[เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น - Hidden Love] Foolish Beat [pg.4, 6/7/58]  (อ่าน 140036 ครั้ง)

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: [เรื่องสั้น - Hurt Love] Sad Movie [pg.1, 10/8/55]
«ตอบ #30 เมื่อ15-08-2012 23:16:02 »



กันย์พาผมมารับผลเลือดที่คลินิกของหมอนพ เขาบอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพียงแต่บางครั้งต้องระมัดระวังเรื่องอาหารบ้าง
   
“เลี่ยงพวกตับได้ก็ดีนะครับ ถึงพี่ใหญ่จะชอบก็เถอะ” หมอขยิบตาให้ผม “อร่อยแค่ไหนก็กินนานๆครั้งได้ มันเป็นอวัยวะกรองของเสีย เก็บพิษเยอะ”
   
กันย์พยักหน้าหงึก หลังจ่ายเงินแล้วเขามีขนมที่ไปซื้อเมื่อวานมาฝากหมอด้วย ผมเห็นว่าหมอนพยิ้มหน้าบานจนน่าตลกเชียว
   
“ใช่แล้ว..หมอมีอะไรจะให้พี่ใหญ่” เขาหันไปเอาอะไรยุกยิกอยู่ด้านหลังก่อนจะชูสายโซ่สีฟ้าสว่างที่ถักเกี่ยวกันเป็นเส้นให้ผมดู “ของขวัญ”
   
“ผมก็ลืมไป” กันย์ทุบกำปั้นลงกับมือตัวเอง “พี่ใหญ่ชอบมั้ย”
   
หมอนพเอาป้ายเหล็กที่แปลความได้ว่าผมผ่านการฉีดวัคซีนแล้วคล้องลงไปให้ด้วย “หันหลังให้หมอหน่อยสิพี่ใหญ่ หล่อๆเนอะ”
   
กันย์เข้ามาช่วยใส่สร้อยให้ผม วินาทีที่คนทั้งสองสัมผัสผมอย่างนุ่มนวลนั้น ผมรู้สึกว่าข้างในมันตีบตันไปหมด เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกแน่นในคอ
   
“พี่ใหญ่มีกันย์เป็นเจ้าของแล้วนะ” กันย์ตรงเข้ามากอดและจูบผมเบาๆ
   
“ดีใจด้วย” หมอนพหัวเราะ
   
ผมกระโดดลงจากโต๊ะเหล็กด้วยความสุขที่ล้นเปี่ยม เงาจากกระจกสะท้อนผ่านตัวตนที่เปลี่ยนไป ป้ายห้อยคอบอกชีวิตใหม่ที่ผมไม่มีวันลืม
   
เย็นนั้นหมอนพเข้ามาส่งพวกเราถึงหน้าบ้าน ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทันทีที่มาถึง แขกไม่รับเชิญอย่างมันก็ดักรอเราอยู่ก่อนแล้ว
   
“มาทำอะไร” กันย์ถามด้วยเสียงเรียบเฉย
   
“ถามได้ว่ามาทำอะไร” มันขยี้บุหรี่ที่ทิ้งลงพื้น มองสำรวจหมอนพตั้งแต่หัวจรดเท้า “โผจากกูไปเกาะผัวใหม่นี่เอง มิน่าล่ะ..ไล่กูเหมือนหมูเหมือนหมา”
   
“มากไปแล้วนะโจ้ พี่ไล่นายตั้งแต่เมื่อไหร่” กันย์เสียงแข็ง
   
“ที่ส่งข้อความขอเลิกกับกูนี่หมายความว่าไงล่ะวะ!”
   
หมอนพกระแอมขัดจังหวะ เขามองมันด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์
   
“เข้าไปคุยข้างใน” กันย์บอกปัด หันมาขอบคุณหมอแล้วขยับจะเข้าบ้านแต่หมอฉุดแขนไว้ พึมพำว่าเป็นห่วง “ไม่เป็นไรครับ ผมจะคุยกับเขาดีๆ”
   
“ผมจะรออยู่ที่คลินิกถึงสี่ทุ่ม” หมอนพบอก ทั้งที่เวลาเลิกงานของเขาคือสองทุ่มครึ่ง “ถ้ามีอะไร โทรหาผมทันที ผมจะรีบมา”
   
“มีพี่ใหญ่อยู่ด้วย ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก”
   
ผมเดินนำกันย์เข้าข้างใน หมอนพกลับไปนานแล้ว มันนั่งกระดิกเท้าอยู่ที่โซฟา ในมือคีบบุหรี่พร้อมกับยกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่มไปด้วย
   
“โจ้มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” กันย์ยืนห่างจากมันให้มากที่สุด
   
มันเหยียดยิ้มแต่ดวงตาแข็งกร้าว “ที่บอกเลิก..หมายความว่าไง”
   
“แปลตามตัว” กันย์พูดเสียงนิ่ง “พี่ขอเลิกกับโจ้”
   
มันขยี้บุหรี่ลงบนโซฟา รอยแดงไหม้ลามเป็นวง “กูไม่แคร์หรอกนะว่ามึงจะไปเอากับหมาที่ไหน กูสนแต่ว่าเงินที่มึงให้กูน่ะ..กูจะยังได้เหมือนเดิมมั้ย”
   
“ไม่มีให้แล้ว ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พี่..ไม่..ให้” กันย์เน้นให้มันฟัง
   
มันขว้างกระป๋องเบียร์ไปกระทบข้างผนัง ลุกพรวดผ่านตัวผมเข้าหากันย์พร้อมกับเงื้อมือสุดแขน หวังจะใช้กำลังอย่างที่ผ่านมา
   
แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอย่างใจคิด ผมกลับกระโจนเข้าใส่ ฝังเขี้ยวคมกริบลงกับเนื้อต้นขา ขย้ำแล้วสะบัดสุดแรงเกิดจนเลือดแดงฉานไหลทะลัก
   
มันร้องลั่น เสียหลักล้มลงนอน ผมตามเข้าไปหมายจะซ้ำที่คอแต่กันย์เรียกผมเสียงดัง คำสั่งนั้นทำให้ผมชะงักกึก ยอมล่าถอยและปล่อยมันโดยดี
   
“ไอ้สัตว์!” มันร้องด้วยความเจ็บ มือทั้งสองช่วยกันห้ามเลือดที่ขา ผมเห็นเนื้อมันฉีกไปครึ่งฝ่ามือ “กูเอามึงตายแน่ไอ้เหี้ย..กูจะเอามึงให้ตาย!”
   
“ออกไป!” กันย์ตวาด ยกโทรศัพท์ขึ้นขู่ “อย่าให้เรียกตำรวจนะ”
   
มันมองพวกเราด้วยความโกรธแค้น “มึงทำอะไรกับกู จำไว้ให้ดี”
   
กันย์รีบเข้ามากอดผม ลูบตัวเป็นการปลอบประโลม “ขอบคุณนะพี่ใหญ่..ขอบคุณมากที่ช่วยกันย์ พี่ใหญ่ปล่อยเขาไปเถอะนะ ต่างคนต่างอยู่”
   
ผมยอมตามเพราะเชื่อฟังที่กันย์พูด

คืนนั้นเราเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ กันย์ไม่ได้เปิดทีวีเหมือนเคย เขาเอามือถือวางไว้ตรงหัวเตียงพร้อมกับลากตัวผมเข้าไปนอนกอดอย่างที่ชอบทำ
   
มีเสียงดังแกรกกรากหน้าบ้าน กันย์ชะโงกหน้ามอง ไม่เห็นมีอะไรนอกจากความมืด เขากลับขึ้นมาบนเตียง นอนขดตัวอยู่ใกล้ผม
   
“พี่ใหญ่กลัวมั้ย” กันย์กระซิบถาม “คงไม่มีอะไรหรอกเนอะ”
   
ผมนอนนิ่ง เงี่ยหูฟังทุกเสียงด้วยความสงบ
   
กันย์ถอนหายใจแล้วขยับเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเก่า ผมเลียมือเล็กเพื่อบอกว่าผมอยู่ตรงนี้..อยู่ใกล้ๆ และจะปกป้องกันย์ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
   
นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาสามทุ่มครึ่งเมื่อผมได้ยินเสียงคนไขกุญแจบ้านเข้ามาข้างใน หูผมตั้งชัน ขนพองขึ้นด้วยความระแวดระวัง
   
กันย์ลุกขึ้นนั่ง ควานหาโทรศัพท์แล้วกดในวินาทีที่มีชายร่างใหญ่สามคนพังประตูห้องนอนเข้ามา พวกมันพุ่งเข้าหาร่างบนเตียงแทบจะทันที
   
ผมกระโจนเข้ากัดคนด้านหน้า มันร้องเสียงดัง พยายามสะบัดแขนที่ถือไม้หน้าสามไว้ พวกมันอีกคนส่งเสียงโวยวาย มันคงไม่ได้สังเกตผมตั้งแต่แรก
   
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูบอกแล้วว่ามันเลี้ยงหมาไว้ ไอ้โง่” เสียงของ ‘มัน’ ดังขึ้น
   
ผมคำรามในลำคอเมื่อได้กลิ่นที่เกลียดชัง ใครคนหนึ่งเงื้อไม้แล้วหวดเข้ามากลางหลัง ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่น เจ็บจนเผลอปล่อยเหยื่อให้หลุด
   
“เหยียบแม่งให้จมตีนเลย ไอ้หมาระยำ!” มันสั่ง “เสือกกัดกูเองนะ”
   
“โจ้! อย่าทำ!” กันย์ร้องห้ามแต่ไม่เป็นผล
   
ใครอีกคนตีผมอย่างแรงที่ขา คนที่เหลือเตะเข้าเต็มชายโครง ผมร้องด้วยความเจ็บปวด เสียดแว้บเข้าไปถึงข้างใน มันเข้ามากระทืบซ้ำจนกลิ่นคาวเลือดพุ่งตัวขึ้นมาจากในช่องท้อง ผมนอนนิ่งแทบไม่เคลื่อนไหว
   
“อย่า!” กันย์พยายามจะเข้ามาช่วยแต่ถูกอีกคนจับเหวี่ยงลงบนเตียง มันเปิดไฟในห้องจนสว่าง ผมเพิ่งเห็นว่ามีพวกมันถึงสี่คน
   
“ไหนๆจะมีผัวใหม่แล้ว สงเคราะห์ผัวเก่าหน่อยได้มั้ยวะ” มันเลียริมฝีปาก ถอดเสื้อ ปลดกระดุมกางเกงก่อนจะหันไปสั่งเพื่อนอีกคนที่ถือกล้องวีดีโออยู่ “มึงถ่ายไว้นะเว้ย กูจะเก็บเป็นที่ระลึก เคราะห์ดีจะได้อัดแผ่นขายเลย”
   
มันโถมตัวเข้าใส่กันย์โดยมีเพื่อนอีกสองคนช่วยกันตรึงแขนขาวไว้บนเตียง อีกคนที่ถ่ายวีดีโอขยับเข้ามานั่งทับขา กันย์มองผมที่นอนเฉยทั้งน้ำตา
   
ผมอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครทันสนใจตะเกียกตะกายไปทางประตูห้อง ความเจ็บร้าวแผ่ซ่านทันทีที่ขยับตัว แต่ผมไม่สนว่าจะมีกระดูกกี่ชิ้นในร่างแตกหัก ไม่สนว่าเลือดมากมายกำลังหยดเต็มพื้น ไม่สนว่าจะตายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
   
..ผมต้องช่วยกันย์..
   
“ไอ้เหี้ย แม่งอึดจังว่ะไอ้ตัวนี้” มันหันขวับมามอง “มึงไปเอามีดมา”
   
กันย์ดิ้นจนสุดแรงเกิด ทั้งเตะทั้งถีบให้หลุดออกแต่มันต่อยเข้ามาเต็มท้อง ผมเห็นกันย์จุกจนตัวงอ ถึงอย่างนั้น กันย์แทบไม่ได้ห่วงตัวเองเลย
   
“ปล่อยเขาไป โจ้! อย่าทำอะไรเขา”
   
มันรับมีดอันยาวเท่าศอกมาจากเพื่อน กรีดดูคมขาววับที่ล้อกับแสงไฟ
   
“วันนี้แหละ กูขอลองมือสักหน”
   
ผมพยุงตัวลุกขึ้น โผเผไปตรงทางเดิน ในจังหวะที่มันเงื้อมีดฟันลงมา ผมกระโจนจนสุดกำลังเพื่อจะหนี คมมีดเลยรอดจากกลางหลังไปสับลงสะโพก
   
มันระเบิดหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นผมวิ่งหัวซุกหัวซุนออกนอกบ้านไป
   
“นี่เหรอบอดี้การ์ดมึงน่ะ กูเห็นแม่งเอาตัวรอดหมดไม่ว่าคนหรือหมา”
   
ผมวิ่งไปตลอดซอย ส่งเสียงให้ดังที่สุด หลายต่อหลายคนโผล่หน้ามาก่นด่า ผมพยายามเรียก พยายามขอความช่วยเหลือ พยายามเปล่งเสียงที่แหบพร่า หวังจะหาน้ำใจจากมนุษย์..หากแต่ไม่มีใครสักคนหันมามองผมเลย
   
“เฮ้ย! นี่หมาคุณกันย์นี่หว่า” ป้าขายของที่กำลังจะปิดร้านส่งเสียงโหวกเหวก เรียกคนมาดู “ใครทำอะไรมันวะเนี่ย แผลเหวอะเชียว”
   
“หมอนพยังอยู่มั้ย อุ้มมันไปหาหมอซิ”
   
ผมนึกถึงหมอขึ้นมาได้ สองขาที่ไร้เรี่ยวแรงพาตัวเองวิ่งกะโผลกกะเผลกฝ่าฝูงชนไปยังคลินิกสัตวแพทย์ หมอนพกำลังปิดร้านพอดี
   
“พี่ใหญ่!” เขานิ่งอึ้ง มองร่างที่อาบเลือดของผมด้วยความตกใจ
   
ผมส่งเสียงบอกเขา ระหว่างนั้น..รู้สึกได้ว่าน้ำตากำลังไหลลงเรื่อย วินาทีนี้ผมอยากจะพูด..ผมอยากแลกชีวิตของผมกับการได้พูดแม้เพียงคำเดียว
   
..ได้โปรด..ช่วยกันย์ด้วย..
   
ผมวิ่งกลับไปที่บ้านด้วยความเป็นห่วงกันย์สุดหัวใจ สาวเท้าให้เร็วที่สุดแม้ว่ากระดูกทั่วตัวกำลังแตกเป็นเสี่ยง เลือดผมหยดเป็นวงกว้าง ส่งกลิ่นคาวคลุ้งจนกลบกลิ่นฝนที่กำลังตั้งเค้า ผมได้ยินเสียงหมอนพตะโกนเรียกคนที่อยู่แถวนั้น
   
ผมมาถึงก่อนคนอื่นๆ แทรกตัวผ่านรั้วที่เปิดทิ้งไว้แล้ววิ่งขึ้นบันไดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย สายตาพร่าเลือนกำลังจะทำให้ผมมองไม่เห็น
   
ไฟในห้องสว่างโล่ง มันส่งเสียงครางด้วยความพอใจ เคลื่อนไหวตัวอยู่บนร่างของกันย์ที่ถูกทำร้ายจนนอนนิ่ง สัตว์นรกอีกหนึ่งตั้งกล้องถ่ายภาพ ขณะที่คนอื่นกำลังปลดกางเกงลง พร้อมจะเข้าไปแทนมันทุกเมื่อ
   
ผมจำอะไรไม่ได้เลยในตอนนั้น รู้แต่ว่าพุ่งเข้าใส่มันด้วยแรงทั้งหมดที่มี คราวนี้ไม่มีเสียงร้องห้ามจากกันย์ ผมขย้ำลงบนคอหอยก่อนจะกระชากแล้วฟัดให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกที่เหลือร้องลั่น ลากตัวเพื่อนออกไปในตอนที่ผมกัดเนื้อมันจนขาดวิ่นติดปาก เลือดสดๆไหลย้อย หยดลงบนพื้นพรม
   
ผมเห็นกันย์พยุงร่างขึ้นมา ไขว่คว้ามือมาทางผม สำนึกสุดท้ายคือคมมีดที่ฟันลงมากลางหลัง ผมทรุดฮวบ หากแต่ยังฝืนตัว กระโจนเข้ากัดคนที่ใกล้ที่สุด พวกมันทิ้งเพื่อนไว้ตรงนั้นเพื่อเอาตัวรอด ใครคนหนึ่งล้มลง ผมขย้ำเข้าที่ใบหน้าแล้วสะบัดแรงจนเนื้อแก้มหลุด มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
   
หมอนพพาชาวบ้านเข้ามาในห้อง ทุกคนกรูเข้าจับพวกมันไว้ แต่ละคนถือไม้เข้ามาเป็นอาวุธ เขาหันไปมอง ‘มัน’ ที่นอนหงายแน่นิ่ง ดวงตาเบิกโพลง เลือดแดงฉานยังไหลพุ่งจากลำคอเหมือนเปิดก็อกน้ำทิ้ง
   
“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่” กันย์โผเข้ามาหา ผมเห็นว่าตามมุมปากของกันย์มีรอยแตกช้ำ ใบหน้าและตามตัวมีแต่จ้ำเลือด “พี่ใหญ่อย่าเป็นอะไรนะ”

ผมยืนโงนเงน ยังตั้งท่าไม่เป็นมิตรกับทุกคนที่พยายามจะเข้ามาดูกันย์ จนกว่าผมจะแน่ใจว่าพวกเขามาเพื่อช่วยเหลือ ผมจะยืนอยู่ตรงนี้
   
..จะยืนกระทั่งหมดลมหายใจ..
   
“ไม่เป็นไรแล้วพี่ใหญ่..กันย์ไม่เป็นไรแล้ว” เขาลูบลงบนหัวผมเป็นการปลอบ ในวินาทีนั้น ผมหันไปมองหน้ากันย์ก่อนที่ทั้งตัวจะล้มลง
   
กันย์ร้องไห้ หมอนพเข้ามากอดปลอบ มือเล็กประคองหัวของผมให้หนุนลงบนตัก ผมลืมตามองคนแถวนั้นจับตัวพวกมันไว้แน่นหนา
   
“มันส่งเสียงเรียกคนทั้งซอยให้ช่วย”
   
กันย์เงยหน้ามอง น้ำตาร้อนผ่าวหยดลงบนตัวที่เหนื่อยล้าเต็มทน
   
“ตอนแรกไม่มีใครสนใจ แต่พอเห็นว่าตัวมันเปื้อนเลือดเท่านั้นแหละ”
   
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ็บขนาดนั้นมันยังวิ่งไปตามคนได้”
   
“มันรักคุณมากรู้มั้ย”
   
ผมนอนฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยลมหายใจผะแผ่ว หมอนพบีบมือกันย์เป็นการให้กำลังใจก่อนจะวิ่งไปเอารถที่คลินิก เขาสัญญาว่าจะช่วยผมให้ได้
   
ผมร้องครางในลำคอ เลียมือที่กำลังลูบลงบนตัว กันย์น้ำตาไหลไม่หยุด ทั้งกอด ทั้งจูบผมตลอดเวลา พร่ำพูดข้างหูว่าให้อยู่ด้วยกัน
   
“กันย์รักพี่ใหญ่มากนะ รักมาก” เขาร้องไห้ “อย่าทิ้งกันย์ไป”
   
ผมเฝ้าขอให้พูดได้สักคำหนึ่ง อยากแลกแต่ละนาทีกับการเปล่งเสียงหนึ่งพยางค์ เพื่อจะบอกว่าผมเองก็รักเขา..รักมากที่สุด
   
..และหากทำได้..ขอเพียงสักครั้ง..ที่จะได้กุมมือเขาไว้..
   
..แต่ไม่ว่ายังไง..ผมก็ยังเป็นแค่เดรัจฉานอยู่วันยังค่ำ..
   
ผมทำได้แค่เฝ้ามอง ส่งเสียงด้วยความเจ็บปวดอยู่แต่ในลำคอ เงยหน้าเพื่อจับจ้องเขาให้เต็มตา เก็บกลิ่นอายของกันย์ไว้ในความทรงจำ
   
ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่เคยมีใครให้ความรักกับหมาข้างถนนอย่างผมเลย แต่ละวันเป็นไปอย่างซ้ำซาก ถูกไล่ ถูกตี ถูกแสดงความรังเกียจ อดมื้อกินมื้อ หาเศษอาหารตามแหล่งขยะเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ อาศัยหยาดน้ำค้างแก้กระหาย
   
กระทั่งฝ่ามือคู่นี้หยิบยื่นความเมตตา กันย์ให้ข้าว ให้น้ำ ให้การใส่ใจ ให้การดูแล ให้ความเป็นเจ้าของ เพียงเท่านั้น..ผมก็มีความสุข
   
..ครั้งหนึ่งในชีวิต..ผมได้มีบ้าน..มีเจ้านาย..
   
..และผมได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด..
   
..ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว..
   
ผมได้ยินเสียงกันย์ร้องเรียกในเวลาที่ลมหายใจแผ่วลง จมูกที่ด้านชาได้กลิ่นคาวเลือดของตัวเองคละเคล้าไปกับกลิ่นฝน มีเสียงหยาดน้ำตกกระทบพื้น

..ฝนตกวันนั้น..ผมได้เจอกันย์..

ผมฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เลียมือกันย์เพื่อกล่าวคำอำลา ผมอยากบอกเขา..ว่าผมดีใจมากแค่ไหน
   
..ที่มีเขาเป็นเจ้าของ..
   
ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย สุนัขจะเป็นเพื่อนที่จงรักภักดีของคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงเขาไว้เพียงดูเล่น เลี้ยงไว้แก้เหงา เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน หรือเลี้ยงไว้ประดับศักดิ์ศรี ลองคุณได้เมตตาเขาครั้งหนึ่ง เขาจะไม่มีวันลืมคุณเลยแม้วินาที
   
..เพียงข้าวหนึ่งมื้อที่คุณให้..
   
..เราจะรักคุณไปจนชั่วชีวิต..
   


_____________________________________________________




หมอนพมาเป็นเพื่อนกันย์เพื่อช่วยคนรักย้ายสัมภาระเข้าไปอยู่ในบ้านเขา เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นถูกขนไปหมดแล้ว เหลือเพียงของสำคัญไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
   
กันย์รวบรวมของใช้ทั้งหมดใส่ลัง บางส่วนเขาขายทิ้งพร้อมตัวบ้าน
   
“หมดแล้วใช่มั้ยครับ” หมอสำรวจดู เมื่อเดือนก่อนเขาทำป้ายประกาศขายให้ มีคนสนใจซื้อมาทำสำนักงานแม้จะรู้ว่าประวัติมันไม่ดีนัก
   
กันย์พยักหน้า มองเข้าไปในบ้านครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้ผูกพันกับสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่ เว้นเสียแต่ว่าเสียดายวันเวลาที่ได้รู้จัก ‘เพื่อนแท้’
   
“ของพี่ใหญ่เอามาหมดแล้วใช่มั้ย” หมอนพออกปากถาม
   
กันย์ยิ้ม ชูปลอกคอที่เป็นสายโซ่สีฟ้าให้ดู เขาห้อยติดไว้กับกระเป๋าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เขาอุ่นใจ..และรับรู้ได้เสมอว่าพี่ใหญ่จะอยู่ด้วยกัน
   
มีคนถามว่า ทำไมเขาเรียกหมาตัวหนึ่งว่าพี่
   
..เขาตอบว่า..เพราะพี่ใหญ่ไม่ใช่หมา..
   
..แต่ในสายตาของเขา..พี่ใหญ่เป็นคน..
   
..เป็นพี่..เป็นญาติ..เป็นเพื่อน..เป็นผู้มีบุญคุณ..
   
“ไปเลยมั้ยครับ”
   
กันย์ขอตัวแวะเข้าไปตรงแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นฉำฉา เขาเดินผ่านกองตุ๊กตานางรำที่หักเรี่ยราดอยู่บนพื้น ที่นั่นเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ
   
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อได้พบอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่
   
“หมอ..หมอครับ”
   
หมอนพก้าวเข้ามาตามเสียงเรียก พวกเขามองหน้าอีกฝ่ายแล้วหัวเราะด้วยความสุข ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลง ประคองเจ้าหนูน้อยห้าตัวที่นอนกองทับกัน
   
สุนัขเพศเมียตัวสีน้ำตาลอ่อนกระดิกหางให้เมื่อกันย์ชูปลอกคอของพี่ใหญ่ขึ้น เขาคิดว่ามันคงจำได้ว่ากลิ่นที่ติดอยู่นี้เป็นของใคร
   
“อยู่กับเราทุกวัน..ดอดมามีลูกที่นี่ได้ยังไง” กันย์อมยิ้ม มองเด็กๆที่ถอดแบบพี่ใหญ่มาไม่มีผิดเพี้ยน
   
ลูกสุนัขพันธุ์ไทยทั้งห้าตัวลืมตามอง พวกมันกระดิกหางรับพร้อมกับเข้ามาคลอเคลียเมื่อได้กลิ่นหมูปิ้งที่หมอไปซื้อมาให้
   
“หมอคิดว่าไงครับ” กันย์ถาม ดวงตาอ้อนวอน “หกตัว..ไหวมั้ย”
   
“คุณคิดว่าผมเลือกเรียนสัตวะทำไม” เขาหัวเราะ ปั้นข้าวเหนียวกลมๆให้พวกมันทีละตัว พี่ที่โตสุดเหมือนพี่ใหญ่มาก มันมีสีขี้เถ้า ตรงแผ่นหลังมีแนวขนราบเป็นทางยาว พี่ใหญ่เป็นพันธุ์ไทยหลังอานที่หล่อที่สุดและดูเหมือนว่าเชื้อนั้นจะส่งมายังลูกชายด้วย พวกมันกำลังกินกำลังโตกันเลยทีเดียว
   
“หมอน่ารักจัง” กันย์ยิ้มให้ เกาพุงเจ้าหนูทั้งหลาย “ตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ”
   
“โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย ง่ายดีมั้ย”
   
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า” กันย์เถียง
   
“อะไรก็ได้” หมอไม่ขัดใจอยู่แล้ว “ต้องซื้อปลอกคอหกอัน”
   
“พาไปฉีดวัคซีนทุกเดือน”
   
“ฉีดกันเห็บกับพยาธิหนอนหัวใจ”
   
“แก้พิษสุนัขบ้าด้วย”
   
“สร้างบ้านให้หลังหนึ่ง คลุมมุ้งกันยุง”
   
กันย์ยิ้มทั้งน้ำตา น้องโป้ง หรือน้องหนึ่ง อะไรสักชื่อ ปีนขึ้นมาเลียมือเขา เจ้าตัวน้อยเหมือนพี่ใหญ่ขนาดย่อส่วนจนแทบไม่น่าเชื่อ
   
“พี่ใหญ่..กันย์จะพาลูกๆของพี่ไปอยู่ด้วยนะ” เขาพึมพำกับความว่างเปล่าตรงแคร่ไม้ไผ่..ที่ที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง
   
“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง กันย์ดูแลพี่ใหญ่ดีแค่ไหน กันย์จะดูแลพวกเด็กๆให้ดีมากกว่าที่เคยทำ พี่ใหญ่เหนื่อยแล้ว..นอนพักซะนะ”
   
หมอกอดปลอบคนรักที่กำลังร้องไห้ ฟ้ามืดครึมเหมือนฝนกำลังจะตก
   
กันย์เจอพี่ใหญ่ครั้งแรกในวันฝนตก พี่ใหญ่เองก็จากไปในวันฝนตก และในวันเดียวกันนี้ พวกเขาได้เจอเจ้าพวกตัวน้อยที่เป็นของฝากจากพี่ใหญ่
   
..จะอยู่ในความทรงจำเสมอ..
   
..เพื่อน..ที่ดีที่สุด..






FIN






 :กอด1:  :pig4:


ปล. น้องเสือยังต่อไม่ติดเลย กร๊ากก ไว้จะมาเขียนต่อเน้ออ
ปลล. ชอบเพลงเก่ามากมายคร้าบ แต่เสียดายที่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครฟังแล้ว  :sad4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2012 23:21:09 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
โอ้ย ซึ้งอ่ะ ซึ้งมาก อ่านแล้วร้องไห้เลย พี่ใหญ่น่ารักมาก หมอนพก็ด้วย โอ้ย ชอบ

ออฟไลน์ yaoigirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ซึ้งงงงงมากกกกกกก

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
ซึ้งมากอ่ะ

อ่านแรกๆนึกว่าพี่ใหญ่เป็นคนซะอีก

มารู้ตอนหลังว่าเป็นหมานี่เอง

เป็นหมาที่ซื่อสัตย์มากๆ

โอย น้ำตาไหล  :m15:

+เป็ด +หนึ่งให้

ออฟไลน์ smilymoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบค่ะ มันเป็นมุมมองของความรักในแง่มุมต่างๆ เศร้าไปหน่อย ชีวิตไม่ได้ง่ายเนอะ ขอบคุณที่มาเขียนเรื่องดีๆเรื่อยๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :sad4:นี่คือความรักที่ใสบริสุทธ์จากสิ่งที่ทุกคนเรียกมันว่าสัตว์


แล้วคนละจงรักภักดีต่อความรักแบบนี้หรือเปล่า

ออฟไลน์ momoku

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
อ่านกี่รอบก็ร้องไห้ แต่งได้กินใจมาก

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
บ้าไปแล้วอ่ะ เราร้องไห้บ้าไปแล้ว TT_TT ถึงขั้นปล่อยโฮเลย สงสารพี่ใหญ่ สงสารกันย์ (ขนาดเคยอ่านมาแล้วก็ยังร้องขนาดนี้)
อ่านตอนนี้แล้วได้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป ที่ความรักคือการซื่อสัตย์ เสียสละ และไม่แบ่งแยกสปีชี่ส์
ประทับใจ และเสียน้ำตามากจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่พี่ใหญ่ห่วงกันย์แม้ตัวเองจะไม่ไหวแล้ว และตอนที่ปลอบกันย์ทั้งที่ตัวเองกำลังจะตาย 
(ชอบที่หมอนพจีบกันย์ผ่านพี่ใหญ่ น่ารักมาก อยากเม้นอะไรประมาณนี้ แต่ตอนจบทำใจเราเป๋ไปจากเดิม 555)
 
ขอบคุณมากค่ะ

ปอลิง ตอนแรกนึกว่าพี่ใหญ่เป็นคนแฮะ อารมณ์ดอกฟ้ากับหมาวัด แต่ดันเป็นหมาจริงๆ -*-
ปอลิง2 เพลงนี้เพราะมากค่ะ ชอบมากๆ เคยฟังตอนดู Glee น้ำตาซึม (เวอร์ชั่นเก่าของเต่าทองเนอะ เราคงไม่ได้พูดผิดเพลงใช่ไหม 55 ) เราก็ชอบฟังเพลงเก่าๆเหมือนกันค่า โดยเฉพาะ Carpenters กับ Bee Gees
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2012 21:26:40 โดย ratnalin »

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ตอนแรกก็คิดว่าพี่ใหญ่เป็นคน จนพอมีโซ่สีฟ้าเข้ามาเนี่ยแหละ

ร้องไห้จริงๆค่ะ สะเทือนใจมากถึงมากที่สุด

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวววว ไอ้เราก็นึกว่าลงไว้แค่ในบล็อค
มีอยู่ในนี้ด้วยรึ!
มีในนี้ก็ตามอ่านในนี้ด้วย คิคิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nong PeePee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ชอบทุกเรื่องเลย  o13
สงสารพี่ใหญ่น้ำตาไหลเลยค่ะ :sad4:

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
 :impress3: :sad4: :o12:
ทำไมมันเศร้าอย่างนี้.....ร้องไปอ่านไป :a5:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรื่องอื่น ๆ  ทำน้ำตาซึม แต่เรื่องพี่ใหญ่น้ำตาไหลพราก
นั่งซึมไปทั้งวัน
ทำไมเขียนดีอย่างนี้ กระชากใจคนอ่าน ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ซึ้งมาก น้ำตาซึมเลยขอบอก ดีทุกเรื่องเลย พี่ใหญ่กล้าหาญมาก ชอบที่สุด เขียนดีมากมายเลยค่ะเป็นกำลังใจให้ แต่งมาให้อ่านอีกนะค๊ะ รอเสมอ

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อ่านแล้วชอบพี่ใหญ่ที่สุด สงสารด้วย

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
"Please Mr. Postman"
น่ารัก อ่านแล้วอมยิ้ม ^^

"I don’t like to sleep alone"
เหอๆๆ เราจะนอนด้วยกันตลอดไป เหอๆๆ o21

"Kiss Me Goodbye"
ไม่ว่าจะเพราะรักหรืออะไร ผมกับเขาก็ทำผิดต่อสาวครอสติชนะ

"Sad  Movie"
หญิงร้ายชายชั่ว ทรยศหักหลังกันได้ สงสารปอ :m31:

"I Want to Hold Your Hand"
ชอบเรื่องนี้มากๆ ซึ้งสุดๆ น้ำตาไหลพรากๆ เลย  :impress3:
พี่ใหญ่เท่มาก ฮือๆๆๆ เศร้าแต่จบดีนะ
ค่อยยังชั่วที่มีเจ้าตัวเล็กน่ารักทั้งหลายมาปลอบประโลมอารมณ์ให้ดีขึ้น
อ่านแล้วก็นึกถึงเรื่อง มอม ประทับใจพอๆ กันเลย

บวกๆๆ อิอิ^^

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page

 :L1: In Love  :L1:



"Wonderful Tonight"




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


..น่าเบื่อ..

จิรนันท์นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างใหญ่ที่เคลื่อนไหวตัวเนิบนาบ สีหน้าแสร้งแสดงความสุขสมเพื่อเอาใจคนตรงข้าม เขาพอจะมีความรู้สึกอยู่บ้างจึงได้ไปถึงขั้นสุดท้ายในการร่วมรัก แต่จะบอกให้..มันช่างว่างเปล่าสิ้นดี

รณพีร์ยิ้มให้คนข้างใต้อย่างฝืดเฝื่อน เขาเคยมีความลำพองในลีลา ท่าทาง และ..พูดก็พูดเถอะ ไม่ว่าผู้ชายที่ไหนก็ต้องภูมิใจกับขนาดกันทั้งนั้น

แต่มาตอนนี้ ความเร่าร้อนที่แค่เคยสะกิดก็ลุกโชติช่วงเหมือนไฟตกลงบนน้ำมันกลับดับวูบ ไอ้ท่อนไม้แข็งๆที่เขากำลังเสือกไสเข้าในร่างแฟนมันแสนจะห่อเหี่ยวที่สุด อารมณ์ยังพอมีอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะจืดชืดขนาดนี้

โชคดีมาก..ในที่สุดเขาก็หลั่งมันสำเร็จ แต่เป็นการปลดปล่อยอยู่ใต้ปราการพลาสติกและไม่ใช่ภายใน ตอนนี้เขาคิดว่าอากาศภายนอกอาจอบอุ่นกว่าในตัวจิรนันท์ที่กำลังเย็นชาจนแทบกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งก็ได้

รณพีร์ใช้ทิชชู่จับที่ขอบแล้วรูดรั้งมันออก ความภาคภูมิใจของเขาหมดเรี่ยวแรงลง มันสงบนิ่งอย่างเฉยเมย และต่อให้ปลุกปล้ำเท่าไหร่ก็คงไม่ลุกแล้ว

จิรนันท์ขยับตัวลุกขึ้น เดินเปลือยเปล่าไปเข้าห้องน้ำหลังเสร็จภารกิจระหว่างกัน ดวงตาสีเข้มที่จ้องมองตามหลังมีแต่ความหมางเมิน ร่างกายของแต่ละฝ่ายไม่ได้ปลุกเร้าความต้องการอย่างเช่นในอดีตอีกต่อไป

......



รณพีร์ดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารในขณะที่คนรักสาละวนอยู่กับการทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆ เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือ มองลอดแว่นเพื่อเพ่งพิจสะโพกกลมกลึงใต้กางเกงสามส่วน เรื่อยไปจนถึงช่วงตัวเล็กบางที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อน
   
ผู้ชายหลายคนคิดฝันเรื่องการมีเซ็กซ์กันอย่างสุดเหวี่ยงที่โต๊ะกินข้าวในขณะที่แฟนตัวเองมีเพียงผ้าชิ้นเดียวปิดกาย เขากำลังคิดถึงจิรนันท์ที่ปีนขึ้นมานั่งเปล่าเปลือยต่อหน้าแล้วแยกขาออกกว้างเป็นการเชิญชวน
   
“ทำตาลามก” จิรนันท์เอาตะหลิวเคาะโต๊ะเป๊งๆ วางชามข้าวต้มลง
   
เขายักไหล่ ฝันนั้นถูกดับลงเมื่อจิรนันท์ที่แสนจะร้อนเร่าในจินตนาการตะโกนขึ้นมากลางคันตอนเขากำลังจะถึงฝั่งฝันว่า ‘ลืมปิดแก็ส’
   
รณพีร์ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีความสามารถในการจัดบ้านช่องให้น่าอยู่รวมไปถึงทำอาหารได้อร่อยอย่างหาตัวจับยาก มีพลังขับเคี่ยวอย่างรุนแรงในการสวมบทบาทเป็นคนใช้ดีเด่นกระทั่งกุ๊กมือหนึ่ง
   
..แต่ในบางครั้ง..เขาอยากได้คู่นอนที่เก่งกาจมากกว่า..

หรือพูดในอีกแง่หนึ่ง..เจ้าหมอนี่ไม่ยอมสวมบทไอ้หนุ่มขายตัวเลย

“เย็นนี้อยากกินอะไร” จิรนันท์เอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะ จังหวะหนึ่งเขาปัดขวดซอสมะเขือเทศตกแตก คราบสีแดงกระจายเป็นวงกว้าง “ให้ตายสิ!”

รณพีร์เลิกคิ้ว มองคนรักที่ก้มๆเงยๆเช็ดพื้น เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่านันท์ยังดูดีในวัยสามสิบห้า และดูดีมากสำหรับเขาไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่

..แต่ทำไมเรื่องบนเตียงมันกลับน่าเบื่อยิ่งขึ้นไปทุกที..

“ไม่รู้สิ” เขายักไหล่ นึกถอนหายใจถึงความชืดชาที่เกิดขึ้น

..ถ้ายังเป็นแบบนี้..อีกไม่นานต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจแน่นอน..

“ต้มยำกุ้งมั้ย” จิรนันท์พูดถึงอาหารโปรดของคนด้านหลัง

“ไม่เอา”

“ปลาช่อนลุยสวน” เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เขาทำได้อร่อยสุดๆ

“เบื่อแล้ว”

“กะพงนึ่งมะนาว หรือเอาผัดเผ็ดปลาดุก” ชักเซ็งที่ได้รับแต่คำปฏิเสธ

รณพีร์พึมพำ “ไปกินข้าวนอกบ้านดีกว่ามั้ย”

“ไม่ล่ะ” ร่างเล็กส่ายหัว “คุณไปเองคนเดียวเถอะ”

“งั้นก็ตามใจ” เขาขี้เกียจง้อเหมือนกัน

รณพีร์ลุกจากโต๊ะหลังชิมข้าวต้มกุ้งที่เป็นของโปรดอีกหนึ่งอย่างไปแค่ไม่กี่คำ นันท์ยังทำอร่อย แต่เขาต่างหากที่รู้สึกชินชาจนไม่อยากแตะ

หลังคนรักออกไปทำงานแล้ว จิรนันท์รับสายจากจิรายุ พี่ชายที่น่ารักแสนจะเป็นห่วงเรื่องครอบครัวของเขาหลังจากที่เคยปริปากอย่างอัดอั้นเรื่องความน่าเบื่อบนเตียงให้ฟัง มันชืดชายิ่งกว่ามีเซ็กซ์กับท่อนไม้ซะอีก

‘นั่นเพราะว่าเราต่างเอาตัวเองเป็นใหญ่’ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ จิรายุเป็นพวกธรรมะธรรมโม ชนิดแทบจะซึ้งเข้าไปถึงแก่นพระธรรมเลยทีเดียว

‘สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง อันอำนาจตัณหา ราคะ..’

“สรุปว่าผมเบื่อเขา” จิรนันท์ตัดบทก่อนพี่ชายจะเทศน์ยาว

‘อย่าคิดว่าตัวกูของกู อย่าไปผูกอยู่กับความต้องการของตัวเองมากไป’

“มีชู้ดีมั้ย!” เขาโพล่งโดยที่ไม่ฟังพี่เลย

‘ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์กับสามีภรรยาของตน หรือผู้ที่เป็นมือที่สามก็ดี ผู้นั้นจะต้องตกนรกหมกไหม้ ปีนขึ้นต้นงิ้ว ถูกยมบาลเอาเหล็ก
แหลมทิ่มแทง..’

จิรนันท์ขำก๊าก เขาเชื่อพี่ชาย แต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายซีเรียสเกินไป “ล้อเล่น”

‘พูดโกหกผิดศีลข้อที่สี่’

“หะหะ” เขาหัวเราะเฝื่อน “ไปดริ๊งค์เป็นเพื่อนผมคืนนี้ได้มั้ย”

‘ทำไมชอบละเมิดศีลกันนะ แค่ห้าข้อก็รักษาไม่ได้’

เขาพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายไม่มีแฟนเสียที “งั้นมากินข้าวกัน”

‘วันนี้ต้องกินมังสวิรัตินะ’

“คร้าบพี่!”

......



รณชิต..หนุ่มโสดเพลย์บอยเป็นน้องชายของรณพีร์ เขานั่งหัวเราะจนท้องแข็งเมื่ออีกฝ่ายพึมพำว่าเหนื่อยหน่ายกับเรื่องบนเตียงเหลือเกิน

“ก็ไม่ต้องทำสิ” เขาแนะนำ “หรือหาแฟนใหม่เลย”

“เอาหัวแม่เท้าคิดเหรอ”

คนน้องหยักยิ้ม “ของแบบนี้มันต้องเปลี่ยนรสชาติบ้าง อะไรที่ทำเป็นประจำก็น่าเบื่อ เหมือนพี่ชอบกินต้มยำ แต่ถ้าให้กินทุกวันมันก็ซ้ำซากจำเจ”

เขานั่งถอนหายใจ มองสาวมากหน้าที่เข้ามาคลอเคลียกับน้องชาย ไอ้หมอนี่ตอบสนองชนิดไม่ต้องคิดนานด้วยซ้ำ

“มาคนเดียวเหรอคะ” อนงค์นางหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ส่ายเอวยั่วยวนไม่พอ ยังอุตส่าห์เอาสะโพกมาถูไถแถวต้นขาเขาอีก

“มีเมียแล้วครับ” เรื่องเดียวที่รณพีร์ไม่คิดจะทำ..นั่นก็คือการนอกใจ

..แต่ก็กลัวตัวเองจะดีแตกอยู่เหมือนกัน..

“ชิ!” หล่อนสะบัดหน้าเดินจากไป

รณชิตนั่งหัวเราะ เขาชูแก้วเหล้าชนกับพี่ ฉลองให้คนที่กำลังกลายเป็นตาลุงตายซากอยู่ที่บ้าน “แด่ความซื่อสัตย์และไอ้จ้อนที่กำลังขึ้นรา”

“ทุเรศเถอะ ผู้ชายรักเดียวใจเดียวมันแย่ตรงไหน”

“จืดชืด” คนน้องพึมพำ นับนิ้วให้ดูไม่หวาดไม่ไหวว่าเขาเปลี่ยนคู่ควงอาทิตย์ละกี่คน “ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ”

รณพีร์ส่ายหัว ยกแก้วขึ้นดื่มก็เห็นว่าหมดแล้ว บาเทนเดอร์เดินเลียบเคียงเข้ามาแต่เขาส่ายหัว ใช้นิ้วหมุนน้ำแข็งที่ยังเหลือค้างเล่นแทน

“เอางี้มั้ย” รณชิตเห็นพี่เบื่อหน่ายจริงเลยเสนอเรื่องดีๆ “มีตัวช่วย”

“อะไร”

“ทฤษฎีนี้ว่าด้วยเรื่องของการแสวงหาความตื่นเต้น” เขาพึมพำ “มนุษย์ทุกคนย่อมมีความอยากรู้อยากลอง ต้องการจะทำเรื่องลักลอบเป็นทุนเดิม พ่อบ้านบางคนกลับมาปึ๋งปั๋งใหม่อีกรอบหลังจากแอบไปนอนกับอีหนูทั้งที่เมียดุเหมือนหมา คนบางคนชอบเซ็กซ์ในที่สาธารณะทั้งที่เสี่ยงต่อการถูกจับได้ บางคนก็ชอบเรื่องผิดศีลธรรมเพราะทำให้ความตื่นเต้นมากขึ้นทวีคูณ”

“แกจะพูดอะไรวะ” เขาไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว

“แลกคู่นอนกัน”

......



จิรนันท์ขับรถไปส่งจิรายุที่วัดเพราะฝ่ายนั้นต้องไปนั่งสมาธิทุกครั้งหลังมื้อเย็น เขาเคยบอกแล้วว่าให้ทำที่บ้านเพราะมันเสี่ยงต่ออันตรายตอนขากลับ
   
“ถ้าจะมีคนฉุดพี่นะ” จิรายุขำก๊าก “พี่ไม่โสดมาจนป่านนี้หรอก”
   
“อย่างน้อยก็ระวังตัวไว้บ้างได้มั้ย” เขาส่ายหัว โบกมือบ๊ายบายพี่แล้วขับกลับบ้าน ระหว่างนั้นแวะซื้อของสดไว้รอทำกับข้าวพรุ่งนี้ด้วย

จิรนันท์กลับมาที่ห้องชุดพร้อมกับพบว่ามีใครบางคนยืนรอเขาอยู่แล้ว
   
“อ้าว..คุณชิต” เขาทักทายน้องชายของคนรัก “มาได้ยังไงครับนี่”
   
รณชิตยิ้มเพียงน้อย เขานิ่วหน้าไปครู่เมื่อรู้สึกเจ็บตรงมุมปาก

“เอ๊ะ! ใครทำร้ายคุณ” ร่างเล็กทำตาโต รีบเปิดห้องแล้วกึ่งลากกึ่งจูงแขนอีกฝ่ายเข้ามาด้านใน “นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมทำแผลให้”
รณชิตหัวเราะหึ กวาดตามองทั่วร่างของคนตรงหน้าด้วยแววตาพอใจ

“หมาขี้หวงน่ะครับ”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างงุนงง เขาเดินกลับเข้ามาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล ใช้สำลีทำความสะอาดแผล แต้มยาบนมุมปากให้ด้วยความนุ่มนวล

“มีเรื่องกันที่ผับอีกแล้วใช่มั้ยครับ” จิรนันท์ส่ายหัวก่อนจะนึกขึ้นได้ “พีร์ล่ะคุณ! อย่าบอกนะว่าเขาโดนยำจนเข้าโรงพยาบาลน่ะ”

รณชิตส่ายหัว เขาจับข้อมือเล็ก “ป่านนี้พี่นอนกกสาวสบายใจไปแล้ว”

“อะไรนะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ขยับเข้าไปใกล้ “และเขาก็ยกคุณ..ให้ผมด้วย”

ดูเหมือนว่าคนพูดจะถูกต่อยจนหน้าหันในวินาทีนั้น

“ล้อเล่นบ้าๆ” จิรนันท์โยนน้องแฟนออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูโครม หน้าตาเสียโฉมมาเขายังพอช่วยเหลือได้ แต่ปากหมาใส่นี่สุดจะทานทน

ร่างเล็กส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดบ่าแล้วเข้าไปอาบน้ำให้หายร้อน ตอนออกมาก็เห็นว่าได้เวลาที่พีร์จะกลับบ้านพอดี

มีเสียงเปิดประตูดังแกร๊ก เจ้าตัวชะโงกหน้ามอง เห็นแต่ช่วงขาที่สวมกางเกงยีนส์สีซีด ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาทั้งรองเท้าผ้าใบที่สวมอยู่

“กลับมาแล้วเหรอพีร์” จิรนันท์ร้องถามพลางเอาผ้าเช็ดผมที่เปียกชุ่มจนแห้งหมาดๆ “จะบอกอะไรให้ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน น้องชายคุณ..” เสียงที่ว่าปาวๆชะงักกึก เขาเพิ่งรู้สึกในตอนนี้เองว่าคนที่เข้ามาไม่น่าจะใช่พีร์

..เมื่อเช้าพีร์ใส่กางเกงสแล็คสีดำไปทำงาน..ไม่ใช่กางเกงยีนส์..

..ซ้ำรองเท้าก็เป็นคัทชูหนังสีดำด้วย..

คนที่กำลังครุ่นคิดอยู่หน้ากระจกเงาเบิกตากว้างเมื่อดวงตาสบเข้ากับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนมาจากด้านหลัง หมวกไหมพรมที่คลุมบริเวณใบหน้าไว้ทำเอาเขาตัวเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองมาอย่างดุดัน

จิรนันท์ยกกำปั้นฟาดผัวะออกไปตามสัญชาตญาณ ฝ่ายนั้นเซถอยไปก้าวหนึ่ง สบโอกาสให้เขาวิ่งพรวดออกมาจากห้องนอนได้

“มานี่!” เสียงแหบต่ำคำรามกร้าว บุคคลนิรนามกระโจนเข้าล็อคคอไว้

ผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นยาอ่อนๆถูกโปะเข้าที่จมูกเล็ก เจ้าตัวไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน

..พีร์..

......




คนที่เพิ่งฟื้นพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดเบื้องหน้าหากทุกอย่างยังคงเป็นสีดำสนิท เขาวาดมือออกไป หวังจะคลำหาสวิทช์ไฟตรงหัวเตียงแต่สัมผัสตึงแน่นรั้งข้อมือไว้จนต้องมุ่นคิ้ว ประสาททั่วกายลุกชันในทันทีที่รับรู้ทุกอย่างรอบตัว
   
“พ..พีร์..” จิรนันท์เรียกหาคนรัก ความตื่นกลัวแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจ
   
มีเสียงไฟแช็กถูกจุดขึ้นด้านข้างตามด้วยกลิ่นเหม็นไหม้ของยาสูบ ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงตัวเย็นเฉียบด้วยความตระหนก เขาเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าในห้องยังคงสว่างโล่ง แต่ที่เห็นว่ามืดนั้น..คงเป็นเพราะผ้าที่กำลังคาดตาไว้แน่นต่างหาก
   
“ใคร..ใครน่ะ!” ร่างเล็กร้องถาม พยายามลุกขึ้นจากที่นอนแต่ติดเศษผ้าที่มัดมือทั้งสองไว้กับราวเหล็ก “ค..คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องผมทำไม..”
   
ฟูกหนายวบตามน้ำหนักที่เท้าลงมา กลิ่นบุหรี่ลอยอวลอยู่ด้านข้าง จิรนันท์ตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อฝ่ามือหยาบสอดเข้ามาในเสื้อคลุม
   
“พีร์! พีร์ช่วยด้วย!” เขาตะโกนร้องสุดเสียง และแทบจะทันทีที่ขยับปาก ฝ่ายตรงข้ามก็บีบคางเข้ามาเต็มแรงซ้ำยังเอาผ้าคาดซ้ำลงมา “อ..อื้อ”
   
“ชู่ว์..นิ่งไว้ที่รัก..นิ่งซะเด็กดี” มันเป็นเสียงพร่าต่ำที่จงใจดัดให้แปร่งปร่าไปจากเดิม เป็นธรรมดาอยู่แล้วสำหรับคนที่กำลังจะก่อคดีเพื่อไม่ให้ใครจดจำได้

..แต่ว่า..มันคือคดีอะไรเล่า..

ดวงตาที่ถูกปิดสนิทมีหยดน้ำไหลซึม เขาส่งเสียงอื้ออึงในคอ พยายามจะบอกว่าไม่มีเงินหรือทรัพย์สมบัติอะไรให้มันเอาหรอก พีร์เป็นแค่พนักงานบริษัทต๊อกต๋อย ส่วนเขาทำงานอดิเรกเล่นไปวันๆ ฆ่าเขาตายก็ติดคุกเปล่า

“จะพูดอะไรเหรอ หืม..” ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดตรงซอกคอ ปลายลิ้นอุ่นลากไล้จากหางตาที่เปียกชื้นลงมาข้างแก้ม จบลงที่ริมฝีปากสั่นริก

“อ..อือ” จิรนันท์ผงกหัวขึ้นลง “อ..”

“อยากพูดอะไรใช่มั้ย?” ชายแปลกหน้าพึมพำ “ถ้าปล่อยให้พูด สัญญานะว่าจะไม่แหกปากร้อง” เขาไล้วัตถุเย็นเยือกลงบนข้างแก้มใส กดลงเบาๆพอให้เกิดรอย “ถ้าโวยวาย..รู้นะว่าจะเป็นยังไง มีดมันคมซะด้วย”

ร่างเล็กพยักหน้ารับรัวเร็ว อย่างน้อย ตอนมีปากเป็นอิสระก็ยังรู้สึกอุ่นใจกว่าที่เป็นอยู่ หากตอนสุดท้ายมันจะฆ่าเขาแล้ว ขอร้องให้ลั่นคอนโดก็ยังดี

“ปล่อย..ปล่อยผม ขอร้องเถอะครับ” เมื่อมันเอาผ้าที่มัดปากออกให้ เขาก็หว่านล้อมสารพัด “ผมกับแฟนไม่ค่อยมีเงิน แต่..แต่ถ้าคุณต้องการ ผมพอจะมีอยู่ในกระเป๋าสองสามพัน เอาไปให้หมดเลย ผมจะไม่แจ้งตำร..”

“ใครบอกว่ากูอยากได้เงิน” มันตะคอกจนเขาหัวหด เสียงหัวเราะด้วยความพอใจดังอยู่ในลำคอ “คนเพิ่งออกจากคุก..มันไม่ต้องการเงินหรอกเว้ย!”

จิรนันท์หน้าซีดเซียว นึกสาปแช่งตัวเองที่ไล่รณชิตออกไป ตามด้วยการก่นด่ารณพีร์ที่ตอนนี้มันอาจจะกำลังคั่วสาวคนใหม่อยู่ก็เป็นได้

..ทำไมไม่กลับมาซะที!!..

“ง..งั้นจะเอาอะไร” เขาพยายามถ่วงเวลา “ยาเหรอ..เอาเงินไปซื้อสิ”

“กูอยาก..” มันกระซิบลงมาข้างใบหู ปลายลิ้นอุ่นเล็มเลียไปทั้งร่างจนผิวกายอีกคนร้อนผ่าว ขนอ่อนทั่วตัวลุกชันด้วยความตื่นกลัว “ให้กูเอาสักครั้งสิ”

“ไม่!” เขาตะโกนก้อง ดิ้นรนด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนมือข้างหนึ่งหลุดออกมาเป็นอิสระ เขาชกไปตรงต้นเสียงหากอีกฝ่ายหลบวูบ

“พูดดีๆไม่ชอบ อยากให้ใช้กำลังก็ไม่บอก”

มันกระแทกแขนเขาลงกับเบาะ มัดมือมัดปากกลับไปอย่างเดิม เบี้ยล่างได้แต่ตัวชาดิกเมื่อเสื้อคลุมที่สวมอยู่ถูกฉีกขาด มือหยาบเปลี่ยนมาดันขาทั้งสองของเขาให้ตั้งชันกับเตียงพร้อมกับแทรกลงกึ่งกลาง 

“อื้อ..”

“ถ้าไม่อยากตายก็เลิกเล่นตัวได้แล้ว” โลหะเย็นเฉียบกดเข้าที่ต้นคอ สะกิดลงเป็นการขู่จนอีกคนเลิกต่อต้านโดยดี “นั่นละ..ฉลาดมากคนเก่ง”

สัมผัสร้อนผ่าวลากยาวลงมาด้านหลัง ปลายลิ้นอุ่นโลมเลียไปทั่วตัวกระทั่งหยุดที่ส่วนไวสัมผัส เลือดในกายเย็นเยียบเหมือนถูกแช่เพราะความชื้นแฉะที่จงใจกระหวัดไปทั่วซ้ำยังสอดเข้าออกจนช่วงล่างเปียกชื้น

“อ..อือ” ขนอ่อนทั้งกายลุกชัน ในสมองเขากำลังต่อต้านแต่ปฏิกิริยาทางร่างกายกลับตอบรับ ผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังขืนใจกันดูเหมือนมีอารมณ์ร่วมถึงขีดสุดเพราะเขาได้ยินเสียงรูดซิปกางเกงพร้อมกับเสียงเสียดสีของฝ่ามือกับอะไรบางอย่างที่กำลังถูไถไปมาบนช่วงเอว จิรนันท์กัดปากจนห้อเลือด พยายามถดตัวหนีจากส่วนปลายที่ลื่นเมือกไปด้วยความต้องการล้นปรี่ 

“อยู่เฉยๆนะมึง” มันออกคำสั่ง ลากตัวเขากลับมาใต้ร่าง

ปลายเท้าขาวหยัดลงกับฟูก จิกเกร็งด้วยความเสียวซ่านเมื่อมันลากลิ้นจากร่องสะโพกมาถึงส่วนหน้า โพรงปากร้อนระอุครอบลงบนความอ่อนไหวแล้วรูดรั้งด้วยริมฝีปาก เสียงครางเบาหวิวดังเล็ดลอดผ่านผ้าที่มัด

“ไง..ชอบล่ะสิ” มันเยาะเย้ย รัวลิ้นไปมาแทบไม่เว้นช่วง

“อื้อ..อื้อ” เขาพยายามส่ายหัวปฏิเสธ..แม้ว่าช่วงล่างจะกำลังร้อนวาบ

“ผัวมึงไม่เคยทำให้ใช่มั้ยล่ะ”

แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อทั้งแถบเมื่อถูกตราหน้าด้วยเรื่องบนเตียงที่เป็นความจริง เหมือนว่ามันจะเห็นกิริยาแบบนั้นเป็นเครื่องตอบรับถึงได้ชอนไชปลายลิ้นกระทั่งสอดลึกลงในความนุ่มหยุ่นที่กำลังมีปฏิกิริยาโต้ตอบเป็นจังหวะ

“อึก..” คนตัวเล็กกว่าเม้มปากแน่น อารมณ์หวาดกลัวผสมรวมกับความตื่นเร้าเมื่อเส้นผมอีกฝ่ายคลอเคลียอยู่แถวหน้าขา แม้จะถูกปิดตาแต่ภาพในจินตนาการของเขากำลังสร้างเป็นคนแปลกหน้าตัวสูงใหญ่ที่ก้มหน้าใช้ปากให้ส่วนหวงห้ามพร้อมกับช่วยตัวเองไปด้วย “อือ..อื้อ..”

อารมณ์ภายในพุ่งทะยานถึงขีดสุด ความกดดันที่ถูกกระตุ้นแล่นลามมาถึงส่วนปลาย ร่างขาวสั่นสะท้าน ปลายเล็บจิกลงบนผ้าที่มัดมือหากแต่ในจังหวะที่กำลังจะปลดปล่อย อีกฝ่ายกลับล่าถอยไปเฉยๆ

“ทำไม..ทำท่าเสียดาย?” มันถามกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

จิรนันท์เหมือนถูกชกตรงๆ ความอับอายพุ่งวาบขึ้นมาบนใบหน้า

“ไม่ต้องห่วงหรอก..กูทำให้มึงถึงใจแน่” คำพูดกำกวมนั้นทำเอาคนฟังตัวเย็นเฉียบ “จะเอาให้ร้องลั่นไม่เป็นภาษาเลย”

ความมืดที่ปิดบังภาพเบื้องหน้ายิ่งเร่งเร้าความตื่นกลัว มันผละออกก่อนจะถ่มน้ำลายลงฝ่ามือแล้วลูบของเหลวลื่นลงบนความคับแน่น ปลายนิ้วยาวแทรกผ่านทีละน้อยท่ามกลางความตกตะลึงของอีกคน

“เยี่ยมเป็นบ้า” มันคำรามอย่างพอใจ กระชากนิ้วออกพร้อมกับแทนที่ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ร้อนผ่าว

จิรนันท์แทบกัดลิ้นตัวเองขาดในทันทีที่ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาถึงแนวสันหลัง เสียงครางแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู แขนข้างหนึ่งของมันสอดเข้าใต้สะโพกแล้วลากหมอนมาหนุนจนช่วงเอวถูกยกรั้ง ผู้ถูกกระทำนอนนิ่งด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อสติพลันระลึกได้ว่าบุคคลที่ล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

..ไม่ใช่คนรักของตน..

หัวใจทั้งดวงแทบหยุดเต้นในจังหวะที่อีกฝ่ายสอดเข้ามาจนสุด เขาแทบไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้องหรือขอความช่วยเหลือจากใครแม้แต่นิด เพราะในทันทีที่มันฝังร่างลง สะโพกสอบก็เริ่มขยับรุกอย่างมีชั้นเชิง

ภาพบิดเบี้ยวในหัวของเขากลายเป็นสีขาวโพลน จดจำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นนอกจากความตื่นกลัวที่ลุกลามเข้ามาบีบอัดในอกจนแทบจะหมดสติ ความรุนแรงที่อีกคนจงใจบดเบียดลงมาทำให้เสียงร้องถูกกลืนหาย

“ชอบแบบนี้มั้ย” มันคำรามกร้าว ขยับตัวเน้นๆลงบนจุดไวสัมผัส

“อือ..อื้ออ”

“ถ้าชอบก็ร้องสิ..ร้องดังๆ!”

ร่างเล็กดิ้นพล่าน ทั้งกระชาก ทั้งสะบัดมือออกจากผ้าที่มัดแต่ไม่เป็นผล ความร้อนระอุสอดใส่เข้าออกเป็นจังหวะ เสียงผิวกายเสียดสีดังลั่นห้องนอน

แขนแกร่งเท้าลงมาบนเบาะ ช่วงอกกว้างเสียดสีกับผิวกายขาว กลิ่นสบู่อ่อนๆเป็นยากระตุ้นให้คนด้านบนโหมแรงใส่จนเตียงทั้งหลังไหวคลอน

จิรนันท์รู้สึกได้ว่าสติสัมปชัญญะของตนกำลังหลุดหาย เสียงครวญครางในลำคอที่ร้องด้วยความสมใจดูราวกับจะไม่ใช่เสียงของเขา หากว่านี่คือความฝัน คงนึกว่าวิญญาณของตนหลุดออกจากร่างแล้วกำลังยืนดูกายเนื้อกำลังถูกกระทำด้วยน้ำมือของชายแปลกหน้าอยู่ข้างเตียงเป็นแน่

“สะใจสินะ” มันหัวเราะก้อง กระชากหัวไหล่มนกลับเข้ามาพร้อมกับก้มลงบดเบียดริมฝีปากผ่านเนื้อผ้าที่คาดทับ “ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร”

ความนุ่มนวลด้านในขยับรัดรึงแน่นหนา ทุกครั้งที่จงใจรุนแรงหรือพูดคำหยาบข้างใบหู คนที่อยู่เบื้องล่างก็มักจะมีกิริยาตอบโต้กลับมาเสมอ และทั้งที่ใบหน้านั้นมีแต่คราบน้ำตาเปรอะเปื้อน พยายามปฏิเสธด้วยการถดร่างหนี แต่ทางรักร้อนผ่าวกลับกลืนกินช่วงความยาวที่กำลังรุกไล่ไม่ปล่อย

“ถ้าอยากหนี..ก็หนีเลย” มันกระซิบบอกก่อนจะปลดผ้าที่มัดมือให้

จิรนันท์จำได้ว่าชกหน้ามันไปอย่างแรง หากเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส มันก็ผลักเขาตกลงบนเตียง สอดแขนทั้งสองเข้ายกรั้งข้อพับขาจนสะโพกลอยสูง มันทิ้งน้ำหนักลงปลายเท้าพร้อมกับกระแทกตัวลงมาจนสุดความยาว

“อื้ออ!” เขาน้ำตาไหลพราก ทั้งเจ็บใจ ทั้งอับอาย ความกลัวในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป จะเหลือก็แต่ความโกรธที่แรงปรารถนาทั้งหลายยังไม่ลดลงสักที

เล็บคมจิกลากลงบนแผงอกหนา ขยุ้มผ่านตัวเสื้อแล้วกระชากลง หวังให้เศษเนื้อติดออกมา หากยิ่งต่อต้าน มันก็ยิ่งรุนแรงทางกาย

“ทำได้แค่นี้เหรอ เอาให้สมจริงหน่อยซี” มันหัวเราะลั่น เลือนมือขึ้นขยุ้มลงบนอก ขยำขยี้จนเนื้อขาวขึ้นสีแดงก่ำ เสียงครางด้วยความเจ็บดังอื้ออึง

“อย่าเล่นตัวกับผัวหน่อยเลย” มันพึมพำ “ยังไงตอนนี้มึงก็เป็นของกู”

จิรนันท์กัดฟันกรอด พยายามยกขาขึ้นถีบแต่มันคว้ามาเกี่ยวไว้ที่เอว ยิ่งขยับถอย มันยิ่งรุกเข้ามาจนทั้งสองร่างกลืนกินกันแนบสนิท

“ฮ..อาา”

“ที่แท้มึงก็อยากเหมือนกันนั่นละ”

ใบหน้าแดงเรื่อหันหนีไปอีกทาง เรี่ยวแรงต่อต้านหดหายเมื่อมันโน้มตัวลงมากอด สะโพกแข็งแรงขยับสวนถี่รัว เสียงน่าอายดังก้องห้องจนใบหน้าของคนที่ได้ยินซับสีเลือด ส่วนอ่อนไหวด้านหน้าเสียดสีกับช่วงท้องของมันจนขยาย

“อื้อ..” เจ้าตัวทั้งผลักทั้งดันบ่ากว้างเมื่อมันเร่งจังหวะ “..อือ”

เสียงทุ้มต่ำครางแว่ว ผละมาช่วยรูดรั้งความต้องการร้อนระอุของอีกคน

ร่างขาวกระตุกเกร็ง ร้องสุดเสียงในลำคอเมื่อมันกระแทกกระทั้นลงมาอีกสองสามจังหวะ เขาสะดุ้งเฮือก ปลดปล่อยความปรารถนาออกมาเป็นสาย

ทั้งตัวผวาเฮือกขึ้นกอดรัดบุคคลแปลกหน้าอย่างลืมตัว มันกระชากผ้ามัดปากออกก่อนจะก้มลงบดขยี้จูบอย่างรุนแรง สอดปลายลิ้นเข้าดูดคลึงราวคนรักกันกำลังกระทำ ในขณะที่ช่วงล่างเองยังคงเคลื่อนไหวถี่กระชั้น

“อาา..” เสียงแหบพร่าคราง ขยับตัวคล้ายคนบ้าคลั่ง “นันท์! นันท์!!”

จิรนันท์รู้สึกชาวูบ หูอื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงอะไรในช่วงที่มันเร่งตัวเองแล้วสอดใส่รุนแรงอีกหลายครั้งก่อนที่จะหลั่งน้ำรักมากมายออกมาในตัวเขา

..เสียงคำรามด้วยความสุขนั้นช่างคุ้นเคยคล้ายจะได้ยินที่ไหนมาก่อน..

......



คนที่หมดสติในช่วงเวลาสุดท้ายเพิ่งจะสะดุ้งตื่นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไป เมื่อยกมือขึ้นแตะบนใบหน้าก็ต้องพบว่าผ้าที่คาดตาถูกแก้ออกแล้ว
   
จิรนันท์ร้องไห้เงียบๆในทันทีที่ระลึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความจริง แต่เสียงตะกุกตะกักแถวตู้เสื้อผ้าทำให้เขาไม่มีเวลามานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิด
   
ร่างบอบช้ำพยุงตัวจากที่นอนแผ่วเบา เมื่อปลายเท้าแตะพื้น เรี่ยวแรงก็แทบหดหาย ไออุ่นร้อนที่ยังคาคั่งอยู่ในตัวไหลย้อนลงมาซ้ำยังหยดลงบนพื้นพรม
   
ร่างเล็กกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น แม้แต่พีร์ยังไม่ได้สัมผัสตัวเขาตรงๆขนาดนี้ ทุกครั้งที่นอนด้วยกันจะต้องมีเครื่องป้องกันเสมอ
   
..แล้วมันเป็นใคร!..
   
เจ้าตัวคว้าแจกันเปล่าที่วางประดับไว้บนพื้นขึ้นมาถือ ดวงตาจ้องตรงไปยังแผ่นหลังที่กำลังก้มๆเงยๆรื้อของอยู่ในห้องแต่งตัว ดูจากสีเสื้อและกางเกงยีนส์ขาดๆที่มันสวมก็พอบอกได้ว่าเจ้าตัวยังไม่ไปไหน ตอนนี้มันถอดหมวกไหมพรมที่สวมทับใบหน้าออกแล้ว..และคงจะกำลังขโมยทรัพย์สินของพวกเขาด้วย
   
เงาดำที่ทาบทับเข้ามาเบื้องหลังทำให้ผู้บุกรุกหันควับ ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างก่อนที่จะยกมือขึ้นป้องกันส่วนหัว
   
“ผมเองนันท์!!”

..เสียงคุ้นหูร้องบอกในจังหวะที่อีกฝ่ายฟาดแจกันเข้ามาเต็มแรง..



......

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2013 14:19:01 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page


รณพีร์ฟื้นอีกครั้งในโรงพยาบาล รอบหัวมีแต่ผ้าพันแผลเต็มไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งด้วยความไม่สบอารมณ์เมื่อน้องชายคนเก่งมาเยี่ยม
   
“ไงพี่” รณชิตกลั้นขำหลังจากทักทายคนรักตัวแสบของพี่ชายแล้ว
   
จิรนันท์กระแอมแก้เก้อ มือเปิดหนังสือพิมพ์ไปมาทั้งที่ใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังอ่านเลย ยิ่งมาถูกว่าเหน็บแนมจากไอ้พีร์ด้วยแล้วยิ่งนั่งไม่ติดที่
   
“จะเป็นยังไงล่ะ เกือบตายน่ะสิไอ้หอกหัก!” เขาครางอู้ เจ้าบ้านี่ฟาดแจกันเข้ามาได้เต็มหัว กระเบื้องเนื้อดี หนาสุดๆยังแตกกระจายเป็นเสี้ยว กะโหลกเขาทนมาได้ ถูกเย็บแค่สามสิบเข็มกลางกระหม่อมก็ดีแค่ไหนแล้ว!
   
“ช่วยไม่ได้นี่” ร่างเล็กมุ่นคิ้ว พับหนังสือพิมพ์ลง “เล่นอะไรงี่เง่า”
   
รณชิตหรี่ตามอง “เล่นอะไรกันเหรอ”
   
จิรนันท์โบกไม้โบกมือ แก้มขาวแดงแปร๊ด “เปล๊า!”
   
“นั่น..เสียงสูงเชียว”
   
“อยากหัวแตกอีกคนมั้ยครับคุณชิต”
   
ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้ หัวเราะร่วนเมื่อเห็นพี่คลำหัวป้อยๆแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าอย่าลองของกับเสือร้ายจะดีกว่า
   
“แล้วนี่มาทำไม” จิรนันท์หน้าบูด อยากวิ่งเตะทั้งพี่ทั้งน้องเรียงตัวนัก
   
เรื่องของเรื่อง พีร์ออกไปดื่มข้างนอกกับน้องชาย ไอ้คุณชิต ไอ้น้องจอมกะล่อนมันแนะนำว่าถ้าจะให้ชีวิตรัก..โดยเฉพาะกับเรื่องบนเตียงมีความสุขล่ะก็ ต้องสรรหาอะไรแปลกใหม่บ้าง
   
..ดังนั้น..รณชิตเลยเสนอให้แลกคู่นอนกัน..
   
ผลที่ได้ ก็คือแผลแรกตรงมุมปากที่เขาเห็นนั่นเอง
   
“แผนแรก..ไอ้ชิตจะนอนกับนันท์เอง” พีร์เฉลยให้ฟัง
   
จิรนันท์ยิ่งหน้าหงิกใหญ่ “น่าต่อยอีกรอบ คิดอะไรอกุศล”
   
“ผมเลยต่อยปาก งัดหมาออกมาให้ไง”
   
“อ้อ..นึกว่าโดนนักเลงในผับเล่นซะอีก”
   
“แฟนใคร ใครก็รักหรอกน่า”
   
ส่วนแผนสอง ก็คือให้ไอ้คุณพีร์ ไอ้พี่ชายจอมกะล่อนเบอร์สองทำทีเป็นโจรเข้ามางัดแงะ เสร็จแล้วก็ข่มขืนเจ้าของห้องเสียเลย!
   
พีร์อุตส่าห์เปลี่ยนเสื้อผ้า เอายีนส์ เอาผ้าใบมาใส่เพื่อความสมจริง เอาหมวกไอ้โม่งมาสวม ดัดเสียงให้แปร่งปร่าไม่ให้เขาจำได้ ซ้ำยังพ่นบุหรี่ควันโขมง
   
..ขอบคุณมาก..ซึ้งใจในความพยายามที่สุด!!..
   
พยายามกระทั่งพูดคำหยาบ อยากต่อยให้หัวหลุดนัก!
   
มิน่าเล่า..เขาก็ว่าตัวเองล็อคห้องเรียบร้อยตอนไล่รณชิตออกไป ทำไมไอ้โจรบ้าห้าร้อยนี่ถึงเข้ามาได้อีก ยิ่งกับตอนใช้ปาก..มันดันรู้ได้ยังไงว่าพีร์ไม่เคยทำให้เลย คิดถึงตรงนี้ จิรนันท์เริ่มจะหน้าแดงแปลกๆอีกแล้ว
   
“แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย” พีร์ทำหน้าง้ำหน้างอเป็นตะขอเกี่ยวหมึก “ขนาดรู้ตัวว่ากำลังถูกข่มขืนนะ ทำไมนันท์ทั้งร้อง ทั้งคราง ทั้งกอดมันขนาดนั้นล่ะ! ผมหึงนะคุณ!! นี่มีรสนิยมแบบชอบให้ใช้กำลังเหรอ”
   
คนฟังเลยแทบจะมุดแผ่นดินหนี “ขอโทษ..มันเป็นไปเองนี่”
   
จะว่าไป..ถึงลีลาจะดิบเถื่อนกว่าเก่า แต่ความคุ้นเคยมันก็ยังพอระลึกถึง อย่างที่บอกนั่นละ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ เขาเรียกว่ามีเยื่อใยถึงกัน
   
..จะไม่ให้มีอารมณ์ตอบก็กระไรอยู่..
   
“ฮึ!” ผู้ใหญ่ตัวโตทำงอนมันน่าถีบเหมือนกันนะ “ถ้าเกิดไม่ใช่ผม แต่ดันเป็นโจรหนีออกจากคุกจริงๆขึ้นมาจะให้ทำยังไงล่ะ”
   
จิรนันท์นิ่งอึ้ง ได้แต่เกาแก้มอย่างครุ่นคิด “ถ้ามันจะฆ่าก็ต้องสมยอมสิ”
   
“อ๋อเหรอ”
   
“รู้อย่างนี้ก็อย่าปล่อยให้อยู่ห้องคนเดียวนะ” เขายิ้มระรื่น “ถูกปล้ำขึ้นมา เกิดติดใจไปอาจจะหอบข้าวของตามโจรไปสร้างรังรักใหม่ก็ได้”
   
พูดจบประโยคปุ๊บ คนตัวเล็กก็ถูกลงโทษด้วยการจูบปั๊บจนปากเจ่อเลย 
   
“คุณนันท์..” รณชิตพ่นลมหายใจออกอย่างกลัดกลุ้มเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้สนใจฟังกันเลย เอาแต่ลูบปากตัวเองอยู่ได้ “คุณนันท์!”
   
“หือ..อะไรเหรอ” จิรนันท์แอบสะดุ้ง รีบกลบเกลื่อนสีหน้าท่าทางพอใจ
   
รณพีร์แอบมองด้วยท่าทางจับผิด
   
“ผม..คือ..ที่ถามไปน่ะ..ช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับ” รณชิตหน้าซีดเซียว พูดตะกุกตะกักได้อย่างน่าขำสำหรับเพลย์บอยที่แสนจะมั่นใจตัวเองคนนี้
   
“ขอโทษครับ เมื่อกี๊ไม่ได้ฟัง” คนถูกถามทำหน้าเหรอหรา
   
“ผมอยากรู้ว่า..” หนุ่มนักรักสูดลมหายใจลึก “คุณจิรายุไปไหน”
   
จิรนันท์เลิกคิ้ว “พี่น่ะเหรอ?”
   
“ครับ” รณชิตหางลู่หูตกเหมือนหมา
   
“ก็น่าจะอยู่บ้าน..ไม่ก็อยู่วัด ทำไมเหรอครับ”
   
“ผมโทรไป เขาไม่รับ” ชายหนุ่มหน้าสลด “จะยี่สิบสายแล้ว”
   
จิรนันท์ประหลาดใจหนักกว่าเก่าที่รณชิต หนุ่มเพลย์บอย ใช้ชีวิตนอนกลางวันทัวร์บาร์ตอนกลางคืนเลือกจะโทรหาจิรายุที่แก่ธรรมะถึงขนาดจะเข้าไปใช้ชีวิตในวัด มองอย่างไรก็ไม่เห็นหัวข้อพูดคุยที่จะมาบรรจบกันได้เลย
   
“มีธุระอะไรกับพี่เหรอ”
   
“นิดหน่อยน่ะครับ นิดเดียวจริงๆ” รณชิตถูมือพลางหัวเราะแหะ
   
เจ้าตัวยักไหล่ ต่อสายให้แล้วรออีกฝ่ายรับ ใช้เวลาไม่นานจิรายุก็ขานตอบมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดูเหมือนจะเป็นหวัดไม่ก็กำลังคัดจมูก
   
“พี่อยู่ไหนเหรอ” เขารู้สึกสัญญาณไม่ค่อยชัด
   
‘รถทัวร์’ ปลายสายตอบมาเสียงอู้อี้
   
“อ้าว! มีทัวร์เก้าวัดก็ไม่บอก” จิรนันท์หยอกเย้า
   
‘เปล่า จะไปนั่งสมาธิวัดบ้านป่าที่เชียงใหม่’
   
“เชียงใหม่!” คนน้องเบิกตากว้าง เหลือบมองรณชิตที่หันขวับ หูผึ่ง นั่งกระสับกระส่ายไปมา “ทำไมไปไม่บอก”
   
‘งั้นก็บอกเลยแล้วกัน พี่จะปิดมือถือนะ ไม่ต้องโทรมาหรอก เขาห้ามติดต่อโลกภายนอกหนึ่งเดือน’ ทางนั้นพึมพำ
   
“ไม่ต้องโกนผมใช่มั้ยเนี่ย”
   
‘อือ..แค่ถือศีลแปด ไม่กินข้าวเย็น นุ่งขาวห่มขาว..ล้างซวย!’
   
จิรนันท์เอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน ‘ซวย’ ปะทะมาคำเบ้อเลย
   
“อือ..งั้นดูแลตัวเองด้วย หมดคอร์สสมาธิแล้วจะไปรับนะพี่”
   
‘ไม่ต้องหรอก’ สูดน้ำมูกฟืด ‘ถ้าบรรลุโสดาบันจะโกนหัวบวชพระเลย’
   
น้องชายกะพริบตาปริบ วางสายไปด้วยความมึนงง รณชิตปราดเข้ามาถามว่าสรุปแล้วจิรายุอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร และมีกำหนดกลับเมื่อไหร่
   
“พี่บอกว่า ถ้าบรรลุโสดาบันจะบวชพระไม่สึกตลอดชีวิต”
   
รณชิตหน้าหงิกอีกคน บอกลาพวกพี่แล้วหุนหันออกมาแต่ยังไม่วายพึมพำ “มีเวลาร่วมเดือนเอาคำตอบ ถ้าใช่คำนั้นล่ะก็..ต้องจับสึก!”
   
“เป็นอะไรของเขา” จิรนันท์สงสัย “จู่ๆถามถึงพี่ทำไม”
   
รณพีร์ส่ายหัวแทนคำตอบ ได้แต่กวักมือเรียกคนรักเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าเอวเข้าไปกอด “คงมีอะไรคุยกันล่ะมั้ง ผมยังไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลย”
   
“อย่ามาทำพี่ผมอกหักเป็นพอ” เจ้าตัวขู่ฟ่อ “ไม่งั้นผมจะเลิกกับคุณ”   

ร่างสูงย่นจมูกใส่ กระชับอ้อมแขนเข้ามาแน่นขึ้น
   
“อายหมอน่า” จิรนันท์แก้มแดงก่ำเมื่ออีกคนซุกไซ้จมูกลงมา 
   
“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกระซิบ

“ก็ขอโทษไปแล้วนี่”

“กลัวจะโกรธ เดี๋ยวไปมีแฟนใหม่ล่ะแย่แน่” รณพีร์ออกจะกลัวคนรักอยู่ไม่น้อย หลังจากเรื่องเมื่อคืนผ่านไป เขาเจอมุมลึกลับของนันท์เยอะแยะ

งานนี้เขาได้ค้นพบว่าคนรักเซ็กซี่ขนาดไหน..โดยเฉพาะเวลาถูกมัดมือมัดขา ยิ่งมีผ้าคาดตาและมัดปากด้วยนี่..อย่าบอกใครเลยเชียว

ถามว่าคุ้มมั้ยกับแจกันที่ฟาดลงหัว..รวมกำปั้นอีกนับไม่ถ้วนที่ระดมต่อยเข้ามาตอนเขาเฉลยความจริง ซ้ำยังต้องนั่งกอดปลอบอีกฝ่ายตั้งแต่เช้ายันเย็น เขาก็ว่ามันคุ้มดี เพราะจากนี้ชีวิตรักของพวกเขาไม่มีทางจืดชืดแน่
   
..แต่คราวหลังต้องสอบถามความสมัครใจก่อนล่ะ..

..โดนฟาดบ่อยๆคงไม่ดี..

“ก็ไม่ได้โกรธอะไร” เจ้าตัวหน้าร้อนผ่าว “แต่ทีหลังไม่เอาแล้วนะ”

“ก็ได้” เขารับคำเสียงอ่อย อันที่จริงก็อยากลองอีกเพราะมันตื่นเต้นสุดๆ

คนรักตัวแสบเห็นหน้าอีกฝ่ายเจื่อนลงก็หัวเราะร่วน ยืดตัวขึ้นกระซิบข้างหู “แบบไม่รู้ตัวไม่เอาแล้ว คราวหน้าเอาแบบรู้ตัว แต่เปลี่ยนสถานที่ดีมั้ย”

“หือ?”

“บนรถไฟเป็นไง”

“ถ้าอย่างนั้น..” รณพีร์อมยิ้มก่อนจะหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ “โอเคเลย”




___________________________________________________________________




 :L1: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2013 14:21:22 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ Lacie

  • ความดาร์กคือชีวิต
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • บ้านของเค้า
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #48 เมื่อ23-03-2013 16:04:09 »


อ่านตอนนี้ทีไรก็ขำค่ะ ขำปนหื่น เข้าใจเล่นเพิ่มสีสันให้ชีวิตเนอะ :laugh:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #49 เมื่อ23-03-2013 19:08:27 »

เนื้อเรื่องน่ารักจังเลย อาจจะดูซาดิสไปหน่อย 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
« ตอบ #49 เมื่อ: 23-03-2013 19:08:27 »





ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #50 เมื่อ23-03-2013 19:31:16 »

อ่านในบล๊อกแล้วก็มาอ่านในนี้อีก
อ่านที่ไรก็กริ๊ดพี่ใหญ่  เป็นตัวเอกที่เท่ที่สุดในนิยายของคุณนิกิริฯ เลยค่ะ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #51 เมื่อ23-03-2013 20:28:12 »

อ่านกี่ครั้งก็ชอบน่ารักดี

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #52 เมื่อ23-03-2013 22:31:00 »

กรั่กกกกกกก เข้ามากรี๊ด...เข้ามาเมนท์...เข้ามาเกรียน >.<

อารมณ์เราตอนนี้กำลังเป็นแบบนายเอกในเรื่องล่ะ
คือ...ว๊อนท์อยากเจอคุณไปรฯมาก
เพราะ...

อาณะยังไม่มาเลยง่า!!! TwT

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #53 เมื่อ23-03-2013 22:43:10 »

อร๊ายยยยย ชอบ  :haun4: o13

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #54 เมื่อ23-03-2013 22:45:52 »

ต้องสร้างสีสันกันขนาดนี้เชียว ดีที่ไม่ตาย
น่าจะเปิดอกคุยกันแต่แรก

ออฟไลน์ t_cus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #55 เมื่อ23-03-2013 23:49:34 »

ชอบตอนของพี่ใหญ่มากกกกก!! เลยค่ะ

นั่งอ่านไป น้ำตาซึมไป

โอ้ยย.. ซึ้งอะ!!

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #56 เมื่อ23-03-2013 23:50:43 »

เกือบเสียน้ำตา กับ Hurt Love

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #57 เมื่อ24-03-2013 01:22:42 »

มาส่งหน้าบ้านที โรแมนซ์ง่า
เพลงของคาร์เพนเตอร์ครองใจเราหลายเพลงเหมือนกัน *-*

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #58 เมื่อ24-03-2013 08:55:20 »

ตายๆๆเป็นไงเปลี่ยนบรรยากาศได้เลือดเลยแต่ก็คุ้มเนอะ




ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น - In Love] Wonderful Tonight [pg.2, 23/3/56]
«ตอบ #59 เมื่อ24-03-2013 09:38:32 »

ชอบ wonderful tonight มาก อาจจะเป็นเพราะมันจบได้ทั้งสุข ทั็งน่ารัก ตอนแรกๆมามาม่า แอบกลัวๆอยู่ แต่ถ้าจั่วหัวว่า In Love แสดงว่าปลอดภัยไร้กังวล 555
งานนี้ยกความดีความชอบให้รณชิตเลยค่ะ คิดอะไรได้แผลงมาก แต่พีร์ก็ดีนะที่ไม่คิดจะนอกใจถึงแม้จะเบื่อก็เถอะ (อยากเจอผู้ชายแบบนี้ ><) นันท์ก็น่าสงสาร ตอนแรกอ่านเรานึกว่าคนที่สวมไอ้โม่งจะเป็นรณชิต แต่กลายเป็นรณพีร์ที่จ้างเล่นร้อย มาเต็มมาก
อยากน้อยสถานการณ์เบื่อหน่ายก็ดีขึ้นเยอะ คงแฮปปี้กันอีกนานล่ะ ^^

ปอลิง อยากอ่านคู่ชิตจิรายุด้วยจัง 555 แลดูฮาๆ คุณพี่ชายธรรมะธรรมโมมาก ไปโคจรเจอกันตอนไหนเนี่ย

รอตอนถัดไปจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด