- STEP 41 -
เห๋...มีคนบอกว่าผมแกล้งเมาด้วยเหรอครับ?ใครแอบคาบข่าวมาบอกครับ??...ไอ้เวย์ ไอ้เพียว หรือว่าไอ้แทน?? ผมเมาจริงต่างหาก เชื่อผมนะครับทุกคน (แอบทำหน้าออดอ้อน แต่แววตาเจ้าเล่ห์ หึหึ)
เริ่มต้นเช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวาย มีหลายชีวิตที่เมื่อคืนเมาแอ๋แล้วเลยค้างบ้านพี่เภากันหมด สนับสนุนนโยบาย
‘เมาไม่ขับ กลับบ้านแดกต่อ’ ของรัฐบาลเวย์ แม้กระทั่งผม...ที่ล่วงหน้าเมา(?)ก่อนคนอื่น เลยตื่นมาแต่เช้า วันนี้ผมกับพี่เภามีเรียนบ่าย ผมเลยปล่อยพี่เภานอนหล่อต่อไป ส่วนตัวเองก็อาบน้ำ แล้วลากกระเป๋าที่พี่เภาจัดมาเปิด หยิบเอาชุดอยู่บ้านมาสวมก่อน เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนกลับเป็นชุดนักศึกษาตอนจะออกจากบ้าน พี่เภารอบคอบมาก ที่ยัดชุดนักศึกษาผมมาด้วย จะได้ไม่ต้องกลับไปที่คอนโดอีกรอบ ฉลาดจริงอะไรจริง
ก่อนจะออกจากห้องก็ถือวิสาสะสำรวจห้องนอนพี่เภา มาแนวที่ผมชอบอีกแล้วครับ สมกับที่เจ้าของห้องเรียนสถาปัตย์เลย สไตล์โมเดิร์น เน้นโทนขาวดำ ข้าวของส่วนตัวมีอยู่น้อยนิด เพราะส่วนมากอยู่ที่คอนโดเกือบหมด แอบเห็นรูปพี่เภาสมัยยังอยู่มัธยมปลายก็แทบขำก๊าก
แหม...ขนาดคนหล่อเทพก็ยังมีช่วงเกรียนเหมือนกัน
ขาสั้น หัวเกรียน เรียนร.ด....นิยามของนักเรียนชายวัยมัธยมปลายเกือบทุกคน ผมกลั้นเสียงหัวเราะ แล้วรีบเปิดประตูออกมาจากห้อง ก่อนที่พี่เภาจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหัวเราะของผม เห็นรูปที่พี่เภาใส่ชุดรด. ทำให้นึกถึงช่วงเดียวกันของตัวเองขึ้นมาทันที หฤโหดและหฤหรรษ์ ผู้ชายเกือบทุกคนต้องเคยผ่านครับ ชีวิตนักศึกษาวิชาทหาร และ...
เขาชนไก่!!...ปีสุดท้ายของชีวิตนักเรียนมัธยมปลาย...ก่อนถึงกำหนดไปเขาชนไก่สองวัน ผู้ชายหน้าตาดีสี่คน ใส่เครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเอกชนชายล้วน กำลังเดินหน้ามึนอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าละแวกโรงเรียน พยายามมองซ้ายมองขวา หลบเลี่ยงเร้นกายจากสายตาประชาชี โดยเฉพาะ...นักเรียนคอนแวนต์บ้านใกล้เรือนเคียง ก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าโซนอันตราย ที่ไม่เคยย่างกรายเข้ามา
สายตาสี่คู่มองสบตากัน ผู้ชายหัวเกรียนคนแรกหน้าแดงเล็กน้อย ขณะมองสิ่งของตรงหน้า ผู้ชายหัวเกรียนอีกคนทำหน้าปุเลี่ยน เหมือนเจอกะจั๊วะ ส่วนผู้ชายหัวเกรียนคนที่สาม...
“โมเดส โซฟี ลอรีเอะ...มันจะทำมาทำไมหลายยี่ห้อวะ ขนาดถุงยางยังมีแค่ดูเร็กซ์เลย แล้วไม่มีพนักงานมาแนะนำสินค้าเลยเหรอวะ” เอาเลยครับ...แหกปากให้เต็มที่เลยครับมึง ตะโกนให้โลกรู้ว่าไอ้สี่ตัวนี้มันจะมาซื้อผ้าอนามัยกัน
ป๊าบ!! ฝ่ามือสองอันกระทบกับหัวที่เกรียน เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจจากจ่าที่เขาชนไก่ จนคนที่กำลังยืนร่ายยี่ห้อผ้าอนามัย หน้าแทบทิ่มเข้าไปจูบกับกองผ้าอนามัย
“สัด!!...หน้ากูจะจูบผ้าอนามัยอยู่แล้ว มึงสองคนจะตบหัวกูเพื่อ? ไม่เอาผ้าอนามัยยัดปากกูเลยล่ะ”
“มึงพูดเสียงดังนี่หว่าห่าเวย์ พวกกูก็อายสิวะ” คุณชายเพียวเขาอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา
“มึงไม่เคยได้ยินเหรอเพียว อายครูบ่รู้วิชา อายภรรยาบ่มีบุตร อายตุ๊ดอดแดกถั่วดำ” เกรียนเวย์พูดหน้าระรื่น ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“เชี่ยนี่!! เดี๋ยวกูเรียกพวกนางฟ้าที่โรงเรียนมาให้มึงแดกถั่วดำเลยนี่” เกรียนแทนด่าเพื่อนด้วยความฉุน ร่ำๆอยากจะเอารองเท้าหนังฟาดปากเพื่อนเต็มแก่
“พวกมึงรีบเลือกเหอะ เดี๋ยวเด็กคอนแวนต์มาเจอ อนาคตกูจบสิ้นกันพอดี” ผมรีบเร่งพวกมัน แต่...
“ถ้าเจอเด็กคอนแวนต์ พวกกูจะบอกว่าพามึงมาซื้อ หน้าตามึงผ่านอยู่แล้วนี่แอล เดี๋ยวมึงถามวิธีใช้จากแคชเชียร์ด้วยเลยละกันนะ เพราะกูอ่านแล้ว...งงเหี้ยๆ!”
“แอล มึงหน้าตาดี มึงยืนเลือกแทนพวกกูละกันนะ” เกรียนเพียวมอบหมายหน้าที่ให้ผม เป็นหน่วยกล้าตาย
ผมไล่สายตาตามชั้น แหม...แพคเกจสวยงามดึงดูดนะครับ แต่...มามาก มาน้อย สำหรับกลางวัน สำหรับกลางคืน ยาวพิเศษ มีปีก ไม่มีปีก...นี่มันเชี่ยอะไรครับเนี่ย??
“เอายี่ห้ออะไรดีพวกมึง?” ผมถามพวกมันเป็นคำถามแรก
“เอาที่แพนเค้กโฆษณาละกัน”
“มามากหรือมาน้อยวะ?” ขอตัวช่วยได้ไหมครับ ไม่เข้าใจคำถามบนซองผ้าอนามัยเลยครับ
“เชี่ย กูไม่เคยมี จะรู้ไหมล่ะ แต่ถ้าเป็นลูกชายพวกกูนี่คงมามากหว่ะ ออกมาทีแทบทะลัก ของมึงเอามาน้อยไปใช้ละกันไอ้น้องแอล” เกรียนเวย์คิดแทนผมเสร็จสรรพ
“สัด! มึงรู้ได้ไงว่าลูกชายกูออกมาน้อย”
“พ่อแม่งยังตัวนิดเดียว จะมีลูกซักกี่ตัวเชียววะ” ไอ้เวย์ทำหน้าตาดูถูกและเหยียดหยามผม
ผมทำท่าจะโผเข้าหาไอ้เวย์ โดยที่ในมือยังมีห่อผ้าอนามัย ร้อนถึงไอ้แทนกับไอ้เพียวต้องมาจับแยก
“รีบเลือกให้เสร็จเถอะพวกมึง พวกกูอาย...”
โอเคครับ...เห็นแก่เพื่อนเพียวที่เป็นคุณชายขี้อาย(?) ผมจะไม่ถือสาหาความไอ้หล่อเลวเวย์ก็ได้ แต่...
“ทำไมต้องมีแบบกลางวันกับกลางคืนด้วยวะ?” ไม่เข้าใจครับ มันจะเยอะไปไหนเนี่ย ไอ้เวย์ชะโงกหน้ามาช่วยดูด้วยความหวังดี ก่อนจะออกความคิดเห็นบ้าง
“เออ แล้วทำไมมีความยาวหลายแบบวะ ไม่มีฟรีไซส์เหรอ”
“เอาแบบมีปีกไหมมึง”
“ไม่เอา เดี๋ยวมันบินหนี” ไอ้เวย์ตอบหน้าตาเฉยก่อนจะได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากผองเพื่อน
“เกรียน!!!”ป๊าบ!!...ฝ่ามือที่ตบลงมา ทำเอาผมสะดุ้งตื่นจากการระลึกอดีต แต่ยังกลั้นหัวเราะอยู่ จนไอ้เพื่อนรักที่ถูกขนาบข้างด้วยเด็กน้อยสองคนถามด้วยความสงสัย
“มึงเมากัญชาเหรอแอล กูเห็นมึงยืนหัวเราะขำเป็นบ้าอยู่คนเดียว หรือว่ามึงรุกพี่เภาสำเร็จแล้ว”
“เชี่ยเวย์! สัปดนแต่เช้าเลยนะมึง กูแค่เห็นรูปพี่เภาหัวเกรียน แล้วเผลอนึกถึงตอนสมัยพวกเราไปเขาชนไก่หว่ะ”
พูดถึงเขาชนไก่ ไอ้เวย์ทำหน้ารังเกียจนิดนึง แหม...ใครจะไม่เป็นครับ ช่วงเวลาทรหด นอนกลางดิน กินกลางทราย อันนั้นก็เว่อร์ไป ต้องไปอั้นขี้อั้นเยี่ยวกัน เพราะเหลือทนกับสภาพห้องน้ำ
“เขาชนไก่บ้านพ่อมึงมีอะไรน่าขำวะไอ้น้องแอล”
“เปล่า กูนึกถึงตอนพวกเราไปซื้อผ้าอนามัยไปยัดใส่คอมแบทเว้ย ไม่ได้นึกถึงตอนไปค่าย”
น้องจีนกับไอ้น้องภาม ที่ใกล้จะได้เวลาไปเขาชนไก่ทำหน้าสยดสยองขึ้นมาทันทีครับ พวกผมสี่คนเลยเดินเรียงกันไปที่โต๊ะอาหาร ไม่ต้องถามหาคนที่เหลือ แน่นอนว่าไม่มีใครตื่นมาตอนหกโมงครึ่งหรอก
“ถึงกับต้องเอาผ้าอนามัยยัดเลยเหรอพี่แอล” น้องจีนถามหน้าตาตื่น
“เออ พวกรุ่นพี่ที่โรงเรียนมันแนะนำมา บอกเวลาเดินจะได้นุ่มเท้า ตอนไปเลือกนี่อายชิบหาย ถ้าจะไปซื้อนะ คว้าแม็กซี่มาเลยนะ บางเฉียบ สลิม มีปีก ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องหนานุ่มอย่างเดียวเท่านั้น”
“ไอ้ภาม มึงทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองท้องผูกเลยนะ เพราะถ้ามึงไปปวดขี้ที่นู่น กูบอกเลยว่า...นรกชิบหาย!!” ไอ้เวย์ผู้มีประสบการณ์อันเลวร้ายกับห้องน้ำที่เขาชนไก่แนะนำ
ผมตอนนั้นก็ต้องหลับหูหลับตาเข้าไปฉี่เหมือนกันล่ะครับ ทั้งมืด ทั้งเหม็น ทั้งสกปรก นึกไม่ออก ให้นึกถึงห้องน้ำที่เมืองจีนไว้ก็ได้ครับ ยิ่งเข้าตอนกลางคืนยิ่งโคตรน่ากลัว จะไปเข้ากันทีต้องสะกิดเรียกเพื่อนฝูงกันให้วุ่นวาย ผมกับไอ้เวย์นี่ตัวติดกันเป็นบัดดี้เลย
ห้องน้ำที่ที่พักว่าแย่แล้ว ห้องน้ำตามสถานีฝึกนี่เหี้ยจริงอะไรจริงเลยครับ มันเป็นห้องน้ำกลางแจ้งครับ มีประตูกั้นเป็นคอกๆ แต่ไม่มีหลังคา แบบว่าเย้ยฟ้าท้าลมกันเลยทีเดียว เข้าไปก็เสียวตูดไป ผมนี่ต้องมีพวกไอ้เวย์คอยตามประกบไม่ให้คลาดสายตาตลอด ห้องน้ำยังขนาดนี้ เรื่องอาบน้ำไม่ต้องถามครับ อยู่ด้วยกัน ก็ดมเหงื่อ ดมขี้ไคลกันไปให้ชุ่มปอดเลยครับ
“กูกับมึงนี่แทบจะได้เสียกันที่เขาชนไก่เลยเนอะ”
“จริงเหรอแอล?” แหม...เสียงคุ้นนะครับ ตื่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่มือวางแปะอยู่บนไหล่ผมแล้ว
“เชื่อที่ไอ้เวย์พูด ก็เหี้ยแล้วพี่เภา”
.
.
พอเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ก็เป็นอันต้องยุติบทสนทนาเกี่ยวกับห้องน้ำ เพราะเดี๋ยวจะพาลกินข้าวเช้ากันไม่ลง ยิ่งฟังไอ้เวย์พรรณนาโวหาร ยิ่งแทบอ้วก ป่าป๊ากับม่าม๊านั่งที่โต๊ะอาหารรออยู่แล้ว พอเห็นไอ้เวย์ตื่นเช้าผิดปกติ ม่าม๊าก็ถามทันทีด้วยความสงสัย
“อ้าว...ทำไมรีบตื่นล่ะเวย์ ทุกทีต้องรอสายตะวันโด่งก่อนเลยนี่”
“โหย...อากิ๋มก็พูดเกินไป ปกติอยู่บ้านผมก็ตื่นเช้าเป็นประจำอยู่แล้วครับ”
ใครเชื่อมันบ้างครับ หน้าตาแม่งโคตรตอแหล ถ้าหน้าอย่างไอ้เวย์ตื่นเช้า คนทั้งประเทศคงตื่นมาขันแทนไก่กันหมดแล้วครับ น้องจีนกับน้องภามรีบกินข้าว เพราะต้องไปโรงเรียน ไม่ได้เหมือนผมกับพี่เภา ที่นั่งละเลียดข้าวต้มอย่างใจเย็น พี่เภายังใส่ชุดนอน หัวฟู หน้ายุ่งอยู่ซะด้วยซ้ำ
“กินเร็วๆ ไหนบอกจะไปส่งไง โรงเรียนเข้าเจ็ดโมงครึ่งนะ” น้องจีนหันมาเร่งไอ้เวย์
อ๋อ...ก็ว่าแล้วทำไมมันตื่นเช้า ที่แท้จะทำตัวเป็นรถโรงเรียน พาเด็กนักเรียนสองคนไปส่งนี่เอง ไอ้น้องภามเหล่ตามองไอ้เวย์อย่างรู้ทัน ก่อนจะแกล้งเปรยถามน้องจีนหน้าซื่อ
“เออจีน วันนี้ไอ้เต้มันจะมาหามึงอีกหรือเปล่า”
น้องจีนพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ ว่าแต่...ชื่อเต้นี่มันคุ้นดีนะครับ
“ชื่อคุ้นหว่ะ” ผมพึมพำ
“ก็ไอ้เชี่ยน้องเต้ ที่มาเข้าค่ายตอนตุลาคมไงมึง พอพลาดเป้าจากมึงก็หันมาหาไอ้จีน แม่ง...ไอ้หูดำเอ๊ย” ไอ้เวย์ตอบเสียงห้วน
แหม...ได้ข่าวเมื่อก่อนหูมึงก็ดำนะเวย์ โชคดีที่น้องจีนช่วยมาขัดหูให้ เลยขาวขึ้นมานิดนึง
“ตลกหรือเปล่า แค่นัดมาติวเนื้อหาที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกัน อย่ามาเยอะ”
“โรงเรียนแม่งก็ไม่ได้ใกล้กันเลย ถ่อมาหาได้ทุกวี่ทุกวัน แล้วเพื่อนที่โรงเรียนมันไม่มีใครให้ถามเหรอไงวะ อย่าให้ทนไม่ได้นะ” ไอ้เวย์สบถอีกสองสามคำ ก่อนจะรีบกินข้าวต้มจนหมด
ไอ้เวย์มันหันมายกมือไหว้ป่าป๊าม่าม๊า แล้วก็ลากน้องจีนเดินตัวปลิวไปเลย ร้อนถึงไอ้น้องภามต้องรีบกระดกน้ำเข้าปากจนแทบสำลัก แล้ววิ่งตามเพื่อนมันไปที่รถของไอ้เวย์ทันที เอาเหอะ...เดี๋ยวมันก็ไปเคลียร์ของมันเองนั่นแหล่ะ
ป่าป๊ากับม่าม๊าพี่เภา กินข้าวเช้าก็เตรียมตัวจะเข้าบริษัท แต่ก็ยังถามผมกับพี่เภาก่อน ว่ามีเรียนกันกี่โมง พอรู้ว่าเรียนบ่ายกันก็เลยไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกให้รีบออกหน่อย เพราะวันจันทร์นี่เหมือนกับเป็นวันรถติดแห่งชาติเลยครับ ถ้าไม่ออกเช้ามาก ก็ต้องออกสายนู่นเลย
“เสาร์นี้ ป๊าม๊าเคลียร์คิวให้ว่างด้วยนะ บอกเจ๊เพิร์ลด้วย” พี่เภาพูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาป่าป๊าม่าม๊าที่กำลังจะออกจากบ้านงงกันเลยทีเดียว
“ทำไม เภาจะพาป๊ากับม๊าไปเลี้ยงวันเกิดเหรอ”
“เปล่า ผมมีเล่นละครเวทีวันเสาร์นี้ตอนเย็น เดี๋ยวฝากบัตรมากับไอ้ภาม ป๊าม๊า...ไปดูกันด้วยนะ” พี่เภาตอบเสียงเรียบแต่...ทำไมหน้าแดงอ่ะ เขินเหรอคุณชาย หึหึ น่ารักหว่ะ
“เขินเหรอ?” ไม่ใช่ผมถามครับ ม่าม๊าเล่นโยนคำถามนี้ใส่หน้าพี่เภา จนพี่เภาแทบพ่นข้าวต้นทันที
“มั่วแล้ว ไปทำงานกันเลย ไปดูด้วยล่ะ”
เฮ้ย!...เขินจริงด้วยอ่ะ ความจริงเกือบทุกคนก็ต้องเคยมีประสบการณ์สมัยเด็กกันนะครับ ที่ต้องแสดงงานโรงเรียน แล้วมีพ่อแม่ไปดู ไม่รู้พี่เภาจะเขินไปทำไม เอาแต่นั่งเงียบ กินข้าวต้มไม่พูดไม่จา ผมก็นั่งมองเพลินสิ นานทีจะได้เห็นบางคนหลุดมาด พี่เภาไม่ได้อายอะไรหรอก คาดว่าคงเขินป่าป๊าม่าม๊ามากกว่า
“มองอะไรครับ?” ถามผมเหรอ
“มองคนเขินครับ หึหึ”
“แค่ก...แค่ก...อยากเขินบ้างไหมล่ะครับ”
ทำไมหัวเราะทีหลังต้องดังกว่าตลอดเลยวะ รีบก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มดีกว่าครับผม แต่...พี่เภาแม่งเล่นไม่เลิก
เอาเลยครับ...จ้องผมเข้าไปเลย จ้องให้พรุนไปเลยครับ ทำตาแพรวพราวอีก ดีนะที่ไม่ไปทำใส่คนอื่น ลองไปทำใส่คนอื่นดูสิ พ่อจิ้มตาบอดเลย
“แอลจะแต่งเข้าบ้านพี่เมื่อไหร่ดีครับ?”พรวดดดดดดดด!! ข้าวต้มพุ่งเลยกู.
.
วันจันทร์นี่รถติดขนานแท้ ผมกับพี่เภาออกจากบ้านกันตอนสิบเอ็ดโมง ส่วนไอ้เพียวกับไอ้แทน ตื่นมากินข้าวเสร็จก็รีบขอตัวกลับบ้านก่อน พี่เชนกับพี่จอมทำตัวประหนึ่งงเป็นบ้านตัวเอง เอาชุดนักศึกษาพี่เภามาใส่ และตอนผมออกมา ยังนั่งเอกเขนกดูทีวีกันสบายใจเฉิบอยู่เลย
“แอล วันนี้เลิกกี่โมง” แปบนะครับ...คนขับรถผมถาม
“หกโมงเย็น”
“ตลกเหอะ ตารางสอน เลิกสี่โมงไม่ใช่เหรอ” ไม่พูดเปล่า หยิบแผ่นกระดาษที่เหน็บอยู่ข้างบนมาโบกอีก ตารางสอนผมนั่นแหล่ะครับ แต่ผมไม่ได้เป็นคนเอามาไว้ในรถนะ มีคนถือวิสาสะปริ๊นท์แล้วเก็บเป็นสมบัติส่วนตัวต่างหาก
“เอ้า...รู้แล้วพี่เภาจะถามแอลทำไมอีก”
“กวนนะ เดี๋ยวปั๊ดขับเลยไปคอนโดเลย” มีขู่อีกครับมีขู่
“ไปทำอะไรอ่ะ ลืมของเหรอพี่เภา” ผมถามหน้าซื่อ
“ฮื่อ ลืม...” พี่เภารับมุกด้วยครับ “ลืมจัดการแฟนตัวเอง”
เออ! นั่งเงียบๆก็ได้วะ ว่าแต่กรุงเทพฯนี่มันจะรถติดเอารางวัลเหรอครับ ออกจากบ้านพี่เภามามหาวิทยาลัยนี่ ติดมันทุกแยก ทุกไฟแดง เลือกผมเป็นนายกสิครับ ผมจะใช้นโยบายวันคู่วันคี่ วันคู่ให้ขับได้เฉพาะทะเบียนที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ วันคี่ให้ขับได้เฉพาะทะเบียนที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ เจ๋งไหมล่ะครับ เพิ่งดูมาจากทีวีเมื่อเช้า นโยบายใกล้เคียงกับของผมครับ ของซักประเทศนี่แหล่ะ แต่ของเขาก็แค่...เกรียนน้อยกว่า ฮา...
“เย็นนี้เลิกแล้วไปหาพี่ที่คณะนะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ไปดูพี่ซ้อมไง แอลยังไม่เคยไปดูพี่เลยซักครั้ง เสาร์หน้านี้แสดงจริงแล้วนะ”
“อ้าว...ให้แอลไปดูได้ด้วยเหรอ”
ผมถามเล่นตัวไปยังงั้นแหล่ะ ถึงไม่สั่งผมก็ต้องไป ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรทำแล้วนี่ครับ เซอร์ไพรส์เรียบร้อย กะว่าจะไปนั่งดูพี่เภาซ้อมดีกว่า ยังไม่เคยไปดูเลยซักครั้ง ความจริงผมก็มีเหตุผลที่ไม่อยากไปเหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าผมทนไม่ได้ที่ต้องเห็นฉากเข้าพระเข้านาง หรือไม่อยากเห็นพี่เภาสวีทคนอื่น แต่...
ผมกลัวไปดู แล้วพี่เภาเขินผมจนไม่กล้าเล่นครับ!! หึหึ“ไม่ให้แฟนไปดู จะให้ใครที่ไหนไปดู”
“ไม่กลัวแฟนคลับหายเหรอ” ผมแกล้งแหย่พี่เภาเล่น รู้อยู่แล้ว ว่าพี่เภาเป็นคนยังไง
“แฟนคลับหายช่างมัน แต่ถ้าแฟนหายนี่เรื่องใหญ่” ไม่พูดเปล่า ยื่นมือมาบิดจมูกผมอีก
พี่เภามาถึงหน้าคณะตัวเองตอนก่อนเที่ยงเล็กน้อย จัดการหาที่จอดรถเสร็จสรรพ แล้วเราก็มากินข้าวที่โรงอาหารกันครับ มีคนบ้างประปราย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาหาโต๊ะว่างนาน ผมบังคับพี่เภาให้สั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เพราะความยากกินส่วนตัว แล้วตัวเองก็เดินไปซื้อข้าวมันไก่ สรุปแล้วผมเลยกินข้าวมันไก่ครึ่งนึง และก๋วยเตี๋ยวต้มยำอีกครึ่งนึง อีกครึ่งก็ให้พี่เภารับผิดชอบ แต่มีบ่นครับมีบ่น
“แหม...มีแฟนดีก็งี้เนอะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำก็ให้เรากินแต่เส้นกับถั่วงอก ข้าวมันไก่ก็เหลือแต่ข้าวให้”
“แอลหวังดีนะ เดี๋ยวพี่เภาต้องซ้อมละครเวทีอีก กินคาร์โบไฮเดรตจะได้สบายท้องไง”
พี่เภาแค่กระตุกยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร นั่งจัดการกับส่วนของตัวเองจนหมด เสร็จแล้วก็เดินมาส่งผมที่คณะ ผมเห็นเวลาเหลือเลยยอมให้เดินมาส่ง แต่ความจริงแล้วคือ...พี่เภาไม่ยอมให้ผมเดินมาคนเดียวต่างหาก ทุกทีที่ยอมเพราะมีไอ้เวย์ ก่อนจะไป ไม่วายหย่อนระเบิด...
“กินข้าวสบายท้อง แต่กินแอลแล้วสบายใจ”
“มันกินได้ซะที่ไหนล่ะ”
“เดี๋ยวกลับคอนโดแล้วกินให้ดู”
ม่ายยยยยยยยย!!! ไม่อยากรู้ ผมได้แต่โวยวายในใจ เพราะพี่เภาเดินยิ้มกริ่มกลับคณะตัวเองไปแล้ว เดี๋ยววันหลังทำกับข้าวจะแอบใส่ยาเสื่อม หรือที่ไหนเค้ามีขายยาบรรเทาอาการหื่นไหมครับ แต่อย่างพี่เภาแค่บรรเทาคงไม่พอครับ ต้องเป็นยาระงับความหื่นไปเลย เหอะเหอะ
.
.
ตกเย็น พอผมชวนไอ้เวย์กับนิหน่ามาดูซ้อมละครเวทีกัน นิหน่ามันก็กรีดร้องด้วยความเสียดายทันทีครับ เพราะมันติดธุระ ส่วนไอ้เวย์บอกว่าจะเดินมาส่งอย่างเดียว เพราะมันต้องไปรับลูกที่โรงเรียนสาธิต ตอนเดินมาเป็นเพื่อน ผมก็แกล้งกระแซะถามมันซักหน่อย...
“เคลียร์กับน้องจีนเรื่องน้องเต้เรียบร้อยแล้วเหรอมึง?” บอกแล้วว่า เรื่องชาวบ้าน คืองานของผม
“ยัง มึงจะช่วยเคลียร์เหรอไง” ไอ้เวย์ถามเสียงเครียด
ซักไซร้ไปมาได้ความว่า...น้องเต้มันจะเอนท์เข้าวิศวะเหมือนน้องจีนกับน้องภาม แล้วตอนจบค่ายก็มีแลกเบอร์แลกอีเมล์กันให้วุ่นวาย น้องเต้ก็เลยโทรมาหาน้องจีน ถามโจทย์บ้าง นัดติวบ้าง น้องจีนก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ บอกว่าน้องเต้มันเป็นเพื่อน แต่ไอ้เวย์นี่สิ...แทบจะลุกขึ้นมาเต้นแทงโก้
“มึงคิดมากไปหรือเปล่าเวย์ น้องมันรุ่นเดียวกัน มันก็ต้องมีขอคำแนะนำคำปรึกษากันบ้าง”
“เออ! กูคงคิดมากไปเอง แต่แม่งมาหาแฟนกูทุกเย็นเลย ทั้งที่โรงเรียนแม่งก็อยู่คนละทิศ”
“สรุปที่มึงรีบ นี่คือมึงจะรีบไปเฝ้าน้องจีน ที่นั่งติวกับน้องเต้อยู่”
ไอ้เวย์พยักหน้ารับแทนคำตอบ โอ๊ะ...น้องจีนนี่เสน่ห์แรงจริง ว่าแต่น้องเต้...สองเดือนก่อนยังจะจีบผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมมันเปลี่ยนง่ายจังวะ แต่น้องจีนมันก็น่ารักจริงนั่นแหล่ะ ตัวกระเปี๊ยก แลดูน่ารักน่าทะนุถนอม
“ยิ้มอะไรของมึงเนี่ย?” เชี่ยเวย์ หงุดหงิดแล้วพาลเพื่อน เดี๋ยวโดนโบกหรอกมึง
“กูคิดถึงน้องจีน แล้วยิ้มไม่ได้เหรอมึง” แกล้งยักคิ้วยั่วมันบ้าง
“สัด! คิดถึงแฟนกูแล้วยิ้มเนี่ยนะ เดี๋ยวกูจะบอกพี่เภาว่ามึงจะเล่นเลสเบี้ยนกับไอ้จีน”
“เชี่ยนี่! มึงไม่คิดว่ากูจะรุกน้องจีนบ้างเลยเหรอ”เปรี๊ยะ! ไอ้เวย์ดีดหน้าผากผม ก่อนจะปรายตามองผมอย่างเหยียดหยาม มันกวาดตามองขึ้นลงเหมือนกำลังพิจารณาอะไรซักอย่าง โคตรหยามกันอ่ะ ผมก็ลูกผู้ชายเหมือนกันนะครับ มีเหมือนมันทุกอย่าง แค่ขนาดต่างกัน...เอิ่ม...นิดหน่อยน่ะ
“ตัวสูงกว่าแฟนกูนิดเดียว ทำเปรี้ยวจะมารุกแฟนกูนะมึง เดี๋ยวกูบอกพี่เภา พรุ่งนี้มึงไม่ต้องมาเรียนแน่”
“ไอ้เชี่ย เดี๋ยวกูยุให้น้องจีนหันไปคบกับน้องเต้หรอกมึง”
“เคลียร์เรื่องมึงให้รอดก่อนเถอะ” ไอ้เวย์ตอบแล้วบุ้ยใบ้ไปทางห้องซ้อม ที่เห็นน้องหวานกำลังมุ่งหน้าไปหาพี่เภา
ผมไหวไหล่แบบไม่แคร์ หันมาตบบ่าให้กำลังใจไอ้เวย์
“มึงไปหาน้องจีนเหอะ ทางนี้เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“มึงอยู่ได้แน่นะ กูอยู่กับมึงก่อนก็ได้นะแอล” ไอ้เวย์ทำหน้าลังเล ถึงมันจะสันดานหมา ปากร้าย แต่มันโคตรรักเพื่อนเลยครับ
“เออ! กูจัดการของกูเองได้น่า มึงไปเถอะ เดี๋ยวน้องเต้คาบแฟนมึงไปแดกแล้วอย่ามาโทษกูนะ”
“งั้นกูไปละ มีอะไรก็โทรมาหากูละกัน”
ผมยืนมองแผ่นหลังไอ้เวย์ที่ห่างออกไป ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด รู้สึกข้างในกำลังโหวกเหวกโวยวายได้ที่เลย ผมวางมือลงที่ลูกบิดประตู เตรียมจะหมุนออก...
ผมไม่อยากเป็นนางร้ายในคราบนางเอกหรอก แต่ถ้าเป็นนางเอกในคราบนางร้ายล่ะก็...ไม่แน่ครับ!!
.
.
บรรยากาศในห้องซ้อมดูตึงเครียด เหมือนกำลังจะทะเลาะวิวาทกัน ผมมาถึงก็หามุมสงบ ก่อนจะนั่งแปะลงตรง
มุมห้อง พอพี่เภาหันมาเห็น ผมก็ยิ้มให้เล็กน้อย พี่เภาส่งยิ้มคืนกลับมา ก่อนจะหันไปหาพี่ที่เป็นผู้กำกับ ผมไม่ค่อยรู้จักใครในทีมงานละครเวทีหรอกครับ นี่มันเด็กสถาปัตย์หมดเลย ไอ้ผมมันเคยรู้จักคนนอกคณะที่ไหนกัน
“พวกพี่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับหวานนะ!!!” เสียงน้องหวานตะโกนขึ้นมา หน้าตาแดงก่ำ เหมือนพร้อมจะอาละวาดเต็มที่ผมขมวดคิ้ว รู้สึกว่าสถานการณ์จะไม่สู้ดีเท่าไหร่ เค้าคงไม่ได้กำลังซ้อมฉากบู๊กันอยู่หรอกครับ ดูยังไงนี่ก็กำลังเล่นจริง แสดงจริง ไม่ใช้สแตนด์อินท์ชัดๆ อยากจะเดินออกไปด้วยความเกรงใจเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก แต่พอขยับตัว ก็เหมือนพี่เภาจะรู้ทัน หันมาส่งสายตาปรามทันที ผมเลยต้องนั่งลงเหมือนเดิม
แต่ผมไม่ค่อยได้ยินที่ทีมงานคนอื่นพูดหรอกครับ เพราะเขาพูดกันด้วยระดับเสียงปกติ มีแต่น้องหวานที่เมื่อกี้ตะโกนขึ้นมา เลยได้ยินชัดเต็มสองหูเลย น้องหวานท่าทางโมโหมาก ยิ่งพอมองตามสายตาพี่เภา แล้วเห็นผมนั่งอยู่ด้วย ผมล่ะเสียวสันหลังวาบเลย ถ้าตาน้องหวานเป็นมีด ผมคงโดนเสียบตายคาที่แล้วล่ะครับ
เฮ้อ...ยังไม่ทันได้เคลียร์คดีเก่าที่ร้านพี่กานต์ ที่เอาผมไปพูดเสียหายจนพี่เภาเข้าใจผิดเลย วันนี้ดูท่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาอีกละ
นั่งดูอยู่ซักพัก น้องหวานก็วิ่งออกมาจากวงล้อม หยุดจ้องผมเขม็งเหมือนกับจะประกาศสงครามกัน ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป ผมนั่งเอ๋ออยู่ พี่เภาก็เดินเข้ามาหา หน้าตานี่คนละอารมณ์กับคนที่เพิ่งวิ่งออกไปเลย
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า แอลไปรอข้างนอกก็ได้นะ”
“อยู่เนี่ยแหล่ะ เดี๋ยวอีกห้านาที พี่ต้องไปซ้อมต่อแล้ว” พี่เภาถือโอกาสนั่งแหมะลงข้างผมทันที ดึงมือผมไปจับเล่น แบบไม่แคร์สายตาประชาชีอีกต่างหาก
ดูไว้นะครับ...หน้าตาแบบนี้ หล่อโคตรพ่อโคตรแม่แบบนี้ แม่งชอบผู้ชายด้วยกันครับ!! และผู้ชายคนนั้นก็คือผมเองครับ (สรุปจะพูดเพื่อ??)
“แล้วเมื่อกี้มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าพี่เภา”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เปลี่ยนตัวนางเอกเอง” พี่เภาบอกแล้วก็ยิ้มกว้าง
“อือ...ก็แค่นั้นเองเนอะ”
เอ๊ะ!!...เปลี่ยนตัวนางเอก นางเอกคือน้องหวาน แสดงว่า...
“เฮ้ย!! มันแค่นี้ที่ไหนล่ะพี่เภา แสดงว่าน้องหวานก็ไม่ได้เป็นนางเอกแล้วสิ”
“ฮื่อ”
“อ้าว...แล้วที่ซ้อมกันมาล่ะ ไม่แย่เหรอ วันเสาร์นี้ก็จะเล่นจริงแล้วนี่นา”
“ฮื่อ”
“เฮ้ย! อย่ากวนตีน ตอบมาเร็ว”
“ก็ไม่เป็นไรนิ่ ให้นิ่ม ดาวปีสามเล่นแทนอ่ะ เค้าเคยเล่นบทนี้มาแล้ว แต่ปีนี้มาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ นิ่มเค้าแม่นบทกว่าหวานอีก เชาว์มันเรียกละ พี่ไปซ้อมก่อนนะ”
ผมจะเรียกพี่เภาไว้ก็เรียกไม่ทัน เดินกลับไปซ้อมละครแล้ว แสดงว่าที่เมื่อกี้น้องหวานมองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่รู้เรื่องนะครับ ไอ้เรื่องเปลี่ยนนางเอกอะไรเนี่ย อย่าบอกนะ...ว่านี่คือข่าวดีที่พี่เภาบอก
ผมนั่งดูพี่เภาซ้อม พี่สต๊าฟก็ขยันเอาขนมนมเนยมาประเคนให้ แถมบางคนยังมานั่งคุยด้วยอีก ผมก็คุยด้วยเพลินเลยล่ะครับ นานทีถึงจะเหลือบตาไปดูเจ้าชายแฮมเล็ตบ้าง เจ้าชายแม่งอย่างเท่ห์อ่ะ ทำเป็นเขิน เหอะ...ไม่อยากจะพูด
“พวกพี่นะ ตื๊อมันตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ดีนะมันไม่ตกลงเล่นตอนปีห้า” พวกพี่ที่อยู่รุ่นเดียวกับพี่เภาเผาใหญ่เลยครับ
“เออ ปกติไอ้เภาแม่งไม่ค่อยยอมทำอะไรแบบนี้หรอก ปีนี้นึกว่ามันจะไม่ยอมเหมือนทุกทีซะอีก โชคดีนะที่มันยอมเล่นให้”
ผมนั่งกินน้ำจนปวดฉี่ เลยขอตัวพวกพี่เขาว่าจะไปห้องน้ำหน่อย ถ้าพี่เภาถามก็ฝากบอกด้วยละกัน ตอนแรกพวกพี่เขาจะตามมาเป็นเพื่อน ผมรีบปฏิเสธเลย ไม่ได้เด็กขนาดนั้นครับ อีกอย่าง ผมเป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย ไม่รู้จะกลัวอะไร พี่เขาเลยบอกให้ผมรีบไปรีบกลับ แต่ตอนจะออกจากห้อง ยังได้ยินพวกพี่เขาพึมพำ
“ถ้าไอ้เภารู้ว่ากูปล่อยแฟนมันไปคนเดียว มันเอากูตายพอดี”
“เอาน่าพี่...เดี๋ยวผมรีบไปรีบกลับ” ผมตบบ่าปลอบใจ
เวลาผ่านไปโคตรเร็วเลยครับ ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าละ ข้างนอกมืดเชียว มหาวิทยาลัยนี่ก็ไม่รู้จะประหยัดไฟไปไหน เปิดอยู่ไม่กี่ดวง เดินคลำอยู่ซักพักก็มาถึงห้องน้ำ จัดการปลดทุกข์อะไรเรียบร้อย พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องชะงัก ก่อนจะบอกเสียงเนือยด้วยความรำคาญ
“หลบหน่อย”- END STEP 41 -
๐ ฮิ้ว...ว เปลี่ยนนางเอกละครเวทีเรียบร้อย
๐ อาจจะเข็นเวย์จีนออกมาอีกซักตอน เดี๋ยวรอดูจังหวะก่อนนะคะ งานรุมมาก
๐ อาจจะมีเขียนตอนมัธยมด้วย น้องแอลตอนมัธยมร้ายนะ หึหึ
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกบวก ทุกเป็ด และทุกกำลังใจเลยนะคะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ
ถ้ามีคำผิดเดี๋ยวมาตามแก้ทีหลังนะคะ 