- STEP 13 -
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ด้วยความเห็นแก่เงินของผม และความขุ่นเคืองของคุณชาย อีกสามวันถัดมา พี่เพิร์ลก็ส่งรายละเอียดและกำหนดการถ่ายแบบเข้าอีเมล์ผม โชคดีที่เป็นช่วงก่อนผมสอบประมาณสองอาทิตย์พอดี เลยไม่ต้องพะวงเรื่องอ่านหนังสือ ที่ทุกเล่มยังคงนอนรอผมอย่างสงบ
คุณชายเขาอารมณ์เสียและหงุดหงิด เพราะเรื่องที่ผมตกลงจะถ่ายแบบยิ่งกว่าคนวัยทองอีกครับ ส่วนผมก็ลัลล้าเพราะดวงการเงินกำลังดี มีแววรับทรัพย์มาแต่ไกล เรียกว่าอยากแขวะอยากกัดก็เชิญ ผมอารมณ์ดีไม่โกรธ ไม่ถือสา ไม่หาเรื่อง
“คนกำลังจะเป็นนายแบบนี้ต้องอารมณ์ดีทุกคนเหรอ”
คำพูดฟังดูธรรมดา แต่หน้าตาคนพูดนี่อารมณ์บ่จอยมากครับ เหมือนกับท้องผูกมาแรมเดือน แต่คนอารมณ์ดีมีหรือจะถือสา
“จะขอลายเซ็นไว้ก่อนไหมล่ะ?” ผมถามด้วยความปรารถนาดี
“ไม่ต้องหรอก เพราะคงมีโอกาสได้เป็นนายแบบแค่งานเดียว”แม่ง...ดับฝันซุปตาร์ครับ
“คราวหลังก็จับขังอยู่บ้านเลยสิ”
“อย่าปากดี ถ้าทำจริงแล้วอย่ามาร้องละกัน”
แม่ง...สรุปแล้วผมคบอยู่กับคนโรคจิตอยู่เหรอครับ แถมช่วงนี้คุณชายเขาว่างเว้นจากการทำโปรเจค เพราะส่งงานเรียบร้อย ตามประกบผมอย่างกับเหาฉลามเลย
“จับล่ามโซ่เลยดีไหมเนี่ย?” ผมประชดนะครับ แต่คุณชายเขาบอกว่า
“ความคิดดีเหมือนกันนี่ จะรับไว้พิจารณาก็แล้วกัน”
ตกลงนี่มึงเป็นพวกซาดิสต์เหรอวะพี่เภา ถ้าใช่โปรดแจ้งล่วงหน้า กระผมจะได้ถอยห่างทัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและพรหมจรรย์
“หึหึ กลัวเหรอ หน้าซีดเชียว”
แม่ง...กวนตีนหว่ะ ยังมีหน้ามาล้อเลียนผมอีกนะ ซักวันเถอะ ผมจะเอาคืน มันต้องมีซักวัน...
ส่วนเรื่องสถานที่ถ่ายแบบก็ต้องเป็นห้องตัวอย่าง คอนโดที่พี่เพิร์ลรับผิดชอบอยู่ครับ พี่เพิร์ลเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจมาจากอเมริกา และทำงานตำแหน่งโปรเจค เมเนเจอร์ที่บริษัทของป่าป๊า ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ สวยและเก่งแบบนี้ ทำไมยังไม่มีแฟนอีกหนอ?
อีกเรื่องหนึ่ง พี่เจตน์เขาเพิ่งจะนัดซ้อมดนตรีทุกวันอังคารกับพฤหัสตอนเย็น ซ้อมกันจนถึงหนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบ ตอนผมบอกคุณชายเขาก็ทำหน้าดุอีกแล้วครับ ผมเลยประชดซะเลย
“ตามไปเฝ้าทุกวันเลยเอาไหม”
ใครจะไปรู้...ผมแค่ประชด แต่คุณชายเขาปฏิบัติจริง เข้าคติ...พูดจริงทำจริง
.
.
.
ทั้งที่ห้ามสารพัดจะห้าม ทั้งที่ทำหน้าไม่พอใจตอนผมตอบตกลง ทั้งที่ไม่อยากให้ผมถ่ายแบบ แต่...
พอถึงวันจริง คุณชายตื่นก่อนผมอีกครับ!! บ้าเห่อหว่ะคนเรา ทำเป็นไม่เร่งผม แต่ก็แค่เดินออกจากห้องไปก่อน ให้ผมต้องรีบ เห่อแบบเนียนๆชัดๆเลย
ห้องตัวอย่างที่เรามาถ่ายกัน สวยและมีสไตล์มาก พี่เพิร์ลบอกว่าโครงการที่ขายพร้อมตกแต่งครบเลย เรียบง่าย แต่มีสไตล์ดีครับ เหมือนกับชุดถ่ายแบบที่คอสตูมจัดมาเลย...เรียบง่ายแต่มีสไตล์
“เปลี่ยนชุดเร็วน้องแอล พี่อยากเห็นจะแย่แล้ว”
ผมดูชุดที่พี่เพิร์ลส่งมาให้ผม เสื้อสีครีมทำจากผ้าวูลตัวใหญ่ ที่พอผมสวมแล้วยาวเกือบถึงหัวเข่าทันที กับกางเกงสีน้ำตาลเข้มขนาดพอดีตัว พอสวมเข้ากับรองเท้าบูทสีครีมแล้วก็...
“โคตรน่ารักเลยแอล!!” พี่เพิร์ลร้องกรี๊ดกร๊าดแล้วรีบปราดเข้ามาดูผมทันทีครับ ส่วนคุณชายที่นั่งเล่นไอแพด เงยหน้ามามองเล็กน้อยก่อนจะชะงักค้าง
ผมเลยหันกลับไปมองตัวเองในกระจก...น่ารักไปหรือเปล่าวะ? มันดูยูนิเซ็กซ์มาก คือมองไม่ออกเลยว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มันเป็นความก้ำกึ่งระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เรียกว่าอยู่ที่คนจะมองกันเลย
“มานั่งแต่งหน้าทำผมเร็วน้องแอล” พี่เพิร์ลแปลงร่างเป็นผู้กำกับครับ กำกับทุกอย่างเลย
“ต้องแต่งหน้าด้วยเหรอพี่เพิร์ล ผมเป็นผู้ชายนะ”
“โอ๊ย...สมัยนี้ผู้ชายหรือผู้หญิงเขาก็แต่งกันหมด ไม่มีแบ่งแยกเพศแล้วน้องแอล แต่แค่ไม่ได้ฟูลออพชั่นแบบผู้หญิงก็เท่านั้นเอง”
สุดท้ายผมก็เลยต้องมานั่งแหมะ และมีคนมามะรุมมะตุ้มรอบตัวผม เหลือบมองคุณชายที่นั่งเล่นไอแพด ก็เห็นคอยมองเป็นระยะ หึ...นึกว่าจะเมิน แน่จริงอย่าหันมามองสิ
“คุณเพิร์ลคะ น้องผิวดีมากเลย ขาวเนียน เห็นเลือดฝาด รูขุมขนก็ไม่มี พี่ล่ะอิจฉาชะมัด”
“ทำสีผมด้วยเหรอน้องแอล สีสวยจัง”
ผมเหลือบตามองผมสีน้ำตาลอัลมอนด์ของตัวเอง ชอบมีคนนึกว่าผมทำสีผมอยู่เรื่อยเลย ความจริงแล้วที่บ้านผมก็มีผมสีนี้กันหมด เหมือนเป็นมรดกจากคุณย่า
“เปล่าฮะ สีธรรมชาติเลยครับ”
พอแต่งหน้าทำผมเสร็จผมก็แทบหงายหลังตกเก้าอี้ หน้าผมถึงจะดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็ดูรู้ว่าแต่งหน้า ก็ดูแก้มผมสี...เลือดฝาดซะยังกับเพิ่งออกกำลังกายมา แต่พี่เพิร์ลก็บอกว่า
“เวลาถ่ายรูปมันจะดรอปลงมาอีกน่ะแอล ไม่น่าเกลียดหรอก พี่รับประกัน”
ส่วนผม...ทั้งเซตทั้งยีจนเหมือนนักร้องเกาหลีเลย แต่ผมว่ามันดูยุ่งๆเหมือนเพิ่งลุกจากเตียงนอนมากกว่านะ กำลังยืนส่องกระจกก็ต้องชะงัก เพราะบางคนเขาถือวิสาสะมายืนซ้อนหลังผม แล้วก็...
“ยิ้มเร็ว...รูปคู่รูปแรกเลยนะเนี่ย หึหึ”
คุณชายเขาหยิบไอโฟนขึ้นมาถ่ายรูปครับ ถ่ายอยู่หลายช็อต แต่มีรูปคู่แค่ผมกับคุณชาย พอจะถ่ายกับพี่เพิร์ลหรือทีมงานคนอื่น คุณชายเป็นต้องขอมีส่วนร่วมทุกรูป
“งกมากนะแก ซักวันฉันจะเอาไปซ่อน” พี่เพิร์ลบ่นอุบอิบ เพราะโดนขัดจังหวะตลอด
นั่งถ่ายรูปเล่นรอเขาเซตฉากกันอยู่ซักพัก ทีมงานก็ต้องรีบเข้ามาซับเหงื่อกับเติมหน้าผมเป็นพัลวัน เพราะผมเล่นถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ไปทั่วจนเหงื่อออก เดือดร้อนพวกพี่ทีมงานเขาอีก เป็นนายแบบนี่ก็ไม่สบายเท่าไหร่เลยนะครับ ผมหันไปมองบางคนก็ต้องตกใจ...
“เฮ้ย!! เอามาด้วยเหรอเนี่ย”
ก็สงสัยอยู่ว่าเอากระเป๋าใบใหญ่มาทำไม เมื่อกี้แค่เอาไอโฟนถ่ายรูป ตอนนี้คุณชายเขาเล่นงัดDSLRขึ้นมาเลยครับ เออ...เอาเข้าไป ถ่ายมันทุกช็อต เป็นปาปาราซซี่เหรอไงเนี่ย
“จะถ่ายไปทำอะไรเยอะแยะเนี่ย” ผมถาม เพราะพี่แกเล่นกดชัตเตอร์รัวเลย
“มีกฎห้ามถ่ายรูปแฟนตัวเองด้วยเหรอ”
.
.
.
พี่เพิร์ลเขาวางคอนเซปต์ที่จะถ่าย ว่าจะถ่ายสองฉาก ห้องนอนและห้องนั่งเล่น โดยเริ่มจากห้องนั่งเล่นก่อน ถ้าเป็นห้องจริงจากหน้าต่างก็จะมองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยา แต่เนื่องจากเป็นห้องตัวอย่าง เลยรูดม่านที่เป็นซับสีขาวมาบดบังเสาเข็มและเครน
“น้องแอลครับ ยืนพิงหน้าต่าง แล้วก็มองออกไปข้างนอก ทำท่าปล่อยอารมณ์นะครับ”
ท่ายากซะด้วย...ท่าปล่อยอารมณ์เนี่ย ผมลองทำตามที่คิดว่าน่าจะใช่ แต่พี่ตากล้องดันบอกว่า
“เอ่อ...น้องแอลครับ อันนั้นเขาเรียกเหม่อครับ”
“อ้าว แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับพี่”
พี่ตากล้องทำหน้าตลกขึ้นมาทันที เพราะพี่แกก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน
“น้องแอล ลองมองเหมือนกำลังมองหาอะไรซักอย่าง แต่ไม่ต้องเพ่งนะ แบบมองไปเรื่อยๆ แต่มีจุดหมายน่ะ ลองดูนะ” พี่เพิร์ลส่งยิ้มหวานตบท้ายให้ผมอีกที
เอาวะ...จากหน้าต่างนี่ ถ้าผมมองทะลุออกไป...ผมจะเห็นคุณป๋า คุณแม่ พี่เอฟ เอส แล้วก็อาร์ที่อยู่อเมริกาหรือเปล่า ทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่...
แช๊ะ!!
“เยี่ยมมากน้องแอล คิดถึงน้องชายพี่หรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่าครับ” ผมตอบแล้วก็ยิ้ม แต่คุณชายหน้าตึงทันที
พอเดินมานั่งพัก ระหว่างรอถ่ายฉากต่อไป เลยพูดขึ้นมาแบบไม่เจาะจงว่าพูดกับใคร คนฟังเค้าคงรู้ตัวเอง
“คิดถึงคุณป๋ากับคุณแม่นี่ผิดด้วยเหรอ...”
.
.
.
ฉากที่สองเป็นห้องนอน พี่เพิร์ลบอกไว้ก่อนแล้วครับ แต่...ทำไมต้องเป็นเตียงนอนด้วยวะครับ ขนาดคุณชายมันยังคิ้วกระตุกเลยครับ ตอนที่พี่ตากล้องเขาบอกว่าจะถ่ายบนเตียงนอน
“ฉากนี้ไม่อนุมัติ ไป...กลับบ้านกัน!!” คุณชายแกคว้ามือผมจูงจะลากกลับบ้านท่าเดียวเลยครับ
เดือดร้อนพี่เพิร์ลต้องรีบเข้าไม่ไกล่เกลี่ยกึ่งข่มขู่
“แกอย่ามาบ้านะเภา เดี๋ยวงานฉันเสียหมด แค่ถ่ายบนเตียงเองทำเหมือนเพิ่งตื่นนอนเนี่ยนะ”
“อ้าว...” ร้องประสานเสียงกันเลยครับ หน้าแตกดังเพล้ง
“ถ่ายบนเตียง ผมก็นึกว่าถ่ายแบบเซ็กซี่น่ะสิพี่เพิร์ล”
พี่เพิร์ลหัวเราะคิกคักก่อนจะบิดแก้มผม ง่ะ...เจ็บนะครับพี่สาว อย่าถือสาคนไม่เคยครับ ผมเป็นมือใหม่ต้องวิตกกังวลล่วงหน้าบ้าง
พี่ตากล้องเห็นบรรยากาศเริ่มคลี่คลาย ถึงค่อยกล้าอธิบายคอนเซปต์ ท่าทางแกดูกลัวผู้ปกครองผมน่าดูครับ แหม...ก็เล่นจ้องไม่วางตา จนพี่ตากล้องเขานึกว่าผมพาพ่อมาคุม หวิดจะยกมือไหว้กันอยู่หลายรอบ
“จะเป็นอารมณ์แบบเพิ่งตื่นนอนยามเช้าน่ะครับ ทำหน้าง่วงปนเคลิ้มนะครับน้องแอล”
“หน้าง่วงนี่ผมถนัดเลยครับ ส่วนเคลิ้มนี่เคลิ้มหลับใช่ไหมครับ”
บนเตียงนอนสีขาวหนานุ่ม มีหมอนหลายใบถูกจัดวางระเกะระกะ พร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เกือบเท่าตัวผม เห็นแล้วอยากกระโดดเข้าหาเลยครับ
ผมต้องนั่งกอดตุ๊กตาหมี มีผ้าห่มคลุมครึ่งตัวล่าง รอบข้างคือหมอนเกือบสิบลูกที่วางกระจัดกระจาย ก้มหน้าลงเรียกความง่วงเล็กน้อย พอเงยหน้าเข้ามาก็มองกล้องครับ
แช๊ะ!!
“อ๊าย...รูปเมื่อกี้ว่าเยี่ยมแล้วนะ เจอรูปนี้นี่ ฉันล่ะอยากจะลงไปนอนดิ้น” พี่เพิร์ลเริ่มกรีดร้อง “คนหรือลูกแมวเนี่ยน้องแอล ให้ทำหน้าง่วงนะ ไม่ใช่ทำหน้าอ้อน เภา...เดี๋ยวเจ๊ขอกลับบ้านนะ”
“ไม่ได้!! ของเภา!!” เต็มปากเต็มคำเลยนะพ่อคุณ
คุณชายครับ ดูรูปแล้วจะหน้าแดงทำไมครับ ผมรีบผุดลุกจากเตียงไปชะโงกหน้าดู ก่อนจะอ้าปากค้าง...
ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าวูลตัวใหญ่ นั่งกอดตุ๊กตาหมีจนแทบจะจมหายไป ช้อนตามองกล้อง เผยอริมฝีปากนี่...ไม่ใช่ผมใช่ไหมครับ หน้าโคตรขี้อ้อนเลย
“เห็นแล้วมันน่า...”
“น่าอะไร!!” ผมหันขวับไปถามคนพูด ที่มายืนพูดเสียงทุ้มพร้อมกลิ่นอาร์มานี่ โค้ดประจำตัว
คนถูกถามยืนยิ้มกริ่มครับ ไม่พูดไม่จา แต่ดวงตานี่สิ...จะพราวระยับไปไหนฮะ คิดอะไรทะลึ่งชัวร์ป๊าบ
.
.
.
“คอนเซปต์เจ๊แต่ละอันนี่นะ น่าให้มาถ่ายเองจริงๆเลย เอาแฟนน้องมาปู้ยี่ปู้ยำ”
“ฉันถ่ายเอง ก็ไม่น่ารักเหมือนน้องแอลหรอก หรือแกจะเถียง”
“เออ! ไม่เถียง”
ผมที่กำลังจะเดินไปเปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดเดิมหัวเราะออกมา เห็นแล้วก็คิดถึงพี่น้องของตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย แต่ผมกับพี่เอฟไม่ได้กัดกันหรอก ถ้าเป็นเอสกับอาร์ก็ว่าไปอย่าง
“น้องแอล จะเปลี่ยนชุดแล้วเหรอ ใส่กลับไปเลยก็ได้นะ ยังไงพี่ก็ยกชุดนี้ให้อยู่แล้ว”
ผมก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่อย่างลังเล แต่ก็มีคนช่วยตัดสินใจแทนให้
“ไม่ต้องเปลี่ยนกลับหรอก ใส่อย่างนี้ก็ดูดีอยู่แล้ว”
คุณชายเขาว่าไงก็ว่าตามกัน ไม่อยากจะขัดใจมาก เห็นว่าขัดใจเรื่องใหญ่ ที่ริอาจตกปากรับคำพี่เพิร์ลมาถ่ายแบบแล้วหรอกนะ
ผมนั่งรอพี่เพิร์ลจัดการเรื่องเช็คให้ ก็เห็นคุณชายเขาไปป้วนเปี้ยนอยู่กับพี่ตากล้อง พอเดินเข้าไปถามก็ได้ความว่า
“น้องเภาเขาขอไฟล์ภาพที่พี่ถ่ายน้องแอลทั้งหมดน่ะครับ”
เอิ่ม...หน้าร้อนเลยครับผม พอสบตาคนขอก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี แล้วเดินถอยกลับมานั่งที่เดิม หึ...ไม่อยากให้ถ่าย แต่พอถ่ายเสร็จดันไปขอไฟล์เขาทุกไฟล์ จะเอาไปทำโฟโต้บุ๊คหรือครับคุณชาย
“เอ้า...น้องแอล นี่เช็คจ๊ะ แต๊งกิ้วมากเลยนะ”
พี่เพิร์ลเดินเอาซองขาวที่ข้างในมือเช็คมาให้ผม ผมเลยรีบยกมือไหว้ขอบคุณทันที
“แล้วจะขึ้นบิลบอร์ดเมื่อไหร่ฮะพี่เพิร์ล ผมจะได้เตรียมตัวหลบหน้าเพื่อนทัน”
“อีกประมาณหนึ่งเดือนน่ะ ยังไงเดี๋ยวพอรู้กำหนดแล้วพี่จะรีบโทรบอกแอลเลย เพราะคนแถวนี้คงนั่งไม่ติดแน่นอน” พูดไปพี่เพิร์ลก็เหล่น้องชายตัวเองไป
“ยังไงวันนี้พี่ก็ขอบคุณน้องแอลมากเลยนะ ไว้คราวหน้ามีอีก จะเรียกใช้บริการอีกนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องเลย!!”
เปล่าครับ ผมไม่ได้พูด คงไม่ต้องบอกใช่ไหมครับ ว่าใครเป็นคนพูด
.
.
.
เรื่องที่ผมไปถ่ายแบบมายังถูกปิดเป็นความลับอยู่ แอบเสียวอยู่เหมือนกันว่า เรื่องแดงเมื่อไหร่ ชีวิตสงบสุขของผมคงจะหายไปอย่างแน่นอน
ส่วนวันนี้ ผมก็จะมาซ้อมดนตรีกับพวกพี่เจตน์กันเป็นวันแรก ห้องซ้อมอยู่แถวมหาลัยครับ ก็สะดวกดี ไปมาสะดวกดีด้วย ที่มากันก็มีพี่เจตน์ พี่คราม พี่บอส เวย์ นิหน่า ผม และ...พี่เภาครับ
ตอนแรกผมบอกว่ามากับเวย์ก็ได้ แล้วค่อยมารับผมกลับ แต่คุณชายเขาก็ไม่ยอม ดึงดันจะมาส่งผมด้วยตัวเองให้ได้ แถมยังแวะซื้อเสบียงเหมือนกับจะมาปิกนิกอีกต่างหาก นิหน่าแม่งสะกิดผมใหญ่เลย พอผมถามว่ามีอะไร มันดันตอบว่า
“ถามพี่เภาซิ ว่ารับกูเป็นชู้ไหม โคตรดูแลมึงเลยหว่ะแอล กูอิจฉา”
“ทำไมมึงไม่ถามกู ว่ายินดีแบ่งให้มึงไหม” หึหึ แบบนี้มีคนเดียวครับ หายไปจะไปหาใหม่ได้ที่ไหน
ผมหันไปมอง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เภายื่นนมกล่องที่เจาะแล้วมาให้ผม แล้วก็ยิ้มให้อีก เฮ้ย...อย่ายิ้มมากได้ไหมเนี่ย แค่นี้ผมก็จะละลายอยู่แล้วนะ แต่พอพี่เภามาด้วย พี่เจตน์เลยไม่ค่อยกล้าเล่นหัวผมเท่าไหร่ เพราะเกรงใจและเกรงสายตาพี่เภา จนพี่เภาต้องบอกว่า
“ทำเหมือนเดิมเถอะเจตน์ ตราบใดที่นายยังไม่ได้คิดกับแอลมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง”
แปลไทยเป็นไทยได้ว่า...ถ้าคิดมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องเมื่อไหร่ ให้รีบถอยไปให้ไกล ก่อนที่พี่เภานั้นไซร้จะยำตีนเอย
พี่เภากับนิหน่านั่งดูอยู่มุมห้อง พวกผมก็เข้าประจำที่ พอพี่เภาอนุญาตให้เหมือนเดิมปุ๊บ พี่เจตน์แม่งก็มึงมาพาโวยกับผมเหมือนเดิม กลับไปเกรงใจแฟนผมต่อเถอะพี่เจตน์
เราเริ่มจากเพลงง่ายๆ เพื่อดูแนวการเล่นของแต่ละคน และจับจังหวะกันก่อนครับ ไอ้เวย์ก็ยังหล่อเทพ เสียงดีเหมือนเดิมซะจนน่าหมั่นไส้
“วันจริงจะเล่นกันกี่เพลงอ่ะพี่เจตน์”
“สาม หรือว่าห้าดีวะ?? มึงว่ายังไงล่ะเวย์ มึงเป็นนักร้องนี่ พวกกูได้หมดอยู่แล้ว”
ไอ้เวย์ที่กำลังร้องเพลงอยู่ชูห้านิ้วแทนคำตอบ พวกเราทุกคนเลยตกลงกันตามนั้น ซ้อมไปได้สองเพลงก็ลงมานั่งพักกัน พี่เภาแกก็สมกับเป็นพี่โตสุด จัดการโทรสั่งพิซซ่ามาส่งที่ห้องซ้อมเสร็จสรรพ เป็นไงครับแฟนผม หึหึ เต็มปากเต็มคำเลยนะกู ขอยืดหน่อย เพราะทุกคนมองพี่แกด้วยสายตาชื่นชมกันใหญ่ พี่เจตน์ถึงกับบอกว่า
“มาเฝ้าไอ้แอลมันบ่อยๆนะครับพี่ พวกผมยิ่งไม่ค่อยมีตังค์กินข้าวกันอยู่”
พี่เภาหัวเราะหึๆ แต่ไม่พูดอะไร พอคบกันมาซักพักก็เห็นได้ชัดเลยว่าพี่เภาเป็นคนช่างสังเกต แต่บางทีก็มากเกินไปจนน่ากลัว เล่นสังเกตว่าใครชอบผมหรือมีแนวโน้มว่าจะชอบผมบ้าง อย่างที่เอาแต่คอยมองเวลาพี่ครามเข้าใกล้ผม เคลียร์กันตัวๆเลยดีไหม
พอพิซซ่ามาส่งเราก็นั่งกินกันไปคุยกันไป เป็นที่เฮฮาสนุกสนาน ขนาดสาวน้อยหนึ่งเดียวอย่างนิหน่า ยังเฮไหนเฮนั่น สมกับเป็นสาววิศวะ แต่มีอยู่คนที่วันนี้ดูเงียบผิดปกติ...พี่ครามครับ ผมเห็นพี่เจตน์กับไอ้เวย์ไม่พูดอะไร ผมก็เลยไม่กล้าเอ่ยปากถามด้วยเหมือนกัน
แต่จู่ๆ...พี่ครามแกดันคิดอะไรของแกไม่รู้ เกิดอยากสังหารหมู่ทุกคนขึ้นมา ก็พี่แกเล่นเดินไปจับไมค์ จะร้องเพลงผมไม่ว่าครับ แต่ทำไมพี่ต้องร้องเพลง...
‘อยากให้เธอหลายใจ’ ด้วยครับ พ่อผมจะงับหัวผมอยู่แล้ว เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่ ตอนนี้หน้าเหี้ยมมากครับ
...อยากให้เธอหลายใจ เราจะได้รักกัน
แค่ฝันกลางวัน ว่าเธอจะรักฉันบ้างสักนิด
ถ้าหากเธอหลายใจ เป็นฉันได้หรือเปล่า
ที่เธอจะคิด แบ่งใจเธอสักนิดมาให้ฉัน...เออดี! ร้องวนแม่งอยู่ท่อนเดียวนะไอ้พี่คราม ถ้าผมโดนคนแถวนี้ฆ่าหั่นศพใครจะรับผิดชอบวะ แล้วร้องอย่างเดียวไม่พอ มองมาที่กูอีก เอาเข้าไป
ไอ้พี่เจตน์กับพี่บอสมองหน้ากันเลิ่กลั่กเลยครับ สงสัยคงคิดว่า...ซวยแน่แล้วกู นิหน่าก็นั่งกินขนมปังกระเทียมไม่พูดอะไร ส่วนไอ้เวย์ก็นั่งเงียบ บรรยากาศมาคุโคตร ไอ้พี่ครามแม่งก็ช่างกล้าหยามพี่เภา
“ร้องเสร็จแล้วใช่ไหม? มีอะไรจะพูดหรือเปล่า”
งึ่ก...เสียงพี่เภาแม่งเย็นเจี๊ยบมากอ่ะ เหมือนหมีขาวหลุดมาจากขั้วโลกเหนือเลย แถมยังบีบมือผมแน่นจนเจ็บอีก
“น้องแอลมีกี่ใจครับ”
ไอ้เชี่ยพี่คราม โยนระเบิดมาทำไมวะเนี่ย พี่เภาถามมึง มึงก็ตอบไปสิ จะมาถามกูต่อเพื่อ ผมเลยรีบหลับหูหลับตาชูหนึ่งนิ้วให้ทันที นิ้วชี้นะครับ อย่าเข้าใจผิด บอกไปเลยว่าผมมีใจเดียว
ไอ้พี่เจตน์คงกลัววงดนตรีที่วางแผนเอาไว้จะล่มไม่เป็นท่า เลยรีบไกล่เกลี่ยสมานฉันท์ ก่อนที่เพื่อนรักจะทำทุกอย่างพังพินาศ โดยมีน้องรักเป็นต้นเหตุ แต่พูดตรงๆนะ ผมโคตรเกลียดสถานการณ์น้ำเน่าแบบนี้เลย ทุเรศตัวเองเหมือนกันหว่ะ เกิดมาเป็นผู้ชาย แล้วต้องมาโดนผู้ชายด้วยกันแย่งเนี่ย
“เอ่อ...พี่เภาครับ...ไอ้ครามมันก็ร้องเพลงของมันไปเรื่อยเปื่อย มันไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ”
ผมเหลือบตามองไอ้เวย์ หวังจะข้อความช่วยเหลือ ก็แทบจะกระโดดถีบขาคู่ใส่มัน สถานการณ์กำลังตรึงเครียด หวิดจะกลายเป็นสงครามเย็น มึงนั่งกลั้นหัวเราะทำเตี่ยมึงเหรอเวย์ ไอ้ห่านี่แม่ง...ชอบเหลือเกินนะเรื่องสนุก คนเขาจะเครียดกันตายห่าอยู่แล้ว
“มึงจะเอายังไงมึงว่ามาเลยดีกว่าคราม กูไม่อยากอ้อมค้อม”
ถ้าจะถามอย่างนี้นะพี่เภา มึงไม่ลากกันออกไปต่อยข้างนอกเลยหล่ะ ไอ้เวย์ยื่นหน้ามากระซิบข้างหูผมว่า
“เป็นกู กูก็ขอเคลียร์แบบที่พี่เภากำลังทำอยู่หว่ะ เอาให้รู้เรื่องกันไปเลย ว่าจะเอายังไงกันแน่”
ผมว่าเคลียร์กันไปเลยก็ดีเหมือนกันครับ เพราะเรื่องผมกับพี่เภาเขาก็รู้กันค่อนมหาวิทยาลัยแล้ว อย่างพี่ครามก็น่าจะรู้ มาเปิดอกกันเลยดีกว่า ว่าพี่ครามจะเป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพต่อไป หรือจะต้องเลิกคบกันไปเลย
แต่ไอ้พี่ครามมันคงไม่เข้าใจสถานการณ์ มันถึงได้โพล่งออกมาว่า
“พี่ชอบแอล”เหยด!! หาหลุมหลบภัยด่วนครับพี่น้อง
กูให้มึงเคลียร์ตัวเองกับพี่เภาครับ ไม่ใช่มาสารภาพรักกับกู!!- END STEP 13 –
ไม่ถนัดบทบู๊และต้มมาม่าไม่เก่ง ขออภัยหากไม่ได้เสพมาม่าและบทบู๊
น้องแอลถ่ายแบบไปเรียบร้อยแล้ว แต่รอตื่นเต้นตอนออกอากาศดีกว่าเนอะ
ส่วนน้องจีน เดี๋ยวมาวางมวยกับพี่เวย์ต่อแน่นอนค่ะ ตอนนี้กำลังฟิตซ้อมอยู่
* นี่เป็นการเขียนผ่านมุมน้องแอล น้องแอลไม่รู้เนอะ ว่าพี่เภาคิดอะไรอยู่
อาจจะคิดเยอะหรือคิดน้อยก็ได้ หึหึ *
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกการติดตามนะคะ