- STEP 14 –
“มึงพูดอีกทีซิ คราม”ตอนนี้พี่เภาลุกขึ้นมายืนจ้องหน้าพี่ครามแล้ว ไอ้เวย์เลยรีบลุกตามมาประกบพี่เภาทันที พี่ครามแม่งก็กล้าเกิน จ้องตาพี่เภาก่อนจะพูดช้าชัดอีกรอบ
“ผมชอบแอล”“แล้วมึงรู้หรือเปล่า ว่ากูกับแอลเป็นแฟนกัน”
ผมจะหน้าแดงทำไมวะเนี่ย มันใช่เวลามาเขินเหรอ นี่มันกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน พี่เภามันจะพุ่งเข้าไปซัดพี่ครามตอนไหนก็ไม่รู้ แต่...หุบยิ้มไม่ได้จริงๆหว่ะ
“มึงหยุดยิ้มก่อนได้ไหมแอล พี่ชายกูจะแดกหัวพี่รหัสกูแล้วนี่” ไอ้เวย์มันกระซิบเสียงเครียด
“มึงกล้ามากนะ ที่บอกชอบแฟนกูต่อหน้ากูเนี่ย”
“หรือพี่อยากให้ผมไปบอกลับหลังพี่”
พี่ครามมันก็พูดถูกนะ นี่อุตส่าห์มาบอกต่อหน้า ให้ไปบอกลับหลังคงไม่ดีเท่าไหร่ ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยวะคนเรา คนเขาอุตส่าห์มาคุยแบบแมนๆ เอ่อ...กูชักจะเกรียนมากไปละ
เหลือบตามองพี่เภา ก็เห็นกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ดูก็รู้ว่ากำลังข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ คงเพราะเกรงใจพี่เจตน์กับพี่บอสด้วย ผมเลื่อนมือตัวเองไปวางไว้บนมือพี่เภา พอพี่เภาปรายตามามองผม ผมก็รีบส่งยิ้มให้ทันที ก่อนจะบีบกระชับมือพี่เภาแน่นขึ้น
“ผมแค่อยากบอกให้แอลรู้ ถ้าบอกออกไปผมจะได้สบายใจ ว่าอย่างน้อยผมก็ทำดีที่สุดด้วยการบอกไปแล้ว ถึงแอลจะตอบรับหรือไม่ตอบรับก็ไม่เป็นไร และถ้าบอกต่อหน้าพี่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
พี่เภาผ่อนลมหายใจยาว แล้วก็หันมาบอกพี่ครามเสียงกร้าว
“กูอนุญาต...ให้มึงคิดได้อย่างเดียว ถ้ามึงทำมากกว่าคิดเมื่อไหร่ กูไม่ปล่อยให้มึงได้ยืนพูดเฉยๆเหมือนวันนี้แน่”
“ผมขอดูแลแอลต่อไปได้ไหม...
ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง” พี่ครามรีบพูดประโยคสุดท้าย เมื่อเห็นตาพี่เภาเริ่มกระตุก
“ได้ รักษาคำพูดด้วยล่ะ กูรู้ว่ามึงเป็นลูกผู้ชายพอ”
“ครับ ส่วนเรื่องเมื่อกี้ก็ขอโทษด้วย ถ้าผมทำให้รู้สึกแย่ แต่พี่เภาคบกับแอล พี่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะ ว่าไม่ได้มีแค่พี่กับผมที่ชอบแอล ผมอาจจะเข้าใจและยอมถอย แต่คนอื่นไม่แน่เสมอไปหรอก”
“กูรู้อยู่แล้วล่ะ”
“แต่ถ้าพี่เภาดูแลน้องแอลไม่ดีเมื่อไหร่ พี่ครามยินดีปลอบใจเสมอนะครับ” พี่ครามแม่งทะเล้นเกิน
“สรุปคือมึงอยากให้กูต่อยหน้ามึงให้ได้เลยใช่ไหมคราม??” พี่เภาถามเสียงยะเยือก หนาวเลยกู...
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของพี่เภา ก่อนที่การซ้อมวันแรกจะจบลง ท่ามกลางความสบายใจของสองฝ่าย พี่ครามส่งยิ้มมาให้ผม ส่วนหนึ่งเองก็น่าจะเป็นเพราะ ยังไงพี่ครามก็เป็นพี่รหัสไอ้เวย์ คงไม่อยากมีปัญหาตามกันมาทีหลัง แต่ประโยคที่พี่ครามทิ้งท้ายนี่สิ
“พี่ยอมรับนะว่าชอบแอล แต่พี่คงทำไม่ได้ขนาดพี่เภาหรอก เนี่ยแหล่ะที่เขาเรียกว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”
.
.
.
ตลอดทางบนรถมีแต่ความเงียบ จนผมเองยังรู้สึกกดดัน นั่งหน้ามึนอยู่นาน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่...รถเบนซ์ SLK มาจอดอยู่ตรงลานจอดรถของคอนโดหรูย่านสุขุมวิท
ผมขมวดคิ้วมองคอนโดตรงหน้าสลับกับเจ้าของรถ และเหมือนเจ้าตัวก็เหมือนจะรู้ ถ้อยคำที่หลุดออกมาถึงสั่นคลอนหัวใจผมอย่างแรง
“คืนนี้นอนที่นี่นะ...ได้ไหม? สัญญาจะไม่ล่วงเกินอะไร” เสียงทุ้มต่ำมาพร้อมกับดวงตาเว้าวอน
สุดท้ายผมก็เดินตามต้อยๆจนขึ้นมาถึงหน้าประตูห้องจนได้ ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เพิ่งจะบอกเวลาสองทุ่มเอง ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะเดินตามเจ้าของห้องเข้าไปยังห้องที่คุ้นเคย
“จะอาบน้ำก่อนไหม?”
“ไม่มีชุดใส่นะ”
“เดี๋ยวหาให้”
“ถ้าอย่างนั้นอาบเลยละกัน เหนียวตัว”
เพียงครู่เดียว คุณชายเขาก็หยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาส่งให้พร้อมผ้าเช็ดตัว ผมรับมาแล้วก็รีบเดินเข้าห้องน้ำทันที แม้ว่าสุดท้ายแล้ว...จะต้องมายืนทำตัวไม่ถูกอยู่ในห้องน้ำก็ตามทีเถอะ
ปกติผมก็รู้ดีว่าตัวเองอาบน้ำนาน แต่คราวนี้มั่นใจว่านานกว่าปกติอีก จนแอบคิดไม่ได้ว่า พอออกไปคุณชายเขาจะหลับแล้วหรือยัง ปรากฏว่าตอนออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเจ้าของห้องที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว นั่งเขมือบป๊อปคอร์นไป ดูหนังไปอยู่ตรงโซฟา
“อ้าว...อาบน้ำได้ยังไง”
“ก็อาบห้องน้ำอีกห้องสิ”
ผมผิดเองครับ ลืมไปว่าคอนโดมิเนียมขนาดสองห้องนอนแห่งนี้ ก็มีห้องน้ำสองห้องด้วยเช่นกัน แต่เอ๊ะ...สองห้องนอนเหรอ..
“นอนเตียงเดียวกันได้ใช่ไหม อีกห้องทำเป็นห้องทำงานไปแล้ว เผื่อบางทีอาจจะลืม”
ตอนนี้ที่นี่คือคอนโดมิเนียมหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องทำงานครับ สรุปก็คงต้องเลยตามเลยกับคุณชายเขานั่นแหล่ะ ยังไงพี่เภาเขาก็เป็นฮิตเลอร์กลับชาติมาเกิดอยู่แล้ว
“นึกว่าวันนี้จะต่อยพี่ครามเขาซะอีก”
ผมถามขึ้นมาลอยๆ ตอนนี้ผมกับพี่เภามานั่งเบียดกันอยู่บนโซฟา เพื่อดูหนัง ความจริงคือผมโดนเบียด เพราะผมลงมานั่งทีหลัง แต่เว้นช่องว่างเอาไว้พอให้ได้ขยับ คุณชายก็ขยับเข้ามาเบียดทันที
“อยากให้ทำอย่างนั้นเหรอ?”
“เปล่า แค่คิดว่าจะทำ แต่ไม่ทำก็ดีแล้วนี่”
ผมตอบอย่างที่ใจคิด ถึงจะเคยใช้กำลังตัดสินปัญหา แต่ปกติแล้วผมกับเพื่อนอีกสามคน ถ้าไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำ เราก็ไม่เคยเริ่มก่อนกันหรอกครับ ที่ผ่านมาก็มีแค่...โรงเรียนคู่อริมาหาเรื่องก่อน เห็นคนเดือดร้อนแล้วเข้าไปช่วย แต่จะให้ไประรานใครก่อน พวกผมก็ยังไม่เลวพอ
“พี่ทำใจตั้งแต่ชอบแอลแล้ว ว่าต้องเจอคู่แข่งเป็นร้อย”
“เวอร์หว่ะ”
“เรื่องจริง ไม่เคยรู้ตัวเลยเหรอไง”
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ คุณชายเขาขยับมุมปากเล็กน้อย เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ยิ้ม มือหนาเลื่อนมาวางบนหัวผม ผมเลยถือโอกาสเอาหัวไปวางบนไหล่ เหมือนที่ชอบทำกับพี่เอฟประจำ
“นี่แหล่ะ พวกเวย์ แทน แล้วก็เพียวถึงต้องคอยห่วงเราน่ะ สนใจเรื่องตัวเองบ้าง”
“ถ้ามีเยอะขนาดนั้นก็ไม่อยากจะสนใจหรอก แอลจะไปห้ามความคิด ความรู้สึกใครได้ที่ไหนล่ะ”
“พี่ก็คิดเหมือนแอล พี่ถึงให้ครามคิดต่อไปได้ไง เพราะถ้าพี่จะต้องต่อยทุกคนคนที่มาชอบแอล พี่คงต้องต่อยคนเป็นร้อยคน มือแหกกันพอดี” พี่เภาพูดติดตลกขำๆ ผมเองเลยหัวเราะออกมาเหมือนกัน
พี่ครามเขามีสิทธิ์ชอบผม มีสิทธิ์ที่จะบอกผม แต่ก็แค่นั้นที่ผมให้เขาได้ และก็เป็นขอบเขตเดียวกับที่พี่เภายอมรับได้ ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้น ถึงพี่เภาจะไม่พอใจแค่ไหน พี่เภาก็พยายามที่จะควบคุมอารมณ์
“แย่เหมือนกันแฮะ อุตส่าห์มีความรักกับเขาทั้งที ดันใจตรงกับคนอีกเป็นร้อย สงสัยต้องหาคนที่ไม่มีใครเอา”
“พูดดีไปเถอะ อย่าให้เห็นว่าคบกันไปแล้วมีใครมาทวงคืนแล้วกัน”
“ผมเคลียร์หมดแล้วครับ รับรองไม่มีให้มากวนใจ”
“ให้มันจริงเถอะ”
“ถ้าไม่เชื่อ...เดี๋ยวจูบสาบานเลยเอ้า”เออะ...แล้วคุณจะยื่นหน้ามาซะใกล้ผมทำไมครับคุณชาย ผมรีบยกมือดันหน้าคุณชายออกไป
“ตลกเหอะ จูบสาบานนั่นเขาไว้ทำตอนแต่งงานกัน”
“อยากทำตอนนี้...ได้ไหมครับ...”ไม่มีคำตอบรับ ไม่มีคำอนุญาต...แต่แค่สบสายตาที่มองมาอย่างเว้าวอนและอ่อนหวาน ผมก็เผลอปิดเปลือกตาตัวเองลงช้าๆ รู้สึกถึงฝ่ามือที่เอื้อมมาประคองท้ายทอยของผม
ริมฝีปากอุ่นแตะลงมาอย่างแผ่วเบา คล้ายจะขออนุญาต ก่อนจะอาจหาญบุกรุกเข้ามาอย่างอ่อนโยน แม้ว่าปลายลิ้นของเราสองคนจะเจือด้วยรสชาติของป๊อปคอร์น แต่ทำไม...ผมถึงรู้สึกว่ามันหวานจัง ทั้งที่เรากินป๊อปคอร์นรสเค็มกัน
สัมผัสที่อ่อนหวาน ไม่จาบจ้วง ทำให้ผมเผลอตอบรับไปอย่างไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เพิ่งรู้ตัวว่าเอามือโอบรอบคอพี่เภาเอาไว้แล้ว!!
คุณชายเขาผละออกไปช้าๆ ดวงตาคมหวานเยิ้มจนผมต้องเบือนหน้าหนี แต่เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหู ก็ทำเอาแทบอยากจะมุดตัวหนีลงไปในโซฟาด้วยความอาย
“จูบรสป๊อปคอร์น...หวานจัง”.
.
.
ถ้าคิดว่าจะมีอะไรเกินเลยมากกว่าจูบรสป๊อปคอร์น ขอบอกเลยว่าคิดผิดครับ เพราะถึงจะนอนเตียงเดียวกัน แต่ก็มีเพียงแค่ฝ่ามือที่กอบกุม มอบไออุ่นให้กันตลอดคืน คุณชายเขาบอกว่า...
“ไม่อยากเร่งรัด แต่ถ้าแอลทนไม่ไหวเมื่อไหร่ ให้รีบบอกพี่”
ตลกมากครับคุณชาย แค่ส่องกระจกดูหน้าก็รู้แล้วว่าคนที่ทนไม่ไหวน่ะมันใคร ผมเลยต้องสวนกลับไป
“ใครกันแน่ที่ทนไม่ไหว”
“ถ้าบอกว่าทนไม่ไหว แล้วจะยอมไหม”
“เชิญใช้วิทยายุทธ หัตถาครองพิภพต่อไปเถอะ”
ด้วยเหตุนี้แหล่ะ ผมเลยกลั้นหัวเราะแทบตาย ตอนที่สังเกตเห็นว่า...เช้านี้คุณชายเขาอาบน้ำนานกว่าปกติ สงสัยกำลังฝึกวิทยายุทธที่ผมบอก
ฝึกบ่อยๆนะครับพี่เภา จอมยุทธ์ที่มีฝีมือเขาไม่ชักดาบกันพร่ำเพรื่อหรอก...หึหึ
.
.
.
“เป็นไงมึง เมื่อวานโดนจัดหนักล่ะสิ”
“ห่าเวย์ กูนี่แหล่ะ จะจัดหนักมึง ใครมันจะบ้ากามเหมือนมึงวะ” ผมด่าไอ้เวย์ไปที เชี่ยนี่แม่งลากเข้าเรื่องใต้สะดือได้ตลอด
“หึหึ พูดดีไปเถอะ กูรู้หรอกว่าความจริงพี่เภาแม่งก็อยากต่อยหน้าไอ้พี่ครามเต็มแก่ แต่ยังเห็นแก่มึงอยู่หว่ะ”
“เห็นแก่กู ทำไมวะ?”
“ก็มันดูไม่ให้เกียรติมึงไง เพราะมึงก็ไม่ได้เล่นด้วยกับพี่คราม แต่เชื่อกูเถอะ”
“ว่า...”
“ถ้ามึงเป็นเมียพี่กูเมื่อไหร่นะ มึงอย่าหวังเลยแอล ว่าจะมีใครได้มาบอกชอบมึงอีก พี่กูไม่ปล่อยให้ได้เดินเข้ามาชอบมึงหรอก แม่งร้ายจะตาย เห็นเป็นคนดีก็ตอนอยู่กับมึงนี่แหล่ะ”
“มึงแม่งเวอร์หว่ะเวย์”
ถึงพี่เภาจะดูขี้หวง แต่ผมก็ยังไม่เห็นถึงขั้นที่ไอ้เวย์มันบอก หรือต้องรอเปลี่ยนสถานะอย่างที่มันบอกก่อนจริงๆวะ แต่นั่นก็เหี้ยแล้ว เสียเอกราชกลายเป็นประเทศราชกันเลยทีเดียว
“เอ้า...กูรู้จักพี่กูดี มึงนั่นแหล่ะยังไม่รู้จัก รอมึงเป็นเมียพี่กูเถอะ ไม่ได้เดินกลับไปง่ายๆแบบไอ้พี่ครามแน่นอน” ไอ้เวย์มันทำหน้าขึงขังจริงจังมาก
“เหี้ย...กูเป็นผู้ชาย เป็นเมียใครไม่ได้โว๊ยยย” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้เวย์อย่างเหลืออด
“แล้วกูจะรอดู...” กวนตีนฉิบ
“กูล่ะปลาบปลื้มเหลือเกิน ที่ได้อยู่เป็นสักขีพยานในศึกชิงนาย” นิหน่าที่นั่งฟังผมสนทนาประสาผู้ชายและเก็บข้อมูล(?)อยู่นานเริ่มมีบทพูด
“เมื่อวานมึงไม่ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ดูย้อนหลังเลยล่ะนิหน่า”
“เออ...ถ้าคราวนี้มีบอกกูล่วงหน้านะ กูจะได้เตรียมกล้องวิดีโอมา”
“พ่องสิ กูจะรู้ล่วงหน้าได้ยังไง ไม่ใช่พยากรณ์อากาศกรมอุตุฯนะมึง”
เพื่อนผมมันบ้าบอกันมากครับ ทีเมื่อวานตอนพี่เภาเดือด นิหน่านั่งเงียบกริบ ส่วนไอ้เวย์ที่รู้นิสัยพี่ชายตัวเองดีก็นั่งเฉย ปล่อยผมกระวนกระวายเป็นบ้าเป็นหลัง
เหลืออีกแค่สองอาทิตย์เองครับ พวกผมก็จะต้องเดินเรียงแถวกันขึ้นเขียง มาเสี่ยงดวงกันว่าดวงใครสมพงศ์กับสัตว์ประเภทไหน อยากเลี้ยงมด เลี้ยงนก เลี้ยงแมว เลี้ยงหมาก็ว่ากันไป ตราบใดที่ยังไม่เลี้ยงปลา
และยิ่งเข้าใกล้ช่วงสอบมากเท่าไหร่ นิหน่าจะกลายเป็นสาวฮอตทันที
“นิหน่าคนสวย...” ไอ้เวย์เริ่มป้อล้อ
“นิหน่าคนงาม...” ผมเอามั่งครับ
“เออ! พอจะสอบทีไรนี่ พวกมึงสองคนปากหวานกับกูเหลือเกินนะ”
“เธอคือความหวังของผู้ชายสองคน”
“เธอคือคนที่นำแสงสว่างมาให้เรา”
“พวกมึงพอเหอะ กูเลี่ยน!! เห็นว่าแม่กูสั่งสอนมาหรอกนะ ว่าเกิดเป็นคนสวย ต้องหัดมีน้ำใจ พวกมึงจะให้กูติววันไหน ก็บอกมาละกัน แต่เผื่อเวลาให้กูอ่านทวนด้วยนะ”
“นิหน่า...มึงคือกัลยาณมิตรของกูโดยแท้”
“เพื่อน...กูรักมึงหว่ะ”
ป๊าบ!! นิหน่าตบหัวผมกับเวย์คนละทีให้กับความตอแหล
.
.
.