เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น [อย่าเงียบสิวะ!] จบในตัว  (อ่าน 108900 ครั้ง)

ออฟไลน์ nokkie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-0
อ่านแล้วน่ารักมาก ๆ ... นึกถึงช่วงเวลานั้นเลยอ่ะที่จะโทรศัพท์ทีเนี่ยต้องไปยืนต่อแถวนาน ๆ ฮา...

ให้ความรู้สึกอุ่น ๆ อยู่ในใจตลอดเวลาสำหรับคู่นี้ ขอบคุณนะคะ ^^

skipabeat

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามากรี๊ดดดให้กับความน่ารักของ"คุณ"กับ"ผม"ค่ะ
(ขอให้ผมได้เข้ามาอ่าน แล้วฝากไปบอกคุณด้วยเถิดดดด)

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
ขอบคุณนะคับ  สำหรับเรื่องราวดีดี ขอบคุณคับ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
น่าฮักอย่างแรง

-SlUoJvUe-

  • บุคคลทั่วไป
เอาแบบพูดกันตรงๆเลยนะค่ะ....ถ้าพูดถึงเรื่องราวนี้มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

มันรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น

มันเป็นลุกกุญแจที่มาไขประตูแห่งความทรงจำอะค่ะ

....สำหรับ พี่ทั้งสองคน ทั้งพี่ ผม และ พี่ มัน....

ขอบคุณเรื่องราวของพี่ทั้งสองที่ทำให้หัวใจได้อบอุ่นขนาดนี้

ทุกวันนี้หาได้ยากมากกับ รักที่มั่นคงยาวนาน แบบนี้ (แม้กระทั่งคู่ชายหญิง)

ยิ่งนึกถึงช่วงเวลานั้นแล้ว  มันลำบากจริงๆนะค่ะ   ยิ่งเป็นลูกคนเดียวทั้งคู่

ทำให้เป็นการตัดสินใจที่ลำบาก  ต้องคิดเยอะ...เฮ้อ   สุดยอดค่ะที่ผ่านมันมาได้

แต่เหนือสิ่งอื่นใด....ขอยกความดีทั้งหมดให้กับ  พ่อและแม่ของพี่ทั้งสองได้มั๊ยค่ะ

เพราะพูดกันตรงๆแล้วไม่ไช่แค่พี่สองคนเท่านั้นที่ มี รัก แท้ ที่ มั่น คง

แต่เป็นเพราะ พ่อแม่ ที่บ่มเพาะ อบรมเลี้ยงดูลูกมาด้วยความรัก ทำหน้าที่ของพ่อและแม่จริงๆ

มันทำให้สัมผัสได้ถึงคำว่า ครอบครัว จริงๆค่ะ.....

    เป็น เรื่องสั้นเพียงเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่อ่านสำหรับ นิยาย วาย
แต่ก็เป็นเรื่องแรก เรื่องเดียว และเรื่องสุดท้าย  ที่จะขอจดจำความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจนี้ไว้นะค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง.....ขอบคุณจริงๆนะค่ะ :m15: :bye2:

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
เอาแบบพูดกันตรงๆเลยนะค่ะ....ถ้าพูดถึงเรื่องราวนี้มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

มันรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น

มันเป็นลุกกุญแจที่มาไขประตูแห่งความทรงจำอะค่ะ

....สำหรับ พี่ทั้งสองคน ทั้งพี่ ผม และ พี่ มัน....

ขอบคุณเรื่องราวของพี่ทั้งสองที่ทำให้หัวใจได้อบอุ่นขนาดนี้

ทุกวันนี้หาได้ยากมากกับ รักที่มั่นคงยาวนาน แบบนี้ (แม้กระทั่งคู่ชายหญิง)

ยิ่งนึกถึงช่วงเวลานั้นแล้ว  มันลำบากจริงๆนะค่ะ   ยิ่งเป็นลูกคนเดียวทั้งคู่

ทำให้เป็นการตัดสินใจที่ลำบาก  ต้องคิดเยอะ...เฮ้อ   สุดยอดค่ะที่ผ่านมันมาได้

แต่เหนือสิ่งอื่นใด....ขอยกความดีทั้งหมดให้กับ  พ่อและแม่ของพี่ทั้งสองได้มั๊ยค่ะ

เพราะพูดกันตรงๆแล้วไม่ไช่แค่พี่สองคนเท่านั้นที่ มี รัก แท้ ที่ มั่น คง

แต่เป็นเพราะ พ่อแม่ ที่บ่มเพาะ อบรมเลี้ยงดูลูกมาด้วยความรัก ทำหน้าที่ของพ่อและแม่จริงๆ

มันทำให้สัมผัสได้ถึงคำว่า ครอบครัว จริงๆค่ะ.....

    เป็น เรื่องสั้นเพียงเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่อ่านสำหรับ นิยาย วาย
แต่ก็เป็นเรื่องแรก เรื่องเดียว และเรื่องสุดท้าย  ที่จะขอจดจำความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจนี้ไว้นะค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง.....ขอบคุณจริงๆนะค่ะ :m15: :bye2:

ขอบคุณเช่นกันค่ะ และ....
:กอด1: คุณขา
กลับมาอ่านเรื่องอื่นต่อสิคะ เรื่องอื่นก็อุ่นนะคะ

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ขอบคุณเช่นกันค่ะ และ....
:กอด1: คุณขา
กลับมาอ่านเรื่องอื่นต่อสิคะ เรื่องอื่นก็อุ่นนะคะ


เรื่องกระดาษ+สมุดจดออกาไนท์

เรื่องเหตุเกิดในโรงพยาบาล

2 เรื่องนี้ฟีลกู๊ดนะคะนะ อย่าพลาด  o13

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
เรื่องสั้น..... [อย่าเงียบสิวะ!] + [แค่นี้ได้มั้ย?] จบในตัว  (อ่าน 10043 ครั้ง)

เซิ้งเลยคร่า.... ทุกคอมเม้นท์และทุกตัวเลขเป็นแรงใจชั้นดีให้ผู้เขียน

(ทรุดนั่งพับเพียบ "ขอบคุณค่ะ" ^^)  :กอด1:

polla

  • บุคคลทั่วไป
มาเม้นท์หลังจากที่อ่านจบไปสักพัก

 :-[ได้มาอ่านเรื่องนี้เพราะเพื่อให้ลิงค์มา เข้ามาอ่าน แล้วมันอิ่ม จนเค้าคิดว่ามันคือเรื่องจริง ประทับใจที่สุด
แต่พออ่านจบรอบที่สอง ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องที่แต่ง เสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีคู่ที่น่ารักแบบนี้บนโลก แต่ยังไงล่ะ
ในเมื่อมันเชื่อไปแล้วว่า ผม กับ มัน มีตัวตนจริงๆ รักเรื่องนี้ของคุณเบาๆจริงๆนะ :impress2:

 :o8:แล้วตอนนี้ก้อเอาลิงค์ไปแนะนำให้ใครต่อใครอีกหลายคน คนที่อ่านแล้วบอกว่าชอบมากๆ เหมือนกัน ยิ่งรู้สึกอิ่มใจ 555 อย่างกะเป็นคนแต่งเอง ส่วนคนที่ยังไม่อ่านก็รอลุ้นว่าเค้าอ่านแล้วจะรู้สึกยังไง

รอตอนพิเศษนะคะ  :call: :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
มาเม้นท์หลังจากที่อ่านจบไปสักพัก

 :-[ได้มาอ่านเรื่องนี้เพราะเพื่อให้ลิงค์มา เข้ามาอ่าน แล้วมันอิ่ม จนเค้าคิดว่ามันคือเรื่องจริง ประทับใจที่สุด
แต่พออ่านจบรอบที่สอง ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องที่แต่ง เสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีคู่ที่น่ารักแบบนี้บนโลก แต่ยังไงล่ะ
ในเมื่อมันเชื่อไปแล้วว่า ผม กับ มัน มีตัวตนจริงๆ รักเรื่องนี้ของคุณเบาๆจริงๆนะ :impress2:

 :o8:แล้วตอนนี้ก้อเอาลิงค์ไปแนะนำให้ใครต่อใครอีกหลายคน คนที่อ่านแล้วบอกว่าชอบมากๆ เหมือนกัน ยิ่งรู้สึกอิ่มใจ 555 อย่างกะเป็นคนแต่งเอง ส่วนคนที่ยังไม่อ่านก็รอลุ้นว่าเค้าอ่านแล้วจะรู้สึกยังไง

รอตอนพิเศษนะคะ  :call: :call:

ขอบคุณสำหรับการแชร์ค่ะ ดีใจดีใจ ที่ชอบ


ประกาศ ถึงแฟนคลับ "ผม" กับ "มัน"

วันลอยกระทงแวะเข้ามาในทู้นี้ใหม่นะคะ  :กอด1:
ใครกลัวพลาดก็ไปกดติดตามที่คำว่า BaoBao Story นะคะที่รัก  :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2

ประกาศ ถึงแฟนคลับ "ผม" กับ "มัน"

วันลอยกระทงแวะเข้ามาในทู้นี้ใหม่นะคะ  :กอด1:
ใครกลัวพลาดก็ไปกดติดตามที่คำว่า BaoBao Story นะคะที่รัก  :จุ๊บๆ:


ตื่นเต้น ๆ ว่าแต่ลอยกระทงวันที่เท่าไหร่อ่ะ  :m4:

fillgoto

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มันจะน่ารักเกินไปแล้วนะค่ะ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกก (บ้าไปแล้วนังคนนี้)
เป็นนิยายสั้นที่น่ารักสุดๆ
ความเงียบมันก็น่ารักนะว่าไป ฮิ ๆ

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
นุ่มนวล สมจริง ชอบมากเลยค่ะ ขอชื่นชม  o13

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
[แค่อยากฟังคำว่า "รัก"]

ตอนพิเศษในวาระดิถี...ลอยกระทง



คำบางคำ…สำหรับคนบางคน พูดง่ายเพราะมันพูดออกมาจากหัวใจ

แต่คำคำเดียวกัน…สำหรับคนบางคนกลับพูดยาก---- เพราะอะไร?

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2

“ไหนพูดสิ ‘กูรักมึง’ เอาแค่นี้ก็ได้ มา มา เร็ว…อย่าช้า เดี๋ยวเหรียญหมด!” น้ำเสียงที่ทั้งห้วนและพูดอย่างรวดเร็วแซมหวานกล่าวกรอกตามสายไปยังอีกคนที่อยู่ปลายทาง

“ส้นตีน!” เสียงดังฟังชัด สั้นแต่ได้ใจความ...สุดๆ

“มึงอ่ะ ของแค่นี้เอง พูดให้กูชื่นใจหน่อยไม่ได้รึไงวะ!” ผมกระเง้ากระงอดใส่คนที่อยู่ปลายสาย

“แหวะ แหวะ แหวะ…” ไม่พอ…ยังทำเสียงเหมือนจะอ้วกตบท้ายให้ด้วย *0*

“นี่…” ผมเรียกคนที่อยู่ปลายสาย

“แหวะ แหวะ…” ยังไม่จบ

“นี่!” ผมทำเสียงให้เข้มขึ้น...ได้ผลครับ เสียงแหวะจากปลายสายหยุดกึกไปเลย

“…………………………..มาย…..”

“เหรียญจะหมดแล้วน๊า” ผมบอกปลายสาย

“หือ………….......................โกรธอะ?”

“เปล๊า!”

“เหอะ เชื่อก็ควาย”

“นี่!”

“หือ?”

“รักมึงนะ แล้วกูก็รอ…” ขณะที่ผมกำลังจะพูดต่อ

-----ตี๊ดดดด
…. เสียงเตือนจากโทรศัพท์สาธารณะ

ผมจึงตัดใจพูดคำลา “ฝันดีนะ อีกสามวันเจอกัน ดูแลตัวเองด้วยล่ะมึง บายครับ”

------ตี๊ดดดดดด…เสียงนี้ดังก้องในหูของผมอีกครั้ง ก่อนทุกเสียงจากปลายสายจะตัดไป ไม่ว่าจะเสียงหัวเราะของมัน เสียงลมหายใจของมัน เสียงพูดคุยโหวกเหวกของเพื่อนๆ ร่วมหอมัน เสียงหมาในหอของมัน…. เหลือไว้เพียงเสียง “ตู๊ดดดดดด” ที่ดังซ้ำๆ แบบแสบแก้วหู

ผมระบายลมหายใจพลางวางหูโทรศัพท์ลงที่แป้นของมัน

พอเปิดประตูของตู้โทรศัพท์สาธารณะ ลมเย็นๆ ก็พัดมากระทบหน้าของผมทันที เหงื่อที่ชุ่มตัวเริ่มผสมเคมีกับลม แล้วทำให้ผมรู้สึก....ใจเย็นลง

พูดเองแล้วก็นึกเสียใจเอง…เป็นแฟนกับมันมากี่ปีแล้ว แล้วมันเคยพูดมั้ยว่า รักมึง กูรักมึง รักมึงว่ะ-----ไม่มีเลยสักครั้งเดียว

อ้อ! ยกเว้นวันนั้น…วันที่ไปเหวนรกกับมัน ที่มันหลุดออกมาว่ามันรักผมตั้งแต่ก่อนที่ผมจะสารภาพรักกับมัน

ถึงใช่...แต่ไม่ใช่! ที่ผมอยากได้ยินคือคำที่ผมพูดกับมันอยู่บ่อยๆ…คำบอกรัก

ผมเดินพลางครุ่นคิดเข้าไปยังรั้วของหอพัก-----คำว่ารัก…สำคัญยังไง?

สำหรับผม…ผมบอกรักมันเสมอ แทบทุกวัน แทบทุกครั้งที่คุยกัน เพราะอยากให้มันจำไว้ว่า “เรายังรักกันอยู่นะ”

กี่ปีมาแล้วที่มีแต่ผมซึ่งบอกรักมันอยู่ฝ่ายเดียว และเพราะรักระยะไกล เพราะ “ข่าว” ที่เพิ่งได้ยินมา ทำให้ผมอยากได้ยินคำคำเดียวกันนี้จากปากของมันบ้าง

เชื่อใจ…โอเคว่าผมเชื่อใจมัน และไว้ใจมัน แต่ใจคนนะครับ บางเวลามันก็มีช่วงที่ต้องอ่อนไหวกันบ้าง

รุ่งขึ้นหลังจากที่รู้ข่าวนั้น ผมถามมันไปตรงๆ เหมือนทุกทีว่า : วันลอยกระทงไปเที่ยวไหนมา

มันบอกว่าไปกินเหล้าที่หอเพื่อนมัน-----ผิดจากข่าวที่ผมได้ยินมา…

วันต่อมาผมถามมันว่า : ไปกินข้าวเย็นที่ไหน

มันบอกว่ากินที่โรงอาหารก่อนเข้าหอ-----ผิดจากที่ผมได้ยินมา

ผมจึงไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกและพยายามไม่คิดฟุ้งต่อ ไม่รับข่าวอื่นใดจากคนอื่นอีก เพราะ “มันของผม” เขายังเหมือนเดิมกับผม อีกฝ่ายไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม และผมเชื่อในคำสัญญาที่มันให้ผมเมื่อวันนั้น…ที่น้ำตกเหวนรก

แต่เมื่อใจมันยังคิด ผมจึงอยากได้บางสิ่งที่ไม่เคยได้มัน...คำว่ารัก…จาก ‘แฟนของผม’

รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่พูดคำนี้หรอก…มันอาย

แต่รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นขี้อายและไม่มีวันพูดคำนี้คำแบบง่ายๆ เหมือนผม แล้วทำไมวันนี้ผมถึงต้องเสียใจ!

“ฟื๊ด!” ผมสูดน้ำมูกเข้าจมูกอย่างแรง ผมหยุดก้าวขึ้นบันได แล้วเงยหน้าเบิกตาโตๆ ยืนนิ่งคาอยู่บนขั้นบันไดนั้น

“เฮ้ย! มึงเอาข้าวผัดมั้ยวะ กูจะลงไปโต้รุ่ง…” เพื่อนสนิทที่เป็นรูมเมทของผมถามตอนที่มันจะเดินสวนทางลงไปชั้นล่าง

ผมก้มหน้าลงมา พอเห็นเพื่อนเท่านั้นล่ะ ไอ้ความอัดอั้นตันใจมันกลับกระตุ้นหยดน้ำให้เอ่อล้นออกมาจากหางตาของผมโดยที่ผมไม่ทันรู้ตัว

“เชี่ย! มึงเป็นเหี้ยไร? ร้องไห้ทำไม?” เพื่อนสนิทของผมทำหน้าตกใจสุดๆ

ร้องไห้?

นี่ผมร้องไห้เพราะแฟนไม่บอกรักตัวเองงั้นเหรอ?

หรือ…ร้องไห้เพราะคนที่ผมรักกำลังโกหกผม?

….



..

.


ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอ้
ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ
กลับมาต่อเลยนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


….



..

.

หลังจากวันนั้นผมเดินทางออกนอกมหาลัยเพื่อไปทำกิจกรรมอาสากับเพื่อนในชมรมอาสา  การอยู่ท่ามกลางหมู่คนสองคันรถบัสและเสียงโหวกเหวกโวยวายทั้งตอนเดินทางและยามทำกิจช่วยหันเหความสนใจของผมไปจากความอัดอั้นตันใจที่มีในคืนก่อนเดินทางได้เป็นอย่างดี

ผมถือว่าโชคดีที่วันนั้นผมได้ออกไปข้างนอก เพราะหากผมจับเจ่าอยู่แต่ในหอหรือในรั้วมหาลัยแล้วล่ะก็ ผมคงไม่วายไปเซ้าซี้ให้มันโมโหอีกแน่

สามวันในการทำกิจกรรมผ่านไปเร็วโดยที่ผมแทบไม่รู้ตัว กระทั่งวันสุดท้ายที่เรามาล้อมลงกันรอบกองไฟหน้าหมู่เต้นท์ที่พัก ผมถึงเริ่มหวนมาคิดถึงเรื่องที่คาราคาซังอยู่ในหัวอกของผม

“มึงเป็นไร?” เพื่อนที่นั่งจิบสาโทที่ชาวบ้านเอามาเลี้ยงอยู่ข้างๆ เอ่ยถามผม

“หือ?....เปล่า” ผมยื่นมือไปเทสาโทลงแก้วของตัวเองบ้าง

…..อยากหลับ คืนนี้ผมไม่อยากปวดหัวกับความคิดวุ่นวายของตัวเอง

“มีไรก็ระบายบ้างก็ได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว” เพื่อนมันบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจริงๆ

“ไมวะ? หน้ากูมันออกขนาดนั้นเลย?” ผมชักสงสัยหน้าตัวเองขึ้นมาบ้าง

“เปล่า แต่อยู่ๆ มึงก็ร่าเริงขึ้นมาหลังจากร้องไห้เป็นเผาเต่า นี่ล่ะที่แปลก” เพื่อนมันพูดพลางยกแก้วขึ้นมาจิบอีกอึกหนึ่ง

“………เหรอ….” ผมพูดแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ สงสัยมันจะรู้เรื่องมาจากไอ้เพื่อนที่เป็นรูมเมทของผม อันที่จริงผมก็อึดอัดอยู่นะ อยากระบายกับใครสักคน แต่ไม่รู้จะบอกอะไร หัวมันตื้อไปหมด

เพื่อนของผมมันเงียบไปอีกพักใหญ่ แล้วมันจึงกลับมาพูดกับผมต่อ “…มึงจะแวะลงจัน’ ป๊ะล่ะ?”

“หือ?...” ผมหันหน้าที่เริ่มรู้สึกร้อนฉ่าด้วยฤทธิ์ของสาโทไปมองเพื่อนตัวเอง “ไปทำไมวะ?”

“ก็เผื่อมึงจะแวะลงไปหาที่รักมึงไง อ.บอกว่าจากลับผ่านจันทบุรีด้วย มีน้องๆ บางคนจะลงกลางทาง อ.เลยจะให้รถเราไปส่งที่บขส.” เพื่อนมันบอก

ผมนั่งปล่อยใจไปกับฤทธิ์ของสาโทสักพักนึงก่อนจะเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูด

แวะลงจันทบุรี…ไปหามัน

…ไปพูดกับมัน

…ไปถามมันซึ่งๆ หน้า

……..จะดีเหรอ?

เพื่อนเห็นผมเงียบไป มันก็เลยไม่เซ้าซี้ถามต่อ

มันยืนขึ้นตบบ่าผม แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่อื่น…มันเข้าใจว่าผมกำลังมีปัญหาหัวใจ

ผมล้วงกระเป๋าเงินออกมา ควักรูปของมันที่ผมมีเพียงไม่กี่ใบออกมานั่งดู

กลุ่มเพื่อนที่สนิทกันจะได้เห็นรูปของมันที่ผมพกไว้ในกระเป๋าตังค์….เอาติดตัวไว้ตลอด ไอ้พวกนี้จะรู้กันดีว่า “ใคร” ที่เป็นแฟนของผม เรื่องที่แฟนของผมเรียนอยู่จันทบุรีพวกมันก็รู้ เรื่องที่ผมต้องลงไปต่อแถวโทรศัพท์หามันเกือบทุกวันพวกมันก็รู้ พวกมันจะรู้กันละเอียดว่าผมกับมันมีความเป็นมาอะไรยังไง รู้กระทั่งว่าช่วงนี้มีอะไรยังไง เพราะผมเอาพวกมันเป็นที่ระบายอยู่บ่อยๆ (ส่วนใหญ่เป็นอารมณ์แบบอยากอวดแฟนน่ะครับ)

ซึ่งผมก็บอกแฟนของผมไปตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกันว่า ผมบอกเพื่อนๆ ไปแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน ก็โดนมันด่ามาตามระเบียบครับ แต่มันไม่ได้โกรธผมนะ

ไอ้เพื่อนสนิทของผมคนเมื่อกี้ยังเคยคุยกับแฟนผมด้วย วันนั้นไอ้เพื่อนผมคนนี้มันมาแซวที่ตู้โทรศัพท์ครับ เลยส่งสายให้คุยกับแฟนผมซะเลย แฟนผมเค้าก็คุยได้ ไม่มีขัดเขิน ก็ตามประสาคนชอบผูกมิตรของเค้าอ่ะครับ

เพื่อนผมมันก็ชอบสิครับ มันบอกผมทีหลังว่าแฟนผมคุยง่ายดี เหมือนคุยกับเพื่อนผู้ชายกันเอง มันบอกว่า ทีแรกนึกว่าแฟนผมจะเป็นตุ๊ด มันก็อุตส่าห์พูดสุภาพด้วย ที่ไหนได้ แฟนผมอ้าปากมาคำแรกก็มึงมาพาโวยกับมันเลย มันก็ฮาสิครับ ตอนหลังจากหนึ่งที่ได้คุยก็กลายเป็นยกโขยงมาขอพิสูจน์… จนเวลานี้แฟนผมก็จำเสียงเพื่อนสนิทของผมได้ทุกคน เหมือนผมที่จำเสียงของเพื่อนในแก๊งค์ของแฟนได้ทุกคน

ผมนั่งเหม่อกับรูปในมือนานเท่าไหร่ผมไม่รู้ แต่อยู่ดีๆ เพื่อนผมมันก็เดินมาหาผม มันจับบ่าผมแล้วก้มหน้ามาถามว่า “มึงรู้จักน้องหญิง เอกภาษาไทยป๊ะ รุ่นน้องเราสองปี ที่ผมยาวๆ หน้าหวานๆ น่ะ”

“……อ่อ…” ผมค่อยๆ นึกหน้าของรุ่นน้องคนที่เพื่อนมันบอก “เพื่อนน้องอ๋อม น้องชมรมเราใช่มั้ยล่ะ?”

“เออๆ นั่นแหละ น่นแหละ” เพื่อนผมพยักหน้าพลางนั่งลงข้างๆ ผม มันชโงกหน้ามามองกระดาษที่อยู่ในมือผม แล้วหยิบไปนั่งจ้องก่อนจะพูดว่า “อ๋อมมันบอกกู มันขอให้กูมาบอกมึงว่า ขอเวลาสักห้านาทีให้หญิงมันหน่อย ถ้ามึงโอเค กูจะได้ไปบอกไอ้อ๋อมมัน” เพื่อนผมพูด

“ห้านาที เอาไปทำไมวะ?” ผมถาม

“….ควาย!” เพื่อนผมแม่งเค่นเสียงเข้มใส่ผม แถมยังทำหน้าดุด้วย

“อ๊าว! มึงด่ากูทำไมอ่า?” ผมร้องเสียงหลง

“เค้าจะขอนัดมึงไปคุยด้วย มึงโอเคป่าวล่ะ?” เพื่อนผมบอกแบบหัวเสีย

“……อ๊ะ!” ผมนึกออกล่ะว่าห้านาทีที่ว่าหมายถึงอะไร

เพื่อนผมยื่นรูปในมือของมันส่งคืนผมก่อนจะพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า “น้องเค้าแอบชอบมึง ที่น้องเค้าตามมาค่ายอาสาด้วยก็เพราะมึงมา” เพื่อนแม่งพูดแล้วก็ยกแก้วกระดก…หน้าเฉย

แต่ผมสิ หน้าเหวอมาก…. “ไรนะ!”

ตกใจมากครับ กับสิ่งที่ได้ยิน เพราะไม่เคยรู้มาก่อน

น้องหญิงคนที่เพื่อนมันว่า ผมคุ้นหน้าอยู่ เพราะน้องเป็นเพื่อนสนิทกับน้องในชมรมอาสาของผม น้องมาเล่นที่ชมรมบ่อย มาช่วยที่ชมรมก็บ่อย เพื่อนๆ ผมชอบให้น้องหญิงถือกล้องรับบริจาคเงิน เพราะน้องเค้าหน้าตาหวานน่ารัก เลยเรียกเงินบริจาคได้มากโขทุกครั้ง

น้องหญิงไม่สมัครเข้าชมรมอาสา แต่ชอบมาร่วมทำกิจกรรมด้วยเฉยๆ เหมือนครั้งนี้ที่ออกมาต่างจังหวัด แต่น้องก็มาลงชื่อกับผมด้วย น้องบอกผมว่าอยากมาช่วยออกแรง

ผมเคยคุยเล่นกับน้องหญิงบ้าง แต่ไม่ใช่สนิทกัน ผมกับน้องเค้าอยู่ห่างกันสองชั้นปี แถมอยู่กันคนละคณะ หากน้องเค้าไม่มาให้เห็นหน้าที่ชมรมบ่อยๆ ผมก็คงจำหน้าน้องเค้าไม่ได้

แต่ก็แค่นั้น ผมไม่เคยคิดอะไรมากมายกับน้องหญิงคนนี้เลยสักครั้ง แถมผมก็ประกาศอยู่กลายๆ ว่าผมเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว และเจ้าของของผมเค้าอยู่คนละมหาลัยกัน

ผมก็งงสิครับ ว่าทำไมน้องเค้ามาแอบชอบผม ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนโสด
 
“มึงก็รู้ว่ากูมีมันแล้ว มึงจะรับฝากมาบอกกูทำเหี้ยไรวะ?” ผมสวดเพื่อนตัวเอง

“ก็น้องอ๋อมเค้าขอร้องกูมา” เพื่อนผมทำเสียงแบบกูถูกบีบบังคับ ไอ้เพื่อนสนิทผมคนนี้มันแอบชอบน้องอ๋อมอยู่ครับ กำลังทำคะแนนอยู่…

“…..เฮ้อ….” ผมถอนหายใจหนัก ส่ายหัวแบบปวดกบาล แล้วบอกเพื่อนไปตามที่ใจรู้สึก “กูฝากบอกน้องเค้าด้วยละกันว่ากูมีแฟนแล้ว  ถ้าไงฝากมึงขอโทษน้องหญิงด้วย เป็นพี่เป็นน้องกันอยากจะคุยเท่าไหร่ก็ได้ แต่ห้านาทีนั้น อย่าเลยดีกว่า”

เพื่อนผมแม่งถลึงตาจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ…สักพักมันก็ส่ายหัวดิก “เฮ้อ……..มึงนี่น๊า เสียเชิงชายหม๊ด….”

“หึหึหึ ทำไม แค่นี้อ่ะนะ? เสียเชิงตรงไหนวะ?” ผมเริ่มอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด

“ก็ไปแค่นี้เอง ให้น้องเค้าพูดหน่อยเหอะ นี่เค้าก็แบกหน้ามาขอกูให้กูมาคุยกับมึง ทำไมต้องตัดเยื่อตัดใยน้องเค้าขนาดนี้วะ?” พูดจบมันก็จิบสาโทเข้าปากอีก

ผมยื่นแก้วที่วางเปล่าไปหามัน “ได้ยินจากปากกูมันอาจเจ็บกว่าที่มึงไปบอกก็ได้นะ” มันเทสาโทใส่แก้วให้ผมแค่ครึ่งแก้ว ผมยกแก้วสาโทขึ้นมาดื่มสองอึก “ฮ้า-------”

“……แล้วมึงกับมันยังดีกันอยู่มั้ยล่ะ?”

“ก็เรื่อยๆ…มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่ไว้กลับไปค่อยว่ากันว่ะ!”

“เออ… พวกกูเป็นห่วงมึงทุกคน บอกไว้แค่นี้แหละ” เพื่อนผมยกมือขึ้นมาตะปบที่หน้าขาผมอย่างแรง เพื่อบอกความจริงใจของมัน

“ใจว่ะ” ผมยิ้มนิดๆ พร้อมกล่าวขอบใจเพื่อนที่ห่วงผม

“ว่าแต่แฟนมึงมันมีดีกว่าน้องหญิงขนาดนั้นเชียวเหรอวะ? น้องเค้าน่าร๊าก--- ขนาดนี้ เรียบร้อยก็ปานนั้น นิสัยงี้...ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่างนะมึง หญิงในฝันของผู้ชายหลายคนในมอ. เราเลยนะเว้ย! มึงไม่เปลี่ยนใจแน่อ่ะ!” เพื่อนผมมันพูดด้วยสีหน้ายุ่งเหมือนยุงตีกัน

“หึหึหึ…ของกูก็น่ารัก นิสัยดี เป็นคนจริงใจ ตลกเฮฮา หน้าหลังตรงเปรี๊ยะ ไม่มีนมมีตูด แม่งทำไรก็โดนใจกูไปหมด คนเนี้ยะดีที่สุดสำหรับกูแล้วว่ะ” ผมบอกมันด้วยรอยยิ้ม…ภาคภูมิใจ

“แล้วถ้าอนาคตมึงเลิกกับมันล่ะ มึงจะกลับมาชอบผู้หญิงมั้ย?” เพื่อนของผมถาม มันถามหน้าซื่อๆ แบบไม่ได้มีนัยยะอะไร

“…….เออ มึงถามแปลกดี ก็น่าคิด…จะกลับมาชอบผู้หญิงมั้ยงั้นเหรอ?....” ผมกรอกตาและเริ่มประมวลความคิดอยู่ในหัวตัวเอง

ฮ่าฮ่าฮ่า… คิดอะไรไม่ออกเลย เวลานี้หัวผมมันมีแต่หน้ายิ้มๆ กับหน้าเขินแดงของแฟนตัวเองลอยให้พรึ๊บ “หึหึหึ…”

“ขำเหี้ยไร? บ้าแล้วเหรอมึงน่ะ?” เพื่อนมันพูดจบก็ยกสาโทขึ้นกระดกหมดแก้ว “ฮ๊า----------”

ผมจิบสาโทอีกหนึ่งจิบ ก่อนจะบอกเพื่อนตัวเองไปว่า “ถ้าจะลงกลางทางต้องบอกใครวะ?”

“ฮั่นแน่!” แล้วเพื่อนแม่งก็เอาศอกมากระทุ้งแขนผมอย่างกระเซ้าเย้าแหย่

“ไร? มึงชี้โพลงให้กูก่อนนะ” ผมกลั้นใจยกแก้วสาโทขึ้นดื่มหมดแก้ว “ฮ๊า--------”

“กลับมอ.ให้ถูกทางนะมึง อย่าให้พวกกูต้องไปตามถึงจัน’ นะเว้ย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ไอ้เลว! มันอยู่หอในกูจะทำไรได้วะ เจอแล้วก็ต้องนั่งรถกลับเลย มึงน่ะ ต้องขี่รถมารับกูด้วย อย่าเสือกไปนอนหออื่นล่ะ!”

มาอาสาที่ต่างจังหวัดสามวันนี้ได้เพราะเป็นวันหยุด พรุ่งนี้ได้หยุดชดเชยอีกวัน แต่อย่างที่บอก แฟนผมเค้าอยู่หอใน ไม่ให้คนนอกพัก ถึงขากลับผมไปหาเขา คุยกันเสร็จผมก็คงนั่งรถกลับมาที่กรุงเทพฯ ต่อเลย… ไม่มีที่นอน

….



..

.

ครับ… กับสิ่งที่ผมเครียดคนเดียวมานานหลายวัน สุดท้ายแล้วมันก็ต้องไปหาคำตอบที่อีกคน

ผมหลีกเลี่ยงไม่กล้าเผชิญหน้ากับมโนภาพของตัวเองมาหลายวันแล้ว…ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

ดังนั้น ผมจึงต้องไปจันทบุรี

ไปถามกับมันซึ่งๆ หน้า

ไปไขข้อข้องใจของผม

และไม่ว่าผมจะเจอกับอะไรก็ตาม ผมก็มั่นใจว่าผม…จะยังรักมันอยู่ดี

….



..

.


ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


….



..

.

ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะมีคนมาจิ้มแก้มแบบแรงๆ

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เสียงอื้ออึงของคนในรถบัสดังเข้ามาในโสตประสาทของผม

“ถึงจันทบุรีแล้วครับคุณชาย เชิญเสด็จครับ!” ไอ้เพื่อนสนิทผมหดนิ้วของมันกลับไป พร้อมลุกขึ้นไปหยิบเป้ของผมลงมาจากชั้นวางของเหนือหัว

แล้วโยนส่งให้ผมที่ยังนั่งหน้ามึนอยู่กับเบาะรถ

“อื๊อ--------” ผมยืดตัวบิดขี้เกียจ

“ไหน? ใครจะลงบ้าง ยกมือสิ! แล้วมีใครจะลงเพิ่มมั้ย? บอกออาจารย์ก่อนนะครับ” เสียงตะโกนของอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมดังขึ้น

ผมรีบชูมือขึ้นสูงๆ……

ผมลุกขึ้นยืน สะพายกระเป๋าเป้ที่เอาของบางส่วนที่จำเป้มาใส่ไว้ แล้วฝากใบใหญ่ไปกับเพื่อนสนิท

“มึงให้น้องเราไปส่งที่มอ.ที่รักมึงนะ ไม่ต้องเสือกหารถไปเองล่ะ กูฝากน้องๆ มันไว้แล้ว” ไอ้เพื่อนสนิทของผมบอกกับผมก่อนที่ผมจะเดินไปหน้ารถ

“คนไหนวะ?” ผมหันหน้ากลับมาถามเพื่อนว่าน้องคนไหนที่จะลงจุดนี้ด้วยกัน

“โน่น…ก๊กไอ้ตี๋นั่นแหละ มึงก็รู้จักมัน” ไอ้เพื่อนสนิทผมบอก

“อื้อ…” ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

ก๊กไอ้ตี๋ที่ว่าคือกลุ่มเด็กวิศวะปีหนึ่งที่กวนตีนจนได้โล่ แต่ก็แค่กวนๆ ให้คนปวดประสาทไม่ได้ยั่วหมัดหรือส้นตีนใครแต่อย่างใด ไอ้เด็กกลุ่มนี้มันหัวโจกชื่อตี๋ กับเพื่อนพ้องอีกสามคน รวมทั้งก๊กนี้มีสี่คน

ซึ่งพวกมันก็สนิทกับทุกคนในชมรมเป็นอย่างดี ยิ่งผมที่เป็นรองประธานชมรมแล้วล่ะก็ พวกมันยิ่งชอบมากวนบาทา หึหึหึ…แต่พวกมันหารู้ไม่ว่า พวกผมน่ะ กะจะยกตำแหน่งให้พวกมันไปทำแทนต่อ ไอ้เด็กพวกนี้มันเอางานเอาการดีทีเดียว

“พี่รอผมอยู่นี่นะ เดี๋ยวตี๋ไปโทรหาป๊าก่อน พวกมึงนั่งคุมพี่กูไว้นะ อย่าให้พี่กูมีรอยสึกหรอ!” ไอ้ตี๋บอกผมเสร็จก็หันไปสั่งการเพื่อนมันอีกสามคนที่ยืนคุยเล่นกับเพื่อนๆ ที่ลงมายืดเส้นยืดสาย

“เออ!” เพื่อนในก๊กของไอ้ตี๋ประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง

เรามากันสองรถบัส แต่อีกคันวิ่งเลยไปเลยไม่จอดที่นี่ ส่วนรถคันที่มาจอดแวะส่งนักศึกษาอาจารย์ให้รถจอดพักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เด็กคนอื่นไปเข้าห้องน้ำ บางคนก็ไม่ซื้อของฝาก มีเฉพาะไม่กี่คนที่นั่งเล่นอยู่แถวๆ รถบัส

“มึงนอนกับไอ้ตี๋ได้นะ เพื่อนมันก็ไปค้างบ้านมัน” ไอ้เพื่อนสนิทของผมที่เดินจากรถมาส่งผมบอกกับผม

“ไม่ล่ะว่ะ เกรงใจมัน พวกมันอาจอยากสนุกกันก็ได้” ผมบอกเพื่อนตัวเอง

“ตามใจมึง ให้มันไปรับมึงที่มหาลัยนั่นก็ได้นะ จะกี่โมงก็ได้ กูว่าคืนนี้ไอ้พวกนี้มันไม่นอนกันหรอก ขอเบอร์เพจเจอร์มันไว้ด้วยล่ะ” เพื่อนผมสั่งการ

“เชี่ย! เกรงใจน้องมัน แค่ให้มันไปส่งก็รบกวนจะแย่แล้ว เดี๋ยวขากลับกูกลับมาเองได้”

“แล้วตกลงแฟนมึงน่ะ มันจะไม่ส่งมึงเลยรึไง?”

“ไอ้นี่ จะให้มันลำบากขี่มอไซด์มาส่งกูค่ำๆ มืดๆ ได้ไง อันตราย!”

“โอย……ห่วงกันจริ๊ง อย่าให้กูเห็นนะว่ามึงกลับมาแบบน้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะ!”

“เจ็บว่ะ! จุกฉิบหาย! ….. แม่งพูดมาได้ช่วงนี้กูยิ่งหวั่นไหวกับคำพูดนี้นะมึง….”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เพื่อนผมหัวเราะสะใจที่ทำผมหน้าแหย๋ได้ มันยื่นแขนมาเหนี่ยวคอผมไปรัดให้ผมอึดอัดเล่น…….เล่นกันสักแป๊บ มันก็หยุด และนิ่งไป

“เป็นเหี้ยไรวะ?” ผมหันหน้าไปมองหน้าเพื่อนสนิทตัวเอง เห็นมันจ้องไปข้างหน้าแบบตะลึงงัน ผมเลยหันไปมองในทางเดียวกับมันบ้าง

ท่ามกลางผู้คนที่คราคร่ำ บ้างก็เดินลงจากรถ บ้างก็เดินขึ้นรถ หลายคนนั่งหน้าเซ็งอยู่กับเก้าอี้ บางส่วนส่งยิ้มให้กัน เมื่อคนที่ตัวเองรอมาถึง

ที่ช่องจอดรถประจำทางคันหนึ่ง ไม่ไกลจากที่พวกผมจอดรถบัส

ผมเห็นแฟนของผมส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนหนึ่ง....เขายื่นมือไปรับกระเป๋าเป้มาจากผู้หญิงคนนั้น แฟนของผมส่งยิ้มหวานให้เธอ เอามือของเขาไปขยี้หัวของเธอแบบหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินเคียงกันไปยังที่จอดรถมอเตอไซด์

ผมมองทุกอากัปกริยาของเขาไปจนเขากับผู้หญิงคนนั้นลับหายไปจากสายตาของผม

ผมรู้สึกตัวอีกทีก็เพราะแรงจากแขนที่รัดรอบคอของผม และเสียงกระซิบจากเพื่อนสนิท “พอเหอะ มึงกลับกรุงเทพฯ กับกูเลยดีกว่า!”

เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทหนึ่งในสองที่เคยเห็นหน้าและเห็นเป็นๆ ของ “แฟนผม”

เมื่อตอนอยู่ปีสอง…วันเกิดของผมมักตรงกับช่วงปิดเทอม และปีนั้นอยู่ดีๆ “แฟนผม” เค้าก็มาหาผมที่หอ โดยบอกว่าจะมาฉลองวันเกิดกับผม และจะค้างด้วย

ผมเลยต้องอัญเชิญรูมเมทของตัวเองไปฝากไว้ที่หอพักของไอ้เพื่อนสนิทคนที่กำลังเหนี่ยวรัดคอผมไว้ในเวลานี้

ไอ้เพื่อนคนนี้มันมารับรูมเมทของผมไป เลยได้เจอกับ “แฟนผม” แล้ววันต่อมาพวกมันสองคนก็ไปกินข้าวมื้อเย็นกับพวกผมด้วย แฟนของผมออกปากขอเลี้ยงพวกมัน เพราะเกรงใจที่มายึดห้องหลายนึง

เช่นนั้น…มันจึงพอจำหน้าแฟนของผมได้ ทั้งจากในความทรงจำ และรูปถ่ายมันชอบแย่งจากมือผมไปดู

ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

ผมนิ่งไปทั้งตัว นิ่งจนราวกับว่าผมยังมีชีวิตอยู่มั้ย?

ผมยังหายใจอยู่รึเปล่า?

นี่เป็นฝัน

นี่เป็นภาพลวงตา

หรือผมตาฝาดไป….ใช่มั้ย?

ใช่สินะ?

เป็นคนละคนกัน…ใช่หรือเปล่า?

“พี่ ป๊าตี๋มาแล้วครับ ป๊ะพวกมึงไปกัน อาจารย์หวัดดีคร๊าบ-----” เสียงไอ้น้องตี๋ปลุกผมขึ้นมาจาก…ความเพ้อ

“แต๊งค์ว่ะตี๋ แต่เพื่อนพี่มันเปลี่ยนใจแล้ว โทษทีนะ” ประโยคที่เพื่อนสนิทผมเอ่ยปากบอกรุ่นน้องตัวเองการันตรี ‘ความจริง’ ให้กับผม

“อ๊าว! ไมอ่ะเพ่” ไอ้ตี๋หน้าเหวอ เพื่อนมันก็พลอย “อ๊าว!” เสียงหลงไปพร้อมกับมันด้วย

“เอ่อ….ถ้ากลับดึกอาจลำบากพวกแกว่ะ ไว้วันหลังค่อยมาละกันเนอะมึง” เพื่อนสนิทผมหันมาขอเสียงสนับสนุนจากผม

“โหย….นอนบ้านตี๋ก็ได้พี่ พี่พร้อมจะกลับมานอนตอนกี่โมง ปี๊ด ปี๊ด มาบอกตี๋ เดี๋ยวตี๋ขับรถไปรับเอง ป๊าไม่ว่าหรอก บ้านตี๋เค้าโอเค!” ไอ้น้องตี๋เดินมาแกว่งแขนแบบออดอ้อน

“เออ ไว้…”

เพื่อนสนิทผมยังพูดไม่จบ ผมก็เอ่ยปากแทรกมันไปก่อน

“ดึกหน่อยคงไม่รบกวนใช่มั้ย? พี่อาจทำให้เราลำบากจริงๆ นะ” ผมถามน้องตี๋ด้วยใบหน้ายังไง ผมไม่อาจทราบได้ แต่น้องตี๋ที่หน้าทะเล้นเสมอ เปลี่ยนสีหน้าเป็นเข้มขึ้นทันที

“นอนบ้านผมแล้วไปมอ.พร้อมกันพรุ่งนี้ยังได้เลย พี่ชายผมคนเดียว ทำไมผมจะดูแลเทคแคร์พี่ผมไม่ได้ ไอ้สามตัวนี่ดูแลลำบากกว่าพี่อีก”

“ไม่เอาน่า มึงจะไปทำไมตอนนี้ กลับกับกูก่อน ถ้ามึงจะมา เดี๋ยวพวกกูพามึงมาวันหลังเอง” เพื่อนสนิทผมพูดแบบหัวเสีย….มันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

“ให้กูกลับหอตอนนี้แล้วต้องคิดมากยิ่งกว่าแปดวันก่อน กูไม่เอาว่ะ เห็นแล้วก็ไปถามเลย ง่ายๆ ไม่ยาก กูโอเคน่า มึงไม่ต้องห่วง” ผมบอกเพื่อนให้คลายกังวล

“……..”

“พวกตี๋ไปนั่งรอทางโน้นนะพี่ ไม่ต้องรีบนะครับ” ไอ้น้องตี๋โดยเพื่อนในก๊กไปห่างๆ จากพวกมันแบบรู้ความ

“มึงก็เห็น ไปตอนนี้มันมีแต่จะโมโหใส่กันเปล่าๆ ไปทำใจให้เย็นก่อนดีกว่า”

“กูเย็นแล้ว กูรู้มาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว กูโอเค! จริงๆ! มึงไม่ต้องห่วงกู”

“เชี่ย!.....นี่ที่มึงร้อง….…..สัด! แม่ง! มึงมีอะไรทำไมไม่บอกเพื่อน เห็นพวกกูเป็นหัวหลักหัวตอรึไงวะ!”

“กูคุยกับมันเสร็จแล้วกูจะกลับเลย ไม่ค้างบ้านน้องมันหรอก มึงกลับไปเหอะ แป๊บเดียวเอง กลับไปแล้วกูจะเล่าทุกอย่างให้พวกมึงฟัง แต่ตอนนี้กูมีแต่สิ่งที่กูไม่รู้ ไว้กูกระจ่างทุกอย่างแล้ว กูจะบอกพวกมึง”

“ขึ้นรถได้แล้วครับ พวกเธอน่ะ กลับบ้านกันดีๆ นะ” อาจารย์ที่ยืนต้อนเด็กๆ ขึ้นรถตะโกนมาบอกพวกผมที่ยืนแยกออกมาตรงนี้เพียงกลุ่มเดียว

“ไปเหอะ อาจารย์เรียกมึงแล้ว ไปซะ” ผมปลดแขนของเพื่อนสนิทออก

ผมยืนจ้องหน้าผมสักครู่ แล้วมันก็วิ่งกลับไปขึ้นรถ

ผมเห็นมันก้าวขึ้นรถแล้วจึงกลับหลังหันมาหาน้องตี๋กับเพื่อนพ้อง ผมก้าวขาเดินไปหาน้องๆ เมื่อไปใกล้พวกน้องๆ ผมส่งยิ้มให้พร้อมบอกว่า “โทษที ให้รอซะนานเลย ป๊าตี๋มารอนานแล้ว เราไปกันเถอะ”

“ครับ พี่จะแวะบ้านผมก่อน หรือจะให้ผมไปส่งที่มหาลัย…..เพื่อนพี่เลย…” น้องตี๋สะดุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดมาได้จนจบประโยค

“….รบกวนไปส่งพี่ที่มหาลัยนั้นเลยละกัน อ้อ ขอเบอร์เพจเจอร์ตี๋หน่อยสิ เผื่อพี่มีอะไรจะได้ติดต่อกันได้” ผมปลดสายเป้ข้างหนึ่ง แล้วเอื้อมมือไปรูดซิบหน้าเพื่อหยิบเอาปากกาออกมา ก้มหน้าพร้อมจดลงไปในเศษกระดาษหนึ่งที่คว้ามาได้จากในเป้

“เบอร์….อ๊ะ!” น้องตี๋พูดค้างไว้

ผมผิดสังเกตุจึงเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นน้องตี๋มองเลยผมไป ผมเลยหันหน้าไปมองตาม

รถบัสของมหาลัยเคลื่อนออกไปจากที่จอดเดิมของมันแล้ว ทว่าไอ้เพื่อนหน้ายุ่งของผมกลับเดินหน้าเฉยตรงมาหาพวกผม!

“มึงไม่กลับไปกับรถล่ะวะ?” ผมตะโกนถามมัน

มันไม่ตอบ มันเดินเรื่อยๆ มาหาผม จนถึงตรงที่พวกผมยืนอยู่แล้วมันถึงเอ่ยปากพูดว่า “กลับไปก็คิดมาก นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายกินไม่ได้ ขี้ไม่ออก อยู่นี่แหละดีแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…..”

เสียงของไอ้น้องตี๋กับเพื่อนๆ มันครับ

ส่วนผม…ก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าแบบจนใจ พร้อมกับขอบคุณไอ้เพื่อนสนิทคนนี้…อยู่ในใจ

….



..

.


ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
รอออออ จุ๊บๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


….



..

.

ผมเอาสมุดจดเล่มเล็กออกมาพลิกดู จากนั้นจึงดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง “ไปที่นั่นก่อนละกัน ใกล้ได้เวลากูโทรหามันแล้ว วันนี้มันเลิกเร็ว”

“อื้อ” เพื่อนสนิทผมพยักหน้าก่อนจะหันไปสตาร์ทรถมอเตอไซด์

“ไปนะตี๋” ผมยกมือขึ้นเป็นการลารุ่นน้อง ก่อนจะซ้อนมอไซด์ที่ยืมน้องตี๋มาไปยังที่หมายของผม โดยมีเพื่อนสนิทของผมเป็นคนขับให้ ธุระของผมมันจะจบยากหรือง่ายผมก็ไม่อาจรู้ได้ การได้รถมอไซด์มาใช้เองนับว่าลงตัวที่สุดสำหรับผมในเวลานี้

มอไซด์ขับมาได้ระยะหนึ่งก็มาถึงรั้วของมหาลัย ผมนั่งซ้อนท้ายมันมาด้วยหัวใจที่สั่นระทึก จนมาถึงหน้าหอพักของมันที่ผมเคยบุกเดี่ยวมา ผมก็ยังก้าวขาลงจากรถไม่ลง

“เอาไงต่อ” ไอ้เพื่อนสนิทถามผม

“แป๊บนะ…” ผมยกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา อีกสิบนาทีจะถึงช่วงที่ผมนัดมันไว้ว่าจะโทรหา “ไปตรงตู้โทรศัพท์นั่นละกัน”

ผมชี้ไปที่ตู้โทรศัพท์หนึ่งที่ห่างจากตรงประตูหอนี้ แต่ไม่ไกลเกินไปสำหรับสายตาของผม

ทันทีที่รถมอไซด์คันที่ผมนั่งสตาร์ทเครื่องและบิดออกไปยังทางที่ผมชี้ จู่ๆ ผมก็หันหลังไปมองด้านหลังด้วยหัวใจสั่ง

ผมเห็นเจ้าของหัวใจของผมขี่มอไซด์คันหนึ่งเข้าไปในหอพัก โดยมีคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วยสองคน น่าจะเป็นเพื่อนในแก๊งค์

เจอตัวแล้ว

และเอาเข้าจริง ผมกลับยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเดินเข้าไปหามันแล้วถามในสิ่งที่ผมคลางแคลงสงสัย































































….



..

.

“ไง?” ผมกรอกสายไปในโทรศัพท์

“กลับเร็วจังวะ?” มันทัก

“ยังไม่ถึง รถแวะเติมน้ำมัน นี่นั่งกินข้าวกันอยู่ เห็นตู้โทรศัพท์แล้วคิดถึงอ่ะ” ผมหยอดความหวานไปตามหัวใจสั่ง

“หึหึหึ…” มันหัวเราะในลำคอ แล้วถึงบอกผม “คุยนานไม่ได้นะ ต้องไปงานวันเกิดเพื่อน”

“ที่ไหนเหรอ?” ผมตะล่อมถามอย่างใจเย็น

“ร้านXXXX” มันพูดชื่อร้านที่มันต้องไปออกมา ผมรีบคว้ากระดาษกับปากที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาจด แล้วชวนมันคุยต่อไปตามปกติ

มันบอกว่าคืนนี้มันไม่กลับหอ แก๊งค์มันจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนมันคนนึง มันหัวเราะร่วนแล้วบอกว่า เจ้าภาพวันนี้กระเป๋าหนัก กินที่ร้านแล้วจะไปต่อที่บ้านกันเองอีกรอบ

แล้วมันถามผมว่าไปค่ายอาสาทำไรบ้าง ผมก็เล่าให้มันฟัง

ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ มันก็บอกว่าต้องไปแล้ว ได้เวลาเพื่อนมันนัดแล้ว

“คิดถึงกูบ้างมั้ย?”

“….ไร? ยุงลายกัดมึงจนสมองฝ่อเลยเหรอ?”

“มึงยังรักกูอยู่มั้ย?” ผมกัดฟันถามมัน…ใจจริงอยากบอกมันว่า ผมอยู่ตรงนี้ มาเจอหน้ากันหน่อย

……อยากได้ความจริง

……อยากได้ความสบายใจ

……ผมเครียดจนเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน

“มึงไปหาหมอซะนะ ท่าจะเป็นเอามาก สายแล้วว่ะ กูไปละ วางนะ” มันไม่สนใจ….เหมือนเดิม

“อื้อ ดูแลตัวเองนะ” ผมบอก

“อื้อ วางนะ” มันพูดจบก็วางสายไปเลย

---------แกร๊ก!

ผมวางหูโทรศัพท์ลงในที่ของมัน เสียงเหรียญร่วงกราวกระทบโลหะ เสียงแกร๊งในแต่ละครั้ง ราวกับตกลงมากระทบกล้ามเนื้อหัวใจของผม...โดยตรง

ผมเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ คนที่มายืนต่อเดินเข้าไปแทนที่ผมอย่างรวดเร็ว

มันยังเหมือนเดิม…ทุกอย่าง

แต่ในความเหมือนเดิมของมันเวลานี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหัวใจผม

สิ่งที่ผมเห็นคือความจริง หรือสิ่งลวงตา...กันแน่?

….



..

.



ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ฮือ เคลียร์กันด่วนๆ
ข้องใจอย่างแรงงง

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
โอ๊ยยย มันค้างงง มาต่อด่วนๆๆค่าา

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
รอถ่ายทอดสดนี่ลุ้นดีแฮะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เหอ เหอ เหอ  ผมคงจะกังวลน่าดู ขนาดคนอ่านยังลุ้นตาม

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
อ๊าคคคคคคค บีบคั้นหัวใจคนอ่าน  :sad4:

ออฟไลน์ Thep503

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่านเพลินดีครับเรื่องนี้ ชอบตอน ถามไป ตอบมาอ่ะครับ

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
คุณเบาเบา หายไปไหนแล้ว มาทำให้ค้างแล้วจากไปง่า มาเคลียร์ให้จบเดี๋ยวนี้เลย  :sad4:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: เอฟห้ากระจาย

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด