(เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (จบ) แจ้งเปิดจองรวมเล่ม HOME The Series P.6  (อ่าน 66724 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #30 เมื่อ04-08-2012 14:57:56 »

เฮ้อ อึดอัดแทนพี แต่ก้อเสียใจกับพีด้วยอะ

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #31 เมื่อ04-08-2012 16:03:10 »

เรื่องนี้อ่านเเล้วรู้สึกดีจัง อ่านเเล้วรู้ว่าควรให้ความรู้สึกกับพ่อเเม่มากขึ้น
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่เเต่งมาให้อ่านนะค่ะ ตามๆค่ะ o13

ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #32 เมื่อ04-08-2012 16:42:31 »

ความรู้สึกบางอย่าง .. มันก็ยากที่จะแสดงออก

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของวัยใกล้ 30 ... ชอบบบบ   o13
 
ขอบคุณค่ะ .. รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^^    :L1:

ออฟไลน์ Thep503

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #33 เมื่อ04-08-2012 17:13:49 »

เข้ามาอ่าน กำลังเพลินเลยครับ... รอติดตามๆ

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #34 เมื่อ04-08-2012 21:00:31 »

น่าสงสารพี  :monkeysad:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #35 เมื่อ04-08-2012 21:21:27 »

ใครหนอที่จะยอมเปิดใจก่อน

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #36 เมื่อ04-08-2012 23:49:06 »

อบอุ่นดีนะครับ แต่อ่านแล้วใจหาย การจากลาเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆนะครับ

รอตอนต่อไปครับ  :L2:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 3 Aug)
«ตอบ #37 เมื่อ05-08-2012 00:23:23 »

ชอบ! :กอด1:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #38 เมื่อ05-08-2012 18:13:25 »

ในตอนรุ่งเช้า ผมตื่นขึ้นเพราะแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ้าม่านเข้ามาแยงตา และรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเต้ที่รดอยู่บริเวณต้นคอ แขนของเขาพาดอยู่บนหน้าอกของผม และหน้าของเขาก็ซุกห่างอยู่จากต้นคอของผมแค่ไม่กี่นิ้ว ผมนอนลืมตามองเพดานด้วยความรู้สึกอบอุ่นและตักตวงช่วงเวลาแห่งความสุขนี้อยู่อีกครู่ใหญ่ๆ ผมรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ชีวิตผมขาดหายไปนานมากแล้วเหลือเกิน ความใกล้ชิด ความห่วงใย และความรักที่บริสุทธิ์... อย่างน้อยๆ ความรักที่เต้มีให้ผมมาตลอดก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดที่ผมเคยได้รับจากใครมาจริงๆ เขาไม่เคยเรียกร้องให้ผมรักเขาและไม่เคยกังขาในความรักที่เรามีต่อกันเลย

อีกพักหนึ่ง เต้ก็ขยับตัวและลุกออกจากเตียง เขาเดินออกไปเข้าห้องน้ำ เสียงน้ำที่ไหลจากฝักบัวดังขึ้น และเมื่อเสียงนั้นเงียบลง เขาก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับเริ่มแต่งตัว จากนั้นเขาจึงเห็นว่าผมกำลังนอนลืมตามองเขาอยู่พอดี

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกยังไงบ้าง พีพี” เขายักคิ้วและยิ้มกวนๆ

“ก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ เตเต้”

เขาหัวเราะ “เออ ดีแล้ว วันนี้มึงจะโอเครึเปล่าวะ เพราะกูต้องไปสอนแล้วน่ะ”

“ไปเหอะ ไม่ต้องห่วงกูหรอก วันนี้กูก็ต้องออกไปธุระที่ธนาคาร จัดการเรื่องพินัยกรรมของพ่อต่ออีกเหมือนกัน”

“มึงยังไม่รีบกลับกรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ใช่มั้ย”

“ยังอะ กูลางานไว้ 2 อาทิตย์เลย ใช้แม่งทุกวันลาเท่าที่มี เพราะงั้นกูก็คงอยู่ที่นี่ต่ออีกอาทิตย์กว่าๆ นั่นแหละ”

“โอเค งั้นคืนนี้มึงไปกินข้าวที่บ้านกูอีกมั้ย”

“อืมมม... กูเกรงใจแม่มึงว่ะ กูว่าชวนแม่มึงมากินที่นี่บ้างดีกว่า อาหารที่ได้มาก็ยังเหลืออีกเพียบเลย”

“โอเค แต่กว่ากูจะกลับถึงบ้านก็ประมาณหกโมงเย็นนะ”

“ตามสบายเลยเพื่อน” ผมลุกออกจากเตียงเพื่อที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อผมเดินผ่านกระจกบานใหญ่ตรงปลายเตียง ผมก็ต้องหัวเราะเสียงดังออกมา

“อะไรวะ” เต้ถามก่อนที่จะทันเดินออกไปจากห้อง

“มึงดูสารรูปกูซิเนี่ย” ผมหันไปหาเขา ให้เขาเห็นสภาพของผมว่าเละเทะขนาดไหน ทั้งผมเผ้าที่ชี้โด่เด่ ทั้งรอยแดงเล็กๆ ตรงไหปลาร้า และที่สำคัญ กระดุมกางเกงบ็อกเซอร์ของผมยังถูกปลดออกอีกด้วย “นี่เมื่อคืนมึงทำอะไรกูวะเนี่ย”

เต้หน้าแดงและหันไปทางอื่น “ครวยเหอะ กูจะไปทำอะไรมึงวะ กูพนันหมื่นนึงเลยว่ากระดุมบ็อกเซอร์มันหลุดของมันเอง และรอยที่คอมึงนั่นก็คงเป็นรอยที่ยุงหรือไม่ก็แมลงกัดตอนที่เรานั่งกินเบียร์กันเมื่อคืนเหอะว่ะ”

น้ำเสียงที่จริงจังของเขาทำให้ผมใจแป้วและรู้สึกผิดที่ดันพูดเล่นแบบนั้นออกไป ผมจึงพยายามกลบเกลื่อนเพื่อให้เขารู้ว่าผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น

“ค่อยยังชั่ว ดีนะที่มึงไม่ได้เอาความบริสุทธิ์ของกูไปน่ะ” ผมเดินตรงเข้าไปตีก้นเขาเบาๆ

เต้ดูเหมือนจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง “ทะลึ่งแล้วมึง!”

“กับมึงคนเดียวแค่นั้นแหละ” ผมยักไหล่ “และถ้ามึงจะเอาความบริสุทธิ์กูไป กูก็คงโอเคมั้ง อย่างน้อยก็เป็นมึงล่ะวะ เอ้า”

เขาส่งยิ้มแปลกๆ ให้กับผม ก่อนจะหันไปเปิดประตูห้องออก “โอเค งั้นเดี๋ยวคืนนี้เจอกันเว้ย ถึงจะมีเวลาแค่อาทิตย์กว่าๆ แต่กูก็ดีใจที่มึงกลับมานะ ไอ้พี กูอยากให้มึงกลับมาอยู่ที่บ้านเรานี่ถาวรจริงๆ นะเว้ย”

ผมเดินตรงเข้าไปกอดเขาและบอกเขาว่าผมก็คิดถึงเขามากเหมือนกัน ปกติเวลาเรากอดกัน เราจะกอดกันแบบเพื่อน เป็นกอดที่แนบแน่น กระชับ และไม่ได้แนบลำตัวติดกันเสียทีเดียว แต่ครั้งนี้ผมกอดเขาแบบแทบจะหลอมรวมร่างกายของเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ไอ้น้องชายของผมก็เบียดเข้าที่ต้นขาของเขา เขาตบหลังผม 2-3 ทีและจุ๊บลงบนต้นคอของผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมออก ผมรีบยกมือขึ้นแตะตรงตำแหน่งที่เขาเพิ่งจุ๊บผมตามสัญชาติญาณทันที เขาส่งยิ้มแปลกๆ แบบนั้นให้ผมอีกครั้ง ส่วนผมก็ได้แต่ยืนมองหน้าเขางงๆ

“กูต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านจริงๆ แล้วว่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะสาย เอาไว้ค่อยเจอกันอีกทีเย็นนี้นะเว้ย”

“อ... เออ”

เขาเดินออกจากห้องไปได้แค่สองก้าวแล้วก็ต้องหมุนตัวกลับมาหาผมอีกครั้ง “เอ้อ กูลืม มึงจะให้ข้าวไอ้มอมเองหรือจะให้กูพามันกลับไปที่บ้าน แม่กูเค้ารักมันจะตาย เค้าไม่ว่าอะไรหรอกนะเว้ยถ้ามึงจะฝากเค้าเลี้ยงสักพักน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูดูแลมันเอง”

เขายิ้มให้ผมและพยักหน้าน้อยๆ “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

อีกไม่กี่นาทีถัดมาผมก็ได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดและปิดลง ผมรีบเดินไปที่หน้าต่างและเลิกผ้าม่านออกดูเห็นว่าเต้กำลังเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองพอดี ผมนึกถึงตอนที่เรากอดกันเมื่อกี้และตอนที่เขาจูบลงบนต้นคอของผมแล้วก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้น ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่ามันจะดีขนาดไหน ถ้าหากว่าที่จริงแล้วเต้เองก็รักผมแบบเดียวกับที่ผมรักเขา ตลอดชีวิตที่เรารู้จักกัน เราบอกรักกันมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ก็มีแค่เพียงคำว่า ‘รัก’ คำนั้นคำเดียวเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าเขารักผมแบบนั้นจริงๆ ชีวิตผมจะมีความสุขมากขนาดไหนกันนะ

ไม่สิ ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ผมต้องไม่ลืมที่จะย้ำเตือนตัวเองไว้ว่าเขาเป็นชายแท้ ไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนผม ตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว เขามีแฟนมาตั้งไม่รู้กี่คน และยังเคยแต่งงานจนเกือบมีลูกมาแล้วเลยด้วยซ้ำ ผมต้องหยุดคิดฟุ้งซ่านสักทีเพื่อตัวของผมเอง

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #39 เมื่อ05-08-2012 18:44:33 »

เต้ต้องชอบพีแน่ ๆ อ่ะ

เพื่อนธรรมดาที่ไหนเค้าจะมาจุ๊บคอกันแบบนี้

อยากอ่านมุมมองของเต้...เจ้าค่าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
« ตอบ #39 เมื่อ: 05-08-2012 18:44:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #40 เมื่อ05-08-2012 19:09:03 »

มันต้องมีอะไรแน่ๆ

เพื่อนกันธรรมดาๆไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ

ถ้าแบบนี้เรียกว่า"เพื่อนธรรมดา"

งั้นผมขอมีแค่"เพื่อนธรรมดา"ก็ได้

ฟงแฟนอะไรไม่เอาก็ได้

รอตอนต่อไปครับ  :L2:

MiiCell

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #41 เมื่อ05-08-2012 19:13:43 »

บร๊ะ เกิดอะไรขึ้นอ่ะ :a5:
มันต้องมีอะไรอยู่ในกอไก่แหงมๆเลย
รอยยิ้มแปลกๆมันบ่งบอก ฮ่าๆ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #42 เมื่อ05-08-2012 19:55:26 »

เหมือนจะใจตรงกัน♥♥♥

แต่กลัวคนเขียนสับขาหลอกอ่ะ :sad4:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #43 เมื่อ05-08-2012 20:33:54 »

โอ้ยยย  พี
คิดเยอะไปเปล่า
อยากทำอะไรก็รีบๆทำเถอะ
อายุจะ30 แล้ว
เวลาเหลือน้อยแล้วนะ

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 631
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #44 เมื่อ05-08-2012 21:24:45 »

พี รุก เต้เลย เอาใจช่วยค่ะ

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #45 เมื่อ05-08-2012 21:35:05 »

อบอุ่นมากครับ ชอบ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #46 เมื่อ05-08-2012 21:49:17 »

 :m1: ชอบจัง


Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #47 เมื่อ05-08-2012 23:06:01 »

มันต้องมีอะไร มีอะไรแน่ๆ

ความคิดของเต้ กำลังคิดอะไรอยู่อยากรู้จังเลย


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #48 เมื่อ05-08-2012 23:36:36 »

การกระทำของเต้ ชักเริ่มไม่ปกติดแล้วน๊า

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #49 เมื่อ06-08-2012 01:10:39 »

ขอให้มันเป็น Happy Ending นะ อย่าเป็น Sad ending ไม่่งั้นเราจะ เศร้า  :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
« ตอบ #49 เมื่อ: 06-08-2012 01:10:39 »





ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #50 เมื่อ06-08-2012 19:08:39 »

อยากให้ทั้งสองคนบอกความรู้สึกที่แท้จริงต่อกัน
พีเหมือนคนหลอกตัวเอง

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #51 เมื่อ06-08-2012 19:53:36 »

หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็กินข้าวเช้า โทรหาอาไพศาลและตัวแทนประกันชีวิตทุกบริษัทที่พ่อทำไว้เพื่อถามว่ามีอะไรที่ผมต้องทำอีกบ้าง และแน่นอนว่ายังมีอีกเยอะทีเดียว

ผมขับรถไปที่ธนาคารเพื่อจัดการเรื่องเงินในบัญชีของพ่อ ระหว่างที่รถติดไฟแดง ผมหยิบสมุดบัญชีของพ่อมาเปิดดูและต้องตกใจเมื่อพบว่าพ่อมีเงินเก็บอยู่มากขนาดไหน พ่อนำเงินชดเชยประกันชีวิตของแม่ที่ได้มาใส่รวมไว้ในบัญชีเดียวกัน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลำพังแค่อาชีพครูจะทำให้พ่อมีเงินเก็บอยู่มากขนาดนี้ แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ พ่อก็เป็นคนที่คอยสอนให้ผมรู้จักประหยัดอดออมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และยิ่งเมื่อคิดย้อนไปถึงพื้นเพของพ่อที่เคยมีปัญหากับญาติพี่น้องเรื่องมรดกของปู่กับย่า จนทำให้พ่อต้องตัดขาดญาติที่เหลืออยู่ทุกคนและย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว มันก็คงไม่น่าแปลกใจนักที่จะคิดว่าพ่อคงพยายามเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เอาไว้ก็เพื่อผมในวันนี้ นอกจากนั้นตามที่อาไพศาลเคยบอกผม พ่อยังมีที่ดิน และหุ้นที่ซื้อเอาไว้เพื่อหวังเก็บเงินปันผลและดอกเบี้ยอีก

หากนำเงินประกันชีวิตของพ่อที่ผมจะต้องได้มารวมเข้าไปแล้ว จำนวนเงินทั้งหมดที่กำลังจะกลายเป็นของผมน่าจะสูงขึ้นถึงราวๆ เกือบ 10 ล้านบาท

เมื่อไปถึงที่ธนาคาร ผมก็ได้รับกุญแจให้เปิดเซฟของพ่อจากพนักงานธนาคารคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะรู้จักพ่ออยู่เหมือนกัน เขาแสดงความเสียใจกับการจากไปของพ่อด้วย เมื่อเราเข้าไปในห้องเซฟ เขาก็จัดแจงวางกล่องนิรภัยขนาดใหญ่ท่าทางจะหนักลงบนโต๊ะและบอกให้ผมกดกริ่งเรียกเขาเมื่อเสร็จธุระ เมื่อเปิดกล่องออก ผมก็พบกับกล่องไม้สีดำอีกกล่องและกระเป๋าหนังสีน้ำตาลใบหนึ่งวางอยู่ข้างใน ผมหยิบกระเป๋าออกมาเปิดดูก่อน และพบว่าในนั้นมีอัลบั้มรูปเก่าๆ ของครอบครัวเราเก็บไว้หลายใบ ซึ่งทุกใบในนั้นล้วนแต่เป็นรูปที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรูปของพ่อกับแม่ตอนแต่งงานใหม่ๆ รูปที่ทั้งสองคนกำลังเต้นรำกันอยู่กลางฟลอร์เต้นรำในสถานที่และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง รูปของพ่อและแม่ในชุดครุยที่ยืนจับมือยิ้มกว้างอยู่ด้วยกัน ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และภาพเหล่านี้ก็ทำให้ผมมีรอยยิ้มขึ้นได้อีกครั้ง ผมเปิดดูรูปไปเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับรูปของผมกับเต้สมัยเด็กๆ หลายใบ มีใบหนึ่งเป็นรูปของผมกับเขา อายุราวๆ 7-8 ขวบ ยืนคู่กัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจคือในรูปเต้กำลังหอมแก้มผมอยู่ ผมจำไม่ได้เลยว่าเราเคยทำแบบนี้กันด้วย!

ผมเก็บรูปใบนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ และตัดสินใจว่าจะนำภาพทั้งหมดนี้ไปก๊อปปี้เก็บไว้ แล้วค่อยนำอัลบั้มนี้มาเก็บไว้ที่นี่ที่เดิมอีกครั้ง

ผมวางอัลบั้มรูปลงบนโต๊ะ หยิบกระดาษที่อยู่ในซองเอกสารหลายแผ่นทั้งใหม่บ้างเก่าบ้างออกมาเปิดดูผ่านๆ พวกมันคือบรรดาโฉนดที่ดิน เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ต่างๆ ประกันชีวิต เงินฝาก ทุกอย่างที่ผมควรจะต้องรู้ ผมเก็บมันกลับลงไปในกระเป๋าตามเดิม และยกกล่องไม้สีดำออกมาจากกล่องนิรภัย รู้สึกประหลาดใจที่มันหนักมากถึงขนาดนี้ และเมื่อเปิดออกดู ผมก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าข้างในมีสร้อยทองหลายเส้นวางทับอยู่บนทองแท่งอีกจำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นมรดกที่พ่อได้รับมาจากปู่อีกที ผมนับจำนวนของสร้อยทั้งหมดได้ 29 เส้น เท่ากับอายุของผมพอดี มันทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่แม่เคยเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ยังเด็กได้ว่าพ่อมักจะซื้อสร้อยทองเป็นของขวัญวันเกิดให้ผมทุกปี ปีละหนึ่งบาทบ้าง สองสลึงบ้าง แล้วแต่ความสามารถของพ่อในตอนนั้นๆ ผมจำได้ว่าผมยังเคยถามแม่กลับไปเลยว่าแล้วทำไมผมถึงไม่เคยได้ใส่ทองบ้างเลย แม่แค่หัวเราะเบาๆ และบอกผมว่าเมื่อถึงเวลา ผมจะได้มันเอง ด้วยความที่ถูกสอนไม่ให้ใช้ชีวิตอยู่กับวัตถุและความฟุ่มเฟือย ผมจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่เมื่อนึกถึงมันขึ้นมาได้ ผมก็ต้องรู้สึกผิดและเจ็บปวดขึ้นอีกครั้งที่ตัวเองกลับคิดแต่จะทำให้ชีวิตบั้นปลายของพ่อมีความสุขด้วยการตั้งใจทำงานหาเงินให้ได้มากๆ ที่กรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่สำหรับพ่อแล้ว เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็คุยกับแขกอีก 2-3 คน กว่าที่แขกคนสุดท้ายจะกลับไปก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมเดินขึ้นไปบนห้อง หยิบรูปถ่ายออกจากกระเป๋าเสื้อและวางมันลงบนโต๊ะเขียนหนังสือโดยวางสมุดเล่มหนึ่งทับเอาไว้ จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมต้อนรับเต้กับแม่ตุ๊ก

ผมเดินกลับลงมาชั้นล่างและนั่งลงบนโซฟา ไอ้มอมแมมลุกออกจากพื้นห้องและกระโดดขึ้นมานั่งข้างๆ ผม มันเกยคางลงบนหน้าขาของผมแล้วถอนหายใจ

“คิดถึงพ่อสินะ ไอ้มอม กูเหมือนกัน...” ผมลูบหัวมัน มันเหลือบตาขึ้นมามองผมราวกับเข้าใจสิ่งที่ผมพูด “ถ้ากูกลับไปกรุงเทพฯ แล้วมึงจะอยู่กับใครว้า ไอ้หมาเอ๊ยยย”

ไอ้มอมส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ และซุกหน้าเข้ามาหาผมมากขึ้นอีก แต่เมื่อเสียงเปิดประตูรั้วบ้านดังขึ้น มันก็รีบกระโดดลุกออกจากโซฟาและวิ่งไปที่หน้าประตูทันที มันกระดิกหางและเห่าอย่างมีความสุขเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา

“เป็นไง เหนื่อยมั้ยวันนี้” เต้ทักผมพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ไอ้มอมแมมกระโดดขึ้นไปเกาะขาของเขาทันที จากนั้นมันก็วิ่งไปหาแม่ของเต้พร้อมกับแกว่งหางไปมาอย่างบ้าคลั่ง

“แม่หวัดดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้แม่ตุ๊ก “แล้วนั่นแม่เอาอะไรมาด้วยน่ะครับ”

“แม่จะมาทำกับข้าวให้กินไง หิวรึยังล่ะ รอแม่แป๊บนึงนะ ขอแม่สำรวจของในครัวก่อน” แม่ตุ๊กพูดพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในครัวโดยมีไอ้มอมแมมเดินตามหลังไปติดๆ

“จริงๆ ในครัวก็ยังมีของกินอยู่นะครับ แต่เราคงกินกันไม่หมดหรอก บางอย่างเสียไปแล้วรึยังก็ไม่รู้ พีก็ลืมดูไปสนิทเลย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จัดการเอง” แม่ตะโกนตอบกลัยมาจากในครัว

เต้เดินมานั่งลงข้างๆ ผม เขาปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกและถอดเน็กไทวางไว้บนโต๊ะรับแขก

“มึงไม่เปลี่ยนเสื้อก่อนมาวะ จะขึ้นไปเอาเสื้อกูมาใส่ก่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาบน้ำเลยทีเดียว” เขาหันมายิ้มให้ผม “สรุปวันนี้ยุ่งมากมั้ยวะ”

“นิดหน่อยว่ะ จริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีนะ แต่ก็...” ผมยักไหล่ “ถ้าจะให้เครียดก็เครียดนิดหน่อยเหมือนกัน”

“ยังไงวะ ไหนเล่ามาซิ” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

ผมเล่าเรื่องรูปถ่ายและสมบัติทั้งหมดที่เจอในเซฟของพ่อ รวมทั้งจำนวนเงินทั้งหมดที่ประมาณอย่างคราวๆ ให้เขาฟังโดยไม่ปิดบังรายละเอียดอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะผมรู้ว่าผมไว้ใจเขาได้ ผมบอกเขาว่าผมเองก็กังวลกับจำนวนเงินทั้งหมดเหมือนกัน ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะดูแลจัดการมันอย่างไร และตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจว่าถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมไปอีกคน ก็คงจะเป็นเขานี่แหละที่ต้องดูแลสมบัติทั้งหมดต่อไป

“นี่มึงจะให้กูเป็นทายาทคนต่อไปของมึงรึไงวะ ไอ้พี” เขาหัวเราะชอบใจ

“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเว้ย แต่กูคิดไว้แล้วจริงๆ ว่าพอหมดจากกูมันก็ไม่มีใครคนอื่นแล้ว ใช่มั้ยล่ะ กูอาจจะบริจาคส่วนนึงเข้าการกุศล และที่เหลือก็ยกให้มึงกับแม่นั่นแหละ”

เขานิ่วหน้าเล็กน้อย เหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดเสียก่อน

“แต่ก่อนหน้านั้น กูก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเงินแล้วก็ทองพวกนั้นอะนะ บางทีก็อาจจะเก็บมันไว้เฉยๆ แบบนั้นแหละมั้ง”

“ก็ดีแล้วนี่ พ่อมึงเองก็คงไม่คิดอยากจะให้มึงเอามาถลุงจนหมดหรอก”

“กูรู้ แต่ก็อย่างที่กูบอกนั่นแหละว่ากูอยากจะให้มึงช่วยกูด้วย คืออย่างน้อยๆ ถ้ากูเป็นอะไรไป กูก็จะมอบอำนาจให้มึงหมดเลย มึงจะเอาไปดูแลจัดการต่อยังไงก็เรื่องของมึง เอาไว้ให้ลูกมึงในอนาคตก็ได้ ถือว่าเป็นของขวัญจากอาคนนี้ของมันไง”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น “กูดีใจนะเว้ย ไอ้พี ที่มึงคิดถึงกูกับแม่ขนาดนั้น แต่กูรับไว้ไม่ได้หรอก และที่สำคัญคือมึงไม่คิดจะเก็บไว้ให้ลูกหลานหรือเมียในอนาคตของมึงมั่งเลยเหรอวะ ทำไมถึงต้องเป็นแค่กูกับแม่ หรือลูกของกูแค่นั้นด้วย”

ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง บางทีคงถึงเวลาที่ผมควรจะบอกความจริงเขาได้แล้วล่ะมั้ง

“เต้... จริงๆ แล้วกูมีเรื่องบางอย่างที่อยากบอกให้มึงรู้ว่ะ” เราสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันไปทางอื่น “ไอ้เต้ คือ...”

“จริงๆ กูก็มีเรื่องอยากคุยกับมึงอยู่เหมือนกัน” เขาพูดขัดขึ้น

ผมนิ่วหน้าสงสัย “เรื่องอะไรวะ”

“เอาไว้เราค่อยคุยกันคืนนี้ก็แล้วกัน” เขายิ้มน้อยๆ แต่มันกลับแลดูเศร้าสร้อยชอบกล ผมสงสัยว่าจะเป็นปัญหาเรื่องแฟนเก่าของเขารึเปล่า จากนั้นเขาก็ลุกออกจากโซฟาและเดินเข้าไปช่วยแม่ของเขาเตรียมกับข้าวในครัว

ผมเดินตามเข้าไปหวังจะช่วย แต่ก็โดนเขาสองคนไล่ให้ออกไปนั่งรอข้างนอกเหมือนเดิม ที่จริงผมก็พอจะทำอาหารเป็นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับเขาสองคนแล้ว ผมดูจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

ในระหว่างที่เราสามคนทานข้าวเย็นด้วยกันอยู่นั้น เต้ก็เล่าให้ผมฟังเพิ่มเติมว่าการที่เขาตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านกับแม่เป็นเพราะเขาไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว พ่อของเขาจากไปเพราะอุบัติเหตุจากการทำงาน และเขารู้สึกว่าควรจะต้องกลับมาช่วยแม่ดูแลบ้านและทุกๆ อย่างแทนพ่อ เพราะว่าก่อนหน้านี้ พ่อของเขาจะเป็นคนดูแลเรื่องการเงินและเรื่องบ้านอยู่คนเดียว เขารู้ดีว่าถ้าหากเขาไม่กลับมา แม่จะต้องมีปัญหากับเรื่องเหล่านี้แน่ๆ และที่สำคัญ เขาไม่อยากทิ้งให้แม่ต้องเหงาและเศร้าอยู่คนเดียวด้วย

“แม่ไม่เหงาขนาดนั้นหรอก” แม่ตุ๊กพูดขึ้น “แม่จะไม่โกหกหรอกนะว่าแม่ไม่เป็นอะไรเลย แต่ทุกๆ วันมันก็ผ่านไป แม่ก็ต้องอยู่ต่อไป บางทีเวลาแม่เหงา แม่ก็เดินไปคุยกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ บ้างไง”

“และบางทีก็ไปตั้งวงเล่นไพ่ที่บ้านคนอื่นด้วย” เต้พูดเสริม

“ฉันเล่นแล้วฉันได้ก็แล้วกันย่ะ แหมม แค่งานอดิเรกนิดๆ หน่อยๆ เอง” แม่ตุ๊กตีแขนเต้ดังเพี๊ยะ ผมจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“นี่เต้ก็พยายามกล่อมให้พีมันกลับมาอยู่ที่บ้านกับเราเหมือนเดิมอยู่นะ แม่ แม่เองก็ช่วยพูดด้วยสิ”

“โอ๊ยยย ไม่เอาหรอก พีมันจะกลับมามั้ย มันก็ต้องตัดสินใจเอง ถ้าแกจะกล่อมเพื่อนแก แกก็ทำเองสิ แม่รู้ว่ายังไงเดี๋ยวพีก็ต้องยอมแกเหมือนเดิมนั่นแหละ”

เต้หัวเราะชอบใจ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนโดนหอกหรือดาบแทงเข้าหัวใจดังฉึก

“โหแม่อะ ตอนนี้พีโตแล้วนะครับ ไม่ยอมให้ไอ้เต้มันมาปั่นหัวหรือเอาเปรียบเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ได้ง่ายๆ แล้วนา” ผมออกตัว

“แล้วทำไมเราไม่อยากกลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ พี กลับมาที่นี่ก็ดีออกน้า มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเต้ด้วย มันอยากให้เรากลับมาอยู่ที่นี่ยิ่งกว่าแม่อีกไม่รู้ตั้งกี่เท่า”

ผมเห็นเต้หันไปมองทางอื่น แก้มของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย เขากระแอมเบาๆ ราวกับจะกลบเกลื่อนท่าทีเขินอายของตัวเอง

“พีกำลังคิดอยู่น่ะครับ ถ้าถามว่าอยากกลับมามั้ย พีก็อยากเหมือนกัน กลับมาดูแลบ้าน ดูแลไอ้มอม แต่เพื่อนๆ พี การงานพี มันอยู่ที่กรุงเทพฯ หมดเลยน่ะครับ พีไม่แน่ใจว่าถ้าพีมาอยู่ที่นี่แล้วจะหางานได้แบบเดียวกับที่ทำอยู่ที่กรุงเทพฯ รึเปล่าด้วย”

“นี่แปลว่าพีคงรักงานที่ตัวเองทำมากเลยสินะ”

ผมอ้าปากจะตอบ แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ คำพูดของแม่ตุ๊กทำให้ผมต้องย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าผมชอบงานที่กำลังทำอยู่จริงแน่หรือเปล่า หรือผมแค่กำลังพยายามยึดติดกับอะไรบางอย่างเพื่อการเหนี่ยวรั้งทางความรู้สึกไว้เท่านั้น

เต้ที่ดูเหมือนจะอ่านสีหน้าและความคิดของผมออกเปลี่ยนหัวข้อคุยเป็นเรื่องอื่น เราสามคนนั่งกินข้าวและพูดคุยกันต่ออีกเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม จากนั้นผมกับเต้ก็ช่วยกันเก็บล้างอยู่ในครัว ซึ่งในขณะที่ผมกำลังเป็นคนล้างจานส่วนเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยเช็ดและคว่ำจานให้อยู่นั้น เขาก็กระแทกสะโพกใส่ผม ทำให้ผมเซถลาจนเกือบจะล้ม เมื่อตั้งหลักได้แล้วผมก็กระแทกเขาคืน แต่เขายังคงกระแทกกลับมาแรงกว่าเก่า ผมจึงสาดน้ำใส่เขา ทำเอาเขาสะดุ้งและรีบกระโดดหลบแทบไม่ทัน เขาหยิบขวดน้ำที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาสาดน้ำใส่ผม ผมเลยร้องเสียงหลงพร้อมกับพยายามบิดตัวหลบ แม่ตุ๊กที่ได้ยินเสียงของพวกเราร้องโวยวายชะโงกหน้าเข้ามาดูแล้วก็หัวเราะชอบใจออกมาเสียงดัง

“นี่เราสองคนโตกันจนจะอายุ 30 อยู่แล้วนะ! ยังเล่นกันเป็นเด็กๆ แบบนี้อีก” แม่ตุ๊กเท้าเอวพลางส่ายหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง “แต่แม่ดีใจนะที่เห็นเราเป็นแบบนี้น่ะ เราสองคนนี่มันเหมือนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ เลยนะ รู้ตัวรึเปล่า”

ผมถึงกับชะงักเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใจของผมเต้นแรงและเกือบทำจานที่ถืออยู่ในมือหล่นทีเดียว ผมหันไปมองหน้าของเต้เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาแล้วก็พบว่าเขากำลังยิ้มแบบนั้นให้ผมอีกแล้ว มันเป็นรอยยิ้มอบอุ่น แต่ก็ดูลึกลับราวกับว่าเขารู้ความลับบางอย่างอยู่ เราสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาแม่ของเขา

“ก็คงงั้นมั้งแม่ ป่านนี้เต้ว่าก็คงรู้ได้แล้วล่ะ” เขาพูดกับแม่พลางใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำบนหน้า “แม่จะกลับไปก่อนมั้ย เดี๋ยวเต้ว่าจะนั่งคุยกับไอ้พีพีมันอีกสักพักน่ะ”

“นั่นสินะ งั้นแม่กลับไปดูละครที่บ้านก่อนดีกว่า... ตายยยแล้ววว! วันนี้มีณเดชน์นี่นา ไม่ได้ๆ แม่ต้องรีบกลับแล้วเดี๋ยวไม่ทัน!”

“งั้นเดี๋ยวเต้เดินไปส่ง... แต่แค่หน้าบ้านนี่พอนะ ขี้เกียจอะ” เต้พูดพลางหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปกอดคอแม่ของเขา

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ แม่ตุ๊ก ฝันดีครับ”

“จ้าาา พักผ่อนเยอะๆ นะลูก” แม่ตุ๊กตะโกนตอบกลับมาพลางเดินออกจากบ้านไป

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เต้ก็เดินกลับเข้ามาในครัว เขามาช่วยผมเช็ดจานและคว่ำจานที่เหลือต่อ และเมื่อเราเก็บครัวกันเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เราก็ยืนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ผมเห็นเศษทิชชู่ติดอยู่ตรงซอกคอของเขา จึงยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบมันออก แต่เขากลับผงะไปนิดหน่อย

“กูแค่จะหยิบทิชชู่ออกให้” ผมกลอกตา “ไม่ได้จะทำอะไรมึงหรอกน่า”

เขายิ้มเขินๆ และปล่อยให้ผมหยิบทิชชู่ออกแต่โดยดี

“ไหนหันซ้ายหันขวาให้ดูหน่อยซิ จะดูว่าหมดรึยัง” ผมจับแก้มของเขาแล้วบิดหน้าเขาให้หันไปมาเบาๆ

ความสนิทสนม ความใกล้ชิด และสัมผัสแบบนี้ยิ่งทำให้ผมทั้งรู้สึกอบอุ่นและว้าเหว่มากขึ้นไปอีก กับแฟนคนก่อนหน้านี้ของผม เวลาสัมผัสร่างกายของเขา ผมก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างนี้ ยิ่งเมื่อคิดว่าทั้งที่เต้เป็นผู้ชายแท้ๆ และไม่ได้คิดอะไรกับผมเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อนเลย แต่เราก็ยังสามารถปฏิบัติต่อกันแบบนี้ได้ ผมก็ยิ่งปวดใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ

“เฮ้ย ตกลงว่าหมดรึยัง...” เขาพูดขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นว่าผมจับแก้มของเขานานเกินไปแล้ว

“โทษทีว่ะ ขอโทษๆ” ผมรีบลดมือลงทันที

“คิดอะไรอยู่รึไง หรือว่าแก้มกูนิ่มไปหน่อย เลยจับเพลิน” เขาหยอก

“เปล่าสักหน่อย” ผมรีบหันหน้าหลบ ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมกำลังเขินจนหน้าแดงอยู่

เขาขยี้หัวผมเบาๆ “จะจับอีกนานๆ ก็ได้ กูไม่ว่าอะไรมึงเลย”

ผมหันกลับไปมองเขาด้วยความแปลกใจ

“เพลินดีออก และมึงเป็นผู้ชายคนเดียวเลยนะที่ได้จับแก้มกูแบบนี้น่ะ ถ้าเป็นคนอื่นกูคงต่อยตาแตก” เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็จับมือผม “เอ้า ตกลงมึงว่ามีอะไรจะคุยกับกูวะ ไอ้พี”

ผมก้มมองดูมือของเขาที่จับมือผมเอาไว้อยู่ด้วยความตกใจ ผมหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง

“เต้... ที่กูบอกมึงว่ากูไม่เคยนอนแก้ผ้ากับผู้ชายคนไหนเลยน่ะ ที่จริงแล้วกูโกหกว่ะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าแปลกใจ

“กูว่ากูคงไม่มีทางพูดเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าบอกมึงตรงๆ แล้วล่ะมั้ง...” ผมเว้นช่วง พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อพูดประโยคต่อไป “ไอ้เต้ กูไม่ได้ชอบผู้หญิงว่ะ กูชอบผู้ชาย”

เขามองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือออก ใจของผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

“มึงแค่พูดเล่นรึเปล่า พี”

ตอนแรกผมก็เกือบจะแกล้งหัวเราะและบอกเขาไปแล้วว่าผมแค่พูดเล่น แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยอมรับความจริงและส่ายหน้าออกไป

“เปล่า เรื่องแบบนี้มันพูดเล่นกันได้ด้วยเหรอวะ กูขอโทษ ไอ้เต้ แต่กูคิดว่ากูเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเราเรียน ม. ปลาย ด้วยกันแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นกูยังสับสน และกูก็ไม่เคยคิดชอบใครเลยจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย ตอนที่กูเริ่มคุยกับแฟนผู้ชายคนแรก บอกตรงๆ ว่าช่วงแรกๆ กูก็รู้สึกทะแม่งๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอเรามีอะไรกัน... ไม่รู้ดิ กูรู้สึกว่ามันคือสิ่งที่เป็นตัวกูจริงๆ มันเป็นธรรมชาติมากกว่ามั้ง กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กูก็เลยแน่ใจแล้วว่ากูเป็นเกย์”

หลังจากผมพูดจบก็เกิดความเงียบระหว่างเราขึ้นครู่หนึ่ง ตลอดเวลาที่ผมพูดออกไปนั้น ผมไม่กล้าสบตาเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ผมได้แต่ยืนพิงอ่างล้างจานและก้มหน้าพูดกับเท้าของตัวเองเท่านั้น ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้า และเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอีกครั้ง

“เต้ กูรักมึงมากนะเว้ย มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุด ไม่ว่ากูจะเจอเพื่อนใหม่อีกกี่คน แต่ก็ไม่มีใครทำให้กูรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและสบายใจได้เท่ากับเวลาที่อยู่กับมึง ไม่เคยมีใครที่ทำให้กูรู้สึกว่าแม่งรักกูจากใจจริงได้เท่ามึง และกูก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เคยใช้กับมึงเลย กูอยากบอกเรื่องนี้กับมึงมานานแล้วนะ แต่เราก็ไม่เคยมีโอกาสเหมาะๆ สักที และกูก็ไม่รู้จะพูดกับมึงยังไงด้วย กูกลัวมึงจะเกลียดกู กูกลัวว่าเรื่องระหว่างเรามันจะเปลี่ยนไป และถ้าเป็นแบบนั้น กูคงโคตรเสียใจเลยว่ะ”

เขาถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“มึง... มึงพูดอะไรหน่อยสิวะ เตเต้ มึงอย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย ถึงกูจะเป็นเกย์ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอวะ ถ้ามึงไม่อยากถูกเนื้อต้องตัวกูอีก ก็ไม่เป็นไร กูเข้าใจ ถ้ามึงไม่อยากนอนเตียงเดียวกับกูอีกแล้ว กูก็ไม่ว่า กูขอแค่มึงไม่รังเกียจกูก็พอ ขอแค่มิตรภาพระหว่างเราไม่พังทลายไป กูขอแค่นี้จริงๆ” ผมปิดท้ายประโยคด้วยเสียงที่สั่นเครือ ผมไม่อยากร้องไห้ให้เขาเห็น ไม่อยากให้เขาคิดว่าเป็นแค่ไอ้ตุ๊ดขี้แงคนหนึ่ง แต่การพยายามห้ามตัวเองไม่ให้กลัวคำตอบที่จะได้ยินมันก็ยากเหลือเกิน

“มึงรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเกย์ตั้งแต่ตอน ม. ปลาย แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่ตอนนั้น” เขาพูดขึ้น

“กูรู้เพราะ... เพราะตอนนั้นกูรู้สึกชอบคนๆ นึง แค่คนๆ เดียวเท่านั้น แต่กูไม่กล้าบอกมึงหรอก กูกลัว เหมือนที่กูกำลังกลัวอยู่ตอนนี้ไง”

“แล้วคนๆ นั้นคือใคร” เขาถาม

ผมหลับตาลง ไม่กล้าสบตา และไม่กล้าตอบคำถามนั้นของเขา

“ไอ้พี” เขาเดินตรงเข้ามาจับหัวไหล่ทั้งข้างของผมเอาไว้แน่น “กูถามว่าคนๆ นั้นคือใคร ใช่กูรึเปล่า”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2013 04:36:17 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #52 เมื่อ06-08-2012 19:56:33 »

“ไอ้พี” เขาเดินตรงเข้ามาจับหัวไหล่ทั้งข้างของผมเอาไว้แน่น “กูถามว่าคนๆ นั้นคือใคร ใช่กูรึเปล่า”

ผมกัดริมฝีปากแน่นและพยักหน้าตอบกลับไปเบาๆ “ใช่”

เต้สูดลมหายใจเข้าเสียงดังพร้อมกับปล่อยมือออกจากไหล่ของผม “แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรกวะ!” เขาเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

ในเสี้ยววินาทีนั้น ผมหลับตาและเตรียมพร้อมรับกำปั้นที่อาจจะเหวี่ยงมากระแทกใบหน้าของผมได้ทุกเมื่อ ผมเตรียมใจที่จะได้ยินเสียงกระแทกประตู และมองดูเต้ที่เดินออกจากชีวิตของผมไปตลอดกาล แต่สุดท้าย เขากลับวางมือลงบนหัวไหล่ทั้งสองข้างของผมอีกครั้งและดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น

ผมลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ รู้สึกว่าใจเต้นแรงยิ่งกว่าเมื่อครู่ตอนกำลังจะสารภาพกับเขาเสียอีก

“กูขอโทษว่ะ ไอ้พี” เขาพูดเบาๆ

“อ... ไอ้เต้”

“แต่กูคงเป็นเพื่อนกับมึงเหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ”

“หมายความว่ามึง...” เสียงของผมสั่นเครือ รู้สึกเหมือนหัวใจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ “มึงกับกูจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วใช่มั้ยวะ”

“ใช่ มันเป็นไปไม่ได้แล้ว” เขาถอนหายใจ ก่อนจะจุ๊บลงบนต้นคอของผมเบาๆ แล้วจากนั้นก็ดันตัวผมออก เขามองตาผมด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “เพราะกูอยากเป็นมากกว่านั้นกับมึง กูอยากใช้ชีวิตกับมึง พีพี ถ้าเกิดว่าคนๆ นั้นเป็นมึงแล้วล่ะก็ กูคิดว่ากูคงจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขที่สุดกว่าที่เคยเป็นมาแน่ๆ ว่ะ กูรักมึงนะเว้ย รักมาก กูอยากให้มึงกลับมาอยู่กับกูเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง กูรอคอยมึงมานานมากแล้ว กูคิดถึงมึงจริงๆ...” เขาใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่หางตาของผมออกพร้อมรอยยิ้มกว้าง “มึงจะร้องไห้ทำไมวะ มึงไม่ดีใจรึไง หรือมึงไม่รักกูแล้ว”

“ไอ้เต้...!! นี่มึง..!”

“เออ กูเองก็รักมึงมากกว่าเพื่อนมาตั้งแต่มัธยมแล้ว รักและคิดถึงมึงคนเดียวมาตลอดเหมือนกัน กูว่าความรู้สึกแบบนั้นที่เรามีคงแทบไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกมั้ง”

“แล้วทำไมมึงไม่เคยพูดอะไรเลยวะ! ไอ้ตูด!!” ผมร้องออกมาอย่างโล่งอก ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากปากของเขา

“อ้าว แล้วทีมึงยังไม่เห็นเคยบอกอะไรกูสักคำ” เขาหัวเราะเบาๆ

“ก็ตอนนั้นมึงมีแฟนอยู่แล้วนี่หว่า คบคนนั้นคนนี้เยอะแยะ กูจะไปรู้ได้ไงว่า...!!” ผมที่ยังโวยวายไม่ทันจบประโยคกลับถูกเขาปิดปากด้วยริมฝีปากเรียวบางของเขาเสียก่อน

ทันทีที่ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ผมก็อ้าปากออกเพื่อรับจูบของเขาอย่างกระหายทันที มันคือจูบแรกที่ผมรอคอยและต้องการมาตลอดชีวิต ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มจะผละตัวออก ผมจึงเขยิบหัวตามเขาไป ไม่อยากให้ริมฝีปากของเราแยกออกจากกันเลย

“อื้อออ...” เขาดันตัวผมออก “ ใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ย คนเก่ง” เขาหัวเราะ “ไปที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ”

เขาเดินจูงมือผมไปยังห้องนั่งเล่น เราสองคนนั่งลงบนโซฟาโดยที่ต่างคนต่างกุมมือของกันและกันเอาไว้อยู่

“ก็จริง ที่ตอนนั้นกูมีแฟนหลายคน แต่มึงไม่คิดเหรอวะว่าทำไมกูถึงเปลี่ยนแฟนบ่อย มันไม่ใช่เพราะกูเจ้าชู้หรอกนะเว้ย” เขาเริ่มเล่า “แต่เป็นเพราะผู้หญิงคนไหนๆ แม่งก็ไม่ทำให้กูรู้สึกดีได้เท่ากับเวลาที่กูอยู่กับมึงเลยสักคนต่างหาก ตอนที่มึงตัดสินใจจะไปเรียนที่กรุงเทพฯ มึงไม่รู้หรอกว่ากูเจ็บใจแค่ไหน กูคิดว่ามึงกับกูจะไปเรียนที่เดียวกัน อยู่ด้วยกันไปตลอดซะอีก ที่จริงตอนนั้นกูคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเราได้เรียนด้วยกัน กูจะลองสารภาพกับมึงและขอมึงเป็นแฟนดูสักตั้ง แต่พอมึงบอกว่าจะไปเรียนคณะที่มึงได้โควต้าที่กรุงเทพฯ กูก็เลยเข้าใจว่าที่ผ่านมา กูคงคิดไปเองคนเดียว มึงคงไม่ได้คิดอะไรกับกูเกินคำว่าเพื่อน คงไม่ได้เห็นกูสำคัญกับชีวิตมึงเท่าไหร่หรอก”

“แต่มันไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย ตอนนั้นที่กูตัดสินใจเลือกเอาโควต้าที่กูเสือกบังเอิญสอบติดมันเป็นเพราะกูกลัวที่จะต้องใกล้ชิดมึงมากเกินไปต่างหาก มันเป็นเพราะตอนนั้นกูรู้แล้วว่ากูชอบมึงมาก กูรักมึงเกินเพื่อนไปแล้ว ดังนั้นกูถึงตัดสินใจที่จะห่างจากมึงบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นกูกลัวว่าถ้าวันนึงเกิดมึงรู้ความจริงขึ้นมา กูจะเสียมึงไปจริงๆ”

เขายิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “น่าแปลกนะ เราสองคนต่างก็สนิทกันที่สุด แต่กลับไม่ไว้ใจกันมากที่สุดซะอย่างนั้น สุดท้ายก็เลยต้องเสียเวลาไปตั้งหลายปี”

“แต่... ไอ้เต้ กูขอโทษนะเว้ยที่ถามเรื่องนี้อะ แต่ตอนนั้นมึงก็แต่งงานกับเอ๋ไปแล้วไม่ใช่เหรอวะ มึงไม่ได้รักเอ๋เหรอ”

“รักสิวะ รักมากด้วย” เขาตอบพลางเหม่อมองออกไปเบื้องหน้า “เอ๋เป็นผู้หญิงคนเดียวที่กูใช้คำว่ารักได้เต็มปาก ถึงจะไม่เท่ามึง แต่มันก็เป็นความรักคนละอย่าง คือมึงเข้าใจมั้ยว่า มันอาจจะไม่ใช่ความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ตอนนั้นกูคิดว่าเอ๋น่าจะเป็นคนรักที่กูใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้มากที่สุด กูก็เลยเลือกเค้า แต่พอเราเสียลูกไป เอ๋ก็ไม่กลับมาเป็นคนเดิมอีกเลย และกูก็ไม่เคยคิดจะมองหาความรักครั้งใหม่อีกด้วยเหมือนกัน”

“จริงๆ ตอนนั้นกูก็คิดจะไปงานแต่งงานของมึงเหมือนกันแหละ แต่ว่า...”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “มึงไม่ได้ติดงานจริงๆ ใช่มั้ย”

“ติดเว้ย แล้วมันก็ไกลด้วยเหอะ ตั้งเชียงใหม่ กูลางานไม่ได้นี่หว่า”

เขาหรี่ตาพลางยิ้มมุมปากน้อยๆ

“เออๆ ยอมรับก็ได้วะว่าส่วนนึงก็ไม่อยากไปด้วยแหละ” ผมสารภาพ “แต่ว่ากูก็ดีใจกับมึงจริงๆ นะเว้ย พอหลังจากนั้นตอนกูกลับมาเยี่ยมบ้าน กูเห็นรูปในอัลบั้มงานแต่งของมึง กูยังดูไปอมยิ้มไปด้วยตลอดเลย กูเห็นมึงมีความสุข เห็นรอยยิ้มของมึงแล้วกูก็ดีใจ...” ผมยื่นมือขึ้นไปแตะใบหน้าของเขาเบาๆ “กูชอบรอยยิ้มของมึงมาตลอดเลยนะ รู้มั้ย มึงเป็นคนที่ยิ้มหวานและทำให้ทุกๆ อย่างรอบตัวดูสดใสมาก อย่างเรื่องคราวนี้ ถึงกูจะเสียใจเรื่องพ่อมากแค่ไหน แต่พอกูเห็นมึงคอยส่งยิ้มให้กำลังใจกู กูก็รู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ”

เขาจับมือของผมและจุ๊บลงบนหลังมือผมเบาๆ “มึงกลับมาอยู่ที่นี่นะ พีพี มาอยู่กับกู มาใช้ชีวิตของเราสองคนด้วยกัน กูไม่อยากสูญเสียมึงไปอีกแล้ว กูอยากดูแลมึงไปตลอดชีวิตของกู”

“เหรอวะ แต่ตอนนี้กูมีเงินเยอะมากเลยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ “กูจะไปซื้อบ้านใหม่อยู่ที่ไหนก็ได้ จะไม่ทำงานอีกหลายปียังได้เลย เพราะงั้นมึงลองทำให้กูอยากกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้งให้ดูหน่อยได้มั้ยวะ ขอเหตุผลดีๆ ที่จะทำให้กูรู้สึกอยากกลับมาถูกมึง ‘ดูแล’ สักหน่อยเหอะ”

“ได้เลย!” เขาโหมตัวเข้ามาทับผม เราจูบปากกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันทั้งยาวนานและเร่าร้อนกว่าครั้งแรกอย่างเทียบกันไม่ได้
เราลุกออกจากโซฟาโดยที่มือของเราต่างก็วุ่นวายช่วยกันถอดเสื้อผ้าของแต่ละฝ่ายออก จนในที่สุดเราก็นอนเปลือยกายอยู่ด้วยกันบนเตียงในห้องของผมโดยที่ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราขึ้นห้องกันมาได้อย่างไรและตั้งแต่เมื่อไหร่

“ด... เดี๋ยวก่อน” ผมถอนปากออก หายใจหอบเบาๆ “มึงเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนรึเปล่า เต้ มึงแน่ใจนะว่ามึงต้องการอย่างนี้จริงๆ”

“มึงอยากฟังเรื่องที่กูเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหน้านี้ หรืออยากจะมีอะไรกับกูตอนนี้ เลือกเอา” เขาถามกลับด้วยเสียงแหบพร่าและเต็มไปด้วยความต้องการ

“โอเค ไม่ถามแล้ว” ผมโน้มตัวเข้าไปจูบเขาอีกครั้ง

เขาเหวี่ยงตัวขึ้นคร่อมผมเอาไว้ จากนั้นก็ถอนปากออก และใช้ลิ้นเลียไล่ตั้งแต่ซอกคอของผมจนลงมาที่หัวนม ผมถึงกับบิดร่างกายไปมาด้วยความเสียว มือข้างหนึ่งของเต้จับมือผมเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็กำไอ้น้องชายของผมเอาไว้พร้อมกับรูดขึ้นลงเบาๆ ผมรู้สึกถึงน้ำหล่อลื่นเหนียวๆ ที่ถูกขับออกมาอย่างมหาศาล และยิ่งพอผมคิดว่าคนที่กำลังทำแบบนี้ให้ผมคือคนที่ผมรักมากและรักมานานแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกเสียวมากขึ้นเป็นทวีคูณ

เต้ไล่ตัวต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลิ้นของเขาหยุดวนอยู่รอบสะดือของผม และยังไม่ทันที่ผมจะได้เตรียมใจ เขาก็ครอบปากลงบนท่อนลำของผมอย่างโหยกระหายทันที ผมสะดุ้งเฮือกและแอ่นตัวขึ้นตามสัญชาติญาณ

“อื้อออ...!!” เขาส่งเสียงอยู่ในลำคอก่อนจะคายมันออก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยดวงตาที่หวานเยิ้ม “ใจเย็นๆ สิวะ เดี๋ยวกูก็ขาดอากาศตายก่อนหรอก”

“แฮ่ก... แฮ่กก... ก็มันเสียวนี่หว่า มึงทำเป็นจริงๆ เหรอวะ ไอ้เต้”

เขากลอกตา จากนั้นก็ก้มลงใช้ลิ้นตวัดที่ส่วนหัวท่อนลำของผม แล้วจึงอมมันอีกครั้งจนเกือบมิดด้ามโดยไม่โดนฟันเลย

“ซี้ดด...ด... ส์ เต้ ส... เสียวว่ะ โอ๊ยยย...ยย...” ผมจับหัวของเขาไว้แน่น

“อื้อออ...อ...”

“เสียวว่ะ ซี้ดดด...ด..ส์ กูเสียวนะเว้ย มึงอย่าเอาลิ้นดุนแบบนั้นดิ อั่... อั่กกก... อาา...ห์ เดี๋ยว... เดี๋ยวกูแตกนะเว้ย กูจะแตกแล้ว ไอ้เต้ อ๊าา จะแตกแล้ว!”

ผมพยายามร้องเตือนเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ตรงกับข้าม เขากลับเร่งจังหวะดูดและชักให้ผมเร็วขึ้นอีก จนในที่สุดผมก็พ่นน้ำรักใส่ปากของเขาเต็มๆ เขารีบถอนปากออกและใช้มือชักให้ผมต่อโดยที่ผมยังคงฉีดน้ำออกมาไม่หยุด น้ำสีขาวขุ่นไหลออกจากมุมปากและเลอะไปถึงคางของเขา

“พอแล้ว! หมะ.. หมดแล้ว!” ผมรีบจับข้อมือของเขาเอาไว้ “แฮ่ก... แฮ่กก...”

“มึงแม่งโคตรเซ็กซี่เลยว่ะ ไอ้พี...” เต้พูดพลางใช้มือชักให้น้องชายของตัวเองไปด้วย

ผมรีบเขยิบตัวลงไปเพื่อใช้ปากให้กับเขาทันที เต้จับหัวของผมเอาไว้และกระเด้งสะโพกเข้าออกอยู่ไม่กี่ที ร่างกายของเขาก็แข็งเกร็งขึ้น เขาเตือนผมว่าเขาใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่ผมไม่ยอมถอนปากออก ทันทีที่เขาร้องและฉีดน้ำรักออกมา ผมก็พยายามกลืนมันลงคอไปจนหมด ผมไม่เคยกลืนน้ำของผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย แต่สำหรับเขาคนนี้แล้ว ผมรู้สึกไม่อยากจะเสียมันไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่หยดเดียว ร่างกายและไอ้น้องชายของเขากระตุกอยู่อีกหลายทีพร้อมกับเสียงร้องครางเพราะความเสียว ซึ่งมีแต่ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของผมทำให้ไอ้น้องชายมันกลับมาแข็งผงาดขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ผมดูดและเลียน้ำของเขาหมดจนหยดสุดท้าย เต้หอบหายใจจนตัวโยนพร้อมกับล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง เขาดึงตัวของผมขึ้นไปกอดและเราสองคนก็จูบปากกันอย่างดูดดื่ม ต่างฝ่ายต่างได้ลิ้มรสชาติเค็มๆ หวานๆ ปะแล่มของตัวเองที่เหลือติดอยู่ในปากของอีกฝ่าย ซึ่งมันก็ไม่เลวอยู่เหมือนกัน

“ยังอยากให้กูตอบคำถามเมื่อกี้ของมึงอยู่รึเปล่า” เขาถาม

“ว่ามา”

“ใช่ กูเคยมีอะไรกับผู้ชายมาบ้าง แค่ 4-5 ครั้ง หลังจากที่หย่ากับเอ๋แล้ว คนแรกเป็นเพื่อนของเพื่อนกูเอง เราไปกินเหล้ากันแล้วมันก็พากูกลับไปนอนที่บ้าน เล่าสั้นๆ คือมันลักหลับกูแต่กูไม่หลับนั่นแหละ หลังจากนั้นก็เคยมีอะไรกันอีกครั้ง คราวนี้พอกูไม่เมา กูก็เริ่มรู้สึกแหละว่ากูมีอะไรกับผู้ชายได้ ที่จริงก็คงคล้ายๆ กรณีของมึงแหละมั้ง”

“แล้วกับคนอื่นนอกจากคนนั้นล่ะ”

“ก็เพื่อนบ้าง คนที่เจอตอนไปเที่ยวผับบ้าง แต่ก็แค่นั้นอะว่ะ”

“แล้วปกติมึงเป็นฝ่ายเอาหรือว่าให้เค้าเอาวะ”

“กูเคยแต่เอาเค้าว่ะ เพราะกูตั้งใจจะเก็บความบริสุทธิ์ของกูไว้ให้คนๆ เดียวเท่านั้น”

“ซึ่งคนๆ นั้นคือ...”

เขาหัวเราะเบาๆ และดึงตัวของผมเข้าไปหอมแก้ม “กูรักมึงเหี้ยๆ เลย ไอ้พี แค่นี้พอที่จะทำให้มึงกลับบ้านมาอยู่กับกูได้รึยัง”

“มึงคิดว่าชีวิตกูเนี่ย มีมึงสำคัญที่สุดแค่คนเดียวรึไง ไอ้เต้” ผมจูบปากเขา “เพราะถ้ามึงคิดอย่างนั้นนะ... มึงคิดถูกแล้วว่ะ”

เราสองคนลุกไปอาบน้ำด้วยกัน ผมเลยสบโอกาสล้อเขาเรื่องที่ตอนนี้ไอ้น้องชายของผมใหญ่กว่าเขาเล็กน้อย ทำเอาเขาเขินจนพูดไม่ออก แล้วจากนั้นเราก็กลับมานอนคุยกันจนดึก จนกระทั่งในที่สุดก็หลับลงไปในอ้อมกอดของกันและกัน

ผมรู้สึกเหมือนเราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รู้สึกมีความสุขราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน ถึงแม้ว่าผมจะยังทำใจลำบากกับการจากไปของพ่อ แต่ในขณะที่ชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งในชีวิตของผมหายไป ผมกลับได้ส่วนเติมเต็มที่เหลือกลับคืนมาจนสมบูรณ์ ผมคิดว่าบางทีพ่อที่อยู่บนสวรรค์อาจจะเป็นคนที่ช่วยทำให้ผมกับเต้ได้ลงเอยกันแบบนี้ก็ได้

เย็นวันถัดมา ในขณะที่เรากำลังทานข้าวเย็นอยู่ที่บ้านของเขา เขาก็ประกาศให้แม่รู้ว่าผมตัดสินใจที่จะกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง

“จะว่าแปลกใจมั้ย... แม่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่แม่ดีใจนะ พี ที่เราจะกลับมาอยู่บ้าน มาช่วยดูแลสมบัติของพ่อ แล้วยังจะได้มาช่วยแม่ดูแลไอ้เจ้าเต้ด้วย ต่อจากนี้มันก็จะได้ไม่ต้องเหงาและบ่นอยากเจอพีบ่อยๆ สักที ก่อนหน้านี้มันบ่นทุกวันจนแม่แสนจะเบื่อ!”

“โหยยย แม่ก็เวอร์เกิน! เต้ไม่เคยบ่นขนาดนั้นสักหน่อย”

ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้น

“อะไร มองหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง มึงจะเอาเหรอ” เขายกส้อมขึ้นชี้หน้าผม

“อย่าท้านะ” ผมแยกเขี้ยว

“แล้วว่าแต่พีจะย้ายกลับมาเมื่อไหร่ล่ะลูก”

“พีก็คงต้องกลับไปทำเรื่องลาออกและเคลียร์งานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะครับ” ผมตอบ

“เมื่อคืนเราคุยเรื่องนี้กันแล้ว แม่” เต้หันไปพูดกับแม่ของเขา “พีมันคิดว่าจะทำบ้านใหม่ด้วยน่ะ ในระหว่างที่มันกลับไปกรุงเทพฯ มันก็จะให้คนมาปรับปรุงบ้านใหม่หลายๆ อย่าง ทำสวน ทำครัว ทำนู่นทำนี่ ไรเงี้ยครับ”

“แต่พีตั้งใจจะเก็บห้องของพ่อกับแม่ไว้เหมือนเดิมนะครับ” ผมพูดเสริม

“อ้าว แล้วใครจะเป็นคนคอยจัดการดูแลเรื่องพวกนั้นในระหว่างที่พีไม่อยู่ล่ะ”

“อ้าว จะใครล่ะ ก็เต้นี่ไง”

“เออ จริงของแก แม่ไม่น่าถามเลยเนอะ”

ผมหัวเราะเบาๆ “กว่าพีจะกลับมาอยู่ที่นี่ได้ก็คงอีกราวๆ 2-3 เดือนน่ะครับ รอให้บ้านเสร็จก่อน แต่ระหว่างนั้นก็จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ ครับ แล้วพีคงต้องรบกวนแม่ช่วยดูแลไอ้มอมแมมให้หน่อยนะครับ”

“โอ๊ยยย ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เรื่องแค่นี้เอง ตอนกลางวันเวลาเจ้าเต้มันไม่อยู่ แม่ก็ได้มันนี่แหละช่วยคลายเหงา”

“แม่ แล้วก็อีกเรื่องนึง...” เต้กระแอมเบาๆ “คือ แม่จะว่าอะไรมั้ย ถ้าเกิดว่าหลังจากนี้เต้จะขอย้ายไปอยู่กับพีที่บ้านของมันน่ะ”

แม่ตุ๊กมองหน้าลูกชายของตัวเองสลับกับผม ก่อนที่จะยิ้มออกมา “เอาสิ ก็แล้วแต่แก ขอแค่ลูกแม่มีความสุขกันมากๆ แม่ก็พอใจแล้ว เฮ้อออ... แม่ก็อายุปูนนี้แล้วนะ เต้ เห็นแกเจออะไรแย่ๆ มาก็มาก ถ้าลูกชายแม่สองคนอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แม่ก็ไม่รู้จะห้ามไปทำไม”

เต้ลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแม่ตุ๊ก ก่อนจะโผตัวเข้ากอดแม่ของเขา ผมเห็นน้ำตาไหลหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากดวงตาของคนทั้งคู่ และนั่งมองภาพประทับใจนี้ด้วยหัวใจที่พองโต ก่อนหน้านี้ผมเอาแต่คิดว่าผมไม่เหลือสมาชิกครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวว่าแล้วผมคิดผิด ผมยังมีเต้ แม่ตุ๊ก รวมทั้งไอ้มอมแมม ที่พร้อมจะร่วมแบ่งปันความทุกข์และความสุขไปกับผม พวกเขาคือคนที่ผมสามารถเรียกว่า ‘ครอบครัว’ ได้อย่างเต็มปาก

ที่ผ่านๆ มา ผมไม่เคยรู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้านมากเท่ากับครั้งนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ว่าผมจะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไปอีกคน แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมามันก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ผมได้เรียนรู้และเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของพ่อ หนทางของชีวิตที่ผมต้องก้าวเดินต่อไป และความอบอุ่นที่แท้จริงของสถานที่ที่ผมเรียกว่า ‘บ้าน’ ถ้าหากว่าพ่อกับแม่กำลังมองดูผมอยู่บนสรวงสวรรค์ ผมก็เชื่อว่าทั้งคู่ต้องกำลังยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นอยู่แน่นอน

i3igM

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 5 Aug)
«ตอบ #53 เมื่อ06-08-2012 20:29:01 »

อิ่มนะ ยิ่งอ่านยิ่งอิ่ม มีครบทุกความรู้สึกเลย เยี่ยมมากค้าบบบบ
ปล.อ่านแล้วมองเห็นอนาคตตัวเองรำไรๆ ยังไงก็ไม่รู้ ^^

ออฟไลน์ eunbee2523

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
«ตอบ #54 เมื่อ06-08-2012 20:42:53 »

ซึ้งอ่ะคุณต้น
มีให้น้ำตาไหลด้วย
 อินกับตอนที่พีสารภาพความจริงกับเต้อ่ะ น้ำตาไหลเลย  :sad4:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
«ตอบ #55 เมื่อ06-08-2012 20:54:37 »

ตอนนี้แอบหวานปนเรียกเลือด

ออฟไลน์ Onlymin

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-4
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
«ตอบ #56 เมื่อ06-08-2012 20:57:46 »

โห..พอรู้ว่าใจตรงกันก็โดดใส่กันเลยเนอะ ประมาณว่ารอคอยมานานมากกกกกก

เรื่องความรักระหว่างชายกับชายนี่ มันต้องมีคนใดคนหนึ่งละ่นะที่กล้าเสี่ยงสารภาพออกไป ไม่งั้น..คงไม่มีสิทธิ์เลยอ่ะ

เรื่องครั้งนี้ถือว่า พีพี ใจมากกว่าเตเต้ นะจ้ะ เพราะพีพี เป็นฝ่ายพูดก่อน ฮ่าฮ่า++

คุณแม่ก็น่ารักมาก ยอมรับลูก ๆ (มีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกตั้งคน ดีออกเนอะ) แบบนี้สิลูก ๆ ถึงสบายใจไม่ต้องหนีไปอยู่ที่อื่นไกล

กลับมาอยู่ "บ้าน"  อยู่ใกล้ ๆ คุณแม่  คอยดูแลกันและกัน

บ้านหลังนี้ของพีพี คงอบอุ่นเหมือนเดิมแล้ว

ออฟไลน์ Thep503

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
«ตอบ #57 เมื่อ06-08-2012 22:09:14 »

ซึ้ง...กินใจมากครับ....

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
«ตอบ #58 เมื่อ06-08-2012 22:30:57 »

อ่านแล้วรู้สึกปลื้มกับความรัก
ถึงจะผ่านไปนานยังไง มันก็ไม่เปลี่ยนเนอะ
คุณแม่รักลูกชายเข้าใจความรักของลูกชาย ^^ ชอบตรงนี้จัง

รักแบบกล้าที่จะรัก รักแบบไม่หวังว่าจองเป็นเจ้าของ
โชคดีมากๆ ที่ใจตรงกัน

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: (เรื่องสั้น) :: H • O • M • E (up 6 Aug)
«ตอบ #59 เมื่อ06-08-2012 22:32:18 »

อิ่มใจ!!!!!! 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด