- STEP 20 -
ไอ้เวย์มันหน้าบูดอย่างกับกินรังแตนมาเลยครับ หลังจากผ่านมาห้าวัน หน้าที่ของมันมีแค่รับส่งน้องจีน เพราะโดนไอ้น้องภามคอยกันท่า ไม่ให้ไอ้เวย์เข้าใกล้น้องจีนเลย จนผมต้องลากน้องภามมันมาถาม
“เฮ้ย! ภาม ไหนบอกว่าจะช่วยน้องจีนกับไอ้เวย์ให้ลงเอยกันไง ทำไมไปกันท่าพวกมันวะ”
“นี่แหล่ะช่วย ช่วยให้พี่เวย์มันคิดได้และรู้ตัวเร็วขึ้นไงล่ะ”
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ จริงของมัน เห็นไอ้เวย์มันยังสับสนอยู่ คงต้องมีตัวเร่งปฏิกิริยาซะหน่อย แต่...มันยังตงิดอยู่อีกเรื่องนะ
“แล้วที่พี่ครามเข้ามาคุยกับจีนบ่อยๆล่ะ ฝีมือแกด้วยหรือเปล่าเนี่ย”
“นั่นมันฝีมือเฮีย ไม่เกี่ยวกับผม เฮียบอกว่ายิงปืนทีเดียวได้นกสองตัว เผื่อพี่เวย์มันจะหึงไอ้จีน แล้วพี่ครามเขาจะได้เลิกมองพี่สะใภ้ผมด้วย”
อืม...แบบนี้พี่น้องกันไม่มีผิดตัวแน่นอน แต่นอกจากที่พี่ครามมันจะมาประกบน้องจีน แล้วยังมีไอ้น้องภามคอยกันท่า ไอ้เวย์เองก็โดนน้องพลอยประกบอีกทอดเหมือนกัน
“ค่ายติวความถนัดกู จะกลายเป็นค่ายจับคู่หาแฟนแล้วเนี่ย” พี่เจตน์มันบ่นเอือมๆ ผมก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ
“เอาน่าพี่เจตน์ ไม่อยากเห็นน้องนุ่งมีความสุขเหรอ อยากได้ซักคนไหมล่ะ ผมจะหาให้บ้าง”
พี่เจตน์รีบโบกมือเป็นพัลวันทันที
“อย่ามายุ่งกับกูเลย เกรงใจหว่ะ มึงจัดการคนรอบข้างมึงให้เรียบร้อยก่อนเถอะแอล”
สรุปว่าทั้งวัน...ผมได้ยินน้องจีนเรียกพี่ครามทุกสิบห้านาที ไอ้เวย์ก็ตาขวางจนไม่สนใจน้องพลอย ร้ายกว่าเดิมก็ตรงที่ตอนเย็น น้องจีนมันดันกลับบ้านกับพี่ครามด้วยนี่สิครับ!!
จีนครับ...จองโลงหรือยังครับ แล้วจะเอากระเพาะปลาหรือข้าวต้มเลี้ยงแขกดีครับ.
.
.
ล่วงเข้าสู่วันจันทร์ของสัปดาห์ที่สอง หรือจะเรียกว่าวันที่หกของค่าย เห็นพี่เภามาส่งผมกับภามแล้วพอรับโทรศัพท์ก็รีบไปทันที ถ้าฟังไม่ผิด รู้สึกว่าพี่เพิร์ลจะเป็นคนโทรมา ผมกับภามเดินกันมาแล้วก็ต้องรู้สึกทะแม่ง เลยรีบหันไปดึงมันให้หยุด
“เฮ้ย! ภาม แกว่าวันนี้พี่มีอะไรแปลกไปหรือเปล่าวะ?”
น้องภามมันกวาดสายตามองดูผมหัวจรดเท้า แล้วก็ยักไหล่
“ปกติ ใส่เสื้อถูกด้าน รูดซิปกางเกงเรียบร้อย ไม่มีผักติดฟัน ขนจมูกไม่แลบ ขี้ตาไม่เกาะ” ที่มันไล่มาแต่ละอย่าง ดีๆทั้งนั้น
“แล้วทำไมมีแต่คนมองวะ?”
ผมสงสัยจริงๆนะครับ ปกติก็มีคนมองบ้างประปราย แต่นี่อะไรวะ...เมื่อเช้า ยามกับพนักงานต้อนรับที่คอนโดก็มอง ป้าที่ร้านขายของก็มอง ทั้งรุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน รุ่นพี่แม่งก็มอง ผมไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลกนะครับ
“คิดมากทำไมพี่สะใภ้ ถ้าอยากรู้ คราวหลังก็ถามไปเลย ว่ามองอะไร” ขอโทษที พอดีกูไม่ได้กร่างเหมือนมึงครับ
น้องที่มาติวมองผมเป็นตาเดียว จนไอ้น้องภามยิ่งเดินประกบผมเข้าไปใหญ่ พี่มันให้ค่าจ้างมาเท่าไหร่วะเนี่ย แล้วคำตอบของทุกสายตาก็วิ่งมากระแทกหน้าผมจังเบ้อเริ่ม
“เดี๋ยวนี้น้องรหัสกูดังใหญ่แล้วนะ อุบเงียบเลยนะมึง”
ผมทำหน้างง แต่ก็ยิ้มตอบพี่เจตน์ไป หันไปมองไอ้เวย์เห็นมันทำหน้านิ่งแล้วมองเมินผมไป เป็นอะไรของมันวะ หรือว่าน้องจีนเป็นแฟนกับพี่ครามไปแล้ว เลวได้อีกนะเนี่ยผม
“ฉันว่ายังไงตัวจริงก็น่ารักกว่าในรูปอยู่ดีหว่ะ” น้องมันซุบซิบกันครับ
“สงสัยคราวนี้พี่เภาลำบากแน่ๆเลยน้องแอล” พี่ครามก็พูดแปลกๆ
ผมกับไอ้น้องภามหันมาสบตากัน มันก็ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันก็เพิ่งมาถึงพร้อมผมนี่แหล่ะ
“เดี๋ยวนะ ผมงงไปหมดแล้ว อธิบายหน่อยได้ไหม”
พี่ครามหยิบมือถือออกมากดยุกยิก แล้วก็ส่งให้ผมดู เออ...พี่ครามถ่ายไอ้ป้ายบิลบอร์ดตรงสยาม ที่มองเห็นจากรถไฟฟ้าทำไมล่ะเนี่ย เอ๊ะ! บิลบอร์ด แล้วไอ้หน้าเคลิ้มๆในรูปนี่มันคุ้นอยู่นะ
เหี้ยแล้ว!! ไหนพี่เพิร์ลบอกว่าจะบอกผมก่อนไงครับ.
.
.
“กูยกลูกชิ้นของโปรดให้มึงเลยนะเวย์...อ่ะ”
“เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงมึงด้วยเลยเวย์”
“มึงอยากกินของหวานอะไรไหมเวย์”
เชี่ย! ทำไมผมต้องมาทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ด้วยครับ มานั่งง้อเพื่อนตัวเท่าควาย
“มีงทำหน้าไม่พอใจ งั้นกูไม่หายโกรธมึง”
“กูเปล่านะ มึงจะเอาอะไรบอกกูมาเลย”
ส่วนสาเหตุที่ผมต้องมานั่งง้อไอ้เวย์เหรอครับ ก็มันโกรธเรื่องที่ผมไปถ่ายแบบกับพี่เพิร์ลแล้วไม่ยอมบอกมัน ปล่อยให้มันรู้พร้อมคนอื่น มันบอกว่าผมมีแฟนแล้วลืมเพื่อน ไอ้แทนกับไอ้เพียวก็โทรมาโหวกเหวกโวยวาย จนสุดท้ายลงเอยด้วยการนัดกินข้าวกันตอนเย็น
แต่คิดดูนะครับ ขนาดมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวแถวมหาลัย ยังมีคนมองผมแล้วซุบซิบเลย
พี่เพิร์ล!!! เอาชีวิตสงบสุขของผมคืนมาเลยไอ้เวย์กับน้องภามแทบจะนั่งโอบล้อม เป็นกำแพงมนุษย์ให้ผมอยู่แล้ว ส่วนน้องจีนก็นั่งหัวเราะอย่างเดียว
“พี่แอล โต๊ะนั้นเค้าหยิบมือถือมาถ่ายรูปพี่แอลด้วย” พอน้องจีนพูดที ไอ้น้องภามก็ขยับบังที
“โต๊ะนั้นมองพี่แอลแล้วซุบซิบกันใหญ่เลย” ไอ้เวย์หันไปถลึงตาใส่โต๊ะที่น้องจีนบอกทันที
“กลับมหาลัยเหอะ กูหมดอารมณ์จะแดกล่ะ ห่าเอ๊ย เดี๋ยวก็จ้อง เดี๋ยวก็ถ่ายรูป ไม่ได้อยู่ในสวนสัตว์นะมึง” ไอ้เวย์มันบ่นด้วยความรำคาญแล้วเรียกเก็บตังค์ทันที
ขนาดไอ้เวย์ยังอาการหนักขนาดนี้ ไม่อยากจะคิด...พี่เภาจะขนาดไหนวะเนี่ย
“พี่แอล ทำประกันชีวิตหรือยัง”
“ทำแล้ว ทำไมวะภาม”
“เผื่อโดนเฮียหึงโหด ฆ่าหมกพงหญ้า”
มึงให้กำลังใจกูมากครับ น้องภาม ถ้าจะพูดขนาดนี้ มึงโทรเรียกร่วมกตัญญูแล้วจองศาลาให้กูเลยก็ได้นะ
.
.
.
สรุปแล้ว...พอพี่เภาเห็นบิลบอร์ดของจริงก็อาละวาดกับพี่เพิร์ลยกใหญ่เลยครับ นั่นล่ะสาเหตุที่พอรับสายพี่เพิร์ล แล้วพี่เภารีบบึ่งไปหาพี่เพิร์ลถึงออฟฟิศ เคลียร์กันอยู่นานว่าบิลบอร์ดมีสัญญากี่เดือน ก่อนจะจบลงด้วยการที่พี่เภาฮึดฮัดหัวฟัดหัวเหวี่ยงตลอดวัน
เรามานั่งโจ้เหล้ากันที่ร้านประจำ แถวราชดำริ มากันครบคณะเจ็ดชีวิต และพ่วงน้องมาอีกสองคน พี่เภามันบ่นเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่มารับผมที่คณะ สายตานี่แทบจะจับทุกคนที่มองผมแช่แข็ง
พอมาถึงร้าน ผมก็เดินเข้ามาในสภาพที่พี่เภากับภามประกบซ้ายขวา ไอ้เวย์กับน้องจีนเดินนำ ไอ้แทนกับไอ้เพียวประกบหลัง ส่วนพี่จอมกับพี่เชนนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว
แหม...ถ้ามีพรมแดงมาปู ผมจะนึกว่าตัวเองเป็นดาราฮอลลีวู้ดเลยนะเนี่ย บอดี้การ์ดแม่งเยอะเกิน เด่นกว่าเดิมเลยครับ คนในร้านมันคงนึกว่าลูกเจ้าพ่อที่ไหนมากิน
ปกติผู้ชายเก้าคนก็เป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว วันนี้เป้าสายตามารวมที่ผมคนเดียวเลย เอาเลยครับ...มองผมให้พรุนเลยนะ เดี๋ยวพ่อก็เก็บค่าเข้าชมซะหรอก
พอนั่งลงปุ๊บ พวกผมก็สั่งข้าวมารองท้องกันก่อนเลยครับ เพราะยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันมาเลย น้องจีนก็ยกมือไหว้พวกพี่ๆรอบวง ส่วนน้องภามก็ทักแค่ไอ้เพียวกับไอ้แทน เพราะมันรู้จักพี่เชนกับพี่จอมอยู่แล้วครับ
“ไม่เจอนานเลยนะมึง ยังซ่าอยู่หรือเปล่าวะภาม” พี่เชนมันถามครับ แต่คนตอบดันเป็นพี่เภา
“เดี๋ยวนี้แม่งเปรี้ยวกว่าเดิมอีก ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจนม๊ากูปวดหัวอยู่เนี่ย”
“อื้อหือ...มึงจะเจริญรอยตามพี่ชายหรือไงวะภาม”
ผมหรี่ตามองจำเลยทันทีครับ พอรู้อยู่หรอกว่าเมื่อก่อนมันเป็นคนยังไง แต่นั่นก็เป็นอดีต จะไปแก้ไขอะไรก็คงไม่ได้ ดูว่าทุกวันนี้มันทำตัวยังไงดีกว่า
“กูเลิกแล้วเหอะ...มีคนเดียว”พูดเฉยๆผมก็เชื่อแล้ว มันจะมาโอบทำไมวะเนี่ย
ส่วนคนอื่นถึงแม้จะเพิ่งเคยเจอน้องจีน แต่ก็เหมือนรู้จักกันมาก่อนแล้ว ผมหลิ่วตาให้ไอ้แทนกับไอ้เพียวเป็นเชิงรู้กัน มันสองคนก็มองน้องจีนสลับกับไอ้เวย์แล้วหัวเราะเบาๆ
“โทษนะครับ พอดีโต๊ะตรงนู้นฝากมาให้ครับ” เด็กเสิร์ฟเดินมายื่นกระดาษแผ่นเล็กที่พับทบกันอยู่ให้ผม
ผมมองโต๊ะนั้นที่น้องเค้าว่า มีผู้ชายนั่งกันอยู่สี่คน หนึ่งในสี่ก็ชูแก้วเหล้าแล้วยิ้มให้ผม คุณชายมันตากระตุกเลยครับ ผมเลยส่งกระดาษที่เพิ่งได้มาให้ไป เพราะยังไงก็ไม่ได้ชอบอะไรอยู่แล้ว จะไปเปิดดูทำไม
พี่เภาทำยังไงเหรอครับ เปิดอ่านเสร็จก็กัดฟันกรอด พอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก็โยนกระดาษลงไปที่พื้น เอาเท้าขยี้จนเป็นซาก แล้วก็แสยะยิ้มให้โต๊ะนั้น เห็นพวกมันทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีครับ แต่ไอ้คนข้างตัวผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังนั่งลงกินต่อ
“มันขอเบอร์...”
พี่เชนกับพี่จอมก็แซวๆกันครับ ว่าพี่เภาคงลำบากน่าดู ปกติก็แทบจะต้องประกบผมอยู่แล้ว ส่วนไอ้แทนกับไอ้เพียว พอรู้เรื่องมันก็ไม่ปัญญาอ่อนเหมือนไอ้เวย์หรอกครับ มันบอกว่าสวยดี พวกมันสองคนยังไปถ่ายมาเลย แต่ก็ลงท้ายด้วยการสงสารพี่เภาเหมือนกัน
ไอ้เวย์มันบอกผมว่า มันไม่ได้ปัญญาอ่อนงอนผมหรอก มันก็แกล้งผมนั่นแหล่ะ เพราะผมอยากไม่บอกมันก่อนเอง สรุปคือ...วันนี้ผมง้อมันฟรีใช่ไหมครับเนี่ย
ผมนั่งกินแทบไม่สงบสุขเลยครับ ขนาดมีบอดี้การ์ดอยู่รอบตัว เดี๋ยวก็มีคนฝากกระดาษมากับเด็กเสิร์ฟ มีคนเลี้ยงเหล้าบ้าง จากที่ตอนแรกแค่ตากระตุก ตอนนี้พี่เภาเริ่มจะตีนกระตุกแล้วครับ
“ทำใจหว่ะเภา แฟนมึงแม่งเสน่ห์แรง” มันใช่เวลามาชมไหมเนี่ย พี่จอมครับ
“หยุดปล่อยฟีโรโมนได้แล้วมึง ตัวผู้รุมตอมใหญ่แล้ว” แทนครับ ไม่ช่วยเพื่อนก็อย่าซ้ำเติมครับ กูคนครับมึง
“พี่เภาๆ โต๊ะนั้นมันหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปพี่แอลด้วยอ่ะ” น้องจีน เดี๋ยวพี่สั่งไอ้เวย์ปิดปากเลยนิ่
นั่นไงล่ะ...คุณชายเขาหันขวับไปทางที่น้องจีนบอกเลย ไอ้นั่นแม่งก็โคตรพยายาม ขนาดในร้านมืดๆ ยังพยายามจะเอามือถือมาถ่ายรูปผมอีก
“เหี้ยเอ๊ย!! เดี๋ยวกูสั่งปลดบิลบอร์ดแม่งให้หมด”“กูว่า มึงเก็บคนของมึงไว้ในห้อง ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านง่ายกว่า” พี่เชนแนะนำอะไรของมันวะเนี่ย
“หรือจะทำตามที่ไอ้เชนมันบอกดี”
ผมส่ายหัวหงึกหงักเลยครับ เจ้าทุกข์ไม่อนุมัติครับพี่เภา
.
.
.