทัดเทวาที่เขาดูแลอยู่ ในที่สุดเขาก็ทำมันสำเร็จจนได้

   “พ่อกับแม่ก็คงจะดีใจมาก” ศรารัตน์หมายความอย่างที่พูดจริงๆ แต่ก่อนวิศรุตไม่ใช่แบบนี้ แต่ก่อนคนตรงหน้าเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ไม่สนใจกับเรื่องใดทั้งนั้นนอกจากการใช้ชีวิตอย่างที่ตนต้องการและมีความสุขที่สุข ใช้เงินราวกับการเอาเบี้ย และไม่เคยรู้คุณค่าของสิ่งใดทั้งสิ้น แต่ตอนนี้คนตรงหน้าเธอเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้วิศรุตกลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว เป็นแบบที่พ่อและแม่ของเธอเคยคาดหวังว่าจะให้อีกฝ่ายเป็น

   “ว่าแต่เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าเข้ามาทำอะไรในนี้ นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว เธอยังไม่ออกไปที่งานอีกเหรอ?” ศรารัตน์ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเพราะลุงมั่นมาเคาะประตูเรียกเสียก่อน ชายชราผู้ดูแลบ้านเข้ามาบอกศรารัตน์ว่าตอนนี้คุณหมอนภัทรมาถึงแล้วและกำลังรออยู่ที่ห้องรับแขก

   เมื่อเห็นสีหน้าฉายแววสงสัยของวิศรุต ศรารัตน์ก็ชิงบอกก่อน “ฉันขอให้หมอกานต์มารับน่ะ จะได้ไปด้วยกัน” วิศรุตพยักหน้าน้อยๆพร้อมส่งเสียงในลำคอเบาๆเป็นเชิงรับรู้ ชายหนุ่มเสหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพราะไม่อยากให้ศรารัตน์เห็นความไหววูบภายในดวงตาสีน้ำตาลโศกของตน “นายจะไปพร้อมกันหรือเปล่า?”

   “ไม่หรอก เธอไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันขออยู่ในห้องนี้อีกสักพัก” ศรารัตน์ไม่ถามต่อ หญิงสาวเดินตามลุงมั่นออกไปทิ้งให้วิศรุตยืนอยู่ในห้องคนเดียว

   “การต้องทนเห็นคนที่เรารัก ไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดเหลือเกินครับพ่อ...แม่” วิศรุตเอ่ยออกมาอย่างอัดอั้น อย่างน้อยพ่อกับแม่ก็คงรับฟังเขาแม้ว่าชายหนุ่มก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าพ่อกับแม่ยังไม่ด่วนจากไป ท่านทั้งสองคงจะผิดหวังไม่น้อยถ้ารู้ว่าลูกชายคนเดียวของท่านมีรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมือนคนอื่นแบบนี้




วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ภาคินรอคอยมานานแสนนาน...วันที่เขาจะได้เห็นความพินาศของวิศรุต ทัดเทวา คืนนี้ชายหนุ่มจะใช้วีดีโอที่แอบอัดเรื่องบัดสีของวิศรุตและนภัทรมาทำลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของประธานกรรมการบริษัททัดเทวาให้ย่อยยับลงกับมือ อยากจะรู้ว่าวิศรุตจะทำหน้าอย่างไรเมื่อได้เห็นวีดีโอเทปชุดนี้ แค่คิดภาคินก็อดรู้สึกกระหยิ่มในใจไม่ได้

   ชายหนุ่มเดินไปยังตู้เก็บของขนาดเล็กข้างหัวเตียงก่อนจะหยิบเอาวัตถุมันวาวสีดำออกมาจากภายในลิ้นชัก ภาคิน จ้องมองของที่อยู่ในมือเขม็ง คืนนี้เขามีลางสังหรณ์อย่างเลือนรางว่าไม่แน่เขาอาจจะต้องใช้มัน ชายหนุ่มระบายลมหายใจหนักก่อนเอาปืนกระบอกนั้นเก็บไว้บริเวณกระเป๋าด้านในของเสื้อสูทราคาแพง หวังว่าเขาคงจะไม่ต้องใช้มันหรอกนะ

   เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ภาคินจึงเดินลงมาบริเวณห้องโถงของบ้าน เจอกับวันชัยที่นั่งเอกเขนกรออยู่

   “แกจะไปพร้อมพ่อเลยหรือเปล่า?” ผู้เป็นบิดาถามพร้อมขยับตัวเตรียมพร้อม แต่ภาคินส่ายศีรษะ

   “พ่อไปที่งานก่อนเถอะครับ ผมต้องไปจัดการธุระก่อน เดี๋ยวค่อยตามไป” จากคำพูดที่เน้นเสียงว่าไปจัดการธุระก็ทำให้วันชัยเข้าใจได้อย่างดี ผู้สูงวัยกว่าจึงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากตัวบ้านเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้ว

   ลับหลังที่วันชัยเดินออกไป ภาคินจึงหันไปถามลูกน้องคนสนิทว่าของที่ตนสั่งหามาได้หรือยัง? ลูกน้องคนนั้นพยักหน้าก่อนล้วงมือไปหยิบขวดขนาดย่อมภายในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วยื่นให้เจ้านายหนุ่ม ภาคินมองขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีใสในมือตัวเองแล้วแค่นยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปจัดการธุระที่ค้างคามานานให้เสร็จสิ้นไปเสียที




   เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บริเวณโต๊ะอาหารดังขึ้น เมริษาจึงละมือจากการจัดแต่งทรงผมของตัวเองแล้วรีบเดินไปรับสายทันที หน้าจอมือถือแสดงชื่อคนที่โทรมาก็คือภาณุ

   “เดี๋ยวผมไปรับนะครับ ตอนนี้ออกจากบ้านมาได้ซักพักแล้ว คุณเตรียมพร้อมไว้ละกัน คิดว่าอีกไม่นานเกินชั่วโมงก็คงจะถึง” เมริษาพยายามท้วงว่าเธอไปเองได้ แต่ภาณุไม่ฟังว่าบอกเขาจะมารับเธอแล้วไปงานพร้อมกันจากนั้นชายหนุ่มจึงรีบวางสายไปเพราะต้องการตัดบทมัดมือชกไม่ให้เมริษาปฏิเสธได้อีก หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือด้วยรอยยิ้มหวาน ลึกๆรู้สึกได้ถึงความอุ่นซ่านที่เกิดขึ้นมาภายในใจ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ชายคนไหน แม้แต่ผู้ชายที่เธอคบมาเนิ่นนานอย่างภาคิน

   หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง เสียงกริ่งออดห้องของเธอก็ดังขึ้น เมริษายกมือจัดปอยผมให้เรียบร้อย ดวงหน้าสวยหวานหันไปมองนาฬิกาติดผนัง เพิ่งผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงหลังจากที่ภาณุโทรมา สงสัยรถคงไม่ติด เมริษาฉวยกระเป๋าคลัทช์ใบเล็กและโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมก่อนรีบเดินไปเปิดประตูให้คนที่มากดออด

   “ฉันพร้อมแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่ทำไมคุณมาเร็วจัง?” เมริษาพูดรัวก่อนจะต้องยิ้มค้างเมื่อเห็นว่าคนที่มากดออดไม่ใช่ภาณุแต่กลับเป็นอีกคน “ภาคิน” เมริษาอุทานเสียงแผ่ว เท้าเดินถอยหลังกลับไปอย่างไม่รู้ตัว

   “ทำไมตกใจขนาดนั้นล่ะครับเม ไม่ดีใจเหรอไงที่เห็นผม?” ภาคินจุดยิ้มที่มุมปากดุจที่เคยทำประจำ

   “เอ่อ...คุณมาหาเมหรือคะ?” เมริษาแสร้งฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งๆที่ใบหน้าของเธอเริ่มมีเหงื่อเย็นๆผุดออกมา หญิงสาวไม่รู้ว่าที่ภาคินมาหาเธอในตอนนี้มีจุดประสงค์อะไรแต่เธอก็เชื่อแน่ว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเสียวสันหลังวาบ

   “ผมก็มาหาเมนั่นแหล่ะ กะว่าจะทำเซอร์ไพรซ์มารับเมไปงานด้วยกัน” ภาคินพูดพร้อมกับแทรกตัวเข้ามาภายในห้อง ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะอาหารก่อนจะเบือนหน้ามาถาม “หรือว่าเมกำลังรอใครอยู่?” คำพูดที่เหมือนรู้ทันทำให้เมริษาเริ่มหน้าซีด หญิงสาวกัดกรามแน่นพยายามข่มใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เกือบเป็นปกติ

   “เมก็รอคุณนั่นแหล่ะ ทำไมคุณมาเร็วจัง แต่โชคดีนะคะที่เมแต่งตัวเสร็จนานแล้ว ไม่งั้นคุณคงต้องรอเมนานเลยล่ะค่ะ” เมริษาเดินเข้าไปออดอ้อนภาคินแต่ฝ่ายนั้นกลับพูดกลับด้วยน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

   “นึกว่ารอไอ้ภาณุเสียอีก” ชื่อภาณุทำให้เมริษาสะดุ้งสุดตัว หมายความว่าภาคินรู้เรื่องที่เธอ...

   “พูดอะไรของคุณน่ะ เมจะไปรู้จักเค้าได้ยังไง?” หญิงสาวยังคงยืนกรานปากแข็งแต่ในใจก็รู้สึกสังหรณ์แปลกๆ ยิ่งจ้องมองลึกลงไปยังสายตาคมกริบประดุจมีดของภาคินก็ยิ่งทำให้เมริษากลัว แต่ไวเท่าความคิด หญิงสาวแอบกดโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังให้เข้าสู่โปรแกรมการตั้งอัดเสียง ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในตอนนี้ เธอก็ยังมีหลักฐานเอาผิดกับภาคินได้

   “อย่าโกหกผมเลยเม ผมเห็นกับตาวันนั้นที่คุณนัดกับมันที่ร้านค็อฟฟี่ช็อป และผมก็รู้ด้วยว่าคุณไปหามันทำไม” ภาคินใช้มือข้างหนึ่งบีบดวงหน้าสวยหวานในอุ้งมือให้เหยเก ชายหนุ่มมองใบหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวของเมริษาด้วยแววตาไร้ความรู้สึกก่อนเอ่ยต่อช้าๆ คำพูดของภาคินทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าที่เธอคิดน่ะถูกต้องแล้ว “คุณร่วมมือกับมันแล้วทรยศผมกับพ่อ” พูดจบก็สะบัดเมริษาอย่างแรงจนหญิงสาวล้มลงไปนั่งกับพื้น มือข้างที่ถือโทรศัพท์ก็คลายออก โทรศัพท์จึงหลุดมือแล้วไถลไปอีกด้านหนึ่ง

เมริษาไม่มีเวลามัวแต่ไปคิดถึงโทรศัพท์เพราะตอนนี้ภาคินกำลังย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ แววตาของอีกฝ่ายฉายแววเหี้ยมแบบที่เธอเองไม่เคยเห็นมาก่อน

   “เมเปล่านะ คุณกำลังเข้าใจผิด” เมริษาค่อยๆกระเถิบไปด้านหลังจนในที่สุดเมื่อแผ่นหลังเธอปะทะกับตู้ใบใหญ่ เมื่อนั้นเธอก็รู้ว่าหมดทางหนีเสียแล้ว “เรื่องนี้เมอธิบายได้ คุณฟังเมก่อนนะ”

   “กลัวเหรอครับเม?” เมริษาไม่ตอบคำถามนั้น แต่ภาคินก็รู้ว่าเธอกำลังกลัว...กลัวอย่างมากเสียด้วย “ถ้าคิดจะหักหลังผม เมก็รู้นี่นาว่าผลสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไง” ภาคินล้วงขวดแก้วที่ได้จากลูกน้องออกมาจากกระเป๋าเสื้อตามด้วยการแกะซองเข็มฉีดยา เมริษากลืนน้ำลายและตัวสั่นเมื่อนึกรู้ว่าภาคินจะทำอะไร

   “ไม่นะภาคิน คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้” ภาคินไม่สนใจ ชายหนุ่มใส่ถุงมือยางที่เตรียมมาก่อนจะใช้เข็มฉีดยาสูบของเหลวที่อยู่ในขวดขึ้นมาจนเต็มกระบอกฉีด เมริษามองภาคินด้วยความกลัวสุดขีดกับภาพตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าของเหลวนั้นคืออะไร แต่ที่เธอรู้แน่ๆคือภาคินตั้งใจจะฆ่าเธอปิดปาก

   “ไม่ต้องห่วงหรอกเม เห็นแก่ที่เธอเคยให้ความสุขฉันอยู่หลายครั้งหลายหน คราวนี้ฉันจะให้เธอตายแบบสบายๆหน่อย” ภาคินเดินถือเข็มฉีดยาเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “ยานี้เป็นยาเสพติดชนิดใหม่ รับรองว่าถ้าเธอได้ใช้มันจะต้องผ่อนคลายและมีความสุขมากแน่ๆ แต่ว่าถ้าหากได้รับการฉีดสารนี้เข้าเส้นเลือดเกินขนาดละก็...”

   “แก...ไอ้ภาคิน ไอ้ชั่ว” เมริษาบริภาษอีกฝ่ายอย่างรุนแรง หญิงสาวรวบรวมกำลังใช้สองมือผลักภาคินให้ออกห่างจากตัวก่อนแล้วตั้งใจจะวิ่งหนีไปที่ประตู แต่ชุดเดรสตัวยาวที่เธอกำลังใส่อยู่ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอเป็นไปได้อย่างลำบาก  ภาคินจึงใช้มือกระตุกชายกระโปรงชุดเดรสของเธอเอาไว้ได้ก่อนจะลากอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว

   “ฤทธิ์เยอะนักนะเมริษา” ภาคินเค้นเสียงต่ำก่อนจะพลิกตัวกดร่างหญิงสาวเอาไว้ข้างใต้ มือหนาของภาคินบีบเค้น ลำคอระหงของเมริษาจนเกือบทำให้ร่างบางขาดอากาศหายใจ “จุดจบของคนทรยศแบบเธอก็คือ...ความตาย” เมริษาใช้สองมือพยายามแกะอุ้งมือที่แข็งแกร่งราวคีมเหล็กนั้นให้พ้นจากการเกาะกุมลำคอของเธอแต่ก็ทำได้อย่างยากลำบาก หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดก่อนผงกศีษะขึ้นมาแล้วกัดไปที่ข้อแขนภาคินอย่างแรงจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลงแทบไม่เป็นภาษา

   เมริษาฉวยโอกาสเพียงน้อยนิดนั้นใช้สองเท้ายันภาคินให้ออกห่าง อาศัยจังหวะที่ภาคินกำลังกุมแผลที่โดนกัดที่แขนรีบวิ่งไปทางประตูห้อง เธอจะต้องรอดออกไปจากห้องนี้ให้ได้ เมริษาคิดในใจอย่างแรงกล้าแม้ว่าร่างกายของเธอกำลังเหนื่อยหอบจากการขาดอากาศหายใจไปนาน แต่ภาคินไม่ปล่อยให้เมริษาทำอย่างนั้นได้ง่ายๆ ชายหนุ่มข่มความเจ็บปวดบริเวณท่อนแขนแล้วพุ่งตามไปจิกกระชากผมของหญิงสาวให้ถลากลับมานอนหมอบที่พื้นด้วยอาการจุกในช่องท้อง

   “ตอนแรกฉันไม่อยากใช้กำลังกับเธอเลยนะเมริษา แต่เธอบังคับให้ฉันต้องทำ” ภาคินพูดจบก็เงื้อและสะบัดมือลงไปบนใบหน้าขาวเนียนของหญิงสาวอย่างแรง เมริษาหันไปตามแรงตบของฝ่ามือใหญ่อย่างไม่อาจต้านทานได้ สมองของเธอเริ่มมึนงงกับภาพตรงหน้า เธอเห็นลางๆว่าภาคินหยิบเอาเข็มฉีดยาที่ตกอยู่ข้างๆนั่นขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ

   “หลังจากที่จัดการกับเธอแล้ว ฉันจะไปจัดการกับไอ้วินต่อในงานเลี้ยง อยากรู้จังเลยว่าถ้าฉันเอาไอ้คลิปบัดสีนั่นมาประจานความทุเรศของไอ้วินต่อหน้าแขกคนอื่นๆและพวกบรรดานักข่าว อยากจะรู้นักว่าไอ้วินจะทำหน้ายังไง”

   “แกมันสารเลว ทำร้ายได้แม้กระทั่งญาติพี่น้องของตัวเอง แกมันไม่ใช่คน”

   “ใครขวางทางฉัน ฉันก็กำจัดได้หมดแหล่ะ อย่างเช่นเธอไงเมริษา”

   “อย่านะภาคิน...อย่า...” เสียงอ้อนวอนที่ฟังดูไร้เรี่ยวแรงจากปากเมริษาไม่ได้ทำให้ภาคินละความตั้งใจ เมริษาพยายามดิ้นรนแต่ทว่าก็ไม่เกิดผลใดๆอยู่ดี ภาคินตรึงกดร่างของเธอไว้แน่นจนเธอไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกแล้ว ในที่สุดชายหนุ่มก็จัดการฉีดของเหลวใสนั้นเข้าไปในเส้นเลือดของร่างตรงหน้าอย่างช้าๆจนหมดกระบอกฉีดยา เมริษาได้แต่นอนน้ำตาไหล พรากกับสิ่งเลวร้ายที่อีกฝ่ายทำกับตน สติความระลึกรู้ของเมริษาเริ่มเลือนรางไปทีละน้อยเพราะยาเสพติดที่เริ่มจะออกฤทธิ์ หญิงสาวรู้แก่ใจดีว่าเธอเหลือเวลาอีกไม่นาน หากแต่ความคิดสุดท้ายที่เธอรู้สึกตัวได้ก็คือ...ภาณุ

   ภาคินมองสภาพของเมริษาที่เริ่มมีสภาพลมหายใจติดขัด กล้ามเนื้ออ่อนแรง และตลอดทั้งร่างเริ่มชักเกร็งด้วยความพอใจ ยาที่ลูกน้องเขาให้มาได้ผลดีจริงๆ ยานี้เป็นยาเสพติดชนิดรุนแรง หากว่าใช้ในปริมาณนี้น้อยและพอดีจะทำให้ร่างกายเคลิ้ม ผ่อนคลายเหมือนได้นอนหลับเต็มอิ่ม แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการช็อคและยาจะมีฤทธิ์กดการหายใจอย่างรุนแรง ซึ่งปริมาณที่เขาฉีดเข้ากระแสเลือดของเมริษานั้นก็ไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว

   ภาคินเดินเข้าไปใกล้ร่างของเมริษาแล้วใช้มือข้างที่ใส่ถุงมือยางหยิบเอาเข็มฉีดยานั้นยัดใส่มือของหญิงสาว แค่ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเมริษาเสพยาเกินขนาดก็หมดเรื่องแล้ว ไม่มีใครจะสามารถสืบสาวเอาเรื่องอะไรกับเขาได้ หากว่ามีคนสงสัยเขาก็แค่อ้างว่าตัวเองทะเลาะกับเมริษา จากนั้นก็อ้างต่อว่าเมริษาอาจจะเครียดก็เลยใช้ยาเสพติดเกินขนาดแบบนี้ ภาคินเชื่อว่าด้วยอำนาจเงินและนามสกุลทัดเทวาที่ค้ำคอของเขาอยู่ รับรองว่าเรื่องจะต้องจบแบบง่ายๆแน่นอน ชายหนุ่มมองผลงานตัวเอง แล้วยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม เขาเดินไปกระซิบข้างหูเมริษาที่ตอนนี้เริ่มมีอาการหอบหนักอย่างรุนแรง

   “หลับให้สบายนะเม ลาก่อน” ภาคินเดินถอยห่างจากร่างนั้นก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปด้วยสีหน้าที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้เมริษานอนระทวยด้วยลมหายใจที่อ่อนแรงเต็มทน

   โทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นนักเกิดดังขึ้นมา คงจะเป็นภาณุที่โทรหาเธอ เมริษาพยายามประคองสติที่เหลือน้อยเต็มทนและสะกดลมหายใจหอบหนักก่อนค่อยๆเอื้อมมือที่อ่อนแรงไปทางด้านที่มีโทรศัพท์ของเธอตกอยู่ เสียงมือถือของเธอยังดังอยู่ต่อเนื่อง เมริษาพยายามยืดแขนออกไปสุดตัวแต่ก็ไม่ถึงอยู่ดี หญิงสาวรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่รอดแน่แล้ว คนสุดท้ายที่เธออยากจะพูดด้วยที่สุดก็คือภาณุ แต่เธอคงไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว

   “ฉัน...ยก...โทษให้...คุณ” เมริษารำพึงคำพูดสุดท้ายก่อนที่ร่างจะชักกระตุกรุนแรงและแน่นิ่งไปในที่สุด ดวงตาของหญิงสาวเบิกโพรงในขณะที่เสียงมือถือของเธอก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น




   ตลอดระหว่างทางที่ขับรถมาเพื่อมารับเมริษาที่คอนโด ภาณุพยายามโทรเข้ามือถือหญิงสาวอยู่หลายครั้งแต่เธอไม่รับ ประกอบกับวันนี้รถติดมากเป็นพิเศษทำให้ภาณุยิ่งกระวนกระวายใจเพราะนึกสังหรณ์ใจลึกๆ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเมริษา และเมื่อมาถึงคอนโด ภาณุก็รีบจอดรถและตรงดิ่งไปที่ห้องของหญิงสาวทันที

   ภาณุเคาะประตูห้องของเมริษาและพยายามโทรหาอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เมื่อลองหมุนลูกบิดก็พบว่าล็อคจากด้านใน ภาณุพยายามตบประตูเรียกอยู่นานแต่ก็ไร้วี่แววเมริษา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจไปติดต่อที่ออฟฟิสเพื่อขอกุญแจสำรองโดยอ้างว่าตนเป็นสามีของเจ้าของห้อง เมื่อได้กุญแจมาแล้ว ชายหนุ่มจึงไขเข้าไปทันที

   ภาพเบื้องหน้าทำให้ภาณุต้องตาค้างด้วยความตกใจ สภาพเมริษาที่นอนทอดกายไปกับพื้นขณะที่ในมือยังกำเข็มฉีดยาเอาไว้  ขวดแก้วเปล่าถูกวางทิ้งไว้อยู่ข้างตัวทำให้เลือดในกายของภาณุเย็นเฉียบ เมื่อได้สติ ภาณุก็รีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของเมริษาแล้วเขย่า

   “เม...คุณเป็นอะไรไปเม...ตื่นสิ...ผมมารับคุณแล้ว คุณเป็นอะไรไป...เม” ภาณุเขย่าร่างตรงหน้าอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้ผล ร่างกายของเมริษาไม่ตอบสนองเขาเลย ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปจับชีพจรของหญิงสาวด้วยมืออันสั่นเทา เขากำลังกลัวความคิดของตัวเอง อย่าให้เป็นแบบที่เขาคิดเลย

   ภาณุมือไม้อ่อนเมื่อจับแล้วไม่ได้รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของชีพจรอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือความจริง เมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อน เมริษายังคุยโทรศัพท์กับเขาอยู่เลย เธอบอกว่าจะรอเขามารับ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่รอเขา

   ชายหนุ่มกอดร่างบอบบางที่ยังเหลือไออุ่นอยู่เอาไว้อย่างแนบแน่น เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ จากสภาพที่เห็นก็น่าจะเดาไว้ว่าเมริษาฉีดยาอะไรบางอย่างเข้าเส้นและก็คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องตาย แต่เธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน เธอไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ ภาณุมั่นใจในความคิดของตัวเอง

   เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ภาณุหันไปมองต้นเสียงทันที ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเมริษามาเปิดดูก็พบว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา มันคือข้อความจากเครือข่ายโทรศัพท์ที่เตือนว่ามีคนโทรเข้ามาแต่เมริษาไม่ได้รับ คงจะเป็นสายจากเขาที่เธอไม่ได้รับ ภาณุคิด แต่เมื่อกดออกจากโปรแกรมข้อความ ภาณุก็พบว่ามีอีกโปรแกรมหนึ่งในโทรศัพท์มือถือที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้...การตั้งอัดเสียง

   ทันทีที่ภาณุกดปุ่มเล่น โทรศัพท์มือถือก็กลายเป็นลำโพงกระจายเสียงขนาดย่อมทันที สิ่งที่ได้ยินนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับตัวชาไป ที่แท้เหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นฝีมือของภาคิน ไอ้สารเลวนั่นฆ่าเมริษาเพื่อปิดปากและเป็นการจัดการโทษฐานที่หญิงสาวหักหลังพวกมันสองพ่อลูก ที่แท้เมริษาไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่เป็นการถูกฆาตกรรมต่างหาก ภาณุกัดฟันแน่นด้วยความแค้นและสงสารเมริษาจับใจ น้ำตาหยดหนึ่งพลันร่วงหล่นลงมากระทบกับใบหน้าของร่างที่นอนนิ่งอยู่

   “ผมจะให้มันชดใช้ในที่สิ่งมันทำกับคุณ” ภาณุกำโทรศัพท์ที่เป็นหลักฐานสำคัญเอาไว้แน่น เมื่อครู่ชายหนุ่มได้ยินว่านอกจากจะจัดการกับเมริษาแล้ว ภาคินจะใช้คลิปบางอย่างเพื่อจัดการแฉวิศรุตกลางงานเลี้ยงคืนนี้ แม้ภาณุจะไม่รู้ว่าคลิปที่ว่านี้มันเป็นคลิปอะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่ไว้ใจและเชื่อแน่ว่ามันไม่เป็นผลดีกับเพื่อนรักของเขาอย่างแน่นอน

   ภาณุเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูของตน เขาเสียเวลาไปนานกว่าจะมาถึงคอนโดของเมริษาเพราะว่ารถติด ป่านนี้งานเลี้ยงก็น่าจะเริ่มไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะไปถึงงานทันหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องเตือนวิศรุตให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

เมื่อคิดดังนั้นภาณุก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมากดหมายเลขของวิศรุตและโทรออก แต่ปลายสายไม่สามารถติดต่อได้เพราะอีกฝ่ายน่าจะแบตหมด ภาณุสบถอย่างหัวเสีย ทำไมถึงเวลาคับขันมือถือของวิศรุตมักจะติดต่อไม่ได้เสียทุกครั้ง ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนมาโทรหานภัทรแทน หวังว่านภัทรจะช่วยวิศรุตเอาไว้ได้ ภาณุภาวนาในใจด้วยความร้อนรน



จบบทที่34

ออฟไลน์ Aislin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่35
«ตอบ #114 เมื่อ06-08-2012 13:22:18 »

บทที่ 35


งานเลี้ยงครบรอบบริษัททัดเทวาถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง นักข่าวสายงานเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลากหลายสำนักต่างมาพร้อมกันที่นี่เพื่อทำข่าวใหญ่เกี่ยวกับการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรแห่งใหม่ของบริษัททัดเทวา ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่สื่อมวลชนทั่วไปจับตามองกันมาตั้งแต่เริ่มวางโครงการแล้ว เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงของทัดเทวาลงมาลุยโครงการนี้เอง ดังนั้นผลงานนี้จะเป็นตัววัดศักยภาพที่ชัดเจนของการเข้ามารับตำแหน่งสูงสุดทางด้านบริหารของบุตรชายคุณวรุต ทัดเทวา อดีตเจ้าพ่ออสังหาฯชื่อดังของเมืองไทย

“ยิ้มไม่หุบเลยนะวิน กะอีแค่ทำงานโปรเจคเล็กๆสำเร็จแค่งานเดียว ไม่เห็นต้องทำหน้าบานแล้วให้สัมภาษณ์นักข่าวขนาดนั้นก็ได้” ภาคินเดินเข้ามาหาวิศรุตที่เพิ่งผละตัวแยกออกมาจากนักข่าวที่มารอสัมภาษณ์ได้สำเร็จ “แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจกับความสำเร็จนี้แหล่ะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตา”

“พูดอะไรของแก ภาคิน อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์” วิศรุตเลือกที่จะเดินหนีแต่อีกฝ่ายก็อ้อมมาดักหน้าเขาเอาไว้

“ฉันแค่จะเตือนแกว่าอย่าหลงระเริงกับความสำเร็จให้มากนัก ระวังไว้เถอะ สิ่งที่แกกลัวมาตลอดมันจะเป็นจริงขึ้นมา” แม้จะไม่เข้าใจว่าภาคินพูดถึงอะไร แต่วิศรุตก็อดกังวลไม่ได้ ชายหนุ่มแอบหวั่นใจอยู่ลึกๆว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีจนทำให้งานล่มแบบที่ฝ่ายนั้นบอกจริงๆ

หลังจากที่ภาคินเดินไปแล้ว วิศรุตก็ลอบระบายลมหายใจหนักหน่วง ชายหนุ่มบังเอิญหันไปมองอีกด้านหนึ่งของงานจึงได้ทันสบสายตากับดวงตาสีถ่านที่มองมาทางเขาอย่างพอดิบพอดี วิศรุตจุดยิ้มมุมปากให้ฝ่ายนั้นแต่แววตากับแฝงไว้ด้วยความเศร้าเมื่อสายตามองเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างกายของนภัทร...ศรารัตน์นั่นเอง

วิศรุตเลือกที่จะสลัดภาพนั้นออกจากศีรษะให้หมด ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นแล้วสาวเท้ายาวเพื่อหนีไปจากตรงนั้น เขาไม่อยากทนดูภาพบาดตาให้ทรมานใจอีกต่อไป

“จะไปไหนเหรอคะหมอ?” นภัทรชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวตามวิศรุตไปเมื่อศรารัตน์รั้งเขาเอาไว้ คุณหมอหนุ่มมองวิศรุตเดินหายลับไปในงานก่อนจะหันมาฝืนยิ้มให้หญิงสาวแล้วบอกว่าไม่มีอะไร แต่ในใจกำลังอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ส่วนพงศธรที่ยืนอยู่ด้วยกันก็นึกรู้ว่านภัทรคิดอะไรอยู่ในใจ

ศรารัตน์ยืนคุยอยู่กับนภัทรและพงศธรอีกสักพักหนึ่งก่อนที่หญิงสาวจะขอตัวโดยอ้างว่าจะไปคุยงานต่อเมื่อสังเกตเห็นถึงสายตาของภาคินที่มองจ้องมาที่ตนเป็นเชิงส่งสัญญาณว่าให้เธอปลีกตัวออกมาเพื่อไปคุยกันที่อื่น พงศธรได้ทันเห็นสัญญาณที่ภาคินส่งให้ศรารัตน์พอดี ชายหนุ่มหรี่ตาลงด้วยความสงสัยในขณะที่สมองก็กำลังประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นพงศธรก็บอกกับนภัทรว่าตนจะไปเข้าห้องน้ำ แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มแอบสะกดรอยตามศรารัตน์ไปต่างหาก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ และที่สำคัญคือภาคินมาเกี่ยวอะไรด้วย

นภัทรมองตามพงศธรไปอย่างงงๆ ตอนนี้เหลือชายหนุ่มอยู่เพียงคนเดียว วิศรุตก็เดินหายไปแล้วและเขาเองก็ไม่รู้จะไปหาอีกฝ่ายได้ที่ไหน คุณหมอหนุ่มจึงเลือกที่จะเดินดูงานรอบๆบริเวณห้องจัดเลี้ยงแทน

ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากถึงขนาดที่สามารถนำนิทรรศการขนาดย่อมมาจัดแสดงได้ นภัทรเดินชมผลงานโครงการต่างๆที่ประสบความสำเร็จของทัดเทวาที่จัดแสดงไว้บนบอร์ดไปเรื่อยๆอย่างไม่ได้สนใจนัก ในใจชายหนุ่มกำลังคิดถึงแต่เรื่องของวิศรุต โดยที่ไม่ทันระวัง นภัทรจึงชนเข้ากับสตาร์ฟที่เป็นทีมงานผู้หญิงคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ของที่อีกฝ่ายถือมาด้วยจึงกระเด็นหลุดจากมือและไปกองอยู่ที่พื้นแทน

“ขอโทษครับ/ขอโทษค่ะ” เสียงขอโทษดังขึ้นพร้อมกัน นภัทรเก็บของที่ตกอยู่ซึ่งก็คือแผ่นซีดีสีขาวในกล่องใสแล้วส่งคืนให้กับสตาร์ฟคนนั้นที่รับไปพร้อมกับคำกล่าวขอบคุณคุณหมอหนุ่มก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบเดินจากไปทันที ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา ชายหนุ่มคิดโดยไม่ได้นึกเฉียวใจแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่อยู่ในมือของสตาร์ฟผู้หญิงคนนั้นมันแผ่นซีดีคืออะไร




พงศธรแอบสะกดรอยตามศรารัตน์มาอย่างเงียบเชียบจนพบว่าศรารัตน์เข้าไปในห้องเก็บของซึ่งไกลจากห้องจัดเลี้ยงพอสมควร พงศธรแอบมองเข้าไปตอนที่ศรารัตน์กำลังเปิดห้อง ภาคินก็อยู่ในห้องนั้นด้วย ความสงสัยที่กำลังปะทุอยู่ในใจทำให้พงศธรตัดสินใจแอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่ผ่านทางประตูห้อง โชคดีที่ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียง ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้ยินทุกคำพูดในห้องนั้นอย่างชัดเจน

“ฉันจัดการสั่งลูกน้องไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ไอ้วินกล่าวสุนทรพจน์แนะนำโครงการจบ คลิปนั่นก็จะถูกเปิดทันที”

“นายแน่ใจนะว่างานนี้จะไม่มีพลาด?” ศรารัตน์พูดเสียงเย็นชาซึ่งภาคินก็รับรองเสียงหนักแน่นว่าลูกน้องของเขาไว้ใจได้ทุกคน รับรองว่างานนี้ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน

“ถ้าคลิปบัดสีระหว่างไอ้วินกับหมอนภัทรถูกเปิดขึ้นกลางงานล่ะก็ พรุ่งนี้คงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ หึ ผู้บริหารระดับสูงของทัดเทวามีพฤติกรรมรักร่วมเพศ รับรองว่าไอ้วินต้องเสียเครดิตในสายตาของพวกกรรมการบริหารแน่นอน จากนั้นบอร์ดก็จะลงมติไม่ไว้วางใจมัน เท่านี้ก็เรียบร้อย” ภาคินยิ้มกริ่มกับแผนการของตน แต่ทว่าพงศธรที่แอบฟังอยู่ถึงกับตัวชาไปทันที ที่แท้ ศรารัตน์ก็ร่วมมือกับภาคินวางแผนทำร้ายวิศรุตโดยหลอกใช้ตนกับนภัทรเป็นเครื่องมือ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมศรารัตน์ถึงมาขอร้องให้ตนช่วยวางยาปลุกเซ็กส์นภัทร ที่แท้ก็เป็นแบบนี้

“อย่าลืมที่เราตกลงไว้ก็แล้วกัน” ภาคินก็ยักไหล่แล้วบอกว่าตนไม่ลืมหรอก

“ฉันสัญญา งานนี้ก็แค่เล่นสนุกกับไอ้วินเท่านั้น ไม่มีใครถึงตายหรอก” ภาคินแอบลูบปืนในกระเป๋าด้านในเสื้อสูท ชายหนุ่มโกหกศรารัตน์ ถ้ามันถึงคราวจำเป็นละก็ เขาเองก็ไม่สามารถรับปากได้เหมือนกันว่าจะไม่มีใครตาย

เมื่อนัดแนะแผนการขั้นสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็แยกกันไปโดยภาคินออกจากห้องมาก่อน และศรารัตน์ถึงค่อยเดินตามออกไปเพราะหากว่าใครมาเห็นเข้าจะได้ไม่ผิดสังเกต จังหวะที่ภาคินเปิดประตูออกมา พงศธรหลบแทบไม่ทัน ชายหนุ่มเบียดตัวเข้าไปหลบระหว่างผนังกับซอกตู้ หัวใจของพงศธรเต้นแรงเพราะกลัวว่าจะโดนภาคินจับได้ แต่ทว่าภาคินไม่ได้สังเกตแต่กลับเดินผ่านซอกนั้นไปเลย พงศธรเลยถอนหายใจโล่งอก แววตาของชายหนุ่มกลับมาขึงเครียดอีกครั้งเมื่อนึกรู้ว่าศรารัตน์ยังอยู่ในห้องเก็บของนี้

“คุณพงษ์” ศรารัตน์อุทานเสียงแผ่วด้วยดวงหน้าซีดเผือดเมื่อหันไปเจอพงศธรยืนอยู่ตรงประตู ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลงทันที แววตาของผู้มาใหม่ทำให้ศรารัตน์แน่ใจว่าพงศธรคงได้ยินบทสนทนาของเธอกับภาคินแน่ๆ

“คุณหลอกใช้ผม” พงศธรกำหมัดแน่น เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่ขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต “คุณหลอกให้ผมวางยาปลุกเซ็กส์ไอ้กานต์ จากนั้นคุณก็ถ่ายคลิปตอนที่มันกำลังมีอะไรกับวินแล้วก็เอามาเป็นหลักฐานเพื่อแฉว่าประธานบริษัท       ทัดเทวาเป็นเกย์ คุณร่วมมือกับไอ้ภาคิน...คุณร่วมมือกับมันเพื่อทำร้ายพี่ชายของตัวเอง” พงศธรกระชากเสียงแหบเครือ ในใจรู้สึกเจ็บแปลบกับการถูกศรารัตน์หลอกใช้ ตอนแรกเขาก็แค่สงสัยว่าศรารัตน์วางแผนจะทำอะไร แต่นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะกล้าทำถึงขนาดนี้ เธอใจร้ายเกินไปแล้ว

“คุณพงษ์ ฉัน...”

“คุณจำได้ไหม ผมเคยบอกว่าถ้าผมช่วยคุณวางยาไอ้กานต์ในครั้งนั้น ผมขอให้คุณวางมือหยุดทำร้ายพวกเขาสองคน แต่วันนี้คุณกลับเอาคลิปบ้าๆนั้นมาทำลายไอ้วิน นี่น่ะเหรอที่คุณสัญญากับผม ตอบมาสิศรารัตน์ ตอบมาว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” พงศธรเขย่าตัวศรารัตน์จนเซ หญิงสาวขืนตัวออกแล้วพูดเสียงดังไม่แพ้กัน

“คุณไม่มีวันเข้าใจฉันหรอก ไม่มีวัน” ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความผิดหวัง มือที่ยึดหัวไหล่อีกฝ่ายค่อยๆคลายลงอย่างหมดแรง พงศธรค่อยๆถอยห่างจากศรารัตน์ออกมาเรื่อยๆ ปากก็พูด

“ผมจะไม่มีวันยอมให้คุณทำร้ายเพื่อนของผมทั้งสองคนอีกต่อไปแล้ว ผมจะไปบอกวิน” ศรารัตน์เบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าพงศธรจะเอาแผนการนี้ไปบอกกับวิศรุต เธอจะยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

“โอ๊ย” เสียงอุทานดังขึ้นจากด้านหลังทำให้พงศธรชะงักแล้วหันกลับไปมอง ศรารัตน์ล้มลงไปนั่งกับพื้นแล้วกำลังกุมขาเอาไว้ ใบหน้าเรียวสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางกำลังบิดเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่เมื่อครู่เธอสะดุดชายกระโปรงตัวเองล้มลง

“คุณเป็นยังไงบ้างศรา?” สุดท้ายพงศธรก็อดใจอ่อนกับผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ ชายหนุ่มรีบเข้าไปดูอาการศรารัตน์ที่เหมือนข้อเท้าจะแพลงด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงนี้หรือเปล่า?” พงศธรชะโงกหน้าจะเข้ามาดูแผลที่เท้าใกล้ๆแต่ว่าก็ไม่พบรอยอะไรเลย มาเฉลียวใจอีกทีก็ตอนที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มากระทบตรงท้ายทอยอย่างแรง จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป

ศรารัตน์ทิ้งกระบองเหล็กในมือลงพื้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วมองพงศธรที่นอนสลบอยู่ที่พื้นด้วยสายตาที่แสดงถึงความรู้สึกผิด

“ขอโทษนะคะคุณพงษ์ที่ต้องทำแบบนี้ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมให้คุณมาทำลายแผนการนี้เด็ดขาด”




ระหว่างที่กำลังเดินดูนิทรรศการอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือของนภัทรก็ดังขึ้น คุณหมอหนุ่มมองชื่อที่โทรเข้ามาอย่างแปลกใจ ร้อยวันพันปีภาณุไม่ค่อยจะโทรหาเขาเลย ทำไมวันนี้อีกฝ่ายถึงโทรมาหาเขาได้ นภัทรจึงกดรับสาย

“ไอ้กานต์ วินอยู่ด้วยหรือเปล่า?” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนผิดธรรมดา ซึ่งนภัทรก็ปฏิเสธไปแล้วบอกว่าตอนนี้ตนอยู่ในงานคนเดียว ภาณุโทรหาเขามีเรื่องอะไรหรือเปล่า? “ฉันมีเรื่องสำคัญต้องบอกวิน แต่ติดต่อไม่ได้เลย”

“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าวินไปไหน ตอนนี้ไอ้พงษ์ก็หายตัวไปด้วย” นภัทรตอบกลับไป พงศธรไปเข้าห้องน้ำนานเกินไปแล้ว

“แกฟังดีๆนะไอ้กานต์ ไอ้ชั่วภาคินมันฆ่าเมริษาแล้วตอนนี้มันกำลังจะเอาคลิปบ้าอะไรก็ไม่รู้มาแฉไอ้วินกลางงานเลี้ยง แกต้องไปหาคลิปนั้นให้เจอ แล้วสกัดอย่าให้มันเอาคลิปนั่นไปเปิดเด็ดขาด”

“คลิปนั้นมันคือคลิปอะไรล่ะ แล้วทำไมไอ้ภาคินต้องทำอย่างนั้นด้วย?” แม้ว่าจะตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ภาณุโทรมาบอกว่าวิศรุตกำลังเป็นเป้าหมายในคืนนี้ แต่ด้วยความสุขุมชายหนุ่มจึงพยายามตั้งสติแล้วถามกลับอย่างใจเย็น แต่เหมือนว่าภาณุจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว สังเกตได้จากน้ำเสียงที่เริ่มเคร่งเครียดมากทุกขณะ

“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นคลิปอะไร แต่ได้ยินว่ามันเป็นคลิปบัดสีของไอ้วินอะไรทำนองนี้ อย่าเพิ่งถามมากเลย แกต้องไปหยุดคลิปนั้นก่อน”

“แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?”

“ฉันรถติดอยู่ แต่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก คิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึง” ภาณุมองการจราจรเบื้องหน้าตนที่แทบไม่ขยับเลยด้วยความหัวเสีย เขาชักไม่มั่นใจแล้วว่าที่บอกว่าอีกไม่นานมันจะไม่นานจริงๆหรือเปล่า “งานวันนี้สำคัญกับชื่อเสียงของไอ้วินในฐานะ
ประธานกรรมการของทัดเทวามาก ถ้าเกิดมีการแฉไอ้คลิปนั่นจริง ไอ้วินคงจบเห่แน่” ภาณุย้ำก่อนจะวางสายไป

แววตาสีถ่านของนภัทรมีร่อยรอยของความเคร่งเครียด ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือของตน ถ้าตามกำหนดการก็ใกล้จะได้เวลาที่วิศรุตจะขึ้นไปพูดสุนทรพจน์บนเวทีแล้ว นภัทรคิดว่าหากจะมีการเปิดคลิปเพื่อเล่นงานวิศรุตจริงอย่างที่ภาณุบอก คลิปนั้นจะต้องถูกเปิดหลังจากที่วิศรุตกล่าวสุนทรพจน์จบแน่ ซึ่งนั่นแปลว่าเขาเหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิดเท่านี้

นภัทรเม้มริมฝีปากแน่นพยายามคิดให้ออกว่าจะไปตามหาซีดีคลิปนั้นได้ที่ไหน...ซีดี...หรือว่า...ภาพตอนที่เดินชนกับสตาร์ฟคนนั้นแล้วกล่องแผ่นซีดีสีขาวตกลงมาก็ผุดเข้ามาในความคิดของชายหนุ่ม นภัทรพยายามทบทวนความจำ ดูเหมือนว่าสตาร์ฟคนนั้นจะรีบเร่งเพื่อทำอะไรซักอย่าง ต้องเป็นซีดีอันนั้นแน่ๆ นภัทรกระตุกวูบในใจ ชายหนุ่มหันมองไปรอบตัว อย่างแรกที่เขาต้องทำก็คือเตือนวิศรุต แต่เขาจะเตือนฝ่ายนั้นได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้วิศรุตก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นภัทรคิดว่าวิศรุตคงจะไปเตรียมตัวพูดสุนทรพจน์อยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ ตอนนี้ไม่มีเวลาอีกแล้ว เขาต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เมื่อคิดได้ดังนั้นนภัทรก็ตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้เอง เขาต้องหาทางทำลายไอ้แผ่นซีดีนั้นให้ได้ก่อนที่มันจะกลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียงของวิศรุตให้ย่อยยับในค่ำคืนนี้

ด้วยความที่พอจะจำหน้าตาของสตาร์ฟผู้หญิงคนนั้นได้ นภัทรจึงวิ่งไปเกือบทั่วทั้งงานเพื่อตามหาเอาแผ่นซีดีจากผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มหอบตัวโยนเมื่อพยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอตัวอีกฝ่ายเสียที เขากวาดสายตามองไปรอบๆห้องจัดเลี้ยงนั้นก่อนจะไปสะดุดกับลำโพงตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั้งสองข้างเวที คุณหมอหนุ่มใช้เวลาคิดไม่นานก่อนจะนึกได้ว่าสตาร์ฟคนนั้นและแผ่นซีดีน่าจะอยู่ที่ไหน

นภัทรคว้าตัวสตาร์ฟผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวนั้นมาถามด้วยน้ำเสียงรัวเร็วว่าห้องควบคุมเสียงอยู่ที่ไหน เมื่อได้ คำตอบแล้วคุณหมอหนุ่มจึงรีบวิ่งออกจากห้องจัดเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายของนภัทรในตอนนี้ก็คือห้องควบคุมเสียงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องจัดเลี้ยงนัก ในขณะเดียวกันบนเวทีพิธีกรก็เริ่มดำเนินการเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญของงานเลี้ยงแล้ว นั่นก็คือการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรแห่งใหม่ของบริษัททัดเทวานั่นเอง พิธีกรกล่าวเชิญวิศรุตขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์เป็นลำดับแรก

“สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนทุกท่าน ผม วิศรุต ทัดเทวา ในนามของประธานกรรมการบริหารบริษัททัดเทวามีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้ให้ความสนใจและอนุเคราะห์สนับสนุนบริษัททัดเทวามาโดยตลอด...”




ขณะที่นภัทรวิ่งไปยังห้องควบคุมเสียงก็ได้ยินที่วิศรุตพูดสุนทรพจน์ด้วย ชายหนุ่มหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาทั้งๆที่อากาศภายในโรงแรมก็ไม่ได้ร้อน คุณหมอหนุ่มกัดฟันแน่น ในใจก็บอกตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้ เขาจะต้องปกป้องคนที่เขารักให้ถึงที่สุดและเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายวิศรุตเป็นอันขาด เพียงไม่นานนักชายหนุ่มก็มาถึงห้องควบคุมเสียง

เมื่อเปิดเข้าไปในนั้น สตาร์ฟภายในห้องออกจะตกใจไม่น้อยกับการพรวดพราดเข้ามาของเขาแบบนี้ นภัทรกวาดตาไปรอบห้องก่อนจะไปสะดุดกับคนๆหนึ่ง สตาร์ฟผู้หญิงคนที่เดินชนเขานั่นเอง ไม่รอช้า คุณหมอหนุ่มเริ่มสาวเท้ายาวเข้าไปหาอีกฝ่ายแทบจะทันที

“แผ่นซีดีสีขาวที่น้องถือมาอยู่ที่ไหน?” นภัทรถามปนหอบ แววตาสีถ่านมีแววจริงจังเสียจนคนที่ถูกถามกลับเป็นฝ่ายอึกอักเสียเอง

“เอ่อ...คือ...” นภัทรไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปค้นกองซีดีที่วางอยู่บนแผงควบคุมทันทีจนสตาร์ฟคนอื่นๆต้องรีบเข้ามาห้ามแล้วบอกว่าที่นี่ห้ามคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเข้ามาอย่างเด็ดขาดแต่เจ้าตัวไม่ยอมฟัง เสียงวิศรุตที่กำลัง พูดอยู่บนเวทีเปรียบเสมือนระเบิดที่รอเวลาปะทุ เขาจะต้องหาให้เจอและหยุดคลิปนั้นให้ได้

“คุณเข้ามาในนี้ไม่ได้นะครับ” สตาร์ฟสองสามคนเข้ามาห้ามนภัทร แต่ชายหนุ่มสะบัดแขนออกและยังคงค้นหาซีดีต่อไป ในที่สุดเขาก็เจอแผ่นซีดีเจ้ากรรมนั่น นภัทรเบิกตากว้างด้วยความดีใจก่อนจะรีบคว้าออกมาแต่ทว่าโดนเหล่าสตาร์ฟขัดขวางเอาไว้แล้วถามว่านภัทรจะเอาแผ่นซีดีเพลงที่เปิดในงานเลี้ยงนี้ไปทำไมกัน?

คุณหมอหนุ่มออกจะงงไม่น้อยเมื่อรู้ว่าแผ่นซีดีนี้เป็นเพียงแค่แผ่นซีดีเพลงธรรมดาเท่านั้น “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” เมื่อเห็นสีหน้าของนภัทรที่แสดงถึงความไม่เชื่อ สตาร์ฟคนหนึ่งจึงดึงแผ่นซีดีสีขาวนั้นจากมือของคุณหมอหนุ่มแล้วไปใส่คอมพิวเตอร์เปิดให้อีกฝ่ายดู ปรากฏว่าเป็นเพียงแค่ซีดีเพลงอย่างทีอีกฝ่ายบอกจริงๆ

นภัทรแทบหมดแรงเมื่อได้เห็นอย่างนั้น เท่ากับว่าที่เขาวิ่งตามหาแผ่นซีดีไปทั่วทั้งงานก็แทบจะสูญเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่แผ่นซีดีที่เขาหาพบจะเป็นเพียงแค่ซีดีเพลงเท่านั้น อย่างนั้นแผ่นซีดีที่มีคลิปของวิศรุตจะไปอยู่ที่ไหนกันถ้าไม่ใช่ที่นี่

“ผมว่าคุณลองไปหาแถวๆตรงบริเวณที่ควบคุมจอโปรเจคเตอร์ในห้องจัดเลี้ยงดีกว่าครับ เพราะว่าจอฉายโปรเจคเตอร์ในห้องจัดเลี้ยงนั้นจะมีคอมพิวเตอร์ต่อเพื่อควบคุมโดยตรง ที่ห้องนี้เป็นเพียงแค่การควบคุมเสียงที่ออกลำโพงรอบบริเวณทั่วงานเท่านั้น บางทีแผ่นซีดีที่คุณหาอาจจะอยู่ที่นั่น” คำพูดของทีมงานคนนั้นทำให้นภัทรฉุกใจคิดขึ้นมาได้ ถ้าหากว่าคลิปนั่นสำคัญมากจริงๆ ภาคินไม่มีทางปล่อยเอาไว้กับสตาร์ฟทั่วไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอน เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ชายหนุ่มต้องตัวชาวาบอีกรอบเพราะค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าคลิปนั้นตอนนี้คงไปรอเปิดอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงแล้ว

นภัทรรีบร้อนออกจากห้องควบคุมเสียงแทบทันที เมื่อชายหนุ่มเข้ามาถึงห้องจัดงานก็เป็นเวลาเดียวกับที่วิศรุตเพิ่งพูดสุนทรพจน์ประโยคสุดท้ายจบลง

“...ซึ่งผลงานนี้เป็นผลงานที่ผมและพนักงานทัดเทวาทุกคนภูมิใจเป็นอย่างมาก ณ บัดนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับโครงการบ้านจัดสรรแห่งใหม่ภายใต้ชื่อโครงการว่า...บ้านเทวานิรมิต”

ข้างล่างเวที ภาคินพยักหน้าส่งสัญญาณกับลูกน้องของตนให้จัดการเปิดซีดีคลิปได้เลย ชายหนุ่มยิ้มสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ อีกชั่วอึดใจรับรองว่าวิศรุต ทัดเทวาได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวทุกฉบับแน่

ในขณะที่แขกทุกคนรวมทั้งสื่อมวลชนพากันให้ความสนใจกับจอโปรเจคเตอร์ตรงหน้าที่กำลังขึ้นว่าโหลดข้อมูลจากแผ่นซีดีอยู่ พงศธรที่เพิ่งฟื้นจากสลบก็วิ่งเข้ามาในห้องจัดงานแล้วรีบเข้ามาสมทบกับนภัทร ยังไม่ทันที่นภัทรจะได้พูดอะไร พงศธรก็ชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงรัวเร็วแต่ทว่ากลับเบาเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น

“ไอ้ภาคินกำลังใช้คลิปที่ถ่ายตอนแกกับวินมีอะไรกันในคืนวันงานเลี้ยงของคุณศรามาแฉว่าไอ้วินเป็นเกย์ แกต้องหยุดคลิปนั้นให้ได้ก่อนที่มันจะสายไปนะไอ้กานต์” นภัทรอึ้งไปเมื่อได้รู้เสียทีว่าคลิปเจ้าปัญหานั้นก็คือคลิปบัดสีของเขากับวิศรุตนั่นเอง ชายหนุ่มประสานสายตากับพงศธรแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นและแหบพร่าอย่างคนที่ไร้เรี่ยวแรง

“ไม่ทันแล้วไอ้พงษ์” พงศธรมองตามสายตาของนภัทรไปก็รู้ได้ว่าตอนนี้คลิปได้ถูกเปิดแล้ว ในที่สุดเขาก็มาไม่ทัน เท่ากับว่างานนี้เขาได้ทำร้ายวิศรุตผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายรวมถึงเพื่อนที่เขารักที่สุดอย่างนภัทรด้วยสองมือของเขาเอง

พงศธรหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของนภัทร ชายหนุ่มหันไปมองทางศรารัตน์ที่ยืนห่างออกไปและกำลัง มองมาที่ตนพอดี หญิงสาวจุดยิ้มที่มุมปากราวกับผู้ชนะ ในขณะที่คลิปโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังถูกเปิดขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์ สื่อมวลชนจากทั่วทุกสำนักต่างถ่ายรูปและเตรียมอัดวิดีโอข่าวกันอย่างคึกคักกับผลงานชิ้นเยี่ยมที่สุดของวิศรุต ทัดเทวา


จบบทที่35


Aislin : สวัสดีค่ะ กลับมาอัพให้เหมือนเดิมแล้ว หลังจากที่หยุดอัพไป1วัน  ^ ^ นิยายเรื่องทัณฑ์กามเทพนี้เดินทางมาเกือบจะถึงบทสรุปแล้วนะคะ เพราะตอนนี้ก็จบบทที่35แล้ว (จากทั้งหมดมี39บท) แล้วก็จบบทแบบค้างๆคาๆอยู่อย่างนั้น ฮ่าๆๆ เอาไว้ติดตามเองดีกว่าเน้อว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร และเมื่อเราโพสนิยายจบแล้ว เดี๋ยวจะเปิดโอกาสให้นักอ่านในเล้าเป็ดร่วมเล่นเกมชิงไฟล์นิยายตอนพิเศษ "เธอเท่านั้น" กันค่ะ ขอบอกว่าตอนพิเศษไม่มีในรวมเล่มและไม่เคยโพสลงเว็บใดมาก่อน เราแจกสมนาคุณพิเศษให้นักอ่านที่ร่วมเล่นเกมเท่านั้นค่ะ สำหรับกติกาเกมนั้นเดี๋ยวเราจะเอามาโพสพร้อมกับตอนที่36-39 เลยนะคะ อดใจรอกันหน่อยเน้อ

           มีบางท่านถามเข้ามาว่าโอมแอบคิดอะไรกับวินหรือเปล่า เพราะรู้สึกจับรังสีสีม่วงได้ลางๆ ขอตอบว่าไม่ได้คิดเกินเพื่อนค่ะ แค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่เน้อ (เสียดายกันล่ะสิ ฮิฮิ๊ววว) ส่วนเมริษา...เธอเดสสะมอร์เร่ย์ไปเรียบร้อยแล้วค่ะจากฝีมือพี่ภาคินจอมโหด มว๊ากกก...สงสารโอมจริงๆ ตอนแรกกะได้ลงเอยด้วยกันแล้วเชียว แต่ก็นะ...Aislin ใจร้าย ไม่ให้ลงเอยกันง่ายๆหรอก หุหุ

             ส่วนด้านฝั่งหมอกานต์กะวิน เดี๋ยวก็ได้รู้แล้วแหล่ะว่าเรื่องราวจะออกหัวออกก้อย อีกไม่นานเกินรอจ้า ไม่อยากพูดพล่ามให้มากนัก เอาไว้รอลุ้นเองดีกว่า ขอบอกว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
:a5:

ปล. ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยดีเสมอมา ถ้าจะดีกว่านี้ก็เม้นท์ๆให้หน่อยนะ คำนับงามๆ3รอบ  :pighaun: พลีสๆๆ

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #115 เมื่อ06-08-2012 13:36:05 »

ก่อนอื่นยกนิ้วโป้งให้คนเขียนก่อน ดำเนินเรื่องได้ดีมากจากเรียบเข้าสู้เนื้อหาที่เข้มข้นไปเรื่อยๆ มีหลากอารมณ์ของตัวละคร สุดยอด :3123:

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #116 เมื่อ06-08-2012 13:42:52 »

ศรารัตน์เลวได้อีกกกกก เกิดมาเป็นน้องวินทำไมว๊ะ   :z6:

ถ้าชีวิตวินจะลำเค๊ญขนาดนี ขายบริษัททิ้ง ละหนีไปยู่อังกฤษเหอะ สงสารมากอะ ไม่ไหว

ขออย่าให้ไอ่คลิปเวรนั้นได้เปิดเลยนะ

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #117 เมื่อ06-08-2012 14:54:35 »

อ่านแล้วโมโห  อยากให้วินหนีไปไกลๆ ไม่ต้องกลับมา ไม่ต้องสนใจอะไรแล้วทั้งนั้น 

อยากรู้ว่าถ้าทำกันขนาดนี้  ยัยศราไม่ฆ่าพี่มันให้ตายๆไปซะเลย  จะรู้บ้างไหมว่าตอนที่ไม่สบายพี่เค้าเป็นห่วงขนาดไหน

อย่ามาสำนึกเมื่ออะไรๆ มันสายไปแล้วกัน  ฮึ่ยๆๆๆ

สองพ่อลูกนั่น เอาไว้ให้กรรมตามสนองเหอะ

 :fire:

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #118 เมื่อ06-08-2012 15:14:44 »

ขอเดาว่าซีดีแผ่นนั้น " ไม่ มี คลิป "

อาจเป็นแผนซ้อนแผนของศราคะ

ยังมั่นในสายเลือดของพี่น้อง

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
Re: ทัณฑ์กามเทพ บทที่1-35
«ตอบ #119 เมื่อ06-08-2012 15:29:34 »

เรื่องชักเข้มข้น
ที่ศราทำไปมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้ใช่ไหม
มันต้องมีหักมุมแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด