[MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม // แจ้งข่าวรีปรินต์ 05.06.2020 หน้า 135
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม // แจ้งข่าวรีปรินต์ 05.06.2020 หน้า 135  (อ่าน 1504521 ครั้ง)

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


MY BUTLER

คุณพ่อบ้านของผม




สารบัญ

INTRO

STEP 01 ,, STEP 02 ,, STEP 03 ,, STEP 04 ,, STEP 05
STEP 06 ,, STEP 07 ,, STEP 08 ,, STEP 09 ,, STEP 10
STEP 11 ,, STEP 12 ,, STEP 13 ,, STEP 14 ,, STEP 15
STEP 16 ,, STEP 17 ,, STEP 18 ,, STEP 19 ,, STEP 20
STEP 21 ,, STEP 22 ,, STEP 23 ,, STEP 24 ,, STEP 25
STEP 26 ,, STEP 27 ,, STEP 28 ,, STEP 29 ,, STEP 30
STEP 31 ,, STEP 32 ,, STEP 33 ,, STEP 34 ,, STEP 35
STEP 36 ,, STEP 37 ,, STEP 38 ,, STEP 39 ,, STEP 40
STEP 41 ,, STEP 42 ,, STEP 43 ,, STEP 44 ,, STEP 45
STEP 46 ,, STEP 47 ,, STEP 48 ,, STEP 49 ,, STEP 50

รวมตอนพิเศษ

SP STEP - วันแม่
SIDE STORY : JEAN X WAY
ตอนพิเศษ : วันที่ฉันป่วย
ตอนพิเศษ : วันชื่น...คืนลอยกระทง
ตอนพิเศษ : วันที่รอคอย


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2020 21:07:00 โดย Renze »

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ Intro ~
«ตอบ #1 เมื่อ05-08-2012 21:57:15 »

MY BUTLER ~ คุณพ่อบ้านของผม


INTRO


“ตกลงว่าจะอยู่ที่นี่?”
“ครับ”
“อยู่คนเดียวด้วย?”
“ครับ”


เจ้าของคำถามคือผู้หญิงวัยย่างห้าสิบ ที่ยังดูสาวและสวยเหมือนอายุเพียงแค่สามสิบ ดวงตาเรียวมองตรงมาที่ผม ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ แล้วจึงส่ายหน้าเป็นเชิงระอา เล่นเอาผมถึงกับหน้าเสียทันที ต้องรีบคว้าแขนอีกฝ่ายแน่นเป็นการเว้าวอน ก่อนที่ความฝันและสิ่งที่ผมวาดหวังจะพังทลายลงมา


คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผม นอกจากผู้หญิงที่ถูกผมเกาะแขนแน่นแล้ว ยังมีเด็กหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกันอีกสองคน ที่ถึงจะทำทีเป็นนั่งอย่างสงบเสงี่ยม แต่ดวงตาสีเดียวกันกับผมถึงสองคู่จ้องมองมาที่ผมเขม็ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตัดพ้อต่อว่า เจ้าตัวแสบสองตัวหวิดจะลุกมาอาละวาดอยู่หลายรอบ แต่พอดวงตาเรียวปรายมองมา เป็นเชิงปรามก็ต้องยอมนั่งก้มหน้านิ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการหันมาออดอ้อนผม ด้วยลูกเล่นที่ผมคุ้นเคยมากเท่ากับอายุของเจ้าคู่แฝด ชนิดที่ว่าแค่อ้าปาก ผมก็เห็นถึงไส้ติ่งของเจ้าสองตัวแสบเลย


“แอลต้องอยู่ที่นี่คนเดียวเกือบสามปีเลยนะ” เสียงแรกตัดพ้อ แต่คิดเหรอครับว่าผมจะหลงกล
“เอสคิดถึงแอลนะครับ” เสียงที่สองตามมา พอเวลาแบบนี้นี่...พูดเพราะ ออดอ้อนเชียวนะ เจ้าตัวร้ายเอ๊ย
“อาร์ก็คิดถึงแอลเหมือนกัน กลับบ้านเรากันเถอะนะ...นะ" นี่ก็อีกคน ลูกล่อลูกชนแพรวพราวจนผมเกือบเคลิ้ม


ผมรีบก้มหน้าลงต่ำ หลบสายตาเจ้าสองแฝด เรียกหาภูมิคุ้มกันด่วน เพราะถ้าขืนนั่งสบตากับเจ้าสองแฝดนานเข้า ผมอาจจะเผลอยอมหิ้วกระเป๋ากลับบ้านตามที่เจ้าสองแฝดออดอ้อน แล้วทุกอย่างที่คิดฝันและวางแผนก็เป็นอันจบเห่กันพอดี


ผมชื่อ ‘แอล’ เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านกลางเมือง ที่เพิ่งจะยกระดับตัวเองมาเป็นรุ่นพี่ปีสอง ก็ต้องมาเจอคำสั่งสายฟ้าแลบจากคุณแม่ที่ทุกคนเคารพรัก ซึ่งยืนกรานจะพาผมกลับบ้าน เพื่อให้กลับไปอยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ผมอยู่ที่นี่มาจนจะเข้าปีที่แปดแล้วนะครับ ผมมีเพื่อน มีสังคมที่นี่ แล้วถ้าเกิดกลับบ้าน ผมก็ต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน คิดว่าชายหนุ่มอายุสิบเก้าอย่างผมจะยอมเหรอครับ


“น้องแอลคะ...”
“นะครับคุณแม่ พอจบแล้วแอลจะยอมคุณแม่ทุกอย่างเลย...นะครับ”
“แต่ว่าคุณป๋า...”
“นะครับคุณแม่ แค่สองปีกว่าเองนะครับ แอลขอนะครับ...”


คุณแม่ทำหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะต้องยอมแพ้ เหมือนทุกทีที่ถูกผมออดอ้อน มีผมคนเดียวแหล่ะ ที่คุณแม่แพ้ลูกอ้อน ผมก็ดันรู้จุดอ่อนคุณแม่ดีซะด้วย เจ้าเด็กแฝดก็คงรู้ทัน เลยพากันทำหน้านิ่ว กระตุกแขนคุณแม่ซ้ายขวากันคนละข้างเป็นพัลวัน แถมยังทำหน้าบูด ปากเบะ ชนิดที่ว่าพร้อมจะอาละวาดกันแล้ว จนผมนึกว่าพวกมันเป็นคู่แฝดอายุสามขวบมากกว่าอายุสิบห้านะเนี่ย


“คุณแม่!!” เจ้าแฝดประสานเสียงดังลั่น จนผมกับคุณแม่ต้องยกมืออุดหูทันที


คุณแม่หันมามองเจ้าสองแฝดซ้ายทีขวาทีด้วยสายตาดุเป็นเชิงปราม เจ้าเด็กแฝดถึงยอมนั่งสงบเสงี่ยมเหมือนเดิม แต่ยังทำท่าฮึดฮัดอยู่ ผมแอบหลิ่วตาเป็นเชิงเยาะเย้ยอย่างคนที่กำชัยชนะ ก็ผมน่ะมันลูกรักหมายเลขหนึ่งนี่ครับ ก่อนจะรีบเปลี่ยนมาทำหน้านิ่ง ตอนที่คุณแม่เบนสายตากลับมามองผม


“แต่ถ้าน้องแอลยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่คนเดียว คุณแม่มีข้อแม้นะคะ...”

“คุณแม่จะโอนเงินเข้าบัญชีน้องแอลเหมือนเดิม แต่ว่าเฉพาะค่าเทอมอย่างเดียวนะคะ ที่เหลือน้องแอลต้องทำงานหาเงินเองนะคะลูก น้องแอลยอมหรือเปล่าคะ?”


ผมนิ่งเงียบทันที ปกติคุณแม่จะโอนเงินเข้าบัญชีผมทุกเดือน แต่ลำพังค่ากินอยู่สำหรับผมก็ถือว่าเยอะพอสมควร เพราะผมมันเป็นพวกเพื่อนเยอะ ชอบเฮฮาปาร์ตี้ และเข้าสังคม ถ้าต้องมาหาเงินเองนี่สงสัยผมคงต้องลดละเลิกนิสัยเดิมอย่างเด็ดขาด  หลังจากคิดประมวลผลอยู่ประมาณสิบตลบ คำนวณถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมา ยิ่งมาเห็นเจ้าสองแฝดทำหน้าเหนือกว่า ผมก็เกิดความฮึดทันที เลยพยักหน้าตอบตกลงด้วยความรวดเร็ว


“ครับ แอลยอมครับคุณแม่”

“แล้วพอเรียนจบ คุณแม่จะมารับกลับเลยนะคะ ห้ามต่อรองอีกแล้วนะคะ” เหมือนประกาสิทธิ์ที่ทำเอาดวงตาสามคู่เบิ่งกว้าง คู่แรกด้วยความยินดี ส่วนอีกสองคู่...


“คุณแม่!!” เจ้าเด็กแฝดร้องครวญทันควัน หมายมั่นว่าจะลากผมกลับบ้านด้วยเต็มที่ ผมเลยรีบชิงตัดบทก่อนเลย
“ครับคุณแม่ แอลขอบคุณนะครับ แอลรักคุณแม่ที่สุดเลยครับ” ผมกอดเอวคุณแม่แน่น แกล้งเมินเฉยต่อเสียงเจ้าสองแฝดที่ประสานเสียงกันดังระงมอยู่ข้างหู


และแล้วผมก็เป็นฝ่ายชนะเจ้าสองแฝด ผมแกล้งหลิ่วตาหยอกพวกมัน เจ้าสองแฝดเลยหน้างอหนักกว่าเดิม เจอกันที่บ้านตอนปิดเทอมนะน้องรัก เดี๋ยวพี่ชายสุดหล่อจะยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง หึหึ


.
.


หลังจากคุณแม่พาเจ้าแฝดกลับบ้านเรียบร้อย ชีวิตผมก็กลับมาเป็นปกติ ผมกำลังนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เอาคางเกยหนังสือเรียนที่เล่มหนาอย่างกับสารานุกรม ตรงข้ามผมคือเพื่อนรักที่กำลังก้มหน้าก้มตาแชทอย่างเอาเป็นเอาตาย เรียกว่าเป็นนายสถานี นั่งสับรางกันทางโทรศัพท์เนี่ยแหล่ะ แต่ขณะที่มือของมันกำลังทำงานด้วยความเร็วแสง ปากของมันก็ขยับคอยกวนตีนผม


“และแล้วคุณหนูแอลก็หลุดออกมาจากกรงทอง ขอเสียงปรบมือแสดงความยินดีหน่อยครับ” พูดเสร็จ แล้วมันก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ทำเป็นปรบมือเปาะแปะล้อเลียนผม


“กวนตีน”
“อย่าพูดจาหยาบคายซิครับ คุณหนูแอล”
“พ่องตายเหอะ”


ผมยังเป็นผมคนเดิมครับ แต่แค่เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงก็ย่อมต่างจากอยู่ที่บ้าน พออยู่กับเพื่อนก็ต้องเฮฮากันประสาผู้ชาย พูดจากันเอง สังสรรค์เป็นบางเวลา ลันลาเป็นบางโอกาส ขาดเรียนเป็นบางวัน แต่พอถึงวันสอบก็ตัวใครตัวมันครับ ฮา...


“จุ๊จุ๊...น้องแอลพูดคำหยาบคาย เดี๋ยวพี่เวย์ฟ้องคุณแม่เลยนะครับ” มันเอาคุณแม่ผมมาขู่ครับ เพื่อนผมรู้กันทุกคนครับ ว่าคุณแม่ผมเกลียดคนพูดจาหยาบคายที่สุด เวลาอยู่กับคุณแม่ต้องพูดจาสุภาพเรียบร้อย

“สัด! กวนตีนกูตลอดเลยนะมึงน่ะ หยุดแชท แล้วมาช่วยกูหางานทำก่อนเหอะ”


เวย์มันวางโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะหิน แล้วก็ทำทีเป็นมองผมอย่างพิจารณา เห็นสายตามันแล้วก็เสียวสันหลังเล็กน้อย ถึงจะเป็นเพื่อนรักที่คบกันมาเจ็ดปี แต่ความคิดบางอย่างของมันก็เหลือรับ


“กูมีงานมาแนะนำ“ พอมันเริ่มเกริ่น ผมก็เริ่มหรี่ตามองมันก่อนจะดัก
“เอาแบบปลอดภัย แล้วก็ถูกกฎหมายด้วยนะมึง”
“มึงนี่! ท่าทางกูออกจะน่าเชื่อถือ”
“กูคบมึงมากี่ปีแล้วเวย์ กูเพื่อนมึงนะ”

“เออ! คราวนี้ของจริง กูจริงจังนะมึง ญาติกูอยู่คนเดียว แล้วก็กำลังมองหาแม่บ้านมาคอยดูแลคอนโดอยู่ มึงสนหรือเปล่า แค่ทำงานบ้านนิดหน่อยกับทำอาหารเอง โคตรหมูสำหรับมึงเลย”

“ปกติเค้ารับแม่บ้านผู้ชายกันด้วยเหรอวะ”


คนพูดมันชะงักเหมือนกัน ก็ดูสิครับ...แค่คำเรียกก็เรียกกันว่า ‘แม่บ้าน’ ก็ต้องเป็นผู้หญิงอยู่แล้วนี่นา ถ้าเป็น ‘พ่อบ้าน’ ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ แล้วเจ้าของความคิดมันก็ดีดนิ้วดังเปาะ


“เออ! เชื่อมือกู เดี๋ยวกูเคลียร์เอง รับรองเรียบร้อย”
“กลัวว่ากูจะเป็นฝ่ายเรียบร้อยแทนน่ะสิ เคลียร์เรื่องค่าจ้างด้วยนะมึง กูถูกตัดหางปล่อยวัดแล้ว”
“ถุย! ทีนี้ทำมาเป็นบ่นนะมึง มึงเสือกกระแดะทำตัวปีกกล้าขาแข็งนี่หว่า ตัวเท่าเมี่ยงทำเป็นจะอยู่คนเดียว”
“เดี๋ยวกูกลับบ้านแล้วมึงอย่ามาร้องเรียกหากูนะ”


ผมแกล้งพูดขู่ เห็นมันหน้าเสียเล็กน้อย เพราะผมกับมันก็คบกันมาเจ็ดปีแล้ว ความผูกพันย่อมมากเป็นธรรมดา และสำหรับผม...มันเป็นมากกว่าเพื่อน มันแทบจะกลายเป็นครอบครัวอีกคนของผม ผมรู้ว่ามันค่อนข้างหวังดีกับผม ถึงแม้ว่าบางทีวิธีของมันจะค่อนข้าง ‘เกรียน’


“งอนเหรอครับ...คุณหนู”
“อย่าเรียกคุณหนู แม่ง...กูขนลุกฉิบ!!” ผมพูดแล้วเอามือลูบแขนประกอบ มันหัวเราะร่าก่อนจะแดกดันผมต่อ


“อย่ามาเวอร์ อยู่บ้านมึงก็เป็นคุณหนู กูนึกว่ามึงจะถูกเจ้าคู่แฝดลากกลับบ้านซะแล้ว มึงนี่แม่งร้ายนะ มารยาเหลือเกิน” ตกลงนี่มันกำลังด่าหรือมันกำลังชมผมครับเนี่ย??


“เออ! ระดับกูแล้วนี่หว่า ถ้าคุณยายกูยังอยู่ก็ดีสิ ดีนะที่คุณแม่กูยังยอม”


ปกติผมอยู่กับคุณยายครับ แต่หลังจากที่คุณยายผมเสียเมื่อสองเดือนก่อน ผมก็อยู่ตัวคนเดียวตามลำพังมาตลอด คุณแม่เลยรีบเดินทางมาหาผม เพื่อที่จะรับผมกลับบ้าน ผมเลยต้องรีบอ้อนวอนคุณแม่ ขออยู่ต่อจนเรียนจบก่อน แล้วถึงจะยอมกลับบ้าน


“ตกลงเรื่องงานมึงโอเคนะ เดี๋ยวกูขอโทรศัพท์หาญาติกูแปบ”
“เออ! แต่กูเป็นพ่อบ้านนะ แม่บ้านมันต้องเป็นผู้หญิง”


โป๊ก!...อ้าว ก็ผมพูดความจริง มันจะเขกหัวกันเพื่อ??
สุดหล่อ ยอดชาย มาดแมน แฮนด์ซั่มอย่างผมเนี่ยนะจะเป็นแม่บ้าน มันต้องเป็นพ่อบ้านอย่างเดียวครับ!!


.
.


เวย์มันเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ห่างจากตรงที่ผมนั่งเล็กน้อย มันอ้างว่าตรงม้าหินที่เรานั่งน่ะเสียงดัง ผมว่ามันก็เงียบนะ สงสัยมันจะกลัวผมแอบฟัง แต่ก็ช่างมันเถอะ มันคุยอยู่ประมาณห้านาที ซักพักมันก็เดินหน้าบานกลับมา ทำหน้าทำตาเหมือนถูกลอตเตอรี่


“มึงว่างวันเสาร์หรือเปล่า”
“ว่าง แต่ช่วงนี้กูงดเที่ยวนะ กูถังแตกหว่ะ กำลังจะแดกแกลบแทนข้าวอยู่แล้วเนี่ย” ผมรีบดักคอมันก่อน เพราะมันนี่ตัวดีเลยครับ ชวนผมเที่ยวประจำ


เพื่อนเลว! มันดีดหน้าผากผมครับ ก็หน้าตามันปะยี่ห้อเจ้าพ่อสถานบันเทิงเริงรมณ์นี่ครับ เจอกันเป็นต้องยึดถือคติ 3 ด. ครับ อ๊ะ...อย่าคิดลึกนะครับ ก็แค่ แดก – ดื่ม – แด๊นซ์ ตามประสาวัยรุ่นเองครับ


“คิดแต่เรื่องเที่ยวนะมึง นี่ที่อยู่คอนโดของญาติกู เขานัดมึงวันเสาร์ที่จะถึงนะ กูจัดการโทรเคลียร์กับญาติกูเรียบร้อย การันตีว่ามึงนี่เป็นเพื่อนรักสุดสวาทของกูเลย แถมยังตบท้ายด้วยการบรรยายสรรพคุณของมึงเต็มที่"


“มึงอวดสรรพคุณกูเยอะ เดี๋ยวญาติมึงก็หมั่นไส้กูหรอก”
“เอาน่า แต่ว่ามีเรื่องสำคัญที่กูจะบอกมึงอีกเรื่อง”
“ว่ามา เรื่องเยอะนะเนี่ยมึง”



“ญาติกูหล่อมากนะมึง อย่าเผลอตกหลุมรักล่ะ”



จากหลักสูตรภาษาไทยที่ผมร่ำเรียนมา มิสกับมาเซอร์ที่โรงเรียนสอนผมว่า...
หล่อ...คือคำคุณศัพท์ขยายความเป็นชาย
ส่วนตัวผม...ก็เป็นผู้ชาย
ตกหลุมรัก...คือคำกริยาที่นำแสดงการเริ่มต้นเกิดความรู้สึกทำนองชู้สาว


ถ้าผมซึ่งเป็นผู้ชายจะตกหลุมรักผู้ชายด้วยกัน...ก็แย่แล้วล่ะครับ!!


END INTRO
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2012 18:39:03 โดย Renze »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ Intro ~
«ตอบ #2 เมื่อ05-08-2012 22:11:10 »

อิอิอิ รอจ้าาาาาา :z2: :z10:

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ Intro ~
«ตอบ #3 เมื่อ05-08-2012 22:15:07 »

ญาติ จะหลงแทน 5555555555555555555555555555555

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ Intro ~
«ตอบ #4 เมื่อ05-08-2012 22:38:47 »

หรูแอลจะเป็นพ่อย้านเหรอจ๊ะ

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ Intro ~
«ตอบ #5 เมื่อ05-08-2012 22:40:32 »

 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ STEP 01 ~
«ตอบ #6 เมื่อ05-08-2012 22:42:18 »


STEP 01


เดี๋ยวนี้พอมองซ้ายก็เจอแท็กซี่ มองขวาก็เจอแท็กซี่ เรียกว่ารถยนต์กว่าครึ่งบนท้องถนนคือรถแท็กซี่ ผมเองก็กำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ (แล้วจะบ่นเพื่อ?) พอลงมาจากรถก็แหงนมองคอนโดหรูที่อยู่บนถนนสุขุมวิทด้วยอาการตกตะลึง หรูฉิบ ก็เล่นอยู่บนย่านที่อยู่อาศัยของคนมีเงินเลยนี่ แถมยังเป็นถนนเส้นที่รถติดบรรลัยอีกต่างหาก


อันที่จริง ถึงคุณแม่จะสั่งงดค่าขนมของผม ส่งเสียแต่ค่าเล่าเรียน แต่ผมก็ยังเหลือคอนโดหนึ่งห้องสำหรับซุกหัวนอน กับรถกระป๋องสี่ล้อสำหรับคอยขับรับส่งสาว แต่วันนี้ผมเลือกที่จะนั่งแท็กซี่มาแทนครับ เหตุผลน่ะเหรอ...


แหม...มาทำงานนะครับ ขืนเกินหน้าเกินตาเจ้านาย เดี๋ยวจะถูกเขม่นเอาครับ แล้วอย่างผมก็ต้องมาแบบมาดเซอร์ เน้นความสมถะนะครับ ผมเลยแต่งตัวแบบเรียบง่าย แต่ดูดี สวมเสื้อยืดสกรีนลายที่ดูมาดแมนเข้ากับกางเกงยีนส์ฟอก ที่ดูท่าคนขายมันคงฟอกจนลืม สีสว่างเชียวครับ ล่างสุดก็คือรองเท้าหุ้มส้นคู่เก่งของผม ที่อดีตเคยเป็นสีขาว แต่ปัจจุบันเริ่มออกเหลืองปนน้ำตาล เพราะลุยมานักต่อนัก


คอนโดที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมสมราคา พอผมเข้ามาก็เจอประชาสัมพันธ์ก่อน พี่สาวประชาสัมพันธ์รีบส่งยิ้มหวานมาหาผม เป็นเชิงบอกว่า...มาหาพี่ซิคะ ผมก็รีบทำตามทันทีครับ


“สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“มาหาเพื่อนครับ” ผมตอบแล้วก็ล้วงเอาเศษกระดาษยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ขอทราบชื่อและหมายเลขห้องที่มาติดต่อด้วยนะคะ”
“คุณภีศเดช ดิเรกรุจน์ ห้อง1704ครับ”


พอผมบอกเสร็จ พี่สาวคนสวยก็ก้มหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ พอเห็นว่าข้อมูลที่ผมบอกตรงกับฐานข้อมูลของคอนโดก็ยิ้ม แล้วก็ตามสเต็ปเลยครับ


“รบกวนแลกบัตรด้วยนะคะ”
“นี่ครับ...” ผมวางบัตรประชาชนที่นับวันรอมันหมดอายุลงบนเคาน์เตอร์


เห็นรูปบัตรประชาชนตัวเอง แล้วก็อยากจะเอามือปิดด้วยความอาย หัวเกรียนเชียวครับผม  ถ่ายออกมาหน้าตาแลดูละม้ายคล้ายแรงงานต่างด้าวอีกต่างหาก แต่เท่าที่พิสูจน์ของคนอื่นมาหลายคนก็พบว่า...ส่วนมากมีสภาพเดียวกันครับ ผมคอนเฟิร์ม รูปถ่ายบัตรประชาชนทำร้ายตัวจริงมานักต่อนักแล้ว


“นี่คีย์การ์ดสำหรับเข้าลิฟต์นะคะ ลิฟต์จะจอดเฉพาะชั้นที่แจ้งนะคะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับ”


บอกขอบคุณพี่สาวเสร็จ ผมก็คว้าคีย์การ์ดแล้วเดินออกมา ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่สมกับความหรูของคอนโด ชนิดที่ว่าคอนโดที่ผมอยู่ชิดซ้ายเลย แม้กระทั่งตอนที่ผมเดินออกมา พี่สาวคนสวยก็กำลังยกหูโทรศัพท์เตรียมโทรแจ้งเจ้าของห้องว่ามีคนมาพบอยู่พอดี นี่ผมมาทำงานนะครับ นึกว่าผมมาปล้นเหรอ สกรีนกันหลายรอบเหลือเกิน


แต่พอก้มลงมองสภาพของตัวเองแล้วเทียบกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ก็อยากขอเปลี่ยนคำพูดที่ว่ามาดเซอร์มาเป็นมาดซอมซ่อแทน เกือบละ...เกือบเหมือนแรงงานต่างด้าวเลย ขอชะลอมกับย่ามหน่อยครับ รับรองเป๊ะเลย!


พอก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ ผมก็ต้องอึ้งอีกรอบ ก็ลองมาดูซิครับ คอนโดออกจะหรู แต่อยู่กันแค่สี่ห้องเนี่ยนะ!! ท่าทางจะรักสันโดษกันน่าดู หรือว่าความจริงแล้วมนุษยสัมพันธ์ติดลบกันแน่เนี่ย


ผมมองหมายเลขห้องไล่มาจากห้องแรก 1701 1702 1703 1704

นี่ผมมาทำงานกับอาร์ตตัวพ่อเหรอเนี่ย อยู่ซะห้องริมสุดเลยนะ ห้องก็ห่างจากลิฟต์ซะเหลือเกิน


เดินมาถึงห้องเป้าหมาย ผมก็กดออดทันที ยืนอยู่คนเดียวนี่ก็แอบเสียวสันหลังเหมือนกันนะ ถึงจะเป็นตอนกลางวันก็เถอะ


ติ๊งต่อง.....เงียบ
ติ๊งต่อง.....ก็ยังคงเงียบ
ติ๊ง...........ผัวะ!! อีกนิดเดียวครับ อีกนิดเดียวประตูห้องจะกระแทกหน้าผมแหกแล้วครับ


“เห้ย! กดทีเดียวก็รู้แล้ว ยืนรอหน่อยมันจะตายเหรอวะ”


เอิ่ม...ณ จุดนี้ ถึงกับอึ้งแดกเลยครับผม เมื่อผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของห้องเปิดประตูผัวะออกมา หน้าตากับหุ่นนี่เป๊ะยังกับหนุ่มคลีโอมาเอง แต่ปากนี่...กินเพ็ดดิกรีเป็นอาหารเหรอครับพี่ แค่กดออดหลายทีก็ผิดแล้ว ดุฉิบ!!


“ผม...” ผมอ้าปากเตรียมตัวจะพูด แต่อีกคนก็รีบแย่งพูดทันที ถ้าอยู่คนเดียวมันเหงาปากมาก วันหลังก็เคาะเรียกเพื่อนข้างห้องมาคุยด้วยนะ

“ฉันรู้แล้วว่านายเป็นเพื่อนของเวย์ ชื่อแอล ชื่อจริงว่าวีรินทร์ จะมาทำงานเป็นพ่อบ้าน”


นี่มันคิดว่าตัวเองเป็นทะเบียนราษฎร์เหรอ รู้ลึก รู้จริง รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง พูดเสร็จก็กวาดสายตามองผมอย่างสำรวจ สภาพผมมันซอมซ่อนี่ แต่อย่ามาดูถูกกันเด็ดขาด ถึงแม้ว่าผมจะเป็นลูกผู้ชายตัวจริง แต่ผมนั่งยันนอนยันเลยนะว่า ผมเนี่ยผ่านหลักสูตรงานบ้านงานเรือนมาจากคุณยายของผมมาแล้ว


“นี่เราจะยืนคุยกันหน้าห้องเหรอครับ”


เพิ่งพบกันต้องสุภาพก่อนครับ เก็บสันดานเดิมของตัวเองเข้ากระเป๋าอย่างมิดชิด เพราะดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ถึงจะมากกว่า ก็น่าจะแค่ปีสองปี แต่ที่สำคัญก็คือ...


หล่อและหุ่นดีแบบหนุ่มคลีโอ ปากหมาแบบโดเบอร์แมน คือนายจ้าง คือคนจ่ายเงิน ห้ามหลุดเด็ดขาดเลยนะครับแอล เพื่อปากท้องและเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ต้องสุภาพอย่างเดียวครับ


“เออ...โทษที เข้ามาก่อนสิ” ขอโทษแบบขอไปที แล้วก็เบี่ยงตัวเล็กน้อย ผลลัพธ์คือ...ผมก็ต้องเดินเบียดไหล่หมอนี่เข้าห้องมาน่ะสิ แล้วจะยิ้มกริ่มเพื่อ? อยู่คนเดียวจนเพี้ยนเหรอวะครับ??


ผมเดินนำหน้าเข้ามาก่อนแล้วก็ต้องชะงัก ห้องแม่งอย่างหรู แค่ขนาดห้องก็ต่างจากของผมลิบลับแล้ว ก็รู้อยู่ว่าบ้านเวย์ก็รวยพอสมควร แต่ระดับญาติมันนี่คงเป็นคุณชายแล้วล่ะ ถึงเวย์จะบอกว่าญาติมันอยู่คนเดียว แต่สาบานเถอะว่าอยู่คนเดียว อยู่กับลูกเมียก็บอกกันมาตามตรงดีกว่า ก็ดูห้องที่อยู่สิ นี่มันขนาดสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องนั่งเล่นเลยนะครับ


“ฉันชื่อภีศเดช ชื่อเล่นชื่อเภา อายุยี่สิบเอ็ดปี เป็นญาติผู้พี่ของเวย์”

“ผมชื่อวีรินทร์ครับ ชื่อเล่นชื่อแอล อายุเท่ากับเวย์ แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของเวย์ด้วย” ผมลอกแพทเทิร์นการแนะนำตัวมันมาเลย คุณชายมันหรี่ตามองผมเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

“ประวัตินายน่ะฉันรู้อยู่แล้ว มาพูดถึงหน้าที่ของนายกันดีกว่า”


แล้วคุณชายมันก็หยิบสมุดจดขนาดเท่าฝ่ามือออกมา เห็นมีตัวหนังสือเขียนขยุกขยุย พอคุณชายมันเริ่มร่ายรายการที่ดูแล้วคงจะเขียนเอง ผมก็อ้าปากค้างเลย


“หน้าที่ของนายคือทำงานบ้าน ปัดกวาดเช็ดถู แล้วก็ทำความสะอาด”
“ฉันมีเครื่องซักผ้าอยู่ตรงลานซักล้างริมระเบียง นายก็ต้องคอยซักรีดเสื้อผ้าฉันด้วย”
“สุดท้าย...นายมีหน้าที่คอยทำอาหารเย็น ตอนเช้าฉันกินแค่กาแฟถ้วยเดียว ส่วนกลางวัน ปกติจะกินข้างนอก เรื่องเงินก็ตามที่นายบอกเวย์มานั่นแหล่ะ ฉันตกลง”


เฮ้ย!!...ไหนเวย์มันบอกผมว่าทำงานบ้านนิดหน่อยกับทำอาหาร แต่เท่าที่ฟังมานี่ ผมต้องทำทุกอย่างเลยนะครับ เรียกว่าบริการครบวงจรกันเลยทีเดียว ถึงเงินจะดี แต่ถ้าทำคนเดียว ก็ต้องบอกเลยว่างานแอบหนักนะเนี่ย เห็นผมทำเป็นเงียบหน่อย คุณชายเลยรีบกระตุ้น


“นายตกลงหรือเปล่า?”
“ปกติแม่บ้านคนก่อนที่คุณจ้างมาทำหมดนี่เลยเหรอครับ” ผมถามกลับด้วยความสงสัย คำตอบคือการส่ายหน้า ก่อนจะเฉลยว่า...


“มีนายเป็นคนแรกเลย ที่ต้องทำทุกอย่าง ปกติฉันจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องทุกวันอาทิตย์”

“แล้วเสื้อผ้าที่ต้องซักรีด?”
“เมื่อก่อนฉันส่งร้านซักรีดที่อยู่ข้างล่างคอนโดมิเนียม แต่นี่ฉันเพิ่งซื้อเครื่องซักผ้ากับเตารีดมาเอง”
มึงลงทุนมากครับ คุณชาย อย่าบอกนะว่าซื้อมาเพื่อผม

“แล้วอาหารเย็นของคุณล่ะ?”
“เมื่อก่อนฉันก็กินข้างนอกบ้าง หรือบางทีก็โทรศัพท์สั่งบ้างแล้วแต่อารมณ์ มีคำถามอีกหรือเปล่า”


ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเอ่ยคำถามสุดท้าย


“แล้วผมต้องเริ่มทำงานวันไหนครับ”
“เดี๋ยวนี้เลย”


.
.


นึกว่าจะแค่มาทำความรู้จัก คุยเรื่องหน้าที่ที่ผมต้องทำ เสร็จแล้วผมก็จะกลับมานอนผึ่งพุงที่ห้อง ดันกลายเป็นว่าผมต้องมาเริ่มทำงานเลย คุณชายเจ้าของห้องก็แสนดี ปล่อยผมเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมตามสบาย ส่วนตัวเองก็นั่งกระดิกเท้าดูทีวีอยู่ตรงโซฟา สบายจริงนะครับพี่


ห้องพักของคุณชายเขาตกแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์น เน้นสีขาวดำ อย่างหรูเลย ผมเห็นแล้วอยากจะแหกปากร้องด้วยความอิจฉา มีเครื่องซักผ้า ที่คุณชายเขาบอกว่าเพิ่งซื้อมา วางอยู่ติดกับลานซักล้างตรงระเบียง ระเบียงก็กว้างขวาง น่าออกมานั่งดูวิวกรุงเทพฯตอนกลางคืน แล้วก็จิบเบียร์วุ้นมาก...เอิ่ม ชักจะเพ้อแล้ว กลับมาก่อน


พอเดินเข้ามาที่ห้องครัว ผมก็ต้องอ้าปากค้าง จากสายตาของคนที่ทำอาหารเป็น มองปราดเดียวก็รู้ทันทีครับ เครื่องครัวนี่มีแบบครบชุด แถมอุปกรณ์ก็เป็นอย่างดีหมด จะเปิดร้านอาหารเหรอครับพี่? แต่ทุกอย่างก็แลดูสะอาดเอี่ยมอ่อง เหมือนแค่เอามาประดับห้องครัวเล่น ดูจากสภาพแล้ว คุณชายเขาคงจะพึ่งแต่ไมโครเวฟอย่างเดียว แต่ท่านเจ้าของห้องครับ แล้วท่านจะมีอุปกรณ์ทำครัวครบชุดเพื่อ?


“หิวแล้ว...” ประโยคบอกเล่าที่บังเอิญเข้าหูผม ดึงผมออกจากความคิดของตัวเอง แต่บอกผมเพื่อ?
“.....” ผมก็เลยเงียบ เพราะเหมือนที่พูดมาจะเป็นประโยคบอกเล่า
“ทำอาหารสิ” ส่วนนี่คือประโยคคำสั่ง ผมเหลือบตาดูนาฬิกาแขวนผนัง ก่อนจะเอ่ยท้วง
“อ้าว...ผมต้องทำแค่อาหารเย็นนี่นา” ผมทวนหน้าที่ของตัวเอง
“ฉันเป็นเจ้านาย เป็นคนจ่ายเงินเดือนนาย นายต้องทำตามที่ฉันสั่งสิ”


เออ! กูลืมครับ ว่ามึงเป็นเจ้านาย เป็นคนจ่ายเงินเดือน ความจริงบอกหน้าที่มาว่า ทำทุกอย่างที่สั่งก็จบ นี่แหล่ะ...ชีวิตลูกจ้างของผมที่กำลังจะเริ่มต้น
 

“นายทำอะไรเป็นบ้าง” พอพูดถึงเรื่องทำอาหาร คุณชายเขาตาเป็นประกายทันที
“ต้องดูก่อนว่ามีของสดอะไรบ้าง” ผมพยายามตอบเป็นกลางเอาไว้ก่อน เกิดคุณชายมันบ้า สั่งผมทำหูฉลาม ผัดเป๋าฮื้อ ขาห่านตุ๋นน้ำแดง นี่มีเหวี่ยงกันนะครับ


ผมเดินมาเปิดตู้เย็นขนาดสามประตู ที่ใหญ่โคตรบิดามารดาตู้เย็นเลยครับ อยากจะถามอีกรอบว่า...อยู่คนเดียวจริงเหรอ ผมเปิดมาด้วยความคาดหวัง ว่าน่าจะมีของสดอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ควรจะมีไข่ วัตถุดิบสามัญประจำบ้าน แต่สิ่งที่คิดกับความจริงที่เห็นมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิงครับ



ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...



เหยด!! กินอะไรกันดีครับพี่น้อง ไฮเนเก้นราดข้าว อาซาฮีตุ๋นน้ำแดง หรือว่าแกงเขียวหวานลีโอดีครับ??


บ้านเป็นโรงกลั่นสุราเหรอครับ เปิดมานี่เจอเบียร์เกือบครบทุกสัญชาติเลยนะ พี่สิงห์พี่ช้างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว ยังดีที่มีน้ำเปล่ากับช็อคโกแลตติดตู้เย็นอยู่อีกนิดหน่อย แต่ของสดล่ะ...ของสดอยู่ไหน?


“เอ้า...ตกลงจะทำอะไรกิน” นี่ก็เร่งจังครับ ช่วยเดินมาแล้วแหกตาดูตู้เย็นตัวเองหน่อยเถอะ หิวมากก็แทะตู้เย็นเล่นก่อนละกัน


ผมเบือนหน้ากลับมามองคนถาม ที่ยังนั่งกระดิกเท้าดูทีวีอยู่บนโซฟา สายตาที่มองมาที่ผมนี่พราวระยับ เดี๋ยวพ่อจับไฮเนเก้นกรอกปากเลยนี่ รู้อยู่แล้วว่าตู้เย็นตัวเองมีอะไรบ้าง ยังกล้าเรียกผมทำอาหารอีกนะ กวนตีนหว่ะ...


“ผมทำไม่ได้ครับ”
“ก็ว่าแล้ว ว่าอย่างนายเนี่ยนะจะมาเป็นพ่อบ้าน นี่สงสัยฉันโดนเจ้าเวย์มันหลอกแน่ บรรยายสรรพคุณนายซะจนฉันทึ่ง ที่แท้ก็...” คุณชายมันพูดแล้วก็ปรายตามองผมเหมือนจะหยามกัน


เชี่ย! โคตรดูถูก!!


อาหารน่ะผมทำได้แน่ ขอแค่มีอุปกรณ์และเครื่องปรุงพร้อม แต่ตู้เย็นที่มีแต่เบียร์ น้ำเปล่า และช็อคโกแลต จะทำอะไรกินกันดีล่ะครับเจ้านาย?


เดี๋ยวปั๊ดเอาช็อคโกแลตแช่เบียร์มาเสิร์ฟเลยนิ พอกินเสร็จก็เอาน้ำเปล่าล้างคอซะ คงอร่อยพิลึก


เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้ญาติของเพื่อนรักผมขึ้นมาทันที คิดว่าตัวเองเป็นคุณชายแล้วคนอื่นต้องยอมเหรอ ผมล่ะอยากจะเถียงกลับ แต่...ผมก็ต้องยอมครับ ก็มันเป็นจ่ายเงินเดือนผมนี่ รู้ซึ้งถึงหัวอกลูกจ้างทันที


“ทำน่ะมันทำได้ครับ ถ้าคุณจะมีของสดติดตู้เย็นบ้าง”
“อ้าว...ก็ฉันไม่เคยทำอาหาร แล้วตกลงนายจะเอายังไงล่ะ”


สารภาพบาปออกมาแล้วสินะ ก็ว่าแล้วว่าทำไมห้องครัวมันถึงสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ เจ้าของห้องมันคงเคยแต่กดปุ่มไมโครเวฟล่ะสิ


“คิดนานหว่ะ เอาเป็นว่าสั่งพิซซ่ามากินละกัน พอกินเสร็จแล้วค่อยออกไปซื้อของกัน”


ผมก็พยักหน้ารับ เพราะกระผมมันก็เป็นแค่ลูกจ้างนี่ครับ ก็ต้องยอมตามเจ้านายอยู่แล้ว ถือคติพจน์ที่ว่า...
ได้ครับท่าน ดีครับผม เหมาะสมทุกประการครับเจ้านาย


.
.


หลังจากสวาปามพิซซ่าเรียบร้อยจนพุงกาง ผมก็ถูกลากขึ้นรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหรู ที่ปกติเคยแต่มองตามตาละห้อย แต่วันนี้ได้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเลยครับ แล้วคุณชายเขาก็บึ่งออกมาห้างหรูบนถนนสุขุมวิท ที่ปกติคนอื่นเขามาซื้อสินค้าแบรนด์เนมกัน แต่...ผมมาซื้อของสดที่นี่ครับ!!


“หยิบเอาตามสบายเลยนะ ฉันจ่ายเงินเอง” แหม...แล้วคิดว่าผมจะเป็นคนจ่ายเหรอครับ พูดซะตลกเชียวนะ คนยิ่งถังแตกอยู่


แล้วชายหนุ่มที่เพิ่งมีอาชีพเสริมเป็นพ่อบ้าน รองจากนักศึกษาอย่างผม ก็ต้องมาเข็นรถเข็นจ่ายตลาด อยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าสุดหรู เว่อร์ฉิบ!! วันหลังแวะตลาดสดหรือซุปเปอร์ข้างนอกเถอะ


พอเดินเข้ามาแล้วสั่งผมเรียบร้อย คุณชายเขาก็ปล่อยผมเดินเข็นรถเข็นเหมือนมาคนเดียว ส่วนตัวเองก็เลี้ยวเข้าแถวที่เป็นขนมขบเคี้ยวทันที ตกลงจุดประสงค์ที่แท้จริงคือมาซื้อขนมสินะ ส่วนของสดนี่เป็นของแถม


ผมเดินวนเวียนเข้าซ้ายออกขวาอยู่ตรงโซนของสด ของที่ขายที่นี่เป็นของที่คัดมาเรียบร้อยแล้ว คุณภาพดี แต่ราคาก็สูงตามจนผมต้องคิดหนัก เพราะถ้ายอมลงทุนแวะตลาดสดนี่ ราคาจะถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว แต่ช่างหัวมันเถอะ ไม่ใช่เงินผมนี่ ผมมันแค่ลูกจ้าง


คุณชายเขาก็แวะมาหาผมที่โซนของสดเป็นระยะ อย่านึกว่าเป็นห่วงหรือจะมาช่วยนะครับ แค่เอาขนมนมเนยมาหย่อนลงรถเข็นครับ เห็นปริมาณที่หยิบมาแล้วอยากจะถามเหลือเกินว่า...


มึงจะเปิดร้านขายขนมที่คอนโดเหรอครับ เยอะฉิบ!!


เรื่องขนมน่ะช่างมันก่อนเถอะ แต่เรื่องที่สำคัญกว่าก็คืออาหารเย็นนั่นแหล่ะ หลังจากที่ผมสำรวจห้องครัวมาทุกซอกทุกมุมแล้ว สรุปว่า...



อุปกรณ์...พร้อมยิ่งกว่าภัตตาคารห้าดาว จะทำอาหารคาวหวานนี่พร้อมซะยิ่งกว่าพร้อม
แต่วัตถุดิบ...ขาดแคลนยิ่งกว่าตอนเกิดสงครามโลก ขนาดมาม่าซักซองยังไม่มีเลย คิดดูแล้ว




จากโซนของสด ผมเลยต้องอัปเปหิตัวเองมาเลือกเครื่องปรุง หยิบมันทุกอย่างเลยครับ มีกี่น้ำ ผมกวาดลงรถเข็นจนหมด น้ำมันพืชเอย น้ำมันหอยเอย น้ำปลาเอย ยิ่งกว่าเพิ่งย้ายเข้าบ้านกันอีกครับ และของที่สำคัญกว่าเพื่อนและห้ามลืมเด็ดขาดเลยก็คือ...ข้าวสาร!!


เสร็จแล้วก็แวะเข้าโซนของแห้งต่อ หยิบมาม่ามาหนึ่งห่อกันเหนียว หยิบซุปก้อนมาเผื่อจำเป็น หยิบไข่ไก่มาหนึ่งแพ็ค เอาซะเต็มคราบเลย แต่เหมือนผมจะลืมถามเจ้าของห้อง...


“ที่ห้องมีหม้อหุงข้าวใช่ไหมครับ?” ผมหันมาถามคนที่กำลังชะโงกมองรถเข็นด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ทำสายตาตื่นเต้นเชียวนะ โคตรเด็กเลยหว่ะ

“พูดปกติเหมือนเวลาที่นายพูดกับเพื่อนก็ได้ ปกตินายก็ไม่ใช่คนสุภาพอยู่แล้วนี่”


ก่อนที่มึงจะกวนตีน รบกวนช่วยตอบคำถามก่อนดีกว่า ขอแบบกันเอง เดี๋ยวพ่อก็จัดกูมึงซะเลยนี่ เดี๋ยวมีหงายเงิบหรอก เจอของจริงแล้วจะหนาว


“ตกลงมีหม้อหุงข้าวหรือเปล่า?”
“มี แต่ไม่เคยหยิบออกมาใช้” อ๋อ...เป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับห้องอีกอย่างหนึ่งนี่เอง


ผมก้มลงเช็คบรรดาของที่หยิบลงรถเข็น ก่อนจะเข็นออกมาต่อคิวเตรียมจ่ายเงิน คนที่ห่างมีดห่างครัวเหลือเกินก็ตามมาถามด้วยความสงสัยอีก


“ทำไมซื้อของสดแค่นิดเดียวเองล่ะ”
“ก็ทำแค่วันนี้เอง”
“อ้าว! แล้ววันอื่นล่ะ” ถามเสียงหลง หน้าตาตื่นเชียวนะ นี่ห่วงกินหรือกลัวผมอู้งานวะเนี่ยะ
“ปกติของสดเขาต้องซื้อกันวันต่อวันครับ ถ้าซื้อมาตุนแล้วมันจะสดเหรอ ถ้าจะเก็บ ก็เก็บแค่วันสองวันพอ อย่าเก็บนาน เพราะเดี๋ยวมันจะไม่สด พอเอามาทำอาหารก็ไม่อร่อย”


คุณชายเขาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ความรู้ใหม่เลยล่ะสิ แต่ยังไม่วายมีคำถามตามมาอีก


“แล้วตอนเย็นเราจะทำอะไรกินกันดีล่ะ?” ฟังดูแล้วมันคล้ายคำถามที่สามีถามภรรยาเลยแฮะ แต่ช่างมันเถอะ ผมอาจจะคิดเล็กคิดน้อยเอง


“ก็กะว่าจะทำข้าวผัดหมู กับเนื้อปลาเก๋าผัดพริกไทยดำ แพ้อาหารทะเลหรือเปล่า กินได้ใช่ไหม?”
“ถ้านายทำให้มันกินได้ ฉันก็กินได้”


แสรด...กวนตีนนะครับ เดี๋ยวปั๊ดแอบวางยาซะเลยนี่ ถ้าผมเผลอฆาตกรรมนายจ้างนี่ผิดหรือเปล่าครับ หรือผมจะฟ้องกรมแรงงานดีว่า...



นายจ้างแม่งกวนตีนหน้าตายครับ!!


END STEP 01
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2012 17:18:03 โดย Renze »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
นายจ้างปากดีแต่หล่อให้อภัยไปเถอะนะ 555

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ชอบแบบนี้อ่ะ น่าสนใจดี

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
หืมมมมม :m28:
"อย่าหลงเสน่ห์ญาติกูนะ?"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [MY BUTLER] ❤ คุณพ่อบ้านของผม ,, ~ STEP 01 ~ ,, P.1
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-08-2012 23:43:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อยากได้พ่อบ้านบ้างจัง
หลังจากอ่านตอนแรกพอบรรยายว่าจะทำกับข้าวอะไร ตอนนี้หิวข้าวสุดๆ ไปเลย

MiiCell

  • บุคคลทั่วไป
เป็นนายจ้างที่น่าเอาพริกขี้หนูยัดปากมากอ่ะ ฮ่าๆ
ตกลงพระเอกแกอายุ 27 จริงป่าวเนี่ย
กวนโอ๊ยมากเลยอ่ะ 
รอตอนต่อไปจ๊ะ เรื่องแรกก็สู้ๆนะ  o13

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
ปากอย่างงี้กว่าจะหลงคงอีกนานอ่ะ -  -"

jiw

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีอ่ะ
 o13 o13

ออฟไลน์ thunchanok1

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ชอบพระเอกอ่ะ  :L1:

kisz

  • บุคคลทั่วไป
อ๋อออ นายเอกมาเปนพ่อบ้านนี่เอง นึกว่าพระเอกจะมาเปนพ่อบ้านให้นายเอกซะอีก อิอิ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
หนูแอลจะไปเป็นพ่อบ้านหราเนี้ย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :z2:กวนดี

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
STEP 02



“เฮ้ย! นั่นกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”


คุณชายอุทานเสียงหลงจนผมแทบจะทำกล่องนมหลุดมือ คนกำลังเอาหมูมาหมักนมสดอยู่ ดันแหกปากร้องเหมือนตัวเองเป็นหมูที่ถูกเชือด ผมหันมามองด้วยความเอือม นี่มันความรู้พื้นฐานเลยนะครับ


“กำลังหมักหมูด้วยนมสด ปกติถ้าเอานมสดมาหมักหมู เนื้อมันจะนุ่มกว่าหมักเครื่องปรุงอย่างเดียว”


นายจ้างผมเขาพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเอาตัวเองมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวผม ปากก็คอยขยับถามนู่นถามนี่อยู่ตลอด ผมก็ตอบบ้าง เงียบบ้าง คือเวลาคนเราทำอาหารก็ต้องการสมาธินะครับ แค่เดินตามคอยถามเป็นเจ้าหนูจำไมนี่ก็ยังโอเคอยู่ แต่ที่เห็นผิดสังเกตหน่อยแล้วโวยวายนี่ ประสาทจะเสียเอาครับ เดี๋ยวก็เผลอหยิบเกลือกับน้ำตาลสลับกัน แล้วจะฮาครืน


นี่ผมคงต้องขอบคุณคุณยายผู้ล่วงลับของผม เจ้าของเสน่ห์ปลายจวักตำรับชาววังที่คอยเคี่ยวเข็ญผม ผมเลยรับเอาตำรับแม่ช้อยนางของคุณยายมาเป็นมรดกติดตัว และเอามาทำมาหากินแลกเงินอย่างที่กำลังทำอยู่ ถ้าคุณยายไม่คอยเคี่ยวเข็ญผมเรื่องทำอาหาร คุณหนู เอ๊ย คุณชายแอลก็คงมีสภาพเดียวกับคุณชายเภา ที่เป็นพวกห่างมีดห่างกระทะ แค่เห็นหมูถูกจับมาแช่นมสดก็ตื่นเต้น


“ห๊า! นายหุงข้าวเป็นด้วยเหรอ” ตื่นเต้นเหมือนผมกำลังกินข้าวทางจมูกเลยเนอะ เป็นเอามากนะคุณชาย เคยเรียนลูกเสือ เรียนรด.หรือเปล่า ปวดหัวฉิบ!


มือผมก็กำลังผัดอยู่ เลยต้องเอาปากฉีกซอสพริกไทยดำแบบซอง ก่อนจะเทพรวดลงกระทะ ที่มีเนื้อปลาเก๋าซึ่งแล่เป็นชิ้นพอดีคำนอนรออยู่ เดี๋ยวนี้นี่ดีนะครับ มีเครื่องปรุงรสชนิดซองหลายแบบ จะเขียวหวาน พะแนง แกงเผ็ด หรือผัดพริกไทยดำที่ผมซื้อมาก็มีหมด เลยช่วยย่นระยะเวลาการทำซอสผัดพริกไทยดำได้เยอะเลย ถึงรสชาติจะไม่ดีเท่ามาเคี่ยวเอง แต่ก็พอถูไถแหล่ะครับ


เสร็จแล้วก็ถือคติตามที่คุณยายเคยสอนครับ โกยผักสารพัดสี พริกหยวก พริกหวาน หอมใหญ่ที่ผมหั่นรอเรียบร้อย ใส่ลงกระทะเพื่อผัดกับปลา ถึงผมจะไม่กินบรรดาพวกผักมีสีนี่ก็ตาม แต่ก็ใส่เพื่อความน่ากินครับ ออกมานี่สีสันสวยงาม เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ


พอทำเนื้อปลาเก๋าผัดพริกไทยดำเสร็จ ข้าวที่ผมหุงเอาไว้ก็สุกพอดี ส่วนหมูที่ผมเอามาหมักนมกับเกลือก็นุ่มได้ที่ ผมจัดการเจียวกระเทียมเล็กน้อย เสร็จแล้วมาคั่วกับพริกขี้หนูนิดหน่อย พักไว้ข้างกระทะ เทเนื้อหมูลงไปผัด พอใกล้สุกก็ผัดรวมกับกระเทียมและพริกขี้หนู ตอกไข่ ใส่ข้าวลงไป กลิ่นหอมฟุ้งจนน้ำลายแทบไหลเลยครับ...ข้าวผัดผม พริกน้ำปลาไม่ต้อง เพราะผมชอบข้าวผัดพริกขี้หนู สูตรของผมเอง


พอทำเสร็จหมดเลยชะโงกหน้าออกมาดู เห็นคุณชายนั่งกระดิกเท้ารออยู่ที่โซฟา แทบอยากจะตะโกนบอกว่า...
ถ้าว่างมากนัก ทำไมไม่จัดโต๊ะกินข้าวรอ อ๊ะ...แต่ห้ามลืมตัวครับ ตอนนี้ฐานะผมมันแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์ไปสั่งนายจ้างเด็ดขาด


ผมตักข้าวผัดแบ่งใส่จานสองใบ ให้คุณชายเยอะกว่าผม เพราะดูจากขนาดตัวแล้วก็ต้องยอมแพ้ พอเสร็จแล้วก็ยกมาวางที่โต๊ะ ที่มีเนื้อปลาเก๋าผัดพริกไทยดำนอนรออยู่ก่อนแล้ว จัดแจงรินน้ำใส่แก้วแล้วยกมาวางให้เรียบร้อย ตอนแรกผมจะไม่กินด้วยหรอกครับ แต่ก็ถูกบังคับให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยคำพูดที่โคตรหยามกัน


'กินด้วยกันนี่แหล่ะ เผื่อท้องเสียจะได้ท้องเสียด้วยกัน'


ดูปากนะครับ เอาวะ! ถ้ากวนตีนมากนัก เดี๋ยวผมก็กวนตีนกลับแม่งเลย


ผมจัดการกับล้างมือก่อน เพราะเพิ่งทำอาหารเสร็จ พอเดินกลับมาที่โต๊ะก็เห็นคุณชายกำลังนั่งทำหน้าตาพิลึกอยู่ ปกติผมก็มั่นใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองนะครับ เพราะโดนคุณยายเคี่ยวเข็ญอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้คนอื่นกิน มันก็ลุ้นเหมือนกันนะครับ ตอนที่คุณชายตักเตรียมจะส่งเข้าปาก ผมนี่ลุ้นซะจนแทบจะเผลอหยุดหายใจเลยทีเดียว


“เป็นยังไง อร่อยหรือเปล่า”


คุณชายแม่งเคี้ยวช้าซะจนผมอยากจะถามว่า เคี้ยวเอื้องอยู่เหรอครับ พอกลืนเสร็จก็นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะคว้าแก้วมาดื่มน้ำตามแล้ว เสร็จแล้วก็ตีหน้านิ่ง พูดเสียงเรียบ


“ก็พอกินได้ล่ะนะ”


เฮ้ย! ผมว่าฝีมือผมก็ไม่น่าตกมากนะครับ เร็วเท่าความคิด ผมคว้าช้อนแล้วตักข้าวส่งเข้าปากตัวเองทันที ก็อร่อยเหมือนเดิมนี่หว่า


"เห้ย! แบบนี้แถวบ้านเรียกอร่อยเหาะเถอะ"


ผมเคี้ยวเสร็จก็รีบเงยหน้าขึ้นมาบอก คุณชายมันก็เอาแต่หัวเราะหึหึอย่างเดียว ก้มหน้าก้มตากินใหญ่เลยนะ ปากบอกว่าพอกินได้ แต่ดันกินซะเกลี้ยง ถ้าอร่อยนี่คงจะแทะจานด้วยเลยใช่ไหม?


.
.


"พรุ่งนี้ไม่ต้องมานะ"


ผมที่กำลังล้างจานอยู่ถึงกับขมวดคิ้วฉับทันที ก็เจ้าของห้องที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาตะโกนบอก ผมเลยหยุดล้างจาน แล้วชะโงกหน้าออกมาดู


ทำไมวะ...จะไม่จ้างผมแล้วเหรอไง นี่วันแรกผมอุตส่าห์พยายามทำตัวดี เน้นสร้างความประทับใจแรกพบ ยังไม่ออกอาการปากหมาเลยนะครับ นี่ไม่พอใจอะไรกันหรือเปล่า ผมคิดเยอะแยะวุ่นวาย แต่คำถามที่หลุดออกมาจากปากกลับมีเพียงแค่


“ทำไม?”
"พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่ จะกลับบ้าน นายค่อยมาอีกทีวันจันทร์"


แป่ว...ผมก็คิดได้เนอะ ว่าจะโดนเลิกจ้าง งานเดี๋ยวนี้มันหายากนี่ครับ ดีนะยังไม่หลุดปากโวยวายออกไปก่อนตามนิสัย ขืนรีบโวยวายมีหวังหน้าแตะดังเพล้งแน่


ดูจากสภาพการณ์แล้ว ผมกับคุณชายคงจะต้องเป็นนายจ้างลูกจ้างกันไปอีกนาน อย่างน้อยก็ควรจะทำความคุ้นเคยเอาไว้ก่อน เอาเป็นว่าบุคคลที่มีมนุษยสัมพัน์เป็นเลิศอย่างผม จะให้เกียรติเริ่มต้นสานสัมพันธ์ก่อนละกัน เห็นไหมครับ ว่าผมเป็นคนดีขนาดไหน


"เห็นนายบอกว่าอายุยี่สิบเอ็ด แสดงว่ายังเรียนอยู่ใช่ไหม"
"เรียนอยู่ อยู่ปีสี่"
"แล้วเรียนอยู่ที่ไหนล่ะ"
"ไม่บอก!"


เอิ่ม...กวนตีนนะครับ แต่ช่างหัวมันเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก คิดว่าผมอยากรู้เหรอไง รู้ไปไม่ได้ทำให้รวยขึ้นซะหน่อย พอผมเงียบไป เพราะกำลังเก็บจานเข้าตู้ คุณชายเขาเลยเป็นฝ่ายถามผมบ้างแทน


"แล้วนี่รู้จักกับเวย์มานานหรือยัง"
"ตั้งแต่มัธยมต้น ก็เจ็ดปีแล้วล่ะ ถามทำไมเหรอ" ผมคิดว่าเพื่อนรักผมมันจะบอกหมดแล้วซะอีก
"ถามไม่ได้เหรอไง"
".........."


ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วยแล้วครับ พอเก็บจานอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็เลยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดโต๊ะกินข้าว แต่คุณชายก็ยังไม่เลิกมาวอแวกับผม ไม่รู้ว่าตกลงดูทีวีจริงหรือเปล่า เพราะตามองทีวี แต่ปากก็พูดกับผมอยู่ตลอด


"เอาเบอร์มือถือมาหน่อย"
"จะเอาไปทำไม"
"แทงหวย"
"กวนตีน" ขอด่าหน่อยเหอะ เบอร์โทรศัพท์บ้านพ่อง...ใช้แทงหวย
“ล้อเล่นน่า เวลามีอะไรจะได้โทรติดต่อกันไง ยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันอีกนาน"


โอเค...เหตุผลฟังขึ้นนิดหน่อย ผมเลยยอมบอกเบอร์โทรศัพท์ตัวเองไป คุณชายเขาก็กดเมมลงเครื่องตัวเองทันที ส่วนผม...ไม่ขอหรอกครับ ไม่รู้จะเอาไปทำไม อยากใช้งานอะไรก็โทรหาผมเองละกัน ผมคงไม่มีกิจธุระอะไรที่จะต้องโทรหาเจ้านาย


พอผมจัดการเช็ดโต๊ะและทำความสะอาดจนเรียบร้อย ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม สะอาดเอี่ยมอ่อง เสร็จแล้วก็เดินมาบอกคนที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา ที่ดูแล้วท่าจะเป็นมุมโปรดของเจ้าตัวแน่ ตอนมาถึงก็เห็นนั่งที่โซฟา ก่อนกินข้าวก็นั่งที่โซฟา กินข้าวเสร็จก็นั่งที่โซฟา เป็นเด็กติดโซฟาเหรอไง


"กลับบ้านแล้วนะ" เป็นประโยคบอกเล่า บอกให้รู้ครับ
"งอนเหรอ?"

ห๊ะ!!...นี่เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ยว่าผมงอน แค่เดินมาบอกว่าจะกลับบ้าน ก็ถูกหาว่างอนเนี่ยนะ ท่าจะบ้า

"ไม่ได้งอน"
"อย่าปากแข็งน่า" เคยจับเหรอไง ถึงรู้ว่าแข็ง ผมยกนิ้วขึ้นมาแตะดู ก็นุ่มดีออก
"เอ๊ะ!...ก็บอกว่าไม่ได้งอน"
"ไม่ได้งอนแล้วจะรีบกลับบ้านทำไม"


โรงเรียนประเทศไหนสอนมาครับ ว่ารีบกลับบ้านนี่แปลว่างอน อีกอย่าง ผมไม่ได้รีบกลับเลยนะ แต่นี่มันสองทุ่มแล้ว มันเป็นเวลาที่ผมควรจะกลับได้แล้วนะ แต่เอาเถอะ จะคิดซะว่าคุยกับคุณชายเขาต้องพยายามเอาขันติเข้าข่มละกัน


"ไม่ได้รีบกลับ แต่มันดึกแล้ว"
"อยู่ก่อน"
"ทำไม?"
"ดูแผ่นนี้จบก่อน เดี๋ยวไปส่ง"


ถึงจะฟังเหมือนประโยคบอกเล่า แต่หน้าตาคนพูดบอกชัดว่าเป็นประโยคคำสั่ง ผมก็เลยนั่งแปะลงบนเก้าอี้ด้วยความจำใจ ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ทำไมกูต้องมารอมึงดูหนังด้วยเนี่ย สาด!!


.
.


เฮ้อ...แค่เริ่มทำงานวันแรก ก็เหนื่อยซะจนแทบหมดแรง ไม่ได้ทำงานเหนื่อยนะครับ รบกับคนนี่เหนื่อยกว่าทำงานอีก ตลอดทางที่มาส่งก็กวนตีนมาตลอดทาง จนผมหวิดจะเปิดประตูลงอยู่หลายรอบ มันก็อ้างความเป็นเจ้านายตลอด ชิ! ถือว่าเป็นเจ้านายนะมึง เดี๋ยวเถอะ


แล้วดูมันนะ หนังแผ่นเดียวของมันที่บอกว่าขอดูจนจบ แต่กว่าแม่งจะจบก็เกือบสามทุ่ม แล้วไม่ได้กลับเลยหรอกนะครับ ยังอุตส่าห์ร่างสัญญาจ้างห่าเหว แล้วเอามาให้ผมเซ็น สรุปได้ว่า ผมต้องทำงานอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามเดือน หลังจากสามเดือน ถ้าจะลาออกต้องแจ้งล่วงหน้าหนึ่งเดือน



มึงจะรอบคอบไปไหนวะคุณชาย ไม่ให้สวัสดิการกับประกันสังคมกูด้วยเลยหล่ะ แล้วโบนัสกับวันหยุดประจำปีล่ะมีไหม?



กว่าจะตกลงกันได้ ว่าไม่ต้องมาส่งถึงคอนโดผม ก็เสียเวลาเกือบสิบนาที เพราะผมเองก็ไม่อยากให้มาส่งถึงคอนโดหรอกครับ เพิ่งจะรู้จักกันวันแรก ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย อีกอย่างเดี๋ยวพอมาเห็นที่อยู่ผม จะพลอยสงสัยว่าผมจะหางานทำไปทำไม ไม่ได้อยากปิดบังเหตุผลอะไรนะครับ แต่ก็ไม่ได้อยากป่าวประกาศ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผมนี่นา


สุดท้ายแล้ว คุณชายเขาก็มาส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าแถวคอนโดผม แล้วผมก็เรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง นั่งกลับมาคอนโดที่อยู่ห่างออกมาไม่ไกล ซึ่งความจริงก็เดินได้นั่นแหล่ะ แต่วันนี้ผมเหนื่อย ผมไม่อยากเดิน ผมจะนั่งมอเตอร์ไซค์ ใครจะทำไม


พอลากสังขารตัวเองขึ้นมาถึงห้องได้ ผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที ขออาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนเถอะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว พอได้อาบน้ำก็ค่อยสบายตัวขึ้นมาหน่อย แต่ออกมาจากห้องน้ำยังไม่ทันจะได้แต่งตัว โทรศัพท์ผมก็กรีดร้องทันที ผมหยิบมาดูชื่อว่าใครโทรมาก่อนจะกดรับ


"ว่าไงแทน?" ผมทักปลายสายด้วยความคุ้นเคย เพราะเป็นอีกคนที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี
((แอล...กูเพิ่งรู้เรื่องจากไอ้เวย์เอง เป็นยังไงบ้างมึง มีอะไรให้กูช่วยหรือเปล่า))

“ตอนนี้ยังไม่ต้องหว่ะมึง พอดีไอ้เวย์มันหางานให้กูได้ละ ไว้มีอะไรรบกวน กูจะบอกละกัน ขอบใจมากนะมึง”
((เฮ้ย! ถ้ามีอะไรให้กูช่วยก็รีบบอกเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ กูเพื่อนมึงนะเว้ย))

"เออ! งั้นมึงเอาเงินมาให้กูแสนนึง" ผมแกล้งอำมัน แม่งเสือกเอาจริง
((เฮ้ย! มึงเอาจริงหรือเปล่าแอล เดี๋ยวกูโอนเข้าบัญชีให้มึงเลย))

“สัด! กูล้อเล่น มึงอย่ามาตลกก่อนนอน กูยังมีเงินเก็บพอประทังชีวิตอยู่เว้ย” พูดให้ตัวเองดูน่าสงสาร แต่ความจริงผมก็มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเยอะพอสมควร


ผมคุยกับมันอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสายกันไป ผมจบมาจากโรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งหนึ่งครับ ความจริงแล้ว ผมถูกส่งมาอยู่กับคุณยายหลังจบประถม แล้วก็มาเริ่มเรียนมัธยมที่นี่ มีเพื่อนสนิทที่คบหากันมานานถึงเจ็ดปีอยู่สี่คน ที่พอสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ยังตามมาเข้าที่เดียวกันหมด ดูสิครับ ว่าดวงเราสมพงศ์กันขนาดไหน


คนแรกคือ ‘ไอ้เวย์’ เพื่อนคนแรกของผม คนที่มันหางานให้ผมทำนั่นแหล่ะครับ มันเรียนอยู่คณะเดียวกันกับผม สนิทกันจนบางคนแซวว่าผมกับเป็นแฝดสยาม บางทีแรงกว่านั้นหน่อยก็หาว่าผมกับมันเป็นคู่เกย์กันเลย แต่พวกที่พูดนี่ ถ้าไม่สนิทกันจริงมีเลือดกบปากครับ


ส่วนคนที่ผมเพิ่งวางสายไปก็คือ ‘ไอ้แทน’ คนนี้มันเรียนอยู่เศรษฐศาสตร์ครับ แล้วก็ยังมีอีกคน ‘ไอ้เพียว’ นั่นเรียนอยู่นิติศาสตร์ ตอนสมัยเรียนมัธยม พวกผมตัวติดกันยิ่งกว่าวงบอยแบนด์ ไปไหนต้องอยู่กันครบ ห้ามขาดห้ามเกิน แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยมาก็ต้องมีห่างกันบ้าง เพราะเรียนกันคนละคณะ ต่างคนก็ต่างต้องมีสังคมของตัวเอง ต้องทำกิจกรรม ต้องเรียน แต่พวกผมก็ยังติดต่อและรวมกลุ่มกันอยู่เสมอ เพราะเพื่อนที่ไหนก็ไม่สนิทเท่าพวกมันสามคนหรอกครับ เราผ่านอะไรด้วยกันมาพอสมควร


ผมวางสายจากไอ้แทนไม่ถึงสิบนาที เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จ โทรศัพท์มือถือผมมันก็ส่งเสียงร้องอีกแล้วครับ หยิบขึ้นมาดูชื่อ พอเห็นว่าเป็นใครก็กดรับแล้วใส่มันทันทีครับ แอบเก็บกดที่ด่าญาติมันไม่ได้ ขอด่ามันแทนหน่อยเหอะ


"ญาติมึงกวนตีนกูชิบหายวายวอด"
((เฮ้ย! บนโลกนี้ยังมีคนที่กวนตีนกว่ามึงอีกเหรอวะแอล))

"เชี่ย...กูออกจะสุภาพเรียบร้อย อย่ามากล่าวหากู"
((เออ! กูเชื่อนะ ว่ามึงสุภาพเรียบร้อย แต่เฉพาะเวลาอยู่กับคุณแม่มึงนะ))


แม่ง...เสือกรู้ทันอีก ก็บอกแล้วไงครับว่าคุณแม่ผมเกลียดพวกที่พูดคำหยาบคายที่สุด เวลาอยู่กับคุณแม่ ผมเลยต้องสุภาพเรียบร้อยเข้าไว้ ความจริงแล้วคุณยายที่เสียไปก็ไม่ชอบให้ผมพูดจาหยาบคายเหมือนกัน เวลาพวกเพื่อนได้ยินผมคุยกับคุณแม่ทีไร มันขำกันขี้แตกขี้แตนไม่พอ ยังเก็บมาล้อผมไปอีกสามวันเจ็ดวัน


"ไอ้เวย์ ญาติมึงแม่งโคตรกวนตีนเหอะ ถ้าเกิดวันไหนมีข่าวญาติมึงถูกฆ่าหมกคอนโด มึงช่วยเป็นพยานกับตำรวจทีนะ ว่ากูทำลงไปเพราะบันดาลโทสะ"

((ญาติกูหล่อไหมมึง ตกหลุมรักญาติกูหรือยัง))
"พ่องตาย กูเป็นผู้ชายนะมึง ญาติมึงอ่ะหล่อ แต่กูไม่ชอบผู้ชาย สเป็คกูนี่ต้องขาว ใส เทรนด์เกาหลี"
((ขาว ใส เทรนด์เกาหลีก็ตัวมึงเองนั่นแหล่ะไอ้น้องแอล หัดส่องกระจกบ้างเหอะมึง))

"เชี่ยเวย์! มึงมาต่อยกับกูตัวต่อตัวกันเลยดีกว่า แล้วตกลงมึงโทรมามีธุระอะไร ถ้ามึงแค่โทรมากวนประสาทกูเล่น กูถีบมึงแน่" ผมเหนื่อยจะตาย อยากจะรีบนอนจะแย่แล้ว ยงต้องมาลับฝีปากกับมันอีก
((เปล่า...กูแค่อยากรู้ว่ามึงทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้าง))

"ก็ดี มึงอยากรู้อะไรอีก รีบพูดมา ก็จะได้ไปนอนแล้ว"
((กูไม่อยากรู้แล้ว แต่กูอยากบอก...))
"ว่า..."



((พี่เภาญาติกูนะมึง...เป็นเสือไบหว่ะ แล้วรูปร่างหน้าตาแบบมึงเนี่ย สเป็คพี่กูเลย))



ไอ้เชี่ย!! แล้วมึงก็ส่งกูไปทำงานกับพี่มึงเนี่ยนะ ทำไมมึงไม่บอกตอนพี่มึงเอากูแล้วล่ะ แล้วคืนนี้กูจะนอนหลับไหมครับ ไอ้เพื่อนชั่ว!!



END STEP 02


เอาตอนสองมาเสิร์ฟเวลางาน  o18
ขั้นตอนการทำอาหารผิดพลาดขออภัย อาศัยจากความจำที่เกาะครัวดูแม่ทำ
ไม่ได้สืบไม่ได้ค้น และถ้าทำใครท้องร้อง...ขออภัยด้วยเช่นกัน

ชี้แจง...คุณชายเภา อายุ 21 เองนะคะ
ยังเป็นเรื่องรั้วมหาวิทยาลัย แถมกลิ่นอายของกับข้าว และคุณแจ๋วน่าฮัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2012 17:26:14 โดย Renze »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กร๊ากกกกกกกกกก ขำบรรทัดสุดท้าย
อุทานได้อารมณ์มากค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ witchhound

  • เบื่อ เบื่ออ เบื่อออ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เนื้อเรื่องน่าสนใจดี
จะรอตอนต่อไปนะคะ o13

ออฟไลน์ chin-ruyze

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-10
:laugh:
ขออุทานด้วยคนนนนนน :a5:
ไอ้เหี้ยยยยยย o22
ฮาไปไหนนี่ :m20: :m20:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
แอลน่ารักอะ หุหุ คุณชายเป็นไบหราเนี้ย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อีกไม่นานคงได้เป็นพ่อบ้านเต็มตัวนะแอล
ไอพี่เภาคงจ้องกินตับ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
โอ๊ะ หนูแอลอุทานหยาบไปนิดนะลูก แม่ศรีเรือนค่ะท่องไว้ ๆ 555

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ที่ให้เซ็นสัญญานี่ มีแผนอะไรอ่ะเปล่า ฮ่าๆๆๆ  :impress3:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
อย่างนี้ ลาออกทันป่ะเนี่ย^^

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
บรรทัดที่ 2 ก่อนจบตอนนี่ น่าสนใจมาก 555555555 จะรอดไหม แอล

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
- STEP 03 -


วันจันทร์นี่คือวันรถติดแห่งชาติเลยครับ แต่ผมก็ยังอุตริพารถกระป๋องสีแดง
ที่ราคาแรงกว่าบ้านชานเมืองออกจากคอนโด มาหาที่จอดแถวคณะ
แต่พอลองคิดดูอีกที เดี๋ยวคงจะต้องจอดแช่ แล้วมาเปลี่ยนมาอุดหนุนบริการรถสาธารณะซะแล้ว
เพราะคุณแม่เล่นงดส่งเงิน แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนมาเติมน้ำมัน


จอดรถเสร็จเดินมาที่โต๊ะ ก็เห็นเพื่อนรักสุดเลิฟ...นายศิรวัตร กำลังนั่งดูดนมปั่นอยู่
มันโบกมือเรียกทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามา


"มายังไงเนี่ยมึง?"


"เอาแดงเดือดมาหว่ะ" 'แดงเดือด'...ชื่อลูกรักของผมครับ หึหึ "แต่กูว่าเดี๋ยวจะเลิกขับมาละ
เปลืองตังค์เติมน้ำมัน"


"น่าสงสารฉิบหายเลยหว่ะ คุณหนูตกยาก แม่งเสือกดื้อกับคุณแม่ อยากอยู่คนเดียว
เลยต้องทำงานหาเงินเอง"


เวย์มันทำเสียงสงสารแบบตอแหลที่สุดครับ เพราะพอผมเงยหน้ามองมัน แม่งยิ้มซะปากแทบฉีก


"มึงจะมารับกูทุกเช้าป่ะล่ะ?"


"พ่อมึงเหอะแอล คอนโดมึงอยู่สาทร บ้านกูอยู่พระราม 2 แล้วขอโทษ กูมาทางด่วนหว่ะ"


เป็นไงครับ เพื่อนผม ชายไทยน้ำใจงาม ใครจะจีบมันทำสามี
ก็คิดหน้าคิดหลังก่อนนะครับ ถึงมันจะหล่อดีกรีเดือนคณะ แต่ผมรู้ไส้รู้พุงมันดีครับ
อยากรู้อะไร...ขอให้ถาม พ่อจะแฉให้เรียบ


เดี๋ยวนะ...เกือบลืม ว่าผมกับมันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน
หลังจากเมื่อคืนมันปล่อยระเบิดลูกโต จนผมตาค้าง นอนไม่หลับยิ่งกว่าซดกระทิงแดงตอนสอบ


"เชี่ยเวย์...ที่เมื่อวานมึงบอกกูนี่เรื่องจริงเหรอวะ"


มันเงยหน้ามันทำหน้าตาแอ๊บแบ๊วใส่ผม แม่ง...อยากเตะให้แอ๊บหลุดเหลือเกิน
มันยังทำลีลานั่งดูดนมปั่น ผมเลยดึงนมปั่นมันมากินเอง
แล้วจ้องหน้ามันให้คายความลับออกมา


"เรื่องไหนล่ะมึง เรื่องที่พี่กูเป็นไบเซ็กชวล หรือเรื่องที่มึงเป็นสเปคพี่กูล่ะน้องแอล"


"เหี้ย!! อย่ามาเรียกกูน้องแอลนะมึง กูให้คุณแม่กูเรียกได้คนเดียว"


มีแค่คุณแม่ผมครับ ที่เรียกผมน้องแอล...ฮึก เป็นชื่อที่แมนฉิบหายวายป่วงเลย
แถมคุณแม่เรียกผมคนเดียว ทีเวลาอาร์กับเอส ทำไมคุณแม่เรียกแค่อาร์ เรียกแค่เอสครับ

น้องแอล...เอ๊ย...แอลอยากรู้

"ชื่อมึงน่ารักจะตาย ถ้ากูไม่สนิทกับมึง กูจะรู้เหรอว่าอยู่บ้านมึงเป็นคุณน้องหนูแอล"

"อย่ามาชวนกูเปลี่ยนเรื่องเลย เล่าเรื่องพี่มึงมาเดี๋ยวนี้"


...ใคร...ซักคนที่เกิดมาเพื่อผูกพัน ใครที่เกิดมาคู่กับฉัน ใครที่คนนั้นช่วยมา...บอกฉันที...


เบอร์ไม่ได้เมมเอาไว้ เบอร์ใครวะ...ปกติผมไม่ได้ให้เบอร์ใครพร่ำเพรื่อด้วย
ถ้าไม่ได้รู้จักกันจริง อย่าหวังว่าจะมีเบอร์ผม
เบอร์ผมนี่นับว่าเป็นแรร์ ไอเทมเลยนะครับ เพราะเคยมีคดีมาก่อน


"แปบนะมึง กูรับสายก่อน เดี๋ยวมาเคลียร์ต่อ" ผมบอกไอ้เวย์ ก่อนจะกดรับสาย
"สวัสดีครับ วีรินทร์พูดครับ"


((หึหึ พูดซะเพราะเชียวนะ))


"ใครวะ?"


((อะไร แค่คืนเดียวนี่ลืมกันแล้วเหรอ))


ไอ้บ้าที่ไหนมันโทรศัพท์มาอำผมวะเนี่ย ตอนนี้ขอเอามารยาทกับสมบัติผู้ดีเก็บลงหีบก่อนละกัน
เดี๋ยวจะสอนให้มันได้รู้ ว่ากำลังคุยอยู่กับใคร นี่แอลร้อยศพแห่งคณะวิศวะครับ หึหึ


"อย่ามากวนตีนกู มึงเป็นใคร"


((คนที่จ่ายค่าจ้างนายยังไงล่ะ))


ชะอุ๋ย...จัดกูจัดมึงเต็มปากเต็มคำเลยครับ ผมเหลือบตามามองไอ้เวย์
ที่กำลังทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน ทำปากพะงาบบอกมัน...'พี่มึง'


"แม่ง...รุกเร็วฉิบหาย" ไอ้เวย์มันบ่นบ้าบออะไรของมันวะ ไม่เห็นจะเข้าใจมันเลย


((อยู่ที่ไหน?))


"มหาลัย"


((จะมาหาฉันหรือจะให้ฉันไปหานาย))


เอิ่ม...มีตัวเลือกอื่นอีกหรือเปล่าวะ แบบที่ไม่ต้องเจอกันน่ะ


ไอ้เวย์มันสะกิดผมยิกเลย พอหันไปมองมัน มันก็ทำท่าบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
หน้าตาเหยเกเชียวมึง ข้าศึกบุกล่ะสิ สมน้ำหน้า อยากแดกนมปั่นแต่เช้า จู๊ดจู๊ดแน่มึง


((คิดช้า เดี๋ยวฉันไปหานายละกัน ติ๊ด...))


เว้ยเฮ้ย...ใจเย็นก่อนสิวะ ยังไม่ทันตอบ แม่ง เผด็จการฉิบหาย ถ้ายังงั้นจะถามแต่แรกเพื่อ?
ก็บอกว่าจะมาหาเองก็จบ ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง เหลือเวลาอีกครึ่งชม.ก่อนจะถึงเวลาเรียนคาบแรก
คุณชายมันบอกจะมาหาเอง พูดเหมือนรู้ว่าอยู่ตรงไหน เมื่อคืนแม่ง
เพราะไอ้เวย์ดันปล่อยระเบิดลูกโต เลยได้นอนไปแปบเดียว ของีบเอาแรงก่อนซักสิบห้านาทีละกัน...


.
.
.


"แอล...แอล...น้องแอล..."


"แอลขออีกห้านาทีนะครับคุณแม่"


"หึหึ..."


ลืม...คุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วย จะเป็นคุณแม่ได้ยังไง นี่ไอ้เวย์มันคงกวนตีนเรียกผมว่าน้องแอลอีกแล้ว
แล้วยังมานั่งเบียดอีก ช่างมันเถอะ ขอนอนอีกห้านาทีก่อน เดี๋ยวค่อยลุกมาเตะมัน


"มาถึงนี่เลยเหรอพี่ ร้ายนะ"


"พูดมาก แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะ"


"ถ้าไม่เห็นแก่ความอดทนของพี่ อย่าหวังเลยว่าจะผมจะช่วย เตรียมรอเจอศึกหนักเหอะ"


มันจะคุยอะไรกันนักกันหนา ข้ามหัวไปมาเนี่ย คนจะหลับจะนอน ตื่นก็ได้วะ
ผมขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะปรือตามองมา ไอ้เวย์นั่งอยู่ด้านข้าง ขอพิงหน่อยล่ะกัน


"เวย์...กูยืมไหล่มึงหน่อยนะ"


"แอล..."


"มึงอย่ามาขี้งกน่าเวย์"


"กูไม่ได้ขี้งก กูนั่งอยู่ทางนี้ ช่วยแหกตาดูก่อนว่ามึงนั่งพิงใครอยู่"


ห๊ะ...ไม่ใช่ไอ้เวย์ที่ผมนั่งพิง แล้วใครวะ ขยับออกมา หันหลังกลับไปมอง...
ซวยแล้วกู นี่มันไอ้คุณชายนี่หว่า แม่ง...แล้วมันจะนั่งอมยิ้มทำหน้าหล่อทำซากอะไรของมันวะ
หงุดหงิดเว้ย คนยิ่งนอนไม่พออยู่ ไม่ได้อายนะ ไม่ได้อายจริงๆ


"นะ...นาย มานี่ได้ไงอ่ะ"


"มีขาก็เดินมาสิ คนอะไร...อุบาทว์จริง นอนหลับน้ำลายไหลยืดเชียว"


ผมยกมือขึ้นมาจับมุมปากโดยอัตโนมัติทันที เห็นไอ้เวย์มันหัวเราะขำเป็นบ้าเป็นหลังก็รู้เลย
กูโดนหลอกอีกแล้ว ผมเลยหันมาตวัดสายตามองไอ้คุณชายที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างเคืองๆ
แต่เอ๊ะ...มึงจะมานั่งเบียดกับกูเพื่อ??


"มาเบียดทำไม เขยิบไปเด่ะ ที่มีตั้งเยอะแยะ"
บอกเสร็จก็หันมาหาไอ้เวย์ที่นั่งหัวเราะอยู่ กระซิบถามมันเสียงเบา "มาได้ไงวะ"


"กูน่าจะถามมึงมากกว่านะแอล ว่าพี่เภามาได้ยังไง"
มันไม่ได้กระซิบตอบกลับมาครับ เลยได้ยินกันทุกคน


ฮึ้ย...กูเป็นแค่ลูกจ้าง มึงเป็นญาติกัน ทำไมโยนมาให้กูยังงี้วะไอ้เวย์
แต่ก็ได้แค่คิดนั่นแหล่ะครับ มีใครเคยเถียงไอ้หล่อลากไส้นี่ชนะบ้างวะ
แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ต้องถามเลยครับ เพราะคุณชายมันตอบเองเสร็จสรรพ


"ฉันโทรบอกนายแล้วว่าเดี๋ยวมาหา พอมาถึงก็เจอนายนอนอยู่"


"แล้วจะมาทำอะไร เดี๋ยวผมก็ต้องขึ้นไปเรียนแล้ว"


"เดี๋ยวฉันก็จะไปเรียนแล้วเหมือนกัน แค่มาบอกว่ากลางวันจะมารับไปกินข้าวด้วย
นายก็ไปด้วยกันนะเวย์ ชวนเพื่อนคนอื่นไปด้วยก็ได้ ฉันเลี้ยงเอง"


เดินมาบอกแค่นี้ แล้วคุณชายก็เดินกลับไปทางหน้าคณะ ผมยังงงลำดับความอะไรไม่ถูก
ก็ได้ยินเวย์มันโทรชวนแทนกับเพียวเรียบร้อย ว่ากลางวันมีเจ้ามือเลี้ยงข้าว


"พี่ชายมึงนี่เป็นคนประหลาดดีเนอะเวย์"


ไม่มีคำตอบจากไอ้เพื่อนรัก มีแต่เสียงหัวเราะหึหึ ที่ฟังดูแล้วมันชวนเสียวสันหลังชอบกลวุ้ย...


....................
...............
..........


"บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะแอล หัดมีความลับกับเพื่อนเหรอมึง"

ผู้หญิงที่กำลังยืนเท้าสะเอวโวยวายใส่ผม เธอชื่อนิหน่าครับ เป็นดาวคณะ
สวย เผ็ด ดุ!! แซ่บที่สุดของชั้นปีแล้ว

ผมมองมันที่ยืนโวยวายไร้ความเป็นกุลสตรี ขัดกับหน้าตาของมันเหลือเกิน
ก่อนจะเอานิ้วก้อยแคะหูตัวเอง แล้วยักคิ้วให้มัน

"มึง!! มึงไปรู้จักพี่เภาได้ไงวะไอ้คุณหนูแอล"

"พี่เภาไหนของมึง?" ผมทำหน้างงกลับไป นี่ผมเผลอไปรู้จักเหยื่อคนไหนของมันเข้าอีกล่ะ

"ก็ผู้ชายที่นั่งเบียดจนจะรวมร่างกับมึงที่โต๊ะเมื่อเช้าไง พี่เภา สถาปัตย์ปีสี่
เดือนมหาลัยเลยนะมึง หล่อไม่บันยะบันยัง แค่เห็นไกลๆกูก็แทบระทวยแล้ว"

ผมยื่นมือไปผลักหัวนิหน่าทีนึงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะชะงัก เหมือนจะนึกอะไรออก
หันขวับไปมองไอ้เพื่อนยาก ที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทันที

"มึงไม่เห็นเคยบอกกูเลยนะเวย์ ว่ามีพี่ชายเรียนอยู่ที่นี่" ผมแกล้งทำเสียงเหี้ยมใส่มัน
รู้ว่ามันไม่กลัวหรอกครับ ทำให้มันเท่ห์ไปยังงั้นแหล่ะ

"มึงถามกูเหรอ? ทุกคนเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหล่ะ มีแต่มึงนั่นแหล่ะ ที่ไม่สนใจโลกภายนอก
ถ้ามึงสนใจรอบข้างมึงมากกว่านี้ มึงคงรู้แล้วว่าตัวเองน่ะ..."

เงียบ!!...ตัดฉับเข้าโฆษณาทันที แบบไม่มีเตือน เพราะอาจารย์เดินเข้าห้องมาแล้ว เง๊อ...ค้างอ่ะ
เอาวะ...กระซิบถามมันดูก็ได้

"กูทำไมเหรอ?"

"วีรินทร์!! ถ้าไม่เรียนก็อย่ารบกวนเพื่อน"


....................
...............
..........


มองซ้ายมองขวา เหมือนผมมางานรวมดาวเลย แหม...ก็ผู้ชายหน้าตาดี 7 คนมารวมตัวกัน
พวกผู้หญิงมองโต๊ะพวกผมเหลียวหลังกันทุกคนเลยครับ
บรรยากาศที่ชายหนุ่มหน้าตาดี จากหลากหลายคณะ มานั่งสังสรรค์กินอาหารญี่ปุ่นกันนี่ดูชื่นมื่นดีนะครับ
พนักงานหลายคนยังขยันเดินมาโต๊ะพวกผมเลย

แต่ก่อนที่มันจะชื่นมื่นนี่สิ ผมต้องฟาดฟันกับไอ้คุณชายจนน้ำลายแตกฟอง
เพราะไอ้คุณชายมันจะลากผมมารถมันให้ได้ ทั้งที่ผมก็นั่งยัน ยืนยัน นอนยัน
แทบจะตีลังกายัน ว่าผมเอารถมา แต่สุดท้าย ผมก็ต้องยอมจำนนกับปากคอเราะร้ายของมัน

'เก็บน้ำมันในถังไว้ใช้ยามจำเป็นเถอะ ยิ่งไม่ค่อยจะมีตังค์เติมน้ำมันอยู่ไม่ใช่เหรอไง'

จึ้ก...มันโดนครับมันโดน แม่ง...พูดอย่างเดียวไม่พอ
มึงจะทำหน้าตาเหยียดหยามให้กูรู้สึกเป็นผู้ด้อยโอกาสไปถึงไหน

คอยดูเถอะ รอมีตังค์เมื่อไหร่นะ จะเอามาฟาดหัวแม่งเลย
สรุปแล้ว น้องแดงเดือดของผมเลยยังจอดตากแดดอยู่ที่คณะเหมือนเดิมครับ


"จะกินอะไร" คนข้างตัวผมหันมาถามเสียงเรียบ

นี่ก็อีกเรื่องครับ ที่ตรงอื่นมีเยอะแยะ ผมก็อยากนั่งกับเพื่อนผมบ้างอะไรบ้าง
มันจะดันผมเข้ามานั่งริม แล้วมานั่งประกบผมทำไมวะครับคุณชาย

เห็นการจัดที่นั่งแล้วก็เซ็ง...ผม คุณชาย แล้วก็ไอ้เวย์ นั่งกันฝั่งนึง
อีกฝั่งก็มีไอ้แทน ไอ้เพียว พี่เชน เพื่อนคุณชายมัน ปิดท้ายที่หัวโต๊ะด้วยพี่จอม
เพื่อนคุณชายมันเหมือนกัน


"เวย์ มึงจะกินอะไร" ผมถามมันครับ

เพราะผมมักจะมีของที่อยากกินมากกว่าหนึ่งอย่าง และผมจะบังคับให้มันสั่งอีกอย่าง
แล้วผมก็แย่งมันกิน เอ๊ย...แบ่งกันกินกับมัน

"สั่งของตัวเองไปเถอะเวย์ เดี๋ยวฉันสั่งมาแบ่งกับแอลเอง"

ผมส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน หันไปมองหน้าไอ้เวย์เป็นเชิงบังคับ มันมองผมสลับกับพี่มัน
แล้วมันก็ยักไหล่ ที่แปลได้เลยว่า...มึงกินกับพี่กูเถอะ...ไอ้เพื่อนชั่ว!!

"ทีนี้ตอบมาได้หรือยัง ว่าจะกินอะไร"

โอเค เข้าใจละ ผมเป็นพ่อบ้านให้มัน ส่วนมันก็เป็นพ่อผมเลย พ่อผมยังไม่วุ่นวายกับผมเท่านี้เลยนะ

"กุ้งเทมปุระกับแซลมอนย่างเกลือ"

ผมไม่ได้กลัวสายตาดุๆที่มองมาเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบ ที่ดื้อไม่ยอมฟังผู้ใหญ่หรอกนะครับ
แต่ที่รีบบอกไปเพราะพนักงานจะได้รีบจดอาหารจะได้มาไวๆ
เชื่อผมใช่ไหมครับ...จิ๊ ทำเป็นทำตาดุ คิดว่าหล่อเหรอไงวะ??

พี่เชนกับพี่จอมเป็นเพื่อนสนิทคุณชายครับ เรียนอยู่สถาปัตย์เหมือนกัน
ท่าทางน่าคบหานะครับ ถ้าเกิดคุณพี่เชนจะไม่พูดว่า...


"น้องแอลตัวจริงนี่น่ารักกว่าที่เขาลือกันอีกนะครับ"


น่ารัก?? ผมเป็นผู้ชาย พี่ช่วยชมผมว่าหล่อหรือเท่ห์น่าจะดีกว่านะครับ แล้วที่เขาลือ...ลืออะไรกันครับ?


"เขาลืออะไรกันครับ"


คุณชายมันจะถลึงตาใส่พี่เชนทำไมครับ พี่เชนก็โบกมือเป็นพัลวันเลย


"ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ลือกันว่าน้องแอลหน้าตาดีน่ะ"


"มึงมีนัดดูหนังกับพิณไม่ใช่เหรอเชน รีบแดกเข้าไปสิ อย่ามัวแต่พล่าม"


กับเพื่อนมันยังดุ ที่บ้านให้กินอะไรวะ เพดดิกรีหรืออัลโป ขอยืมไปเฝ้าบ้านซักวันสองวันได้ป่ะ ดุจริง


"อย่าให้มันออกนอกหน้ามากเว้ยไอ้เภา เดี๋ยวไก่ตื่นแล้วกูจะขำให้"


แถวนี้ไม่มีไก่นะครับ พี่จอมละเมอหรือเปล่า แต่ไอ้เวย์มันคงเข้าใจ เพราะมันนั่งกลั้นหัวเราะอยู่
ไอ้เพียวแม่งก็นั่งกินแบบไม่สนใจโลก แล้วแทน...มึงเป็นอะไร ไม่พอใจใคร
ทำไมต้องหันมาทำหน้าแบบนั้นใส่กูด้วย

พวกเรานั่งกินข้าวกันไป คุยกันไป ดูพวกไอ้เวย์กับพวกเพื่อนพี่มันก็สนิทกันเร็วดีนะครับ
ขนาดอายุห่างกันสองปี ไอ้เพียวก็เฮฮาบ้าบอคอแตกของมันตามประสา
มีแต่ไอ้แทนที่มันชอบจ้องหน้าไอ้คุณชายเป็นพักๆ ผมก็หัวเราะเวลาคนอื่นปล่อยมุกกันเป็นพักๆเหมือนกัน


"แอล"


ไอ้แทนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมมันสะกิดเรียกผม ผมเลยหันมามองหน้ามันแล้วเลิกคิ้วถาม
เห็นไอ้คุณชายมันแอบชำเลืองมองมานิดนึง ขี้เกียจบ่นมันละ อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ
ยังไงเดี๋ยวมันก็เอาข้ออ้างที่ว่ามันเป็นนายจ้างขึ้นมาพูดอยู่ดี ตกลงนี่ผมเป็นลูกจ้างหรือว่าลูกไล่
มันกันแน่ครับเนี่ย ไม่อยากจะเปรียบตัวเองกับทาส เพราะอย่างน้อยผมยังได้เงินจากมันอยู่


"ทำไมเอสกับอาร์มันยอมปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวได้วะ กูล่ะโคตรแปลกใจเลย"


"ก็คุณแม่กูใหญ่สุด แต่คุณแม่กูคงคิดว่ากูไม่น่าจะทนได้นานหรอก


ถ้าไม่มีตังค์ให้กู คอยดูเหอะ กูจะอยู่จนเรียนจบให้ดู"


"แล้วปีใหม่มึงจะกลับบ้านไหมเนี่ย"


"ไม่มีตังค์ค่าตั๋วหว่ะ รอกลับทีเดียวตอนปิดเทอมเลยละกัน กูต้องประหยัด


ถ้าพวกมึงชวนกูไปไหน ต้องออกตังค์ให้กูด้วย ไม่ออกให้ กูไม่ไป"


ไอ้แทนทำท่าจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอย่างที่มันชอบทำบ่อยๆ
แต่ไอ้คุณชายมันดันยื่นมือไปกระแทกมือไอ้แทน แล้วบอกเสียงเรียบ

"ขอโทษที พอดีจะหยิบทิชชู่"

ไอ้แทนมันทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่มันไม่ได้พูดอะไร แล้วคุณชายมันก็เรียกเก็บเงิน
พวกผมกินกันแพงดีนะครับ โชคดีที่มีเสี่ยเลี้ยง แต่คงไม่หักจากเงินเดือนผมใช่ไหมครับ
ไอ้แทนกับไอ้เพียวมีเรียนตอนบ่ายต่อ เลยแยกกลับไปที่มหาลัยก่อน
ส่วนพี่เชนมีเดทกันแฟน พี่จอมจะไปฟิตเนส ตอนนี้เลยเหลือกันอยู่สามคน
ผม คุณชาย แล้วก็ไอ้เวย์ กำลังคิดว่าจะเอายังไงดี คุณชายมันก็รีบอ้าปากก่อนเลย กลัวจะไม่ได้พูดเหรอไง


"เวย์ ไหนบอกว่าจะเอารถไปล้างไม่ใช่เหรอ ไม่รีบไปเดี๋ยวก็คนเยอะหรอก"
ไอ้เวย์มันทำหน้าตางงๆ ไม่รู้ว่ามันลืมหรือมันไม่ได้พูดกันแน่ แต่มันก็รีบรับคำโดยเร็ว


"อะ...เออ งั้นผมไปก่อนนะพี่เภา ฝากดูแลไอ้แอลมันด้วยนะ"
มันจะฝากทำไมวะ ผมไม่ใช่เด็กสามขวบซะหน่อย ผมดูแลตัวเองได้
เดี๋ยวบอกให้มันไปส่งที่คณะละกัน แล้วผมจะได้กลับไปเอารถ


"จะไปไหน" เรียกเฉยๆก็ได้นะทีหลัง จะดึงแขนไว้ด้วยทำไมเนี่ย


"ก็ไปที่รถไง เดี๋ยวนายช่วยไปส่งที่หน้าคณะหน่อยละกัน จะได้ไปเอารถ"


"พี่เภา"


"ห๊ะ..." อะไรของมัน เมากุ้งเทมปุระเหรอ


"เรียกพี่เภาสิ เรียกอยู่ได้นายๆๆ ทำไมที่พวกไอ้เชนไอ้จอมยังเรียกพี่เลย"


"ถ้าไม่เรียกจะหักเงินเดือนเดือนนี้ห้าพัน"


เชี่ยยยย...ไอ้คุณชายหน้าเลือด


"พี่เภา..."


มึงจะยิ้มอย่างกับถูกลอตเตอรี่เพื่อ แค่เรียกว่าพี่เภาเนี่ยนะ ประสาทหรือเปล่าวะเนี่ย


"เดี๋ยวฉันจะเดินดูของ เสร็จแล้วก็กลับคอนโดเลย นายจะได้ไปทำงานให้คุ้มเงินเดือน
ส่วนรถนายเดี๋ยวให้คนเอาไปไว้ที่คอนโดให้"


"เฮ้ย!! ไม่เอา ไม่ต้อง"


"ไม่ได้ถาม แต่เป็นคำสั่ง"


โอเคครับ จบ!!


.
.
.


ปกติก็รู้ตัวนะว่าตกเป็นเป้าสายตา แต่ทุกทีก็ไม่เยอะขนาดนี้นี่หว่า คิดถูกคิดผิดเนี่ย
ที่มาเดินห้างใกล้มหาลัย เอาเลยครับ มองกันเข้าไป มองอย่างเดียวไม่พอครับ
วิพากษ์วิจารณ์กันเข้าไปอีก

"นั่นมันแอล วิศวะนี่นา เค้าคบอยู่กับพี่เภา สถาปัตย์เหรอ?"
ถ้าจะพูดดังขนาดนี้ เดินเข้ามาถามผมเลยดีกว่า ผมพร้อมเคลียร์ตัวเองครับ

"อ้าว แอลเค้าเลิกกับเวย์ที่อยู่วิศวะเหมือนกันแล้วเหรอ"
ฟ้าผ่าตายครับ...นั่นเพื่อนผม อย่ามายัดเยียดความเป็นเกย์ให้ผมแบบนี้

"แล้วที่วันก่อนควบสองล่ะ"
"สองไหน เพียวที่อยู่นิติ กับแทนที่อยู่เสดสาดเหรอ?"

พวกคุณครับ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ
ผม...นายวีรินทร์นะครับ ไม่ใช่นางวันทอง อะไรจะขยันยัดเยียดผัวให้ขนาดนั้น

ไอ้พี่เภาก็คงได้ยิน และมันก็คงรำคาญมากด้วย มันกวาดสายตามองอย่างเอาเรื่องที่เดียว
พวกช่างเม้าท์ทั้งหลายก็หุบปากสนิท แล้วรีบเดินหนีพี่แกกันใหญ่

"ไป...กลับ!!"

"อ้าว แล้วไหนบอกว่าจะเดิน"

"ไม่เดินแล้ว รำคาญพวกที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน"


เออ กลับก็กลับ ยังไงผมมันก็คนไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้วนี่หว่า


....................
...............
..........


กลับมาถึงคอนโด ผมก็มาปัดกวาดเช็ดถูห้องนอนคุณชาย สมกับที่เรียนสถาปัตย์ชะมัด
ห้องตกแต่งโทนสีเทาดำแนวโมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์เป็นเอกลักษณ์ ดูเรียบง่าย แต่มีสไตล์

แค่ดูดฝุ่น และเช็ดถูตามตู้เล็กน้อยก็เสร็จเรียบร้อย
ก่อนกลับเข้าคอนโด ผมเรียกคุณชายแวะท็อปส์แถวคอนโด ซื้อของสดมาสำหรับทำอาหาร

กลางวันกินกันเยอะแล้ว งั้นทำอาหารจานเดียวละกัน
กะเพรากุ้งกับไข่เจียวสีเหลืองฟูน่ากิน โปะลงบนข้าวสวยร้อนๆพร้อมเสิร์ฟ

คุณชายมันท่ามากครับ ไม่ยอมชมผมซักนิด แต่ดูจากที่โซ๊ยเอาโซ๊ยเอาเนี่ย...อร่อยล่ะสิ หึหึ

"นาย...ทำกับข้าวเก่งดีนะ"
"คุณยายชอบเคี่ยวเข็ญให้ทำน่ะ"

"แสดงว่าคุณยายนายก็ต้องทำอาหารเก่งมากแน่เลย"
"เก่งมากเลยล่ะ แต่ว่าเสียแล้ว"

"เอ่อ...ฉันขอโทษนะ"
"ขอโทษทำไม ผมไม่ได้เศร้าอะไรขนาดนั้นซะหน่อย"

แต่เหมือนคนจุดประเด็นจะยังคงรู้สึกผิด
ผมไม่ได้เศร้าจริงนั่นแหล่ะ เพราะคุณยายก็จากไปเกือบปีแล้ว และอีกอย่าง ตอนที่เสีย
คุณยายก็แก่มาก มันก็เป็นเรื่องปกติ เป็นวัฏจักร ที่ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย


.
.
.


ต้องชวนคุยเรื่องอื่นสินะ เพื่อคลี่คลายบรรยากาศ

"พี่เภาไม่มีแฟนเหรอ?" ถามอะไรออกไปเนี่ยกู...

มันทำตาวิบวับเชียว ตอนผมถามคำถาม
"ตอนนี้ยังไม่มีหรอก"
แปลว่าอนาคตมึงจะมี หวังว่าคงไม่ใช่อนาคตอันใกล้นะ เสียวตูดเลยกู

"พี่เป็นไบเซ็กชวลเหรอ"
เห้ย...ถามอะไรอีกแล้ววะกู ปากหนอปาก ปากจะพาซวยแล้วไหมเนี่ย
แค่ถามคำถาม จะเขยิบเข้ามาใกล้ทำไมวะเนี่ย นั่งอยู่อีกด้านของโซฟาก็ดีอยู่แล้ว

"อืม ได้ทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชายเลยล่ะ"

เอิ่ม...ไม่ต้องเน้นตรงผู้ชายก็ได้ แล้วจะมาทำตาเจ้าชู้ใส่กันเพื่อ??
สรุปคิดผิดคิดถูกวะที่ชวนมันคุย

เอาวะ...จะได้เคลียร์ทุกข้อสงสัย เผื่อคืนนี้จะนอนหลับสนิท
หลังจากเมื่อคืนโดนไอ้เวย์มันหย่อนระเบิดลูกโต นี่ผมไม่ได้ถ่ายทำรายการล้วงลับตับแตกอยู่นะครับ
เผื่อบางคนอาจจะเข้าใจผิด

"แล้วสเปคเป็นยังไงเหรอ"

"ผู้หญิงไม่ได้คบมานานแล้วล่ะ..."

"ส่วนผู้ชาย...ก็ชอบแบบนายนี่แหล่ะ"

เหี้ยแล้ว!!! ประตูหลังกู
  :serius2: :serius2: :serius2:

- END STEP 03 -



หึหึ...เอาเวลางานมานั่งแต่ง ยาวมาก รีบเอามาลงก่อน
พี่เภารุกหนักไปไหมคะ? น้องแอลเสียววูบทุกตอน หึหึ  o18

จัดหน้าอ่านลำบากหรือเปล่าคะ?? ตอนต่อไปไม่รู้เมื่อไหร่ ยังไม่ได้เริ่มเขียนเลย

ออฟไลน์ mind223

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ติดตามๆ  :-[       :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด